ReadyPlanet.com


ประกาศผลรางวัลพานแว่นฟ้า


ประกาศผลรางวัลพานแว่นฟ้า ปี 2552
ผลการตัดสินเรื่องสั้นและบทกวีการเมือง 30 ก.ค. 2552

ติดตามได้จากหน้าเว็บของสมาคม หรือข้างล่างนี้

 



ผู้ตั้งกระทู้ webmaster :: วันที่ลงประกาศ 2009-07-30 15:52:43


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (1969658)
ผู้แสดงความคิดเห็น webmaster วันที่ตอบ 2009-07-30 15:59:50


ความคิดเห็นที่ 2 (1969663)

ขอบคุณเว็บมาสเตอร์เว็บไซต์สมาคมนักกลอนแห่งประเทศไทย และขอแสดงความยินดีกับทุกท่านที่ได้รับรางวัลพานแว่นฟ้า ๒๕๕๒

ผู้แสดงความคิดเห็น ยุทธ โตอดิเทพย์ วันที่ตอบ 2009-07-30 16:13:27


ความคิดเห็นที่ 3 (1969688)

ขอแสดงความยินดีกับทุกท่านที่ได้รับรางวัล
และขอเป็นกำลังใจกับผู้ที่ส่งผลงานทุกท่าน

ด้วยความยินดีครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น นายทิวา วันที่ตอบ 2009-07-30 16:43:15


ความคิดเห็นที่ 4 (1969696)

สำนวนชนะเลิศบทกวีการเมือง   รางวัลพานแว่นฟ้าประจำปี ๒๕๕๒

                                             “กระดาษแผ่นดิน”

            ณ ที่นี้สุขดีกว่าที่ไหน              ประชาธิปไตยเบ่งบานเต็มลานฝัน

ไม่สร้างกฎกติกาให้ฆ่ากัน                  ไม่ขีดคั่นพื้นที่ด้วยสีใด

เจ้าปกครองเขตแดนแผ่นกระดาษ       ตวัดวาด....เส้นสื่อ....แสนซื่อใส

ความตั้งใจจานเจือจากเนื้อใจ              ปาดเหงื่อไคลจนแก้มน้อยเปื้อนรอยดำ

บอก “พ่อจ๋า ดูซิ...นี่ภาพหนู                ยกรูปชู...แย้มยิ้ม อย่างอิ่มหนำ

ตามองเพ่ง สักพัก แล้วพึมพำ              กลั่นน้ำคำหยาดเยาว์เล่าเรื่องราว

ว่า “ตรงนี้หนูวาดราษฎร”                   พานแว่นฟ้าคืออาภรณ์ผ่อนร้อนหนาว

หน้าทุกหน้าอาบยิ้มอิ่มนานยาว           ใต้ดวงดาวสันติภาพทาบแสงทอ

            ไม่ลงสี หนูคงไม่ลงสี              ไม่อยากมี เหลือง – แดง  แบ่งแม่พ่อ

เช่นร้อยพันอันธพาลผ่านหน้าจอ         บ้างหลอกล่อบ้างก่นด่าไม่น่าฟัง

เขาคงมีภาพวาดกระดาษเขา               หลอมรูปเงาร้ายร้ายระบายหวัง

เขาคงขีดสงครามความเกลียดชัง        สงสารจัง กระดาษ, ราษฎร

อยากลบรอยลบล้างด้วยยางลบ           หยุดจุดจบ หดหู่ อุทาหรณ์

ก่อนตะกอนสกปรก ตกตะกอน          ฝังทุกข์ร้อน แนบภาพ ตราบนิรันดร์

            ณ ที่นี่ นาทีนี้ คือที่ไหน ?         ใครหนอใครแลเหลียวหนึ่งเสี้ยวฝัน

กับสังคมแตกต่างถึงทางตัน               ภาพเหล่านั้น ลบเลือน เปื้อนน้ำตา

                                                                             นิตยา พูนเพิ่ม

ผู้แสดงความคิดเห็น เหยี่ยวข่าวถลาลม วันที่ตอบ 2009-07-30 16:59:04


ความคิดเห็นที่ 5 (1969711)

สำนวนรองชนะเลิศบทกวีการเมือง รางวัลพานแว่นฟ้าประจำปี ๒๕๕๒  

“กู่ฝันของนกพิราบ”

