ปืนมีไว้ใช้ยิง ---------- จึงต้องกำหนดการควบคุมการใช้

60 กว่าปีที่ผ่านมา ---------- พระองค์ทรงอะไร ? ทรงปืน ? หรือทรงพระราชกรณียกิจ ?

แล้วนักการเมืองล่ะ ทรงอะไร ? 

112 เกิดขึ้น ---------- เพื่อเป็นปราการควบคุมบรรทัดฐานของสังคมในอนาคต...

ในอนาคตยังไม่รู้

ในปัจจุบันก็ยังไม่รู้

เพราะปัจจุบัน --- มาตรา, พรบ., กฎ, จารีต, วีถีชาวบ้าน, คุณธรรม, ฯลฯ ยังทำอะไรอะไรนักการเมืองมิได้

"ผมไม่ได้ทำผิดกฎหมาย แต่ผมทำสิ่งที่กฎหมายไม่ให้ทำ"

ค่ะ ! 

แลดูคุณผู้อ่านคนหนึ่งจะเป็นห่วงอนาคตดีนะคะ

พระองค์ทรงงานหนัก

พอท่านพักเพราะประชวร พวกท่านทำอะไรกันคะ

เป็นห่วงอนาคตกันใช่มั้ยคะ

ได้ค่ะ... ปัจจุบัน พวกในสภาของคุณมันแสนดีมากเลยนะคะ อะไรที่ควรเป็นห่วงกลับไม่เป็นห่วงนะคะ

ถ้าไม่เข้าใจ กรุณาย้อนไปอ่านที่ความเห็นที่ 13 นะคะ

แล้วทำไมถึงไม่ควร 112 กับสถาบันนะเหรอคะ

ย้อนกลับไปอ่านที่ความเห็นที่ 13 ย่อหน้าที่ 2 อีกครั้งค่ะ

พระองค์ทรงอะไร ?

นักการเมืองทรงอะไร ?

เอาคนไทยเรียงหน้ากระดานซักร้อยคน แล้วถามได้เลยค่ะ พวกเค้ารู้คำตอบดีค่ะ

ดิฉันจะไม่ถามนะคะว่าคุณรักพระองค์หรือไม่

เพราะเกรงว่าจะเสียเวลาอันมีค่าของคุณเหลือเกิน

แต่ถ้าจะพิมพ์มา ก็พิมพ์มาด้วยเหตุผล แบบว่าเอาให้ดิฉันคล้อยตามคุณเลยนะคะ

เพราะถ้าไม่

เชิญย้อนกลับไปอ่านความเห็นที่ 17 ค่ะ

นะคะ

ในโลกของสิ่งสมมุติ

นกมองไม่เห็นอากาศ

ปลามองไม่เห็นน้ำ

คนก็ย่อมมองไม่เห็นตัวเอง

 นายมีชัยได้ตอบคำถามดังกล่าว ระบุว่า มาตรา 112 ห้ามการกระทำเพียง 3 อย่าง คือ ห้ามหมิ่นประมาท ห้ามดูหมิ่น และห้ามอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ การกระทำทั้ง 3 อย่างนั้น อย่าว่าแต่จะทำกับประมุขของประเทศเลย ทำกับคนธรรมดาก็ยังไม่ได้ เสรีภาพของบุคคลนั้นย่อมมีขอบเขตอันจำกัดที่จะต้องไม่ไปละเมิดคนอื่น ถ้าคำนึงถึงแต่เสรีภาพของบุคคลโดยไม่คำนึงถึงสิทธิของคนอื่น สังคมก็คงกลียุค
       
