ReadyPlanet.com


กลอน


....ชีวิตเรา..........แน่!เข้าใกล้.....วัยแก่เฒ่า
อย่าปล่อยเฉา......อยู่เฉย...........มิเคยฝัน
ลองขยับ............หยิบจับ...........ริเริ่มพลัน
ทุกสิ่งอัน............เพื่อผู้ด้อย.......ไม่ปล่อยเลย


....ค่อยค่อยต่อ.....ก่อกิจ.............จากเสี้ยวเศษ
แม้ทุเรศ..............มิช้า...............ฟ้าจักเผย
ประโยชน์ดี..........แม้มิมี.............ผู้ชมเชย
ธรรมงอกเงย........สันติพบ...........สงบจริง



ผู้ตั้งกระทู้ share (toshareth-at-gmail-dot-com) :: วันที่ลงประกาศ 2012-11-09 21:38:40


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (2314317)

กลอนสี่ แต่งต่างกันได้ ๒ แบบ ความแตกต่างอยู่ที่การ ส่งรับสัมผัสระหว่างบท
แบบแรก คำท้ายวรรค ๔ ส่งสัมผัสไป บทใหม่จะรับสัมผัสที่ คำท้ายวรรค ๒ เสมอ

* เหวยเหวยอีจันทรา......ขึ้นหน้าเถียงผัว.................อุบาทว์ชาติชั่ว.......ไสหัวมึงไป
* นางจันทาเถียงเล่า.......พระองค์เจ้าหลงไหล..........ไล่ตีเมียไย...........พระไม่ปรานี
* เมียผิดสิ่งใด..............พระไล่โบยตี....................หรือเป็นกาลี.........เหมือนที่ขับไป

— บทละครครั้งกรุงเก่า เรื่อง สังข์ทอง

แบบสอง คำท้ายวรรค ๔ ส่งสัมผัสไป บทใหม่จะรับสัมผัสที่ คำท้ายวรรค ๒ เฉพาะบทที่เป็นบท เลขคู่ เท่านั้น
หากเป็นบท เลขคี่ จะรับสัมผัสที่คำท้ายวรรค ๔


* จักกรีดจักกราย.............จักย้ายจักย่อง..................ไม่เมินไม่มอง............ไม่หมองไม่หมาง
* งามเนื้องามนิ่ม..............งามยิ้มงามย่าง.................ดูคิ้วดูคาง................ดูปรางดูปรุง
* ดั่งดาวดั่งเดือน..............ดั่งจะเลื่อนดั่งจะลอย..........พิศเช่นพิศช้อย..........พิศสร้อยพิศสุง
* ช่างปลอดช่างเปรื่อง........ช่างเรืองช่างรุ่ง.................ทรงแดดทรงดุ่ง..........ทรงวุ้งทรงแวง

— กลบทจาตุรงคนายก, ศิริวิบุลกิตติ, หลวงศรีปรีชา (เซ่ง)

ผู้แสดงความคิดเห็น share วันที่ตอบ 2012-11-10 02:58:15


ความคิดเห็นที่ 2 (2314319)

อยากให้โยมทั้งหลายช่วยแต่งกลอนสี่ เกี่ยวกับการถวายห้องน้ำ

      นมัสการพระคุณเจ้าค่ะ เคารพรัก

                      อนุโมทนา             มหากุศล
                      ศาสนิกชน             มากล้นคณา

                      สร้างสิ่งจำเป็น         ด้วยเห็นคุณค่า
                      ทุกข์หนักกายา        จัดหาผ่อนคลาย

                      สุขาพาสุข             พ้นทุกข์ทั้งหลาย
                      พบแต่ความสบาย     สายศรัทธาทาน

                      ขออานิสงส์            จำนงไพศาล
                      ปราศโรคภัยพาล      เงินงานมากมี
                       
                      วรรณะผ่องใส          เจริญวัยเจริญศรี
                      สุขเกษมเปรมปรีดิ์    โชคดีมีชัย..เทอญ


 
                                     "กานต์ฑิตา"

                                                      ๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๕

ผู้แสดงความคิดเห็น share วันที่ตอบ 2012-11-10 03:09:13


ความคิดเห็นที่ 3 (2314529)

(ส่วนนี่เป็นกลอนสี่ กระผมมิค่อยถนัดนัก ถ้าผิดพลาดประการใดขอพระคุณเจ้าโปรดให้อภัยด้วยครับผม)

๐ผลบุญร่วมร้อย            หยดย้อยเฉิดฉัน
กฐินสำคัญ                 ย่อมบันดารคุณ

๐สืบสานพุทธศาสน์         ปวงปราชญ์เกื้อหนุน
กิจนี้วิรุฬห์                  ต้นบุญนิพพาน