            สะบัดปีกโฉบปีกฉีกเมฆฟ่อง              ระบำฟ้าสีทองล่องปีกฝัน

ทะยานพุ่งมุ่งฟ้าชมตาวัน                                 เฉี่ยวโฉบโอบจันทร์ฝันเพริศพราย

นวลขาวบินโบยโดยเสรี                                  ผ่านดาวพราววิถีที่เฉิดฉาย

ผ่านทุ่งรวงทองผ่องประกาย                            ผ่านสายหมื่นสีนทีธาร

บัดดล  หนหาวห้วงราวฟ้า                              ก็หม่นพร่ามืดมนทะมึนม่าน

ทันใดฟ้าก็ฟาดเปรี้ยงเสียงกังวาน                    คำรณลั่นสั่นสะท้านปฐพี

และแล้วฝนก็ถั่งโถมโหมกระหน่ำ                  ถาโถมโหมย่ำทุกถิ่นที่

พายุฝนเกรี้ยวกราดสาดฤดี                              สองปีกเคยเร็วรี่เริ่มอ่อนล้า

อ่อนล้าในวิถีที่มุ่งหมาย                                   แต่มากมายในฝันอันเจิดจ้า

เร่งปีกฝ่าพายุฝนบนชะตา                                ท่ามพายุที่โถมถาฟ้าคำรณ

โดยฝันแห่งดาวฉายที่หมายมุ่ง                         พวยพุ่งในฤดีที่เข้มข้น

ตัวเปียกปอนอ่อนล้าให้ทานทน                       ในกราดเกรี้ยวพายุฝนบนเส้นทาง

ขาวนวลบินโบยโดยวิถี                                   กระพือปีกโดยวิธีที่สรรค์สร้าง

มุ่งขอบฟ้าทุ่งทองผ่องรางชาง                         เพริศพราวพร่างในสดสีที่อำไพ

ทะยานพุ่งมุ่งฝันอันเฉิดฉาย                             ประคองปีกเริงร่ายพลิ้วไสว

บนเส้นทางที่รวดร้าวแสนยาวไกล                 นวลขาวก็จะไปแม้หมดแรง

 

                                                                         เพ็ญพักตร์ อิบรอยีห์ นินเราะห์

ผู้แสดงความคิดเห็น เหยี่ยวข่าวถลาลม วันที่ตอบ 2009-07-30 17:23:30


ความคิดเห็นที่ 6 (1969864)

บทกวีรางวัล(ชมเชย)พานแว่นฟ้า ประจำปี พ.ศ.2552   “ เกิดการเปลี่ยนแปลงแห่งการเป็นไป”

 

ภูมิภาวะยุคสะท้านกาลสมัย      

ผืนไผททุกข์ทับถมบ่มฝักฝ่าย

ความเจ็บปวดสะท้อนนามทั้งความตาย                

ชนะ-พ่าย ใช่จุดหมายในแผ่นดิน

คือบทเรียนบทโลกโศกสะท้อน     

คือบทย้อนยังลูกหลานทั่วฐานถิ่น

ลมหายใจเดียวกันอันชาชิน           

ทั่วทั้งสิ้น กินอยู่ได้ก็คล้ายกัน

เจ็บจึงรู้จดจำ กรำวิกฤติ                       

 แผ่นดินคือชีวิต สิทธิ์สร้างสรรค์

อุทกธารน้ำตา หลั่งมาครัน            

 ท่วมชีวัน หลากชีวิตจิตวิญญาณ

 

หยุดยุคหยาบ อาบพลัง ตั้งสติ     

 ร่วมดำริรักแผ่นดินทั้งถิ่นฐาน

หลอมรวมสีให้บริสุทธิ์หยุดก่อการ                            

หยุดต่อต้านกันและกันอันเป็นไป

ข้อเท็จจริง ต้องเป็นจริงยิ่งตรงตั้ง        

 แปรความชังเป็นความรักหลักสมัย

ปลดความทุกข์เอาความสุขปลุกจิตใจ                       

  แหวกความชั่วที่ว่ายไหว ในพสุธา

เปลี่ยนอาวุธเป็นดอกไม้ให้โลกหอม  

 เสียงโห่ไล่เป็นเพลงกล่อมพร้อมรักษา

มือที่ตบเคารพสิทธิ์จิตวิญญาณ์      

ตีนที่ตบไม่ตั้งท่า จะตบตี

 