       “แม้แต่ในอเมริกาเองก็ใช่ว่าเราจะไปหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรืออาฆาตมาดร้ายประธานาธิบดีของเขาได้เสียเมื่อไรล่ะ ข้อสำคัญ ประเทศแต่ละประเทศย่อมมีความระแวดระวังในเรื่องที่ต่างกัน ถ้ามองในแง่มุมของอีกประเทศหนึ่งอาจเห็นว่าเป็นเรื่องไม่สมควร แต่คนที่เจริญแล้วเขาก็ต้องยอมรับนับถือประเพณีวัฒนธรรมของแต่ละประเทศ ไม่ไปตัดสินจากความคุ้นเคยหรือความเคยชินของตนเอง ยกตัวอย่างเช่น อเมริกันกลัวการก่อการร้ายจนขี้ขึ้นสมอง ใครจะผ่านเข้าประเทศจะตรวจค้นอย่างละเอียดยิบโดยไม่คำนึงถึงสิทธิส่วนบุคคลของใคร ถึงขนาดจับแก้ผ้าก็ยังทำ แม้แต่กระเป๋าเดินทางก็เปิดรื้อค้นเอาเองได้ เมื่อตอนที่อเมริกันตามล่าบินลาเด็น (นายโอซามะ บินลาเดน หัวหน้ากลุ่มอัลกออิดะห์) น่ะ เคยจับภาพจากอากาศเห็นคนกลุ่มหนึ่งเดินถือไม้เท้าอยู่เชิงเขา นึกว่าเป็นบินลาเด็น ส่งจรวดราคาแพงไปถล่มตายหมดทั้งกลุ่ม จึงรู้ภายหลังว่าไม่ใช่บินลาเด็น ชาวบ้านเลยตายฟรีนั่นน่ะไม่โหดร้ายป่าเถื่อนเสียกว่ายุคหินอีกหรือ ก็ไม่เห็นคนอเมริกันหรือสหประชาชาติจะไปตำหนิอะไร เพราะความแค้นในเรื่องถูกถล่มตึกยังค้างคาอยู่ในใจ” นายมีชัยกล่าว
       
       นอกจากนี้ นายมีชัยยังกล่าวอีกว่า ประเทศสิงคโปร์มีโทษเฆี่ยนตี ให้หลาบจำจะได้ไม่ทำผิดบางอย่าง คนอเมริกันมือซนเอาสีสเปรย์ไปพ่นที่กำแพง เขาจับได้ ลงโทษตีก้นให้ได้อายมาแล้ว จะโวยวายหรือขอร้องอย่างไร รัฐบาลสิงคโปร์ก็ไม่ยอม ไม่มีใครไปเรียกร้องให้เขาแก้ไขกฎหมาย เพราะเขาจะเฆี่ยนตีก็แต่เฉพาะคนที่ทำผิด เหมือนกับกฎหมายของไทย จะลงโทษก็แต่เฉพาะคนที่ทำผิดที่ห้ามไว้

จะขอร่วมเป็นหนึ่ง(แรงบุคคล) ร่วมกับสมาคมนักกลอนไปร่วมเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมด้วยครับ

อาว เอ้ย มาโผล่กระทู้นี้ได้ไง ขอโทษทีครับ ผมจะโพ้สตรงกำหนดการสวดอภิธรรม แต่เปิดอ่านหลายกระทู้เลย มั่ว

ขอโทษๆๆๆ ครับ ^^

 กฎหมายมันก็เป็นลายลักษณ์อักษรของมันอยู่อย่างนั้นถึงภพหน้านั่นแหละครับ

ปัญหามันอยู่ที่คนเอาไปใช้ 

เหมือนยื่นเครื่องมือหากิน เช่นมีด ไปให้คนโง่ เสือกเอาไปแทงกันเฉย มีดไม่ผิดหรอก แต่คนมันโง่ 

จะยื่นด้ามเล็กลงหรือด้ามใหญ่ขึ้น คมขึ้นหรือคมลง มันก็เอาไปแทงกันตายอยู่ดี

ผมไม่เข้าฝ่ายใดหรอกนะครับ แค่ผ่านมาเห็น ตาบอดคลำช้าง เท่านั้นเอง

 คนที่มันใช้กฎหมายมันไม่โง่หรอกครับ มันฉลาดที่จะใช้ในทางตน พอถูกจับได้ก็แถไปอย่างหน้าด้านๆ

ตามันไม่บอดหรอกครับ พวกนี้ตาดียิ่งกว่านกแสกเสียอีก โดยเฉพาะเวลามองอะไรในที่มืดที่ลับ 

ความคิดเห็นที่51 เลิศมากค่ะ โบราณว่าอย่าถือคนบ้า อย่าว่าคนประสาทแดรกอย่างคุณผู้อ่านคนหนึ่ง

