ReadyPlanet.com


ฤาเห็นกูโหดหืน มาดูแคลนกูกลใด ???


 



ในฐานะผู้ชาย อยากจะเตือน บรรดาสาวๆ ที่ชอบกลับบ้านค่ำๆ มืดๆ ให้ระวังจะเป็นอย่างพระนางมัทรีย์ ในเรื่องพระเวสสันดรชาดก


ครั้นเช้าก็หิ้วกรรเช้า
ชายป่าเต้าไปตามชาย
ลูกไม้บ่ทันงาย
จำงายราชอดยืน แม่ฮา
คิดใดคืนมาค่ำ
อยู่จรหล่ำต่อกลางคืน
ฤาเห็นกูโหดหืน
มาดูแคลนกูกลใด


มหาชาติคำหลวงกัณฑ์มัทรีย์

พระเวชสันดร บริภาษนางมัทรีย์ว่า ตอนเช้าก็หิ้วกระเช้า (กวีเล่นคำว่า เวลาเช้า และกระเช้า/กรรเช้า)

เดินไต่เต้าไปตามชายป่าเพื่อไปหาผู้ชาย (กวีเล่นคำว่า ชายป่า และผู้ชาย)

พระนางมัทรีย์ ไปเก็บ ลูกไม้/ผลไม้ เอามาให้พระเวชสันดร ไม่ทันเวลา งาย (เวลาสาย ซึ่งเป็นเวลาอาหาร)

พระเวชสันดรก็เลยเกิดความ จำงาย/ฉงาย (ฉงนฉงาย) และยืนรอพระนางมัทรีย์แบบอดอยาก "จำงายราชอดยืน แม่ฮา" (กวีเล่นคำว่า งาย และจำงาย)

พอพระนางมัทรีย์ กลับมาถึงอาศรม พระเวชสันดรเลยตวาดพระนางมัทรีย์ ว่า
คิดอะไรอยู่ ถึง กลับคืนมาตอนกลางคืน (กวีเล่นคำว่า กลับคืน และกลางคืน)

มัวอยู่เที่ยว จรหล่ำ เพลิดเพลิน (กับชู้) อยู่หรืออย่างไร วะ

ฤา (มึง) เห็นว่า กู มันไม่ดี (โหดหืน) ตรงไหน จึง มาดูแคลน กูด้วยการไปกับผู้ชายคนอื่นจนกลับมืดๆ ค่ำๆ

คำว่าโหด ในที่นี้ โบราณท่านแปลว่า ชั่ว เลว ไม่ดี ดัง คำว่า โหด ที่ปรากฎอยู่ใน โคลงโลกนิต ความว่า

คบกากาโหดให้......................เสียพงศ์
พาตระกูลเหมหงส์......................แหลกด้วย
คบคนชั่วจักปลง..............ความชอบ เสียนา
ตราบลูกหลานแหลนม้วย......ไม่ม้วนนินทา ฯ

คบกากาโหดให้....เสียพงศ์ไซร้ใครคบหา
พาพงศ์หงส์ลงมา....แหลกแหลวทรามตามกามัน
คบคนชั่วตัวต้อง.ผิดมัวหมองเผ่าพงศ์พลัน
ตราบลูกหลานดับขันธ์...ย่อมไม่พ้นคนแหนบแนม

โคลงโลกนิตบทนี้ ถอดความได้ว่า

การคบคนชั่ว (อีกา) ย่อมจะทำให้ชื่อเสียงแห่งวงศ์ตระกูล (เหมหงส์=หงส์ทอง) แปดเปื้อนไปด้วย

เพราะคนชั่วย่อมชวนกระทำแต่ ความชั่ว และย่อมจะ ปลิดปลง ความชอบธรรม ทิ้งเสียสิ้น

การคบคนชั่ว แล้วประพฤติชั่ว ตามคนชั่ว ย่อมส่งผลกระทบถึง ลูก หลาน เหลน โหลน ลื่อ ในภายภาคหน้า

ซ้ำต้องถูกติฉินนินทา ถูกพิพากษาจากสังคม ฉะนั้นสาธุชนทั้งหลายจงเลือกคบแต่คนดี ด้วยประการฉะนี้เถิด

ใครคือคนดี? คนดีดูได้อย่างไร?