เรือนกระจกฟ้าเปิดช่องต้องแสงใส                           

  เรือนจิตใจกระจ่างสร้างศักดิ์ศรี

แดดแจร่ม ดินจรัส ปฐพี                

 ม่านเมฆคลี่ฟ้างามความสุขครอง

ต้นกล้ากาลสมัย ได้ยืนหยัด                

 เปรื่องประวัติวิวัฒน์ใหม่ให้ผุดผ่อง

แตกหน่อขึ้นต่อยอดตลอดครรลอง                    

 

ฟ้าสีทองส่องภาพลักษณ์หลักมั่นคง

ปฏิวัติ เผด็จการ มารอย่าเกิด            

ร่วมกันเปิดประชาธิปไตยในประสงค์

ตอกหลักหมุด ยุติธรรม มุ่งดำรง       

  บริสุทธิ์สูงส่งจรรโลงทาง

 

ประชาชนคือผืนฟ้า ตาสับปะรด   

   ผู้กำหนด ความถูกต้อง ส่องสว่าง

ประชาชนเปรียบแกนโลก อยู่ตรงกลาง                        

 รู้ความกว้าง ความกลม นิยมใด

แก้วหูแห่งแผ่นดิน ยินถึงฟ้า           

ทุกหย่อมหญ้ายังชูยอดกอดแสงใส

แผ่นดินแห่งเสรีภาพตราบเป็นไป

   เกิดสิ่งใหม่ ได้ประจักษ์  รักษ์แผ่นดิน

คือบทเรียน บทโลก โศกสะท้อน   

 คือบทย้อนจิตวิญญาณทั่วฐานถิ่น

เจ็บจึงรู้จดจำ อยู่ย้ำยิน                       

เราไม่สิ้นประวัติศาสตร์ชาติสังคม

 

ภูวดล  ภูภัทรโยธิน  ผู้ประพันธ์

E-mail :     pphoovadol@yahoo.com                                           

 

                                                               

                               

                                                               

 

                               

                                                               

ผู้แสดงความคิดเห็น ภูวดล ภูภัทรโยธิน วันที่ตอบ 2009-07-31 09:16:41


ความคิดเห็นที่ 7 (1969991)

ผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศ บทกวีพานแว่นฟ้า

นิตยา พูนเพิ่ม

หลาย ๆ ท่านอาจรู้สึกคุ้น ๆ ชื่อ
แต่ถ้าใครติดตาม "ร้อยกรองออนไลน์" ปีที่ผ่านมา
ในประเภท "กลอนสุภาพ" ระดับ "มัธยมปลาย"
ก็คงจะหายสงสัยได้

เพราะนอกจากเธอจะได้ชนะเลิศในรอบรายเดือนแล้ว
เธอยังได้รับรางวัลชนะเลิศ และรองชนะเลิศ
ในรอบสุดท้ายด้วย

http://www.thaipoet.net/index.php?lay=show&ac=article&Id=538709636&Ntype=6 

และนี่คืออีกหนึ่งความภาคภูมิใจ สำหรับชุมชนผู้รังสรรค์และสืบสานงานร้อยกรองครับ

แหะ แหะ
สวัสดีครับ
ผู้แสดงความคิดเห็น นายทิวา วันที่ตอบ 2009-07-31 15:27:40


ความคิดเห็นที่ 8 (1970124)

ชื่นชมผลงานของผู้ได้รับรางวัลทุกท่าน ขอสนับสนุนเวทีการประกวดแข่งขันกวีนิพนธ์ทุกเวที โดยเฉพาะโครงการร้อยกรองออนไลน์ของสมาคมนักกลอนแห่งประเทศไทย เป็นแนวดำเนินการที่เหมาะสมกับยุคสมัยของเทคโนโลยีเพื่อการสื่อสาร ดีครับ ขอให้ทำต่อไป ฝากให้กำลังใจทุกท่านด้วยครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น ผู้เฒ่าโบราณ วันที่ตอบ 2009-08-01 06:34:57


ความคิดเห็นที่ 9 (1970161)

สำนวนรางวัลชมเชยกวีการเมือง วรรณกรรมพานแว่นฟ้าประจำปี ๒๕๕๒

“อีกไม่นาน....ทหารหนุ่ม”

