ReadyPlanet.com


พิณ-ภาค


 สุขสีเดียว หรือสุขสีผสม

เคยเห็นเด็กเล่นดินน้ำมัน  เด็ก ๆ  มักเล่นดินน้ำมันซึ่งมีหลาย ๆ สี เล่นโดยใช้ดินน้ำมันสีโน้นมาปนสีนี้ หักหรือบิเอาสีนี้นิด ไปแปะไว้บนสีโน้นหน่อย สีสันดินน้ำมันปนเปกันไปมาจนสวย บ้างก็ไม่สวย บางคนเรียกขานว่า สีเน่า

แต่เด็ก ๆ มีความสุขกับการเล่นดินน้ำมันแบบนี้

 

เด็กหลายคน เมื่อแรกเล่น ใช้ดินน้ำมันผสมอย่างที่กล่าว ผสมแล้ว เบื่อแล้วก็พยายามแยกสี แยกได้บ้างไม่ได้บ้าง

บางคนปั้นเป็นรูปร่างต่าง ๆ ซึ่งไม่เห็นเป็นรูป ไม่เห็นเป็นร่าง แต่เขาจินตนาการว่าเป็นสัตว์ตัวนู้น ตัวนี้ หรือไม่ก็เป็นผลไม้ สิ่งของนานา มีความสุข มีความสนุก

ปั้น บิ คลึง บีบ แล้วที่สนุกสุดคือ "ปา" หลายคนอาจเคยเล่นแบบนี้ คงจำความสนุกที่ว่าได้

เคยเห็นเด็กบางคน เล่นกับแม่หรือผู้ปกครองประเภทเรียบ เนี้ยบ เด็กอาจถูกกำชับให้เล่นดินน้ำมันแบบเรียบ เนี้ยบไปด้วย เช่นที่เคยเห็นลูกสาวของคุณแม่บ้านใกล้เรือนเคียง เคยปั้นมังคุดกับเธอ หนูน้อยคนนี้ เธอลังเลเมื่อจะเอากลีบดอกสีเขียวไปแปะไว้บนลูกมังคุดสีม่วง เราจึงไต่ถามเธอ เธอบอกเราเบา ๆ ว่า "แม่ไม่ให้เอาสีดินน้ำมันผสมกัน ให้เล่นเป็นสี ๆ” เราจึงแอบกระซิบว่า คราวนี้ลองใช้หลายสีผสมกัน ให้ดูเหมือนของจริง แปะเบา ๆ ก็ได้ จะแยกออกจากกันง่ายเวลาแม่เดินผ่านมา เธอยิ้มและมีความสุข หากไม่สนุกปนเครียดกันเล็กน้อยตอนแม่เธอเดินเฉียดมาใกล้ ต้องช่วยกันแกะสองคนอย่างรวดเร็ว

 

ความสุขสีเดียว เดี่ยว ๆ โดด ๆ อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย

เปรียบกับความสุขสีผสมเปี่ยมความคิดอิสระ อย่างไหนเหมาะกว่ากันสำหรับเด็ก

 

ผู้ตั้งกระทู้ พิณ :: วันที่ลงประกาศ 2008-03-12 22:59:07

[1]ความเห็นที่ 1 (993052)

 

เคยปั้นมังกร พัฟ (Puff the magic dragon) เวลาผ่านไป กลับไปปั้นดินน้ำมันอีก.. มังกรในจินตนาการ หายไปแล้ว มังกรพัฟได้หายไปจากโลกแห่งความเป็นจริง แต่ดินน้ำมันยังคงอยู่

ดินน้ำมันสีต่างๆ ก็คงเหมือนกับอารมณ์ รัก หลง ห่วง หวง โกรธ สงสาร  ฯลฯ อารมณ์มีหลายอารมณ์ สีของดินน้ำมันก็มีหลายสี

ถ้าผสมสีดีๆ ปั้นดีๆ ดินน้ำมันก็เป็นทรวดเป็นทรง สวยงาม แต่ดินน้ำมันก็คือดินน้ำมันโดนความร้อนหน่อยก็เปลี่ยนรูป