ดีแต่ปากมือทำอะไรเพื่อประเทศชาติบ้าน อย่าทำตัวรกโลกรกแผ่นดิน พระองค์ทรงงาน แต่ผู้อ่านคนหนึ่งทำอะไรเพื่อใครบ้าง นอกจากเพื่อตนเอง คนอย่างนี้มีเยอะนะคะในสังคม ชอบวิพากษ์วิจารณ์แต่ตัวเองไม่ทำอะไร รกค่ะรก เยอะอย่าง หลายสิ่งนะคุณน่ะ ผู้อ่านคนหนึ่ง ชื่อแซ่ก็ไม่บอก จ๊าดง่าว...ปะล้ำปะเหลื่อ

 ประทับใจความเห็นที่ ๕๑ มากครับ

เราก็ชื่นชมความคิดเห็นที่ ๕๑ นะ ที่อย่างน้อยก็รู้จักใช้สมองคิด ต่างกับความเห็นที่มาโจมตีผู้อ่านคนหนึ่ง

สมองคนที่มาโจมตีผู้อ่านคนหนึ่งคงมีแต่แกลบ คิดเองไม่เป็น เพราะเห็นใครพูดถึงการแก้ ม.112 ก็จะไปโยงกับพระองค์ท่านทันที ทั้งที่ยังไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรกันเลย

ย้ำอีกทีนะพวกสมองแกลบทั้งหลาย

ปัญหาที่ทำให้มีการเสนอให้แก้กฎหมายอาญามาตรา 112 เป็นเรื่องการนำไปใช้กลั่นแกล้งกัน การละเมิดสิทธิพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญ

ถึงไม่มีมาตรา 112 พระองค์ท่านก็ยังดำรงอยู่ในสถานะอันละเมิดมิได้อยู่แล้วตามรัฐธรรมนูญ และยังมีกฎหมายอื่น ๆ ที่จะปกป้องท่านอยู่

คนที่คิดจะแก้ไข ม.112 ไม่ได้มีปัญหาใดกับสถาบัน แต่มีปัญหากับพวกอิงสถาบัน ตัวอย่างเช่นนายจิตตนาถ แอบอ้างเพื่อด่านักเขียน เป็นต้น และคนที่โพสต์ความคิดเห็นที่ ๕๑ นี่ก็ด้วย เขาพูดเรื่องหนึ่ง เธอดันไปหยิบยกอีกเรื่องมาปิดปาก หากไปต่อปากต่อคำก็คงกรี๊ดๆ ว่าเราไม่รักพ่อเสียอีก เฮ้อ ไม่ไหวจะเคลียร์พวกสมองแกลบ

เปิดสมองรับฟังอะไรบ้าง รบกวนฟังคลิปนี้ให้จบหน่อย

http://www.youtube.com/watch?v=N6lq5zFpEBc

และพิจารณาด้วยสติหน่อย อย่ากระแดะมาด่าแต่ผู้อ่านคนหนึ่งอยู่เลย เราไม่ได้คิดสกปรกเหมือนพวกเธอที่ชอบแอบอ้างสถาบันมาทำร้ายคนหรอก จะบอกให้

 ความเห็นที่ 51 เค้าก็พูดถูกต้องนี่ครับ ไปชมเขาแล้วยังไปหลอกด่าเขาอีก เขาไม่ได้พูดอะไรปิดปากคุณนิ เขาพูดตามความจริง แต่คุณจะปากปิดหรือปากยื่นปากยาวก็เรื่องของคุณ ตอบได้ตอบไม่ได้ก็เรื่องของคุณ อธิบายได้ อธิบายไม่ได้ก็เรื่องของคุณ จนมาถึงความเห็นจะร้อยอยู่แล้ว บอกตรง ๆ ว่ายังไม่ได้สาระอะไรจากคุณเลย น่าระอามาก แทนที่จะพูดให้คนอื่นฟังแล้วคล้อยตามก็หามีไม่ สักแต่เหน็บแนมประชดประชัน 

อ้อแล้วก็อย่าสำคัญตนเองให้มาก หากคุณไม่รักพ่อแล้วจะมีคนกรี๊ดใส่คุณ คนเขาจะกรี๊ดเพราะรำคาญคุณน่ะ ผมว่า

