ReadyPlanet.com


ก่อน...แสงเช้า แห่ง วันหวัง


เพื่อนรัก..................

ฤๅ โลกหนัก นาวา อันสาสม

ดุจรวงรัง พังพ่าย กับสายลม

และหาวห่ม ห้วงมืด มิจืดจาง

 

ลำนำค่ำ คืนเข็ญ กระเซ็นซ่าน

ดั่งทับธาร ทาบทา ก่อนฟ้าสาง

วิโยคเหยียบ เทียบเถื่อน หรือเลือนลาง

เป็นแววว้าง เวียนว่าย มาทายทัก

 

ฝืนไฟ ในห้วงเหว เป็นเปลวปวด

ช่างร้าวรวด หลากลึก สำนึกหนัก

เซ่นวิญญาณ ลาญแหลก เมื่อแรกรัก

จึงประจักษ์  จมทุกข์  จะปลุกคน

 

เพื่อทวงสิทธิ์ ทิศทิพย์ ที่หยิบยื่น

ลืมตาตื่น  ใต้ฟ้า  เพื่อหาผล

ยิ้มหยอกดาว พราวพร่าง ในทางตน

ฝ่าหมอกหม่น มัวหมอง สู่ทองธาร

 

ก่อนอรุณ คุ้นเคย จะเอ่ยอ้าง

เมื่อโศกสร่าง ศรัทธา กับกล้าหาญ

เพลงพิภพ พราวฟ้า มีมานาน

จะสะท้าน  ท่วมทั่ว  รดหัวใจ

 

ซึ่งสันติ เติมแล้ว เป็นแนวหนุน

รับอรุณ เรืองรอง ทำนองใหม่

แห่งมรรคา  คืนค่ำ  มิรำไร

มีแสงใส สูงส่อง ละอองพราว

 

เพื่อนรัก......................

ฤๅ โลกหนัก น้ำตา มิกล้ากล่าว

เถิด...ทอดธุระ หลับไหล ในหมู่ดาว

รอรุ่งเช้า  ชมศรี.........แห่งชีวิต.

 

                              ธรรมดา



ผู้ตั้งกระทู้ " ธรรมดา " :: วันที่ลงประกาศ 2012-04-18 10:57:09


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (2267382)

                         

              เถอะ.... จงไหว้ข้ามผ่านธารน้ำตา

              มาชมฟ้าสดใสในเช้าวัน

ผู้แสดงความคิดเห็น นายเงา วันที่ตอบ 2012-04-18 13:27:54


ความคิดเห็นที่ 2 (2267469)

ขอบคุณ ความรู้สึก ซึ่งลึกลับ

ร่วมขานขับ คำใจ เมื่อไหวหวั่น

ว่ายนาวา ที่ถาโถม โรมรัน

เพื่อพบฝัน เสรี.....แด่ชีวิต

 

ขอบคุณท่าน "นายเงา" ครับ

                           ธรรมดา

ผู้แสดงความคิดเห็น " ธรรมดา " วันที่ตอบ 2012-04-18 19:18:46


ความคิดเห็นที่ 3 (2267476)

นั่น! แนวฟ้า กว่ากว้าง ดูคว้างเคว้ง

กล่อมวังเวง หว่านโศก ราวโลกหลับ

ถมทางเปลี่ยว เดียวดาย คนพ่ายพับ

เหมือนเดือนดับ ดาวดำ..แล้ว..ค่ำใคร?

 

ลมแล้งแห้ง แผ่นผืน ผู้ยืนเหม่อ

รอแล้วเก้อ  กี่ครั้ง  ภวังค์ไหว

เศร้าสั่งฟ้า ฝากหาว กับดาวไกล

เธออยู่ใหน น้ำฟ้า.....น้ำตาคน

 

ร่วงลงดิน ถิ่นเก่า กับเงามืด

ยามฟ้าฝืด ฝั่งคอย เหมือนรอยหม่น

จะยิ้มหยอก หมอกมั่ว หรือตัวตน

แล้วรอฝน ฝากคำ มาย้ำยิน-

 

เย็นอยู่หรือ ดื่มด่ำ อันฉ่ำชื่น

ที่เติมตื่น ตามแนว แววถวิล

ชูชีวิต ทิศทาง -หว่างฟ้าดิน

สะท้อนถิ่น ทำนอง รองอรุณ.