อารมณ์ความสุข ความปิติ ก็เช่นเดียวกันกับดินน้ำมัน เพราะคงรูปอยู่ให้เราเห็นประเดี๋ยวเดียว สักพักเมื่อมีปัจจัยภายนอกเข้ามากระทบ (เช่นความร้อน) ดินน้ำมันก็ละลาย รูปจำลองจากดินน้ำมัน คือ สัญญา ชนิดหนึ่ง (สัญญา คือ ความจำได้หมายรู้ นี่ควายหนอ ที่มังคุดหนอ นี่หนอนั่นหนอ) เมื่อสัญญาไม่เที่ยง ความสุขที่ได้จากสัญญา ก็ไม่เที่ยง เช่นกัน ฉะนั้นไม่ว่าจะ สุขสีเดียว เดี่ยว ๆ โดด ๆ หรือสุขสีผสม ก็เป็นความสุขที่ไม่เที่ยงแท้จีรัง สนุกแล้วก็เบื่อ  เบื่อแล้วก็อยาก วกวนเวียนไปเรื่อยๆ

ในโลกแห่งความเป็นจริง เราจะต้องปั้น อะไรต่อมิอะไร กันอีกสักกี่มากน้อย เพื่อความสุข ถ้าเราไม่ปั้นดินน้ำมันเราจะทำอะไร

อุทธาหรณ์ที่สำคัญก็คือ ถ้าเราไม่พยายามแยกแยะดินน้ำมันแต่ละสีออกจากกัน   สีก็จะถูกผสมกันจนกลายเป็นสีเทา ขุ่นมัวไม่น่าดู  ดินน้ำมันก็เหมือนกับจิตของเรา ถ้าเราปล่อยจิตของเรา ให้ถูกอารมณ์รัก หลง ห่วง หวง โกรธ สงสาร  ผสมปนเปกัน ไม่พยายามแยกแยะออก แกะออก ไม่หมั่นพิจารณา ในที่สุดจิตใจเราก็จะขุ่นมัวเหมือน ดินน้ำมันที่ถูกผสมสีจนเป็นสีเทา 

ขอบคุณที่เขียนสัจจะธรรมของการปั้นดินน้ำมันให้ขบคิดนะครับ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ภาค วันที่ตอบ 2008-03-13 11:09:34

 



ผู้ตั้งกระทู้ ภูสุภา :: วันที่ลงประกาศ 2012-05-10 03:56:27


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (2272274)

 ขอบคุณที่นำอุทธาหรณ์เรื่องการปั้นดินน้ำมันมาให้ฉุกคิด ขบคิด ฉลาดคิด กับเรื่อง Kid 


หวนคิดถึงวัยเยาว์ รู้สึกเศร้าที่ไม่เคยมีประสบการณ์แบบนั้น เพราะไม่เคยเล่นปั้นดินน้ำมันเลย รู้จักแต่ปั้นดินเหนียว ต้องไปขุดเอาเองตามบ่อน้ำกลางทุ่งนา แล้วใส่มุ้งไนล่อนบีบกรองเอาแต่ดินละเอียดมาปั้น รูปที่ปั้นก็ไม่พ้นรูปควายตัวอ้วน มะเขือ ฟักทอง แตงโม ฯลฯ ดินเหนียวสีน้ำตาลสว่าง ๆ คลึงไปคลึงมาก็เป็นสีคล้ำ ๆ บอกไม่ถูกว่าสีอะไร 

พอดินแห้งก็ปั้นใหม่ไม่ได้ ต้องไปขุดเอาใหม่ ไม่รู้จักสีมากมาย ความสุขจึงอยู่แค่การปั้น การเล่น เท่านั้นเอง

ไม่ค่อยมีจินตนาการ ไม่ค่อยคิดอะไรลึก จึงเป็นคนตื้น ๆ มาจนทุกวันนี้แหละครับ
ผู้แสดงความคิดเห็น ราศีิพิจิก วันที่ตอบ 2012-05-10 09:25:01


ความคิดเห็นที่ 2 (2272347)

ชื่นชม ผู้เล่า เจ้าภาษา

คุณค่า ยาวไกล ในสร้างสรรค์

ปลูกสร้าง ความคิด วิจิตรพลัน

ฉลาด แบ่งปัน ชั้นคมคาย ฯ

 

ปรัชญ์  วลีพร

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ปรัชญ์ วลีพร (naimit-at-thaimail-dot-com)วันที่ตอบ 2012-05-10 12:49:49


ความคิดเห็นที่ 3 (2272405)

“ปั้นดินเป็นดาว”

 

วันวานปั้นดินเหนียว

หาเลาะเลี้ยวคูคันนา

สีเดียวไร้งามตา

หมูช้างม้า ตากแดดไป

 ...

