ReadyPlanet.com


กลอนกบฏ (จำจากลา ชั่วคราว)


 

@     กลอนกบฏ

ใจสุดรันทด                  ไร้กฎบัญญัติ

ก่อกวนมัวหมอง             ครรลองความสัตย์

ตัดต่อเลาะลัด                 พร่ำเพ้อเกินพอดี

 

@     ทรชนบ้านนอก

คารมคมหอก                 ลวงหลอกคำวจี

ก้มกราบขออภัย             ล่วงเกินไว้ ณ ที่นี้

ใจบ่หยามหมิ่นคนกวี       เทิดทูนบูรพาจารย์

 

@     หลีกทางสร้างสรรค์

ถอยหลบแบ่งปัน             สร้างฝันปณิธาน

เพื่อฝึกตัวตน                ผ่อนปรนความร้าวราน

ฝึกปรือผลงาน               ครูท่านจำนรรจา

 

@     สิ้นค่าตกต่ำ

ทุกถ้อยความคำ             ชอกช้ำไร้คุณค่า

น้อมขอรับผิด               โปรดศิษย์ด้วยเมตตา

ขอกราบอำลา               แต่ใจหมายยังดำรง

 

 @     นอกกรอบนอกรอบ

ชื่นชมชิดชอบ                นอกรอบมั่นคง

ราศีพิจิก                      ผู้พลิกปลดปลง

ยืนหยัดยืนยง                ใจน้อมรับคำครู

 

ฯลฯ



ผู้ตั้งกระทู้ ทรชนบ้านนอก :: วันที่ลงประกาศ 2012-04-21 11:58:14


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (2268080)

 คุณทรชนบ้านนอกครับ

กรุณาทราบด้วยว่าไม่มีใครรังเกียจคนเขียนกลอนไม่เก่งนะครับ เพียงแต่วิธีการตั้งกระทู้ไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ ทำให้บอร์ดนี้ไม่น่าดูอ่ะครับ

ในกระทู้ที่แล้ว ผมแนะนำในกลอนแล้วว่า คุณไม่ควรตั้งกระทู้เยอะ ๆ แต่ให้ตั้งทีละกระทู้ คิดอะไรได้ ใครถามอะไร ใครตอบอะไร ก็ต่อท้ายในกระทู้นั่นแหละ หากกระทู้มันยาวไปสัก 50 ความเห็น จะยาวเกินไปค่อยเปิดกระทู้ใหม่ อย่างนี้จะไม่รบกวนเว็บบอร์ดแห่งนี้จนเกินไปนะครับ แบบว่าต่างคนต่างช่วยกันประหยัด ช่วยให้เว็บบอร์ดนี้สะอาดสะอ้านสบายตาน่ะครับ

คุณคิดจะหลบไปฝึกฝีมือใหม่ หากสบายใจแบบนั้นก็ไม่ว่ากันนะครับ หากกลับมาอีกก็ยินดีต้อนรับนะครับ คุณควรเลือกกลอนที่คุณเห็นว่าเด็ด ๆ มาลง วันละชิ้นก็น่าจะพอนะครับ จะได้มีเวลาเสพ และใคร่ครวญตาม รวมทั้งแสดงความเห็นต่าง ๆ ได้สบาย ๆ ไม่เร่งรัดเกินไป 

มีอะไรก็ถามท้ายกระทู้นี้แหละ หากยังไม่ตกหน้าแรก ก็ไม่ต้องเปิดใหม่หรอกครับ

จะรออ่านกลอนเด็ด ๆ นะครับ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ราศีิพิจิก วันที่ตอบ 2012-04-21 15:49:14


ความคิดเห็นที่ 2 (2268111)

 

ไม่ได้หลบ ลี้หนีหาย ดอกครับครู

แต่ไม่ตั้ง กระทู้ ดั่งครูสอน

จะรวบรัด ทุกถ้อยความ มาตัดตอน

ทุกบทกลอน ให้ครูเลือก แลกลัดเกลา

 

อยู่หลังไมค์ คงสนุก กว่าหน้าไมค์

ทุกสิ่งให้ ครูอบรม ให้หายเขลา

ทุกถ้อยความ ครูช่วยแก้ ผ่อนบรรเทา

คัดสรรเอา แต่สิ่งดี ที่ครูนำ

 

ศิษย์ฝากตัว ขอเป็นศิษย์ ด้วยศรัทธา

หาได้มี ซี่งมารยา พาครูช้ำ

จากวันนี้ ศิษย์เชื่อครู ทุกถ้อยคำ

หวังเลิศล้ำ ครูนำพา สร้างผลงาน 

ผู้แสดงความคิดเห็น ทรชนบ้านนอก วันที่ตอบ 2012-04-21 19:58:37


ความคิดเห็นที่ 3 (2268126)

 การอยู่ร่วมกันอย่างเกื้อกูล ถ้อยทีถ้อยอาศัยต่อกันนับเป็นวัฒนธรรมที่น่ายินดีครับ เป็นกำลังใจให้ทุกท่านครับ ^________^

ผู้แสดงความคิดเห็น กระบี่ใบไม้ (rainny4111-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2012-04-21 21:07:00


ความคิดเห็นที่ 4 (2268130)

 

ขอฝากตัวเป็นศิษย์ ด้วยนะครับท่านกระบี่ใบไม้

ผู้แสดงความคิดเห็น ทรชนบ้านนอก วันที่ตอบ 2012-04-21 21:35:23


ความคิดเห็นที่ 5 (2268141)

 ไม่กล้ายกตนขึ้นเป็นครูของใครหรอกครับ หากไม่รังเกียจจะขอแนะนำเล็กน้อยถือเป็นการแลกเปลี่ยนกันระหว่างสหายกวีนะครับ

ถ้าคุณคิดอยากจะเขียนกลอนผมอยากจะให้คุณเขียนมันขึ้นด้วยความรักนะครับ ไม่จำเป็นต้องเขียนทีละมากมายจนดูขาดความสำคัญแล้วทิ้งขว้างมันไป งานเขียนแต่ละชิ้นก็เหมือนลูกรักของผู้สร้างสรรค์ผลงานนั่นแหละครับ กว่าจะเผยโฉมได้ต้องสลักเสลาขัดเกลามันอย่างปราณีต มีความสุขที่ได้อ่านทบทวนมันซ้ำแล้วซ้ำอีก จนมีความรู้สึกว่าลูกรักของเราสมบูรณ์พร้อมแล้ว จึงค่อยกล้าปล่อยเขาให้มายืดอกต่อหน้าสาธารณะชนอย่างเต็มภาคภูมิ

