ReadyPlanet.com


"..ดอกไม้จะผลิบาน"


"..ดอกไม้จะผลิบาน"

 
 
คืนนี้...ดอกไม้จะผลิบาน
บนลานในกระถางข้างต้นหญ้า
โอนเอนตามสายลมพัดพรมมา
ส่งยิ้มไปถึงฟ้ากลางราตรี
 
คืนนี้...ดอกไม้จะผลิบาน
ดอกใบกิ่งก้านจะสดสี
ส่งกลิ่นอ่อนอ่อนขจรขจี
มีแมลงเป็นบริวาร
 
ชื่นชื้น...ด้วยน้ำค้าง
จะแต้มกลีบอันบอบบางและกิ่งก้าน
เห็นไหม...ดอกไม้จะบาน
ใต้แสงรัตติกาลฟ้าห่มดิน
 
ดอกเอ๋ยดอกดอกไม้กลีบใบคลี่
ราเอ๋ยราราตรีจรุงกลิ่น
เสียงเอ๋ยเสียงเสียงหนึ่งพึ่งเคยยิน
น้ำไหลกระทบหินเป็นชั้นชั้น
 
หลับตา...
จินตนาการนึกฝัน
ดอกไม้ใต้แสงจันทร์
ดอกไม้นั้น...บานแล้ว ในหัวใจ
 
 
"รัตนโกสินทร์ศก"


ผู้ตั้งกระทู้ รัตนโกสินทร์ศก :: วันที่ลงประกาศ 2011-01-04 23:43:33


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (2142518)

"การผลิตซ้ำ" อาจจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ อาจจะต่างมุมมอง อาจจะต่างกาลเวลา  แต่มักจะถูกความเจิดจ้าของผลงานที่ยิ่งใหญ่ของกวีในอดีตกลบไว้เสียแล้ว ขออภัยที่ยังจำแต่ของเก่าๆ

"ดอกไม้จะบาน" ของ จิระนันท์ พิตรปรีชา

ดอกไม้ ........................ดอกไม้จะบาน
บริสุทธิ์กล้าหาญ .........จะบานในใจ
สีขาว ............................หนุ่มสาวจะใฝ่ 
แน่วแน่แก้ไข ..............จุดไฟศรัทธา
เรียนรู้ ..........................ต่อสู้มายา
ก้าวไปข้างหน้า ...........เข้าหามวลชน
ชีวิต .............................อุทิศยอมตน
ฝ่าความสับสน ............เพื่อผลประชา
ดอกไม้ ........................บานให้คุณค่า
จงบานช้าช้า ................แต่ว่ายั่งยืน 
ที่นี่ ............................... และที่อื่นอื่น
ดอกไม้สดชื่น  .............ยื่นให้มวลชน 

 ผลิ (หนังสือปฐมนิเทศนิสิตใหม่จุฬาฯ) ๒๕๑๖

ผู้แสดงความคิดเห็น สายลม แสงแดด วันที่ตอบ 2011-01-05 04:40:24


ความคิดเห็นที่ 2 (2142597)

ต้องขออภัยท่านนักอ่าน นักเขียนทุกท่านครับ

เพราะความรู้ข้าพเจ้าน้อยจึงไม่เคยได้อ่านงานชิ้นนี้ครับ

ต้องกราบขออภัยผู้รู้ทุกท่านครับ.

แต่เจตนาเนื้อความมิได้สื่อสารไปในทิศทางประชาธิปไตยนะครับ แต่ชื่อเรื่องดันไปซ้ำเข้า

บทนี้ต้องการสื่อสารไปใน .... (แล้วแต่ท่านผู้อ่านจะได้รับครับ)

ขอกราบขออภัยเป็นอย่างสูง

ทั้งอ.จิระนันท์ พิตรปรีชา ท่านนักอ่าน นักกวีทุกท่านครับ

 

"รัตนโกสินทร์ศก"

ผู้แสดงความคิดเห็น รัตนโกสินทร์ศก วันที่ตอบ 2011-01-05 10:29:20


ความคิดเห็นที่ 3 (2142598)

ขอขอบพระคุณ "สายลม แสงแดด" ที่ผ่านมาอ่าน

แล้วกรุณาบอกกล่าวข้าพเจ้าครับ

ขอบคุณครับ.

