ReadyPlanet.com


~วลีลักษณา อักษรารำพัน ๒~


๐ เพียงได้พบแล้วพรากเพื่อฝากแผล
ดังถูกแส้โบยส่งสิ้นสงสาร
กระหน่ำซ้ำสาสมจนซมซาน
เพื่อล่มรานด้วยร้าวเมื่อคราวร้าง

๐ ปล่อยคืนวันผันวนผ่านพ้นหวัง
เคยสุมสั่งคล้ายแสงแห่งรุ่งสาง
มืดดับแล้วพรายรุ้งยามเลือนราง
ย่อมอ้างว้างว่างวาบตราบวางวาย
(วลีลักษณา)

http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=waleelaksana



ผู้ตั้งกระทู้ วลีลักษณา :: วันที่ลงประกาศ 2011-06-07 08:10:43


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (2184313)

๐ ตะวันรอน ผ่อนแสง อ่อนแรงล้า
พร้อมน้ำตาบ่ารินมิสิ้นสาย
เหลือเพียงใจบางเบาเหงากับกาย
ที่สลายกับกาลเนิ่นนานเนา

๐ ยังประทับกับฝันวันฟ้าสวย
คงพอช่วยปลอบขวัญในวันเหงา
เรื่องความหลังยังทาบเป็นภาพเงา
อาจบรรเทาทุกข์เหลือให้เจือจาง
(อักษราฯ)

ผู้แสดงความคิดเห็น อักษรารำพัน วันที่ตอบ 2011-06-07 08:16:24


ความคิดเห็นที่ 2 (2184317)

๐ เพียงเงาภาพทาบทรวงเป็นบ่วงคล้อง
อาจจำจองพ้องกันแต่หวั่นหมาง
กับรูปรอยแฝงเร้นเช่นภาพราง
คงไม่ต่างความฝันอันเลื่อนลอย

๐ กลับจะทุกข์ถาโถมโหมกระหน่ำ
หากถลำหลงเงาจนเศร้าสร้อย
และจะยิ่งทรมานกับการคอย
เหมือนฝากรอยแผลร้ายจวบวายปราณ
(วลีฯ)

ผู้แสดงความคิดเห็น วลีลักษณา วันที่ตอบ 2011-06-07 08:23:03


ความคิดเห็นที่ 3 (2184328)

๐ หนามสะกิด นิดเดียว ที่เรียวก้อย
แล้วค่อยค่อย ลามแผล จนแผ่ซ่าน
แต่แผลกาย หายได้ ในไม่นาน
ยากสมาน สานแผล เกิดแก่ใจ

๐ หวังเพียงฟื้น ตื่นมา ครารุ่งสาง
แผลใจจาง ล้างข่ม อารมณ์ไหว
ทีปักลึก ผนึกแน่น ถึงแก่นใน
เพื่อรอฝัน วันใหม่ ไว้เชยชม
(อักษรารำพัน)

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อักษรารำพัน วันที่ตอบ 2011-06-07 08:52:21


ความคิดเห็นที่ 4 (2184330)

๐ หากรู้เท่ารู้ทันยามฝันชื่น
เพียงปลุกใจเต็นตื่นคลายขื่นขม
ยอมรับรสพจน์หวานผ่านอารมณ์
แล้วเก็บบ่มความฝันนั้นแนบใจ

๐ ที่ห้วงลึกแดดาลอันหวานซึ้ง
ย่อมตราตรึงรอยรูปอยู่วูบไหว
และย่อมรู้รูปนั้นเพียงฝันไป
หาดังใช่สิ่งหวังที่ยั่งยืน
(วลีลักษณา)

ผู้แสดงความคิดเห็น วลีลักษณา วันที่ตอบ 2011-06-07 09:00:05


ความคิดเห็นที่ 5 (2184335)

๐ แต่เมื่อหวัง ยังไม่ ไร้จนสิ้น
ยังถวิล รักหมาย คลายขมขื่น
แม้เคยพลั้ง พังยับ กับวันคืน
ยังหมายชื่น ฝันใหม่ ใครสักคน

๐ แม้ระโหย โรยแรง แทบแห้งเหือด
ถึงโดนเชือด เลือดหลั่ง กี่ครั้งหน
อดีตเจ็บ เหน็บหนาว ร้าวกมล
มิจำนน ค้นหา รักมาเคียง
(อักษรารำพัน)

ผู้แสดงความคิดเห็น อักษรารำพัน วันที่ตอบ 2011-06-07 09:09:08


ความคิดเห็นที่ 6 (2184339)

๐ คือดิ้นรนแห่งใจจะไขว่คว้า
ปรารถนายามหลากก็ยากเลี่ยง
ยังวาดหวังมีใครไว้ร่วมเรียง
แม้เป็นเพียงภาพฝันไม่หวั่นคอย

