หน้าหลัก | ข้อมูลสมาคม | บทความ | บทร้อยกรอง | ข่าวสารประชาสัมพันธ์ | กิจกรรม | กระทู้ | หนังสือ | ร้อยกรองออนไลน์ |
ทางออกประชาธิปไตยไทย ทางเลือกใหม่ก้าวนำโลก!!! | |
ศิวกานท์ ปทุมสูติ
. เพื่อก้าวออกจากวังวนของการเมืองไทยแบบอุปถัมภ์นิยม ทุนนิยม และอำนาจนิยมที่หมักหมมปัญหาคอรัปชั่น การเมืองไร้คุณธรรม และการเมืองไร้คุณภาพ ประเทศไทยจะต้องจัดระบบและกระบวนการการได้มาซึ่งนักการเมืองในสภาผู้แทนราษฎรเสียใหม่ โดยมีสาระสำคัญที่จะทำให้ได้นักการเมืองที่มีคุณภาพและคุณธรรมเป็นที่ยอมรับของประชาชนทั้งประเทศอย่างแท้จริง นั่นคือ จะต้องเป็นการเลือกตั้งแบบ ทั้งประเทศมี ๑ เขตเลือกตั้ง ดังมีแนวทางและแนวคิดหลักดังต่อไปนี้ . แนวทางปฏิบัติสำคัญ """"""""""""""""""" แนวทางปฏิบัติสำคัญจะต้องให้มีคณะกรรมการยกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญใหม่ ให้สอดคล้องกับแนวคิดหลักต่อไปนี้ . แนวคิดหลักว่าด้วยการเลือกตั้งและการได้มาซึ่งคณะรัฐมนตรี """""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""" ๑.ให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทุกคน ลงทะเบียนสังกัดกลุ่มอาชีพ : เพื่อมีส่วนร่วมทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ๒.ให้ประชาชนซึ่งสังกัดกลุ่มอาชีพตามข้อ ๑ มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งและมีสิทธิเลือกตั้งผู้สมัครในกลุ่มอาชีพที่ตนสังกัดได้เต็มตามจำนวน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่สัดส่วนกลุ่มอาชีพของตนมี ๓.แต่ละกลุ่มอาชีพจะมี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้กี่คน ให้ใช้วิธีเทียบสัดส่วนประชากรในกลุ่มอาชีพของตนกับจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่กำหนดในสภาผู้แทนราษฎร ๔.กำหนดให้ประเทศไทยมี ๑ เขตเลือกตั้ง ๕.การกำหนดกลุ่มอาชีพ ให้มีคณะกรรมการดำเนินงานจัดทำประชาพิจารณ์ (ทั่วประเทศ) และสังเคราะห์สรุป ๖.ประชาชน ๑ คนจะเลือกลงทะเบียนสังกัดกลุ่มอาชีพได้เพียง ๑ กลุ่มอาชีพเท่านั้น การเปลี่ยนแปลงสังกัดกลุ่มอาชีพจะกระทำได้ตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด ทั้งนี้ต้องก่อนการกำหนดสัดส่วนกลุ่มอาชีพ ๗.ผู้ที่ไม่มีอาชีพการงานใดๆ เป็นหลัก ให้เลือกลงทะเบียนสังกัดกลุ่มอาชีพตามบุคคลในครอบครัวได้ ๘.ให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีมาจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในสภาเท่านั้น (ป้องกันการเชิญ "คนนอก" ซึ่งประชาชนไม่ยอมรับมาร่วม ครม.) ...
