ReadyPlanet.com


ล้วงลึกเจาะใจ ว่าที่กวีซีไรต์



วันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 ปีที่ 30 ฉบับที่ 10731

ล้วงลึกเจาะใจ ว่าที่กวีซีไรต์





มนตรี ศรียงค์ - พรชัย แสนยะมูล - โกสินทร์ ขาวงาม

อีกไม่ถึงเดือนก็จะได้รู้กันแล้วว่า ใครหนอที่จะมีชื่อเข้าสู่ทำเนียบกวีซีไรต์คนล่าสุดของประเทศไทย และในปีนี้ก็ได้มีการตั้งข้อสังเกตถึงผลการตัดสินรอบคัดเลือกอยู่หลายประการ ไม่ว่าจะเป็นการที่มีบทกวีไร้ฉันทลักษณ์เข้ารอบถึง 2 เล่ม, บทกวีส่วนใหญ่เน้นความคิดเชิงปัจเจกชน, กวีทุกคนล้วนแต่เป็นกวีรุ่นกลางและรุ่นใหม่ ที่มีผลงานตีพิมพ์ตามหน้านิตยสารอย่างต่อเนื่องทั้ง มนตรี ศรียงค์, อังคาร จันทาทิพย์, กฤช เหลือลมัย

หนึ่งคนเพิ่งมีผลงานรวมเล่มเป็นครั้งแรกและเป็นเล่มที่เข้ารอบคือ โกสินทร์ ขาวงาม, 1 คนผลงานที่ผ่านมาเป็นแนวอารมณ์ขันสร้างความสุข จนทำให้บางคนฉงนว่าฝ่าด่านขรึมขลังของซีไรต์มาได้เช่นไร คือ กุดจี่-พรชัย แสนยะมูล, หนึ่งคนมีผลงานเข้ารอบถึง 2 เล่มทั้งฉันทลักษณ์และกลอนเปล่า คือ ศิริวร แก้วกาญจน์ และอีก 1 คนที่ผ่านเข้ารอบมาด้วยบทกวีทำมือ คือ อุเทน มหามิตร

ได้ยินแต่เสียงคนข้างนอก แล้วเคยคิดถึงคนข้างในบ้างไหม ว่ารู้สึกอย่างไรกับทุกความคิดเห็น

โกสินทร์ ขาวงาม เจ้าของกวีนิพนธ์ หมู่บ้านในแสงเงา กวีหนุ่มที่ดูวัยรุ่นจนแทบไม่น่าเชื่อว่ากำลังเป็นพ่อลูกอ่อน เล่าถึงตัวตนของเขาให้ฟังว่า ถึงแม้จะร่ำเรียนมาทางศิลปะ แต่งานเขียนก็เป็นสิ่งที่รักไม่น้อยเช่นกัน

"เหมือนที่เขาว่าศิลปะส่องทางให้กันนั่นล่ะ คนวาดรูปโดยส่วนใหญ่จะร้องเพลงเพราะ ชอบเขียน ไม่ใช่เรื่องแปลก มีเยอะที่เขียนหนังสือเก็บไว้ ขึ้นอยู่กับการเผยแพร่สู่สังคม อย่างถ้ามีเรื่องราวบางอย่างมากระทบอารมณ์เรา ก็เลือกที่ว่าจะสร้างงานประเภทไหนออกมา แต่ถ้าให้ผมเลือกเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งผมเลือกไม่ได้ เพราะทั้ง 2 สิ่งคือตัวตนของผม พยายามที่จะประคับประคองให้อยู่คู่กันให้ได้ ถ้าสังเกตงานผมจะเห็นเลยว่าติดไปทางสีสัน เวลาเขียนบทกวีแต่ละชิ้น จะเป็นการเปลี่ยนแปลงของสี"

โกสินทร์ยอมรับว่าเขารู้สึกดีที่บทกวีได้เข้ารอบสุดท้ายซีไรต์ เพราะแค่ได้รวมเล่มก็มีความสุขแล้ว แต่ทุกวันนี้กลับมาไกลเกินกว่าที่คาดไว้มาก ส่วนภาพรวมของซีไรต์ปีนี้นั้น โกสินทร์เห็นด้วยกับคำว่า ปรากฏการณ์ใหม่ และทุกเล่มก็มีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกันไป

"อยากให้ดูที่เนื้อหางาน บางคนที่หลุดไปไม่ใช่ว่าไม่ดี เพียงแต่ว่างานอาจมีคุณภาพลดลงกว่าที่เขาเคยเป็นมา อาจจะเป็นช่วงจังหวะ อย่างพี่กุดจี่ (พรชัย แสนยะมูล) ก็กระเถิบมาจากที่เคยเป็น ถ้ายังไม่ได้อ่านอย่าเพิ่งตัดสิน อย่าจำกัดตัวเอง ลองเปิดใจดู ก็จะเห็นธรรมชาติของแต่ละเล่ม แต่ส่วนตัวแล้วผมค่อนข้างมีความสุขกับการมีคนอ่านกวีนิพนธ์เพิ่มขึ้น มากกว่าการเข้ารอบซีไรต์ด้วยซ้ำไป"

หมู่บ้านในแสงเงา เป็นกวีนิพนธ์อีกเล่มที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงภาพรวมที่ค่อนข้างเน้นถึงความคิดเชิงปัจเจกบุคคล ซึ่งคนเขียนอย่างโกสินทร์ก็ขออธิบายมาว่า

"บางคนไม่คุ้นกับความคิดแบบผม การปะทะทางสังคมของผมกับเขาเป็นคนละเรื่องกัน เพราะงั้นเปรียบเทียบไม่ได้ว่าผมเป็นปัจเจกรึเปล่า มันก็มีเรื่องชีวิตอยู่ร่ำไป หมู่บ้านก็เป็นสังคมสังคมหนึ่ง เราก็เก็บเล็กผสมน้อยจากสถานที่ที่จำกัดเราอยู่ ไม่ใช่ตัวกูของกูตลอด อาจมีเปอร์เซ็นต์ทั้งตัวเราและคนรายล้อมเราประกอบเกี่ยวกันอยู่"

ด้วยเหตุผลที่ว่า...

"จะไม่ให้พูดถึงเรื่องตัวเองเลย งานก็จะขาดดิ่งไปถึงตัวคนเขียนได้ค่อนข้างยากอยู่นะ" เขากล่าวพร้อมกับระบายรอยยิ้มทั้งริมฝีปากและดวงตา

หลายคนที่เห็นนามสกุลของโกสินทร์ อาจจะรู้สึกคุ้นตาอยู่ ก็จะไม่ให้คุ้นได้อย่างไรล่ะ โกสินทร์เป็นน้องชายของกวีซีไรต์เจ้าของผลงาน ม้าก้านกล้วย ที่จับจิตจับใจใครหลายคน ไพวรินทร์ ขาวงาม

โดยส่วนตัวแล้วโกสินทร์รักและภูมิใจในตัวพี่ชายของเขามาก แต่หลายครั้งที่ถูกห้อยท้ายชื่อด้วยคำว่า นี่ โกสินทร์ น้องชายไพวรินทร์ ก็ทำให้เขาหงุดหงิดแกมรำคาญใจไม่น้อยเหมือนกัน

"กับพี่น้องเราเข้าใจกันดีมากๆ แต่ผมก็อยากให้ทุกคนมองอย่างยุติธรรมหน่อย ผมก็คงมีอะไรอยู่บ้าง ไม่งั้นก็คงฉุดลากไม่ขึ้นหรอก มาอ่านงานผมก่อน มาดูบ้างว่าผมทำอะไรอยู่" โกสินทร์กล่าวด้วยสายตาที่มุ่งมั่นจริงจัง

ถึงแม้ว่าทุกวันนี้ บทกวีจะไม่ใช่งานที่ทำรายได้ให้แก่ผู้เขียนมากนัก แต่เขาก็พยายามประคับประคองชีวิตตัวเองให้ดำเนินไปได้อย่างดี โดยยึดเรื่องวาดรูปเป็นงานหลัก

"ไม่บ่นว่ามันทุกข์มันท้อหรอกนะ เพราะเราเลือกเอง" โกสินทร์ย้ำด้วยน้ำเสียงที่มุ่งมั่น

กุดจี่-พรชัย แสนยะมูล เจ้าของกวีนิพนธ์ แมงมุมมอง เป็นกวีพ่อลูกอ่อนอีกหนึ่งคนที่เจอเสียงวิพากษ์หนาหูเหลือเกิน ทั้งเรื่องที่สนิทสนมกับกรรมการบางคนมาก จนอาจส่งผลถึงการพิจารณา และภาพรวมบทกวีที่ค่อนข้างเบาจนไม่น่าจะเข้ารอบสุดท้ายซีไรต์ เจออย่างนี้เข้าไป กวีอารมณ์ดีที่อยากมอบรอยยิ้มให้กับคนทั้งโลกอย่างเขา จะยิ้มไหวอีกไหมเนี่ย