"รัตนโกสินทร์ศก"

ผู้แสดงความคิดเห็น รัตนโกสินทร์ศก วันที่ตอบ 2011-01-05 10:32:02


ความคิดเห็นที่ 4 (2142622)

 

ดอกเอ๋ย..เจ้าดอกไม้

สวยทุกยุคสมัย..ใช่ไหมหนา

จะเป็นดอก..ติดดินถิ่นท้องนา

หรือดอกฟ้า..ค่าคงทรงเท่ากัน

.ดอกคงเหี่ยว....

โทรมซีดเซียว.ตามกาลซึ่งผ่านผัน

แม้ชื่อดูโดดเด่นดอกตะวัน

เจ้าดอกนั้น.หนอก็บ่ยั่งยืน.

..บานเถิดบาน

โลกสราญรมย์แสนสุดสดชื่น

แม้นดอกโรย หลุดผลอยเพียงข้ามคืน

ก็ยังยื่นรอยยิ้ม..ยามเบ่งบาน

ผู้แสดงความคิดเห็น ภัทราจิตร วันที่ตอบ 2011-01-05 11:32:11


ความคิดเห็นที่ 5 (2142757)

 

       เมื่อ ๓๒ ปีที่แล้ว มีการประกวดกลอน ชื่อ "ฝน" ผมจำไม่ได้แล้วว่าใครเป็นผู้จัด และผลการตัดสินเป็นเช่นไร แต่ที่จำได้และจำไปจนวันตายก็ไม่ลืมก็คือ

       ขณะที่กำลังมีการพิจารณาคัดเข้ารอบนั้น มีเสียงร่ำลือกันว่า กลอนของ สมศักดิ์ ถูกคัดออก เพราะ วรรคแรกที่ขึ้นต้นนั้น ลอกของ ศิริพงษ์  จันทน์หอม มา

        ท่านที่รัก ด้วยความเคารพ ยุคนั้นผมยังไม่ได้รู้จักกับพี่ศิริพงษ์ ที่สำคัญงานชิ้นนั้นผมก็ไม่เคยได้ยินหรือได้อ่าน แต่ท่านบอกว่า ครูเือื้อ  สุนทรสนาน ให้ทำนอง เป็นเพลงดัง ชื่อว่า"หยดน้ำเจ้าพระยา" ถ้าใครได้อ่านกระทู้ อาลัยพี่ศิริพงษ์ ก็คงได้เห็นแล้ว วรรคแรกนั้นเลยครับ

         ผมถูกลงโทษทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ทำความผิดเลยแม้แต่คิด และไม่ได้เป็นแฟนเพลงสุนทราภรณ์ ด้วยซ้ำไป เล่าให้พี่ศิริพงษ์ภายหลังยังอดขำกันไม่ได้

         ผมเข้าใจอารมณ์ ของน้อง "รัตนโกสินทร์ศก" ดีครับ โชคดีที่สมัยนั้นยังไม่มีการประจานกันรุนแรงเหมือนเดี๋ยวนี้ แต่ก็นั่้นแหละผมผ่านแดดผ่านลมมาก ภูมิต้านทานสูง อยากบอกน้องว่า

         "จงมั่นใจในตัวตนของเรา   คนที่ต้านทานแรงดึงดูดของโลกได้เท่านั้นแหละที่ยังยืนอยู่ได้"