เหตุผลสำคัญ . เมื่อทั้งประเทศมีเพียง ๑ เขตเลือกตั้ง ผู้ที่ได้รับการยอมรับถึงขั้นได้รับเลือกตั้งจะต้องเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงและคุณความดีเป็นที่ประจักษ์ยอมรับสูงมาก และการซื้อเสียงก็มิอาจทำได้ง่าย และหลายกลุ่มอาชีพมิอาจทำได้เลย เราจะมีผู้แทนปวงชนชาวไทยที่เปลี่ยนหน้าไปจากที่ปรากฏในสภาผู้แทนราษฎรวันนี้เกินครึ่งทีเดียว จะทำให้เราได้ผู้แทนราษฎรจากทุกกลุ่มอาชีพอย่างแท้จริง เข้าใจเรื่องราวของชีวิตและปัญหาของประชาชนอย่างครบด้าน ข้อสำคัญก็คือ อย่าได้เบี่ยงเบนให้ตัวแทนกลุ่มอาชีพดังกล่าวมาจากการแต่งตั้งอย่างเด็ดขาด เพราะนั่นจะทำให้เราก้าวไม่พ้นจากวังวนเก่าๆ คือระบบอุปถัมภ์พวกพ้อง จึงขอย้ำว่าจะต้องเป็นผู้แทนราษฎรที่ได้รับการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชนในกลุ่มอาชีพเดียวกันทั้งประเทศ! เท่านั้น!!! นี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุด สำคัญที่สุด โปรดช่วยกันถกแถลงด้วยสติปัญญาเถิดครับ | |
ผู้ตั้งกระทู้ ศิวกานท์ ปทุมสูติ (toonsak-at-yahoo-dot-com) :: วันที่ลงประกาศ 2008-07-07 01:41:15 |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (1795530) | |
แปลว่าชาวนาที่เชียงรายกับนราธิวาสต้องเลือกผู้แทนจากผู้สมัครชุดเดียวกันกาบัตรทีละเกือบร้อยช่องจากผู้สมัครพันเบอร์รวดเดียวเลยเหรอ แล้ว ผู้สมัครเดินสายหาเสียงทีละพันอำเภอหมื่นหมู่บ้านทั่วประเทศถ้าจะเข้าถึงรับฟังและเห็นปัญหาที่แท้จริงของชาวบ้านอาชีพนั้นฤๅ สรุปคือไม่เสียเงินซื้อเสียงแต่เสียเงินซื้อสื่อโฆษณาตัวเองมากกว่า | |
ผู้แสดงความคิดเห็น แมว วันที่ตอบ 2008-07-07 09:35:08 |
ความคิดเห็นที่ 2 (1796007) | |
ความคิเห็นของคุณ "แมว" น่ารับฟังยิ่งนัก ผมมีความเห็นประกอบประเด็นวิสาสะดั่งนี้ครับ ๑.กลุ่มอาชีพทำนาเป็นกลุ่มหนึ่งที่จะได้รับการจัดกลุ่มแน่นอน แต่สัดส่วนของ ส.ส.ในกลุ่มนี้มีจำนวนไม่ถึง ๑๐๐ คน เพราะอาจแบ่งชาวไร่ ชาวสวน ชาวประมง และผู้เลี้ยงสัตว์เป็นคนละกลุ่มต่างหาก ผู้ที่มีอาชีพคาบเกี่ยวหลายอาชีพให้ตัดสินใจเลือกเพียงกลุ่มอาชีพเดียวที่เห็นว่ามีผลกระทบโดยตรงต่อตนเองมากที่สุด ๒.ในครอบครัวเดียวกันอาจเลือกลงทะเบียนแตกต่างกันหลายกลุ่มอาชีพ และระดับการศึกษาของคนในครอบครัว หรือชุมชนที่มีความแตกต่างหลากหลาย การเรียนรู้ จากสื่อ จากข่าวคราว จากการพูดคุยกันในภาวะอิสระที่หัวคะแนนจะมีบทบาทกดดันได้น้อยนั้น จะทำให้การตัดสินใจเลือกเป็นไปในทิศทางคุณภาพมากกว่าการเลือกตามโพยเงินของหัวคะแนน ๓.การโฆษณาทางสื่อจะต้องมีมาตรการของ กกต.