ReadyPlanet.com


แนวทาง ทางการประกวด รางวัล กวีซีไรต์ ฉบับธรรมาภิบาล


แนวทาง ทางการประกวด รางวัล กวีซีไรต์ ฉบับธรรมาภิบาล โปร่งใสตรวจสอบได้

1. คณะกรรมการตัดสินรางวัลรอบแรกมี ควรประกอบด้วย

1.1    กวีซีไรต์  ในปีก่อนๆ

1.2     ตัวแทน สมาชิกสมาคมนักกลอนแห่งประเทศไทย  

1.3  นักวิชาการ  ผู้ทรงคุณวุฒิ  ที่สังคมให้การยอมรับ

 

จำนวนคณะกรรมการ รวมแล้วประมาณ  4X3 =12  ท่าน   อัตราส่วนกวีให้มากกว่านักวิชาการ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ “มโนมยจักษุ”  แห่งกวี คัดสรร ผลงานคุณภาพ และ ควรจัดให้มีแบบประเมินทางสถิต ในการให้คะแนน  โดยจัดลำดับคะแนนเป็นอันตรภาคชั้น เพื่อความโปร่งใสในการตรวจสอบ มีหลักฐานทางสถิติยืนยันอ้างอิงได้

 

อัตราส่วนหนังสือที่จะผ่านเข้ารอบ อาจตั้งไว้ที่ ร้อยละ 15  หรือตามความเหมาะสม  รอบแรกเป็นรอบที่สำคัญ เพราะถ้ารอบแรกคัดสรร ผลงานที่ไม่มีคุณภาพ ก็จะเท่ากับมัดมือชกกรรมการในรอบตัดสิน ให้จำใจต้องคัดเลือกงานด้อยคุณภาพให้ได้รับรางวัลกวีซีไรต์

 

2. คณะกรรมการตัดสินรางวัลรอบตัดสิน ประกอบด้วย

                2.1 คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ค่าน้ำหนักคะแนนรวมกัน เท่ากับ 50%) ประกอบด้วย

      2.1.1 กวีซีไรต์  ในปีก่อนๆ

      2.1.2  ตัวแทน สมาชิกสมาคมนักกลอนแห่งประเทศไทย  

      2.1.3  นักวิชาการ  ผู้ทรงคุณวุฒิ  ที่สังคมให้การยอมรับ

      2.1.4  ราชบัณฑิต

2.2    ประชาชน  (ค่าน้ำหนักคะแนน 50%)

คะแนนจากคณะกรรมการข้อ 2.1 + 2.2  = หนังสือรางวัลกวีซีไรต์
ในกรณีคะแนนรวมเท่ากัน ให้ผู้ได้คะแนน ผลโหวตของประชาชน  สูงที่สุดเป็นผู้ได้รับรางวัล
ในกรณีคะแนนผลโหวตของประชาชนเท่ากัน ให้ผู้ที่ได้คะแนนข้อ 2.1.1  สูงสุด ได้รับรางวัล

 ในกรณีคะแนนข้อ 2.1.1  เท่ากัน ให้ผู้ที่ได้คะแนนข้อ  2.1.2  สูงสุดได้รับรางวัล

ในกรณีคะแนนข้อ 2.1.2  เท่ากัน ให้ผู้ที่ได้คะแนนข้อ  2.1.3  สูงสุดได้รับรางวัล

ในกรณีคะแนนข้อ 2.1.3 เท่ากัน ให้ผู้ที่ได้คะแนนข้อ  2.1.4  สูงสุดได้รับรางวัล



ผู้ตั้งกระทู้ กวินทรากร :: วันที่ลงประกาศ 2007-07-10 14:00:20


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (937407)

กรณีที่ได้คะแนนทุกลำดับเท่ากันให้ ให้ผู้ที่ส่งผลงานกับกองประกวดก่อน เป็นผู้ได้รับรางวัล

ในรอบตัดสิน อุปมาดั่ง ช่าง เจียระไน  เพชร เมื่อได้เพชรแล้ว ต้องนำมาส่องดู  เหลี่ยม มุม ตำหนิของ เพชร พร้อมสอดแทรกคำวิพากษ์ อย่างตรงไปตรงมา เพื่อให้นักเขียนได้มีโอกาสปรับปรุงต่อไปในอนาคต และเพื่อเพิ่มความรู้ให้กับประชาชนผู้สนใจ ฉะนั้นรอบตัดสินนี้จะต้อง พึ่งความรู้ของนักวิชาการ และ มโนมยจักษุ ของนักกลอนและกวีซีไรต์ ในปีก่อนๆ แต่ก็ควรให้ประชาชนทั่วไปได้ร่วมโหวต ร่วมแสดงความคิดเห็น ร่วมให้กำลังใจ ผ่านทาง SMS ด้วย    โดยคณะกรรมการผู้ดำเนินงาน อาจขอความร่วมมือกับสถานีโทรทัศน์แห่งใดแห่งหนึ่ง เป็นแม่งานหลัก เมื่อทำได้ดั่งนี้แล้ว ก็จะเพิ่มความศักดิ์สิทธิ์ ให้กับรางวัล ซีไรต์ และจะเพิ่มกวีหน้าใหม่อีกทั้งเป็นการปลุกจิตสำนึกรักในวรรณศิลป์ ให้กลับมาตื่นฟื้น ในหมู่เยาวชนไทย ได้ไม่ยากนัก

ผู้แสดงความคิดเห็น กวินทรากร วันที่ตอบ 2007-07-10 14:01:13


ความคิดเห็นที่ 2 (937408)

เห็นด้วย น่าลองดู แต่ควรเริ่มจากผลักดันให้เกิดเวทีถกกันในวงกว้างก่อนหลายๆ ยก

ผู้แสดงความคิดเห็น ไศล วันที่ตอบ 2007-07-10 16:47:05


ความคิดเห็นที่ 3 (937409)