และเพราะเพื่อแสดงจิตวิญญาณของงานเขียนให้สมบูรณ์พร้อมที่สุดนั่นเอง ฉันทลักษณ์ การพิสูจญ์อักษร  ความสมดุลในทุกๆถ้อยคำ และองค์ประกอบอื่นๆ ก็มีส่วนในการผลักดันให้งานเขียนมีชีวิต มีจิตวิญญาณ และมีพลัง ก็เป็นสิ่งที่ผู้เขียนจะต้องให้ความสำคัญในทุกภาคส่วนด้วย

 

นอกเหนือจากการผลิตผลงานถี่ยิบมากมายจนเป็นการรบกวนพื้นที่ทางอินเตอร์เน็ตของคุณ "ทรชนบ้านนอก"แล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดนอกเหนือไปกว่านั้นก็คือ ในบรรดางานเขียนที่ออกมาอย่างกลาดเกลื่อนเหล่านั้น คุณ "ทรชนบ้านนอก" มั่นใจว่าเป็นลูกรักที่ออกมาจากหัวใจและจิตวิญญาณของคุณทุกชิ้นจริงๆหรือ? คุณให้ความรักและขัดเกลาลูกรักของคุณก่อนที่จะให้เขาเผยโฉมตัวเองต่อหน้าสาธารณะชนหรือยังครับ?

 

การพยายามเขียนนั่นเป็นสิ่งดีแน่ แต่การทุ่มเทความรักเข้าไปในเนื้องานก็เป็นสิ่งที่มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันด้วย...

 

ใจเย็นๆ นะครับ ค่อยๆสร้างงานที่ดีที่สุดแล้วค่อยๆปล่อยออกมา อย่าเพิ่งรีบร้อน...

 

อย่ารีบปล่อยงานเขียนที่ผ่านการผลิตอย่างลวกๆออกมาแล้วทิ้งขว้างเขาให้กลายเป็นเด็กกำพร้าไป...

 

คุณไม่สงสารพวกเขาเหรอ ลูกคุณทั้งนั้นเลยนะนั่น ^_____^

 

 

ด้วยมิตร

 

กระบี่ใบไม้

ผู้แสดงความคิดเห็น กระบี่ใบไม้ (rainny4111-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2012-04-21 22:46:04


ความคิดเห็นที่ 6 (2268151)

 ..

 

ขอน้อมคารวะ ด้วยใจจริง นะครับครู 

ไม่เคยรู้ เพราะคิดเอา  แค่รายวัน

ไม่นึกถึง  สิ่งที่ผ่าน  ว่าสร้างสรรค์

แค่เอาทัน  ว่าเฮฮา    ก็เพลินใจ

 

....

ผู้แสดงความคิดเห็น ทรชนบ้านนอก วันที่ตอบ 2012-04-21 23:36:37


ความคิดเห็นที่ 7 (2268180)

 คุณกระบี่ใบไม้ครับ ขอขอบคุณที่เข้ามาให้กำลังใจ พร้อมคมคิดว่ากลอนเปรียบเสมือนลูกรัก ที่เราต้องฟูมฟัก ทะนุถนอม ให้สมบูรณ์พร้อมแล้วค่อยปล่อยมาโชว์

 

แจ่มกระจ่างในความหมายทีเดียวเชียวครับ



  คุณทรชนบ้านนอกครับ ผมต้องขออภัยที่เข้าใจผิดไป แต่ก็ต้องขอขอบคุณด้วยที่เข้าใจในความเอื้ออาทรต่อกัน

แต่ก็ยังมีความสงสัยอยู่ครับ หากจะกรุณาก็ช่วยอรรถาธิบายผมหน่อยนะครับว่า ทำไมคุณยังไม่ปรับเรื่องเสียงท้ายวรรคของกลอน?

อยากรู้น่ะครับ เป็นเพราะคุณไม่เชื่อผม หรือเพราะคุณต้องการสร้างสรรค์หนทางใหม่กันแน่ จะได้ปรับกระบวนการสอนให้เหมาะกับผู้เรียนน่ะครับ !
 

หากเขียนกลอนเอามันรายวันว่า
ก็เขียนไปเถิดหนาอย่าหวั่นไหว
แต่ควรรู้เรื่องความงามวิไล
และรู้ในบทกวีมีทำนอง

มีจังหวะจะโคนมีโทนเสียง
แจ้วจำเรียงสูงต่ำคำทั้งผอง
วรรณยุกต์ผูกไว้ในครรลอง
กลอนจะต้องใจชนดลใจเมือง.
ผู้แสดงความคิดเห็น ราศีิพิจิก วันที่ตอบ 2012-04-22 08:08:19


ความคิดเห็นที่ 8 (2268213)

 ผมคิดว่าไม่ใช่คุณ "ทรชนบ้านนอก" ไม่เชื่อในคำพูดของ "คุณราศีพิจิก" หรอกครับ แต่เป็นความ "ไม่เข้าใจว่าทำไมจึงต้องมีฉันทลักษณ์" ต่างหากล่ะครับ เพราะไม่เข้าใจ จึงไม่คิดว่าจะใช้ให้ถูกต้อง เพราะไม่รู้ความสำคัญจึงไม่ให้ความสำคัญกับมันนั่นเอง

ก่อนอื่นผมขออนุญาต เล็คเชอร์ ให้คุณ "ทรชนบ้านนอก"เข้าใจในความสำคัญก่อนนะครับ (ขออภัยคุณราศีพิจิก และครูกลอนต่างๆที่คร่ำหวอดในเรื่องนี้แล้ว)

 

มีความเข้าใจผิด(และสอนกันผิดๆ)มาตลอดว่า "ฉันทลักษณ์นั้นคือแบบแผน" ทำให้เด็กบางคน ที่พยายามหาแนวทางของตนเองพากันกระโดดออกนอกกรอบของฉันทลักษณ์ เพราะเข้าใจว่า ไม่จำเป็นต้องอยู่ในกรอบตลอดนี่หว่า กฏเค้ามีไว้แหกอย่างนี้แหละ แนวดี...(สันนิษฐานว่าอาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คุณ ทรชนบ้านนอก ไม่เชื่อคำคุณราศีพิจิก ก็เป็นได้)

แต่จริงๆ แล้วฉันทลักษณ์ คือท่วงทำนองที่ร้อยรัดกลุ่มก้อนตัวอักษรให้มีเสียงสูงต่ำ มีจังหวะจะโคนอย่างงดงามต่างหาก

แล้วทำไมมันถึงดำรงค์ความเป็นแบบแผนอยู่ได้นับร้อยๆปี ไม่มีความล้าสมัยบ้างเลยหรือ?

