ReadyPlanet.com


วรรณกรรมหน้าเดียว 2 : รำพันของเด็กชาวไร่


 

                    วรรณกรรมหน้าเดียว  2 : รำพันของเด็กชาวไร่
 
ฉันรับรู้ถึงความเย็นของน้ำ
ที่ไหลผ่านเท้าของฉัน
ทุกครั้งที่ฉันเดินผ่านลำธารสายนี้ ฉันจะหยุดยืนอยู่ตรงกลางลำธาร
ปล่อยให้สายน้ำเหล่านั้น ไหลผ่านเท้าทั้งสองข้าง
ฉันมองดูน้ำที่ไหลผ่านเท้า และเลยผ่านไปด้านหลังอย่างช้า ๆ
หยดน้ำที่รวมตัวกันมา มันคงจะไหลไปที่ไหนสักแห่ง 
ที่ที่ฉันไม่รู้จัก และไปไม่ถึง
 
ฉันไม่รู้จักแม้ที่มาของลำธารสายนี้
มันเริ่มจากไหน
น้ำแต่ละหยด มันมีที่มาอย่างไร
และกว่าจะไหลมาถึงเท้าของฉัน พวกมันพบเจออะไรมาบ้างนะ
 
ไหลทั้งวัน ตลอดเวลาอย่างนี้
รู้สึกเหนื่อยบ้างหรือเปล่า
หรือรู้สึกตื่นเต้น ที่จะได้พบเจอเพื่อนใหม่
เห็นสถานที่ที่ไหลผ่าน
เห็นโลกที่กว้างใหญ่ ตลอดเส้นทางของลำธาร
 
หยดน้ำหลาย ๆ หยด
อาจจะได้คุยกับปลา กุ้ง หอย
หรือต้นหญ้าริมลำธาร หรือต้นไม้ใหญ่
คงจะได้เพียงทักทาย เพราะน้ำจะต้องรีบไหลไปให้ถึงจุดหมาย
ไหลไปตามกาลเวลา
จะลอยขึ้นฟ้า กลายเป็นฝน หรือจะซึมลงดินให้ดินชุ่มฉ่ำ
 
ฉันคงจะยืนอยู่อย่างนี้ทั้งวันไม่ได้แล้วล่ะ
เพราะชีวิตฉันก็ต้องก้าวเดินต่อไป
ไปตามทาง และจุดหมายปลายทางเหมือนกับพวกเธอ
 
พ่อกับแม่รอฉันอยู่ที่ไร่ ถัดจากลำธารไปไม่ไกล
กลับจากไร่ ฉันจะแวะมาใหม่นะ สายน้ำที่ชุ่มเย็น..........


ผู้ตั้งกระทู้ ทิวามาศ :: วันที่ลงประกาศ 2013-05-21 11:58:50


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (2359690)

๐ บทความ : คำพรรณนาของกรรมกรแรงงานหวนคืนบ้านนา ๐

 

ฉันรับรู้ถึงกลิ่นโคลนสาบควาย

ที่โชยผ่านจมูกของฉัน

ทุกครั้งที่ฉันจูงควายออกจากคอกเดินผ่านกลางทุ่งนายามเช้าอันเขียวขจี

หมอกไอน้ำขาวมัวสลัวปกคลุมรอบตัวฉัน

ทุกย่างก้าวฉันเดินไปอย่างช้า ตามคันนาที่เต็มไปกอหญ้าเปียกชุ่มด้วยหยดน้ำค้าง

เมื่อครั้นหยดน้ำค้างกระทบกับแสงแดดอ่อน เกิดประกายแสงระยิบระยับทั่วผืนทุ่งนา

 

ทุ่งนาที่ฉันรู้จักตั้งแต่เกิดมา

ทุ่งนาที่เป็นมรดกของบรรพบุรุษ

สืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่น พ่อแม่ฉันเคยพูดไว้

อนาคตฉันจะทำมันอย่างไร

ชีวิตลูกชาวนาอย่างฉัน เห็นความทุกข์ยากของชาวนามาทั้งชีวิต

แล้วฉันจะพบเจออะไรบ้างนะ

 