ผมว่าทำได้นะ
ยิ่งเค้ารณรงค์การใช้ภาษาไทยกันอยู่ด้วยก็ไปร่วมแจมกะเขาด้วยเลย โบโครงการนั้น อะไรทำนองนี้

ผู้แสดงความคิดเห็น กวินทรากร วันที่ตอบ 2007-07-10 16:53:08


ความคิดเห็นที่ 4 (937410)

น่าจะส่งแนวคิดนี้

ผ่านไปทางโอเรียนเต็ล

สมาคมนักเขียนฯ

หรือองค์กรต่างๆ ที่เกี่ยวข้องด้วยนะครับ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น สายชล วันที่ตอบ 2007-07-10 17:56:51


ความคิดเห็นที่ 5 (937411)
งานศิลปะตัดสินยากนะ ใช้สูตรตัวเลขแบบวิทย์-คณิตมาตัดสินน่าจะยาก เพราะมันไม่มีสูตรสำเร็จ ส่วนการให้คนในสมาคมนักกลอนไปร่วมตัดสิน แล้วสมาคมอื่นที่เคยเป็นกรรมการร่วมหายไปไหน แล้วก็ขออภัยนักกลอนมักเคร่งที่รูปแบบจนบางทีมองข้ามข้อดีทางเนื้อหาเขาไป(คือไม่ใช่ไม่ให้เคร่ง แต่ควรมีบทเฉพาะกาลบางกรณีด้วย ไม่งั้นอังคารคงอดเป็นกวีแน่ ๆ )
ผู้แสดงความคิดเห็น แหวว วันที่ตอบ 2007-07-11 08:48:35


ความคิดเห็นที่ 6 (937412)

ขำๆ ครับ


1.ผมว่าการประกวดเขาคงวัดกันที่คะแนนสูงสุด-ต่ำสุด ครับ แต่น้ำหนัก คะแนน  อนุมาน ได้ว่า
ให้ค่าน้ำหนักคะแนน ด้านเนื้อหามากกว่า ด้านฉันทลักษณ์  (โดยดูจากผลงานกวีซีไรต์ที่ผ่านๆ  ไม่ค่อยเคร่งฉันทลักษณ์)
น่าชื่นชมเสียนี่กระไร

2.กรรมการชุดเก่าชุดใหม่สนธิกำลังกันได้ครับ อุปมาเหมือนเอาน้ำเปล่าเทลงในแก้วน้ำเกลือ ความเค็มขื่น ย่อมจะลดลง

3.ผมว่าเราสดุดีสุนทรภู่ แต่ไม่เอาเยี่ยงสุนทรภู่ นอกลู่นอกทาง  สำหรับงานที่เน้นเนื้อหาผมเสนอให้ส่ง รางวัลนิยายซีไรต์ครับ
ถ้าเป็นบทกวีผมว่าเราควรมาทบทวนให้เครดิตงานฉันทลักษณ์เถอะครับ เหลวแหลกมามากพอแล้ว

ปล. อย่างผมเองศึกษากาพย์กลอนมาก็ไม่ใช่น้อย โคลงฉันท์กาพย์กลอน ผมก็แต่งได้สะดวกดาย แต่พอมีคนชวนส่งประกวดกวีซีไรต์
ผมตอบได้ทันทีเลยครับว่าผมไม่ส่ง  เพราะรางวัลกวีซีไรต์ ไม่สง่างาม  เมื่อไม่สง่างามพวกเรานักกลอนทั้งหลายก็ไม่ควร แยแส กะการประกวดในครั้งนี้
ลองไม่ส่งกันดูสักปีนะครับ ปีหน้าก็ได้ จะได้แสดงนัยยะ อะไรบางอย่าง เหมือนพระสงฆ์สมัยก่อน ทำตัวไม่ดีชาวบ้านไม่ใส่บาตร ก็อยู่ไม่ได้งัยครับ

http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=tao

ผู้แสดงความคิดเห็น กวินทรากร วันที่ตอบ 2007-07-11 09:37:17


ความคิดเห็นที่ 7 (937413)
ใครเห็นด้วยลงชื่อเลยครับ อิๆๆ
ผู้แสดงความคิดเห็น กวินทรากร วันที่ตอบ 2007-07-11 10:21:39


ความคิดเห็นที่ 8 (937414)
เห็นด้วยแต่นานแล้ว
ผู้แสดงความคิดเห็น บันกัว วันที่ตอบ 2007-07-11 14:39:18


ความคิดเห็นที่ 9 (937415)
ถ้าส่งแล้วเขาไม่ให้อย่างที่ว่า  อย่าส่งน่ะดีแล้วครับ
ผู้แสดงความคิดเห็น ซีฟู้ด วันที่ตอบ 2007-07-11 16:43:02


ความคิดเห็นที่ 10 (937416)

ค่าของงานวรรณกรรมคงวัดออกมาเป็นตัวเลขไม่ได้หรอกครับ  และการจะให้ใช้สัดส่วนคะแนนระหว่างคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิกับประชาชนเป็น ๕๐:๕๐ นั้น  ยิ่งเป็นเรื่องไม่สมควรใหญ่   เพราะงานวรรณกรรมสร้างสรรค์กับงานวรรณกรรมประชานิยมมันเป็นคนละเรื่องกัน  มีหนังสือดี ๆ อีกมากมายที่คนไม่รู้จักและคนไม่เคยอ่าน   ยกตัวอย่างเช่น กวีนิพนธ์ที่เข้ารอบสุดท้ายมี ๘ เล่ม  ถ้าจะให้การตัดสินเป็นไปอย่างยุติธรรม  ประชาชนต้องได้อ่านทั้ง ๘ เล่ม  แล้วเลือกโหวตให้กับเล่มที่ดีที่สุด   แต่ในความเป็นจริงจะมีสักกี่คนที่ได้อ่านครบทั้ง ๘ เล่ม  ส่วนใหญ่ก็มักจะโหวตให้กับหนังสือสักเล่มหรือสองเล่มที่ตนเคยอ่าน  ร้ายไปกว่านั้น  บางคนอาจไม่เคยอ่านหนังสือเลยสักเล่ม  แต่อยากโหวต  ก็จะโหวตให้กับนักเขียนที่ตัวเองรู้จัก  ถ้าเป็นกรณีนี้  นักเขียนที่มีชื่อเสียงก็จะได้เปรียบ

การมีคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตัดสินเพียงอย่างเดียว  อย่างน้อยเราก็รู้ว่าผลการตัดสินมาจากคนกลุ่มนี้เท่านั้น  จะตรวจสอบอะไรก็พุ่งตรงเข้าไปที่คณะกรรมการได้ทันที  แต่หากเปิดให้มีการโหวตจากประชาชน  เราจะไม่สามารถตรวจสอบได้เลยว่าเสียงที่โหวตนั้นมาจากที่ใดบ้าง (ตรวจสอบได้เพียงว่าหมายเลขใดเป็นผู้โหวต  โหวตให้ใคร  โหวตไปกี่ครั้ง  แต่เราจะไม่รู้เลยว่าใครเป็นเจ้าของหมายเลขนั้น  และคนคนนั้นมี    ซิมการ์ดกี่หมายเลข โดยเฉพาะมือถือระบบเติมเงิน)  การเปิดให้ประชาชนโหวต   อาจเกิดกรณี "ทุ่มโหวต" เช่นเดียวกับ AF4 ก็เป็นได้ ( อ่านข่าว ครอบครัวของนัท V1 หมดเงินไปกว่าล้านบาทเพื่อส่ง SMS โหวตให้ลูกตัวเอง คลิกhttp://entertainment.hunsa.com/view.php?cid=33323&catid=107  ) 

บางท่านอาจคิดว่านักเขียนยากจนเกินกว่าจะทุ่มโหวตให้ผลงานของตัวเอง  แต่อย่าลืมนะครับว่า สำนักพิมพ์เองก็มีส่วนได้ส่วนเสียในเรื่องนี้  หากหนังสือของสำนักพิมพ์ตนได้รางวัลซีไรท์ก็จะทำรายได้เป็นกอบเป็นกำ  การลงทุนค่าโหวตเพียงล้านสองล้านหรือระดมพนักงานทั้งบริษัทช่วยกันโหวตก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินกำลังโดยเฉพาะสำนักพิมพ์ยักษ์ใหญ่

หากเปิดให้มีการโหวตเกิดขึ้น จุดยืนของรางวัลซีไรท์จากวรรณกรรมสร้างสรรค์จะกลายเป็นรางวัลวรรณกรรม popular vote ไปทันที  ซึ่งน่าจะไปตั้งรางวัลใหม่จะดีกว่า

ประเด็นเรื่องคะแนนของคณะกรรมการก็ดูจะมีช่องโหว่อยู่เช่นกัน  การวัดค่าด้วยตัวเลขจะมีความเหลื่อมล้ำทันทีเพราะการตีค่าความรู้สึกเป็นตัวเลขของแต่ละคนนั้นจะแตกต่างกัน  ตัวอย่างเช่น  มีกรรมการ ๓ คน  ต้องตรวจผลงาน ๒ ชิ้น   กรรมการคนที่ ๑ ให้คะแนนผลงานชิ้นแรก ๕๐ คะแนน   ให้คะแนนผลงานชิ้นหลัง ๔๕ คะแนน  กรรมการคนที่ ๒ ให้คะแนนผลงานชิ้นแรก ๖๐ คะแนน  ให้คะแนนผลงานชิ้นหลัง ๕๕ คะแนน  กรรมการคนที่ ๓ ให้คะแนนผลงานชิ้นแรก ๕๐ คะแนน  และให้คะแนนผลงานชิ้นหลัง  ๖๕ คะแนน    จากที่ยกตัวอย่างมานี้จะเห็นว่า  เมื่อดูคะแนนดิบ  ผลงานชิ้นแรกจะได้ไป ๕๐ + ๖๐ + ๕๐ = ๑๖๐ คะแนน   ผลงานชิ้นหลังได้ไป ๔๕ + ๕๕ + ๖๕ = ๑๖๕ คะแนน ถ้าดูกันเฉพาะคะแนนดิบ  ผลงานชิ้นหลังก็จะชนะผลงานชิ้นแรกไป ๕ คะแนน   แต่หากลองพิจารณาดูอีกทีจะพบว่า  กรรมการคนที่ ๑ และกรรมการคนที่ ๒ ตัดสินให้ผลงานชิ้นแรกชนะ ในขณะที่กรรมการคนที่ ๓ ตัดสินให้ผลงานชิ้นหลังชนะ  เมื่อนับเสียงของคณะกรรมการปรากฏว่าผลงานชิ้นแรกชนะไป ๒ : ๑ เสียง

กรณีนี้สามารถเกิดขึ้นได้จริง (ไม่ใช่เพราะผมจงใจยกตัวอย่างให้เข้ากับข้อโต้แย้งของตัวเอง) หากมีกรรมการคนใดคนหนึ่งเกิดชอบผลงานที่ต่างไปจากคนอื่น  และให้คะแนนผลงานชิ้นนั้นทิ้งห่างจากผลงานชิ้นอื่นไปมาก ๆ (มาตรฐานส่วนตัวไม่เหมือนใคร)  ก็มีสิทธิ์ที่คะแนนดิบของผลงานชิ้นนั้นจะชนะผลงานชิ้นอื่นได้  ทั้งที่ผลงานชิ้นอื่นอาจได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการอีกหลายท่าน  แต่ท่านเหล่านั้นให้คะแนนผลงานแต่ละชิ้นไล่เลี่ยกันด้วนมาตรฐานที่ใกล้เคียงกัน  แล้วทีนี้เราจะเลือกอย่างไหน  เมื่อคะแนนดิบ (ที่ท่านเจ้าของกระทู้เสนอให้ใช้) เกิดไปขัดกับจำนวนเสียงของคณะกรรมการ