๐ จะกี่ครั้งกี่คราวที่หนาวเหน็บ
จะกี่เจ็บฤๅจะจำแม้ช้ำ, บ่อย
หรือกี่คราลาร้างจืดจางรอย
แม้เพียงน้อยรอยหวานให้ผ่านเยือน (วลีลักษณา)

http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=waleelaksana

ผู้แสดงความคิดเห็น วลีลักษณา วันที่ตอบ 2011-06-07 09:15:12


ความคิดเห็นที่ 7 (2184340)

๐ แม้ผ่านร้อน ย้อนหนาว กี่คราวครั้ง
ภาพความหลัง ครั้งอดีต ตามกรีดเฉือน
ถึงจะเจ็บ เหน็บนัก ยามรักเลือน
ยังแชเชือน หารัก พิงพักใจ

๐ ต้องตรอมตรม ซมซาน มานานนับ
ใจประทับ กับรอย แผลน้อยใหญ่
ยังไม่ล้า ราโรย หาโหยใคร
มารักษา แผลใน หัวใจตัว
(อักษรารำพัน)

ผู้แสดงความคิดเห็น อักษรารำพัน วันที่ตอบ 2011-06-07 09:21:20


ความคิดเห็นที่ 8 (2184342)

๐ เพราะหลายครั้งหลายคราวที่ร้าวรัก
คงเจ็บหนักจักผสานก็รานทั่ว-
ทั้งอกใจโดนเค้นจนเต้นรัว
คงน่ากลัวแท้เทียวจะเยียวยา

๐ ปล่อยลาลับกับกาลให้ผ่านพ้น
ความหมองหม่นใช่จักต้องรักษา
ไม่ช้านานผ่านล่วงที่ลวงตา
จะพบว่าแสงสว่างยังพร่างพราย
(วลีลักษณา)

ผู้แสดงความคิดเห็น วลีลักษณา วันที่ตอบ 2011-06-07 09:27:58


ความคิดเห็นที่ 9 (2184346)

๐ เวลากลบ ลบเลือน ได้เหมือนว่า
คล้ายกับยา มาล้าง ให้จางหาย
แผลในใจ ใหญ่น้อย อาจพลอยคลาย
ดีกว่าหมาย ตะกายฝัน อันวังเวง

๐ ฝันใดเล่า เท่าฝัน วันสิ้นโศก
อยู่ในโลก ที่ไร้ ใครข่มเหง
แม้นมิอาจ ฝืนห้าม ความวังเวง
กอดตัวเอง ดีกว่า หาใครควง
(อักษรารำพัน)
 

ผู้แสดงความคิดเห็น อักษรารำพัน วันที่ตอบ 2011-06-07 09:34:20


ความคิดเห็นที่ 10 (2184351)

๐ ฝันใดเล่าเท่าฝันในวันเหงา
เพียงมีเงาเป็นเพื่อนเหมือนคอยหวง
มีพจน์หวานดังตาลผ่านสู่ทรวง
อื่นใดปวงฤๅล่วงห้วงคะนึง

๐ เสียงขลุ่ยคลอยามค่ำแสนฉ่ำหวาน
แทนคำขานเคยถามยามคิดถึง
เนิ่นนานแล้วแว่วเสียงเพียงรำพึง
เก็บความซึ้งซ่อนอยู่ไม่รู้เลือน
(วลีฯ)

ผู้แสดงความคิดเห็น วลีลักษณา วันที่ตอบ 2011-06-07 09:43:03


ความคิดเห็นที่ 11 (2184359)

๐ เสียงขลุยแผ่ว แว่วครา ยามฟ้าหลัว
ช่างหมองมัว หัวใจ หาใดเหมือน
เสียงขลุ่ยครวญ หวนช้ำ มาย้ำเตือน
รอยอดีต กรีดเฉือน ย้อนเยือนตน
(อักษราฯ)

ผู้แสดงความคิดเห็น อักษรารำพัน วันที่ตอบ 2011-06-07 09:48:53


ความคิดเห็นที่ 12 (2184375)

๐ จันทร์เจ้าแฝงดวงรางคล้ายพรางงาม
จนผ่านยามราตรีทีมัวหม่น
ใจหนอยิ่งเย็นชืดมืดเสียจน
ห้วงเวหนห่างหายพรายดาวเดือน

๐ เพียงขลุ่ยครวญคล้ายปลอบและตอบรับ
จะคว้าจับรูปรอยก็คล้อยเคลื่อน
อยู่ท่ามกลางซ่อนเร้นเห็นรางเลือน
ยังแชเชือนเหมือนหลอกยั่วหยอกจินต์
(วลีฯ)

http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=waleelaksana

ผู้แสดงความคิดเห็น วลีลักษณา วันที่ตอบ 2011-06-07 09:59:28


ความคิดเห็นที่ 13 (2184386)