 ไม่ได้เข้ามาที่กระทู้นี้ตั้งนาน เราอ่านตัวบทความอย่างละเมียด และอ่านความเห็นทีละความเห็นอย่างตั้งใจ ก็รู้ความต่างระหว่างไม้หลักกับไม้เลนในทันที เพราะคนกลุ่มหนึ่งพูดในทิศทางเดียวกัน กับอีกคนหนึ่งเหลียวไป ผวามา เพราะใบตองแห้งดังกรอบแกรบรอบตัวเขา

ว่าคนอื่นเขากระแดะ คงจะหมายถึง ภรรยาและมารดาของคุณสินะที่กระแดะ กล่าวหาว่าคนอื่นสมองแกลบ แล้วคุณวิเศษวิโสมาจากไหน

ดีแต่วิพากษ์วิจารณ์ไปวันๆ เคยทำอะไรเป็นรูปธรรมบ้าง อีกอย่าง หาว่าคนอื่นเขากรี๊ดใส่น่ะ เค้ากรี๊ดเพราะความรำคาญและปัญญาอ่อนของคนอย่างคุณ เก่งนักฉลาดนักทำไมไม่ออกมาล้มล้างระบอบการปกครองแบบที่คุณไม่พอใจล่ะ หรือไม่ก็ย้ายสัญชาติไปเลย เป็นคนไทยแล้วมันหนักใจ จะไปเป็นผีตองเหลืองหรือซาไกก็ได้นะ ไม่มีใครว่า รกแผ่นดิน

เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด

วิธีที่พวกสกปรกที่ชอบของสกปรกชอบทำเสมอ คือ โจมตีที่ตัวคนแสดงความคิดเห็น มากกว่าโจมตีที่สาระ

เอาเถิด ท่านจะว่าผู้อ่านคนหนึ่งเป็นอะไรก็ตามใจท่าน เราไม่รับก็ไม่เกี่ยวกับเรา ท่านจะปิดหูปิดตาอย่างไรก็ตามใจท่าน เราไม่ได้มืดบอดเหมือนท่าน

ผู้อ่านคนหนึ่งเสนอสาระ แต่เมื่อท่านเฉไฉว่าไม่ใช่สาระ ก็จนปัญญาที่จะเสนอแนะเหล่าสมองแกลบทั้งหลายแล้ว

แถมท่านยังชอบบิดเบือนสาระอย่างน่าทุเรศอีกด้วย

ผู้อ่านคนหนึ่งเขียนว่า "หากไปต่อปากต่อคำก็คงกรี๊ดๆ ว่าเราไม่รักพ่อเสียอีก"

ท่านคนขายทุเรียนกลับบอกว่า "หากคุณไม่รักพ่อแล้วจะมีคนกรี๊ดใส่คุณ คนเขาจะกรี๊ดเพราะรำคาญคุณน่ะ ผมว่า"

เห็นไหมว่า เจตนาในประโยคก็ป้ายสีแล้วว่าผู้อ่านคนหนึ่งไม่รักพ่อเสียแล้ว ทั้งที่มันไม่จริงเลย มึนกะพวกท่านจริง ๆ

ท่านคนขายทุเรียน กระแดะรู้เสียอีกว่าเราหลอกด่า แต่ดันไม่สำเหนียกรู้ว่านายจิตตนาถก็หลอกด่าชาวบ้านไม่แพ้กัน เหอๆ น่าขันสิ้นดีนะอาฉี

ท่านชั้นเอง ก็มากระแดะว่าแต่ผู้อ่านคนหนึ่งเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่ลงไปสู่สาระเลย เหม็นสาบจริง ๆ

ทั้งที่เราย้ำมาตลอดว่า ผู้ที่เห็นด้วยกับการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 มิได้มีปัญหากับสถาบัน มิได้มีความต้องการดึงสถาบันมาให้แปดเปื้อน ท่านทั้งหลายก็ไม่ฟัง ไม่อ่าน ชี้หน้าอยู่นั่นหละว่าผู้ที่เห็นด้วยกับการแก้ไขไม่รักสถาบัน เฮ้อ หมดปัญญาสอนพวกสมองแกลบจริง ๆ