การตัดสินงานวรรณกรรมโดยใช้ตัวเลขจึงมีความขัดแย้งในตัวเอง  และไม่เหมาะที่จะใช้ตัดสินงานศิลปะทุกแขนง

รวมทั้งการเสนอให้ตัดสินคะแนนจากทีละส่วน   เมื่อเกิดกรณีคะแนนเท่ากัน  ทำไมจึงให้ความสำคัญกับกวี  สมาคมนักกลอนและนักวิชาการไม่เท่ากัน   คุณใช้มาตรฐานใดมากำหนดว่าใครควรมาก่อนใคร   หากคุณมองว่า มโนมยจักษุ ของกวีนั้นน่าเชื่อถือ  แล้วมีเหตุผลใดที่ผลการวิเคราะห์ของนักวิชาการจะไม่น่าเชื่อถือ  ในเมื่อการตัดสินของทั้งคู่ต่างก็ตั้งอยู่บนมาตรฐานเฉพาะตัวอันเดียวกันของแต่ละบุคคล  หากคุณมองว่าระบบการคัดเลือกรางวัลซีไรท์ที่เป็นอยู่ไม่มีความชัดเจน  ประเด็นที่ท่านเจ้าของกระทู้เสนอไว้ในส่วนนี้ก็ไม่มีความชัดเจนเช่นกัน

นอกจากนี้ ยังมีกรณีสุดท้ายที่บอกว่า ถ้าคะแนนรวมเท่ากันทุกเกณฑ์แล้ว  จะให้รางวัลกับผลงานที่ส่งถึงกองประกวดก่อน   แม้ความเป็นไปได้ในการใช้เกณฑ์นี้จะมีน้อยมาก  แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะมองข้าม  เพราะเจ้าของแนวคิดกำลังหลงประเด็น โดยการอ้าง "เวลา" มาตัดสินงานศิลปะหลังจากที่ระบบตัวเลขไม่สามารถชี้ขาดได้แล้ว   จะให้เวลาเป็นกรอบในการสร้างสรรค์งานศิลปะเช่นนั้นหรือ  งานที่สร้างโดยใช้เวลานานไม่ได้หมายความว่างานนั้นจะมีคุณค่าด้อยกว่างานที่ใช้เวลาน้อยกว่า  เราไม่สามารถบอกได้ว่างานที่สร้างได้เสร็จก่อนจะมีความประณีตหรือฉาบฉวยกว่างานที่สร้างเสร็จทีหลัง  สำหรับประเด็นนี้  ความช้าความเร็วอาจขึ้นอยู่กับบุรุษไปรษณีย์ที่เป็นผู้ส่งด้วยซ้ำ  ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการสร้างสรรค์ผลงานของเจ้าของเลยแม้แต่น้อย   เกณฑ์ข้อนี้จึงไม่มีความชอบธรรมกับเจ้าของผลงานและไม่ควรบรรจุในกระบวนการตัดสินรางวัลอันทรงเกียรติอย่างซีไรท์

ถ้าไม่ใช้สถิติ-อันตรภาคชั้น  ถ้าไม่วัดค่าวรรณกรรมด้วยตัวเลข  แล้วจะใช้วิธีการใดในการตัดสินรางวัลซีไรท์

ต่อไปนี้คือกระบวนการตัดสินรางวัลซีไรท์ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน

การตัดสินรางวัลซีไรท์มีกระบวนการที่ชี้ให้เห็นถึงความรอบคอบโดยการจัดให้มีคณะกรรมการพิจารณาทั้งหมด ๒ ชุด  ชุดแรกจะ "คัดเลือก" ผลงานที่ส่งมาทั้งหมดให้เหลือไม่เกิน ๗ เล่ม (ยืดหยุ่นได้ตามความเหมาะสม) แล้วส่งต่อไปให้กรรมการอีกชุดตัดสินให้เหลือเล่มชะเลิศเพียงเล่มเดียว

คณะกรรมการคัดเลือกมี ๗ คน  หมุนเวียนกันไปในแต่ละปี  โดยเป็นตัวแทนจากสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทยและสมาคมภาษาและหนังสือแห่งประเทศไทย  สมาคมละ ๒ คน  และที่เหลืออีก ๓ คนเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่ ๒ สมาคมร่วมกันเลือก  บางปีก็เป็นผู้ทรงคุณวุฒิทางวิชาการ  บางปีเป็นนักอ่าน  ถ้าปีไหนเป็นกวีนิพนธ์ก็มักเชิญกวีเข้ามา  ปีที่เป็นเรื่องสั้นก็จะเปลี่ยนไปชวนนักเขียน  คณะกรรมการทั้ง ๗ คนจะร่วมกันเลือกคนที่เหมาะสมที่สุดในกลุ่มกันเองเป็นประธาน  ประธานกลุ่มนี้ก็จะขึ้นไปนั่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการชุดที่สองด้วย

คณะกรรมการชุดที่สองคือคณะกรรมการการตัดสิน  ก็มีจำนวน ๗ คนเช่นกัน  ประกอบด้วยนายกทั้งสมาคมภาษาและหนังสือฯ,นายกสมาคมนักเขียน,นักเขียนหรือกวีผู้ทรงคุณวุฒิ ๑ คน  ผู้ทรงคุณวุฒิทางวรรณกรรมอีก ๓ คน  และประธานคณะกรรมการคัดเลือก