๐ เมื่อจันทร์แจ่ม แย้มพราย หลังกรายหลบ
กลับไม่พบ หน้านวล ครวญถวิล
อยู่กับความ เหว่ว้า จนชาชิน
จนไร้สิ้น น้ำตา เคยบ่านอง

๐ เก็บความช้ำ คร่ำครวญ ในส่วนลึก
ปิดผนึก เอาไว้ ใต้ความหมอง
ลืมความสุข ทุกเสี้ยว เคยเกี่ยวดอง
แล้วไปมอง ท้องฟ้า สบตาจันทร์
(อักษรารำพัน)

ผู้แสดงความคิดเห็น อักษรารำพัน วันที่ตอบ 2011-06-07 10:10:31


ความคิดเห็นที่ 14 (2184391)

๐ เป็นจันทร์เพ็ญเด่นนวลให้หวนถึง
จะคว้าดึงย่อมได้เพียงในฝัน
มิไยที่เพ้อคำร่ำรำพัน
คงไร้วันที่หวังจะรั้งรอ

๐ คงหลุดลอยคล้อยเคลื่อนคล้ายเดือนลับ
โศกเศร้ากับอาวรณ์หากวอนขอ-
ให้เพ็ญจันทร์ผ่องพรายฉายแสง, ทอ
ประกาย ยอนวลพร่างลงกลางทรวง
(วลีลักษณา)

ผู้แสดงความคิดเห็น วลีลักษณา วันที่ตอบ 2011-06-07 10:22:29


ความคิดเห็นที่ 15 (2184400)

๐ ล่วงอีกคืน ฝืนร่าง อย่างเหน็บหนาว
แสงเดือนพราว วาววับ ทาบทับสรวง
มีดาวแจ่ม แซมเห็น เป็นรุ้งรวง
งามโชติช่วง ห้วงฟ้า ดาราราย

๐ รักเคยสร้าง ทางฝัน อันเจิดจ้า
เหมือนนภา ราตรี มีจันทร์ฉาย
เมื่อโรยรา พาคว้าง อย่างเดียวดาย
เหมือนจันทร์กราย ย้ายเคลื่อน สู่เดือนแรม
(อักษราฯ)

ผู้แสดงความคิดเห็น อักษรารำพัน วันที่ตอบ 2011-06-07 10:33:10


ความคิดเห็นที่ 16 (2184407)

๐ ยามเดือนแรมรูปเรียวซีดเซียวหม่น
แต่เกลื่อนหนด้วยดาวยังพราวแต้ม
คืนผ่านพ้นวนวันจวบจันทร์แย้ม
เพ็ญกลับแจ่มกลางหาวอีกคราวครั้ง

๐ ต่างจากแสงข้างในที่ใจนั่น
กลับนับวันมัวหม่นจนสิ้นหวัง
ไร้วี่แววเรื่อรองส่องนวล,ดัง
ชีพไร้ฝั่งกลางมืดดับชั่วกัปกาล
(วลีลักษณา)

ผู้แสดงความคิดเห็น วลีลักษณา วันที่ตอบ 2011-06-07 10:43:19


ความคิดเห็นที่ 17 (2184410)

๐ คืนเดือนแรม แก้มช้ำ น้ำตาไหล
สู้หมายใจ ได้ปอง ละอองหวาน
หวังครองคู่ ชูชื่น ยั่งยืนนาน
กลับร้าวราน รักลา ช่างน่าชัง

๐ จะกี่ปี กี่เดือน ดูเหมือนว่า
ใจที่ล้า รารอ หมายก่อหวัง
ถ้อยสัญญา ครานั้น ใจฉันยัง
เตือนให้ยั้ง รอคอย บนรอยเดิม
(อักษรารำพัน)

ผู้แสดงความคิดเห็น อักษรารำพัน วันที่ตอบ 2011-06-07 10:50:16


ความคิดเห็นที่ 18 (2184416)

๐ ได้ประจักษ์ในจิตซึ้งพิษรัก
ไม่หมายภักดิ์ผู้ได้มาไว้เสริม
เมื่อสิ้นแล้วไม่ขอรอต่อเติม
ไม่มีเริ่มไม่มีจบลบอาลัย

๐ มิเหลือใจแสนเจ็บไว้เก็บกัก-
ด้วยตรึงปักเงาหม่น..ยากพ้นได้
ยังมืดดำคล้ำเศร้าและเหงาใจ
จนไม่เหลือเยื่อใยมอบใครครอง