ดินสีในวันนี้

คลึงเคล้นบี้สุขฤทัย

ปั้นแต่งตามใจใคร

จินตนาการไร้แดน

 ...

ฯลฯ

ขอน้อมคารวะจากใจ

"ทรชนบ้านนอก"

ผู้แสดงความคิดเห็น ทรชนบ้านนอก วันที่ตอบ 2012-05-10 15:15:05


ความคิดเห็นที่ 4 (2272522)

 ภาค

ฉันตั้งใจรำพึงรำพัน ตามประสาที่เธอเคยเตือนว่า มีอะไรอะไรก็หัดเก็บไว้ในใจบ้าง

ฉันว่า ฉันหลบมาจดจารไว้ในที่ที่เธอไม่น่าตามพบ

 

แล้วยังไงถึงพบ

พิณ

 

ผู้ตั้งกระทู้ พิณ :: วันที่ลงประกาศ 2008-03-14 22:59:07

 

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ภูสุภา วันที่ตอบ 2012-05-11 05:53:21


ความคิดเห็นที่ 5 (2272523)

 

ศิลปินนักวาดภาพ ที่ไม่ใช่สร้างภาพ แต่คือเขียนภาพ ใช้เพียงดินสอและกระดาษเท่านั้น

ศิลปินสร้างภาพ คราวนี้หมายถึงเขียนภาพจนสร้างภาพได้ ศิลปินสร้างภาพจากดินสอและกระดาษ ของสองสิ่งเล็ก ๆ เท่านั้นเอง สามารถเขียนภาพและสร้างภาพได้ มีหลายท่านที่มีชื่อเสียง มีคุณูปการปรากฎต่อชาวโลกหลายคน

คนที่มีเวลาเล่นน้อย มีของเล่นไม่มากชิ้น แต่เป็นของเล่นชิ้นเอก มีคุณค่า จึงมีเวลาเล่นกับความคิดมาก ที่ไม่ใช่คิดมาก หมายถึงคิดกว้างและน่าจะคิดลึก ขอบเขตความคิดจำกัดไม่ได้ หมายถึงอินฟินิตี้

มีเวลาเล่นน้อย มีของเล่นน้อย ของเล่นมีสีเดียว

ยิ่งต้องมีความคิดสร้างสรรค์วิธีการเล่น ให้ได้หลายหลากการเล่นอย่าง เกินกว่าจะจินตนาการได้

 

ไม่แปลกใจค่ะ ว่าทำไมจึงเขียนบทกวีได้หลากแนว

 

ประโยชน์ของดินเหนียว

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ภูสุภา วันที่ตอบ 2012-05-11 06:14:14


ความคิดเห็นที่ 6 (2272744)

 พิณแม่เพื่อนรัก

อย่าถามเลยว่า ทำไมฉันถึงตามหาเธอพบ อย่างที่เธอเคยเขียนบทกวียุงชุมไว้ไงเล่า อะไรนะ

ข้ามภพจบหล้าขอตามไป...

อะไรต่ออีกนะ อืม ฮึ ฉันว่าเดี๋ยวเธอก็เอามา-จดจาร ไว้อีกตามประสาเธอ

 

วันนี้ฉันอยากคุยกับเธอเรื่องนี้ ราตรี

ราตรี : เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี

อินทรวสันตดิลกฉันท์

 