 

บริบท เริ่มต้น ของคนกล้า

กาลเวลา ล่วงเลย ความเคยคุ้น

จวนตะวัน คล้อยบ่าย บอกนายทุน

ไม่อบอุ่น อีกแล้ว ในแนวเมือง

 

จะกลับบ้าน สานฝัน อย่างวันเก่า

เรียนลำเนา น้ำ-ป่า แลฟ้าเฟื่อง

สร้างชีวิต คิดค้น บนลานเรือง

กับช่อเอื้อง อุ่นอวล แห่งมวลมิตร

 

                                     ธรรมดา 

ผู้แสดงความคิดเห็น " ธรรมดา " วันที่ตอบ 2012-04-18 19:42:51


ความคิดเห็นที่ 4 (2267533)

 

""เพื่อนรัก...
ละเอียดนัก อักษร กลอนลิขิต
คือลีลา ลำนำ แสนสัมฤทธิ์
ใช่น้อยนิด เลยหนา น่ายินดี..

..ธรรมดา
โอ้อุษา สวรรค์ วรรณศรี
สัมผัสจด หยดหยาด ขนาดนี้
แววกวี ชั้นเยี่ยม ยากเทียมทาน...


..

ผู้แสดงความคิดเห็น ภัทราจิตร บุญประสงค์ วันที่ตอบ 2012-04-19 08:51:17


ความคิดเห็นที่ 5 (2267573)

  สองมือมี ไมตรี ที่โอบเอื้อ

ด้วยจุนเจือ จากใจ ไหลรินผ่าน

อักษรา เรืองพร แห่งกลอนกานท์

จะผสาน ซึ่งโศก คราโลกลวง

 

  เพื่อนรัก...............

ต่างตระหนัก พิษภัย อันใหญ่หลวง

ยามใจคน หม่นไหม้ ไฟสุมทรวง

ช่างหนักหน่วง เหนื่อยล้า น้ำตาคลอ

 

  คืนมืดนั้น ยืดยาว กว่าคราวก่อน

มันบั่นทอน ทาบคน ที่ทนท้อ

จ่อมจม ระงมเหงา และเฝ้ารอ

จะชุบช่อ ชีวิต......สู่ทิศใด

 

  คืนความหวัง ผู้ยังโศก ในโลกลึก

ผู้ผนึก น้ำตา มาฝันใฝ่

พยายาม หยัดยืน อย่างฝืนใจ

กับโลกไร้ ขอบเขต เจตนา

 

  เพื่อทิศทาง วางวาด โดยธาตุแท้

สู่กระแส สร้างตน อย่างฅนกล้า

ลุกลำดับ ขับขาน กาลเวลา

แล้วทวงค่า คนจริง จะยิ่งยืน...

 

ขอบคุณมากครับ "คุณภัทราจิตร"

                         ธรรมดา

ผู้แสดงความคิดเห็น " ธรรมดา " วันที่ตอบ 2012-04-19 10:32:19


ความคิดเห็นที่ 6 (2267827)

"....สายน้ำในห้วง...คำนึง..."

 

เมื่อสายน้ำ ถามทาง ที่ต่างขั้ว

ความขลาดกลัว เก็บซ่อน ซึ่งอ่อนไหว

กล้าเผชิญ เกินเก่า กว่าเท่าใด

จึงยิ่งใหญ่ หยดหนึ่ง รวมถึงกัน

 

เป็นนที ชีวิต ไม่ผิดเผ่า

หลากลำเนา นับเนื่อง จะเรืองสรรค์

สูงต่ำต่าง ล้ำค่า คือสามัญ-

ไม่มีขั้น คอยข่ม ให้กลมกลืน

 

จึงเสรี ร่วมร้อย ทยอยยิ่ง

ใช่อ้างอิง อำพราง เพียงต่างตื่น

เติมกระแส แผ่ผุด เพื่อจุดยืน

จะพลิกผืน แผ่นดิน ด้วยวิญญา

 

อาจอุดม ได้ด้วย การช่วยชู

การคืนสู่ สมดุล แห่งคุณค่า

เมื่อมั่นคง ตรงชัด ซึ่งศรัทธา

และแหล่งหล้า รองฝัน ร่วมบันดาล

 

จึงงามใน ท่ามทุกข์ ที่ลุกร้อย

จะเรืองรอย รวมร่าย ซึ่งสายสาน

สู่ชีวิต ผลิตผลิ ปณิธาน

ที่ขับขาน ครรลอง เพื่อผองชน

 

เพื่อแผ่นผืน คืนกลับ การรับรู้

ในอณู น้ำตา ต่างพร่าหม่น

ซับชีวิต จิตวิญญาณ ที่ทานทน

ว่าเหลื่อมล้น หลากหลาย และพ่ายพัง

 

หากสายน้ำ ในใจ จะไหลร้อย

เป็นเกลียวกลอย กลั่นกล้า ให้หาฝั่ง

ย่ำนิยาม ข้ามโค้งคด เคยบดบัง

แล้วเหยียบหยั่ง เยื่อใย แห่งไมตรี

 

เมื่อหมื่นพัน บรรจบ คำรบใหม่

แสงอุทัย ถามทัก ซึ่งศักดิ์ศรี

ผืนแผ่นดิน ด่างดำ  ด้วยย่ำยี

รัศมี มิตรมั่น........ก็บรรเทา...