๐ สายเสียแล้วสายฝันเมื่อผันช่วง
ไม่อาจพ่วงพันให้หัวใจสอง
ได้สานเกลียวเหนี่ยวนำเข้าจำจอง
แม้หมายปองคล้องไว้ด้วยนัยเดียว

๐ แต่ว้าเหว่หวั่นไหวก็ไม่หยุด
เหมือนตามยุดฉุดเร้าด้วยเปล่าเปลี่ยว
แม้ว่ามานขาวซีดนั้นรีดเรียว
เกิดกว่าเกี่ยวสายฝันสู่วันไกล
(วลีลักษณา)

http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=waleelaksana

ผู้แสดงความคิดเห็น วลีลักษณา วันที่ตอบ 2011-06-07 11:03:39


ความคิดเห็นที่ 19 (2184426)

๐ ดึกคืนนี้ มีดาว พร่างพราวแสง
แต่ฤาแข่ง แสงจันทร์ อำพันใส
ฟ้าสกาว พราวสวย โปรดอวยชัย
ช่วยเปลี่ยนใจ ใครหนึ่ง ซึ่งหมายปอง

๐ เธอถูกรัก หักอก จนหมกไหม้
เมื่อรักจาก พรากไป จนใจหมอง
แม้มีชาย หมายเมียง คู่เคียงครอง
ไม่แยแส แลมอง แม้ต้องตา


๐ ยังอาลัย ใจภักดิ์ ในรักเก่า
อยู่ใต้เงา เศร้าสร้อย ละห้อยหา
ทนอาวรณ์ นอนเดี่ยว เปลี่ยวเอกา
แม้เวลา จะผ่าน เนิ่นนานแล้ว

๐ วอนฟ้าสวย ช่วยให้ เผยใจนาง
ให้กระจ่าง พร่างพราย ประกายแก้ว
อาจบางที ที่.รัก จักฉายแวว
ให้เพริศแพร้ว อีกครา ใต้ฟ้างาม


๐ ทุกทำนอง สองเรา เคยก้าวผ่าน
ยังร้าวราน หวนไห้ เกินไหวหวาม
เมื่อนัยน์ตา มีน้ำ ผุดฉ่ำวาม
มิเหลือความ เข้มแข็ง แห่งดวงใจ

๐ จะเริ่มรัก ถักฝัน นั้นแสนยาก
เพราะรอยบาก ถากลึก ผนึกให้-
ใจหมางเมิน เกินจัก คิดรักใคร
จมหมองไหม้ เหมือนดั่ง กำลังล้า


๐ เส้นขอบโค้ง ตรงนั้น ตะวันตก
ยังพลิกผก ตะวัน ผันเจิดจ้า
แต่ความรัก ที่ร้าง และห่างตา
มิกลับมา อีกแน่ รู้แก่ใจ

๐ ความทรงจำ ทำร้าย เวียนร่ายภาพ
และเจ็บปลาบ ทุกครั้ง เกินยั้งได้
คนหนึ่งพราก จากกัน พลันมีใคร
พร้อมก้าวไป สู่ฝัน ลืมกันแล้ว
(อักษรารำพัน)

ผู้แสดงความคิดเห็น อักษรารำพัน วันที่ตอบ 2011-06-07 11:32:50


ความคิดเห็นที่ 20 (2184431)

๐ หากอีกใจยังคงดำรงมั่น
ไม่แปรผันวาดหวานแม้ผ่านแผ่ว-
เรียวรีดรอยพิศสวาทฤๅคลาดแคล้ว
กลับตรึงแนวบอบบางลงกลางทรวง

๐ ด้วยไม่อาจลบรอยที่คอยหลอก
ยังยั่วหยอกรุมเร้าให้เฝ้าหวง
รู้รักเช่นเสน่หา..แค่ค่าลวง
ยังติดบ่วงพ่วงพันสุดบั่นทอน


๐ เสียงเพรียกจากหัวใจไม่เคยหยุด
และยากฉุดเหนี่ยวรั้ง..สิ้นหวัง,ถอน
สลักนั้นตรึงมั่นนิรันดร
และคอยย้อนรอยย้ำทุกค่ำคืน

๐ จันทร์เจ้าเอยนวลใยที่ในฟ้า
เคยเจิดจ้าอาบผ่านบนมาน, ผืน
กลับกลายหมองหม่นคล้ำให้กล้ำกลืน
สิ้นแสงโสมโลมรื่น..เหลือขื่นทรวง
(วลีฯ)

ผู้แสดงความคิดเห็น วลีลักษณา วันที่ตอบ 2011-06-07 11:49:09


ความคิดเห็นที่ 21 (2184437)