ผู้ที่เห็นด้วยกับการแก้ไข ม. 112 ก็มิใช่เสื้อสีใดสีหนึ่ง หรือพรรคการเมืองใดพรรคหนึ่ง แต่ล้วนหลากหลายที่มา ไม่ว่าจะเป็น ท่านอานันท์ ท่านคณิต อาจารย์สุลักษณ์ อาจารย์พนัส อาจารย์นิธิ คุณชายปลื้ม กลุ่มนิติราษฎร์ และผู้มีหน้ามีตาในสังคมอีกหลาย ๆ ท่าน ซึ่งต่างก็มีเหตุมีผลด้วยกันทั้งนั้น แต่พวกสมองแกลบก็มากรี๊ด ๆ อยู่นั่นแหละว่าพวกหมิ่นสถาบันต้องการให้แก้

เปิดใจให้กว้างบ้างเถอะท่านทั้งหลาย อย่าทำตัวมีปัญหาอย่างที่ท่านอานันท์ว่าไว้เลย หรืออยากเป็นพวกสมองแกลบต่อไปก็เชิญตามสบาย ไม่อยากเสวนาด้วยแล้ว เบื่อพวกสมองแกลบมาก ๆ

จงเป็นสุขเป็นสุขและรักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด

บาย ๆ

ด้วยความเคารพอย่างสุดซึ้ง
ผู้อ่านคนหนึ่ง

 ชอบความเห็นที่ 51 อ่ะ 555

"อย่าตัวตัวมีปัญหาอย่างที่อานันท์ว่าไว้เลย"

บอกตัวเองดีกว่ามั้งท่าน ท่าทางจะมีปัญมาก สงบปากสงบคำบ้าง ว่าคนอื่นสมองแกลบ ตัวเองสมองหมาปัยญาควาย

"...แท้จริงแล้วสถาบันพระมหากษัตริย์ในระบอบประชาธิปไตยเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับอธิปไตยของปวงชน แยกออกจากกันไม่ได้

ความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์หมายถึงความจงรักภักดีต่ออธิปไตยของปวงชน

ความจงรักภักดีใดๆ ก็ตาม ที่ทำให้สองสิ่งนี้ขัดแย้งกัน คือการบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์โดยตรง ในทางตรงกันข้าม การทำให้สองสิ่งนี้ประสานสอดคล้องเป็นหนึ่งเดียว คือการจรรโลงให้สถาบันพระมหากษัตริย์ดำรงอยู่อย่างมั่นคงสืบไป เพราะเมื่อดูจากประวัติศาสตร์ทั่วโลกแล้ว สถาบันกษัตริย์ในหลายประเทศได้อันตรธานไปจนเหลืออยู่ไม่เกิน 40 ประเทศทั่วโลก แต่ระบอบประชาธิปไตยซึ่งประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย กลับแพร่หลายไปมากขึ้นในทุกประเทศ สถาบันพระมหากษัตริย์จึงต้องเป็นส่วนหนึ่งของระบอบประชาธิปไตย ไม่ใช่ขั้วตรงข้ามที่ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียว

การแสดงความจงรักภักดีที่ทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นอีกอำนาจหนึ่งที่เป็นอิสระจากอธิปไตยของปวงชน จึงกลับบ่อนทำลายความมั่นคงของสถาบันเสียเอง
..."

โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์
(ที่มา หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ฉบับประจำวันที่ 26 ธันวาคม 2554)
 

คนทอดแหหาปลาเพียงอาหาร
แต่ฝูงพาลเหวี่ยงแหไม่เลือกหัว
สร้างราชอาณาจักรแห่งความกลัว
โดยแอบอ้างเข้าข้างตัวเพื่อตัวเอง

โดย สุจิตต์ วงษ์เทศ
(ที่มา หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ฉบับประจำวันที่ 26 ธันวาคม 2554)

โถ........................................