ราตรีก็แม่นมี                               ขณะดีและร้ายปน

ไป่ผิดกะคนคน                            คุณ(ะ)โทษประโยชน์ถม

ราตรีกลีกล(ะ)พิโรธ                    หฤโหดคระหึมลม

มืดตื้อกระพือพิรุณ(ะ)พรม         และฤเราจะแยแส

ราตรีดิถีสุข                                   นิรทุกข์ประเทืองแด

ฟ้างามอร่ามแล                            ระกะ ดอก กุดั่นหาว

โสมส่องสนองชุษณปักษ์           ศุภลักษณ์ลำยองคราว

ยั่งยิ้ม ณ ริมพิภพ(ะ)ราว             ทิพลาภบำเรอเรา

พิณฟ้า ณ ราตรี                           ธรณีสุโนกเนา

ส่งเสียงประสานเสา-                   วสภาพ พะนอสรวง

กลิ่นหล้านภาจร(ะ)จะปรน         สุวคนธ(ะ)บำบวง

เรณูดำรูรส(ะ) ณ พวง                 พน(ะ)พุ่มผกาไพร

น้ำค้างพะพร่างโปรย                  ชล(ะ)โชยชะดอกใบ

สุมทุมชะอุ่มใส                           ชิพ(ะ)สดเสมือนหมาย

ดึกดื่น ณ พื้นอุทย(ะ)ทิศ            สุริย์ฤทธิแพร่งพราย

ดาวเดือนก็เลือนรชนิ หาย         ระพิจ้าทิวาแทน

ค่ำคืนระรื่นรัก                             สุข(ะ)จักประจักษ์แสน

ราตรีฉะนี้แดน                             มธุรสธำรงเรือน

จริงหรือจะรักรมย(ะ)สุข            นิรทุกข์ระทมเยือน

โลฃกียสุขสุข(ะ)เสมือน               สุข(ะ)โลกอุดรหรือ?

 

คำฉันท์บทนี้ ฉันท่องจำได้ตั้งแต่เรียนชั้นประถมศึกษา สมัยเป็นเด็กอ่านแล้วแปลความไม่ได้ แต่สนใจที่จะท่องจำ เพราะจับใจกับคำที่อ่านไม่รู้เรื่อง ไม่ใช่ฉันล้อเธอเล่น ท่องเพราะจับใจกับความไพเราะของฉันท์ อ่านแบบไม่รู้คณะฉันท์ สิบกว่าปีต่อมาไม่น่าเชื่อว่า ฉันตั้งใจไปค้นหา ย้อนกลับไปอ่าน ฉันท์ บทนี้อีกครั้ง พบปรัชญาหลายประการซ่อนอยู่ในฉันท์บทนี้

และถ้าฉันบอกว่า ตั้งใจไปค้นฉันท์บทนี้มาเพราะ อยากคุยกับเธอ

เธอจะเชื่อฉันมั้ย

 

ภาค

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ภาค วันที่ตอบ 2008-03-15 

ผู้แสดงความคิดเห็น ภูสุภา วันที่ตอบ 2012-05-12 05:45:41


ความคิดเห็นที่ 7 (2272902)

ราตรี และ คิดถึง

ช่วงเวลายามราตรี หรือค่ำคืน เป็นทั้งช่วงเวลาที่ดีและช่วงเวลาที่เลวร้าย มีทั้งคุณและโทษ เสมือนกับชีวิตของมนุษย์ปุถุชนอย่างเรา ๆ นะพิณ 

ยามดึกดื่นค่ำคืน เทพเจ้าแห่งรัตติกาลโอบกลืนความสว่าง ถิ่นแดนแคว้นใดล้วนมืดมิดอนธกาล มิหนำซ้ำ บางครั้งท่านยังสำแดงพิโรธ ฉายแววโกรธ กราดเกรี้ยว ดลบันดาลให้บังเกิดพายุใหญ่พัดกระพือ โหมกระหน่ำ เสกสายฝนหล่นเทเป็นสาย เปรียบไปก็คล้ายกับชีวิตของมนุษย์ ชั่วเจ็ดทีดีเจ็ดหน ยามเมื่อประสบพบเจอกับอุปสรรคถาโถม สร้างความหม่นหมองในจิตใจ เหลียวไปทางใดก็พบแต่ความเคว้งคว้าง มืดมนหดหู่ ปนเปกับความหวั่นไหวหวาดวิตก 