                        “ไม่ต้องห่วงนะแม่....”             ข่าวอาจฟังย่ำแย่เป็นแค่ข่าว

            ปักษ์ใต้คงไม่มืดอยู่ยืดยาว                   เหน็บหนาวคงไม่หนาวไปยาวนาน

            ก็มีบ้างอากาศเย็นเผลอเป็นไข้             พอได้ใช้หยูกยาแกล้มอาหาร

            เถอะ...ลูกแม่หนึ่งคนยังทนทาน          คิดถึงแม่ คิดถึงบ้าน ก็ทานทน

            เรื่องปลอดภัย ไม่ปลอดภัย ยังไม่รู้       แต่ก็สู้อย่างที่แม่สอนแต่ต้น

            ยังกราบพระก่อนนอนขอพรดล          ให้ลูกแม่หนึ่งคนผ่านพ้นภัย

            เจาะไอร้อง ไกลไหม ?..ไกลครับแม่   แต่ชายชาติทหารแท้ต้องทนได้

            สนามรบอุปสรรคหนักเพียงไร            แต่ทุกข์ของพี่น้องชาวไทยยิ่งใหญ่เกิน

            เป็นหน้าที่ต้องทำ ต้องสำเหนียก         จึ่งโลกเรียก “ลูกผู้ชาย” มิอายเขิน

            ชาติต้องการทหารกล้านำหน้าเดิน      กล้าเผชิญขวากหนาม สงครามร้าย

                        บ้านอุดรธานี..ทุ่งศรีเมือง         ข่าวแดงเหลืองฆ่าฟันมิทันหาย

            แม่ใจสั่นงันงกแทบอกวาย                  มือปล่อยสายโทรศัพท์ลงพับล้ม”

            ชายผ้าเหลืองแม่เอ๋ยหวังเชยชม            แผ่วบทเพลง “ค่าน้ำนม” ล่องลมเลือน

                        ทหารหนุ่มของแม่......             คราเฒ่าแก่หวังเห็นเจ้าเป็นเพื่อน

            กลับลมร้ายสายนราฯพัดมาเยือน         ตาแม่เปื้อนอุทกตก ท้นอกพัง

                        วีรบุรุษของแม่............             ภาพและข่าวทีวีแพร่ แว่วแตรสังข์

            เผลอยิ้มขณะอกแม่ตกภวังค์                ยิ้มทั้งทั้งน้ำตาบ่าหัวใจ

            ไม่นานหรอกไม่นาน..ทหารหนุ่ม        ใต้ธงคลุมผืนทับเจ้าหลับใหล

            แม่เหม่อมองเมฆฟ้าโศกาลัย                รอเครื่องบินจากปักษ์ใต้...อีกไม่นาน

 

                                                                                              สุขุมพจน์ คำสุขุม

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นักข่าวสายวรรณกรรม วันที่ตอบ 2009-08-01 09:32:24


ความคิดเห็นที่ 10 (1970218)

ขออภัยขอแก้ไขสำนวนที่ถูกต้อง พิมพ์ตกไป ๒ วรรค

                    "ไม่นานหรอกแม่.....ไม่นาน         สงกรานต์จะกลับไปให้โกนผม"

              ชายผ้าเหลืองแม่เอ๋ยหวังเชยชม           แผ่วบทเพลง "ค่าน้ำนม" ล่องลมเลือน

สำนวนรางวัลชมเชยกวีการเมือง วรรณกรรมพานแว่นฟ้าประจำปี ๒๕๕๒

“อีกไม่นาน....ทหารหนุ่ม”

                        “ไม่ต้องห่วงนะแม่....”             ข่าวอาจฟังย่ำแย่เป็นแค่ข่าว

            ปักษ์ใต้คงไม่มืดอยู่ยืดยาว                   เหน็บหนาวคงไม่หนาวไปยาวนาน

            ก็มีบ้างอากาศเย็นเผลอเป็นไข้             พอได้ใช้หยูกยาแกล้มอาหาร

            เถอะ...ลูกแม่หนึ่งคนยังทนทาน          คิดถึงแม่ คิดถึงบ้าน ก็ทานทน

            เรื่องปลอดภัย ไม่ปลอดภัย ยังไม่รู้       แต่ก็สู้อย่างที่แม่สอนแต่ต้น

            ยังกราบพระก่อนนอนขอพรดล          ให้ลูกแม่หนึ่งคนผ่านพ้นภัย

            เจาะไอร้อง ไกลไหม ?..ไกลครับแม่   แต่ชายชาติทหารแท้ต้องทนได้

            สนามรบอุปสรรคหนักเพียงไร            แต่ทุกข์ของพี่น้องชาวไทยยิ่งใหญ่เกิน

            เป็นหน้าที่ต้องทำ ต้องสำเหนียก         จึ่งโลกเรียก “ลูกผู้ชาย” มิอายเขิน

            ชาติต้องการทหารกล้านำหน้าเดิน      กล้าเผชิญขวากหนาม สงครามร้าย

                        บ้านอุดรธานี..ทุ่งศรีเมือง         ข่าวแดงเหลืองฆ่าฟันมิทันหาย

            แม่ใจสั่นงันงกแทบอกวาย                  มือปล่อยสายโทรศัพท์ลงพับล้ม”

