ReadyPlanet.com


ชวนแต่ง กลบท นายโรงลืทกรับ


แค่นี้แหละ : เวทย์


คนใจบาปบ่นพร่ำถ้อยธรรมะ                        คนกักขฬะขับลำนำทำนองเสนาะ
คนโศกเศร้ากลั้นสะอื้นฝืนหัวเราะ                  เพียงจำเพาะอำพรางสร้างภาพลักษณ์
ยากเสแสร้งทุกสิ่งสมจริงหมด                       แต่ปรากฏเลศนัยให้ประจักษ์
ยิ่งกลบเกลื่อนเงื่อนงำทำเล่ห์นัก                    ยิ่งประดักประเดิดเกิดพิรุธ
ขอเพียงเราคอยระวังช่างสังเกต                   ค้นหาเหตุโยงผลจนที่สุด
ธรรมชาติธรรมดาของมานุษย์                      ตอย่อมผุดทุกทีที่น้ำลด
จึงเกิดหลักสำหรับการจับเท็จ                       กลเม็ดมุ่งข้อบริบท
แค่พบความเคลือบแคลงแย้งประพจน์            คำโป้ปดปลิ้นปล้อนซ่อนไม่มิด
ไหนจับแพะชนแกะแยกแยะออก                   ไหนกลิ้งกลอกกลับคำทำปกปิด
ใช้ความรู้รอบด้านเอื้อการคิด                       ทั้งแง่วิทย์แง่ศิลป์ถวิลครบ
หลอกได้แค่คนโง่ตามโอกาส                        ไม่สามารถหลอกผู้รู้เจนจบ
ความรู้มีทั่วไปในพิภพ                                 อย่าเป็นกบใต้กะลาปัญญาเซอะ



กลียุค : กวินทรากร

ประเทศไทย ในวิถี กลียุค                             เหล่าร้ายบุก ปลุกชาวบ้าน ต่อต้านรัฐ
ใช้กำลัง ชังขันติ จึงวิบัติ                              โจรยังซัด ระเบิดสู่ ผู้รับเคราะห์
น้ำเหม็นยิ่ง ล้างสิ่งเน่า เคล้าอุตลุด                  เวรประทุษฐ์ ฉุด ฉะ กัน นั่นหรือเหมาะ
ไฟลุกหรือ สื่อเติมเชื้อ เพื่อกระเพาะ                ไข้สูงเสาะ กินยาผิด ชนิดชะงัก
ศรีสยาม ยามเมื่อป่วย เปี่ยมด้วยโรค              ปล่อยตามโชค ชะตาไป ไข้ยิงหนัก
ยาดีมี อยู่ที่ใจ ควรใช้รัก(ษ์)                          เลิกจมปลัก แดดักดาน การสู้รบ
กองอัคคี มีน้ำมัน นั้นยิ่งคุ                             คอยระอุ ประทุได้ ไม่รู้จบ
หวังวารี สีสะอาด ราดสมทบ                          จึงจะกลบ ไฟใต้ดับ กลับสันติ
ให้อภัย ให้กันเถิด ไม่เกิดทุกข์                       กลียุค เข่นฆ่าฟัน ฉันอริ
ไทยไทยไทย เมื่อไรสุข ทุกลัทธิ                     ดอกไม้ผลิ ศริวิไล ไม่พานพบ


