ReadyPlanet.com


โฉนดชุมชน เรื่องวิบัติที่ต้องคัดค้านอย่างถึงที่สุด


 

โฉนดชุมชน เรื่องวิบัติที่ต้องคัดค้านอย่างถึงที่สุด
 
ดร.โสภณ พรโชคชัย

         
การปล้นแผ่นดินที่เป็นสมบัติของคนไทยทั้งชาติเพื่อคน (อยาก) จน จำนวนหนึ่งและเพื่อการหาเสียงของนักการเมือง เป็นการสร้างความวิบัติแก่ชาติในระยะยาว แนวคิด "โฉนดชุมชน" นี้เป็นเรื่องวิบัติที่จะสร้างปัญหาอย่างใหญ่หลวงต่อประเทศชาติในอนาคตเปรียบเสมือนการออกโฉนดชนเผ่าแบบประเทศด้อยพัฒนาทั้งที่ประเทศไทยก็มีโฉนดที่ดินให้บุคคลและนิติบุคคลถือครองมานับร้อยปีอยู่แล้วและถือเป็นการแก้ปัญหาผิดจุดเป็นอย่างยิ่ง ผมจึงขออนุญาต มองต่างมุมเพื่อช่วยกันคิดและมองให้รอบคอบก่อน โฉนดชุมชนจะสร้างปัญหาให้กับประเทศชาติผมขอคัดค้านด้วยเหตุผลเป็นข้อ ๆ ดังต่อไปนี้:
          1.
ป่าเสื่อมโทรมนั้นไม่ควรให้ใครไปอ้างสิทธิ์เอาแผ่นดินของส่วนรวมไปครอบครองเป็นส่วนตัวอย่างเด็ดขาดจะอ้างความจนมาปล้นแผ่นดินไม่ได้ เราควรเอาป่าเสื่อมโทรมมาปลูกป่าในเชิงพาณิชย์เพื่ออนาคตของประเทศชาติในอีก 50-100 ปีข้างหน้าไม่ใช่กลายเป็น ของโจรมา แบ่งเค้กกันไปโดยคนที่อยู่ใกล้ ๆถ้าปลูกป่าแล้วมีคนบุกรุกหรือทุกวันนี้มีคนพยายามทำลายป่าสมบูรณ์ให้กลายเป็นป่าเสื่อมโทรม ก็ต้องป้องปรามไม่ใช่ ยกประโยชน์ให้จำเลยไปหรือกลับไปคิดให้คนบุกรุกดูแลป่า ซึ่งเท่ากับฝากปลาไว้กับแมว
          2.
คนจนในพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม ไม่ควรทำไร่-นาเพราะไม่มีระบบชลประทาน น้ำท่าก็ไม่สมบูรณ์ปกติคนชนบทส่วนมากก็มีรายได้จากเกษตรกรรมเป็นรองรายได้นอกภาคเกษตรกรรมเป็นหลักอยู่แล้ว การให้แต่ละครอบครัวครอบครองกันคนละ 5-30 ไร่ ขึ้นอยู่กับการจับจองตามอำเภอใจ คงเป็นสิ่งที่ไม่สมควร ทุกวันนี้ บ้านชนบทก็ไม่ค่อยได้ประกอบการอะไรมาก อยู่แต่เด็กและคนแก่เป็นจำนวนมาก และกลายเป็นเสมือนรีสอร์ทให้ญาติพี่น้องที่มาทำงานตามเมืองใหญ่ กลับไป ชาร์ตแบตฯเป็นครั้งคราวอยู่แล้ว
          3.
ถ้าคนในพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมไม่ค่อยมีรายได้และยากจน รัฐบาลก็ควรหาทางสร้างงานทางอื่นไม่ใช่ปล่อยให้ไปครอบครองที่ดินกันครอบครัวละมากบ้างน้อยบ้างซึ่งอาจเป็นงานในภาคอุตสาหกรรม ภาคบริการ และอื่น ๆจะสงวนให้พวกเขาอยู่ตามอัตภาพเช่นนี้ในสภาพที่ไม่เหมาะสมและเป็นการไม่ควรสาธารณูปโภค สาธารณูปการ เช่น โรงเรียนประถม