กำกับดูแลให้เป็นไปอย่างเท่าเทียมและพอเหมาะ การสร้างภาพผ่านสื่ออาจได้ผลบ้าง แต่ของแท้กับของเทียมวันหนึ่งประชาชนก็จะรู้และแยกแยะได้ เหมือนที่วันนี้ถ้าเราถามว่าดาราคนไหนนิสัยดีและคนไหนนิสัยไม่ดีชาวบ้านก็ยังรู้และบอกได้ เราให้เวลาเพื่อการเรียนรู้แก่ประชาชนบ้าง เชื่อเถอะครับวันนี้ชาวบ้านก็รู้ว่านายก อบต.คนไหนควรเลือกไม่ควรเลือก สาเหตุที่ยังได้นักเลงอิทธิพลอยู่มากไม่ใช่เพราะไม่รู้ดีรู้ชั่ว แต่ชาวบ้านเขากลัวอิทธิพลมากกว่า แต่สำหรับการเลือกตั้งแบบประเทศไทยมี ๑ เขตเลือกตั้ง ชาวบ้านจะมีอิสระมาก ตัดสินใจได้ตามใจชอบมากที่สุด อย่างไรก็ตาม ในสาระอันเป็นรายละเอียดนั้นจะต้องกระทำประชาพิจารณ์กันอย่างกว้างลึกต่อไป ขอบคุณครับ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ศิวกานท์ ปทุมสูติ วันที่ตอบ 2008-07-07 17:25:09 |
ความคิดเห็นที่ 3 (1796248) | |
แล้วประเทศเรามีคนกี่อาชีพครับ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น นายมา วันที่ตอบ 2008-07-07 23:23:16 |
ความคิดเห็นที่ 4 (1796249) | |
แล้วสภาผู้แทนของเราจะมีกี่พันคนครับ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น นายมา วันที่ตอบ 2008-07-07 23:24:58 |
ความคิดเห็นที่ 5 (1796466) | |
ตอบคุณ "นายมา" การกำหนดกลุ่มอาชีพจะต้องกระทำ "ประชาพิจารณ์" เพื่อวิเคราะห์ความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันในทางสังคม เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม แล้วจึงค่อยรวมเป็นกลุ่มอาชีพ เช่น กลุ่มอาชีพผู้ประกอบการย่อย กลุ่มอาชีพรับจ้างทั่วไป กลุ่มอาชีพศิลปิน กลุ่มอาชีพพนักงานรัฐวิสาหกิจ กลุ่มอาชีพข้าราชการและข้าราชการบำนาญ (กลุ่มนี้อาจจำแนกกลุ่มย่อยด้วยก็ได้) กลุ่มอาชีพทำนา กลุ่มอาชีพทำไร่และทำสวน กลุ่มอาชีพประมง กลุ่มอาชีพค้าขาย กลุ่มอาชีพบริการที่พัก กลุ่มอาชีพสื่อสารมวลชน กลุ่มอาชีพผู้ประกอบการรายใหญ่ กลุ่มอาชีพ ฯลฯ ทั้งนี้โดยมีหลักการว่าเมื่อจำแนกกลุ่มอาชีพแล้ว แต่ละกลุ่มจะต้องมี ส.ส.ได้อย่างน้อย ๑ คนขึ้นไป จำนวนกลุ่มอาชีพน่าจะอยู่ที่ประมาณไม่เกิน ๕๐ กลุ่ม ส.ส.เต็มสภาน่าจะกำหนดจำนวนเท่ากับที่เคยกำหนดในรัฐธรรมนูญ ปี ๒๖๔๐ คือ ๕๐๐ คน | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ศิวกานท์ ปทุมสูติ วันที่ตอบ 2008-07-08 08:53:26 |
ความคิดเห็นที่ 6 (1797306) | |
หมายเหตุ ตามแนวคิดดังกล่าวนี้ จะต้องไม่มี ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ เพราะว่า ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ จะไม่ถูกเลือกโดยประชาชนกลุ่มอาชีพของตนทั้งประเทศ ก็จะเป็นโอกาสให้คนที่ประชาชนไม่พึงประสงค์ติดร่างแหเข้ามาอีก
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น ศิวกานท์ ปทุมสูติ วันที่ตอบ 2008-07-09 09:43:44 |