คำตอบก็คือ เพราะมันได้รับการพิสูจญ์และปรับปรุงจากครูกลอนต่างๆจากรุ่นต่อรุ่นว่ามันมีความงดงามถึงที่สุดแล้ว ไม่สามารถแก้ไขปรับปรุงเพิ่มได้อีกแล้ว ซึ่งจะทำได้เพิ่มอย่างเดียวก็คือคิดค้นฉันทลักษณ์ใหม่ขึ้นมา(ซึ่งก็ยากอีกนั่นแหละ เพราะฉันทลักษณ์แทบทุกประเภทเท่าที่มนุษย์เราจะคิดได้ก็ถูกรุ่นครูอาจารย์ของเราคิดครอบคลุมไว้หมดแล้ว) 

 

และเมื่อฉันทลักษณ์ คือท่วงทำนอง ซึ่งมีเสียงสูงต่ำ มีจังหวะจะโคนของมัน ถ้าถูกใครมาบิดหรือตัดทอนออกไป ท่วงทำนองที่เคยไพเราะนั้นก็ขาดความงดงามที่ควรเป็น สมมติง่ายๆ ถ้าเกิดมีเพลงที่ไพเราะอยู่เพลงหนึ่ง แล้วคุณ "ทรชนบ้านนอก" หยิบไปร้องแล้วไปเกิดความคิดสร้างสรรค์อะไรก็ไม่รู้ ไปบิดทำนองเขา ถามว่าคนฟังทั่วไปเขารู้มั้ย เขารู้ครับ เพียงแต่จะมีใครจะมาแจ้งเจ้าตัวคนร้องว่าคุณกำลังทำลายสุนทรียะของเพลงที่พวกเขาเคยฟังหรือไม่นั่นเอง

 

นี่คือเหตุผลที่คุณราศีพิจิกให้ความกรุณาท้วงติง เรื่องสัมผัสและเสียงท้ายวรรคของคุณทรชนบ้านนอกนั่นแหละ เพราะเขาไม่อยากให้คุณทำลายสุนทรียะที่คุณกำลังพยายามสร้างขึ้นเองต่างหากครับ

 

แล้วถามว่าถ้าอย่างนั้น "ฉันทลักษณ์" ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรอีกได้แล้วเลยหรือ?

เปลี่ยนแปลงได้ครับ แต่คุณทรชนบ้านนอก จะต้องฝึกฝนถึงขนาดควบคุมทุกดุลเสียงได้ทั้งหมด จะสามารถบิดผันฉันทลักษณ์ได้โดยความงดงามไม่ได้เปลี่ยนแปลงหายไป(ตรงกันข้ามจุดที่บิดผันกลับทำให้เกิดความแปลกใหม่และงดงามเพิ่มขึ้นเสียอีก)

ศิลปินแห่งชาติ ท่านอังคาร กัลยาณพงศ์ เป็นตัวอย่างที่ดีครับ แต่ท่านก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงฉันทลักษณ์ทั้งหมดซะทีเดียว เพียงแต่ละหรือเพิ่มสัมผัสบางสัมผัสนั่นเอง

"วักทะเลเทใส่จาน  รับประทานกับข้าวขาว

เอื้อมเก็บบางดวงดาว  ไว้คลุกข้าวซาวเกลือกินฯ

ดูปูหอยเริงระบำ  เต้นรำทำเพลงวังเวงสิ้น

กิ้งก่ากิ้งกือบิน  ไปกินตะวันและจันทร์ฯ"

                                                                                                   บางส่วนจากบทกวี "วักทะเล" อังคาร  กัลยาณพงศ์

 

ถ้าถามกันอย่างตรงๆเลยว่าจุดที่ไฮไลท์นั้นผิดมั้ย? ถ้าดูตามผังของฉันทลักษณ์แล้วก็ผิดขั้นมโหฬารเลยทีเดียวและผิดอย่างจงใจเสียด้วย แต่ด้วยความที่เชี่ยวชาญถึงขนาด ยึดกุมถ้อยความและสัมผัสทุกสัมผัสไว้ทั้งหมด สามารถบันดาลไอ้จุดที่ผิด ให้กลายเป็นความงามที่สุดเสียได้ จะเห็นได้ว่ากรณีนี้คือ "เชี่ยวชาญที่สุดแล้วจึงสามารถแหกกฏออกนอกกรอบได้อย่างอหังการ์" 

 

แต่สำหรับท่าน "ทรชนบ้านนอก" ท่านเพิ่งเป็นเด็กหัดเขียน ฉันทลักษณ์จะเป็นตัวร้อยรัดบทกวีให้กลายเป็นกลุ่มข้อความที่งดงามได้ง่ายขึ้น เพราะถึงแม้ เนื้อความของคุณอาจจะไม่ได้เรื่อง แต่ฉันทลักษณ์ที่ถูกต้องก็จะช่วยขับเน้นบทร้อยกรองให้งดงามขึ้นมาได้เองโดยอัตโนมัติ..

 

นี่จึงเป็นสาเหตุที่คุณราศีพิจิก ถึงย้ำนักย้ำหนา ว่าคุณอย่าลืมเรื่องเสียงท้ายวรรค(...สิเว้ยเฮ้ย/อันนี้ผมเพิ่มเติมขึ้นมาเอง...) เพราะมันจะเป็นเครื่องมือในการบังคับดุลเสียงในบทร้อยกรองของคุณให้งดงามขึ้น ถ้าเขาไม่หวังดีจริงเขาคงไม่เสียเวลามาแนะนำให้เมื่อยตุ้มหรอกครับ ถ้าคิดจะเป็นลูกศิษย์ที่ดีก็อย่าดื้อสิ ไว้คุณเชี่ยวชาญถึงขนาดแล้วคุณจะออกนอกกรอบเท่าไหร่ก็คงไม่มีใครว่า (สำคัญถึงตอนนั้นจะกล้าหรือเปล่าเท่านั้นเอง)

 

ขอให้โชคดีนะครับ

 

กระบี่ใบไม้

 

 

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น กระบี่ใบไม้ (rainny4111-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2012-04-22 10:19:21