สถานีอนามัยก็ต้องขยายออกไปอย่างไม่สิ้นสุด สิ้นเปลืองทรัพยากร เพราะคนใช้บริการก็น้อยสมมติให้ครอบครัวหนึ่งหาของป่าออกมาได้ 200 บาทต่อครัวเรือนและหากนับรวมค่ากินอยู่จากสิ่งที่หาได้ในป่าแล้ว เป็นเงินครัวเรือนละ 5,000 บาทหรือปีละ 60,000 บาท หากชุมชนชาวเขาหนึ่งมี 50 หลังคาเรือน ก็จะเป็นเงิน 3 ล้านบาทเชื่อว่าในปีหนึ่ง ๆ ความสูญเสียของป่าไม้เพื่อการยังชีพของพวกเขา คงมหาศาลกว่านี้หากจ้างให้พวกเขาอยู่เฉย ๆ ไม่ทำลายป่าคงเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมกว่านี้
          4.
กรณีชาวเขาที่มักนำมาอ้างว่าไม่ได้ทำลายป่าจากการปลูกไร่เลื่อนลอย (หมุนเวียน) นั้นคงเป็นชาวเขากลุ่มเล็ก ๆ แต่เดี๋ยวนี้ชาวเขามีมากมายป่าไม้คงไม่พอให้พวกเขาหาเลี้ยงชีพ คนชาวเขาจำนวนมากก็ทำงานในเมืองเช่นคนชนบททั่วไป ชาวเขาที่หาของป่า จับสัตว์ป่ามาขาย ควรหรือที่จะทำเช่นนี้และนี่หรือคือคนที่จะพิทักษ์ป่า บางทีการจ้างให้พวกเขอยู่เฉย ๆ ไม่ให้บุกรุกป่าและทำหน้าที่ช่วยรักษาป่า ยังดีกว่าปล่อยให้พวกเขาบุกรุกป่าเช่นนี้
          5.
กรณีป่าสงวนออกมาทับซ้อนกับที่ดินของผู้ที่ครอบครองไว้ก่อนก็เป็นปัญหาที่ไม่เหลือบ่ากว่าแรงที่จะแก้ไขจะถือมาเป็นข้ออ้างเพื่อสุมให้ดูมีปัญหามากมาย เพื่อจะได้ออกกฎหมายป่าชุมชนเป็นสิ่งที่ต้องทบทวน ถือเป็นเล่ห์เพทุบายที่ไม่ตรงไปตรงมาสำหรับคนที่อยู่ป่ามาก่อนประกาศเป็นเขตป่า รัฐบาลก็ยินดีออกเอกสารสิทธิ์ให้อยู่แล้วหรือสามารถต่อสู้เรียกร้องเพื่อความเป็นธรรมได้ แต่ผู้ที่มาบุกรุกภายหลังถือว่าเป็นผู้บุกรุก ไม่ควรให้อยู่หาไม่ใครต่อใครก็จะมาอ้างสิทธิ์ไม่สิ้นสุด
          6.
ผู้สนับสนุนเรื่องโฉนดชุมชน ยังอ้างว่า คนจนที่บุกรุกอยู่ในเมืองก็ควรจะได้รับโฉนดชุมชนเช่นกัน ทั้งที่ในความเป็นจริงผู้ที่อยู่อาศัยในชุมชนแออัดส่วนมาก ไม่ได้เป็นคนจนและโดยเฉพาะชุมชนประเภทบุกรุกอยู่ฟรีบนที่ดินของคนอื่นมา 2 ชั่วคนแล้วทำผิดกฎหมายและได้ประโยชน์มาโดยตลอดยังจะถือโอกาสจะอ้างสิทธิ์ให้มีโฉนดชุมชนอีกหรือในขณะที่ชาวบ้านทั่วไปที่ก่อร่างสร้างฐานะขึ้นมา ต้องไปซื้อบ้านชานเมืองไกล ๆตอนเช้าก็ออกจากบ้านตอนตีห้าเพื่อเลี่ยงรถติด กว่าจะกลับถึงบ้านก็สองทุ่มส่วนคนที่บุกรุกอยู่ใจกลางเมือง ยิ่งถ้าใกล้รถไฟฟ้า ยิ่งสบายใหญ่แถมรัฐบาลยังจะให้สิทธิ์อยู่ฟรีไปอีกไม่สิ้นสุดอย่างนี้คงไม่เป็นธรรมต่อคนส่วนใหญ่ของประเทศ
          7.
