การวิจัยแนะนำว่าหากคุณมีรอบที่ยาวกว่า คุณอาจปรับให้เร็วขึ้นสำหรับการเดินทางไปทางตะวันตก เช่น เมื่อเดินทางจากออสเตรเลียไปยังแอฟริกาใต้ แต่เราไม่รู้ว่ารอบที่สั้นกว่านี้จะช่วยไปในทางอื่นได้หรือไม่นอกจากนี้ เรายังมีความยืดหยุ่นน้อยลงเมื่อเราอายุมากขึ้น ดังนั้นผู้ที่อายุมากขึ้นอาจมีอาการเจ็ตแล็กที่แย่ลงทิศทางการเดินทางมีความสำคัญหรือไม่โดยทั่วไปแล้ว ผู้คนจำนวนมากมักเดินทางไปทางทิศตะวันตกซึ่งคุณ "มีเวลา" ง่ายกว่าเล็กน้อยสมมติว่าจัสมินและซาร่าห์ออกจากแอดิเลดพร้อมกัน จัสมินลงจอดที่เมืองเพิร์ทในช่วงบ่าย ซึ่งเร็วกว่าปกติประมาณ 2.5 ชั่วโมง เธอเห็นสถานที่ท่ เจ็ตแล็ก องเที่ยวบางแห่งและหลับไปอย่างง่ายดายในเวลาประมาณ 20.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น จากนั้นเธอก็ตื่นแต่เช้าและเริ่มต้นวันใหม่เนื่องจากนาฬิการ่างกายของจัสมินเดินช้าลงโดยธรรมชาติ – เปลี่ยนไปเล็กน้อยในภายหลังเมื่อเทียบกับเวลาท้องถิ่นในแต่ละวัน – หลังจากผ่านไปสองสามวัน เธอก็จะซิงโครไนซ์อย่างเต็มที่ในขณะเดียวกัน Sarah ลงจอดที่ Auckland ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 2.5 ชั่วโมงในวันรุ่งขึ้น เธอใช้ประโยชน์จากช่วงเย็นที่อากาศปลอดโปร่งและบางคืน และตื่นขึ้นจนถึงตี 2 จากนั้นเธอก็ลุกจากเตียงอย่างยากลำบากเมื่อเสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นตอน 7 โมงเช้า เพราะนาฬิกาชีวิตของเธอยังเป็นเวลา 4.30 น.มีแนวโน้มที่จะรู้สึกถึงผลกระทบของอาการเจ็ตแล็กได้รุนแรงกว่าจัสมินและนานกว่านั้น