มติชน

ใช่....มติชน ตลกสิ้นดี

มึงนั่นแหละสมองแกลบและแก่ เพราะถ้าคนไม่แก่คงไม่มีเวลามานั่งทำเรื่องไร้สาระอย่างนี้

คงตรวจดูเว็บบอร์ดทุกวันสินะ เอาเวลาไปทำอย่างอื่นที่สร้างสรรค์กว่านี้ดีกว่า ตายไปจะได้ไปสู่ที่ชอบที่ชอบนะไอ้แก่

"ผมเพิ่งอ่านบทความของรอยัลลิสต์ (Royalist) คนหนึ่งเรื่องการต่อต้านการแก้ไขมาตรา 112 ในประมวลกฎหมายอาญา พบว่า เขาไม่ได้อ่านอะไรสักอย่าง

            เราจะพูดถึงสติโดยไม่รอบรู้ไม่ได้ ไม่เห็นด้วยแต่จะตอบโต้เขาอย่างไรก็ว่าไป ไม่ใช่เกิดจากการหลับตาไม่ดูคนอื่น กรูจะเอาของกรูอย่างนี้ ซึ่งมันจะนำไปสู่การใช้สถาบันกษัตริย์เป็นเครื่องมือทางการเมืองอีก

            เช่น หากสภาตั้งกรรมาธิการเพื่อแก้ไขกฎหมายมาตรานี้ เพียงแค่นี้ก็อาจมีบางคนมองว่าสถาบันกษัตริย์ถูกล่วงละเมิด และไปคาดการณ์ว่าหากมีการยึดอำนาจตอนนี้จะมีผู้สนับสนุนเยอะ เพราะไม่ได้อ่านมาก่อนว่าสถานการณ์จริงๆ เป็นอย่างไร

          ผมเห็นด้วยกับคนอื่นๆ จำนวนหนึ่งที่เห็นว่าโทษไม่ได้สัดส่วนกัน ประการที่สอง คือการเปิดให้ใครก็ได้มีสิทธิที่จะฟ้องร้อง ทำให้เกิดปัญหาอย่างมาก อย่างน้อยที่สุดต้องแก้ 2 เรื่อง คือ อำนาจวินิจฉัยว่าความเห็นสมควรฟ้องต้องเป็นของบางกลุ่ม บางองค์กรเท่านั้นเป็นผู้ตัดสิน เพราะเราปฏิเสธไม่ได้ว่าสถาบันกษัตริย์เป็นสถาบันทางการเมือง ฉะนั้น ต้องเอาปัจจัยทางการเมืองมาพิจารณา

          สมมติว่าอากงทำจริง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า แต่ถ้าผมเป็นคนวินิจฉัย ผมจะไม่ฟ้อง เพราะไม่คุ้ม การตัดสินให้แกติดคุกด้วยเรื่องนี้ ไม่ต้องถึง 20 ปีหรอก ปีเดียวก็ทำให้กระทบกระเทือนกับสถาบันอย่างมาก คนอายุ 61 ปี ช่างมันเถอะอีกไม่นานก็ตายแล้ว"

นิธิ  เอียวศรีวงศ์
คมชัดลึก, 27 ธ.ค.54
http://www.komchadluek.net/detail/20111227/118862/นิธิชี้ปีหน้าไม่สุดโต่งไม่นองเลือด.html

จะบอกว่ากรูแน่ว่างั้นเหอะ ไอ้เฒ่าเต่า มุดกระดองเก่งเท่านั้นแหละเมิงอะ

 นายสุเมธ กล่าวว่า กฎหมายอาญามีตั้งกี่ร้อยกี่พันมาตรา ทำไมจำเพาะเจาะจงถึงต้องแก้อันนี้ กฎหมายคือกฎหมาย ถ้าเราไม่ทำผิด เขาก็อยู่ในกระดาษเท่านั้นเอง ก็อย่าทำผิดก็เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายอาญา หรือกฎหมายอะไรต่าง ๆ เราต้องแก้ด้วยหรือ หากเราไม่ไปฆ่าใคร ก็คงไม่มีใครมาจับไปขังเข้าคุก แต่ตราบใดที่เราทำผิด กฎหมายนั้นถึงออกมาใช้ได้ ซึ่งเหมือนกันหมด

           เมื่อสองถึงสามวันที่ผ่านมา เพื่อนมาเล่าให้ฟัง มีคนแต่งโคลงกลอนล้อประธานาธิบดี ถูกติดเข้าคุกเลย ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเป็นมาตราอะไร ของฝรั่งเขา ผมไม่ได้สนใจอะไรหรอก แต่เขาก็โดนลงโทษ ที่ไหนในโลกนี้เขาก็มีกันทั้งนั้น" นายสุเมธ กล่าว