มีตัวอย่างชุมชนแออัดแห่งหนึ่งที่หลายฝ่ายที่ไม่รู้ก็ยกย่องว่าเป็นชุมชนที่ดีโดยรัฐบาลอนุญาตให้คนเหล่านี้ที่บุกรุกที่ดินของส่วนรวมอยู่ฟรีมา 2 ชั่วคนได้รับสิทธิเช่าอยู่แบบถูก ๆ แบบถูกกฎหมาย แถมจัดระเบียบบ้านให้ดูสวยงามมีสวนหย่อมน่ารัก แล้วสุดท้ายก็สรุปว่าชุมชนประเภทนี้ทำดี เป็นชุมชนพอเพียงทั้งที่นี่คือการ ปล้นสมบัติของชาติและส่วนรวมไปใช้เพื่อประโยชน์ของตนเอง
          8.
เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวกับองค์กรชุมชนบางคนถึงขนาดเขียนบทความสนับสนุนโฉนดชุมชนว่าชาวบ้านที่บุกรุกที่ดินของเอกชนควรได้รับโฉนดชุมชนบนที่ดินที่ตนบุกรุกอยู่โดยไม่รู้ว่าใครเป็นเจ้าของหรือเป็นที่ดินที่เป็นหนี้กับสถาบันการเงินต่าง ๆ นี่เป็น อาชญากรรมการปล้นการละเมิดสิทธิของผู้อื่นอย่างเห็นได้ชัด การปล้นไม่ใช่การทวงถามความเป็นธรรมจึงเป็นบาปหากมีโฉนดที่ดินในลักษณะนี้ก็เท่ากับสร้างอนาธิปไตยให้เกิดขึ้นบนแผ่นดินไทยแผ่นดินนี้ก็จะลุกเป็นไฟ ประเทศก็จะมีแต่ความวิบัติ บรรพบุรุษของเราตั้งแต่ระดับกษัตริย์ ข้าราชการ (ที่ดี) และประชาชนที่สละชีพเพื่อปกป้องแผ่นดินไทยก็คงต้องเสียใจกันขนานใหญ่แน่นอน การไปเบียดบังสมบัติของแผ่นดิน ที่หลวงมาเป็นของตนเองโดยถือว่าอยู่ใกล้ เหยียบย่ำเอาตามใจชอบ มันเป็นบาปที่ปฏิเสธไม่ได้และอาจเป็นเพราะเหตุนี้จึงไม่เป็นมงคลต่อชีวิต ทำมาค้าขายอะไรก็ไม่ขึ้นและยังอาจเป็นบาปติดตัวไปถึงลูกหลาน บาปมาหรือน้อยถ้าหลีกเลี่ยงได้ก็จะดีกว่าทำบาปต่อไป หรือถ้าได้ทำบาปไปแล้ว ก็ต้องรู้จักลด ละเลิก ไม่เช่นนั้น จะไม่พบกับบั้นปลายที่ดีงาม
          9.
กรณีบ้านสระพังต.บางเสาธง อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราชที่ชาวบ้านครอบครองที่ดิน 1,600 ไร่มาตั้งแต่ปี 2491 นั้น รัฐบาลก็ควรแก้ไขปัญหาเฉพาะที่นี้ไม่ใช่กลายเป็นต้นแบบการทำโฉนดชุมชนในบริเวณอื่นทำให้ปัญหายิ่งซับซ้อนไปใหญ่ทางราชการมีโฉนดตราครุฑ แต่ที่นี่มี โฉนดช้างดำถ้ามองให้ลึกซึ้งถือเป็นการท้าทายอำนาจรัฐซึ่งเป็นของประชาชนคนส่วนใหญ่ชอบกล ในหลายๆ กรณีเช่นนี้ รัฐบาลก็สามารถให้ชาวบ้านเช่าที่ดินได้ในระยะยาวพวกเขาจะได้เอาที่ดินไปจำนองหรือทำนิติกรรมต่าง ๆเช่นกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรได้ด้วย
          10.