ชาวนาผู้เปรียบเสมือนกระดูกสันหลังของชาติ

เหนื่อยลำบาก ขื่นขม เสียใจ ร้องไห้ ผิดหวัง

สิ่งที่ฉันกำลังเลือกเดินในวันข้างหน้ากับอาชีพชาวนา

บนผืนแผ่นดินบ้านเกิดตัวเอง

ท้องทุ่งนาผืนนี้ จะสร้างฝันฉันกลับมาอีกครั้ง

 

หยุดน้ำตาหลายๆ หยด

สุดแสนจะรันทดหมดสิ้นความหวังกับผู้บริหารประเทศ

ไม่ว่ายุคสมัยรัฐบาลใด ชาวนาก็โดนนายทุนเอาเปรียบอยู่วันยังค่ำ

ความฝันที่จะเห็นชีวิตชาวนามีความอยู่ดีกินดี คือปณิธานอันยิ่งใหญ่

จุดปลายทางฉันจะราบรื่นหรือไม่ ฉันไม่อาจรับรู้

ชีวิตชาวนาไหลบ่าไปตามกระแสทุนนิยม

ทุกอย่างนายทุนเป็นคนกำหนดกฎเกณฑ์ กดขี่ห่มเหง ชาวนาทุกอย่าง

 

ฉันจะเป็นชาวนาที่ยึดแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริของในหลวง

ฉันจะไม่ยอมตกเป็นทาสอำนาจของนายทุนและนักการเมืองชั่วๆที่เห็นแก่ตัวอีกต่อไป

เพราะชีวิตฉันเพียงพอแล้ว

 

ฉันเดินทางมาไกลกว่าที่จะหลงยึดติดกับค่านิยมจอมปลอม

จากนี้ไปฉันขอใช้ชีวิตแบบอิสระ ปลดเปลื้องพันธนาการทุกอย่าง

 

ฉันจะสานต่อความฝันของพ่อกับแม่ที่ท้องทุ่งนาแห่งนี้

ออกจากเมืองกรุงเมื่อไหร่ ฉันจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ ณ ทุ่งนาอันเขียวขจี........

 

 

ขอน้อมคารวะจากใจ

“ทรชนบ้านนอก”

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ทรชนบ้านนอก วันที่ตอบ 2013-05-22 11:05:31


ความคิดเห็นที่ 2 (2360750)

 

ก้มหน้ามองปฐพีที่ไถคราด
แสงแดดสาดส่องหลังยังต้องก้ม
หยิบต้นกล้าเสียบลงปักโคลนตม
ปวดระบมมือเป็นแผลแต่ต้องทน
 
ทำนามาปางบรรพ์แต่ปู่ย่า
เมื่อเกิดมาต้องสู้อยู่ทุกหน
เพราะเลือกเกิดมิได้แต่สักคน
เพียงใช่ทนแต่ที่ทำเพราะทำจริง
 
กสิกรวันนี้ฤาถูกทิ้ง
หากไม่วิ่งตามโลกไปทุกสิ่ง
หยุดโลกไว้ให้โลกไปตามความจริง
ค่อยประวิงเก็บตามทุนหมุนตามแรง
 
ประดาดังวิกฤติมาปัญหาโถม
ถั่งสังคมอภิวัฒน์ไปทุกแห่ง
แต่ชาวนายังยืนหยัดไม่เปลี่ยนแปลง
ดินจะแล้งน้ำจะหลากแค่ตรากตรำ

                                                                             ถ้อยศรัทธา....ทิวามาศ

ผู้แสดงความคิดเห็น ทิวามาศ วันที่ตอบ 2013-05-25 01:23:01


ความคิดเห็นที่ 3 (2361139)