"ยังไหวอยู่" เขาตอบมาพร้อมรอยยิ้มกว้างที่สดใสเช่นเดิม พร้อมกับบอกว่าความพยายามกว่า 10 ปีของเขาประสบความสำเร็จแล้ว แต่ไม่ใช่เรื่องหลักชัยซีไรต์หรอกนะ แต่เป็นการที่บทกวีอารมณ์ขันแบบแฝงสาระ เริ่มได้รับการยอมรับในแวดวงกว้าง

"ปีนี้ซีไรต์เปิดกว้างมากขึ้น อารมณ์ขันของผมเคยถูกปฏิเสธในสายตาบางคนที่มองว่าไร้สาระเกินไป ถึงตรงนี้แน่นอนว่าการตัดสินของกรรมการซีไรต์ อาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยดึงคนที่เมินให้มาอ่าน แล้วจะเห็นว่าในเสียงหัวเราะมีอะไรมากกว่านั้น"

พรชัยมองว่าแมงมุมมองนั้น แม้จะเสนองานผ่านความเป็นปัจเจก แต่ถ้าได้อ่านครบทั้ง 145 บท ก็จะเห็นได้ชัดว่ามีแง่มุมปัญหาในด้านต่างๆ ทั้งสังคม ศาสนา และสันติภาพ ซึ่งอาจถูกมองข้ามไป เพียงเพราะนำเสนอด้วยอารมณ์ขัน

"แม้เรื่องจะเป็นโศกนาฏกรรม แต่หลังคราบน้ำตาก็ต้องมีรอยยิ้มต่อไป เป็นรสนิยมของผม เพราะผมเป็นพวกสุขนิยม ผมคิดว่าไม่ควรสร้างงานโดยเดินย่ำรอยเท้าของผู้ที่สำเร็จมาแล้ว เราจะเกิดขึ้นได้ ถ้าเราสร้างตัวตนของเราขึ้นมาใหม่"

ส่วนที่หลายคนพุ่งเป้ามาว่า พรชัยสนิทสนมกับกรรมการบางท่านเป็นพิเศษนั้น เขาพูดสั้นๆ ว่า

"ยินดีเลยครับ เพราะผมอยากเป็นเพื่อนกับทุกคนอยู่แล้ว"

พรชัยได้ชื่อว่าเป็นกวีที่มีผลงานระดับติดอันดับขายดี อย่างเล่มที่สร้างชื่อที่สุดของเขาคือ อยากให้เธออารมณ์ดีตลอดปีตลอดชาติ ก็มียอดขายระดับแสนเล่ม! แต่ถึงกระนั้นเขาก็มองว่าสถานการณ์กวีบ้านเราค่อนข้างอาภัพ

"แม้จะเข้ารอบซีไรต์แต่กวีก็ยังขายยาก นิยายเรื่องสั้นอาจขายได้ถึง 200 เล่ม แต่กวีไม่ถึงหรอก จนกว่าจะได้ซีไรต์โน่นล่ะ ไม่อยากจะให้คนมารอคอยอ่านแค่เล่มเดียว อยากให้อ่านทุกเล่มที่มีในตลาด เพราะบทกวีจะช่วยให้โลกเราหมุนช้าลง เชิญชวนให้มาพินิจพิจารณา ชวนให้มาหลังยาว ทอดหุ่ยไม่รีบร้อน แล้วสติจะเกิดขึ้น"

อย่างนี้ว่างๆ คงต้องลองทอดหุ่ยกับบทกวีไส้ชุ่มอย่าง แมงมุมมอง ด้วยท่าจะดีนะ

ด้านกวีหนุ่มมาดเท่ นัยน์ตาสีสนิมเหล็กอย่าง มนตรี ศรียงค์ กวีผู้เขียน โลกในดวงตาข้าพเจ้า มองว่ากวีทั้ง 8 เล่ม 7 คน ที่เข้ารอบล้วนแต่เป็นกวีรุ่นใหม่ ที่มีมุมมองน่าสนใจ เกาะติดกับโลกและสภาวการณ์ แม้ว่าจะถ่ายทอดด้วยฉันทลักษณ์ที่แตกต่างกันไปก็ตาม

"เป็นเรื่องของยุคสมัย นักเขียนต้องเข้าใจโลกในปัจจุบันที่เราสังกัดอยู่ให้ได้ อย่างที่หลายคนมองว่าบทกวีสมัยนี้ ส่วนใหญ่จะเน้นเรื่องของปัจเจกบุคคลนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะปัจจุบันจะให้มาพูดเรื่องอุดมการณ์ทางการเมือง เราก็ไม่เหลืออุดมการณ์อื่นใดอีกเลย นอกจากประชาธิปไตยที่เรารู้สึกว่ามันไม่ใช่ ไม่ว่าจะใครเป็นนายกก็ตาม