ถ้าหน่วยงานของรัฐบางหน่วยจะเข้าไปช่วยเหลือ เช่น กรณีชาวบ้านบุกรุกป่าสงวนต.ศรีสะเกษ อ.นาน้อย จ.น่าน นั้น ไม่ควรไปเพียงสร้างผลงานและกลายเป็นการกึ่งรับรองสิทธิ์ของการบุกรุกไปเสีย เพราะการแก้ไขปัญหาในภายหลังจะทำได้ยากขึ้น แต่กรณีใดที่สมควรประชาชนได้เช่าให้ถูกต้องหรือให้หนังสือแสดงการครอบครอง ก็อาจเป็น สปก.4-01 ให้ได้เช่นกัน
          11.
ในบางกรณีถึงกับมีการอ้างอิงการแก้ปัญหาที่ดินชายฝั่งทะเลอันดามันภายหลังเกิดสึนามิ นั้น แต่เดิมชาวบ้านทั่วไปก็มีเอกสารสิทธิ์อยู่แล้วส่วนผู้บุกรุก ก็ควร พอเสียที ไม่ใช่ยังจะอ้างสิทธิ์ที่ไม่พึงได้ต่อไปอีกนอกจากนี้ยังมีข้อสังเกตเพิ่มเติมว่ากรณีสึนามิที่มีองค์กรต่าง ๆ โดยเฉพาะองค์กร NGO และองค์กรอาสาสมัครต่าง ๆ เข้าไปมากมายนั้น เชื่อว่างบประมาณที่ใส่เข้าไปอาจรวมเป็นนับพันนับหมื่นล้านไปแล้ว แต่ก็แทบไม่ได้เห็นโภคผลอะไรเป็นชิ้นเป็นอันและจนบัดนี้ก็ยังมีเรื่องให้ทำไม่มีวันจบสิ้น ประหนึ่งเป็นการ หากินกับสึนามิชอบกล
          12.
ในการแก้ไขปัญหานั้น ควรแก้เป็นจุด ๆไม่ใช่เหวี่ยงแหออกกฎหมายใช้ไปทั่ว ที่ไหนประชาชนไม่ได้รับความเป็นธรรมก็ต้องต่อสู้อย่างสันติ เช่น กรณียายไฮ ไม่ใช่เห็นนายทุนปล้นชาติ คน (อยาก) จนก็จะปล้นชาติบ้าง กรณีออกกฎหมายคลุมไปทั่วนั้นอาจเปิดช่องให้เกิดการทุจริตและประพฤติมิชอบได้ คล้ายกรณี สปก.4-01 ที่ถือโอกาสแจกที่ดินให้คนรวยไปด้วยหรือการออกกฎหมายโฉนดชุมชนนี้คือการปูทางสู่การปล้นแผ่นดินดังกล่าว
          13.
แม่น้ำหนองบึงในย่านชุมชน ก็ล้วนเป็นของส่วนรวม แต่ไม่ใช่ของชุมชนใดชุมชนหนึ่งเพราะถ้าเช่นนั้น ชุมชนอื่น ก็อาจไม่ได้รับสิทธิ์ในการใช้สอยด้วยกลายเป็นการสร้างปัญหามากกว่าการแก้ปัญหา ของหลวงหรือของส่วนรวมคือสมบัติของประชาชนทั้งประเทศ ไม่ใช่ให้ใครอยู่ใกล้ทรัพยากร ก็มือใครยาวสาวได้สาวเอา เราต้องคิดเสียใหม่ว่า ของที่ไม่ใช่ของเรา ไม่ควรถือครองไม่ว่าตนจะเป็นคนรวยหรือคนจน ของส่วนรวมของหลวงก็คือของที่ต้องรักษาไว้เพื่อทุกคน
          14.
การให้คนมีที่ดินเป็นของตนเอง ควรพ้นสมัยได้แล้ว มีที่ดีก็ไม่ใช่ว่าจะดีเสมอไปบางคนพอได้ที่ดินเป็นของตนเอง ก็เอาไปขายเพราะพวกเขาไม่เคยอาบเหงื่อต่างน้ำจนหาซื้อมาเองได้ แต่ได้จากการแจก พวกเขาจึงขาด Sense of Belonging จึงขายไป แสดงว่าเราไม่ควรแจกที่ดินให้ใครและการแจกที่ดินไม่ใช่ทางออกของปัญหา และขนาดที่ดินของตนเองยังรักษาไว้ไม่ได้โฉนดชุมชนก็คงหาคนรักษาได้ยาก อาจกลายเป็นที่รกร้างว่างเปล่าหรือหากเป็นกรณีผู้นำชุมชนที่ทุจริตในอนาคตก็อาจได้เห็นภาพที่เอาโฉนดชุมชนไปให้คนอื่นหรือนายทุนเช่าต่อไปก็ได้กลายเป็นที่ตั้งโรงสี โรงเลื่อยหรือโรงงานอะไรไป รายได้ก็เข้าทำนอง วัดครึ่งหนึ่งกรรมการครึ่งหนึ่งอย่างที่เห็นอยู่ทั่วไป