 

มองสายน้ำ ยามร่ายรำ ร่วมกำหนด

กี่โค้งคด  ค้ำเคียง  สำเนียงเผ่า

ในมนุษย์ สุดสาย พรายเพียงเงา

หารวมเหล่า และเท่าถึง เป็นหนึ่งเดียว.

 

                                       " ธรรมดา "

ผู้แสดงความคิดเห็น " ธรรมดา " (tanapagon99-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2012-04-20 14:21:09


ความคิดเห็นที่ 7 (2267899)

 

                                                          สายธารธรรมดา

                                             ด้วยเรียวแขนแสนล้าว่ายฝ่าข้าม

                                            คงสัมผัสความงามแห่งน้ำเชี่ยว

                                            ที่ว่าร้ายจืงใช่ร้ายเพียงถ่ายเดียว

                                            หากใจเหนี่ยวตระหนักซี้งถึงธารธรรม

                                             ในห้วงมหรรณพบรรจบฟ้า

                                             คลื่นซัดพาถั่งโถมโหมกระหน่ำ

                                            เกลียวชีวิตซัดซ่าเริงระบำ

                                           มีหรือใครร่ายรำเพียงเดียวดาย

                                              จึงน้ำตาหมองหม่นของคนทุกข์

                                            คอยขับปลุกคลื่นสาดไม่ขาดหาย

                                             แต่ใครยอมจ่อมจมอย่างงมงาย

                                             หรืออยู่อย่างคล้ายคล้ายใม่หายใจ

                                              ต่างรอแสงแห่งธรรม ธรรมดา

                                               ที่จะสาดฉายมาในเช้าใหม่

                                               เพื่อเสริมแรงแกร่งกล้าข้ามฝ่าไป

                                                 อย่างซึ้งในลำธารผ่านผจญ

                                              จึงได้เห็นเบื้องหน้ามีฟ้ากว้าง

                                                จีงรู้ทางคดเคี้ยวเลี้ยวเหวหน

                                                จึงพลังดั่งไฟในใจตน

                                                  จะปลุกปลอบผู้คนที่ผ่านทาง

                                                และเอื้อมมือปกป้องประคองโลก

                                                คอยดับโศกสาดซัดสิ่งขัดขวาง

                                                    มิตรภาพจึงฉายข้ามลายพราง

                                                  ด้วยก้าวย่างแห่งธรรม. ธรรมดา

                                                                                              จานพิเศษ แด่ ธรรมดา

 

 

 

 

 

  

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นายเงา วันที่ตอบ 2012-04-20 17:27:12


ความคิดเห็นที่ 8 (2268124)

หากแม้นเหมือน ดาวดาษดื่น คืนหมาย

ก่อประกาย แสงงาม อยู่ท่ามฟ้า

วาดวิจิตร ใจคน บนศรัทธา

ก้าวที่กล้า ก็อบอุ่น ละมุนมาน

 

เหมือนเสรี มีหลัก ให้พักพิง

สรรพสิ่ง ชื่นชู สู่ผสาน

เส้นสัมพันธ์ มั่นสมัย ในกาล

เพื่อจะหว่าน วันคืน ให้รื่นรมย์

 

ให้โลกโศก สะท้อน นอนพำนัก

ในหล้าหลัก รวงรัง ที่สั่งสม

ในนิมิต ทิศทาง  ว่างระทม

เป็นห้วงห่ม  หัวใจ  ผู้ใฝ่ดี

 

คำนับ กับรู้สึก อย่างลึกซึ้ง

ปานประหนึ่ง คำครู สู่วิถี

ดื่มอุดม คมคำ  นำไมตรี

กับวันนี้ นับถือ ท่านคือมิตร

 

ขอบคุณท่าน "นายเงา" ยิ่งครับ

ธรรมดา

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น " ธรรมดา " วันที่ตอบ 2012-04-21 21:00:43


ความคิดเห็นที่ 9 (2268134)