ความคิดเห็นที่ 7 (1797971) | |
รัฐธรรมนูญ ปี ๒๖๔๐ ใครเป็นผู้จัดทำครับ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น นายมา วันที่ตอบ 2008-07-10 01:42:21 |
ความคิดเห็นที่ 8 (1797975) | |
เย้าเล่นนาขรับคุณศิวกานท์ สงสัยพิมพ์ผิด... ที่ถูกต้องคือ ๒๕๔๐ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น นายมา วันที่ตอบ 2008-07-10 01:44:28 |
ความคิดเห็นที่ 9 (1797976) | |
ยังสงกะสัย.... ถ้าอาชีพชาวนามีสิทธิ์เป็น ส.ส.ได้ ๖๐ คน ผมมีอาชีพชาวนา ก็เลือกได้ ๖๐ รายชื่อใช่ไหม ผมอาชีพชาวนา จะไปลงคะแนนผู้สมัครอาชีพอื่นได้หรือไม่ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น นายมา วันที่ตอบ 2008-07-10 01:48:47 |
ความคิดเห็นที่ 10 (1798201) | |
ขอบคุณ "นายมา" อีกครั้ง ข้อแรกต้องขออภัยทั้งคุณนายมาและท่านผู้อ่านท่านอื่นๆ สำหรับ พ.ศ.๒๕๔๐ ที่พิมพ์พลาดเป็น ๒๖๔๐ ข้อสำคัญต่อมาเรื่องกลุ่มอาชีพ จำนวน ส.ส. และวิธีเลือกตามที่คุณนายมายกขึ้นตั้งเป็นประเด็น ถ้าจำนวนสมมุติที่คุณนายมายกขึ้นมา ๖๐ คนเป็นสัดส่วนของ ส.ส.กลุ่มอาชีพชาวนาจริง ก็ใช่ครับ ผู้ที่ลงทะเบียนเลือกตั้งในกลุ่มอาชีพชาวนาจะเลือกได้ถึง ๖๐ คน แต่อาจใช้สิทธิ์เลือกไม่ถึง ๖๐ คนก็ได้ คือเลือกเท่าที่รู้จักและมั่นใจว่าดีและมีคุณภาพ ข้อน่าพิจารณาประกอบประเด็นนี้ก็คือ คุณสมบัติของผู้ที่จะสมัครอยู่ในกลุ่มอาชีพชาวนา ทั้งผู้สมัครและผู้เลือกตั้งนั้น จะต้องกำหนดขอบเขตคุณสมบัติให้ครอบคลุมทั้งที่ทำนาจริง รู้เรื่องชาวนาจริง หรือเคยประกอบกิจกรรม (อันมีหลักฐานแสดงให้ประจักษ์ได้ว่า) อันเกื้อกูลและเกี่ยวข้องกับชาวนา ส่วนจะมีคุณภาพพอให้ได้รับเลือกหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับดุลพินินของผู้เลือกในกลุ่มอาชีพชาวนาทั้งประเทศ ท้ายที่สุด ผมเชื่อว่าถ้าทั้งสภา มี ส.ส.ได้ ๕๐๐ คน กลุ่มอาชีพชาวนาจะมีสัดส่วน ส.ส.ได้ไม่ถึง ๖๐ คนหรอกครับ เพราะลูกหลานชาวนาส่วนหนึ่งก็จะกระจายไปอยู่ในกลุ่มอาชีพอื่นๆ อีกหลากหลาย
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น ศิวกานท์ ปทุมสูติ วันที่ตอบ 2008-07-10 11:04:39 |
ความคิดเห็นที่ 11 (1798203) | |
ขออภัยตัวอักษรเล็กไป เกรงจะอ่านลำบาก ขอโพสต์อีกครั้ง ************************************ ขอบคุณ "นายมา" อีกครั้ง ข้อแรกต้องขออภัยทั้งคุณนายมาและท่านผู้อ่านท่านอื่นๆ สำหรับ พ.ศ.๒๕๔๐ ที่พิมพ์พลาดเป็น ๒๖๔๐ ข้อสำคัญต่อมาเรื่องกลุ่มอาชีพ จำนวน ส.ส. และวิธีเลือกตามที่คุณนายมายกขึ้นตั้งเป็นประเด็น ถ้าจำนวนสมมุติที่คุณนายมายกขึ้นมา ๖๐ คนเป็นสัดส่วนของ ส.ส.