                        “ไม่นานหรอกแม่...ไม่นาน      สงกรานต์จะกลับไปให้โกนผม”

            ชายผ้าเหลืองแม่เอ๋ยหวังเชยชม            แผ่วบทเพลง “ค่าน้ำนม” ล่องลมเลือน

                        ทหารหนุ่มของแม่......             คราเฒ่าแก่หวังเห็นเจ้าเป็นเพื่อน

            กลับลมร้ายสายนราฯพัดมาเยือน         ตาแม่เปื้อนอุทกตก ท้นอกพัง

                        วีรบุรุษของแม่............             ภาพและข่าวทีวีแพร่ แว่วแตรสังข์

            เผลอยิ้มขณะอกแม่ตกภวังค์                ยิ้มทั้งทั้งน้ำตาบ่าหัวใจ

            ไม่นานหรอกไม่นาน..ทหารหนุ่ม        ใต้ธงคลุมผืนทับเจ้าหลับใหล

            แม่เหม่อมองเมฆฟ้าโศกาลัย                รอเครื่องบินจากปักษ์ใต้...อีกไม่นาน

 

                                                                                              สุขุมพจน์ คำสุขุม

 

           

 

                       

 

                   

ผู้แสดงความคิดเห็น ผู้สื่อข่าวสายวรรณกรรม วันที่ตอบ 2009-08-01 13:11:42


ความคิดเห็นที่ 11 (1970227)

สำนวนรางวัลชมเชยกวีการเมือง วรรณกรรมพานแว่นฟ้าประจำปี ๒๕๕๒

“หน้าที่ของกู”

                      หากจะวางซ้อนกันมันสูงมาก   และก็ยากจะมีที่รักษา

            จะชั่งกิโลขายไร้ราคา                          จะเป็นควันแสบตาถ้าเผาไฟ

            น้ำหมึกจะเป็นยาฆ่าปลวกมด             หรือยาลดปริมาณการวางไข่

            จะเอาพับถุงขายละอายใจ                    อาจทำให้เป็นมะเร็งเร่งลุกลาม

            หากเอาบรรทัดทองของหนังสือ          มาต่อยือวางกองคงต้องหาม

            ทุกมาตรากำหนดบทสวยงาม             เขียนไว้ตามสาระประชาชน

            เพื่อประชาธิปไตยที่ใหญ่ยิ่ง                 เสร็จฉีกทิ้งมาแล้วสักกี่หน

            อาจเป็นความบกพร่องของบุคคล       หรือเหตุผลผู้ใช้ได้ไม่ดี

            บางครั้งเอาของเดิมมาเสริมหน้า          บางเวลาคนเขียนอาจเปลี่ยนสี

            ล่วงเวลาสิ้นเสร็จเจ็ดสิบเจ็ดปี             ไม่รู้กี่ฉบับหากนับกัน

            ตีมโหระทึกดังกึกก้อง                         เอาพานทองแว่นฟ้ามารับขวัญ

            ธรรมนูญเพื่อประชามากำนัล              ไม่กี่วันพานทองก็หมองจาง

            คนมีสิทธิ์ใช้ไร้สิทธิ์เขียน                    คนที่เปลี่ยนสิทธิ์มีเลือกสีข้าง

            จึงเหมือนผู้ชราหูตาฟาง                       และทุกอย่างมองเห็นเป็นทางตัน

            แต่ก็มีความหวังยังไม่ท้อ                     จะเฝ้ารอเส้นทางที่สร้างฝัน

            วันที่เหลือข้างหน้าอาจจะทัน              คงเป็นวันที่ฟ้าไร้ราคี

            เฝ้าแต่นับทบทวนจำนวนครั้ง             และก็หวังท้องฟ้าจะเปลี่ยนสี

            สิ่งผ่านมาถูกหรือผิดทฤษฎี                 จนปูนนี้หัวใจไม่อยากคิด

            ใครจะเขียนเพื่อใคร “กู” ไม่รู้              หน้าที่ “กู” คือกาอย่าให้ผิด

            “กู” จะกาต่อไปในชีวิต                       รักษาสิทธิ์ประชาชนคนอย่างกู

 