 เป็นบทกวีที่ไม่ "ธรรมดา" เลย ชอบครับ ^^

ผู้แสดงความคิดเห็น กระบี่ใบไม้ (rainny4111-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2012-04-21 21:55:05


ความคิดเห็นที่ 10 (2268223)

" ฉันไม่ใช่ กวี "

 

เขียนความรัก ทักทาย จากปลายฟ้า

หมอกภูผา ภาพฝัน เช้าวันใหม่

แสงสีทอง ท้องน้ำ งามวิไล

ลมพลิ้วไหว หว่านหวาน นิทานดาว

 

เก็บดอกไม้ มาฝาก จากความฝัน

แสงตะวัน วาดรุ้ง จรุงหาว

ปาฏิหาริย์ หว่านหวัง สะพรั่งพราว

หมู่เมฆขาว เคลื่อนคละ เริงระบำ

 

เขียนความฝัน วันวาน งานชีวิต

วาดวิจิตร บรรเจิด และเลิศล้ำ

จินตนา ถ่าโถม ชโลมคำ

แล้วดื่มด่ำ ด้วยสิทธิ์ จิตวิญญาณ

 

คั่นความจริง สิ่งฉาบ คือคราบโลก

ซึ้ง เศร้าโศก สุข ทุกข์ สนุกสาน

สมมุติผุด บัญญัติ มิทัดทาน

ใช่แก่นสาร สิ่งซับ ประดับตน

 

แค่ขีดเขียน เรียนโลก ประโยคหยั่ง

เพียงภวังค์ หวั่นไหว ในห้วงหน

สิทธิ์สร้างใช่ วางไว้ กลางใจคน

ท่ามถนน หนึ่งน้ำตา..แห่งอาทร..

 

ขอบคุณครับ ท่าน " กระบี่ใบไม้ "

คือจริงๆแล้วภาษาไทยผมไม่ค่อยแข็งแรงหรอกนะครับ

เพราะอยู่ต่างบ้านต่างเมืองมานานหลายๆปีแล้ว

จนบางครั้งก็เกือบจะลืมๆเสียด้วยซ้ำ หากผิดพลาดประการใด

" ก็ขออภัยด้วยนะครับ "

ธรรมดา

ผู้แสดงความคิดเห็น " ธรรมดา " วันที่ตอบ 2012-04-22 10:39:33


ความคิดเห็นที่ 11 (2268224)

 แอบมางดงามอยู่ที่นี่...

แสงกวีฉายโชนไปไกลถึงอีกฝั่งฟ้าเลยค่ะ คุณธรรม...

♥ ขออภัย..ขอทักคนข้างบนหน่อยนะคะ...

พี่ใบไม้..พบกันโดยบังเอิญ  หรือบุพเพสันนิวาสคะเนี่ยะ... แซมคิดถึงพี่ใบไม้จัง... ♥

มะขิ่น De CA

ผู้แสดงความคิดเห็น แซมค่ะ วันที่ตอบ 2012-04-22 10:46:02


ความคิดเห็นที่ 12 (2268507)

แก้ไขครับ...( " ฉันไม่ใช่ กวี " ) บทที่๔ วรรค๒ คำท้ายวรรค พิมพ์ผิดครับ

คั่นความจริง สิ่งฉาบ คือคราบโลก

ซึ้ง เศร้าโศก สุข ทุกข์ สนุกสนาน

สมมุติผุด บัญญัติ มิทัดทาน

ใช่แก่นสาร สิ่งซับ ประดับตน

 

"คุณแซม" คงสบายดีนะครับ ร่าเริงได้ตลอด เช้า กลางวัน เย็นเลยเนี่ย!

ธรรมดา

ผู้แสดงความคิดเห็น " ธรรมดา " วันที่ตอบ 2012-04-23 15:08:01


ความคิดเห็นที่ 13 (2268510)

จากจุดเริ่ม...ที่ไม่มีสิ้นสุด...สงคราม.?.

