หน้าหลัก | ข้อมูลสมาคม | บทความ | บทร้อยกรอง | ข่าวสารประชาสัมพันธ์ | กิจกรรม | กระทู้ | หนังสือ | ร้อยกรองออนไลน์ |
เว็จมรรค | |
เมื่อข้าพเจ้าอ่านหนังสือ โฉมหน้าศักดินาไทย ของ จิตร ภูมิศักดิ์ ซึ่งเป็นหนังสือที่ได้รับการวิจัยแล้วว่าเป็น หนังสือดี ๑๐๐ เล่มที่คนไทยควรอ่าน ก็เกิดข้อกังขาขึ้น สอง ประเด็นคือ ๑.เล่นเพื่อน ๒.การสำเร็จความใคร่ทางเว็จมรรค สำหรับประเด็นแรก เล่นเพื่อน ข้าพเจ้า คลายความสงสัยแล้วจึงไม่ขอกล่าวถึง ณ ที่นี้ สำหรับประเด็นที่ ๒ คือ ประเด็น การสำเร็จความใคร่ทางเว็จมรรค ซึ่งจิตร ภูมิศักดิ์ กล่าวถึงไว้ ความว่า "ระบบฮาเร็มหรือสาวสวรรค์กำนัลในราชสำนักและในบ้านผู้ดีเป็นระบบที่แพร่หลายทั่วไป การที่ถูกกักขังจนผิดธรรมชาติทำให้การเล่นเพื่อน (Homosexuality) ในหมู่ราชสำนัก และฮาเร็มของสำนักขุนนางระบาดทั่วไป ชีวิตทางกามารมณ์ของเจ้าขุนมูลนายเพิ่มความวิตถารขึ้นเป็นลำดับ เป็นต้นว่าการสำเร็จความใคร่ทางเว็จมรรค" จากข้อความข้างบน ทั้งกรณี เล่นเพื่อน และกรณี การสำเร็จความใคร่ทางเว็จมรรค จิตร ภูมิศักดิ์ มิได้ลงลึกในรายละเอียด เหมือนจงใจจะให้ผู้อ่านไปค้นคว้าต่อยอดทางความคิด ? ข้าพเจ้าจึงได้ลองสืบค้น เกี่ยวกับเรื่อง การสำเร็จความใคร่ทางเว็จมรรค ดู ก็พบว่ามีการกล่าวไว้ในหนังสือเรื่อง อำนาจอยู่หนใด ชีวประวัติเหมือนนวนิยายของนักปกครอง ๗ ท่าน ในหน้า ๑๓๐-๑๓๑ ผู้เขียนคือ จำนง เทพหัสดิน ณ อยุธยา เนื้อหาในหนังสือ ตอนหนึ่ง ได้กล่าวไว้ ความว่า "งานอีกด้านหนึ่ง ที่ทรงปฏิบัติเป็นประจำ คืองาน ศาลรับสั่ง กรมพระราชวังบวรฯ ยังเป็นอธิบดีศาลอยู่ กรมหมื่นเจษฎาฯ ก็เสด็จมาร่วมประชุมมิได้ขาด ครั้นกรมพระราชวังบวรฯ สิ้นแล้ว กรมหมื่นเจษฎาฯ รับตำแหน่งบังคับการกรมพระตำรวจ เป็นอธิบดีศาลรับสั่ง ทรงพิจารณาไต่สวนข้อความราษฎร ให้แล้วไปด้วยยุติธรรมโดยเร็ว เป็นที่ชื่นชมนิยมยินดีของปวงประชาราษฎรทั้งปวง ต่างคนมีจิตรสวามิภักดิ์ ต่อพระองค์เป็นอันมาก ทั้งเป็นที่เบาพระราชหฤทัยในพระบรมชนกนาถ โดยที่ได้ทรงงานทางด้านศาลมาโดยตลอด การประศาสน์ความยุติธรรมจึงมีอยู่ในพระราชหฤทัยเป็นประจำ แม้มีกรณีทางการเมืองเกี่ยวแก่ความมั่นคงปลอดภัยของราชบัลลังก์ การลงโทษผู้กระทำผิดก็ใช้วิธีทางศาล มีการไต่สวน สืบพยาน กรมขุนกษัตริยานุชิต เมื่อต้นรัชกาลที่ ๒ หรือ คดีกรมหลวงรักษรณเรศ ในรัชกาลที่ ๓ สำหรับคดีหลัง จำเลยต้องหาว่า สะสมกำลังพลไว้เป็นกบฏประพฤติผิดศีลธรรม