ความคิดเห็นที่ 9 (2268222)

 

ผมกำลังไล่เรียงเสียงอยู่นะครับ 

ขอเวลาปรับปรุงอีกสักหน่อย 

เพราะไล่เสียง กา ก่า ก้า ก๊า ก๋า

เปรียบกับคำต่อเนื่องของกลอน

บางครั้งก็ไม่ลงตัว ซึ่งผมเองกำลัง

ค้นหาที่ีลงตัวให้มากยิ่งขึ้นนะครับ


 

ผู้แสดงความคิดเห็น ทรชนบ้านนอก วันที่ตอบ 2012-04-22 10:36:22


ความคิดเห็นที่ 10 (2268228)

 การหาคำที่มีเสียงสูงต่ำมาลงในบทกวี ได้เหมาะสมและลงตัว ผู้เขียนต้องมี "คลังคำ" ที่มากพอ แล้วไอ้ "คลังคำ" เหล่านั้นจะหาได้จากไหน? การมีนิสัยรักการอ่านก็เป็นสิ่งที่สำคัญด้วย เมื่ออ่านเยอะก็มองเห็นถ้อยคำที่เหมาะสมเยอะ เมื่อมี "คลังคำ" ที่เหมาะสมเยอะก็สามารถหยิบจับมาใช้กับบทร้อยกรองของตัวเองได้มากกว่าผู้มี "คลังคำ" น้อยเป็นธรรมดา

 

ด้วยเหตุฉะนี้แล ผู้ที่เขียนบทร้อยกรองได้ดีจึงมักจะเป็น "เศรษฐี" ในถ้อยคำทั้งนั้นแหละ ครับ ท่านทรชนบ้านนอก ยังเป็นชนชั้นกรรมมาชีพในถ้อยคำอยู่ท่านต้องรีบขวนขวายนะขอรับ ชนชั้นกลางอย่างข้าน้อยขอเป็นกำลังใจให้ แหะๆๆ ^-^v

ผู้แสดงความคิดเห็น กระบี่ใบไม้ (rainny4111-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2012-04-22 10:55:24


ความคิดเห็นที่ 11 (2268242)

 

บางครั้งก็ไม่เข้าใจว่า  การเขียนกลอนบางครั้งที่เราตั้งใจมากๆ  มันมักจะเขียนไม่ออก  คำศัพท์  ภาษา สำนวน ต่างๆ  มันมักจะหายไปจากความนึกคิดทั้งหมด  แต่บางครั้งเวลาที่เราไม่ได้ตั้งใจจะเขียน หรือจะสรรค์สร้างมันขึ้นมา  ข้อความต่างๆ  นานา มันก็พรั่งพรู ออกมาของมันเอง

เป็นแบบนี้อยู่บ่อยๆ  คะ  จนบางครั้งที่ต้องการจะเขียนกลอน  แต่กลับเขียนไม่ได้ จนพาลไปโมโหตัวเอง จะทำยังไงดีค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ดอกไม้ป่า วันที่ตอบ 2012-04-22 12:23:30


ความคิดเห็นที่ 12 (2268246)

 เป็นอาการปกติครับผมเองก็เป็นบ่อยๆ  "คิดไม่ออกก็อย่าไปคิด" ฝืนไปก็ไม่ได้ประโยชน์อ่ะครับ หรือคนอื่นมีทางแก้ที่ดีกว่านี้หว่า... แหะๆๆ 

ผู้แสดงความคิดเห็น กระบี่ใบไม้ วันที่ตอบ 2012-04-22 12:49:25


ความคิดเห็นที่ 13 (2268278)

 ขอขอบคุณ คุณกระบี่ใบไม้เป็นอย่างยิ่ง ที่ได้กรุณา Lecture เพิ่มเติมได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจทีเดียวเชียวครับ 


คุณทรชนฯ ต้องค่อยเป็นค่อยไปครับ คุณเคยเขียนตามสบายตามใจตน จะกลับเข้ารูปแบบฉันทลักษณ์ก็คงต้องใช้เวลาปรับตัวนีสนุง ชิมิ อิอิ

วิธีการปรับตัว เพื่อรู้จังหวะรู้วรรณยุกต์ เพื่อสร้างคลังคำ น่าจะใช้วิธีการเดียวกันได้กับการแก้ไขเมื่อเขียนกลอนไม่ออก นั้นคือ "อ่าน" ครับ 

ผมใช้วิธีนี้บ่อย ๆ เวลาที่ทำงานเครียด ๆ มา อยากแต่งกลอนผ่อนคลายเสียบ้าง ขึ้นต้นได้คำเดียวก็ต่อไปไม่ได้แล้วครับ เครียด และเคียดครับ ผมแก้ด้วยการ "อ่าน" ครับ โดยหยิบกลอนชั้นครู (เล่มไหนก็ได้) มาอ่าน อ่านดัง ๆ สักสี่ห้าบทนี่ เลือดลมมันพุ่งปรู๊ด ๆ อยากรจนาได้เหมือนท่านบ้าง ถึงกับต้องวางลงแล้วก็คว้ากระดาษดินสอมาบรรเลง....

"ไม่เมาเหล้าแล้วแต่เรายังเมารัก    สุดจะหักห้ามจิตคิดไฉน
ถึงเมาหล้าเช้าสายก็หายไป  แต่เมาใจนี่ประจำทุกค่ำคืน" (สุนทรภู่, นิราศภูเขาทอง)         

โอ้กลอนเอ๋ยโปรดอย่าเฉยระเหยหาย      
หัวใจหมายอยากแต่งอย่าแข็งขืน
อ่านกลอนดังฟังชัดจงหยัดยืน                  
หัวใจชื่นแล้วนะแก้วกานท์.
....
 
คุณทรชนฯ และคุณดอกไม้ป่าลองนำเคล็ดนี้ไปใช้นะครับ ได้ผลประการใด กรุณาเล่าแจ้งแถลงไขเป็นการกุศลด้วยก็แล้วกัน

(นะสิบอกให่ อิอิ)
 
ผู้แสดงความคิดเห็น ราศีิพิจิก วันที่ตอบ 2012-04-22 14:56:55


ความคิดเห็นที่ 14 (2268279)

 ว้ากกกกกกกก ผิด!!!!


แก้ไข   หัวใจชื่นแล้วนะแก้วกานท์.
เป็น หัวใจชื่นฉ่ำแล้วนะแก้วกานท์.