  ทหารอยู่คู่กับสถาบันพระมหากษัตริย์มาโดยตลอด ซึ่งก่อนที่เราจะมาเป็นประเทศไทย ก็เป็นทหารกันทั้งประเทศ โดยพระมหากษัตริย์รวบรวมทุกคนขึ้นมาแล้วต่อสู้ ป้องกันผืนแผ่นดินนี้มา จนถึงทุกวันนี้เราสืบทอดกันมา เราต้องรักษาประวัติศาสตร์ชาติไทยไว้ เพราะเป็นความสง่างามของชาติ เป็นวัฒนธรรม ประเพณี ท่านจะดำเนินการก็ว่ากันไป อย่าทำให้วุ่นวาย เราเคารพในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข..........

ณ โถงถ้ำกว้างขวางอวลอับกลิ่นสาบ มีมนุษย์กลุ่มน้อยคอยโยนฟืนเติมไฟให้ส่องสว่างเสมอ ไฟกองใหญ่เฉิดแสงกลืนความมืดส่งเสียงปะทุเชื้อปุปะสาดแสงนวลฉายภาพหมู่มนุษย์มากมายถูกตรึงหลักปักดินมัดแขนล็อกคอไม่อาจหันไปมองเบื้องหลังว่ายังมีไฟกองใหญ่อยู่พร้อมด้วยมนุษย์กลุ่มหนึ่งซึ่งไร้พันธนาการคอยก่อฟืนจุดไฟอยู่ ใครคนหนึ่งในหมู่มนุษย์นั้นคว้ากิ่งไม้ในกองฟืน "เล่นเงา" กับเปลวเพลิงลุกโชติ ภาพเงามัวปรากฏบนกำแพงหินพนังถ้ำเบื้องหน้าเหล่ามนุษย์ผู้ถูกพันธนาการ การเล่นเงาดำเนินเรื่อยจนเหล่าผู้ถูกพันธนาการ เข้าใจว่า นี่ คือ "ต้นไม้"

และต้นไม้นั้นก็หยั่งรากลึกลงในสำนึก

"นี่เป็นต้นไม้" เหล่าผู้ถูกตราตรึงขานรับเป็นทอดๆ

"นี่เป็นต้นไม้?" มนุษย์ผู้หนึ่งพึมพำ และมนุษย์ผู้นั้นสลัดหลุดจากพันธนาการ หันไปพบกองไฟ กิ่งไม้ และเหล่ามนุษย์ผู้เป็นเสรีจากหลักปักดิน (ซึ่งมนุษย์ผู้หนึ่งสงสัยว่าพวกนี้อาจจับมนุษย์คนอื่นๆตรึงหลัก) มนุษย์ผู้นั้นหลบหลีกไปยังปากถ้ำ อาทิตย์สาดแสงแยงตาพร่ามัว ครู่หนึ่งดวงตาเริ่มชินแสง มนุษย์ผู้นั้นพบ "ต้นไม้จริง" ตระหง่านผลิใบเขียวอยู่ทั่ว มนุษย์ผู้นั้นวิ่งกลับเข้าถ้ำเที่ยวบอกกล่าวมนุษย์ในพันธนาการถึงสิ่งที่ตนพบ ไม่มีใครเชื่อ และกล่าวว่าสิ่งที่พวกตนเห็นบนพนังถ้ำนั่นแหละคือต้นไม้

"ไม่จริง ต้นไม้ที่แท้มีใบเขียว" มนุษย์ผู้นั้นยืนกรานเสียงแข็ง

ไม่นานถ้ำที่เคยมีเพียงเสียงปะทุเชื้อฟืนกลับดังก้องด้วยคำประกาศของมนุษย์ผู้นั้น ถึงเรื่อง ต้นไม้ที่แท้ กองฟืน กิ่งไม้ และกลุ่มมนุษย์ผู้เป็นอิสระ

แต่ก็อีกไม่นานเช่นกันที่เสียงนั้นดังอยู่ มนุษย์ผู้นั้นถูกสังหาร เปล่าจากน้ำมือมนุษย์อภิสิทธิ์ชนที่กลัวว่ามนุษย์ในพันธนาการจะรู้ว่าพวกตน "เล่นเงา"