๐ร่วมสร้างสุขา             วัดวาสถาน
ยอดมหาทาน               โอฬารฤทัย

๐ชีวันอันสั้น               เร่งกลั่นกิจใส
เพิ่มพูนบุญไว้              ย่อมได้ผลคืน

๐เลิศค่ากฐิน               องค์อินทร์เชยชื่น
สาธุการยืน                ทั่วผืนผไท

๐พรพรมประสก            บุญปรกไสว
สุขทั้งกายใจ               และไร้โรคา

๐พบชัยชนะ               วรรณะสง่า
รังสรรค์มรรคา            นิพพานังเทอญ

ไร้นาม

๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๕

ผู้แสดงความคิดเห็น share วันที่ตอบ 2012-11-11 19:19:09


ความคิดเห็นที่ 4 (2314801)

....วรรคสดับ จับคำ นำประสม
ไม่นิยม สามัญ ผันตามเสียง
ส่วนวรรครับ จัตวา มาร้อยเรียง
ได้สำเนียง ไพเราะ เหมาะแก่กานท์

....ตรงวรรครอง ตรองว่า สามัญชอบ
หากประกอบ ตรี-ตาย หมายประสาน
วรรคส่งคล้าย วรรครอง ต้องดูงาน
ลงเสียงด้าน เสียงตาย ไม่เพราะเอย


ศิลาวารี อัคคีวายุ

20 กันยายน 2011

ผู้แสดงความคิดเห็น share วันที่ตอบ 2012-11-12 23:17:17


ความคิดเห็นที่ 5 (2314802)

กลอนหก


.....ชีพนี้..............มีใน.............โลกหล้า
คงค่า..................คู่ควร...........จึ่งสม
ยังประโยชน์.........เพื่อผอง.......ทุกข์ตรม
คมธรรม...............ค้ำรุก...........ร้ายมลาย


ผู้แสดงความคิดเห็น share วันที่ตอบ 2012-11-12 23:21:50


ความคิดเห็นที่ 6 (2314803)

กลอนเจ็ด


...“วิจารณ์”…..ควรรู้….…........ลึกซึ้งยิ่ง
ในประเด็น……ในสิ่ง…........….ถกถ้อยแถลง
“หน้าที่”………ที่ตน……..........ต้องสำแดง
ปราศจาก…....เคลือบแคลง…..พวกพ้องใคร


…มั่นคง…...…เที่ยงตรง…..……อุเบกขา
ธรรมา…….....ธงหลัก…...…….ปักสูงไสว
เล่ห์ลิ้น……...พลิ้วพลิก…...…..หลีกห่างไกล
ทุกฟาก…..….ฝั่งใด………....…ยินดีฟัง

ผู้แสดงความคิดเห็น share วันที่ตอบ 2012-11-12 23:24:46


ความคิดเห็นที่ 7 (2315023)

ในวันที่ โลกเงียบงัน ใจฉันเศร้า
ในมุมมืด เก่าเก่า เศร้าหม่นหมอง
โลกกว้างใหญ่ ใสกระจ่าง ช่างเรืองรอง
แต่ฉันมอง เห็นปัญหา สารพัน

เขาว่าลอง เปลี่ยนความคิด ชีวิตเปลี่ยน
ฉันวนเวียน คิดเท่าไร ก็ไหวหวั่น
เปลี่ยนความคิด ผิดถูก ที่ผูกพัน
โลกของฉัน ยังยากเย็น อยู่เช่นเดิม

hort39    03 กรกฎาคม 2012


จากประเด็นน่าคิดของ hort39 ครับ

กลอนเจ็ด

....ใช่เพียง เปลี่ยนคิด ชีวิตเปลี่ยน
ใช่เพียร คนเดียว เคี้ยวปัญหา (จาก ขบปัญหา แต่ต้องการ รับสัมผัส)
ลองปรับ เปลี่ยนชีพ รู้พึ่งพา
มิตรดี นั่นหนา อย่าละเลย

....สำเร็จ อย่างน้อย ต้องสองสิ่ง
แท้จริง พลังตน อย่าอยู่เฉย
อีกหนึ่ง แนวร่วม ผู้คุ้นเคย
เอื้อนเอ่ย ขอช่วย ด้วยจริงใจ

ผู้แสดงความคิดเห็น share วันที่ตอบ 2012-11-14 09:00:28


ความคิดเห็นที่ 8 (2315301)