(นะสิบอกให่ อิอิ)
ผู้แสดงความคิดเห็น ราศีิพิจิก วันที่ตอบ 2012-04-22 15:01:26


ความคิดเห็นที่ 15 (2268335)

 มาอ่านเล็คเชอร์ การแบ่งปันความรู้

ชื่นชมค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ภูสุภา วันที่ตอบ 2012-04-22 21:13:41


ความคิดเห็นที่ 16 (2268363)

 มะขิ่น De CA  ลูกศิษย์ ท่านพี่ใบไม้ มาแอบเรียนวิชาเพิ่ม...

แซมนะคะ  พี่ใบไม้...

คิดถึงจัง...

 

มะขิ่น

ผู้แสดงความคิดเห็น แซมค่ะ วันที่ตอบ 2012-04-23 04:19:23


ความคิดเห็นที่ 17 (2268389)

หุ อะโหย อะโหย โอยอิจฉา
หึ ท่านอาจารย์กระบี่ใบไม้แหม
ฮึ มีศิษย์สาวสาวตามติดแจ
ฮุ กระผ้ม ก็อะแฮ่ ก็อยากตาม  (อะโหย อะโหย)

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ราศีิพิจิก วันที่ตอบ 2012-04-23 09:14:07


ความคิดเห็นที่ 18 (2268450)

 

(สองเท้ายังก้าวหารัก)

 

   สองฝ่าเท้า      ก้าวย่าง    ทางบรรทัด

เลี้ยวเลาะลัด       พันหมื่นลี้   วิถีสมัย

เหยียบย่ำสู่        ผืนธรณี     ศรีวิไล

ด้วยสิ้นไร้         มือใครป้อง  ปลอบประโลม

 

   หวังมือเรียว เกลียวกอด   น้องยอดรัก

อย่าได้หัก    เชือนแช      แม่งามโฉม

มือน้อยน้อย โอบรั้งไว้     ใจกระโจม

แม้ปัญหา     หลั่งถาโถม   ย่อมผ่อนคลาย

 

   หมื่นพันโยชน์     แสนลี้         มิหวาดหวั่น

ขอรักนั้น             เคียงคู่        สู่สมหมาย

จับมือกอด           สอดประสาน จนวันตาย

แม้สุดท้าย            ไม่เหลือใคร  ให้เชยชม

 

   ร้อนรุ่มรัก แรงพิษ       ริษยา

หยดน้ำตา    หลั่งริน        สิ้นขื่นขม     

รักลาล้าง     ห่างจอมใจ   อาลัยระทม

สุดตรอมตรม ข่มใจลา     ด้วยอาวรณ์
 

 

   สองฝ่าเท้า         ย่างกราย    หมายสิ้นสุด

นิ่งตรองหยุด        สมภิรมย์     ชมสะท้อน

ทุกสิ่งผ่าน            เคยรันทด    สุดร้าวรอน

แต่ละคร              แห่งชีวิต      ยังก้าวเดิน

 

ฯลฯ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ทรชนบ้านนอก วันที่ตอบ 2012-04-23 13:02:13


ความคิดเห็นที่ 19 (2268512)

 

สองขาก้าว ย่างเดินทาง ตามหารัก
หากเหนื่อยนัก ก็หยุดพัก สักหน่อยไหม
แล้วมองดู คนรอบข้าง ที่ไม่ไกล
อาจมีใคร พร้อมเคียงข้าง พร้อมก้าวเดิน
 
มือจับมือ ใจโอบใจ ไม่ไร้รัก
แม้เหนื่อยหนัก สักเพียงไหน ไม่ไหวหวั่น
ขอเพียงเรา เพียงสองใจ มีรักมั่น
จะฝ่าฟัน ซึ่งปัญหา ที่มากมี
 
แม้หนทาง จะยาวไกล ไม่ไหวหวั่น
เพียงเรานั้น รักกันมั่น ไม่หลีกหนี
มือเกาะกุม ร่วมทางเดิน สุขฤดี
แม้รักมี อุปสรรค ไม่หวั่นเกรง
 
เจ็บเพราะรัก แต่ใจรัก จึงไม่จบ
แม้ต้องพบ ความเจ็บปวด สุดขื่นขม
ใจสุดเจ็บ สุดรันทด ปวดระบม
ใจตรอมตรม เพราะพิษรัก ระกำทรวง
 
เหนื่อยพอแล้ว เจ็บพอแล้ว ใจขอหยุด
แม้สิ้นสุด กับความรัก ยอมห่างเหิน
ทุกย่างก้าว ที่เดินต่อ พร้อมเผชิญ
แม้ต้องเดิน เพียงเดียวดาย ไร้ใครเคียง

..................... ดอกไม้ป่า..............

ผู้แสดงความคิดเห็น ดอกไม้ป่า วันที่ตอบ 2012-04-23 15:30:49


ความคิดเห็นที่ 20 (2268514)

(วันวานที่ตามล่าจั๊กจั่น) 


   ประสบการณ์ วานวันเก่า เล่าสู่ฟัง

หวนความหลัง ครั้งเคยล่า ท้าประลอง

ริ้วไผ่งาม ยาวเรียว เพรียวลำพอง

มีบั้งบ้อง  ปล้องไม้ไผ่  ไว้ใส่ตัง

 

   ตังที่หา ได้มาจาก กากยางเหนียว

เอามาเคี่ยว กับน้ำยาง ย่างไฟตั้ง

เหนียวข้นหนืด หอมอบอวน ยวนจีรัง

อย่าพลาดพลั้ง เผลอไผล เล่นซุกซน

 

   มีไม้น้อย คอยเสียบไว้ ในปลายไม้

สิ่งสุดท้าย ต้องหมายใจ ให้ฝึกฝน

เดินลัดเลาะ เสาะหา ป่าวังวน

เอียงคอจน แหงนมองหา เมื่อยบ่าคอ

 

   เสียบไม้น้อย จากบั้งตัง ฝังปลายไม้

มือนิ่งไว้ อย่าไหวติง สิ่งต้องขอ

ค่อยสอดผ่าน กิ่งก้านใบ อย่ารั้งรอ

ประจวบพอ เหมาะได้ ติดปลายบิน

 

   หากตังดี ไม่เลอะเทอะ  เกรอะปีกหนา

ถึงแม้ว่า เปรอะเปื้อนไป ให้ตัดสิ้น

อย่าเหลือปีก ตรงติดตัง ไม่หวังกิน

หากติดลิ้น สิ้นอร่อย กร่อยรสเอย

 