แต่จากน้ำมือของมนุษย์ในพันธนาการที่ปลดแอกตนออกมาฆ่าเพื่อรักษาความ "จริงแท้บนพนังถ้ำ" เอาไว้

--------------------------------

...ผมไม่ได้แต่งเองหรอก ใครคนนึงเมื่อนมนานกาเลเขาเล่าไว้ ผมก็เลยเอามาเล่าต่อ แน่นอนว่าการเล่าต่อๆ กันมันย่อมมีแต่งเสริมเติมลดได้

ผมตั้งข้อสงสัยว่า มนุษย์ที่ถูกพันธนาการสมควรจะฆ่าเขาไหม หรือตัดลิ้นไม่ให้เขาพูดไหม ผมคิดว่าไม่ ทั้งนี้ ไม่ใช่ว่าเพราะเขาพูดความจริง แต่เพราะ มันทำให้เราได้เลือก เลือกว่าจะนั่งมอง "เล่นเงา" ต่อไป หรือจะหันไปมองกองไฟ กิ่งไม้ อิสระชนกลุ่มนั้น ตั้งคำถามกับเขาว่า "เล่นเงา" ทำไม หรือไปดูโลกนอกถ้ำด้วยกัน ดูต้นไม้จริงๆ ว่าสีสันเป็นอย่างไร

แล้วบางที ใครบางคนก็อาจมาประกาศต่อหน้าเราว่า

"ขอต้อนรับสู่เมตทริกซ์"

จากคุณ : กัปปะ. บึงปิศาจ - [ 20 ก.ย. 50]

ระวังนะจ๊ะ เข้าเมตทริกซ์ไป เข้าเมตทริกซ์มา ซับซ้อนไป ซับซ้อนมา ระวังจะมึนเอาว่า "ผมไม่ได้ทำผิดกฎหมาย แต่ผมทำในสิ่งที่กฎหมายห้าม" ล่ะ คริคริ

ผู้อ่านคนหนึ่ง รู้ตัวป่ะว่าเพ้อเจ้ออ่ะ กินยาไม่ได้เขย่าขวดหรือเปบ่า ตรวจสอบให้ดีๆนะว่ายาที่กินระงับประสาทได้ดีไหม เห็นอาการทางประสาทกำเริบหนักอย่างนี้ เป็นห่วงจัง ใกล้ปีใหม่แล้ว ละบ้างเลิกบ้างกับสิ่งที่เพ้อเจ้อ

"แสงสว่างจากไฟฟ้าจะไม่สามารถเกิดขึ้น ไม่สามารถได้รับการแพร่กระจายแจกจ่ายความสะดวกสบายกับมนุษย์ไปทั่วทุกมุมโลก หากผู้คิดประดิษฐ์มันไม่ได้รับการคุ้มครองจากแสงสว่างทางปัญญาที่มาพร้อมกับเสรีภาพทางความคิดและการแสดงออก แสงไฟแห่งเหตุผลจึงมีความสำคัญต่อมนุษย์ยิ่งกว่าแสงไฟสังเคราะห์ แสงไฟแห่งปัญญาจึงเป็นแสงไฟดวงสำคัญที่เราจำเป็นต้องยึดมั่นหมั่นดูแลรักษามิให้มอดดับ หากเรายังต้องการดำรงชีวิตร่วมกันอย่างสงบและเสรี..."

ปราบดา หยุ่น

(ที่มา Thai Poet Society - แสงไฟที่เราต้องรักษาไว้ด้วยกัน >>> คลิกอ่านเต็มๆ)

 รณรงค์ให้คุ้มครองเสรีภาพจากแสงไฟแห่งปัญญา...........

ขอโทษนะคะ

แสงไฟหรือน้ำมันเชื้อเพลิงคะ

คิดสิคิด

ยิ่งพยายามยิ่งเหนื่อย เหนื่อยไหมสิ่งที่เธอทำอยู่...ยิ่งดู ผู้อ่านคนหนึ่ง โพสต์แล้วเหนื่อยแทน สมเพชชเวทนาสิ้นดี