ละทิ้งคู่ครองไปสมสู่ทางเมถุนกับพวกละครซึ่งเป็นผู้ชาย จำเลยได้ต่อสู้ว่า ในข้อหาหลังความประพฤติของจำเลยไม่ได้เกี่ยวข้องกับทางราชการ ไม่เห็นจะเป็นผิดอย่างไร ส่วนเรื่องสะสมกำลังพลทำจริง แต่หาได้มุ่งหมายประทุษร้ายต่อในหลวงปัจจุบันไม่ ตระเตรียมไว้เมื่อท่านสิ้นแล้ว จะไม่ยอมเป็นข้าผู้อื่น การตอบโต้ดังกล่าวของจำเลยชี้ให้เห็นได้ว่าได้ใช้วิธีทางศาลให้จำเลยได้ต่อสู้ตามสมควร" ตามทรรศนะของข้าพเจ้าการ ไม่เป็นข้าผู้อื่น อาจตีความได้ว่า จะไม่รับใช้ เจ้าผู้ครองรัฐ พระองค์ใหม่ ฟังดูคล้ายกับว่าจะ กระด้างกระเดื่อง จนถึงขั้นจะเป็น เจ้าผู้ครองรัฐเสียเอง ก็เป็นได้ อ่านถึงประโยคนี้ทำให้นึกถึง ประวัติของ พระยา นรรัตนราชมานิต (ธัมมวิตักโก ภิกขุ) แห่งวัดเทพศิรินทราวาส เมื่อครั้งรัชกาลที่ ๖ ทรงสวรรคต พระยานรรัตนราชมานิต ไม่ขอเป็นข้าผู้อื่นจึง ได้ลาออกจากราชการ แล้วบวชเป็นพระภิกษุจำพรรษา ณ วัดเทพศิรินทราวาส อนึ่ง คดีกรมหลวงรักษรณเรศ ถูกตั้งข้อหา ละทิ้งคู่ครองไปสมสู่ทางเมถุนกับพวกละครซึ่งเป็นผู้ชาย ก็คงจะทำให้ท่านผู้อ่านเกิดความ กระจ่างแจ้งถึง ข้อเขียนของ จิตร ภูมิศักดิ์ ที่ว่า "ระบบฮาเร็มหรือสาวสวรรค์กำนัลในราชสำนักและในบ้านผู้ดีเป็นระบบที่แพร่หลายทั่วไป การที่ถูกกักขังจนผิดธรรมชาติทำให้การเล่นเพื่อน (Homosexuality) ในหมู่ราชสำนัก และฮาเร็มของสำนักขุนนางระบาดทั่วไป ชีวิตทางกามารมณ์ของเจ้าขุนมูลนายเพิ่มความวิตถารขึ้นเป็นลำดับ เป็นต้นว่าการสำเร็จความใคร่ทางเว็จมรรค" ไม่มากก็น้อย เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้ บรรณานุกรม จิตร ภูมิศักดิ์.โฉมหน้าศักดินาไทย.--พิมพ์ครั้งที่ ๙.--นนทบุรี : ศรีปัญญา,๒๕๔๙.๒๔๐ หน้า จำนง เทพหัสดิน ณ อยุธยา, อำนาจอยู่หนใด ชีวประวัติเหมือนนวนิยายของนักปกครอง ๗ ท่าน.--พิมพ์ครั้งที่ ๑.--กรุงเทพฯ : พัฒนา, ๒๕๓๓. http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=tao&month=21-09-2007&group=6&gblog=57 | |
ผู้ตั้งกระทู้ กวินทรากร :: วันที่ลงประกาศ 2007-09-22 13:14:51 |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (937924) | |
