ใน เวปไซต์ วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี http://th.wikipedia.org ได้บันทึกเกี่ยวกับเรื่อง อิลราชคำฉันท์ ไว้ความว่า
อิลราชคำฉันท์ เป็น วรรณคดี คำฉันท์ที่ได้รับการยกย่องว่าแต่งดี มีความไพเราะ และนิยมใช้เป็นแบบอย่างในการแต่งคำฉันท์มาช้านาน แม้จะมีความยาวเพียง 329 บท ตีพิมพ์เป็นหนังสือเล่มเล็กเพียง 36 หน้ากระดาษเท่านั้น นับเป็นคำฉันท์อีกเรื่องหนึ่งที่นักศึกษาวรรณคดีเอ่ยถึงเสมอ ผู้ประพันธ์อิลราชคำฉันท์คือ พระยาศรีสุนทรโวหาร (ผัน สาลักษณ) แต่งเมื่อครั้งยังมีบรรดาศักดิ์เป็นหลวง ที่ หลวงสารประเสริฐ
ในสมัยรัชกาลที่ 6 นับว่าเป็นยุคทองของวรรณคดีไทยอีกยุคหนึ่ง ด้วยองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นกวี ขณะเดียวกันการศึกษาในประเทศก็กว้างขวางมากขึ้น อีกทั้งยังมีนักเรียนไทยได้รับทุนการศึกษาไปเรียนในต่างประเทศ วงการวรรณกรรมจึงมีความคึกคักและเปลี่ยนไหวมากเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเป็นห่วงว่า ธรรมเนียมการแต่งคำประพันธ์อันงดงามแบบเดิมนั้น กำลังจะเลือนหายไป เพราะผู้คนจำนวนมากมองว่าเก่าคร่ำครึ ล้าสมัย จึงทรงแนะนำให้หลวงสารประเสริฐ (ในเวลานั้น) ได้แต่งหนังสือตามธรรมเนียมดั้งเดิมไว้บ้าง เพื่อเพิ่มพูนและผดุงรักษาวรรณศิลป์อย่างเดิมเอาไว้
หลวงสารประเสริฐยังไม่ได้แต่งหนังสือตามรับสั่ง เพราะยังหาเรื่องไม่ได้ แต่ครั้นเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์เรื่อง "บ่อเกิดรามเกียรติ์" หลวงสารประเสริฐได้อ่าน นิทานเรื่องอิลราช ในอุตตรกัณฑ์แห่งรามายณะ ก็ชอบใจ และเอามาเป็นเนื้อหาที่จะแต่งหนังสือตามรับสั่งดังกล่าว
ในสมัยรัชกาลที่ 6 นับว่าเป็นยุคทองของวรรณคดีไทยอีกยุคหนึ่ง ด้วยองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นกวี ขณะเดียวกันการศึกษาในประเทศก็กว้างขวางมากขึ้น อีกทั้งยังมีนักเรียนไทยได้รับทุนการศึกษาไปเรียนในต่างประเทศ วงการวรรณกรรมจึงมีความคึกคักและเปลี่ยนไหวมากเป็นพิเศษ
อย่างไรก็ตาม พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเป็นห่วงว่า ธรรมเนียมการแต่งคำประพันธ์อันงดงามแบบเดิมนั้น กำลังจะเลือนหายไป เพราะผู้คนจำนวนมากมองว่าเก่าคร่ำครึ ล้าสมัย จึงทรงแนะนำให้หลวงสารประเสริฐ (ในเวลานั้น) ได้แต่งหนังสือตามธรรมเนียมดั้งเดิมไว้บ้าง เพื่อเพิ่มพูนและผดุงรักษาวรรณศิลป์อย่างเดิมเอาไว้
หลวงสารประเสริฐยังไม่ได้แต่งหนังสือตามรับสั่ง เพราะยังหาเรื่องไม่ได้ แต่ครั้นเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์เรื่อง "บ่อเกิดรามเกียรติ์" หลวงสารประเสริฐได้อ่าน นิทานเรื่องอิลราช ในอุตตรกัณฑ์แห่งรามายณะ ก็ชอบใจ และเอามาเป็นเนื้อหาที่จะแต่งหนังสือตามรับสั่งดังกล่าว
เนื้อเรื่อง ในนครพลหิกา มีกษัตริย์ครองนคร ทรงพระนามว่า ท้าวอิลราช เป็นกษัตริย์ที่เปี่ยมด้วยคุณธรรม วันหนึ่งในวสันตฤดู ทรงออกป่าล่าสัตว์พร้อมบริวาร จนถึงตำบลที่กำเนิดของพระขันทกุมาร ในเวลานั้น พระอิศวรกำลังล้อเล่นกับพระอุมา ชายา ทรงจำแลงกายเป็นสตรี และบันดาลให้ทุกสิ่งในนั้นเป็นสตรีทั้งหมด ครั้นเมื่อท้าวอิลราชและข้าราชบริพารผ่านเข้าไปในป่าดังกล่าว ก็กลายเป็นสตรีไปทั้งหมดครั้นเมื่อท้าวอิลราชกลายเป็นสตรี ก็ตกใจ ทูลขออภัยจากพระอิศวร พระอิศวรไม่ทรงยอม แต่พระอุมาเทวีประทานพรให้กึ่งหนึ่ง คือเป็นบุรุษและสตรีสลับกันไปเดือนละเพศ เมื่อเป็นบุรุษ ชื่อ อิราช เมื่อเป็นสตรี ชื่อนางอิลาเมื่อถึงเดือนที่เป็นสตรี นางอิลาและบริวารสตรีพากันไปเที่ยวเล่นในป่า และเผอิญพบกับพระพุธ ที่กำลังบำเพ็ญตบะในป่า นางอิลาได้อยู่เป็นชายาของพระพุธ จนครบเดือน เมื่อเป็นบุรุษ ก็ลืมความเป็นไปในภาคสตรีเพศ และเป็นเช่นนี้กระทั่งเก้าเดือน นางอิลาก็ให้ประสูติกุมารองค์หนึ่ง พระพุธให้นามว่า ปุรุรพเมื่อท้าวอิลราชคืนมาเป็นบุรุษ พระพุธเห็นใจ จึงประชุมมหาฤษีเพื่อหาทางแก้ไขคำสาปให้แก่ท้าวอิลราช ในที่สุดที่ประชุมตกลงทำพิธีอัศวเมธ ทำให้ท้าวอิลราชคืนมาเป็นเพศบุรุษอีกครั้ง
คำประพันธ์ อิลราชคำฉันท์ แต่งด้วยคำประพันธ์ประเภทฉันท์ ประกอบด้วยฉันท์ชนิดต่างๆ 15 ชนิด เป็นกาพย์ 2 ชนิด คือ กาพย์ฉบัง และกาพย์สุรางคนางค์ ฉันท์ในเรื่องนี้ ได้แก่ กมลฉันท์, โตฏกฉันท์, ภุชงคประยาตฉันท์, มาณวกฉันท์, มาลินีฉันท์, วสันตดิลกฉันท์, สัททุลวิกกีฬิตฉันท์, สัทธราฉันท์, สาลินีฉันท์, อินทรวิเชียรฉันท์, อินทวงศ์ฉันท์, อีทิสังฉันท์, อุปชาติฉันท์, อุปัฏฐิตาฉันท์ และ อุเปนทรวิเชียรฉันท์
ตัวอย่างคำประพันธ์
อินทวงศ์ฉันท์ 12
พรหมจรรย์กระเจิงล่ม.............ประลุพรหมพิภพลบน พ่ายพักตร์สุภณทน...................บ มิไหวคระไลกระจาย กรรมร้อนบห่อนกรุ่น...............เพราะพิรุณประโปรยประปราย กองเพลิงเถกิงกราย...................ติณแห้งบแหนงบหนี ผาณิตผิชิดมด..............................ฤจะอดบอาจจะมี แม่เหล็กฤเหล็กดี........................อยยั่วก็พัวก็พัน พื้นภพอำเภอภพ........................ก็ประสบเสมอสวรรค์ อยู่ชั่วนิรินดร์กัลป์.......................อวสานประมาณประเมิน (อิลราชคำฉันท์)
พจนานุกรมไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 ฉบับออนไลน์ http://rirs3.royin.go.th ให้คำจำกัดความของคำว่า อย ไว้ความว่า
อย, อยัส [อะยะ, อะยัด] น. เหล็ก. (ป. อย; ส. อยสฺ).
ส่วน อัยการ [ไอยะ] น. การของเจ้า; (โบ) ตัวบทกฎหมาย เรียกว่า พระอัยการ; (กฎ) ชื่อสำนักงานที่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการดำเนินคดีอาญาทั้งปวง ดำเนินคดีแพ่งและให้คำปรึกษาด้านกฎหมายแก่รัฐบาลและหน่วยงาน ของรัฐ คุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนและอำนาจหน้าที่ตาม ที่กำหนดไว้ในกฎหมาย เรียกว่า สำนักงานอัยการสูงสุด, เดิมเรียกว่า กรมอัยการ, ถ้าหมายถึงเจ้าพนักงานผู้ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะทนายแผ่นดิน เพื่ออำนวยความยุติธรรมรักษาผลประโยชน์ของรัฐ และคุ้มครองสิทธิและ เสรีภาพของประชาชน เรียกว่า พนักงานอัยการ หรือ ข้าราชการอัยการ, เจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ฟ้องผู้ต้องหาต่อศาล ทั้งนี้ จะเป็นข้าราชการ ในสำนักงานอัยการสูงสุดหรือเจ้าพนักงานอื่นผู้มีอำนาจเช่นนั้นก็ได้, โบราณเรียกว่า พนักงานรักษาพระอัยการ ยกกระบัตรหรือ ยกบัตร.
อย+อาการ=อาการแข็งดังเหล็ก
หลายท่านคงเคยได้ยินคนพูดกันว่า แข็งแค่ไหนเงินก็ง้างได้ นี่ล่ะครับที่มาของคำว่า อัยการ
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=tao
|