         ช่างมันเถอะ  เราเดินไปข้างหน้าไม่ต้องเหลียวไปสนใจคำคน (หมายถึงคำด่าว่าเสียดสี ไม่ใช่คำท้วงติงที่บริสุทธิ์อย่าง คุณสายลม  แสงแดด นะ) ไม่ต้องย้อนรอยตัวเองกลับไปแก้ไขปล่อยไปเช่นนั้น เพราะอนาคตเป็นคำตอบของอดีตครับ ระยะทางกับระยะเวลาคือผู้ตัดสินที่ทรงธรรมที่สุด รอย (ตีน) ทางของเราคนอื่นมีหน้าที่ตามดู (บางคนอาจจะตามดม โดยเฉพาะคนขี้อิจฉา)

ผู้แสดงความคิดเห็น สมศักดิ์ ศรีเอี่ยมกูล นักกลอนครับ (somsak-poet-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2011-01-05 17:42:51


ความคิดเห็นที่ 6 (2142810)

 

เมื่อตอนผมยังเด็กผมได้รู้จักกับเพลง "แม่สาย" ร้องโดยผู้หญิงคนหนึ่ง ใครแต่งก็จำไม่ได้แล้ว ขึ้นต้นว่า "ใบไม้ร่วงพวงพริ้วปลิวผลอย... " อะไรแบบนี้น่ะครับ

ต่อมาเมื่อประมาณปี 2532 ก็มีเพลง "แม่สาย" ขึ้นมาอีก แต่คราวนี้เป็นผู้ชายร้อง ขึ้นต้นว่า "ฟากฟ้ายามเย็นเห็นแสงตะวัน..."

สรุปก็คือ "ชื่อเพลงมันซ้ำ" แต่ว่าทำนองมันคนละเรื่องเลย

ผมซึ่งในขณะนั้นไม่ค่อยได้ตามเพลงใหม่ๆ ก็ไม่ทราบหรอกว่ามีเวอร์ชั่นใหม่ออกมาแล้ว ก็เลยบอกว่า "จำไม่ได้" ก็เลยถูกต่อว่าว่า "เป็นนักดนตรีอย่างไรไม่หัดฟังเพลงใหม่"

ผมก็เลยใบ้กิน และก็ถึงบางอ้อว่ามันมีเพลงใหม่ออกมา

แต่ของคุณ รัตนโกสินทร์ศก มันกลับกัน เพราะว่าของคุณแต่งกลอนใหม่ออกมา แล้วเผอิญชื่อไป "เกือบจะซ้ำ" กับของเดิม

คุณรัตนโกสินทร์ศกก็ควรจะต้องถึงบางอ้อบ้างว่า "เป็นนักกลอนอย่างไรถึงไม่หัดอ่านของเก่าๆ" (อันนี้กล่าวเล่นๆ นะ ยืนยันได้ คงไม่มีใครจะตามอ่านกลอนของคนอื่นได้ครบถ้วนหรอกน่า...  หัวเราะสิ... อุตส่าห์เขียนให้หัวเราะแล้วไง....)

ถ้าเพลง "แม่สาย" เวอร์ชั่นใหม่ได้รับการยอมรับ และ ไม่ถูกต่อว่า แล้วละก้อ ผลงานของคุณรัตนโกสินทร์ศกก็จะไม่ถูกต่อว่าหรอกครับ เพราะว่าคุณไม่ได้ลอก ไม่ได้เลียน ของเก่ามาเลย ใกล้เคียงที่สุดก็เพียงแต่ชื่อเท่านั้น

ขอให้กำลังใจครับ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ส.พิณแก้ว วันที่ตอบ 2011-01-05 21:15:21


ความคิดเห็นที่ 7 (2142886)

สวัสดี และขออภัยครับที่อาจจะทำให้เข้าใจผิด

ประเด็นแรก อยากบอกว่าไม่ได้นึกตำหนิ แต่ตรงกันข้าม ชื่นชมในความคิดสร้างสรรค์ของคุณรัตนโกสินทร์ศก เพราะเห็นชื่อบทและอ่านแล้ว เพียงแต่สัญญาเก่ามันยังมากอยู่ ก็ปรากฏบทเก่าๆ ขึ้นมาให้รำลึก นั่นหมายถึงของเก่ายังเจิดจ้าอยู่