๐ ยินเสียงใจ บอกจันทร์ วันฟ้ากว้าง
ดูเหมือนนาง วางใจ มิใคร่หวง
ราวจะบอก ความใน ใจทั้งปวง
ว่าแดดวง หนึ่งนี้...มีผู้ใด

๐ หรือจะอำ ความนัย มิใคร่เผย
ก็เกินเลย อันมนุษย์ สุดวิสัย
ถนอมนวล ชวนชื่น รื่นฤทัย
หรือเกรงใจ ใครอื่น ที่ชื่นครอง

๐ แม้ใจนาง ร้างใคร ที่ใฝ่ฝัน
ขอผูกพัน มั่นอยู่ เป็นคู่สอง
กับโฉมงาม ทรามวัย ที่ใฝ่ปอง
ขอจับจอง ห้องใจ มิไคลคลา
(อักษรารำพัน)

ผู้แสดงความคิดเห็น อักษรารำพัน วันที่ตอบ 2011-06-07 12:02:14


ความคิดเห็นที่ 22 (2184443)

๐ สรวงฟ้าเอยเผยให้เพียงได้ฝัน
เพื่อใครนั้นเฝ้าคอยละห้อยหา
เพียงร่ำพากย์ฝากให้ผู้ไกลตา
ด้วยหมายตราตรึงขวัญเกี่ยวพันไว้

๐ โปรดรับรู้อาวรณ์อันอ่อนหวาน
ที่จดจารจากขวัญผู้ฝันใฝ่
โปรดรับรู้ห่วงหาและอาลัย
มอบจากใจคนเหงาคอยเคล้าคลอ
(วลีลักษณา)

http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=waleelaksana

ผู้แสดงความคิดเห็น วลีลักษณา วันที่ตอบ 2011-06-07 12:17:03


ความคิดเห็นที่ 23 (2184448)

๐ ค่ำคืนนี้ มีดาว สกาวใส
มีหนึ่งใจ ใครหมอง ร่ำร้องขอ
ให้หนึ่งใจ ใครนั้น ที่ฝันรอ
กลับมาก่อ ทอฝัน เหมือนวันวาน

๐ คิดเอย คิดถึง คนึงนัก
มอบใจภักดิ์ รักเอย เคยหอมหวาน
หมายสลัก รักไว้ ให้แสนนาน
หากร้าวราน ซานซม ฤาสมควร
(อักษรารำพัน)

ผู้แสดงความคิดเห็น อักษรารำพัน วันที่ตอบ 2011-06-07 12:32:03


ความคิดเห็นที่ 24 (2184453)

๐ รวยรินรา- ตรีหอมรอบล้อมถิ่น
ให้โชยกลิ่นรื่นหวานผ่านลมหวน
ออในอกผู้ร่ำคำคร่ำครวญ
ว่ารักรวนแรมร้างจืดจางแล้ว

๐ เพื่อปลอบขวัญคนไกลผู้ใฝ่ฝัน
คลายไหวหวั่นอาวรณ์ให้ผ่อนแผ่ว
แม้หนึ่งหวังเลือนรางเคยพร่างแพร้ว
อย่าคลาดแคล้วอีกหวังจนพังครืน
(วลีลักษณา)

ผู้แสดงความคิดเห็น วลีลักษณา วันที่ตอบ 2011-06-07 12:43:11


ความคิดเห็นที่ 25 (2184464)

๐ ถึงเพียงแม้ แค่ฝัน อันลางเลือน
มิแชเชือน ชะตา หากฟ้ายื่น
ขอหัวใจ..ได้ซึ้ง แค่หนึ่งคืน
แม้เมื่อตื่น ลืมตา รักราโรย

๐ เพียงปลายก้อย น้อยหนึ่ง ก็ซึ้งค่า
กับอุรา ครวญคร่ำ ร่ำหาโหย
เหมือนดินแห้ง แล้งหมาย พระพายโชย
พาฝนโปรย พรายพร่าง หลังร้างไกล
(อักษราฯ)

ผู้แสดงความคิดเห็น อักษรารำพัน วันที่ตอบ 2011-06-07 12:56:06


ความคิดเห็นที่ 26 (2184469)

๐ สายฝนหล่นจากฟ้าสู่หล้าโลก
ให้ชุ่มโชกใจฝันผู้หวั่นไหว
รื่นเย็นอยู่เช่นนั้นทุกวันไป
จวบพบใจอีกใจฝากให้กัน

๐ ที่แสนไกลสุดเหลียวจะเกี่ยวก้อย
เพียงเฝ้าคอยพบได้แค่ในฝัน
ยังสบตาฝากไว้ในเพ็ญจันทร์
เพื่อพ่วงพันสายใยเป็นนัยเดียว
(วลีลักษณา)

http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=waleelaksana

ผู้แสดงความคิดเห็น วลีลักษณา วันที่ตอบ 2011-06-07 13:05:05


ความคิดเห็นที่ 27 (2184477)