      ชีวิตชาวนาเกิดจนตาย

    ๐ ชาวนายุคกระแสทุนนิยม

เจ็บอกตรมสุดข่มขื่นชอกช้ำ

ไถพรวนดินหวานกล้าข้าวปักดำ

ถูกครอบงำโดยนายทุนทุกขั้นตอน

   ๐ นักกินเมืองแต่งเรื่องโม้โป้ปด

ทุรยศนโยบายอุทาหรณ์

นายทุนเหยียบกดหัวกรรมกร

เครื่องจักรบั่นทอนวิถีเกษตรกรรม

   ๐  ผลผลิตข้าวโดนกดราคา 

โกงน้ำหนักตราชั่งอย่างลึกล้ำ

ส่งเสริมเงินกู้หวานหรูน้ำคำ

ชาวนาเจ็บช้ำหนี้สินท่วมหัว

   ๐ ทนยัดยืนต่อสู้อย่างผู้ไร้เกียรติ

นายทุนหยามเหยียดชาวนาทุกถิ่นทั่ว

นักกินเมืองหลอกลวงทุกตนตัว

ตราบชั่วชีวิตชาวนาอย่าหวังรวย

ขอน้อมคารวะจากใจ

"ทรชนบ้านนอก"

ผู้แสดงความคิดเห็น ทรชนบ้านนอก วันที่ตอบ 2013-05-25 12:47:14


ความคิดเห็นที่ 4 (2366814)

 

ฉันกลับมาแล้วสายน้ำที่รัก...
ทุกครั้งที่ฉันกลับมาจากไร่ จะต้องผ่านลำธารนี้เสมอ
 
พ่อเคยบอก ป่าแถวนี้ เขาเรียกกันว่า ป่าแสลงหลวง
ป่าที่มีภูเขาสูงชันสลับซับซ้อน
ตอนนี้ ฉันรู้สึกถึงความชุ่มเย็นที่ไหลผ่านตัวฉัน
 
 
แหงนมองรอบกาย   ทิวเขาสูงตระหง่านโอบล้อมรอบผืนไร่
หมู่เมฆลอยอ้อยอิ่ง สีขาวของปุยเมฆตัดกับสีทะมึนของดงป่า
เวลานี้  ฉันอยากจะปีนขึ้นไปจับปุยเมฆเหล่านั้น
 
เงียบ
ฟังสิ ฟังเสียงนั่น....
อาจจะเป็นเสียงของฝูงช้างป่าก็ได้
พ่อเล่าว่า  มันเดินผ่านมากินน้ำที่ลำธารเป็นโขลงใหญ่
ฉันเคยเห็นแต่รอยเท้า แต่ไม่เคยเห็นตัวจริงของพวกช้างป่า
 
ไม่มี ไม่มีสัตว์ใดที่เดินออกมาจากพุ่มไม้ข้างลำธาร
ไม่มีเสียงช้างป่า
 
พลัน เสียงเครื่องเลื่อยยนต์ดังคำราม  แว่วมาแต่ไกล
พ่อบอกว่า ช่วงหน้าฝนจะได้ยินเสียงเครื่องเลื่อยยนต์
ดังก้องจากฟากหนึ่งไปยังอีกฟากของขุนเขา เสียงต้นไม้ต้นใหญ่ล้มครืนราวกับฟ้าคำราม
 
ผ่านเทือกเขานี้ไป คือเมืองเพชรบูรณ์
 
ค่ำคืนนี้ ยังมีบทเพลงกล่อมจากผู้เฒ่าชาวม้ง
ขับขานทำนอง ถึงมนต์ขลังของผืนป่า และตำนานแห่งช้างเผือก
วันแล้ววันเล่า ที่ลูกหลานทุกคนยังอยากได้ยินเรื่องราว  จากผู้เฒ่าอยู่เช่นเคย......
ผู้แสดงความคิดเห็น ทิวามาศ วันที่ตอบ 2013-06-05 18:03:43