ประเด็นที่สอง ชื่นชมหน่อเนื้อเชื้อวรรณอย่างเช่นคุณรัตนโกสินทร์ศก ที่เน้นบทกวีแบบเนื้อหา การใช้คำกระชับ ไม่ติดตายตัวต้องแปดคำพอดี จังหวะและเสียงยังคงงดงาม เพียงแต่ รู้สึกว่าโลกนี้ยังหมุนวนอยู่ที่เดิม ยังไม่มีอะไรใหม่ ๆ ให้ลิ้มชม อาจจะเพราะแก่แดด เลยเห็นอะไรแล้วเฉยเมย ไม่มีอะไรที่แสบร้อนไปกว่าแดดแล้ว ทั้งที่จริงๆ ใต้ใบกล้าเล็กๆ เกิดร่มเงาเล็ก ๆ อาจจะกลายเป็นร่มเงาใหญ่ในอนาคต แดดเดิมก็ดาลดับได้ ใครจะรู้

ประเด็นที่สาม ความบังเอิญที่ของใหม่ไปซ้ำของเก่า ไปซ้ำกับของคนอื่น มันมีมาก มีความน่าจะเป็นมาก การไปทึกทักว่า "ลอก" คงมิได้ หรือการไปทึกทักว่า "ไม่อ่านของเก่า"  อาจจะไม่ยุติธรรมกับผู้รังสรรค์ผลงาน เพราะโลกก็หมุนอยู่เช่นนี้แล อะไรๆ ก็หมุนซ้ำเดิมอยู่อย่างนี้แล เพียงแต่กาลเวลาและหมอกควันได้ปกปิดบางอย่างไว้ แล้วใครจะมีญาณไปหยั่งรู้ได้ทั้งหมดล่ะ? เพราะไม่รู้เราก็เลยวนเวียนย่ำทางเดิม โดยเข้าใจว่าเป็นทางใหม่ ซึ่งมันก็ใหม่จริงสำหรับเรา แต่ผู้เฒ่ายิ้มเหงือกแดง(ไปด้วยน้ำหมาก) บอกว่าเขาเดินผ่านตรงนี้กันทั้งนั้นแหละ พร้อมอวยชัยให้เดินไปพบในสิ่งที่สวยงาม มิได้หมายเป็นอย่างอื่นฉันใด "ดอกไม้จะผลิบาน" ก็ฉันนั้น

ประเด็นที่สี่ สวัสดีปีใหม่นักกลอนทุกคน

 

ผู้แสดงความคิดเห็น สายลม แสงแดด วันที่ตอบ 2011-01-06 09:12:08


ความคิดเห็นที่ 8 (2142914)

 

            สนับสนุน ส.พิณแก้ว  นิดนึง ที่ว่าบางทีเราก็หูตาไม่กว้างพอ เผอิญความคิดดันกว้างไปหน่อย ก็ทับรอยกันได้ เห็นด้วยกับ สายลม   แสงแดด ที่ว่า เขาเดินผ่านตรงนี้กันทั้งนั้นแหละ ก็ผมไง แต่ไม่ได้ยิ้มเหงือกแดงไปด้วยน้ำหมากนะ เป็นเพียงเลือดที่กระอักออกมาเท่านั้นเองครับ

         กลับมาเข้าประเด็น อีกประเด็นหนึ่ง หลายท่านคงทราบอยู่แล้วว่าผมโตในวงการนี้มาด้วย การเขียนงานประกวด ทำให้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในห้วง ๒๕๑๙ ถึง ๒๕๒๙ หลังจากนั้นก็ประปราย เพราะเป็นกรรมการสมาคมนักกลอนแล้วก็เลยเป็นผู้จัดเป็นกรรมการเสียเป็นส่วนใหญ่