๐ ระยะทาง หว่างฟ้า ใช่สาเหตุ
ถึงห่างเนตร เจตจินต์ มิสิ้นเหนี่ยว
หากผูกพัน มั่นหมาย มิคลายเกลียว
ให้สุดหล้า ฟ้าเขียว ยังเกี่ยวพัน

๐ แต่หากใจ ไม่มั่น ยังหวั่นไหว
ถึงอยู่ใกล้ ไม่ต่าง กับร้างฝัน
หากมั่นใน ใจสอง ที่คล้องกัน
ห่างเพียงไหน ไม่หวั่น สัมพันธ์เลือน


๐ ขอเพียงใจ แน่นหนัก ในรักนี้
ห่มฤดี ที่รัก ฤๅจักเลื่อน
จะลาร้าง ห่างหาย หลายปีเดือน
ก็อุ่นเหมือน อยู่ใกล้ แม้ในฝัน

๐ แต่หากชัง หวังใกล้ กับไกลห่าง
เพราะจินต์สร้าง กำแพง แอบแฝงกั้น
เบื่อและหน่าย คลายรัก หักสัมพันธ์
นั่งมองกัน แต่ใจ ไฉนชัง
(อักษรารำพัน)

ผู้แสดงความคิดเห็น อักษรารำพัน วันที่ตอบ 2011-06-07 13:15:53


ความคิดเห็นที่ 28 (2184484)

๐ ยากยิ่งนักแยกได้คำใครนั้น
หากสานต่อทอฝันก็หวั่นหวัง
จะจบสิ้นถวิลหาถึงคราพัง
จึงควรรั้งใจตน..อาจกลลวง

๐ ปล่อยเวลาเผยเร้นที่เป็นอยู่
ว่าควรคู่หรือไม่ ที่ใจหวง
อาจสิ้นลบจบไปไม่ถามทวง
จึงกันทรวงพ้นช้ำเข้ากล้ำกราย

๐ เกรงเจ็บช้ำซ้ำหนจนยากหัก
ยามสิ้นรักดังวันขวัญสลาย
หากหลงลมเพลี่ยงพล้ำกับคำชาย
อาจต้องตายทั้งเป็นโดนเข่นทรวง

๐ ฉันใดหนอเชื่อได้นะใจนั้น
หลอกให้ฝัน..ปั้นคำร่ำว่าหวง
พิสูจน์ได้อย่างไรว่าไม่ลวง
หวั่นช้ำทรวงยิ่งนักหากรักใคร
(วลีลักษณา)


ผู้แสดงความคิดเห็น วลีลักษณา วันที่ตอบ 2011-06-07 13:27:32


ความคิดเห็นที่ 29 (2184487)

๐ หวังเอยหวัง ตั้งไว้ อย่าให้สิ้น
มิสมจินต์ เลยหรือ ฤา.ไฉน
เย็นน้ำค้าง ร่างสั่น หวั่นฤทัย
เฝ้าคอยใคร ให้กลับ ประทับทรวง

๐ เห็นน้ำค้าง พร่างพราย กลางสายหมอก
ราวเย้าหยอก หมอกพราย ก่อนหายล่วง
เมื่อตะวัน สาดแสง เต็มแดงดวง
ก็เกินหน่วง ห้วงฝัน อันพราวแพรว๚ะ๛
 (อักษรารำพัน)

ผู้แสดงความคิดเห็น อักษรารำพัน วันที่ตอบ 2011-06-07 13:35:43


ความคิดเห็นที่ 30 (2184682)

ก็ดีนะ ขอแต่อย่าเป็นหอยแมลงภู่ ยังไงก็ปลุกกระแสได้ครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น สมศักดิ์ ศรีเอี่ยมกูล นักกลอนครับ (somsak-poet-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2011-06-08 01:06:29


ความคิดเห็นที่ 31 (2184692)

กราบเรียน ท่านอาจารย์สมศักดิ์ ที่เคารพ

ความตั้งใจก็คือการปลุกกระแสจริงๆนั่นแหละครับ ปกติก็เล่นตามเวปต่างๆและก็ที่บล็อคของตัวเองแหละครับ บังเอิญมีคนแนะนำที่นี่ก็เลยเข้ามาลองโพสดูครับ ก็ได้รับการเตือนเหมือนกันครับว่า โพสที่นี่ก็ต้องเปิดใจหน่อย เพราะว่ามีแต่ชั้นครูทั้งนั้น ต้องรับได้กับคำวิจารณ์ และ/หรือ การกระแนะกระแหนที่อาจจะตามมา (ซึ่งอันนี้ผมสงสัยอยู่ครับ ว่า กระแนะกระแหนด้วยเรื่องและเหตุผลกลใด) ก็เตรียมใจไว้แต้แรกแล้วครับว่าเจออะไรก็เจอเถอะ มันก็แค่โลกไซเบอร์ ไม่ใช่โลกแห่งความจริง