ฯลฯ

ผู้แสดงความคิดเห็น ทรชนบ้านนอก วันที่ตอบ 2012-04-23 15:31:36


ความคิดเห็นที่ 21 (2268541)

ทรชน บ้านนอกนี้ น้อมใจ ด้วยศรัทธา

จำนรรจา   ถ้อยความคำ   พร่ำอักษร

เรียงร้อยใจ เสพสู่สม   อารมณ์กลอน

ไม่ร้าวรอน  แต่เกินงาม  ตามดลใจ

 

   แลหยุดตั้ง   การกระทู้      สู่สายชน

ด้วยเหตุผล     เกินมากความ งามสดใส

จำฝีกปรือ      เขียนกลอนงาม ตามอักขระไทย

แต่หาไม่        เย้ยหยามใคร ด้วยใจตน

 

   หนึ่งบทกลอน ที่เรียงร้อย   ในชีวิต

ก่อนไร้คิด      ฉันทลักษณ์     ประจักษ์ผล

เสียงสูงต่ำ      ตรีจัตวา        พากมล

ราศีพิจิก        พลิกดลใจ     ในบทกลอน

 

   คมกระบี่     ที่พลิ้วไหว       ให้ข้อคิด

กลอนวิจิตร    ลึกเลิศล้ำ        ท่านพร่ำสอน

อักขระ          เสียงประสาน  งานสุนทร

อุทาหรณ์       ย้อนย้ำเตือน   อย่าเลือนราง

ฯลฯ

ผู้แสดงความคิดเห็น ทรชนบ้านนอก วันที่ตอบ 2012-04-23 16:32:17


ความคิดเห็นที่ 22 (2268663)

 กระทู้ขึ้นดาวแล้ว !!!

 ต้องขอชม ทรชนฯ คนขยัน
ที่มุ่งมั่น แก้ไข มิหายห่าง
ปรับเรียบเรียง เสียงชัด มาจัดวาง
ตามแบบอย่าง ครูกลอน สุนทรทำ

บท "สองเท้า ยังก้าว หารัก" นั้น
เริ่มเฉิดฉันท์ ถูกตาม ที่งามขำ
ผิดแห่งเดียว "สะท้อน" เสียงตรีจำ
ถือว่าช่ำ ชองกลอน ที่สอนไป

กลอนโดนใจ ให้คุณ "ดอกไม้ป่า"
จนต้องมา ต่อกลอน อักษรใส
เพียง "รักมั่น" สะดุดนิด มิเป็นไร
ถือว่าได้ ช่วยกัน สรรค์สร้างงาน

"วันวานที่ ตามล่า จั๊กจั่น" 
เป็นกลอนกลั่น จริงใจ ให้เห็นหวาน
ซึ้งเรื่องเล่า เก่าเช่น เป็นนิทาน
มีคติ เบิกบาน เมื่ออ่านทวน

มีเพียงคำ "ท้าประลอง" สามัญเสียง
ผิดสำเนียง นิดหน่อย ด้อยกระสวน
ผิดมิมาก น่านิยม พอสมควร 
แก้นิดหน่อย ก็จะถ้วน กระบวนงาม

กลอนเขียนไป ในกระทู้ ดูเหมาะสม
คนนิยม คลิกกระทู้ ดูวาบหวาม
เกิดเป็นดาว กระพริบ ระยิบวาม
สำเร็จตาม ครูขอ ไหมพ่อคุณ
 
ผู้แสดงความคิดเห็น ราศีิพิจิก วันที่ตอบ 2012-04-24 11:03:49


ความคิดเห็นที่ 23 (2268727)

(การเมืองเรื่องห้าร้อย)  

   การเมืองไทย      ไม่เข้าใจ      ในธาตุแท้
ใครก็แน่              ใครก็เด่น     เป็นศักดิ์ศรี
เหลืองก็งาม          แดงอร่าม     พล่ามกันดี
แต่วิถี                 ในสันดาน     พาลเหมือนกัน

   ต่างก็ยก           อวดอ้าง      หางของตน
ให้ผู้คน                แลเห็นหาง    ด่างสีสัน
ดีใส่ตัว                ชั่วโยนไป     โถมใส่มัน
หวังสักวัน            ฉันใดเห็น     เป็นปรองดอง

   วงสภา             ต่างอะไร     กับขวดโหล
เอาไว้โชว์            หัวผักเน่า     ขี้เหล้าผอง
มีหัวมัน                หัวเผือกบ้า   ท้าประลอง
อวดลำพอง           ทะนงตน       จนระอา

   ปากเพ้อเจ้อ       สมานฉันท์     มันเรื่องใหญ่
แล้วอะไร             คือแนวทาง   ร้างปัญหา
ที่ได้เห็น               หาประจักษ์   เป็นบุญตา
มีแต่ด่า                เล่นปาขี้       ไปวันวัน

   สภาห้าร้อย        ข้อยเปรียบเทียบ โจรห้าร้อย
ดีแต่ถ้อย              ความคำ           พร่ำกระสันต์
เล่นยี่เก                หลอกชาวบ้าน    หวานสุดมัน
ห้าร้อยนั้น            มันกัดกัน      ฉันระทม

   เอาห้าร้อย         มาจูบปาก    ก่อนดีไหม
แล้วค่อยให้           ต่อเติมรัก     จักหายขม
หมื่นแสนล้าน         ชาวบ้าน      ยังตรอมตรม
ใจระบม              สมเพช        เวทนา

   ตัดคำว่า           รัฐบาล        ค้านออกไป
แลสิ้นไพร่             สิ้นอำมาตย์   สิ้นมุสา
เปิดใจกว้าง          รับเขาเรา    เกลาอัตตา
รู้คำว่า                การอภัย      จะเป็นดี

   ช่วยกันแก้         หาใช่         ช่วยกันล้าง
ช่วยกันสร้าง         หาใช่         ไร้ศักดิ์ศรี
ช่วยกันทำ             คือหน้าที่      ที่ควรมี
ประชาชี               เลือกพวกคุณ เพื่ออะไร

   อย่าจับผิด          เสี้ยมสอน     แยกแบ่งฝ่าย
อย่าใส่ร้าย           โยนปาขี้       จะดีไหม
อย่าเหยียดหยาม     จนเกินงาม    หรือตามใจ
อย่าผลักไส           เพราะยังไง   ไทยเหมือนกัน