         เรื่องมันอยู่ที่ว่า  การเขียนกลอนประกวดนั้น ท่านมักจะกำหนด หัวข้อ หรือ วลี หรือ คำ หรือ วรรค ให้มา เมื่อมีหัวข้อเดียวกัน ผู้ส่งประกวดทั้งหมดก็ต้องเขียนไปในทางเดียวกัน หรือกำหนดคำให้มา คำ ๆ นั้น ก็จะปรากฎอยู่ในทุกสำนวนที่ส่งประกวดนั่นแล้ว ถูกไหมครับ

         ผ่านกาลเวลาไประยะหนึ่ง ใครจะได้รางวัลเรา็ก็ลืมไปหมดแล้วล่ะ แต่บังเอิญ นาย ก. ไปค้นเจองานเก่าของตนเองที่ตกรอบ ก็นำออกเผยแพร่ โด่งดังขึ้นมา บังเอิญอีก นาย ข. เกิดทำผลงานรวมเล่ม ก็งัดเอาอีสำนวนนั้นมาตีพิมพ์ด้วย ที่บังเอิญที่สุดก็นักอ่านนักวิจารณ์อย่างเรา ๆ นี่แหละที่ไม่รู้ที่มาที่ไปจะต้องให้ความเป็นธรรมให้เป็นครับ

          มีพระเจ้าองค์หนึ่งสอนว่า "จงช่วยตัวเองก่อน แล้วพระเจ้าจะช่วยท่าน" ลอกเลียนแนวคิด ของอีกองค์หนึ่งหรือเปล่า ที่ว่า "ตนแล  เป็นที่พึ่งแห่งตน" ฉะนี้แล

ผู้แสดงความคิดเห็น สมศักดิ์ ศรีเอี่ยมกูล นักกลอนครับ (somsak-poet-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2011-01-06 10:37:48


ความคิดเห็นที่ 9 (2143074)

ก่อนอื่นต้องขอสวัสดีท่านกวีรุ่นใหญ่ที่เคารพทุกท่านเลยครับ

อย่างที่ผมได้เรียนให้ทุกท่านทราบว่าผมไม่เคยอ่านบทกวีชิ้นนี้ของอ.จิระนันท์จริงๆครับ

(เคยอ่านบ้างในหนังสือ "ใบไม้ที่หายไป" แต่ยังอ่านไม่จบเพื่อนก็ให้คนอื่นเสียแล้ว

ยืมเพื่อนมาอ่านหนะครับ หาซื้อยาก...ถ้าท่านใดเมตตาผมก็ขอยืมอ่านบ้างนะครับ)

ผมต้องขอกราบขอบพระคุณสำหรับความรู้ใหม่ๆ และกำลังใจที่ดีมากๆสำหรับผม

พร้อมกับประโยคบทความที่ทำให้ผมยิ้มได้อย่างที่ อ.ส.พิณแก้วอยากให้หัวเราะ

(แต่ผมหัวเราะไม่ได้ครับ เดี๋ยวคนในบ้านจะหาว่าบ้า เป็นอะไรของแก ...แหะๆ)

*ขอบคุณ คุณภัทราจิต ที่มาเขียนกลอนต่อ

*ขอบคุณ ท่านสายลม แสงแดด ที่มาให้ความรู้

*ขอบคุณอ.สมศักดิ์ ที่มาให้กำลังใจและให้ข้อคิด

*ขอบคุณ อ. ส.พิณแก้ว ที่มาให้กำลังใจและสร้างรอยยิ้มพร้อมกับเสียงหัวเราะในลำคอ

 

"รัตนโกสินทร์ศก"

ผู้แสดงความคิดเห็น รัตนโกสินทร์ศก วันที่ตอบ 2011-01-06 17:45:14


ความคิดเห็นที่ 10 (2143994)

 

         "แดดเดิมก็ดาลดับได้ใครจะรู้"

          ผมชอบคำนี้ของ คุณสายลม  แสงแดด จัง ถ้าวันหน้าใครเห็นวลีในี้ในงานของผมก็ไม่ต้องสงสัยที่มาที่ไปนะครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น สมศักดิ์ ศรีเอี่ยมกูล นักกลอนครับ (somsak-poet-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2011-01-10 12:52:34



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.