ReadyPlanet.com


ประกาศผล “เซเว่นบุ๊คอวอร์ด ครั้งที่ 9 ปี 2555”


ประกาศผล “เซเว่นบุ๊คอวอร์ด ครั้งที่ 9 ปี 2555”

ประเภทสารคดีมาแรง “เรื่องเล่าจากร่างกาย” โดย นายแพทย์ชัชพล เกียรติขจรธาดา
และ “เพื่อรอยยิ้มเมื่อสิ้นลม เล่ม 1-2” โดย สง่า ลือชาพัฒนพร คว้ารางวัลชนะเลิศ

ซีพี ออลล์ ผลักดันผลงานเขียนคุณภาพประดับวงการอีกครั้ง หลังจากที่มีผลงานหนังสือส่งเข้าประกวดอย่างต่อเนื่องประจำทุกปีและประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ในปีนี้ได้จัดงานประกาศผล เซเว่นบุ๊คอวอร์ด ครั้งที่ 9 ปี 2555 มีผลงานส่งประกวดเพิ่มจากปีที่แล้ว 27% จำนวนทั้งสิ้น 280 เรื่อง โดยประเภทสารคดีมีผู้เข้าส่งผลงานมากที่สุด ผู้ชนะเลิศจะได้รับโล่พระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และเงินรางวัล 100,000 บาท โดยประเภทสารคดี “เรื่องเล่าจากร่างกาย” เขียนโดย นายแพทย์ชัชพล เกียรติขจรธาดา และ “เพื่อรอยยิ้มเมื่อสิ้นลม เล่ม 1-2” เขียนโดย สง่า ลือชาพัฒนพร ได้รับรางวัลชนะเลิศร่วมกัน ส่วนประเภทนวนิยายเรื่อง มี 2เล่มคว้ารางวัลชนะเลิศคือ “โถงสีขาว” เขียนโดย เข็มพลอย และ “ในรูปเงา” เขียนโดย เงาจันทร์

นายก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น ร้านอิ่มสะดวกของคนไทย เปิดเผยว่า รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ครั้งที่ 9 ประจำปี 2555 ได้รับเกียรติจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากวงการนักเขียนไทยในแต่ละสาขา เป็นคณะกรรมการตัดสิน คือ ประเภทกวีนิพนธ์ ประธานคณะกรรมการคือ นายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ประเภทนวนิยาย ประธานคณะกรรมการคือ ศ.ดร.รื่นฤทัย สัจจพันธุ์ ประเภทวรรณกรรมสำหรับเยาวชน ประธานคณะกรรมการคือ พจมาน พงษ์ไพบูลย์ ประเภทรวมเรื่องสั้น ประธานคณะกรรมการคือ นายประภัสสร เสวิกุล ประเภทสารคดี (ทั่วไป) ประธานคณะกรรมการคือ ศ.กีรติ บุญเจือ ประเภทนิยายภาพ (การ์ตูน) ประธานคณะกรรมการคือ นิวัฒน์ ธาราพรรค์ ผลการตัดสินมีดังนี้

ประเภทสารคดี (ทั่วไป) รางวัลชนะเลิศ ได้แก่เรื่อง เรื่องเล่าจากร่างกาย โดย นายแพทย์ชัชพล เกียรติขจรธาดา และเรื่องเพื่อรอยยิ้มเมื่อสิ้นลม เล่ม 1-2 โดย สง่า ลือชาพัฒนพร เครือข่ายพุทธิกาเพื่อพระพุทธศาสนาและสังคมไทย รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ไม่มีเรื่องใดได้รับรางวัล รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 เรื่อง อิสรภาพบนเส้นบรรทัด ๑๓ นักโทษประหาร โดย ผู้ต้องขังเรือนจำกลางบางขวาง สำนักพิมพ์สารคดี

ประเภทนวนิยาย รางวัลชนะเลิศ เรื่อง โถงสีเทา โดย เข็มพลอย (ยุวดี ต้นตระกูลรุ่งเรือง)สำนักพิมพ์เพื่อนดี และเรื่อง ในรูปเงา โดย เงาจันทร์ (อำไพ สังข์สุข) แพรวสำนักพิมพ์ รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 เรื่อง ในอ้อมกอดกาลี โดย มหรรณพ โฉมเฉลา สำนักพิมพ์มติชน รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ไม่มีเรื่องใดได้รับรางวัล