โรงแรมโอเรียลเต็ลเป็นเจ้าภาพในการจัดงานรางวัลซีไรท์  กระบวนการทั้งหมดเริ่มต้นจากฝ่ายประชาสัมพันธ์ของโรงแรมจะส่งข่าวไปยังสื่อมวลชนเพื่อเชิญชวนให้สำนักพิมพ์ต่าง ๆ รวมทั้งผู้สนใจส่งงานวรรณกรรมเข้าร่วมประกวด  ไม่มีกฏห้ามว่าต้องส่งไม่ต่ำหรือไม่เกินกี่เล่ม  จะเป็นหนังสือทำมือก็ได้  แต่ต้องเป็นหนังสือที่ตีพิมพ์ครั้งแรกย้อนหลังไม่เกิน ๓ ปี  และมี ISBN

ผู้ที่จะส่งประกวดต้องส่งผลงานเล่มนั้น ๆ จำนวน ๑๖ ชุด มาให้ทางโรงแรมในวันเวลาที่กำหนด  ซึ่งส่วนใหญ่มักไม่เกินวันที่ ๓๐ เมษายนของแต่ละปี

เมื่อสิ้นสุดวันรับสมัคร  ห้องทำงานของแผนกประชาสัมพันธ์โรงแรมโอเรียนเต็ลจะเต็มไปด้วยกองหนังสือขนาดมหึมาที่จะคอยให้ทีมงานจัดแยกเป็นสิบลัง  เพื่อส่งไปให้คณะกรรมการได้พิจารณากันต่อไป

ในลังใบนั้น  มีจำนวนหนังสือที่ต่างกันไปในแต่ละปี  ส่วนใหญ่จะอยู่ระหว่าง ๗๐-๘๐ เล่ม  ปีไหนมากหน่อยก็อาจทะลุถึง ๙๐ เล่ม

กรรมการคัดเลือกทั้ง ๗ จะใช้การ "พูดคุยกัน" เป็นหลัก  ว่าต้องประชุมกันอีกกี่ครั้งเพื่อให้ได้เล่มที่เข้ารอบ  หรือจะให้มีเล่มที่เข้ารอบสุดท้ายกี่เล่ม

คนถามกันเยอะว่าภายใน ๒-๓ เดือน  กรรมการอ่านหนังสือจบไปเกือบร้อยเล่มได้อย่างไร  อ่านละเอียดหรือเปล่า  ประเด็นนี้กรรมการบอกไม่ต้องเป็นห่วงและไม่ได้แบ่งกันอ่านด้วย  เพราะการอ่านเพื่อ "ตัดทิ้ง" นั้น  มีวิธีการง่าย ๆ โดยการตัดเล่มที่ผิดกติกา หรือไม่ก็ผิดโจทย์ของซีไรท์อย่างชัดเจนออกไปก่อน

การประชุมครั้งแรก ๆ จะทยอยตัดหนังสือไปได้อย่างรวดเร็ว  โดยไม่ได้มีการกำหนดว่าจะตัดกี่เล่ม  หากมีกรรมการท่านใดมีเหตุผลว่าควรจะเก็บเล่มไหนไว้ก่อน  แม้จะเป็นเพียงเสียงเดียว ก็ต้องเคารพการตัดสินนั้น  แต่หากเป็นการประชุมในรอบหลัง ๆ ความละเอียดในการคัดเลือกก็จะเข้มข้นขึ้น  กรรมการแต่ละคนต้องเสนอข้อดีข้อด้อยของเล่มที่ยังเหลือต่อกรรมการคนอื่น ๆ  ใครสามารถเสนอเหตุผลที่ดีก็มีแนวโน้มจะพูดให้กรรมการคนอื่น ๆ เห็นด้วย 

มีบ้างเหมือนกันที่ความเห็นไม่ตรงกันก็ต้องคุยกันจนตกลงกันได้  ไม่ถึงขนาดยกมือโหวต  แต่ต้องหาเหตุผลมาอ้างอิง  แม้เพียงเสียงเดียวที่ต่างไปจากคณะกรรมการอีก ๖ คน  ก็ยังไม่ถือว่าเสียงนั้นตกไป  หากเสียงเดียวนั้นสามารถยกเหตุผลข้อดีก็มีสิทธิ์ที่จะโน้มน้าวให้กรรมการที่เหลือเห็นพ้องกับตนได้

เมื่อได้ ๗ เล่ม (โดยประมาณ) ที่จะเข้ารอบสุดท้ายแล้ว  ก็จะเข้าสู่ที่ประชุมของคณะกรรมการตัดสิน  ซึ่งกรรมการทุกคนต้องอ่านวรรณกรรมทั้ง ๗ เล่มนี้อย่างละเอียด  แล้วนำมาอภิปราย  ถกเถียง  เปรียบเทียบจุดเด่น จุดด้อยอย่างเข้มข้น  ยกเหตุผลเพื่อเฟ้นหาวรรณกรรมที่จะได้รับการประทับตราซีไรท์  กระบวนการนั้นก็ละม้ายคล้ายคลึงกับรอบที่แล้ว  แต่เข้มข้นกว่ามาก  วิธีการก็คือไม่มีการไล่คัดออกทีละเล่มแล้ว  แต่เลือกกันไปเลยว่าจะให้เล่มไหนได้ 

ผลงานที่จะรับรางวัลซีไรท์ได้นั้น  ต้องผ่านความเห็นชอบอย่างเป็น "เอกฉันท์" จากกรรมการทั้ง ๗ ไม่ใช่โดยการโหวต  แต่เป็นการคุยไปเรื่อย ๆ จนกว่ากรรมการทั้ง ๗ จะเห็นพ้องต้องกัน  นั่นหมายความว่า ถ้าเสียงของกรรมการแตกออกเป็น ๒ ฝ่าย  โดย ๖ คนเลือกเล่มหนึ่ง  แต่อีกคนเลือกเล่มสอง  ก็ไม่ได้แปลว่าเล่มสองจะแพ้  กรรมการทั้ง ๖ คนต้องหาทางกล่อมจนกรรมการอีกคนเห็นด้วยให้ได้  หรือไม่อย่างนั้นกรรมการเสียงเดียวก็ต้องหาทางโน้มน้าวให้กรรมการอีก ๖ คนเห็นด้วยกับตนให้ได้  ถ้าจะกล่อมกันไม่ได้ก็คุยกันไปเรื่อยๆ บางปีที่มีความก้ำกึ่งของผลงานมาก ๆ คณะกรรมการก็ต้องพูดคุยแสดงความคิดเห็นยืดเยื้อเป็นพิเศษ  ว่ากันว่าครั้งที่นานที่สุดเริ่มตั้งแต่บ่ายโมงจนถึงสี่ทุ่ม