ในหนังสือเรื่อง วินัยมุข เล่ม ๑ บทพระนิพนธ์ ใน สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ซึ่งเป็นแบบเรียนนักธรรมตรี หน้าที่ ๒๘-๒๙ ได้ยกสิกขาบท แห่งพระไตรปิฏก ในสมัยพุทธกาล ซึ่งได้กล่าวพาดพิงถึง การสำเร็จความใคร่ทางเว็จมรรค ไว้ความว่า เมถุนธรรมนั้น เพ่งบทว่า โดยที่สุดแม้ในดิรัจฉานตัวเมีย น่า จะเข้าใจว่า ในสิกขาบทพูดถึงเมถุนธรรมสามัญ ที่เป็นการของชายกับหญิง แต่ในคัมภีร์วิภังค์แสดงว่า กิริยาที่เสพในทวารเบาก็ดี ในทวารหนักก็ดี ในปากก็ดี ของมนุษย์ผู้เป็นหญิงก็ตาม เป็นชายก็ตามเป็นพันทางก็ตาม ของสัตว์จำพวกที่เรียกว่าอมนุษย์ ต่างโดยเป็นยักษ์เป็นเปรต มีประเภทเช่นเดียวกัน และของสัตว์ที่จัดเป็นดิรัจฉาน เป็น ตัวเมียก็ตาม เป็นตัวผู้ก็ตาม เป็นพันทางก็ตาม ชื่อว่า เสพเมถุนภิกษุเสพเมถุนในทวารเช่นนั้น แต่อย่างใดอย่างหนึ่ง แม้ไม่สำเร็จกิจแต่องค์กำเนิดได้เข้าไปสักเล็กน้อย ที่ท่านกล่าวว่า ชั่วเมล็ดงาหนึ่งองค์กำเนิดก็ดี ทวารก็ดี จะมีอะไรสวม มีอะไรพัน มีอะไรลาดก็ตาม ไม่มีก็ตาม มนุษย์ อมนุษย์ และดิรัจฉานที่เสพนั้น ยังเป็นอยู่ก็ตาม ตายแล้วก็ตาม แต่ซากยังบริบูรณ์ หรือแหว่งวิ่นไปบ้าง แต่ยังเป็นวัตถุจะให้สำเร็จกิจในทางนี้ ต้องอาบัติปาราชิก. ถ้าภิกษุถูกข่มขืนแต่ยินดี คือรับสัมผัส ในขณะที่องค์กำเนิดเข้าไปก็ดี เข้าไปถึงที่แล้วก็ดี หยุดอยู่ก็ดี ถอนออกก็ดี แม้ขณะใดขณะหนึ่ง ต้องอาบัติปาราชิกเหมือนกัน. ภิกษุยอมให้บุรุษอื่นเสพเมถุน ในทวารหนักของตนก็ดี ถูกข่มขืน หรือถูกลักหลับและตื่นรู้ตัวขึ้น แต่ยินดีก็ดี ต้องอาบัติปาราชิกเหมือนกัน. ในวินีตวัตถุแห่งสิกขาบทนี้แสดงว่าภิกษุผู้มีหลังอ่อนปรารถนาจะเสพเมถุน ก้มลงอมองค์กำเนิดของตนเองก็ดี มีองค์กำเนิดยาวสอดเข้าไปในทวารหนักของตนก็ดี ย่อมต้องอาบัติปาราชกเหมือนกัน. ความที่ว่าไว้นี้ แม้ไม่น่าจะมีได้ แต่ก็ยัง เป็นทางสันนิษฐานว่า ภิกษุสั่งให้ผู้อื่นพยายามทำเช่นนั้นแก่ตน ย่อม เป็นปาราชิกเหมือนกัน. เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้ บรรณานุกรม กรมพระยาวชิรญาณวโรรส,สมเด็จพระมหาสมณเจ้า. วินัยมุข เล่ม ๑. --พิมพ์ครั้งที่ ๔๑.--กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์มหามกุฎราชวิทยาลัย, ๒๕๔๑ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น กวิน วันที่ตอบ 2007-09-23 21:02:59 |
ความคิดเห็นที่ 2 (937925) | |
อนึ่ง การที่จิตร ภูมิศักดิ์ ได้กล่าวไว้ว่า "ชีวิตทางกามารมณ์ของเจ้าขุนมูลนายเพิ่มความวิตถารขึ้นเป็นลำดับ" ในทรรศนะของข้าพเจ้าเห็นว่าเป็นการ เพ่งโทษคนไทยในยุคนั้นเกินไป เพราะคนชาติอื่นในยุคก่อนหน้านั้น ก็มี กามวิตถาร-กามพิสดาร/ ไม่ย่งห่ยอนไปกว่ากัน สำหรับ คดีกรมหลวงรักษรณเรศ คงไม่พ้นโทษ กุดหัวริบราชบาตร สำหรับเรื่อง ริบราชบาตร จิตร ภูมิศักดิ์ ได้อรรถาธิบายไว้ในหนังสือเล่มเดียวกันหน้า ๑๗๓-๑๗๕ ความว่า