คนดีก็คือ คนที่ไม่ทำความชั่ว ในที่ลับ และในที่แจ้ง

การจะตัดสินว่าใครดี หรือชั่ว ต้องใช้เวลาในการพิจารณาดังสุภาษิตที่ว่า

หนทางพิสูจน์ม้า การเวลาพิสูจน์คน

คนชั่วบางคนมาในมาดคนดี แต่ก็ใช่ว่าจะสังเกตุ ไมได้เสียทีเดียว

เสริมศักดิ์ เปลี่ยนภู่ ได้แสดงทรรศนะในการดูคนไว้ดังนี้

คนใจบาปบ่นพร่ำถ้อยธรรมะ
คนกักขฬะขับลำนำทำนองเสนาะ
คนโศกเศร้ากลั้นสะอื้นฝืนหัวเราะ
เพียงจำเพาะอำพรางสร้างภาพลักษณ์
ยากเสแสร้งทุกสิ่งสมจริงหมด
แต่ปรากฏเลศนัยให้ประจักษ์
ยิ่งกลบเกลื่อนเงื่อนงำทำเล่ห์นัก
ยิ่งประดักประเดิดเกิดพิรุธ


ขอเพียงเราคอยระวังช่างสังเกต
ค้นหาเหตุโยงผลจนที่สุด
ธรรมชาติธรรมดาของมานุษย์
ตอย่อมผุดทุกทีที่น้ำลด

จึงเกิดหลักสำหรับการจับเท็จ
กลเม็ดมุ่งข้อบริบท
แค่พบความเคลือบแคลงแย้งประพจน์
คำโป้ปดปลิ้นปล้อนซ่อนไม่มิด
ไหนจับแพะชนแกะแยกแยะออก
ไหนกลิ้งกลอกกลับคำทำปกปิด
ใช้ความรู้รอบด้านเอื้อการคิด
ทั้งแง่วิทย์แง่ศิลป์ถวิลครบ
หลอกได้แค่คนโง่ตามโอกาส
ไม่สามารถหลอกผู้รู้เจนจบ
ความรู้มีทั่วไปในพิภพ
อย่าเป็นกบใต้กะลาปัญญาเซอะ


วกกลับมาเรื่อง มหาชาติคำหลวงกัณฑ์มัทรีย์ คำว่า หืน แปลว่า เหม็น
โบราณราชกวี ใช้คำว่า โหดหืน ใน มหาชาติคำหลวงกัณฑ์มัทรีย์ นับว่าเป็นคำที่คมคาย มาก ๆ

จริงๆ แล้วในเนื้อเรื่อง พระเวชสันดรชาดกกัณฑ์มัทรีย์ พระนางมันทรีย์ ถูก รุกขเทวดาแปลงกายเป็นเสือโคร่ง เสือดาว และสิงโต นอนขวางทางอยู่ จึงทำให้กลับอาศรมช้ากว่ากำหนด

รุกขเทวดาทำอย่างนี้ก็เพื่อ ขัดขวางพระนางมัทรีย์ เพราะถ้าพระนางมัทรีย์กลับมาในจังหวะที่ ชูชกกำลังขอ กัณหา และชาลี กับพระเวชสันดร พระนางมัทรีย์ คงไม่ยอมให้ทั้งสองกุมารแก่ชูชก รุกขเทวดา จึงจำเป็นต้องแปลงกายเป็น เสือโคร่ง เสือดาว และสิงโต นอดกีดขวางทางกลับอาศรม เพื่อที่จะให้พระเวชสันดร ได้บำเพ็ญมหาทานชาติสุดท้าย เพื่อที่จะเป็นพระพุทธเจ้าใน ชาติต่อไป

พระนางมัทรีย์ กลับบ้านอรศรมช้า เลยโดนสามีด่า แถมลูกก็หายไปแล้ว น่าสงสารจริงๆ

ในปัจจุบัน จะพบว่า ชายและหญิง ที่กลับบ้านดึก ก็คล้ายๆ กรณีที่พระนางมัทรีย์ ถูกเสือโคร่ง เสือดาว และสิงโต มาขวางทางกลับบ้าน แต่เสือโคร่ง เสือดาว และสิงโต ในสังคมปัจจุบันนี้ น่าจะเป็นพญามาร จำแลง มากกว่า เสือโคร่ง เสือดาว และสิงโต ในปัจจุบันนี้ก็คือ