สุดท้าย  เมื่อความเห็นของทุกคนตรงกันแล้ว  การตัดสินก็ถือเป็นสิ้นสุด

นี่เป็นวิธีตัดสินที่ใช้กันอยู่  ซึ่งใครไม่เห็นด้วยก็ทักท้วงได้  แต่สำหรับข้อเสนอใหม่ในกระทู้นี้  ผมไม่เห็นด้วยเลยจริง ๆ ทั้งเรื่องการตัดสินด้วยคะแนน (แทนการอภิปรายข้อดีข้อเสีย) และการเปิดโหวตโดยคนทั่วไป  ซึ่งอาจมีปัญหาตามที่ผมได้ชี้แจงไปแล้ว

ฉะนั้น   ถ้าของใหม่ยังไม่ดีพอก็ไม่มีเหตุผลที่จะไปเปลี่ยนของเก่า

ยินดีรับฟังความเห็นที่ต่างจากนี้นะครับ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นกยักษ์ วันที่ตอบ 2007-07-12 01:39:53


ความคิดเห็นที่ 11 (937417)

ให้โอเรียลเตลยกเลิกเลยซะก็สิ้นเรื่อง จะได้ไม่ต้องแครงใจกันอยู่

ผมยังชอบหลักการแนวคิดของคุณกวินทรากรในการให้ค่าน้ำหนัก แต่หากกวีจะตีความเรื่องฉันทลักษณ์ ตามแบบแห่งท่านสุนทรภู่เพียงอย่างเดียว มันก็จะไม่เกิดการพัฒนาการทางการเขียนซิครับ

ส่วนร่างวัลชื่อก็ได้บอกไว้แล้วว่า Southeast Asian Writers Award หรือแปลเป็นไทยว่า รางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน

ดังนั้นคงไม่แปลกหากกรรมการจะมองที่คำว่าการสร้างสรรค์ผลงานเป็นหลัก อันนี้คงอาจไม่ต้องอธิบายอีก หลายคนหลายท่านหากเพียงมองแต่รูปแบบฉันทลักษณ์ก็คงไม่อยู่ในเส้นทางของการเป็นกวีซีไรต์ หากอ่านแล้วหามีอารมณ์ร่วมด้วยไม่สามารถที่จะสื่ออารมณ์ภายในออกมาได้

เอาเป็นว่า ท่านอังคาร ก็หนึ่งในนั้นที่ไม่เห็นต้องเดินตามมหากวีอย่างครูกลอนสุนทรภู่ สถาพร ก็สร้างเอกลักษณ์ของตนเอง จะว่าไปโชคชัย ก็แตกต่างกันอย่างยิ่ง แต่นั่นแหละเขาเหล่านั้นได้สร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ให้เกิดขึ้นมองเหลี่ยมมุมอย่างกวีมีชั้นเชิง จะว่าไป ของวรภ หรือประกาย ต่างก็สร้างรูปแบบให้เกิดขึ้นเป็นของตนเอง ทั้งนี้อาจารย์เนาวรัตน์ ก็ต้องแสดงความเป็นตนเองออกมาให้ได้ นั้นและถึงจะเรียกว่า "รางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน" รือที่เรียกว่า กวีไรต์ หรือจะเรียก วีไรต์ ก็แล้วแต่

ผู้แสดงความคิดเห็น เทาแดง วันที่ตอบ 2007-07-12 11:05:07


ความคิดเห็นที่ 12 (937418)

ไม่มีกรอบกรองคำก็งามได้

อยู่ที่ใครจะไปได้ถึงที่

หากลึกซึ้งเข้าใจในกวี

มีไม่มีฉันทลักษณ์ไม่รู้แล้ว

สุจิตต์ วงษ์เทศ

เสียงของคำ สำคัญครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น รวมแจม วันที่ตอบ 2007-07-12 11:09:58


ความคิดเห็นที่ 13 (937419)

เห็นรายชื่อกรรมการรอบคัดเลือกของปีนี้แล้ว...

จึงเห็นทาง...เลยว่า

ผลงานเล่มใดจะเข้ารอบสุดท้าย

พินิจเอย พิเชฐเอย...

หึ หึ

เสียดาย...งานของเพ็ญ ภัคตะ

เสียดาย...งานของไพฑูรย์ พรหมวิจิตร

เสียดาย...งานของวรภ วรภา

เสียดาย...งานของวัฒนา ธรรมกูร

เสียดาย...เสียดาย...เสียดาย...

ผู้แสดงความคิดเห็น สายชล วันที่ตอบ 2007-07-12 12:08:25


ความคิดเห็นที่ 14 (937420)

เสียดาย...งานของวิสุทธิ์ ขาวเนียมด้วยครับ

คราวหน้าอย่าส่งประกวดเสียเลย

พยายามชิงพื้นที่ในสื่อให้ได้ก่อนก็แล้วกันครับ

อย่างอื่นๆ ค่อยว่ากัน....

วัยรุ่นเซ็ง!