เจือ สตะเวทิน.ประวัติวรรณคดี. กรุงเทพมหานคร : กองตำรากรมวิชาการ,๒๔๙๕. | |
ผู้แสดงความคิดเห็น กวิน วันที่ตอบ 2007-09-24 21:30:09 |
ความคิดเห็นที่ 3 (937926) | |
โคลงทวาทศมาศบทนี้ ถอดความได้ว่า แต่ก่อนพี่คงเคยพรากชีวิตกวาง และพรากชีวิตนก ให้ตายจากคู่ครองของมัน ทว่าผู้ที่จะริบราชบาตรผู้อื่นได้ จะต้องเป็นพระเจ้าแผ่นดิน/ผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน ซึ่งก็ตรงกับ ในโคลงท้ายบท ที่ " กานท์กลอนนี้ตั้งอาทิ.........กวี หนึ่งนา
" กานต์กลอนเรื่องนี้ ตั้งต้นแต่ง โดยกวี กลุ่มหนึ่งอาทิเช่น พระเยาวราช โปรดสังสังเกตุว่าโบราณราชกวี ในสมัยนั้นมักเรียก คำประพันธ์ทุกชนิด ว่ากลอน ในหนังสือชื่อ รวมบทความ กลอน แแปลว่า สิ่งอันหลุดแล่นไปได้ เหตุนี้เราจึงเรียกเครื่องบนอย่างหนึ่งว่ากลอน เรียกลูกสลัก (ส์เสลาะห์) ประตู หน้าต่าง เป็นต้น
เพรงเราเคยพรากเนื้อ.............นกไกล โคลงทวาทศมาศ บาทที่ว่า "เพรงเราเคยพรากเนื้อนกไกล คู่ฤา" ทำให้ข้าพเจ้า นึกถึง ฤษีวาลมีกิ พระวาลมีกิ พรหมฤษี ไปสู่สำนักพระนารถพรหมฤษี สนทนาไต่ถามถึง มา นิษาท ปรติษฐ ตวัม (นิษาท พรานเอย เจ้าอย่าได้ถึงความมั่นคงแล้วเป็นเวลานานปีเพราะได้ เมื่อเดินทางต่อมา ฤษีวาลมีกิจึงหวนระลึกในเหตุการณ์ ก็เสียใจ ด้วยมิใช่กิจของตน มา นิษาท ปรติษฐ ตวัม (ข้าแต่พระผู้เป็นที่พระทับแห่งพระลักษมี พระองค์ได้ถึงซึ่งความมั่นคงแล้วเป็นเวลานานปี ทั้งนี้เพราะศัพท์ การาญจ = ยักษ์,นกกระเรียน ฤษีวาลมีกิ สบายใจขึ้น ครั้นพิเคราะห์ถึงประโยค มา นิษาท ปรติษฐ ตวัม นั้นไพเราะเพราะพริ้ง จึงตั้งชื่อคำประพันธ์นี้ ว่า โศลก เพราะเกิดจากความโศก ของฤษีวาลมีกิ นั่นเอง ไพฑูรย์ พรหมวิจิตร.ฉันทศาสตร์ไทย.--พิมพ์ครั้งที่ ๑.--กรุงเทพฯ : ต้นอ้อ ๑๙๙๙, ๒๕๔๑. อัศนี พลจันทร.รวมบทความนายผี : อัศนี พลจันทร.--พิมพ์ครั้งที่ ๑.--กรุงเทพฯ : สามัญชน, ๒๕๔๑ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น กวินทรากร วันที่ตอบ 2007-09-27 10:28:47 |
ความคิดเห็นที่ 4 (2107872) | |
wallets for men chanel wallet woman carries around in her handbag louis vuitton authentic designer bag on your arm. louis vuitton fake travel handbags. | |
ผู้แสดงความคิดเห็น martin (greenle-at-gmail-dot-com)วันที่ตอบ 2010-09-11 11:41:29 |
[1] |
Copyright © 2010 All Rights Reserved. |
Visitors : 869700 |