ประเภทกวีนิพนธ์ รางวัลชนะเลิศ ไม่มีเรื่องใดได้รับรางวัล รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 เรื่อง บ้านในหมอก โดย สุขุมพจน์ คำสุขุม (สุขุม คำภูอ่อน) สำนักพิมพ์กากะเยีย และ เรื่อง หัวใจห้องที่ห้า โดย อังคาร จันทาทิพย์ สำนักพิมพ์ผจญภัย รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 เรื่อง ดอกไม้ดอกสุดท้าย โดย ศักดิ์สิริ มีสมสืบ (กิตติศักดิ์ มีสมสืบ) สำนักพิมพ์สามัญชน

ประเภทวรรณกรรมสำหรับเยาวชน รางวัลชนะเลิศ ไม่มีเรื่องใดได้รับรางวัล รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 เรื่อง จากวันจันทร์ของชีวิต…วันศุกร์จะต้องมาถึง โดย ภาณุมาศ ภูมิถาวร (ภาจิรา เปลวจันทร์) สำนักพิมพ์มิ่งมิตร รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 เรื่อง ตามหาสรวงสวรรค์ โดย ศรินธร ภัศดาวงศ์ สำนักพิมพ์แพรวเยาวชน และเรื่อง โลกใบเล็กของหนูติ๊ด โดย เก็น กวี (ปัทมา เกียรติบุญญฤทธิ์) สำนักพิมพ์ ‘ษาริน

ประเภทรวมเรื่องสั้น รางวัลชนะเลิศ เรื่อง เวลาของชาติ โดย กิติวัฒน์ ตันทะนันท์ รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 เรื่อง ภาพยนตร์ที่ถ่ายทำตลอดชีวิต โดย จักรพันธุ์ กังวาฬ ลายแฝดสำนักพิมพ์รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 เรื่อง บันไดกระจก โดย วัฒน์ ยวงแก้ว สำนักพิมพ์มติชน

ประเภทนิยายภาพ (การ์ตูน) รางวัลชนะเลิศ เรื่อง ณ กาลครั้งหนึ่งซึ่งมีรัก วาดภาพโดย ธีรภัทร อังคณาภิวัฒน์ (แอ้ม) ประพันธ์โดย วราห์ชา สถาบันการ์ตูนไทย มูลนิธิเด็ก รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 เรื่อง Walking melody II วาดภาพและประพันธ์โดย วีระชัย ดวงพลา, วลัยกร สมรรถกร, ทรงวิทย์ สี่กิติกุล, สุทธิชาติ ศราภัยวานิช, ชัยพร พานิชรุทติวงศ์, องอาจ ชัยชาญชีพ, สมคิด เปี่ยมปิยชาติสำนักพิมพ์ฟูลสต๊อป รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 เรื่อง โรงเรียนทะเล เล่ม 2 ตอน เรื่องเขย่าขวัญพิศวงดงปะการัง วาดภาพและประพันธ์โดย วนิดา นิรมร มีดีคอมมิค บริษัท โพลีกอน วิซาด จำกัด

ประเภทนักเขียนรุ่นเยาว์ หมวดนวนิยายขนาดสั้น ไม่มีเรื่องใดได้รับรางวัลชนะเลิศ รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 และรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 หมวดรวมเรื่องสั้น ไม่มีเรื่องใดได้รับรางวัลชนะเลิศ รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 และรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 หมวดกวีนิพนธ์ รางวัลชนะเลิศ เรื่อง สยามสิกขานุโยก โดย สิทธิศักดิ์ บุญมา รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 เรื่อง ภาพผ่านตา ภาษาผ่านใจ โดย กมล คูคีรีเขต รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 เรื่อง เพชรแผ่นดิน โดย นิติกรณ์ ตั้งหลัก หมวดนิยายภาพ (การ์ตูน) รางวัลชนะเลิศ เรื่อง Seed of Dream โดย วรพรต ก่อเจริญวัฒน์ รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 เรื่อง The Nature’s Soul จิตวิญญาณแห่งธรรมชาติ โดย Pattamaporn C. (ปัทมพร ชัยศุภกิจสินธ์) และรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 เรื่อง นักประดาน้ำ โดย ทีมปลาหมึกบนดวงจันทร์ (ดวงหทัย โสตถิเสาวภาคย์ และ ธนสรณ์ บุญลือ)