คุณพระมารดา : ม้าก้านกล้วย


ยอสองกร วันทา กว่าศีรษะ                           หัตถาจะ ขีดเขียน เพียรปรากฏ
เอาหัวใจ ตั้งมั่น ดั่งบรรพต                           บรรเทาทด แทนคุณพระ นฤมิต
จะอ้างเอา ดินฟ้า นภากาศ                           จะเอื้อมอาจ เชิญเทวัญ อันศักดิ์สิทธิ์
มาอวยชัย ต่อพระผู้ ชูชีวิต                          ด้วยลิขิต บรรเลง เพลงเคารพ
ตระหนักซึ้ง ตรึงใจ ไม่คลายขัด                    สลักชัด เต็มใจ ไม่รู้จบ
พระคุณที่ สร้างลูก ปลูกพิภพ                       แม้ดินกลบ หน้าเกลื่อน มิเลือนรัก
สองเท้าลูก ก้าวหน้า กว่าเมื่อเกิด                   สองมือเลิศ เพียรอุ้มชู มิรู้หนัก
สองมือแม่ เฝ้าพยุง เฝ้าจูงชัก                       สองมือหลัก สูงค่า กว่าที่คิด
เสียงกล่อมลูก โอละเห่ โอละหึก                     เช้าจนดึก ยวนใจจับ หลับสนิท
เพลงซ้ำซ้ำ กล่อมกู่ อยู่เป็นนิตย์                    แม้ถูกผิด พยายาม ตามแต่นึก
หัตถาที่ ขีดเขียน เพียรปรากฏ                      เพราะได้บท เรียนแปลก แรกรู้สึก
แม่กุมมือ วาดกอไก่ ใจจารึก                        จนผนึก แนบทรวง ทุกท่วงทัด
แม่สอนทำ ทุกสิ่ง ยิ่งเก่งกาจ                        แม่สอนวาด สอนท่องจำ ตามถนัด
สอนทำครัว สอนทำใจ สอนไปวัด                  และเคร่งครัด ให้ฝักใฝ่ ในธรรมะ
จวบวันนี้ วันที่ มีโอกาส                                ซึ่งโอวาท แม่เน้น เป็นสัจจะ
ลูกรับรู้ เป็นข้อ สรณะ                                   ซึ่งลูกจะ ยึดไว้ ในชีวิต
จะอ้างเอา ดินฟ้า นภากาศ                           จะเอื้อมอาจ เชิญเทวัญ อันศักดิ์สิทธิ์
มาอวยชัย ต่อพระผู้ ชูชีวิต                          ขอเทเวศ บันดาลฤทธิ์ พิชิตทุกข์
ให้แม่จง พ้นพาล อันราญราบ                       ภัยจงสาบ สูญสลาย กลายเป็นสุข
เคราะห์ที่แม่ ร้าวรน ที่ทนทุกข์                      ขอให้ลูก รับแทนไว้ ได้เชยชด



เมื่อคำตาย : เชษฐภัทร


รัตนโกสินทร์ฤาสิ้นปราชญ์?                          จึงเป็นทาสประเทศตะวันตก
เจ้าพระยาสับสนไหลวนวก                            น่าตระหนกตระหนักจักรภพ
กวีแววแก้วปิ่นสิ้นศรีศักดิ์?                             สิ้นมนต์รักประจักษ์หูมิรู้จบ?
สิ้นคำหยาด “ครูเนาว์” ที่เคารพ?                   สิ้นระบบวาทีกวีวัจน์?
เยาวชนรุ่นใหม่ไม่รู้รส                                   กวีบทสารพันท่านบัญญัติ
ไม่ประสีประสาประชาทัศน์                            ไม่พึงคัดหัดเขียนไม่เพียรคิด
“ลูกผู้ชายลายมือนั้นคือยศ”                          ไม่เคยจดเคยจำย้ำเตือนติด
แต่กลับเก่งภาษามหามิตร?                            สิ้นสนิทเสน่ห์ไทยในพิภพ
เมื่อลำนำ “คำตาย” คล้ายสิ้นชาติ                  ร่องรอยปราชญ์ลางเลือนเหมือนโดนกลบ
คำ“ท่านภู่” “ครูเอื้อ” เมื่อเลือนลบ                   คำจึงจบกวีไทยใกล้กลียุค
รัตนโกสินทร์จึงสิ้นศักดิ์                                สิ้นบทรักษ์อารมณ์ระดมปลุก
จักรวรรดินิยมก็โหมรุก                                 “ไท” จึงทุกข์เพราะประเทศถูกโถมทับ




กลอนเหล่านี้ เป็นกลอนกล ที่เรียกว่า กลบทนายโรงลืมกรับ คือ ทุกบรรทัด จะต้องลงส่งสัมผัสนอก ด้วย คำ ลหุ(คำตาย เสียงสั้น) เท่านั้น

เรื่องเล่ามีอยู่ว่า ครั้งเมื่อวางโกลนเรือ เอนกชาติภุชงค์ แล้วเสร็จ จำต้องมีการลองน้ำ พระราชวังบวรฯ โปรดที่จะเสด็จล่องเรือจากท่าวาสุกรีไปขึ้นที่วังหน้า ด้วยความฉุกละหุก นายโรงผู้จัดเตรียมอุปกรณ์ ลืมนำ กรับ ลงเรือให้อาลักษณ์ขับเห่ พอเรือออกจากท่า อาลักษณ์ก็เริ่มเห่ แต่หา กรับ ไม่เจอ ด้วยปรีชา จึงต้องว่ากลอนท้ายหัก จะได้ไม่ต้องลง กรับ กรมพระราชวังบวร เห็นเป็นการแปลก เลยถามอาลักษณ์ว่า เฮ้ย นี่มึง ด้นกลอนกลอะไร อาลักษณ์ จึงตอบไป ว่า นี่เป็นกลบท นายโรงลืมกรับ พระเจ้าข้า