   ดูคำพระ           ที่ท่านว่า      แลให้คิด
ว่าชีวิต               มีสองด้าน     วานแลหัน

"เขามีส่วน   เลวบ้าง  ช่างหัวเขา
จงเลือกเอา   สิ่งที่ดี  เขามีอยู่
เป็นประโยชน์ โลกบ้าง ยังน่าดู
เรื่องที่ชั่ว อย่าไปรู้ ของเขาเลย
จะหาคน ที่มีดี เพียงส่วนเดียว
อย่าเที่ยวเสาะหา สหายเอ๋ย
เหมือนเที่ยวหา หนวดเต่า ตายเล่าเอย
ฝึกให้เคยมองแต่ดีมีคุณจริง"

ดีมีชั่ว ชั่วมีดี อย่าดึงดัน
เธอแลฉัน ต่างตรงไหน ช่วยบอกที

ฯลฯ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ทรชนบ้านนอก วันที่ตอบ 2012-04-24 15:20:15


ความคิดเห็นที่ 24 (2268736)

(โลกีย์) 

 

   ร้อนแรง  รุ่มร้อน     ริษยา

แรดร่าน    ตัณหา       เสพสม

ชิดชู้         อิงแอบ      เชยชม

ภิรมย์       สมสู่          กามา


  โลกีย์      ราคี         สังวาส

นวยนารถ   ร้อยรส      มารยา

เกลือกกลั้ว  สนอง        อุรา

ไร้ค่า         เยี่ยงสัตว์   สมสู่



    สันดอน     สันเขา       สันดาน

ร้าวราน     ใฝ่หา            ครองคู่

ระริก        ระร่าน           โฉมตรู

พธู          ซ่อนชู้             เชยชม



ฯลฯ

 

(เก็บบางอารมณ์ มาพร่ำเพ้อ)

ผู้แสดงความคิดเห็น ทรชนบ้านนอก วันที่ตอบ 2012-04-24 15:46:34


ความคิดเห็นที่ 25 (2268760)

เงินแสนล้าน ซื้อวันวาน ไม่ได้ดอก
จะช้ำชอก ยึดติดไป ทำไมหนอ
ฝังจมปลัก กับอดีต กี่ชาติพอ
แม้รั้งรอ ฝังใจจม ระทมใจ
(เงินซื้ออดีตไม่ได้)


    ชีวิตเรา หนึ่งชีวิต คิดแล้วฤา
ควรฝึกปรือ ให้คงมั่น ทันสมัย
ฝังอดีต ความปวดร้าว เศร้าทรวงใน
จารึกไว้ เป็นบทเรียน อย่าเวียนตาม

    ลมหายใจ เพียงเศษเสี้ยว วินาที
ที่ควรมี จึงอยากใคร่ ขอไถ่ถาม
คุณประจักษ์ สิ่งใดไว้ เป็นศรีงาม
ฝากลือนาม ให้ใครรู้ กู่ก้องไกล

ฯลฯ

ผู้แสดงความคิดเห็น ทรชนบ้านนอก วันที่ตอบ 2012-04-24 17:03:47


ความคิดเห็นที่ 26 (2268925)
เข้ามาอ่าน "การเมือง เรื่องห้าร้อย"
รสอร่อย เข้าใจ ในวิถี
ท่านผู้แทน ในสภา ห้าร้อยมี
เรื่องบัดสี ทุกวัน มันข้องแด
ทรชน บ้านนอก บอกคำพระ
หากสละ เสียบ้าง มีทางแก้
เหมือนกับเสียง ท้ายวรรค ปรับหลักแปร
ดีขึ้นแท้ ทางกลอน สุนทรทำ

ส่วนเรื่อง "โลกีย์" ตัณหา
เห็นว่า ยังเผลอ เพ้อพร่ำ
มีแต่ อารมณ์ บ่มคำ
ไม่น่า จดจำ สักนิด
ส่วนเสียง ท้ายวรรค หลักแหล่ง
ยังแกว่ง ยังไกว ไม่สนิท
ฝึกมาก สักหน่อย ค่อยคิด
ประดิษฐ์ คำกลอน สอนใคร

ส่วนเรื่อง "เงิน ซื้ออดีต ไม่ได้" นั้น
ถือว่ามั่น ในหลัก ท้ายวรรคได้
แนวคิดหลัก ปักลง ตรงหัวใจ
คือครวญใคร่ ฝากชื่อ คนลือชา

ดูจากงาน อ่านดู ก็รู้สึก
ทรชนฯ ได้ตรึก ได้ศึกษา
กลั่นเป็นคำ ขำคม สมอุรา
คงได้กลอน ก้าวหน้า ไม่ช้าพลัน ฯ
 
ผู้แสดงความคิดเห็น ราศีิพิจิก วันที่ตอบ 2012-04-25 12:19:13


ความคิดเห็นที่ 27 (2268978)

 ต้องการบริโภคคุณภาพมากกว่าปริมาณ

ผู้แสดงความคิดเห็น ทรชนคนเมือง วันที่ตอบ 2012-04-25 15:04:25


ความคิดเห็นที่ 28 (2269068)
ค่อยเป็นค่อยไปครับ

(สิบอกให่ อิอิ)
ผู้แสดงความคิดเห็น ราศีิพิจิก วันที่ตอบ 2012-04-26 05:43:24


ความคิดเห็นที่ 29 (2269260)

(น้องชายที่หายไป) 

 

   ตึง ตึง ตึง  อึกทึก ครึกโครมคราม  

เสียงตูมตาม สั่นสะเทือน พื้นเรือนไหว

เรือนไม้น้อย   เก่าก่อน   เจ้าจากไป

แลหยักไย่   รกรังรุง   ฟุ้งกระจาย   

 

   แม่ แม่ ครับ   ผมกลับมา    หาแม่แล้ว

น้องชายแก้ว   น้องสาวรัก    ไยหลบหาย

แล้วตัวเล็ก   ลูกเต้าใคร        อยู่ข้างกาย

สองน้องร้าย ได้หลานสาว     หรือไรกัน

 

   ยอมโผล่หน้า มาแล้วฤา น้องสาวรัก

คิดว่าหัก  หลบหน้าพี่  มิแลหัน

พี่จากไป หลายเดือนปี  ก่อนวานวัน

แล้วเจ้าอั๋น   พี่ชายเจ้า  อยู่ที่ใด

 