“เซเว่นบุ๊คอวอร์ดกำลังก้าวสู่ปีที่ 10 ในปี 2556 บริษัทมุ่งหวังสร้างและส่งเสริมให้นักเขียนไทยพัฒนาฝีมือให้มีคุณภาพมากขึ้น เมื่อประเทศไทยก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน องค์ความรู้ต่างๆ ที่เกิดจากการอ่าน และผลงานเขียนที่ออกสู่ตลาดอย่างมีคุณภาพ ย่อมเป็นส่วนสำคัญของสังคมแห่งประเทศที่เจริญ ประเทศไทย นอกจากจะต้องพัฒนาในด้านทักษะ ฝีมือ ความชำนาญเฉพาะด้านแล้ว การให้ความสำคัญกับทรัพยากรมนุษย์ ด้วยการพัฒนาด้านข้อมูลข่าวสาร เพื่อให้เกิดความรู้และความคิดที่จะนำไปต่อยอดวิเคราะห์เพื่อใช้ประโยชน์ได้จริง ผลงานของนักเขียนไทยที่ได้รับรางวัล จะเป็นที่ประจักษ์ต่อวงการและกลุ่มผู้อ่านทั่วไปที่ยังแสวงหาหนังสือดีมีคุณภาพให้ลูกหลานของเราได้อ่านกัน ซึ่งซีพีออลล์ยังคงมุ่งมั่นส่งเสริมคนไทยให้รักการอ่าน และเขียนหนังสือมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง การประกวดนี้ จะเป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ในด้านการเขียน” นายก่อศักดิ์ กล่าว

ทั้งนี้ ผู้ชนะเลิศ “เซเว่นบุ๊คอวอร์ด” จำนวน 6 ประเภท จะได้รับรางวัลเงินสด 100,000 บาท พร้อมโล่พระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี รองชนะเลิศอันดับ 1 ได้รับเงินรางวัล 50,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) รองชนะเลิศอันดับ 2 ได้รับเงินรางวัล 30,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) สำหรับประเภทนักเขียนรุ่นเยาว์ รวม 4 หมวด คือ นวนิยายขนาดสั้น รวมเรื่องสั้น กวีนิพนธ์ และนิยายภาพ (การ์ตูน) ผู้ชนะเลิศจะได้รับรางวัลเงินสด 15,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร รองชนะเลิศอันดับ 1 ได้รับเงินรางวัล 10,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร และรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้รับเงินรางวัล 5,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร เพื่อเป็นกำลังใจในการสร้างสรรค์งานเขียนต่อไป

งานรับโล่พระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโครงการประกวดหนังสือดีเด่นรางวัล “เซเว่นบุ๊คอวอร์ด” ครั้งที่ 9 ประจำปี 2555 แก่ผู้ชนะเลิศ รวมถึงรางวัลอื่น ๆ มีกำหนดจะจัดขึ้นในวันที่ 8 สิงหาคม นี้ เวลา 13.00 น. เป็นต้นไป ณ ห้องนภาลัย โรงแรมดุสิตธานี

ที่มา http://books.magazinewoof.com/?p=298

 



ผู้ตั้งกระทู้ ประชาสัมพันธ์ :: วันที่ลงประกาศ 2012-07-18 22:38:53


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (2287661)

 ประเภทสารคดี (ทั่วไป) : เรื่องเล่าจากร่างกาย


เป็นหนังสือวิทยาศาสตร์ที่อ่านง่าย โดยเล่าเรื่องการทำงานของร่างกายและสมองของมนุษย์ผ่านวิวัฒนาการ อันจะช่วยให้เราเดินผ่านปัจจุบันสู่อนาคตได้อย่างเหมาะสม เป็นเรื่องที่มนุษย์ทุกคนควรรู้ ส่งเสริมให้เกิดความมั่นคงทางจิตใจ ไม่อ่อนไหวง่าย