ผู้ตั้งกระทู้ กวิน :: วันที่ลงประกาศ 2008-09-30 20:42:31


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (1844204)
กลบทนายโรงลืมก**รับ
ผู้แสดงความคิดเห็น กวิน วันที่ตอบ 2008-09-30 20:43:32


ความคิดเห็นที่ 2 (1844467)

 

....อ่ะนะ...อ่านแล้วค่ะ คุณกวิน

ก็ไม่รู้จะว่ายังไง...อึดอัด..ค่ะ

 

หันไปทางไหน..ก็ไทย..ด้วยกัน...

ชั่วก็พี่ไทย...

ดีก็พี่ไทย....

 

 

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ภัทราจิตร วันที่ตอบ 2008-10-01 12:28:30


ความคิดเห็นที่ 3 (1844681)
กลอน :ธรรมดา หน้า 67-68 แต่งโดย : เพิ่มบุญ (เสริมศักดิ์) เปลี่ยนภู่ (นิติศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ,เนติบัณฑิตไทย) นามปากกา : เวทย์ หนังสือชื่อ : ข้างกองไฟ ( สำนักพิมพ์พรศิวะ, กรุงเทพฯ.พิมพ์ครั้งแรก 2547 . 116 หน้า) พุทธศาสน์สอนอะไรให้ชีวิต ถ้าไม่คิดให้ซึ้งบึ้งสัจจะ กี่ชาวพุทธน้อมนำในธรรมะ เลิกวอนพระศักดิ์สิทธิ์เสริมอิทธิ เหลือกี่สงฆ์เสมือนพระผู้ประเสริฐ แทนเตลิดอวดมนุษย์อุตริ เดียรัจฉานวิชชาอุตส่าห์ริ เพียงหวังผลิศรัทธาเรียกสาธุ สงสารวัดลืมปลงสงสารวัฏ กลับละเลยศีลสัตย์เน้นวัตถุ วัดขาดวัตรฤๅนิพพานท่านบรรลุ ตราบบาปคุคลุมครอบกรอบความคิด กี่คนมั่นอริยมรรคหลักครองชีพ ชูประทีปแห่งธรรมนำดวงจิต กี่บุญทานทำไปในชีวิต แค่แลกสิทธิ์ขึ้นสวรรค์วันล่วงลับ เมื่อแหล่งเที่ยวแหล่งธรรมนำมาคละ แล้วธรรมะหวังให้ใครสดับ กี่งานวัดที่ถวิลเพียงสินทรัพย์ ระเริงกับมหรสพลบเลือนพุทธ ระหว่างกฎแห่งกรรมรอคำตอบ คนชื่นชอบโลกีย์ไม่มีหยุด ปัญหาหนักหมักหมมสังคมทรุด โลกถึงจุดสับสนท่วมท้นทุกข์ กลอน : พจน์ หน้า 79-80 ราวสายลมเริงร่ายล้อสายหมอก ก่อนเย้าหยอกภูผาผืนป่าปก แล้วกล่อมเห่ห้วงฝันอันสะทก ในอ้อมอกคืนวันแห่งพันธะ เจือความงามความหมายสู่ลายลักษณ์ กอบถ้อยทิพย์ผจงถักสร้อยอักขระ อุดมการณ์บานบ่มคมวาทะ นำสัจจะบรรจุมธุรส โศกก็โศกยิ่งกว่าพญาโศก ประโลมโลกก็หวานปานจะหยด ครั้นเสียดสีสาสมอารมณ์ประชด บริบทโดยตลอดก็สอดรับ วิญญาณแห่งบทกวีสุนทรีทิพย์ สมควรจิบเรื่อยร่ำเรียงลำดับ เพื่อให้ถ้อยทุกถ้อยค่อยซึมซับ ผ่านเสียงขับของโศลกโลกทัศน์ ความอ่อนหวานอ่อนไหวในพิภพ จงบรรจบผสานเกลียวเกี่ยวกระหวัด มโนภาพซาบซึ้งช่วยรึงรัด เป็นอาณัติกำหนดบทบาทมนุษย์ อย่าเจื้อยแจ้วแล้วคล้อยเลื่อนลอยลับ แทรกทุกศัพท์ด้วยคติบริสุทธิ์ เผยเงื่อนงามตามธรรมพระสัมพุทธ ให้เป็นจุดเกิดแสงแห่งชีวิต
ผู้แสดงความคิดเห็น กวิน วันที่ตอบ 2008-10-01 18:33:49


ความคิดเห็นที่ 4 (1844684)

303254714525

กลอน         :ธรรมดา หน้า 67-68
แต่งโดย     : เพิ่มบุญ (เสริมศักดิ์) เปลี่ยนภู่ (นิติศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ,เนติบัณฑิตไทย) 
นามปากกา : เวทย์
หนังสือชื่อ   : ข้างกองไฟ ( สำนักพิมพ์พรศิวะ, กรุงเทพฯ.พิมพ์ครั้งแรก  2547 . 116 หน้า)

พุทธศาสน์สอนอะไรให้ชีวิต
ถ้าไม่คิดให้ซึ้งบึ้งสัจจะ
กี่ชาวพุทธน้อมนำในธรรมะ
เลิกวอนพระศักดิ์สิทธิ์เสริมอิทธิ

เหลือกี่สงฆ์เสมือนพระผู้ประเสริฐ
แทนเตลิดอวดมนุษย์อุตริ
เดียรัจฉานวิชชาอุตส่าห์ริ
เพียงหวังผลิศรัทธาเรียกสาธุ

สงสารวัดลืมปลงสงสารวัฏ
กลับละเลยศีลสัตย์เน้นวัตถุ
วัดขาดวัตรฤๅนิพพานท่านบรรลุ
ตราบบาปคุคลุมครอบกรอบความคิด

กี่คนมั่นอริยมรรคหลักครองชีพ
ชูประทีปแห่งธรรมนำดวงจิต
กี่บุญทานทำไปในชีวิต
แค่แลกสิทธิ์ขึ้นสวรรค์วันล่วงลับ

เมื่อแหล่งเที่ยวแหล่งธรรมนำมาคละ
แล้วธรรมะหวังให้ใครสดับ
กี่งานวัดที่ถวิลเพียงสินทรัพย์
ระเริงกับมหรสพลบเลือนพุทธ

ระหว่างกฎแห่งกรรมรอคำตอบ
คนชื่นชอบโลกีย์ไม่มีหยุด
ปัญหาหนักหมักหมมสังคมทรุด
โลกถึงจุดสับสนท่วมท้นทุกข์


กลอน         : พจน์  หน้า 79-80


ราวสายลมเริงร่ายล้อสายหมอก
ก่อนเย้าหยอกภูผาผืนป่าปก
แล้วกล่อมเห่ห้วงฝันอันสะทก
ในอ้อมอกคืนวันแห่งพันธะ

เจือความงามความหมายสู่ลายลักษณ์
กอบถ้อยทิพย์ผจงถักสร้อยอักขระ
อุดมการณ์บานบ่มคมวาทะ
นำสัจจะบรรจุมธุรส

โศกก็โศกยิ่งกว่าพญาโศก
ประโลมโลกก็หวานปานจะหยด
ครั้นเสียดสีสาสมอารมณ์ประชด
บริบทโดยตลอดก็สอดรับ

วิญญาณแห่งบทกวีสุนทรีทิพย์
สมควรจิบเรื่อยร่ำเรียงลำดับ
เพื่อให้ถ้อยทุกถ้อยค่อยซึมซับ
ผ่านเสียงขับของโศลกโลกทัศน์

ความอ่อนหวานอ่อนไหวในพิภพ
จงบรรจบผสานเกลียวเกี่ยวกระหวัด
มโนภาพซาบซึ้งช่วยรึงรัด
เป็นอาณัติกำหนดบทบาทมนุษย์

อย่าเจื้อยแจ้วแล้วคล้อยเลื่อนลอยลับ
แทรกทุกศัพท์ด้วยคติบริสุทธิ์
เผยเงื่อนงามตามธรรมพระสัมพุทธ
ให้เป็นจุดเกิดแสงแห่งชีวิต

ผู้แสดงความคิดเห็น กวิน วันที่ตอบ 2008-10-01 18:42:17


ความคิดเห็นที่ 5 (1846545)

      คิดถึงเพิ่มบุญ หรือเสริมศักดิ์ เปลี่ยนภู่

เขาว่าอยู่เชียงใหม่สุขไหมนี่

หากว่าแรงยังอุดมลมยังดี

จะขึ้นรถฟรี ขี่รถไฟ ไปเยือนเอย

      อโศก ศรีวิชัย

       6 ต.ค.51  อยู่เพชรบูรณ์

       6.ต.ค.19 อยู่โคนมะขามสนามหลวง

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ชิวหา วันที่ตอบ 2008-10-06 14:08:07



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.