ที่สำคัญที่สุดคือสังคมเราเคลื่อนเข้าสู่สังคมทุนนิยมเต็มตัว สิ่งที่ตามมาอย่างตายตัวคือลัทธิปัจเจก คุณต้องเตรียมตัวรองรับความเป็นปัจเจกของคนในสังคม จุดนี้เลยสะท้อนออกมาผ่านมุมมองสายตาของกวีร่วมสมัย เพราะนักเขียนกับยุคสมัยแยกกันไม่ได้"

มนตรีมองว่างานเขียนทุกประเภทไม่ได้เกิดขึ้นเพื่อรับใช้อะไรทั้งสิ้น แต่มีเพื่อรับใช้ปัจเจกมาตั้งแต่โบราณ โดยสะท้อนภาวะของตัวเองออกมา แต่ในยุคของทุนนิยมปี 2550 ได้ชัดเจนขึ้นจนหลายคนตั้งคำถามว่านักเขียนรุ่นนี้กำลังเขียนเรื่องตัวเองอยู่รึเปล่า? ซึ่งคำตอบของเขานั้นทุกคนเขียนเรื่องตัวเองแน่นอน โดยเป็นเรื่องที่ตัวเองรู้ เข้าใจ และมองเห็น

"อย่างผมเปิดร้านหมี่เป็ดศิริวัฒน์อยู่ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา คลุกคลีกับตรงนี้มานาน ผมจึงเห็นในสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น หลายครั้งผมมีหน้าที่มองมันหยิบมันขึ้นมา เพื่อบอกว่าคุณครับ ถ้วยก๋วยเตี๋ยวถ้วยนี้ มีปรัชญาอยู่ข้างใน เก้าอี้ที่คุณเพิ่งลุกขึ้นนั่งตรงรอยอุ่นๆ มีรอยปรัชญาบางอย่างอยู่"

ฟังแล้วอาจจะงงนิดหน่อย แต่ถ้าลองหยิบรวมบทกวี โลกในดวงตาข้าพเจ้า ขึ้นมาอ่าน ก็จะเข้าใจได้ทันทีเลยว่าการนิพพานในร้านบะหมี่เป็ด ในสายตาของมนตรีนั้นเป็นเช่นไร!

ถึงแม้ว่าสภาวะกวีในด้านธุรกิจจะไม่ค่อยงดงามเท่าไหร่ แต่มนตรีก็ยืนยันว่ายังมีกวีรุ่นใหม่ที่เขียนงานอยู่อย่างต่อเนื่อง

"ยอดขายน้อยจะกระทบกับสำนักพิมพ์มากกว่ากวี เพราะยังไงกวีก็ได้ส่วนแบ่งตามมาตรฐาน ทำให้หลายสำนักพิมพ์เลือกงานที่เขาคิดว่าพิมพ์แล้วไม่ขาดทุน หรือขาดทุนไม่มากนัก ตรงนี้ทำให้บางทีกวีก็ไม่มีทางเลือก ต้องทำมือขึ้นมาเอง วงการก็เข้าใจ หลายรางวัลเลยเปิดโอกาสให้บทกวีทำมือส่งได้ เป็นเรื่องที่ดี"

ส่วนสาเหตุที่ขายกันยากขายกันเย็นนั้น มนตรีเห็นว่าก็ต้องคำถามกับตัวเองด้วยว่ากำลังเขียนอะไร ทำไมเขียนแล้วไม่มีใครอ่านใครซื้อ ต้องตอบตรงนี้ให้ได้ ก่อนที่จะไปตั้งคำถามกับส่วนอื่น

และนี่คือ 3 คนแรกที่มาเปิดอกพูดคุยอย่างล้วงลึกถึงความคิดเห็น และเจาะใจถึงความรู้สึก ส่วนอีก 4 คนที่เหลือ ขอยกยอดเป็นวันเสาร์หน้าก็แล้วกัน


มติชนหน้า 24


ผู้ตั้งกระทู้ ผู้สื่อข่าวบ้านไพร :: วันที่ลงประกาศ 2007-07-29 23:27:20


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (937544)

ปีนี้ถ้าอ.เนาว์เป็นกรรมการด้วยในการคัดเลือกคาดว่าผู้ที่จะได้รางวัลกวีซีไรต์ประจำปี ๕๐คงจะเป็นกวีที่มีนามกรว่า กฤช ซึ่งทั้งโดยผลงานและความเป็นกวีของนักกวีผู้นี้คงไม่น้อยหน้ากวีใด ๆ ที่ผ่านสายตาผู้คัดเลือกในรอบก่อน

ผู้แสดงความคิดเห็น เทาแดง วันที่ตอบ 2007-07-30 13:12:35


ความคิดเห็นที่ 2 (937545)

ฟันธงได้เลย

ซีไรต์ปีนี้มีอักษรย่อ ก.