1. ส. เสน่หา
2. ส. สหาย
3. ส. เสพสุข



เวลาที่ใครก็ตามเจอ เสือสหาย เสือเสน่หา สิงโตเสพสุข มากีดขวาง มโนสำนึก ย่อมที่จะต้องกลับบ้านช้า กันทุกทีไป


ผู้เขียนขอเตือนท่านผู้อ่านว่า โดยเฉพาะผู้หญิง ว่าอย่ากลับบ้านดึกแบบพระนางมัทรีย์ ก็แล้วกัน เพราะนอกจากจะโดนผัวด่าแล้ว บางทีลูกก็อาจจะตายจาก หรือโดนยกให้คนอื่นไปแล้วก็ได้

 

http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=tao




ผู้ตั้งกระทู้ กวินทรากร :: วันที่ลงประกาศ 2008-02-10 14:15:13


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (954071)

 

เขียนได้ดี เข้าใจเปรียบคล้ายๆ ตั้งใจจะสอนหญิง หากอ่านแล้วคิดได้เป็นสิ่งดี

ผู้แสดงความคิดเห็น แวะมาอ่าน วันที่ตอบ 2008-02-10 14:19:59


ความคิดเห็นที่ 2 (954443)

เสือสหาย กรายมา คบหาเสือ

เสือเสน่หา พาเอื้อ ความอ่อนหวาน

สิงโตเสพ-สุข จ้อง มองอยู่นาน

ตระครุบมาน มัดใจ เผลอไผลตาม

สาม ส เสือ เมื่อคบ สยบเสือ

มิรู้เบื่อ แน่หนอ ทั้ง ส สาม

กลับมาโทษ โหดหืน เพราะหื่นกาม

ไม่รู้ห้าม ปรามใจ ภัยถึงตัว !

ผู้แสดงความคิดเห็น ทิน บางเที่ยง วันที่ตอบ 2008-02-11 04:51:23


ความคิดเห็นที่ 3 (954503)

อยู่บนหลังเสือ ลงยากครับ

ขอบคุณสำหรับกลอนดีๆครับ  คุณ ทิน บางเที่ยง

ผู้แสดงความคิดเห็น กวิน วันที่ตอบ 2008-02-11 08:43:57


ความคิดเห็นที่ 4 (954530)

เยี่ยมมาก

ตามชมผลงานอยู่ครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น เทาแดง วันที่ตอบ 2008-02-11 09:38:31


ความคิดเห็นที่ 5 (954651)

ขอบคุณครับ เทาแดง นานๆเขียนที

ผู้แสดงความคิดเห็น กวิน วันที่ตอบ 2008-02-11 12:07:28


ความคิดเห็นที่ 6 (955901)

มาอ่านค่ะ...

คุณกวินฯขา
พระนางมัทรี...บ่มี ย การันต์มังคะ?

ถ้าชื่อมัทรียา...น่าจะเป็นการสนธิระหว่างคำว่ามัททะ กับอริยะ มังคะ
ถ้าเป็นอักษรธรรมบาลี ชื่อมัทรีจะแผลงเป็นมัทที ค่ะ...น่าจะมีรากศัพท์คำเดียวกับมัทธวะ ที่แปลว่าอ่อนน้อมถ่อมตนกระมัง?


น่าแปลกที่ในมหาชาติคำหลวงเวอร์ชั่นล้านนาไม่ยักกะมีบทที่คุณกวินฯยกมาข้างบน...

ครั้นเช้าก็หิ้วกรรเช้า

ชายป่าเต้าไปตามชาย
ลูกไม้บ่ทันงาย
จำงายราชอดยืน แม่ฮา

แต่ในฉบับนี้กลับมีการใช้คำในภาษาล้านนาแฮะ...
อ่านเวอร์ชั่นล้านนาได้ที่ลิงก์นี้ค่ะ


http://www.olddreamz.com/alldreamz/vessandhara/ves9.html

จากคุณ แม่ไก่

 

สวัสดีคะ...อ่านแล้วทำให้นึกขึ้นได้ต้องรีบกลับบ้านเฮ้าแล้วละ...กลัวจัง 3 ส.
1. ส. เสน่หา

2. ส. สหาย
3. ส. เสพสุข

แต่ที่บ่อกลัวเลยคือ ส.สุข อยากรับทุกวันเลย...จริงๆแล้วนางไปทำอะไรกันแน่คะ..