   ตุ๊กตาจ๋า บอกพี่มา ให้เร็วเข้า

พี่ชายเจ้า น้องชายพี่ หายไปไหน

สุข ฤ ทุกข์  ดีเห็น เป็นอย่างไร

แล้วทำไม  ไยไม่ตอบ จงบอกมา

 

  แม่จ๋าแม่ ไยนิ่งแท้ แม่บอกผม

แม่ตรอมตรม ทุกข์สิ่งใด  กระไรหนา

ฤ ดีใจ เห็นหน้าลูก ที่จากลา

หยดน้ำตา  ของแม่นั้น  คือสิ่งใด

 

   ตึง ตึง ตึง  อึกทึก ครึกโครมคราม  

เสียงตูมตาม หัวใจสั่น สะเทือนไหว

สิ้นเสียงเอ่ย  รับรู้คำ   พร่ำอาลัย

น้องชายเจ้า  หลับใหล  สู่นิทรา

 

    แม่ แม่ ครับ   ผมกลับมา  หาแม่แล้ว

น้องชายแก้ว ผมอยู่ไหน  นะแม่จ๋า

บอกผมหน่อย ใครมารับ น้องแก้วตา

จะเหยียบฟ้า เขาว่า “เอาน้องชายผม” ไปไหน


สรรพสัตว์ สิ้นสุด คือสุดท้าย

ถึงที่หมาย แลเปล่าว่าง อสงไขย

หลับไปเถิด ไอ้น้องรัก พี่เข้าใจ

จากนี้ไป  "แม่จ๋าแม่แลลูกมา หาแม่แล้ว

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ทรชนบ้านนอก วันที่ตอบ 2012-04-26 17:01:23


ความคิดเห็นที่ 30 (2269376)

(นั่งเขียนกลอนตอนขี้แตก)

 

นั่งยองขี้        คอห่านน้อย ละห้อยใจ
แดกอะไร      โอ้หนอกู ในวันนี้
ท้องป่วนปั่น  ครืนครืนครืน อยู่หลายที
ลองตรวนถี่   สามสี่อย่าง ที่แดกไป

ยำสามกรอบ ของชอบ ที่โปรดปราน
เป็นหนึ่งจาน ที่ประจำ   สามคำไหม
ลองทวนคิด  ถึงอาหาร จานต่อไป
ก็คงใช่   ต้มยำปลา    พาชิมชวน

ดูสองอย่าง ที่กินไป มันใช่หรือ
สิ่งที่คือ      ทำให้กู พรูครางครวญ
นั่งขี้ย้อย    ไหลเป็นทาง รางกระบวน

เหม็นอบอวน ตอนนั่งขี้ ชี้บอกมา

จานสามนี้ อร่อยจริง เสียยิ่งแท้
เชื่อแน่วแน่ คงว่าใช่ ไร้มังสา
ผัดฟักแม้ว อิ่มเอม เปรมปรีดิ์ดา
เปี่ยมคุณค่า ไยอาหาร สราญใจ

ครบสามอย่าง ที่แดกไป ในวันนี้
แต่ยังมี อีกสิ่งสี่ หายไปไหน
ใครรู้บ้าง ช่วยตอบหน่อย จะเป็นไร
ว่าสิ่งไหน ที่ว่าใช่ ใคร่บอกที

แม้ว่าสี่ ที่รู้แล้ว น้องแก้วเจ้า
เร่งมาเข้า ใคร่เฉลย คำถามนี้
จานใดหนอ แสบปวดร้าว เข้าฤดี
แต่ยังเสือก แต่งกวี ตอนขี้ไหล

ฮ่วย ฮ่วย ฮ้วย ขี้จนเมื่อย อ่อนเรี่ยวแรง
ไม่ได้แกล้ง เมาก็เมา อย่าสงสัย
แดกทุกอย่าง อยากจะนอน ให้หลับไป
ขี้ก็ไหล ใจก็เมา เอาไงกู

นอนแล้วเด้อ เมาแล้วเด้อ รอขี้หาย
คงไม่ใช่ วันสุดท้าย แล้วหนอสู
เขียนกลอนขี้ ฝากบอกไป ให้เอ็นดู
ใครอยากรู้ ความหมายแท้ แลขี้กู

.ฯลฯ.

ผู้แสดงความคิดเห็น ทรชนบ้านนอก วันที่ตอบ 2012-04-27 10:36:18


ความคิดเห็นที่ 31 (2269381)

 โชคดีที่ไม่ได้อ่านตอนทานข้าวนะครับ ^^

ผู้แสดงความคิดเห็น กระบี่ใบไม้ วันที่ตอบ 2012-04-27 10:52:23


ความคิดเห็นที่ 32 (2269638)

 โบราณว่า "เลี้ยงช้าง กินขี้ช้าง"

นี่ก็อย่าง เดียวกัน น้ำมันหมู
น้ำมันพืช ปนกัน ทอดปลาทู
จะกินหรู กินร้าย ก็ถ่ายออกมา

"น้องชายที่ หายไป" เกือบได้แล้ว
แต่กลับแผ่ว บทท้าย ไม่เข้าท่า
คำที่เกิน ทำกลอน หย่อนราคา
ส่งจัตวา กระทืบกานท์ ปานขี้เละ

ยิ่งบท "นั่ง เขียนกลอน ตอนขี้แตก"
บ่เป็นตา สีแตก มันน่าเตะ
เสียงท้ายวรรค เลอะเทอะ เปรอะเละเทะ
มิได้เอะ ใจกลอน ครูสอนอะไร 

อันกลอนกานท์ คือนที สุนทรียะ
อุจจาระ เขียนเป็น ก็งามได้
คนกับขี้ ขี้กับคน ปนกันไป
หรือจะให้ ขี้เหลือง เรืองกว่าพระ

อย่าดูแคลน ผู้อ่าน ด้วยพาลจิต
กลอนจะผิด ใจถวิล สิ้นสัจจะ
อย่าเขียนเพียง ระบายตน พ้นพันธะ
กลอนขยะ จะท่วม อ่วมใจคน

จงเขียนเพื่อ ผู้อื่น ได้ชื่นจิต
บางชีวิต เวียนว่าย ได้คลายหม่น
ทั้งเรื่องเศร้า เรื่องหวาน เล่าผ่านตน
จักเป็นผล งานที่ มีคนชม

(นะสิบอกให่ อิอิ)
ผู้แสดงความคิดเห็น ราศีิพิจิก วันที่ตอบ 2012-04-28 14:46:09



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.