ก็เห็นบ้านค่อนข้างเงียบ ทั้งๆที่เป็นโฮมเพจของ สมาคมนักกลอนฯ แต่นานๆครั้งถึงจะมีกลอนมาโพสให้ได้อ่านสักที เลยพยายามจะปลุกกระแสดูอย่างที่อาจารย์ว่าแหละครับ ความสุขของผมก็คือได้ฝึกเขียนกลอน และได้อ่านบทกลอนเพราะๆ จากหลายๆท่าน เท่านั้นเองครับ...

 

ว่าแต่ "หอยแมลงภู่" ที่อาจารย์เขียนไว้นั้น มันหมายความว่าอะไรครับ คือผมตีความไม่ออกจริงๆครับ......

เคารพและนับถือ

อักษรารำพัน

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อักษรารำพัน วันที่ตอบ 2011-06-08 06:46:02


ความคิดเห็นที่ 32 (2184816)

โลกไซเบอร์  บนโลกแห่งความจริง.

ผู้แสดงความคิดเห็น ผู้มาเยือน วันที่ตอบ 2011-06-08 12:58:39


ความคิดเห็นที่ 33 (2184978)

อ่านกลอนอื่นๆ ของผมได้ที่นี่ครับ

http://www.oknation.net/blog/Theerayutt

ผู้แสดงความคิดเห็น อักษรารำพัน วันที่ตอบ 2011-06-08 22:05:36


ความคิดเห็นที่ 34 (2184999)

คุณ คหที่ ๓๓

 

ขอบคุณในความกรุณาที่นำลิงค์มาวางนะครับ เป็นบล็อคของน้องธีรยุทธที่ผมแวะไปโพสบ้างในบางโอกาสครับ........

อักษรารำพัน(ตัวจริง)

ผู้แสดงความคิดเห็น อักษรารำพัน วันที่ตอบ 2011-06-09 00:31:01


ความคิดเห็นที่ 35 (2185088)

สวัสดีครับ  คุณอักษรารำพัน

            ผมมีเพื่อนชื่อคล้าย ๆ คุณ อยู่สองคน  หญิงชื่อ อักษรา  ลำพู (ชื่อจริงครับ) ฝีมือกลอนชั้นครู  ชายชื่อ อักขรานุรักษ์ (นามปากกา) เป็นนักล่ารางวัล นักเขียนงานประกวด  ผมมีร้อยกว่ารางวัลยังไม่ได้ถึงครึ่งของ "อักขรานุรักษ์" เลยครับ

            ขอบคุณที่มาคุยกัน ถ้าคุณเข้ามานานกว่านี้สักหน่อยก็คงจะได้เห็นได้เข้าใจเป็นอย่างดีไปแล้ว  ผมเข้าใจเจตนาของคุณความเป็นนักกลอน และเป็นนักกลอนแท้ ย่อมต้องมีความคิดและจิตใจอย่างคุณนั่้นแหละ  ที่กำลังเหน็ดเหนื่อยกับการปลุกกระแสขณะนี้อีกคนหนึ่งก็คือ  "จาตนิน ไม่สิ้น จินตนา" คนนี้ฝีมือดีมาก ความพยายามเป็นเลิศ แต่ถ้าเหนื่อยเปล่าก็น่าสงสารครับ ทางสายนี้ผมเดินมานานแล้ว ยาวไกลมากด้วย

              ผมก็กำลังทดสอบกำลังใจคุณ แต่คุณก็เตรียมตัวเตรียมใจมาเป็นอย่างดีแล้ว ก็ดีครับดีมากด้วย ถ้าน้ำดีทำงาน น้ำตาลก็หมดฤทธิ์ครับ น้ำแม่เจ้าพระยาำ็ก็ไม่ต้องหวานกินตาย คุณว่าจริงมั้ย คำว่า หอยแมลงภู่ นั่นแหละผมกระแหนะกระแหนคุณ หมายถึง สองเพศในตัวเดียว เคยเห็นมานานแล้วอ่านแล้วมันไม่ค่อยให้อารมณ์ แต่ถ้าจับคู่ชายจริงหญิงแท้ได้ นั่นแหละของวิเศษ ผมเคยเห็นเมื่อ ๓๐ กว่าปีมาแล้วจนวันนี้ยังประทับใจไม่ลืม  (บัว  บุรี กับ บังอร  บุญญาศัย  รวมเล่มเป็นหนังสือชื่อ ช่อแคแดง สุดยอดครับ) และก็เคยทำมาเองทั้งในรายการวิทยุ ทั้งทางหน้านิตยสาร น่ารักออกจะตาย เล่นกันเรื่องสร้างสรรค์ เรื่องของความรัก อย่างที่คุณทำนั่นแหละ 