                                                                                   สงวน  กลิ่นหอม

ผู้แสดงความคิดเห็น ผู้สื่อข่าวสายวรรณกรรม วันที่ตอบ 2009-08-01 13:43:06


ความคิดเห็นที่ 12 (1970235)

สำนวนรางวัลชมเชยกวีการเมือง วรรณกรรมพานแว่นฟ้าประจำปี ๒๕๕๒

 

“ขอเพียงแผ่นดินไทยเป็นผืนเดียว”

 

อย่าตัดสินชั่วดีด้วยสีเสื้อ         เพราะเลือดเนื้อในนั้นสำคัญกว่า

            อย่าประเมินหัวใจด้วยสายตา              ละเลยแรงศรัทธามหาชน

            เพราะมีรากวันนี้จึงมียอด                    ดำรงรอดกิ่งไม้ให้ดอกผล

            ยึดแผ่นดินหยัดยืนขึ้นเต็มตน               อาบน้ำฟ้าน้ำฝนรดต้นใบ

            สายเลือดเดียวเกี่ยวดองดุจน้องพี่         แปรงป้ายสีเธอถือข้างมือไหน

            แตกแยกคนละทางบนร่างใคร             เฉือนคมเชือดเลือดไทยลงไหลริน

            ดูเถิดแผ่นดินทองใต้กองศพ                สร้างตึกสร้างสนามรบไม่จบสิ้น

            อ้างถูกผิดผลาญเหย้าเผาแผ่นดิน          กัดก้อนเกลือดื่มกินอุดมการณ์

            ห่อหุ้มคนดีดีด้วยสีเสื้อ                         ฝังความเชื่อเลือกข้างเข้าล้างผลาญ

            ไล่รบราฆ่าฟันกันแหลกลาญ              แยกคมแยกด้ามคว้านแบ่งขวานเดียว

            ใต้ร่มธงชาติไทยในวันนี้                     หากยังมีชื่อไทยใช้ยึดเหนี่ยว

            แก่นชีวิตคือการผสานเกลียว               ไม่มีเสี้ยวเศษใดไม่สำคัญ

            ไม่มีใครชั่วดีเพราะสีเสื้อ                     รวมเลือดเนื้อเชื้อไทยใช่สีสัน

            ประเทศเป็นของเราเท่าเท่ากัน             ในคำนั้นคำว่า  ประชาธิปไตย

            เสียงขุนศึก-อำมาตย์-ราษฎร                ก้องสะท้อนแผ่นดินได้ยินไหม

            “ไม่มีใครชั่วดีด้วยสีใด                        ขอเพียงแผ่นดินไทยเป็นผืนเดียว”

 

                                                                                      จามรี  ตันไพฑูรย์ดิถี

ผู้แสดงความคิดเห็น ผู้สื่อข่าวสายวรรณกรรม วันที่ตอบ 2009-08-01 14:16:34


ความคิดเห็นที่ 13 (1970242)

สำนวนรางวัลชมเชยกวีการเมือง วรรณกรรมพานแว่นฟ้าประจำปี ๒๕๕๒

 

“เทียนของแม่”