ผู้แสดงความคิดเห็น สายชล วันที่ตอบ 2007-07-12 12:10:51


ความคิดเห็นที่ 15 (937421)

ผมทำงานตำแหน่งนักวิชาการศึกษา  ผมก็ย่อมมองว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราต้องการรู้ ต้องการตีค่า
เราสามารถวัดได้ด้วยเครื่องมือทางสถิติ ที่ว่าวัดไม่ได้นั้นผมว่าเป็นเพราะเรายังไม่สามารถผลิตเครื่องมือในการวัดที่เที่ยงตรงได้ต่างหาก
 
ผมว่าเงินถ้าซื้อ SMS ได้ ก็น่าจะซื้อกรรมการได้เช่นเดียวกัน ไม่ใช่ว่าดูถูกกรรมการนะครับแต่มองตามหลักความน่าจะเป็น

กรรมการ  "อ่านเพื่อ "ตัดทิ้ง" นั้น  มีวิธีการง่าย ๆ โดยการตัดเล่มที่ผิดกติกา หรือไม่ก็ผิดโจทย์ของซีไรท์อย่างชัดเจนออกไปก่อน"

ถามว่า  ความคิดสร้างสรร กับ ความคิดแบบผิดแผกจากโจทย์ /คิดผิดแผกจากกติกา ต่างกันมั้ยครับ
ฉะนั้น จุดอ่อนจึงอยู่ที่กรรมการเพราะ  คุณค่าของหนังสือ แขวนอยู่บนเส้นด้ายแห่งความรู้สึกของกรรมการ กรรมการก็คนนะครับ
มี ไบแอส และคอนฟิก ถ้าเกิดกรรมการโดนผู้ส่งผลงานชกหน้ามา งานเขาดีแสนดี กรรมการยังจะพูดชมงานนายคนนั้นอยู่มั้ยครับ
แต่ถ้ามีตัวชี้วัดในเรื่องของคะแนน เช่น เนื้อหาดี ฉันทลักษณ์ดี การเล่นคำ การเล่นความ การใช้สัญลักษณ์ มาเป็นเกณฑ์ ถ้ามีตัวชี้วัดพวกนี้
ชัดเจนก็ไม่สามารถที่จะบิดพริ้วคะแนนไปด้วย อคติ อย่างอื่นได้

ยังมีหลายอย่างที่อยากพูด แต่ที่จะพูดวันนี้ก็คือ โหวตไม่รับรางวัลกวีซีไรต์ปีนี้ ครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น กวินทรากร วันที่ตอบ 2007-07-12 17:16:36


ความคิดเห็นที่ 16 (937422)
ยินดีกับกวีทั้ง 7 ท่าน ที่มีผู้ออกมาสร้างสีสันและบรรยากาศการวิจารณ์ให้เกิดขึ้น หลังเกิดอาการเงียบเหมือนเป่าสากมานาน
ผู้แสดงความคิดเห็น ซีแกรม วันที่ตอบ 2007-07-12 17:21:38


ความคิดเห็นที่ 17 (937423)
การตัดสินรอบสุดท้าย  น่าจะให้คณะกรรมการชุดตัอสินคดียุบพรรคมาเป็นกรรมการตัดสิน เพราะอ่านรายละเอียดชัดเจน ถือว่าโปร่งใสพอแสมควร
ผู้แสดงความคิดเห็น กวีซีบาย วันที่ตอบ 2007-07-12 18:48:37


ความคิดเห็นที่ 18 (937424)

เครื่องมือในการวัด เช่น

1.ถูกต้องตามฉันทลักษณ์ 10คะแนน

2. หรือสร้างฉันทลักษณ์ แบบใหม่ ขึ้นมา (เปิดวงให้ไอ้พวก ไม่เน้นฉันทลักษณ์ให้มันสร้างฉันทลักษณ์แบบที่มันชอบ) 10คะแนน

3.เนื้อหาแปลกใหม่ 10 คะแนน

4.เนื้อหาชวนติดตาม 10คะแนน

5.เนื้อหาสอดคล้องกลมกลืน 10คะแนน

6.การใช้โวหารภาพพจน์ ต่างๆ 10คะแนน

7.มีความอลังการในการใช้คำ 10คะแนน

8.ใช้ภาษาได้อย่างถูกต้องเหมาะสม 10คะแนน

9.ให้ข้อคิดแก่สังคม 10คะแนน

9.ลึกซึ้งกินใจ 10 คะแนน

10. การออกแบบหน้าปก-รูปเล่ม 10 คะแนน

รวม 100 คะแนนเต็ม

สมมติให้ แม่น้ำรำลึก เป็นตุ๊กตา
สมมติให้ท่านผู้อ่านเป็นกรรมการ
สมมติให้กรรมการแต่ละท่านใช้ เครื่องมือทั้ง 8 ข้อนี้ เพื่อเป็นเกฑ์ในการให้คะแนน
 
ถ้าให้กรรมการท่านใดรู้สึกว่ากรรมการท่านอื่น ให้คะแนนเวอร์ให้กรรมการท่านอื่นทักท้วง และแสดงเหตุผลจนกว่ากรรมการท่านอื่นจะยอมรับ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น กวินทรากร วันที่ตอบ 2007-07-12 21:13:03


ความคิดเห็นที่ 19 (937425)
แก้ คำผิด  เครื่องมือทั้ง 10 ข้อ
ผู้แสดงความคิดเห็น กวินทรากร วันที่ตอบ 2007-07-12 21:15:26


ความคิดเห็นที่ 20 (937426)

ทำประชามติไปเลยไม่ดีกว่าเหรอ

ผู้แสดงความคิดเห็น เทาแดง วันที่ตอบ 2007-07-12 21:30:11


ความคิดเห็นที่ 21 (937427)
ดีครับ
ผู้แสดงความคิดเห็น กวิน วันที่ตอบ 2007-07-12 21:38:01


ความคิดเห็นที่ 22 (937428)
55555555
 
 
คิดไรมากมาย
 
 
ทำใจเถอะโยม
 
 
ความยุติธรรมไม่มีในโลก
ผู้แสดงความคิดเห็น K_U Dow วันที่ตอบ 2007-07-12 21:47:13


ความคิดเห็นที่ 23 (937429)

ใคร ๆ ก็เชียร์แต่สิ่งที่ตนเองชอบ

 

เฮ้อ...