               ปัจจุบันก็แอบ ๆ เล่นอยู่ เราเขียนกันสองคนแบบคนแปลกหน้า เพราะเราไม่รู้จักกันจริง ๆ ปรากฏว่ามีคนตามอ่านจำนวนมาก มีคนเข้ามาแจมจำนวนไม่น้อย    รักนะครับ...

ผู้แสดงความคิดเห็น สมศักดิ์ ศรีเอี่ยมกูล นักกลอนครับ (somsak-poet-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2011-06-09 12:36:13


ความคิดเห็นที่ 36 (2185116)

กราบเรียนท่าน อาจารย์สมศักดิ์ ที่เคารพ

ก่อนอื่นต้องขอเรียนให้อาจารย์ทราบก่อนนะครับ ว่าผมไม่ใช่ วลีลักษณา ครับ วลีลักษณา เป็นนามปากกาของมิตรอักษรท่านหนึ่ง ซึ่งเราได้พบกันในเวปกลอนครับ และได้ต่อกลอนกันมาประมาณปีนึงแล้วครับ เป็นสุภาพสตรีจริงๆ หรือพูดง่ายๆก็เป็นหญิงแท้นั่นแหละครับ

กลอนที่เห็นโพสต่อๆกันมานั้น เป็นกลอนที่แต่งโดย วลีลักษณา จริงๆครับ เขียนต่อกันกับผม บล็อคที่โชว์ใต้กลอนนั้นเป็นบล็อคกลอนของคุณวลีลักษณาเองเลยครับ ส่วนของผมนั้นจะตระเวณไปตามเวปกลอนเสียมากกว่าครับ

อีกอย่างคือ ผมอาจจะมีหลายนามปากกา แต่ทุกนามปากกา ผมไม่เคยรับบทป็นหญิงเลยครับ เขียนกลอนเป็นผู้ชายตลอดครับ ที่ใช้หลายนามปากกานั้นก็เนื่องจากอายุของสมาชิกในแต่ละเวปครับ เพื่อสะดวกในการต่อกลอนเท่านั้นเอง

เพราะฉนั้นคงไม่ใช่หอยแมลงภู่หรอกครับ ๕๕๕ แต่อีกอย่างที่จะต้องบอกกล่าวไว้ให้อาจารย์ได้รับทราบก็คือ จาตนิน ไม่สิ้น จินตนา ก็เป็นหนึ่งในนามปากกาของผมเองครับ

ผมตกภาษาไทยมาตั้งแต่ประถมยันมัธยมปลาย จึงต้องไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยในต่างประเทศเพราะไม่มีวิชาภาษาไทยครับ คำครุ ลหุ ก็พึ่งจะมาเข้าใจได้สักสองสามเดือนที่ผ่านมานี่เองครับ ผมมาเริ่มหัดเขียนกลอนตอนปี ๒๕๕๑ ตอนที่ไปทำงานที่มาเลเซีย ได้อาจารย์ในเวปต่างๆช่วยสอนช่วยเกลาให้ แต่ก็ยังไปไม่ถึงไหนเลยครับ

ทุกวันนี้อยู่เมืองไทยครับ ยังไม่ได้ทำอะไรเป็นเรื่องเป็นราวก็เลยเขียนกลอนเล่นไปเรื่อยๆก่อนครับ หากมีคำแนะนำใดๆที่จะให้ก็ขอเชิญเลยนะครับ ที่เมล์ผม jpkata88@gmail.com หรือถ้าสะดวกที่จะคุยก็มือถือผมเลยครับ 0800822365

ผมอยู่ที่ชุมพรครับตอนนี้ ไปๆมาๆระหว่าง กาญจน์กับชุมพรครับ

เคารพ นับถือ

อักษรารำพัน (จาตนิน)

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อักษรารำพัน วันที่ตอบ 2011-06-09 14:01:21


ความคิดเห็นที่ 37 (2185170)

ยินดีครับที่ได้รู้จัก  และขอโทษที่เข้าใจผิดไป  ไม่น่าเชื่อไอ้สองคนที่ผมนึกชอบ ดันเป็นคนเดียวกันซะนี่ รักนะครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น สมศักดิ์ ศรีเอี่ยมกูล นักกลอนครับ (somsak-poet-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2011-06-09 17:12:12



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.