แต่ดูเถิด ครั้นบางค่ำคืน เมื่อยามรัตติกาลอยู่ในสภาวะปกติ ท้องฟ้าแม้มืดมิดแต่กลับเต็มไปด้วย ดวงดาว (ดอกกุดั่นหาว) อันสุกสกาวรายล้อมรอบดวงจันทราคราข้างขึ้น (ชุษณปักษ์) แหงนมองดวงจันทรา คล้ายกับว่าดวงจันทราท่านกำลังยั่วยิ้มให้แก่เรา ช่างแสนงดงามยิ่งนัก เหล่านกกลางคืนและจักจั่นเรไร ร่ำร้องประสานปานประหนึ่งเสียง พิณ จากสรวงสรรค์ เหมือนชื่อของเธอ 

มวลหมู่บุปผชาตินานาพรรณ ส่งกลิ่นหอมฟุ้งจรุงใจ น้ำค้าง หยดใสๆ พร่างพราว โปรยปราย เหลือค้างอยู่ตามใบไม้ น้ำค้างยามเมื่อต้องแสงจันทร์ พลันระยิบระยับจับนัยน์ตา หมู่พรรณพฤกษาสดชื่น เขียวชะอุ่มชุ่มชื้น ค่ำคืนครานี้เปรียบได้กับชีวิตมนุษย์ยามเมื่อประสบกับความสุข ความสำเร็จในชีวิต มองไปทางใด ก็พบแต่สิ่งงดงามชื่นมื่นในหัวใจ 

ต่อเมื่อแสงอรุโณทัยไขแจ้งจากบูรพทิศ ปวงเดือนดาวทั้งหลายก็เลือนลา หายลับเสียสิ้น

ฤๅชีวิตมนุษย์ที่ใกล้ถึงวาระสุดท้าย สุขและทุกข์ ที่ได้ประสบพบเจอนั้น ล้วนเป็นเพียงมายา

สิ่งที่จะทำให้มนุษย์อย่างเรารู้แจ้งเห็นจริงในความสุขและความทุกข์ คือลำแสงแห่งธรรมาทิตย์ ลำแสงแห่งธรรมาทิตย์นี้ ปลุกเร้าเราให้ตื่นฟื้นจากความสลัวลาง ท่ามกลางยามรัตติกาลได้โดยสิ้นเชิง ถึงแม้นรัตติกาลจักเคยสร้างความสุข สลับกับความทุกข์ อย่างแสนอุกฤตให้กับมนุษย์เรา แต่ความสุขและความทุกข์นั้น หาได้เป็นภาวะที่สถิตเสถียร ความสุขความทุกข์เพียงชั่วข้ามคืนแห่งโลกียะ หรือจะมาเทียบเท่าความสว่าง สุขสถาวรแห่งโลกุตรธรรมได้ 

เขียนถึง คุยถึงฉันท์บทนี้ ราตรี ฉันนึกถึงผลงานอีกชิ้นหนึ่งของท่านผู้ประพันธ์ เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี

เพลง คิดถึง ที่เธอรักไงพิณ เธอเคยเล่าว่า เพลงนี้ประพันธ์โดยเจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี เธอฮัมเพลงนี้ให้ฉันฟังในยามรัตติกาลด้วย จำได้หรือเปล่า
ฉันท้วงว่า ท่วงทำนองช่างโหยหวน
อารมณ์เพลงเป็นอย่างนั้น เธอตอบฉัน
 


เพลง : คิดถึง

คำร้อง : เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี

ทำนอง : จากทำนองเพลงสากล “Gypsy Moon”

 

จันทร์กระจ่างฟ้า นภาประดับด้วยดาว

โลกสวยราวเนรมิตร ประมวลเมืองแมน

ลมโชยกลิ่นมาลา กระจายดินแดน

เรียมพี่แสนคะนึง ถึงน้อง นวลจันทร์

งามใดหนอจะพอทัดเทียบ เปรียบน้อง

เจ้างามต้องตาพี่ ไม่มีใครเหมือน

ถ้าหากน้องอยู่ด้วย และช่วยชมเดือน

โลกจะเหมือนเมืองแมน แม่นแล้ว นวลเอย

 

 

ฉันเริ่มเข้าใจเธอแล้ว พิณ
ทำไมเธอจึงรักและ คิดถึงเพลงคิดถึง
 



 

ผู้ตั้งกระทู้ ภาค :: วันที่ลงประกาศ 2008-03-1516:49:00

ผู้แสดงความคิดเห็น ภูสุภา วันที่ตอบ 2012-05-12 22:22:41



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.