ความคิดเห็นที่ 5 (2367402)

 

      หวนกลับมาชมธาราที่รัก             
ขอผ่อนพักพอหายเหนื่อยจากงานไร่
ฟังบุหรงขับขานก้องพนัสไพร           
ชลธารไหลรินหลั่งดังแว่วมา
 
      ดาราบถเบื้องบนแลโอนอ่อน        
ทิวสิงขรรุจิเรขเมฆเคียงผา
ลอยอ้อยอิ่งโอบอุ้มชุ่มพะงา          
พสุธาจรด-คคนานต์สราญใจ
   
หริ่งเรไรสรรพเสียงเซ็งแซ่ซ้อน
อุษณกรยามอัสดงลงลับไศล
อลธการใกล้ทิวาจำลาไกล
ราตรีไซร้เคลื่อนคล้อยมาอีกครา
            
       จำลาสู่เรือนแก้วแล้วธารารัก
มิใช่จักอาลัยไกลหนีหน้า
อรุณใหม่จึงได้เห็นเช่นเคยมา
ขอนิศานาถเป็นเพื่อนเหมือนก่อนกาล

                                                                                      ถ้อยศรัทธา...ทิวามาศ

ผู้แสดงความคิดเห็น ทิวามาศ วันที่ตอบ 2013-06-06 22:05:17


ความคิดเห็นที่ 6 (2369551)

เรื่องราวของเด็กชาวไร่ บ้านอยู่ห่างไกลจึงมิได้เรียน

 

โรงเรียนอยู่หลังเขาไปไกลโพ้น

เพียงมีคนเคยพูดถึงแลมิเห็น

ครูเดินเท้ามาบอกเล่าเรื่องจำเป็น

เช้ากลับเย็นส่งลูกไปคงได้ความ

ครูเดินมาใช้เวลาวันครึ่งค่อน

พนาดรทางยากลำบากเข็ญ

แม่บอกว่าเข้าใจเรื่องจำเป็น

แต่ที่เห็นมันไกลมากลำบากเดิน

            ทั้งสิงสาราสัตว์ที่กัดต่อย

ทั้งมิค่อยมีสตางค์ทั้งขาดเขิน

เป็นชาวไร่ลำบากยากเหลือเกิน

ไกลทางเดินคงไม่ไหวหรอกคุณครู

            ครูบอกให้เอาหนังสือเอาไว้อ่าน

ทั้งนิทานหนังสือเรียนทั้งความรู้

พ่อแม่บ่มนิสัยให้เหมือนครู

แลความรู้ควรให้อยู่คู่กายตน

            แค่ทำไร่ใช้กินอยู่ก็พอได้

ขายหน่อไม้เห็ดป่าแก้ขัดสน

อยู่ทำมาหากินไปพอแก้จน

มัวพร่ำบ่นคงไม่แล้วแคล้วอดตาย

            ขอบคุณครับคุณครูที่เป็นห่วง

คุณใหญ่หลวงขอจดจำมิห่างหาย

ก่อนครูกลับรับของฝากฝากด้วยใจ

มีหน่อไม้และเห็ดโคนเอาไว้กิน

            กว่าจะถึงบ้านอีกวันตั้งครึ่งค่อน

คนบ้านดอนพงไพรลึกมิรู้สิ้น

อยู่กับไร่อยู่ในป่าเป็นอาจิณ

หากไม่สิ้นคงจะได้แวะเยี่ยมครู

            ครูเดินกลับทางเทียวมิเหลียวหลัง

แต่ฉันยังสู้ต่อไปคงได้อยู่

มีผืนป่าขุนเขาไว้มองดู

ยังต่อสู้ดิ้นรนบนทางไพร...

                                                                                              ถ้อยศรัทธา.....ทิวามาศ

ผู้แสดงความคิดเห็น ทิวามาศ วันที่ตอบ 2013-06-11 15:34:10



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.