                        ……………………                ใต้อ้อมกอดแกร่งแห่งหุบเขา

            ท่ามกลางมรสุมรุมเร้า                         ในดวงตาของเจ้าแม่เข้าใจ

            ว่าไม่มีหวังบ้านหลังเขา                      เทียนก็เก่าเกินแรงพายุใหญ่

            ไม่อาจส่องฟ้าดำให้อำไพ                    รอละลายมอดไหม้ในไม่ช้า

            ต่างกับแสงไฟกลางใจกรุง                  โรจน์รุ่งเริงแรงสาดแสงกล้า

            ปลุก ประชาธิปไตยให้ตื่นฟ้า              ขับไล่มายาความสามานย์

            หรือเป็นเพียงสามานย์อันสามัญ          ที่เฉิดฉันช่วงฉายประกายฉาน

            ในคราบประชาคมอุดมการณ์              ซ่อนวิญญาณอสัตย์เต็มอัตตา

            นี่หรือ.....ประชาธิปไตย                       ดั่งดวงไฟโชติชัดจรัสจ้า

            ฉายเพียงเพื่อตนพ้นชั่วช้า                    ฉวยมาอ้างสิทธิ์สร้างอิทธิพล

            เป็นเครื่องมือทำลายฝ่ายตรงข้าม         ใช้ความสับปลับสร้างสับสน

            โหมแรงแห่รุกปลุกใจคน                    จึงฉ้อฉลให้เห็นอยู่เด่นชัด

            คืนกลับมาเถิดลูกเอ๋ย                           บ้านหลังเขาเจ้าเคยสู้ยืนหยัด

            แม้หมื่นมหาพายุพัด                             อ้อมหัตถ์หุบเขาจะเฝ้าประคอง

            เทียนของแม่ในคืนหม่นจักยลแสง      ด้วยมือเรารวมแรงขึ้นปกป้อง

            ประกายเทียนจักฉายประกายทอง       ให้เห็นทุกครรลองอย่างถ่องแท้

            ให้เห็นทุกมโนทัศน์อย่างชัดแจ้ง         ความจริงจักสำแดงดั่งแสงแข

            ขอเดือนเพ็ญเด่นพร่างกลางดวงแด     ขอลูกแม่กลับคืนสู่ผืนดิน

                                          มาต่อเทียนให้ทั่วถิ่นแผ่นดินไทย                                      

 

                                                                                     กัมปนาท  แสงทอง

ผู้แสดงความคิดเห็น ผู้สื่อข่าวสายวรรณกรรม วันที่ตอบ 2009-08-01 14:45:19


ความคิดเห็นที่ 14 (1970253)

สำนวนรางวัลชมเชยกวีการเมือง วรรณกรรมพานแว่นฟ้าประจำปี ๒๕๕๒

 

“ในนามของความเข้าใจ”

                        “คนดีของฉัน”                         ที่ห่างกันยังคะนึงคิดถึงเสมอ

            ภาพยังค้างกลางใจแม้นไม่เจอ             รู้สึกดีต่อเธอเสมอมา

            เหงาที่รอเธอกลับนานนับเดือน           ยังส่งใจมาเยือนย้ำเตือนว่า

            ใจที่ต่างยืนหยัด ต่างศรัทธา                 มิอาจกั้นเสน่หาบรรดามี

            “ในนามของประชาธิปไตย”                เราอาจไปคนละข้างเสื้อต่างสี

            แต่เชื่อความงดงามของความดี            งดงามในเสรี วิธีคิด

            บ้านเมืองเป็นของเราเท่าเท่ากัน           ทั้งเธอ-ฉัน วันนี้ จึงมีสิทธิ์

            เราอาจแปลกแยกข้างแยกทางทิศ        แต่ชีวิตมีอะไรไปกว่านั้น

            “ในนามของความรัก”                         ยังแน่นหนักทุกเมื่อ ยังเชื่อมั่น

            ระหว่างความผิดถูกและผูกพัน           เชื่อเถอะ คนละส่วนกัน ฉันสัญญา

            ...ที่ชุมนุมเหนื่อยหนักเธอพักหน่อย     อย่าเผลอปล่อยให้หนักรีบรักษา

            เช่นเธอรักยุติธรรมเธอนำพา                รักประชาธิปไตยใส่ใจรัก

            เช่นเธอห่วงบ้านเมืองเป็นเรื่องใหญ่     ยามสังคมบ่มไฟซมไข้หนัก

            เธอเสมอร่วมด้วยช่วยฟูมฟัก               แจ้งประจักษ์เจตนาศรัทธาเธอ

            “คนดีของฉัน”                                     กี่เดือนวันยังคะนึง คิดถึงเสมอ

            รอภาระเธอจบ รอพบเจอ                     อยากกดเบอร์โทรหามิกล้าพอ

            ระหว่างเรื่องการเมือง เรื่องคิดถึง        ดูลึกซึ้งเกินคิดโทรติดต่อ

            อุดมการณ์ยืนหยัดเกรงขัดคอ              จึงฝากใจใส่จอฝากข้อความ

            “ในนามของความเข้าใจ”                    รู้ เธอชอบสีอะไรจะไม่ถาม

            รักและห่วงใยอยู่ทุกครู่ยาม                  ห่างไกลข้ามวันเดือน...ยังเหมือนเดิม

           

                                                                                         กัญจนพร  ยุวระดา

                       

ผู้แสดงความคิดเห็น ผู้สื่อข่าวสายวรรณกรรม วันที่ตอบ 2009-08-01 15:19:41


ความคิดเห็นที่ 15 (1970358)