กลุ่มอาชีพชาวนาจริง ก็ใช่ครับ ผู้ที่ลงทะเบียนเลือกตั้งในกลุ่มอาชีพชาวนาจะเลือกได้ถึง ๖๐ คน แต่อาจใช้สิทธิ์เลือกไม่ถึง ๖๐ คนก็ได้ คือเลือกเท่าที่รู้จักและมั่นใจว่าดีและมีคุณภาพ ข้อน่าพิจารณาประกอบประเด็นนี้ก็คือ คุณสมบัติของผู้ที่จะสมัครอยู่ในกลุ่มอาชีพชาวนา ทั้งผู้สมัครและผู้เลือกตั้งนั้น จะต้องกำหนดขอบเขตคุณสมบัติให้ครอบคลุมทั้งที่ทำนาจริง รู้เรื่องชาวนาจริง หรือเคยประกอบกิจกรรม (อันมีหลักฐานแสดงให้ประจักษ์ได้ว่า) อันเกื้อกูลและเกี่ยวข้องกับชาวนา ส่วนจะมีคุณภาพพอให้ได้รับเลือกหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับดุลพินินของผู้เลือกในกลุ่มอาชีพชาวนาทั้งประเทศ ท้ายที่สุด ผมเชื่อว่าถ้าทั้งสภา มี ส.ส.ได้ ๕๐๐ คน กลุ่มอาชีพชาวนาจะมีสัดส่วน ส.ส.ได้ไม่ถึง ๖๐ คนหรอกครับ เพราะลูกหลานชาวนาส่วนหนึ่งก็จะกระจายไปอยู่ในกลุ่มอาชีพอื่นๆ อีกหลากหลาย | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ศิวกานท์ ปทุมสูติ วันที่ตอบ 2008-07-10 11:09:49 |
ความคิดเห็นที่ 12 (1798450) | |
สงกะสัยอีกแล้ว... แล้วถ้าผู้ลงสมัครเป็น ส.ส. ในสัดส่วนอาชีพชาวนา ก็ต้องเรียนจบปริญญาตรีใช่หรือไม่ เพราะในความเป็นจริง ผู้ประกอบอาชีพชาวนาแท้จริง เค้าไม่เรียนสูงๆกันหรอกครับ จะกลายเป็นว่าผู้ประกอบอาชีพชาวนาที่ได้เข้าสภาฯ ก็คือชาวนาตัวปลอมเกือบทั้งหมด เอาไงดี.... | |
ผู้แสดงความคิดเห็น นายมา วันที่ตอบ 2008-07-10 14:51:20 |
ความคิดเห็นที่ 13 (1798463) | |
เอาเป็นว่าพวกเราเตรียมตัวไปเลือกตั้งได้แล้ว น่าจะยุบสภา | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ตาสี วันที่ตอบ 2008-07-10 15:03:16 |
ความคิดเห็นที่ 14 (1798622) | |
...ครับ ตามหลักการที่ว่าต้องเริ่มต้นจากยกร่าง "รัฐธรรมนูญฉบับใหม่" ดังที่กล่าวแล้วในบทความข้างต้น เราจำเป็นต้องเปิดทางเรื่องวุฒิการศึกษา ไม่ล็อกที่ปริญญาตรีหรือปริญญาใดๆ อย่างแน่นอน การกำหนดปริญญาตรีไม่ได้เป็นหลักประกันคุณภาพอันใดเลย วันนี้ต่อให้จบดอกเตอร์ บางคนก็ไร้คุณภาพเห็นๆ กันอยู่ สุนทรภู่ หลวงพ่อพุทธทาส หลวงพ่อชา ฯลฯ ต่างก็ไม่ได้จบปริญญา แต่คุณภาพและอัจฉริยภาพไม่เป็นที่ขัดข้องเลยใช่ไหมครับ ขอบคุณครับ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ศิวกานท์ ปทุมสูติ วันที่ตอบ 2008-07-10 18:03:11 |
ความคิดเห็นที่ 15 (1798981) | |
แล้วถ้าไม่กำหนดสเป๊คเราจะได้ผู้แทนคุณภาพแค่ไหนคะ อย่างเช่นตาสาผู้แทนชาวนาจบป.