ผู้แสดงความคิดเห็น กวีซีบาย วันที่ตอบ 2007-07-31 15:47:03


ความคิดเห็นที่ 3 (937546)
แต่ไม่ใช่ก. โก อย่างแน่นอน
ผู้แสดงความคิดเห็น สัจจะ วันที่ตอบ 2007-08-01 00:38:05


ความคิดเห็นที่ 4 (937547)

มีแค่ 3 ก.เท่านั่นแหละ

ก โก

ก กฤช

ก กุ๊ดจี่ขี้ควาย

ผู้แสดงความคิดเห็น กวีซีบาย วันที่ตอบ 2007-08-01 10:38:52


ความคิดเห็นที่ 5 (937548)

เมื่อคำ "ตาย"


รัตนโกสินทร์ฤาสิ้นปราชญ์?
จึงเป็นทาสประเทศตะวันตก
เจ้าพระยาสับสนไหลวนวก
น่าตระหนกตระหนักจักรภพ

กวีแววแก้วปิ่นสิ้นศรีศักดิ์?
สิ้นมนต์รักประจักษ์หูมิรู้จบ?
สิ้นคำหยาด “ครูเนาว์” ที่เคารพ?
สิ้นระบบวาทีกวีวัจน์?

เยาวชนรุ่นใหม่ไม่รู้รส
กวีบทสารพันท่านบัญญัติ
ไม่ประสีประสาประชาทัศน์
ไม่พึงคัดหัดเขียนไม่เพียรคิด

“ลูกผู้ชายลายมือนั้นคือยศ”
ไม่เคยจดเคยจำย้ำเตือนติด
แต่กลับเก่งภาษามหามิตร?
สิ้นสนิทเสน่ห์ไทยในพิภพ

เมื่อลำนำ “คำตาย” คล้ายสิ้นชาติ
ร่องรอยปราชญ์ลางเลือนเหมือนโดนกลบ
คำ“ท่านภู่” “ครูเอื้อ” เมื่อเลือนลบ
คำจึงจบกวีไทยใกล้กลียุค

รัตนโกสินทร์จึงสิ้นศักดิ์
สิ้นบทรักษ์อารมณ์ระดมปลุก
จักรวรรดินิยมก็โหมรุก
“ไท” จึงทุกข์เพราะประเทศถูกโถมทับ

เชษฐภัทร วิสัยจร
29 กันยายน 2546

ผู้แสดงความคิดเห็น กวินทรากร วันที่ตอบ 2007-08-02 13:59:19


ความคิดเห็นที่ 6 (937549)

ใครได้อ่านแถลงการณ์ตรวจสอบคณะกรรมการซีไรท์ รอบคัดเลิอกบ้างครับ อ่านแล้วก็ทำใจให้เป็นกลาง รับฟังทรรศนะของผู้เขียนที่ชี้แจงแสดงเหตุผล วิพากษ์ วิจารณ์ คณะกรรมการตัดสิน เห็นใจทั้งฝ่ายกรรมการตัดสิน และฝ่ายวิจารณ์ผลการตัดสิน บทบาทใครบทบาทมัน บทบาทของนักมวยก็ต้องชกมวย บทบาทของกรรมการห้ามมวยก็ทำหน้าที่ห้ามมวย อย่าถึงกับต้องให้กรรมการไปชกกับนักมวยเลย แต่ก็เห็นด้วยในหลายๆประเด็นที่ท่านได้วิพากษ์วิจารณ์มา เชื่อว่าทำด้วยความริสุทธิ์ใจ เพราะไม่ใช่บัตรสนเท่ห์ ประชาคมวรรณกรรมแห่งประเทศไทยมีตัวมีตนจริงๆนะครับ ใครมีทรรศนะ ความคิดเห็นอย่างไร ลองแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อพัฒนาความคิดกันบ้าง

ผู้แสดงความคิดเห็น สาธุชน วันที่ตอบ 2007-08-08 20:26:48



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.