อยากทราบว่าการสัมผัสระหว่างคำที่มีลักษณะนี้ใช้ได้หรือไม่ครับ
เป็น - เกณฑ์
เห็น - เล่น
เน้น - เย็น
คำลักษณะอย่างนี้ครับ ไม่ทราบว่านำมาสัมผัสเวลาเขียนกลอนได้หรือไม่ครับ
ขอบคุณท่านผู้รู้ที่ช่วยไขข้อข้องใจครับ

นักกลอนฝึกหัด ::  2012-05-24 17:50:4

ขอแบ่งปันครับ
หากแต่งอ่านกันแบบสบายๆ ก็ยอมรับกันได้
แต่ครูบางท่านจะถือว่าผิด ยิ่งในการประกวด กรรมการจะตัดคะแนนแน่ๆ เพราะ
เห็น เย็น มาจากสระ เ-ะ เป็นสระเสียงสั้น
เล่น เน้น มาจากสระ เ- เป็นสระเสียงยาว
มีบ้างที่อาจยอมให้บ้าง คือ นิจศีล เนื่องจาก หาคำสัมผัสได้ยาก เช่น
จีน เป็นคำเฉพาะมาก , ยีน เป็น ยี่ห้อกางเกง, ตีน เป็นคำไม่ใคร่สุภาพ
เหลือที่ใช้ได้น้อย เช่น ปีน
ดังนั้น จะพบบ่อยว่า นิจศีล รับส่งสัมผัสกับ อาจิณ หรือ คำที่ใช้ สระ อิ อื่นๆ

ขอบคุณครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น share วันที่ตอบ 2012-11-15 11:43:23


ความคิดเห็นที่ 9 (2316272)

ผู้แสดงความคิดเห็น share วันที่ตอบ 2012-11-19 22:37:39


ความคิดเห็นที่ 10 (2317318)

   พอเพียง       คือชีวี              มีสติ
เปี่ยมปิติ          ทุกกาล           ทุกสถาน
ต่อตนเอง        ผู้อื่น                ด้วยชื่นบาน
ปฏิบัติ             รับ-เจือจาน       อย่างสมควร

   แต่อย่า         อย่าลืม             เหล่าเพื่อนผอง
จมทุกข์กอง     ห่างเพียงพอ    ชีพผันผวน
เจ็บ-จน จึง      หวังใจ              เพี่อนทั้งมวล
รีบรีบด่วน        รักแบ่งปัน          กันและกัน

ผู้แสดงความคิดเห็น share วันที่ตอบ 2012-11-24 21:26:13


ความคิดเห็นที่ 11 (2317323)

กลอนหก

 

....เช้าค่ำ จักร่ำ พร่ำวอน...............ขอพร องค์พระ รักษา
ไป่ผยอง ลำพอง ศักดา................เมตตา อย่าให้ เหิมเกริม

....ชื่อเสียง เงินทอง ของข้า...........ได้มา ด้วยพระ ส่งเสริม
หวังให้ เรียนรู้ สร้างเติม.................พูนเพิ่ม เพื่อผอง ผู้คน

....ใช่เพื่อ อวดว่า ข้าเก่ง................ข่มเหง ผู้ด้อย ขัดสน
ใช่เพื่อ สุขกาย สบายตน................มวลชน ทุกข์แท้ แชเชือน

ผู้แสดงความคิดเห็น share วันที่ตอบ 2012-11-24 22:04:32


ความคิดเห็นที่ 12 (2317563)

อยากจะฝากให้เพื่อน ๆ ได้ช่วยกันอนุรักษ์ภาษาไทย ด้วยการใช้วรรณยุกต์อย่างถูกต้องกันนะครับ

        กลอนสุภาพพึงผันวรรณยุกต์
    ให้สนุกถูกหลักสลักเสลา
    ใส่ไม้ตรีถูกเสียงให้เกลี้ยงเกลา
    อย่าได้เหมาหมดเกลี้ยงทุกเสียงเซาะ
 
       แม้นหาคำไม่ได้มิใช่บิด
    ใช้คำผิดภาษาไม่น่าเหมาะ
    เป็นนักกลอนอย่าให้ใครมาเยาะ
    ช่วยกันเสาะทางถูกปลูกดีเอย ฯ

กามนิต - ๑๙ เม.ย.๕๕

ผู้แสดงความคิดเห็น share วันที่ตอบ 2012-11-26 12:50:32


ความคิดเห็นที่ 13 (2317863)

..........ครูคือผู้...........สรรค์สร้าง.............จิตวิญญาณ
วิทยาการ..................ท่านประสิทธ์........ได้ศึกษา
วิริยะ........................ขัดเกลา................ด้วยเมตตา
เฝ้านำพา..................ปลุกศิษย์..............ตื่นเป็นคน

ผู้แสดงความคิดเห็น share วันที่ตอบ 2012-11-27 20:59:32



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.