จาก คุณ มุกสีทอง

 

ตอบ คุณแม่ไก่

สวัสดีครับ คุณแม่ไก่ มหาชาติ คำหลวง ที่ยกมาเป็น ฉบับหลวงครับ มหาชาติ มีหลายสำนวนครับ เพราะเป็นวรรณคดียอดนิยมมีแต่งกันหลายภาคหลายสำนวน ผมอ่านเจอสมัย น่าจะช่วงประถม แน่ะครับ เพราะที่บ้านมีหนังสือเรียนเก่าๆ ของ ญาติๆ อ่านแล้วไม่เข้าใจแต่ท่องจำได้ พอโตขึ้นก็เลยได้มีโอกาสหยิบขึ้นมาใช้ ขอบคุณสำหรับลิงค์ วรรณคดีครับ

คำว่า มัทรี,มัทที ผู้เขียนเข้าใจว่า น่าจะมีรากศัพท์ (root) มาจากคำว่า

มทะ [มะทะ] . ความเมา; นํ้ามันช้างที่ตกมัน; สภาพช้างที่ตกมัน. (., .).
เมท, เมโท น. มันข้น. (
.).

หรือไม่ก็


มัทนะ ๑ [มัดทะนะ] . การยํ่ายี, การบด, การทําลาย. (. มทฺทน; . มรฺทน).
มัทนะ ๒ [มัดทะนะ] . กามเทพ. (., . มทน
).

ตามที่ คุณแม่ไก่ สันนัษฐาน (conjecture) คำว่า มัทรีย์ (ที่ผู้เขียนจงใจเขียนผิด) ว่าน่าจะมาจากคำว่า มัทท+อริย

ส่วนตัวผู้เขียนคิดว่า พระอริยะ ท่านไม่มี มัทท ความเมา มัทนะ ความรัก ดอกนะครับ

มท/มัทท และ มัทร น่าจะคล้ายๆ อินท แผลงเป็น อินทร

ตามหลักบาลีไวยากรณ์

มัทร/มท/มัทท เป็น ปุงลึงค์
มัทรี/มที/มัทที เป็น อิตถีลึงค์

โดยบริบทแล้ว คำว่า มัทรี/มที/มัทที น่าจะหมาย ถึง ลูกสาวผู้เป็นที่รัก เป็นที่มัวเมาห่วงหาอาทรของ บิดามารดา
มัทรี ถูกต้องแล้ว แต่ผู้เขียน ใช้คำว่า มัทรีย์ เพื่อจะสื่อนัยะเชิงลึกถึงใครบางคนครับ คุณแม่ไก่
ขอบคุณนะครับ

 

ตอบ คุณ มุกสีทอง

พระนางมัทรี ไม่ได้ไปทำอะไรไม่ดีดอกครับ พระเวชสันดร ก็รู้นิสัยพระนางมัทรี ดี แต่ที่บริภาษด่าทอ พระนางมัทรี อาจเป็น กโลบาย อย่างหนึ่งน่ะครับ เพราะถ้าไม่ชิง บริภาษพระนางมัทรี เสียก่อน ก็ต้องโดน พระนางมัทรี บริภาษ เรื่องยกลูกให้คนอื่น เป็นแน่แท้

และเมื่อ พระเวชสันดร ชิงบริภาษ ในเชิงตั้งคำต่อพระนางมัทรีว่า กลับดึกไปเพราะกะชู้? พระนางมัทรี ก็ย่อมเกิดอาการ กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ซ้ำต้องเท้าความเรื่องกลับอาศรม ดึกดื่นก็เพราะมี เสือดาว เสือโคร่ง และสิงห์โต นอนกีดขวางทางอยู่