ผู้เขียนมีกระบวนการหาข้อมูลมารวบรวมได้อย่างน่าทึ่ง มีกลวิธีการเขียนที่เรียบง่าย ชัดเจน และเลือกประเด็นที่หาได้ยากในหนังสือไทย โดยใช้ความพยายามในการเขียนอธิบายได้อย่างน่ามหัศจรรย์ใจ

“เรื่องเล่าจากร่างกาย” จัดเป็นหนังสือสารคดีที่มีเนื้อหาหลากหลาย โดยมีจุดศูนย์กลางของมนุษย์ที่นักปรัชญาเรียกว่า “อนุจักรวาล” ซึ่งผู้เขียนบรรจงเลือกคำพูดและสำนวนโวหารเพื่อจูงใจผู้อ่านให้ติดตามเรื่องได้อย่างต่อเนื่อง ไม่น่าเบื่อ มีความสนุกเพลิดเพลิน คลุกเคล้าด้วยสาระความรู้ที่น่ารู้ และมีประโยชน์ตลอดทั้งเล่ม เป็นหนังสือที่จุดประกายความคิด พัฒนาสำนึกเชิงสร้างสรรค์ชีวิตและสังคมอย่างยิ่ง
 


 
ประเภทสารคดี (ทั่วไป) : เพื่อรอยยิ้มเมื่อสิ้นลม เล่ม 1-2

บันทึกเรื่องจริงที่เล่าผ่านประสบการณ์ของ พยาบาล โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ในการช่วยเหลือผู้ป่วยระยะสุดท้าย ที่นอกจากจะมีทุกข์ทางกายแล้ว ยังมีทุกข์ทางจิตใจ ทำให้ผู้ป่วยสามารถยิ้มได้เมื่อสิ้นลม นับเป็นแบบอย่างที่ดีของความเห็นอกเห็นใจ ความเสียสละเพื่อผู้อื่น ความสุขที่แท้จริงเกิดจากการให้ยิ่งกว่าการรับ คุณค่าความเป็นมนุษย์ สมบูรณ์ได้ด้วยการทำความดี มีเมตตา กรุณา ช่วยเหลือผู้อื่น โดยไม่หวังผลตอบแทน

ผู้เขียนใช้เวลาถึง 2 ปี เพื่อพูดคุย รวบรวมเรื่องราว สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามในการเก็บข้อมูลที่รอบด้าน ทำให้คนอ่านตระหนักว่า ความตายเป็นเรื่องใกล้ตัว ชีวิตกับความตายนั้นเป็นของคู่กัน เสริมส่งให้ผู้อ่านมีสติในการดำเนินชีวิต เข้าใจถึงสัจธรรมแห่งธรรมชาติ ที่ให้ความเป็นธรรมกับทุกชีวิตโดยเท่าเทียมกัน คือความตายและความไม่เที่ยงแท้แน่นอน

เป็นการเล่าเรื่องด้วยภาษาง่ายๆ สั้น กระชับ แต่สะเทือนใจให้แง่คิด ทรงคุณค่าทางวรรณศิลป์ จึงเป็นหนังสือสำหรับการเตรียมตัวในเรื่อง “มรณานุสติ” ที่ดียิ่ง


ประเภทนวนิยาย: โถงสีเทา

หากเปรียบชาตกรรมเป็น สีขาว ซึ่งหมายถึงจุดเริ่มต้นอันสว่างไสวของการเกิด และมรณกรรมเป็น สีดำ ซึ่งหมายถึง การดับวูบของแสงแห่งชีวิตไปสู่ความมืดมนอนธกาลของเขตแดนแห่งการไม่หวนคืน สีเทา ที่อยู่ระหว่างภาวะแห่งการเปลี่ยนผ่านนี้คงได้แก่ ความเจ็บไข้จากโรคาพยาธิและการเสื่อมไปของสังขาร

