หน้าหลัก | ข้อมูลสมาคม | บทความ | บทร้อยกรอง | ข่าวสารประชาสัมพันธ์ | กิจกรรม | กระทู้ | หนังสือ | ร้อยกรองออนไลน์ |
ขอนไม้กับเรือ : สมุทรโฆษคำฉันท์: โอฆสงสาร | |
เพลง / Title เนื้อเพลง: ขอนไม้กับเรือ โดดเดี่ยวเดียวดายในท้องเล เพลงขอนไม้กับเรือ ขอนไม้และเรือในเพลง เป็นสัญลักษณ์ (SYMBOL) ในเชิงวรรณศิลป์ พื้นดิน เป็นสัญลักษณ์ของ ปลายทางคือความสุข
สมุทรโฆษคำฉันท์ เป็นวรรณคดีที่ใช้ระยะเวลาการแต่งยาวนาน เริ่มจากสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนกลางจนกระทั่งถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น โดยกวีผู้แต่งท่านแรก คือ พระมหาราชครูได้นำเอานิทานชาดกเรื่องสมุทรโฆษจากปัญญาสชาดกมาแต่งเป็นคำฉันท์ เพื่อใช้เล่นหนังใหญ่ในงานเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนารายณ์มหาราชครบ ๒๕ พรรษา แต่แต่งไม่ทันจบก็ถึงแก่อนิจกรรมเสียก่อน ต่อมาสมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงเสียดายที่จะปล่อยเรื่องให้ทิ้งค้างไว้ จึงทรงพระราชนิพนธ์เรื่องต่อ แต่ทรงแต่งยังมิทันจบก็เสด็จสวรรคต ครั้นถึงสมัยรัชกาลที่ ๓ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรสจึงทรงแต่งต่อจนจบบริบูรณ์ โดยมุมานหฤทัย อดสูดูกษัย กวีฤๅแล้งแหล่งสยาม ในชาติก่อนพระสมุทรโฆษได้เป็นกษัตริย์ พระนางพินทุมดีได้เป็นพระมเหสีพากันเสด็จลงสรงน้ำในแม่น้ำในฤดูร้อน ครั้นเห็นสามเณรรูปหนึ่งพายเรือเล็กเลียบมาตามริมฝั่ง กษัตริย์ทั้งสองใคร่จะล้อสามเณรเล่นก็เอาพระหัตถ์กระแทกน้ำให้เป็นคลื่นไปยังเรือสามเณรน้อยนั้นจนเรือล่มลง ทำให้พ่อสามเณรน้อยลอยคอร้องให้อยู่ในน้ำ ฝ่ายกษัตริย์ทั้งสองเห็นดังนั้นก็สงสาร จึงพาพ่อสามเณรนั้นขึ้นพักบนบกแล้วกู้เรือให้ บาปที่สองกษัตริย์ทำด้วยความคะนองนั้น บันดาลให้ทั้งสองพระองค์ต้องว่ายน้ำตรากตรำอยู่ในทะเลถึง 500 ชาติ พระสมุทรโฆษทรงมีพระชายาพระนามว่า นางสุรสุดา (เมียคนที่ 1) แต่พอได้ยินกิตติศัพท์ของนางพินทุมดี ก็เลยหาอุบายหลอกเมียว่าจะไป ประพาสป่า ตัวอย่าง - สำนวนของพระมหาราชครู ตอนพราหมณ์ยอโฉมนางพินทุมดีให้พระสมุทรโฆษฟัง เจ้านั้นมีโฉมคือจะประโลม ทั้งแหล่งหล้าและฟ้าดิน พระสมุทรโฆษได้ลาพระบิดามารดาไปประพาสป่า เพื่อคล้องช้างขณะที่พระสมุทรประทับใต้ต้นโพธิ์แล้วบรรทมหลับไป เทพารักษ์ทรงพระเมตตาอุ้มไปสมนางพินทุมดี (เมียคนที่ 2) จวนสว่างจึงพากลับไปยังที่เดิม ทั้งสองพระองค์ทรงครวญถึงกัน ท้าวสีหนรคุปต์พระราชบิดานางนางพินทุมดี ทรงประกาศพิธีสยุมพร พระสมุทรโฆษจึงเสด็จมายังเมืองรมยบุรี พระสมุทรโฆษทรงประลองศรมีชัยในการสยุมพร ได้อภิเษกกับนาง หรือ เมื่อพระสมุทรโฆษเกาะขอนไม้ทนลำบากอยู่ในทะเลมาได้ 7 วัน ก็พบนางเทพธิดามีนามหนึ่งว่า นางมณีเมขลา ผู้มีหน้าที่รักษาท้องทะเล กลับมาจากที่ประชุมเทวดามาตรวจท้องทะเลตามหน้าที่ของตน ได้เห็นพระสมุทรโฆษว่ายน้ำอยู่ดังนั้น ก็รีบไปเฝ้าพระอินทร์ผู้เป็นเจ้าแห่งเทวดาทั้งหลาย แล้วทูลความให้ทรงทราบฝ่ายพระอินทร์ได้ทรงฟังก็ร้อนพระทัย ทรงติเตียนนางมณีเมขลาว่าไม่เอาใจใส่ในหน้าที่ตน ทิ้งให้ผู้มีคุณความดีได้ความลำบากถึงปานนั้น และตรัสว่าควรที่นางเมขลาจะรีบไปช่วยให้พ้นอันตรายทันท่วงที นางมณีเมขลาจึงกลาบทูลว่า ทั้งนี้เป็นด้วยวิทยาธรตนหนึ่งมาลักพระขรรค์ของพระสมุทรโฆษไปเสีย