สี่ต้องมาโหวตออกกฏหมายการค้าระหว่างประเทศอะไรเงี้ย แต่จริงๆตาสาคงไม่มีโอกาสเป็นผู้แทนหรอกค่ะ เพราะคนที่จะเป็นผู้แทนได้ต้องมีคนรู้จักทั่วประเทศ ต่อให้ตาสาเป็นคนดีที่รู้กันในท้องถิ่น คือช่วยงานวัดช่วยงานโรงเรียนที่บ้านเกิดโดยไม่ใช้เงิน เป็นคนดีแท้ๆ แต่คนที่รู้เห็นคือคนพะเยาบ้านตาสาที่ทราบว่าคนนี้ดีโดยไม่ต้องโฆษณาเท่านั้น คนนครศรีธรรมราชไม่มีทางรู้จักตาสาเด็ดขาด นอกจากทีวีจะเอาไปออกรายการ หนังสือพิมพ์ลงประกาศให้ มีใครมาให้รางวัลแล้วโปรโมตให้ ในที่สุดผู้แทนก็จะสังกัดกลุ่มสื่อ สื่อค่ายไหนโปรโมตคนไหนคนนั้นจึงจะเป็นที่รู้จักทั่วประเทศและมีโอกาสเป็นผู้แทน คนดีมีเยอะค่ะ แต่เจ้าพ่อเจ้าแม่สื่อสารมวลชนจะเป็นคนชี้ขาดว่าจะชงคนไหนมาให้ชาวบ้านประจักษ์ความดีนี่สิ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น แมว วันที่ตอบ 2008-07-11 08:42:30 |
ความคิดเห็นที่ 16 (1799847) | |
ดีครับ...ที่คุณแมวสนใจที่จะช่วยกันขบคิดอย่างต่อเนื่อง 1.บางคำตอบคุณแมวได้ตอบเองแล้ว 2.คนที่จะลงสมัครในกลุ่มอาชีพชาวนาได้ถ้าให้ผมเป็นผู้กำหนดคุณสมบัติ ผมอาจกำหนดในสาระสำคัญต่อไปนี้ 2.1 เป็นชาวนา หรือ เป็นลูกชาวนาที่ยังประกอบอาชีพทำนาอยู่ในวันที่ลงทะเบียนสังกัดกลุ่ม 2.2 จบการศึกษาในสาขาการเกษตร 2.3 ทำงานหรือเคยทำงานในองค์กรรัฐหรือเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือหรือส่งเสริมผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ฯลฯ 3.เป็นเรื่องที่เป็นจริงตามธรรมชาติว่าบุคคลที่จะเป็นที่รู้จักยอมรับอย่างกว้างขวางย่อมต้องเกี่ยวข้องกับการประชาสัมพันธ์ของสื่อ แต่สื่อก็มิได้มีเพียง 1-2-3 ย่อมมีการถ่วงดุลกันในความหลากหลาย การแยกแยะจริงเท็จหรือดีชั่วประชาชนเองก็จะต้องเรียนรู้ เพราะตราบใดที่การเรียนรู้จำกัด คุณภาพชีวิตและสังคมก็ย่อมไปไม่ถึงไหน แต่อย่างไรก็ตามสื่อปากต่อปากของชาวบ้านนั้นสำคัญอยู่ไม่น้อย ของไม่ดีจริงทุ่มโฆษณาเท่าไรก็มิใช่ว่าจะได้ผลจริงแท้ และการครอบงำสื่อไดอย่างเบ็ดเสร็จก็ไม่สามารถทำได้ ยิ่งการเลือกตั้งทั้งประเทศ 1 เขตเลือกตั้งด้วยแล้ว ผู้สมัครไม่ดีจริง หรือเป็นที่ยอมรับจริงก็ยากที่จะผ่าน ไม่มีวิธีที่ดี 100% แต่วิธีนี้เชื่อว่าดีกว่าที่ผ่านมาแน่นอนครับ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ศิวกานท์ ปทุมสูติ วันที่ตอบ 2008-07-12 10:03:08 |
ความคิดเห็นที่ 17 (1800798) | |
เห็นด้วยกับคุณแมว ในที่สุดเราก็จะได้ผู้แทนเฉพาะกลุ่ม แบบพวกมากลากไป และได้ผู้แทนจากการเชียร์ของสื่อ การเลือกตั้งผู้แทน ในแบบปัจจุบันดีแล้ว หากปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ จะไม่เกิดปัญหาใดๆทั้งสิ้น ที่มีปัญหาก็เพราะพวกคนโกงมันพาลากไป อยากให้แก้ไขการเลือกตั้ง สว.มากกว่า ควรกำหนดตามจำนวนประชากรของในจังหวัดนั้นๆ มากกว่าเลือกตั้ง ได้ 1 คน 1 จังหวัด และไม่ควรมี สว.ระบบสรรหา ต่างความคิดกันนะครับ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น นายมา วันที่ตอบ 2008-07-13 23:00:14 |
[1] |
Copyright © 2010 All Rights Reserved. |
Visitors : 870539 |