 

 

 

   ยุติธรรม ละหรือ.?.ผู้ถือปืน
จะหยิบยื่น เหยียบเป็น ให้เร้นหาย
สาปเสรี ลี้ลับ กับวอดวาย
เพียงจุดหมาย มองทาง ที่ต่างตน
 
   เพื่อนพ้อง พี่น้องสู สิอยู่สุข
ใครจะทุกข์ ถมทาง กลางฟ้าหม่น
ดับเดือนเสี้ยว ศรัทธา ประชาชน
เพื่อผองผล เพื่อชัย จะใหญ่ยืน
 
  เซ่นชะตา ตกต่ำ แลชำรุด
หากโผล่ผุด พังพับ อยู่กับผืน
ใต้ฝ่าเท้า อธรรม ผู้กล้ำกลืน
ช่างขมขื่น คับแค้น บนแดนดิน
 
  เพลงสวรรค์ พลันจบ สงบเงียบ
ถูกย่ำเหยียบ หยาดหยด รันทดถิ่น
ดอกไม้ดำ พร่ำผ่าน การได้ยิน
สดุดี ดับดิ้น แห่งวิญญู-
 
  โค้งเคียว เคยเกี่ยวรวง เริ่มร่วงหล่น
ท่ามถนน หน่วงหนัก ของนักสู้
เหลือรอยลา รอยเลือด หลั่งพรั่งพรู
ที่สิงสู่ สร้างสม อุดมการณ์
 
  สงครามใคร.?.ในโลก หลากซากทุกข์
ยังปั่นปลุก เปลี่ยนปรับ ยังขับขาน
เคียงคนยาก ตราก- ต่ำ- เป็นตำนาน
ยังสะท้าน ถึงถิ่น ผู้ยินยล
 
  หาก...สันติ ผลิพัน ให้มั่นหมาย
หมื่นประกาย ก้าวรวม จะท่วมท้น
แสนจะสู้ สู่ชัย หัวใจคน
ล้านจะล้น ลุกเนื่อง และเรืองรอง
 
  ตราบแหล่งหล้า คลาคล่ำ การย่ำยี
การกดขี่ ข่มเหง บรรเลงร้อง
ธรรมทิพย์ จะหยิบยื่น และคืนครอง
สู้สนอง น้ำตา ศรัทธาทาง
 
  แด่...วิญญาณ เสรี ผู้หรี่หลับ
ผู้ล่วงลับ ลาไกล ในระหว่าง-
ยังคำนึง ถึงเพื่อน ไม่เลือนลาง
ยังอยู่ข้าง ครรลอง...แห่งผองชน ฯ
 
ผู้แสดงความคิดเห็น " ธรรมดา " วันที่ตอบ 2012-04-23 15:22:57


ความคิดเห็นที่ 14 (2268671)

 แวะมาชื่นชมบทกวีงามๆ ที่ทยอยไหลผ่านออกมาเรื่อยๆครับ ^^b

 

ขออภัย ขอทักทายคนข้างบนหน่อยนะครับ

พี่ใบไม้ก็แปลกใจ เหมือนกันนะเนี่ย ที่แวะมาเจอมะขิ่นที่นี้ โลกของบทกวีมันแคบน่าดูเลย...

แต่ยังไงก็ยังคิดถึงมะขิ่นเสมอนะจ๊ะ... ^______^

ผู้แสดงความคิดเห็น กระบี่ใบไม้ (rainny4111-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2012-04-24 11:17:58


ความคิดเห็นที่ 15 (2268774)

 

" จันทร์ ในใจ "

 

งดงาม ยามเมื่อมอง บนท้องฟ้า

สบสายตา เติมฝัน เช่นวันเก่า

รอยยิ้ม นิ่มนวลนั้น ยังบรรเทา

อบอุ่น คุ้นคนเหงา อย่างเข้าใจ

 

คืนจันทร์ฉาย พรายพร่าง อยู่กลางหาว

สร้อยแสงดาว เรียงร้อย ดั่งพลอยใส

หนึ่งนภา ว่าหวาน ประมาณใด

จะห่มให้ ห้วงซึ้ง คิดถึงกัน

 

แปลกไหม! เมื่อใจเรา ดวงเก่านี้

รักเธอที่ อยู่ไกล เหมือนในฝัน

เฝ้าฝากฟ้า ฝากลม ห่มแสงจันทร์

สร้างสีสัน สวยล้ำ เพียงลำพัง

 

เหมือนไม่อาจ เอื้อมดาว จากราวฟ้า

ต่างชะตา ต่างทาง ระหว่างหวัง

ผลิบาน ผ่านภาพเสียง เพียงภวังค์

รอวันหลั่ง น้ำตา จะมาเยือน

 

แม้บอบบาง อย่างนั้น ยามหวั่นไหว

เสียงหัวใจ จะคอย มิคล้อยเคลื่อน

ประดับดวง เด่นหาว ดุจดาวเดือน

ละมุนเหมือน มีฟ้า...ที่อาทร...ฯ

                              ธรรมดา

 

" ขอบคุณนะครับ ท่านกระบี่ใบไม้ "

 

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น " ธรรมดา " วันที่ตอบ 2012-04-24 17:38:04



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.