ภายใน “โถงสีเทา” ซึ่งเป็นฉากหลักของนวนิยายชื่อเรื่องเดียวกันนี้ ผู้เขียนคือ “เข็มพลอย” ได้นำขั้วตรงข้ามหลายขั้ว ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นสีดำ-สีขาวมาเผชิญหน้ากัน บางครั้งนำมาผสมผสานกันจนเป็นสีเทา หลายครั้งได้สลายขั้วตรงกันข้ามนั้นและคลี่คลายไปสู่ความเข้าใจร่วมกัน

ผู้เขียนได้หยิบยื่นพื้นที่อันเท่าเทียมกันให้แก่ตัวละครหลัก 2 กลุ่ม คือ แพทย์ และ ผู้ป่วย ได้เปล่งเสียงของตนออกมา ผู้ป่วยโรคมะเร็งต้องต่อสู้ระหว่างความเป็น-ความตาย การรอดชีวิต-การพ่ายแพ้ต่อโรคร้าย รวมถึงชะตากรรมในเงื้อมมือญาติหรือคนในครอบครัวที่เลือกจะดูแลผู้ป่วยด้วยความเข้าใจหรือปล่อยไปตามยถากรรม ส่วนแพทย์เอง ได้เผชิญหน้ากับหลายประเด็นที่เป็นกรณีวิพากษ์อันเผ็ดร้อนในสังคม เป็นต้นว่า จรรยาบรรณของแพทย์ การแปรเปลี่ยนอาชีพอันทรงเกียรติไปในเชิงพาณิชย์ การที่คนไข้หรือญาติคนไข้ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย หรือการร้องเรียนเนื่องจากการรักษาบกพร่อง จุดเด่นจุดด้อยของโรงพยาบาลรัฐ และโรงพยาบาลเอกชน ซึ่งครอบคลุมถึงการบริหารจัดการระบบสาธารณสุขโดยรวม มุมมองด้านลบต่อสถาบันการรักษาพยาบาล ได้รับการทำให้สมดุลผ่านทัศนะและภาพการทำงานของแพทย์กลุ่มหนึ่งที่ยังคงรักษาอุดมคติในการอุทิศตนให้แก่การผดุงชีวิตมนุษย์ ผู้อ่านได้เห็นภาพและเกิดความเข้าใจในการทำงานและสภาพจิตใจของคนทั้งสองฝ่ายเป็นอย่างดี

ท่ามกลางการชักเย่อระหว่างความเป็นและความตายในห้องโถงสีเทาอันเคร่งเครียด ผู้แต่งบรรเทาความหดหู่ของผู้อ่านด้วยการสอดแทรกสุนทรียะทางดนตรีเติมแต้มไปในฉากต่างๆ เพื่อให้เห็นว่าในท่ามกลางความเศร้าหมองเป็นทุกข์ของผู้ป่วยไข้และเหล่าญาติ ยังมีมิตรอารีผู้ให้กำลังใจด้วยเสียงดนตรี และด้วยการช่วยเหลือให้คำแนะนำ นอกจากนี้ ผู้เขียนไม่บกพร่องในการนำเสนอความเป็นนิยายที่ชวนติดตามผ่านความรักของหนุ่มสาวสองคู่ซึ่งมีปัญหาหนักที่ต้องตัดสินใจเพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดสำหรับการครองชีวิตคู่ อันทำให้ โถงสีเทา เป็นนวนิยายที่มีความสมดุลระหว่างการนำเสนอความจริงของชีวิต และสังคมกับความเป็นนวนิยายที่อ่านแล้วรื่มรมย์ใจ