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ลางเนื้อชอบลางยา วันที่ตอบ 2007-07-13 08:50:37


ความคิดเห็นที่ 24 (937430)
http://www.thaipoet.net/index.php?lay=boardshow&ac=webboard_show&Category=thaipoetnet&thispage=&No=233984
ผู้แสดงความคิดเห็น kelvin วันที่ตอบ 2007-07-13 11:53:02


ความคิดเห็นที่ 25 (937431)

ต่อไปยังกระทู้นี้ครับ

 

http://www.thaipoet.net/index.php?lay=boardshow&ac=webboard_show&Category=thaipoetnet&thispage=1&No=235131

ผู้แสดงความคิดเห็น กวิน วันที่ตอบ 2007-07-19 11:35:38


ความคิดเห็นที่ 26 (937432)
wow gold portal site showing which gold sellers have the cheap wow gold price. Compare and save next time you buy world of warcraft gold to our loyal and reliable customers.
ผู้แสดงความคิดเห็น wow gold วันที่ตอบ 2007-12-31 10:18:23


ความคิดเห็นที่ 27 (1756296)
<A href="aoc">http://www.webwowgold.com/aoc-gold.htm">aoc gold,aoc powerleveling</A>
ผู้แสดงความคิดเห็น cyyinli วันที่ตอบ 2008-05-27 08:35:04


ความคิดเห็นที่ 28 (2004625)
They use artificial metals in the manufacturing of [url=http://www.THEMIRABEAUROOM.com]replica Tiffany[/url] instead of diamonds and expensive metals. Title:    Effect of Replica Tiffany Jewelry on Your Personality.
ผู้แสดงความคิดเห็น tikky (cindy-at-timcunha-dot-com)วันที่ตอบ 2009-11-09 11:08:09


ความคิดเห็นที่ 29 (2004627)
They use artificial metals in the manufacturing of <a href="replica">http://www.THEMIRABEAUROOM.com">replica Tiffany</a> instead of diamonds and expensive metals. Title:    Effect of Replica Tiffany Jewelry on Your Personality.
ผู้แสดงความคิดเห็น nicole (cindy-at-timcunha-dot-com)วันที่ตอบ 2009-11-09 11:09:24


ความคิดเห็นที่ 30 (2006227)
Se você quer os modelos famosos da réplica Rolex a seguir vêm a nosso Web site porque nós temos uma escala completa da réplica Rolex Daytona. Mehr über japanische Rolex-Repliken finden. Ne pas attendre pour épargner l"argent pour <a href="replica">http://www.mymodelwatches.com">replica Rolex</a> véritable, accomplissent vos rêves maintenant en achetant le datejust de Rolex de reproduction. N�s acreditamos na qualidade e classificamos, compra de n�s e sua r�plica de Rolex dura. Er bietet Sie alle Vergnügen von ursprünglichen Rolex zu einem sehr erschwinglichen Preis.
ผู้แสดงความคิดเห็น TIKKY (kenbran342-at-yahoo-dot-com)วันที่ตอบ 2009-11-13 16:16:31


ความคิดเห็นที่ 31 (2006230)
Se você quer os modelos famosos da réplica Rolex a seguir vêm a nosso Web site porque nós temos uma escala completa da réplica Rolex Daytona. Mehr über japanische Rolex-Repliken finden. Ne pas attendre pour épargner l"argent pour [url=http://www.mymodelwatches.com]replica Rolex[/url] véritable, accomplissent vos rêves maintenant en achetant le datejust de Rolex de reproduction. N�s acreditamos na qualidade e classificamos, compra de n�s e sua r�plica de Rolex dura. Er bietet Sie alle Vergnügen von ursprünglichen Rolex zu einem sehr erschwinglichen Preis.
ผู้แสดงความคิดเห็น tikky (kenbran342-at-yahoo-dot-com)วันที่ตอบ 2009-11-13 16:17:45


ความคิดเห็นที่ 32 (2100384)
reliable lv bags one of these things are the handbag paris catherine the family designer bags for sale the popularity of the replica louis vuitton designer handbags handba replica louis vuitton
ผู้แสดงความคิดเห็น replica watches วันที่ตอบ 2010-08-25 21:46:08


ความคิดเห็นที่ 33 (2106900)

deep wave human hair wiglets wigs And synthetic wigs offer the wigs hairline You become beautiful inside black hair wigs lace wigs.

ผู้แสดงความคิดเห็น brianna (editha-at-gmail-dot-com)วันที่ตอบ 2010-09-10 19:20:11


ความคิดเห็นที่ 34 (2145485)
necklaces pendants, necklaces pendants mens gifts, mens gifts tiffany & co, tiffany & co diamond engagement rings, diamond engagement rings
ผู้แสดงความคิดเห็น invicta watches วันที่ตอบ 2011-01-15 10:34:03


ความคิดเห็นที่ 35 (2145540)
charm bracelet, charm bracelet mens platinum wedding band, mens platinum wedding band mens rings, mens rings diamond necklaces, diamond necklaces
ผู้แสดงความคิดเห็น rolex วันที่ตอบ 2011-01-15 11:45:18


ความคิดเห็นที่ 36 (2241016)

 kan plundra folk älskades Cheap tiffany jewellery hjärta gjorde sexig kropp av Cheap nike free sin karriär ett outplånligt bidrag är inte mycket av mode, så länge som inre skönhet  Nike free run utförs på rätt sätt, oavsett vad för slitage kan göra detta något temperament.

ผู้แสดงความคิดเห็น abep วันที่ตอบ 2011-12-25 22:23:54



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.