ทำให้พระองค์เหาะไปในอากาศไม่ได้ จึงได้รับทุกข์ภัยเห็นปานนี้ แล้วก็ทูลเรื่องราวให้พระอินทร์ทรงทราบทุกประการ เมื่อพระอินทร์ได้ทรงฟัง ก็ทรงพระพิโรธวิทยาธรนั้นพลันทรงถือตะบองเพชร สำแดงฤทธิ์เหาะไปลอยอยู่เหนือศรีษะวิทยาธรนั้น พลางตรัสว่า "ดูก่อนวิทยาธรผู้เป็นโจร เหตุไฉนเจ้าจึงไปลักพระขรรค์ของพระสมุทรโฆษผู้ประกอบด้วยคุณความดีให้เธอต้องทุกข์ลำบากอยู่ในทะเลเห็นปานนั้น ถ้าเจ้าไม่นำพระขรรค์ไปคืนให้เธอโดยเร็วแล้ว เราจะตีศรีษะเจ้าให้แตกเป็น 7 เสี่ยงบัดนี้" วิทยาธรนั้นได้ฟังก็มีความกลัวเป็นกำลัง รีบนำเอาพระขรรค์ไปคืนให้แก่พระสมุทรโฆษซึ่งกำลังว่ายน้ำอยู้ท้องทะเลนั้นโดยเร็ว เมื่อพระอินทร์เห็นวิทยาธรทำตามที่พระองค์ตรัสเรียบร้อยแล้ว ก็ทรงยกโทษให้แก่วิทยาธรนั้น แล้วก็กลับคืนวิมาน ฝ่ายนางพินทุมดี ถูกคลื่นซัดเข้าฝั่ง เมื่อรดชีวิตได้ปลอมตัวเป็นพราหมณ์หนุ่มอาศัยอยู่ ณ อาศรมกลางป่า เมืองมัทราษฎร์ ฝ่ายพระสมุทรโฆษ ได้พระขรรค์คืนแล้ว ก็ทรงเหาะขึ้นจากทะเลไปลงที่เมืองมัทราษฎร์ ด้วยดำริว่าจะพักผ่อนหาอาหาร แล้วจะเที่ยวสืบหาพระเทวี เผื่อว่าพระนางจะเที่ยวเซซังมาอยู่ในเมืองนี้บ้าง จึงทรงเปลื่องเครื่องประดับออกห่อผ้าซ่อนไว้ในที่แห่งหนึ่งแล้วทรงแต่งกายแปลงเป็นพราหมณ์ เสด็จเขาไปถามหาที่พักในเมืองนั้น ชาวเมืองทั้งหลายก็บอกให้พระองค์ไปพักในศาลาที่พระนางพินทุมดีสร้างไว้ เมื่อเสด็จไปถึงศาลานั้น ก็มีคนต้อนรับให้น้ำท่าอาหารอย่างบริบูรณ์ ครั้นพระองค์ได้เสวยอาหารอิ่มหนำแล้ว ก็พิจารณาดูรูปภาพตามฝาภายในศาลานั้น เห็นเป็นเรื่องเหมือนกับความหลังของพระองค์กับพระทวี ก็ทรงกันแสงโศกเศร้า ครั้นคลายโศกแล้วก็ทรงพระสรวล ฝ่ายคนเฝ้าศาลาเห็นแปลกประหลาด จึงรีบไปเล่าให้พระเทวีฟัง เมื่อพระเทวีได้ทราบก็รีบออกมา ครั้นเห็นพระสามีก็มีความปีติยินดีเป็นล้นพ้น ตรงเข้าสวมกอดพระสามีพลางรำพันว่า "พี่ที่รักของน้อง ตั้งแต่น้องพลัดพรากจากพี่มาหาสุขมิได้เลย มีแต่เศร้าโศกอาลัยถึงพี่แทบว่าจะดำรงชีวิตไว้ไม่ได้ด้วยผลศีลผลทานของน้องบันดาลให้พบพี่ที่รักทันตาทีเดียว น้องหมดทุกข์หมดโศกแล้ว เชิญพี่ขึ้นไปบนเรือนเถิด" คำฉันท์ บรรยายฉากนี้ มีความว่า
| |
ผู้ตั้งกระทู้ กวินทรากร :: วันที่ลงประกาศ 2008-01-06 15:54:51 |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (938433) | |
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=tao | |
ผู้แสดงความคิดเห็น กวิน วันที่ตอบ 2008-01-06 16:08:39 |
ความคิดเห็นที่ 2 (1795801) | |
คิดว่าเนื้อหายังไม่ครอบคลุมทั่งหมด ควรจะให้มีทั่งสามตอนในการทำวรรณคดีค่ะ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ประภัสสร (praputsonr-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2008-07-07 13:40:25 |
ความคิดเห็นที่ 3 (1813205) | |
ดีครับ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น pint วันที่ตอบ 2008-08-04 10:09:18 |
ความคิดเห็นที่ 4 (2107377) | |
clip hair extensions clip in extensions wig every day human hair is the best choice wigs Your lace wigs have been hair weaves remy lace front. | |
ผู้แสดงความคิดเห็น george (auto-at-google-dot-com)วันที่ตอบ 2010-09-11 09:57:04 |
[1] |
Copyright © 2010 All Rights Reserved. |
Visitors : 870433 |