ประเภทนวนิยาย: ในรูปเงา

นวนิยายเล่มบางเรื่อง ในรูปเงา ของ เงาจันทร์ ผูกเรื่องจากปมของความรักและความแค้นอันเป็นกิเลสสำคัญที่สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตมนุษย์จากหน้ามือเป็นหลังมือ นวนิยายเรื่องนี้ใช้โครงเรื่องตามขนบที่นิยมกันแบบหนึ่ง คือ โครงเรื่องรักสามเส้า ซึ่งมี 2 วงเหลื่อมซ้อนกัน วงแรกคือ ความรักของพร้อม พลิ้ว และเจ้าดอกรุงรัง ซึ่งเป็นวัวที่พร้อมซื้อมาให้พลิ้วเลี้ยงตั้งแต่ยังเล็ก แต่เขาเคยเฆี่ยนตีมันอย่างรุนแรงเพื่อระบายความเจ็บแค้นในใจ เจ้าดอกรุงรังจึงอาฆาตแค้นพร้อมไม่รู้เลิกรา พลิ้วจึงมีทั้งความรักและความแค้นให้เจ้าวัวเลี้ยงของตนไปพร้อมๆ กัน รักสามเส้าวงที่สองคือ ความรักของพร้อม พลิ้ว และว่าน พลิ้วรักว่าน แต่ว่านรักพร้อม ส่วนพร้อมที่รักลูกชายของตนจึงยอมเก็บงำความลับเร้นเอาไว้ เมื่อพลิ้วล่วงรู้โศกนาฏกรรมจึงเกิดขึ้น เจ้าดอกรุงรังและว่านจึงพรากพร้อมและพลิ้วให้จากกันชั่วนิรันดร์กาล

นวนิยายเรื่องนี้เป็นงานวรรณศิลป์ที่นำเสนอเรื่องเสน่หาอารมณ์อันเป็นธรรมชาติของสรรพสัตว์ นอกจากความรักความใคร่ของมนุษย์แล้ว ฉากของวัวหนุ่มกับวัวสาวที่กำลังติดสัด จริตของวัวสาวที่เย้ายวนวัวหนุ่มที่มันหมายปอง วัวสาวที่ใจเสรีที่เลือกวัวหนุ่มแปลกหน้ามากกว่าวัวหนุ่มในฝูง ฉากหึงหวงของเหล่าวัวหนุ่มกลัดมันที่กลุ้มรุมทำร้ายวัวต่างถิ่นที่ได้ใจวัวสาวไปครอง ฉากอันน่าตื่นเต้นระทึกใจเหล่านี้ล้วนเป็นภาพสะท้อนของพฤติกรรมมนุษย์อย่างแยบคาย ดังนั้น เหล่าวัวในท้องทุ่ง โดยเฉพาะเจ้าดอกรุงรัง จึงไม่ใช่เป็นเพียงสัตว์เลี้ยงประกอบฉากทุ่งนา หากแต่เป็นเงาสะท้อนกลับไปกลับมาระหว่างธรรมชาติสัตว์กับธรรมชาติมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉากจบของเรื่อง การชำระแค้นตามสัญชาตญาณของสัตว์ที่ถูกทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส กับการคุมแค้นของมนุษย์จนสามารถปล่อยให้ความตายเกิดขึ้นต่อหน้าโดยไม่แยแสกลมกลืนรวมเป็นเนื้อเดียวกันจนไม่มีอะไรแตกต่าง ไม่ว่าคนหรือสัตว์ล้วนมีความดิบเถื่อนของสัญชาตญาณมืด

หากขาดการควบคุมเสียแล้ว มนุษย์ผู้ประเสริฐก็ไม่ต่างจากสัตว์เดรัจฉาน เพียงวาบเดียวของโทสะจริตก็สามารถทำลายความรักและบุคคลที่รักได้จนหมดสิ้น นวนิยายเรื่องนี้จึงเป็นโศกนาฏกรรมที่บีบหัวใจผู้อ่านไม่แพ้นวนิยายรักคลาสสิคในอดีต

ในรูปเงา เป็นนวนิยายที่สามารถตรึงผู้อ่านไว้กับตัวหนังสือตั้งแต่หน้าแรกไปจนหน้าสุดท้าย ระหว่างที่อ่านจะรู้สึกว่าเส้นประสาทกล้ามเนื้อขมวดเขม็งบิดเกลียวอยู่ข้างใน ใจเต้นระทึกตึกตัก บางครั้งรู้สึกเหมือนลืมหายใจ จนต้องระบายลมหายใจเฮือกใหญ่ที่กลั้นไว้อย่างไม่รู้ตัวเมื่อปิดหน้าหนังสือลง

