เนื่องจากผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงส่วนใหญ่จะไม่มีอาการจนกว่าจะถึงช่วงสายของการรักษาเมื่อมีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้น ผู้ป่วยที่มีกระเป๋าหน้าท้องโตมากเกินไปจะไม่มีอาการ อย่างไรก็ตาม การขยายตัวของกล้ามเนื้อหัวใจห้องล่างซ้ายมากเกินไปอาจนำไปสู่ โรคไฮเปอร์โทนิก อาการเจ็บหน้าอกแบบเจ็บหน้าอก/ขาดเลือด เนื่องจากความต้องการออกซิเจนที่เพิ่มขึ้นซึ่งจำเป็นต่อเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดมากเกินไป ผู้ป่วยอาจมีอาการเจ็บหน้าอกเนื่องจากโรคหลอดเลือดหัวใจตีบหรือหลอดเลือดหัวใจตีบ ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการหายใจถี่ในขั้นต้นเนื่องจากภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงมีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ผู้ป่วยอาจเกิดความผิดปกติของการนำไฟฟ้าซึ่งอาจมีอาการใจสั่น เส้นเลือดในสมองตีบ วิงเวียน เป็นลมหมดสติ หรือแม้แต่หัวใจวายเฉียบพลันการซักประวัติควรเน้นที่ความรุนแรง ระยะเวลาของความดันโลหิตสูง และการรักษาในปัจจุบัน ความดันโลหิตสูงเป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญสำหรับการพัฒนาของโรคหัวใจและหลอดเลือดหลายชนิด เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ ภาวะหัวใจล้มเหลว ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ โรคหลอดเลือดสมอง โรคหลอดเลือดแดงส่วนปลาย หลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง และโรคไตเรื้อรัง ผู้ป่วยควรได้รับการประเมินว่ามีปัจจัยเสี่ยงหัวใจและหลอดเลือดที่ปรับเปลี่ยนได้ที่สำคัญอื่นๆ เช่น ไขมันในเลือดสูง เบาหวาน การดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ การใช้ยา และภาวะร่วมอื่นๆ เช่น โรคไตเรื้อรังหรือโรคปอด โรคเบาหวานพบได้บ่อยมากในกลุ่มผู้ป่วยรายนี้ และเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดเทียบเท่ากับการพัฒนาของโรคหัวใจและหลอดเลือดหรือโรคไตเรื้อรัง สามารถใช้เฮโมโกลบิน A1C เพื่อกำหนดการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ, ยาบางชนิด ยาสูบ โรคอ้วน และแอลกอฮอล์ทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น และหากไม่มีการควบคุมอาจนำไปสู่ความดันโลหิตสูงที่ดื้อต่อการรักษา ควรมีประวัติครอบครัวอย่างละเอียดเพื่อประเมินการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรของโรคหัวใจและหลอดเลือด การเสียชีวิตอย่างกะทันหันของหัวใจ โรคลิ้นหัวใจ โรคเมตาบอลิซึม โรคหลอดเลือดสมอง หรือภาวะหัวใจล้มเหลว