          15.
เมื่อ 50 ปีที่แล้วแทบไม่มีหมู่บ้านชาวเขาอยู่บนเขาเลย แต่เดี๋ยวนี้มีมากมาย บุกรุกกันเพิ่มแทบทุกวันทุกเดือน ทุกปี จึงคงเป็นไม่ได้ได้ที่จะให้ขยายตัวอย่างนี้ บางแห่งกลายเป็น อบต.กลายเป็นเมืองไปแล้ว อย่างนี้จะบอกว่าชาวเขาอยู่อย่างพอเพียงไม่ขยายตัวได้อย่างไรเราจึงควรจัดหาที่อยู่ให้ใหม่ ในเวียดนามเมื่อปลายเดือนกันยายน 2552 ก็อพยพย้ายคนนับแสน ๆ เพื่อหนีพายุ คนนับล้านที่อาจต้องย้ายออกจากป่าถ้าทำแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่ต้องรีบร้อนแบบหนีพายุ ก็น่าจะสามารถทำได้ เชื่อว่าในจีน ลาว เขมร เวียดนามหรือมาเลเซียเขาคงไม่ปล่อยให้มีการบุกรุกป่ากันตามอำเภอใจเช่นนี้อยู่ตลอดเวลาเราอาจต้องไปดูงานการจัดการป่าไม้ของประเทศเพื่อนบ้านมากกว่าไปดูงานที่ยุโรปและอเมริกาเสียแล้ว
          16.
ในการจัดการปัญหาของชาตินั้นทางราชการต้องดำเนินการโดยเด็ดขาดโดยไม่เลือกปฏิบัติจะย่อหย่อนจนปัญหาลุกลามเช่นนี้ต่อไปไม่ได้ คนที่รับราชการมาจนได้ดิบได้ดีใหญ่โตได้ลาภยศมากมาย แต่กลับปล่อยให้แผ่นดินไทยถูกปล้นชิงโดยเสมือนไร้ขื่อแปสมควรได้รับการประณามเป็นอย่างยิ่ง เราต้องปกครองกันโดยกฎหมายให้เคร่งครัดไม่ใช่ให้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย พวกมากลากไป เสียงดังไว้ก่อน หรือมือใครยาวสาวได้สาวเอา
          17.
ในประเทศสังคมนิยม ไม่ว่าจะเป็นรัสเซีย จีน เวียดนามเขาก็เลิกระบบนารวมกันไปแล้ว เรายังจะย้อนยุคไปถึงโฉนดชุมชนเสียอีกการแก้ไขปัญหาของชาตินั้น แน่นอน เราก็ควรฟังเสียงของผู้สูญเสียผลประโยชน์และหากเขาได้รับผลกระทบ ก็ต้องชดเชยกันให้เต็มที่ แต่จะฟังแต่คนเดือดร้อนโดยไม่นำพาประโยชน์ของคนส่วนใหญ่และประเทศชาติ ก็เท่ากับเรานำพาแต่กฎหมู่ในมาเลเซีย หากรัฐบาลมีโครงการพัฒนาใด ๆประชาชนมีสิทธิ์ที่จะไม่เห็นด้วยกับค่าทดแทนที่จ่ายให้เพราะเขาต้องการให้ประชาชนได้รับความเป็นธรรมแต่จะมาโหวกเหวกโวยวายไม่เห็นด้วยกับโครงการ ไมได้เด็ดขาด แต่ของไทยหากจะทำอะไรแต่ละที กลับไปถามแต่ผู้สูญเสียประโยชน์ส่วนน้อยอีกไม่ช้าประเทศไทยต้องด้อยกว่าเพื่อนบ้าน (ยกเว้นพม่า)อย่างแน่นอน 