ประเภทรวมเรื่องสั้น: เวลาของชาติ

“เวลาของชาติ” เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นจำนวน 8 เรื่องของ กิติวัฒน์ ตันทะนันท์ ที่มีความโดดเด่นทั้งในด้านเนื้อหาและวรรณศิลป์ ผู้แต่งนำเสนอเหตุการณ์และเรื่องราวอันหลากหลายของผู้คนในสังคม โดยเน้นย้ำถึงเบื้องลึกของความคิด อารมณ์ และความรู้สึก ซับซ้อนลุ่มลึกภายในตัวตนของมนุษย์ต่างสถานะ ต่างเพศ และต่างวัย บางเรื่องกล่าวถึงความรู้สึกโหยหาอดีตอันเปี่ยมสุข ได้แก่เรื่อง “เวลาของชาติ” บางเรื่องกล่าวถึงอารมณ์เหงาเศร้าร้าวรานของคนชราที่ปรารถนาจะได้รับไออุ่นจากลูกหลาน ได้แก่เรื่อง “บ้านสัตว์เลี้ยง” บางเรื่องกล่าวถึงมิติแห่งความรักและความสัมพันธ์ของหนุ่มสาวในปัจจุบันสมัย ได้แก่เรื่อง “วีณา” ฯลฯ 

ผู้แต่งมีความสามารถในการใช้ภาษาที่มีพลัง กินใจ และประทับใจ เลือกใช้ลีลาโวหารในแต่ละเรื่องได้อย่างสอดคล้องกับเนื้อหา เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นร่วมสมัยที่ควรค่าแก่การอ่านอย่างยิ่งเล่มหนึ่ง

ประเภทนิยายภาพ (การ์ตูน): ณ กาลครั้งหนึ่งซึ่งมีรัก (Once Upon A Time...of Love)

เรื่อง “ณ กาลครั้งหนึ่งซึ่งมีรัก” เป็นหนังสือรวมนิยายภาพสั้นๆ 6 เรื่องไว้ในเล่มเดียวกัน แต่ละเรื่องมีวิธีการนำเสนอเนื้อหาและภาพได้ดีมาก มีความทันสมัยทั้งด้านเทคนิคการวาดและจัดองค์ประกอบภาพ อีกทั้งการใช้สีในการวาดก็ช่วยเสริมบรรยากาศ สร้างอารมณ์ให้คล้อยตามไปกับเนื้อหาที่ดำเนินไป และผู้เขียนสามารถวาดภาพแสดงความรู้สึกของใบหน้าตัวละครบ่งบอกอารมณ์ได้ดี ทำให้ส่งเสริมเรื่องให้ดูสมจริงขึ้น ทั้งภาพและสีของทุกเรื่องมีความกลมกลืนกันทั้งเล่ม

“ณ กาลครั้งหนึ่งซึ่งมีรัก” เป็นผลงานการ์ตูนที่ถ่ายทอดเรื่องราวความรักของมนุษย์ในหลากแง่มุม หลายอารมณ์ ผ่านมุมมองของนาฬิกาทราย เสนอเรื่องราวของความรักความผูกพันระหว่างพ่อ แม่ ลูก ความรักที่มีความอบอุ่น ห่วงใย ความเข้าใจ ห่วงหาอาทร และความสูญเสีย แสดงให้เห็นช่วงชีวิต ภาระหน้าที่การงาน การดำเนินชีวิต เนื้อเรื่องที่ลึกซึ้งกินใจ สามารถดึงความรู้สึกพื้นฐานในตัวตนของมนุษย์ออกมาให้ผู้อ่านมองเห็นได้ชัดเจน สามารถชี้ให้เห็นความเป็นจริงของชีวิต ให้แง่คิดที่ดี ให้ความรู้สึกสะเทือนอารมณ์ อ่านแล้วทำให้ตระหนักถึงคุณค่าของความรักและเสริมคุณค่าทางใจ

ผู้แสดงความคิดเห็น ประชาสัมพันธ์ วันที่ตอบ 2012-07-18 23:05:41


ความคิดเห็นที่ 2 (2289469)

ขอแสดงความยินดีกับผู้ได้รับรางวัลครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น ปรัชญ์ วลีพร (peeramit07-at-hotmail-dot-co-dot-th)วันที่ตอบ 2012-07-26 12:53:35



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.