ต้องแก้ต่างทั้งที่ไม่ได้มีความผิด ...
พอๆ กับชูชกที่ต้องใช้โวหาร ชักแม่น้ำทั้งห้าสาย ในประเทศอินเดีย (แม่น้ำทั้งห้า
สายในอินเดีย ได้แก่ คงคา ยมุนา อจิรวดี สรภู และ มหิ) มาเปรียบว่าน้ำพระทัยของพระเวชสันดรประดุจดั่ง แม่น้ำทั้งห้าสายของประเทศอินเดีย แผ่สาขาเป็นประโยชน์แก่ฝูงชนฉันใด น้ำพระทัยของพระเวสสันดรก็ฉันนั้น

สำนวน
"ชักแม่น้ำทั้งห้า"
หมายความว่า การพูดหรือการขอร้อง ที่ไม่ได้พูดไม่ขอตรง ๆ เฝ้าแต่เพียรพูด วกวน พูดเรื่องอื่นๆ หว่านล้อมเสียก่อน จนผู้ฟังคล้อยตาม แล้วจึงโจมตีตรงจุด มีมูลเหตุ มาจากมหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์กุมาร ครั้งเมื่อชูชกจะกล่าวขอสองกุมารจากพระเวสสันดร ก็ไม่ทูลขอตรง ๆ เช่นว่ามาข้างต้น

วกกลับมาเรื่องพระนางมัทรี ที่ต้องต้องแก้ต่างให้ตนเอง ทั้งที่ไม่ได้มีความผิด และพระนางมัทรี อาจรู้สึกว่าเป็นเพราะพระนางกลับอาศรมล่าช้าเอง ลูกทั้งสองจึงถูกยกให้กับคนอื่น ในที่สุดพระนางมัทรี ก็เป็นลมหมดสติลงเมื่อทราบว่าลูกทั้งสอง ถูกยกให้กับชูชก เสียแล้ว

ผู้แสดงความคิดเห็น กวิน วันที่ตอบ 2008-02-12 20:00:03


ความคิดเห็นที่ 7 (955964)

อยู่คนเดียวโดดเดี่ยวมิเปรี่ยวจิต

ไม่เคยคิดเปรี่ยวใจสบายปรือ

ฉันจะแกร่งเก่งไกลให้ระบือ

จะยึดถือต้องหยิ่งคือหญิงไทย

ผู้แสดงความคิดเห็น เขปแสงใต้ วันที่ตอบ 2008-02-12 20:49:52


ความคิดเห็นที่ 8 (957564)
สวัสดีครับ คุณเขปแสงใต้
ผู้แสดงความคิดเห็น กวิน วันที่ตอบ 2008-02-14 14:01:16


ความคิดเห็นที่ 9 (957693)

สวัสดีครับคุณกวิน   มีอะไรช่วยแนะนำนะครับ

กำลังหัด เรียกว่ามือใหม่หัดขับ ครับ

เห็นอะไรที่กลอนผมผิด กำชับแนะนำด้วย นึกว่าเป็นศิษย์ ก็แล้วกันครับ

ขอบคุณมากครับที่ทักทาย

ผู้แสดงความคิดเห็น เขปแสงใต้ วันที่ตอบ 2008-02-14 16:04:52


ความคิดเห็นที่ 10 (958239)

อยู่คนเดียวเดี่ยวโดดลิงโลดจิต

ไม่เคยคิดเปรี่ยวใจสบายบรื๋อ

ฉันต้องแกร่งเก่งไกลให้ระบือ

จะยึดถือความหยิ่งคือหญิงไทย

ลองจัดเรียงวากยสัมพันธ์ ให้ใหม่ (แลกเปลี่ยน สำนวน แลกเปลี่ยนทรรศนะ)

กลอนบทสั้นๆ ที่คุณเขปแต่งนี้ถือเป็น วรรค ทองได้เลยนะครับสั้นๆ ได้ใจความ กินใจด้วย แต่งแนวนี้มากๆนะครับ มีประโยชน์ๆๆๆ

ผู้แสดงความคิดเห็น กวิน วันที่ตอบ 2008-02-15 08:58:58


ความคิดเห็นที่ 11 (1757358)

ผมต้องการตั้งชื่อลูกสาวผมว่า กัสรียา แต่ยังไม่ทราบความหมายช่วยผมหาความหมายได้ไหมครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น jan_kan_1@hotmail.com วันที่ตอบ 2008-05-28 07:27:04



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.