         
ในท้ายสุดของบทความนี้ขอยกความเห็นของผู้อ่านบทความที่ผมก่อนหน้านี้ มาร่วมเผยแพร่ ว่า เลิกมันซะทีกับความหน้าด้าน ที่อ้างความยากจนบังหน้า หัดเคารพตนเองบ้างหัดเคารพตนเองที่ไม่โลภอยากจะได้ของๆใคร หัดเคารพตนเองที่จะไม่โลภ บุกยึดที่ป่ามาเป็นของตน
          -
คนที่เคารพตนเองนั้น ขนาดกล้วยไม้ในป่าก็ต้องไม่ไปเอามันออกมา ต้องปล่อยเอาไว้เยี่ยงนั้น
          -
คนที่เคารพตนเอง ต้องไม่ยิงแม่นกต้องไม่ยิงลิงหรือยิงหมียิงแม่เสือเพื่อที่จะเอาลูกของมันมาขาย
          -
คนที่เคารพตนเอง ต้องรังเกียจ การค้าสัตว์ป่า หรือแม้นกระทั่งการกินอาหารป่าไม่ว่าจะเอามาทำเป็นยาบ้าบอคอแตกอะไรทั้งสิ้น
          -
คนที่เคารพตนเองถ้าจะเอาต้นไม้ในป่ามาใช้ ก็ต้องเลือกเอาเฉพาะกิ่งที่มันหักโค่นเท่านั้นไม่ใช่ไปลักตัดต้นไม้ในป่า
          -
คนที่เคารพตนเองต้องไม่เผาป่าเพื่อบุกรุกหรือต้องไม่แผ้วถางป่าเพื่อบุกรุก
          ทุกคนสามารถที่จะเคารพตนเองได้ไม่ว่าเขาเหล่านั้นจะยากดีมีจนอย่างไร และพึงระลึกเสมอว่าความยากจนนั้นสามารถที่จะแก้ไขให้หายยากจนได้ ถ้าหากมีความพยายาม หมั่นเพียรไม่ตั้งในความประมาท นั่นคือไม่ตั้งอยู่ในสิ่งที่ผิดกฎหมายและผิดศีลธรรมไม่เคยมีคนขยันและเอาจริงที่อดตาย และที่สำคัญที่สุดต้องให้ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน ไม่มีข้อยกเว้นและต้องมีกฎหมายที่ควบคุมการผูกขาดและกฎหมายที่ควบคุมไม่ให้มีการถือครองที่ดินที่มากเกินไป นั่นคือระดับร้อยไร่มันก็น่าที่จะพอแล้ว
 


ผู้ตั้งกระทู้ sopon (sopon-at-thaiappraisal-dot-org) :: วันที่ลงประกาศ 2011-03-01 09:52:14


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (2157598)

ขออภัยมาผิดงานหรือเปล่า นี่มันเว็บไซต์นักกลอน คงไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวดังกล่าว

ผู้แสดงความคิดเห็น ชาวกลอน วันที่ตอบ 2011-03-02 06:08:35



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.