สำนวนรางวัลชมเชยกวีการเมือง วรรณกรรมพานแว่นฟ้าประจำปี ๒๕๕๒

 

“ในสายตาของคางคก”

 

            เธอพร่ำคำซ้ำซาก “ปราศจากอาวุธ”    แต่แค้นคลั่งรั้งฉุดพรากหมุดหมาย

            จิตละเมอเผลอหลุดอาวุธร้าย               สะสมซากความตายในสายตา

            โดยสงบ…..โดยตลอดถูกทอดทิ้ง       พลัดตกจากก้านกิ่งอหิงสา

            ช่วงวันผูกพันรักถูกชักพา                   หลงราวไพรปริศนา….อันมืดดำ

            ละเอียดอ่อนชีวิต  ถูกลิดรอน              ขุ่นตะกอนอารมณ์- เธอล้มคว้ำ

            ในนามสัตย์ประเสริฐ…ตะเพิดซ้ำ       กระหน่ำอารมณ์ค้างเตะคางคก          

            ตีนในนาม “สิทธิ เสรีภาพ”                 กำราบโลกเหล่านั้นหวั่นวิตก

            ชีวิตในรั้วบ้าน....สั่นสะทก                 มือกำชกดอกไม้พังไปทั้งแปลง

            มิใช่เล่น..เวรกรรมและน้ำตา               หลากใบหน้าสบตาแบบมีแอบแฝง

            สายเคเบิ้ลเหินสะท้านด้านรุนแรง       จุดแบ่งข้างระอุรุ่มเป็นกลุ่มควัน

            ชีวิตถ้าหากลองต้องเลือกข้าง              ความเห็นต่างจำกัดสิทธิ์ถูกกีดกั้น

            เผด็จการต่อภาวะแต่ละวัน                  สั่นสะเทือนเลื่อนลั่น ณ ชานเรือน

            หลังดอกไม้ยับพังไปทั้งแปลง             ซากศพแห่งคางคกรายรกเกลื่อน

            ถูกโยงใยชีวิต-ถูกบิดเบือน                  ละลาบเลือนในตาหลากอาวุธ

            ลามละเลงโทนเฉดประเทศชาติ          ประกาศการห้ำหั่นอันบริสุทธิ์

            เผยภาวะรุนแรงแห่งมนุษย์                  ดีงามถึงคราวหลุดประทุษร้าย

            เธอพร่ำคำซ้ำซาก “ปราศจากอาวุธ”    ณ ขณะจุดอารมณ์ พังล่มสลาย

            สันติของคางคกถูกเหยียบตาย            เธอปีนป่ายธงชาติประกาศชัย

            แปลงดอกไม้ยับพังไปทั้งนั้น              เธอดื้อรั้นตะโกนกรอกตะคอกใส่

            ว่าข้าพเจ้าไม่ลุ่มลึก...เธอเสียใจ           มัวแต่เศร้าอาลัยกับคางคก

 

                                                                                     โกสินทร์  ขาวงาม

                       

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ผู้สื่อข่าวสายวรรณกรรม วันที่ตอบ 2009-08-02 08:54:32


ความคิดเห็นที่ 16 (1970376)

สำนวนรางวัลชมเชยกวีการเมือง วรรณกรรมพานแว่นฟ้าประจำปี ๒๕๕๒

 

“กระดานชื่อประเทศชาติ”

 

                        เล่นหมากรุกกี่ครั้งตั้งแล้วล้ม  ตัวเบี้ยถมแตกทิ้งกลิ้งลงถัง

            กระดานโทรมทรุดล้วนจวนจะพัง      กระทบกระทั่งแต่ละทีเกือบบี้แบน

            เซียนต่อเซียนเปิดเบี้ยเข้าเคลียร์ทาง     ปะทะกลางกระดานกลุ่มชุมนุมแน่น

            โคนเข้าผูกรุกม้าหาคะแนน                 ยกเรือแล่นแผนลับสลับลาย

            ขุนต่อขุนจ้องหน้าวางท่าขุน               เอาเม็ดรุนไล่เสียพลิกเบี้ยหงาย

            กับดักโยนโคนขวางสร้างอุบาย          ค่อยเทถ่ายคลายผูกรุกไม่จน

            เล่นกี่ครั้งกี่ครั้งตั้งตาอับ                      เซียนมีไม้ตายลับขั้นเข้มข้น

            ล้มกระดานเล่นใหม่ในเล่ห์กล             เบี้ยได้แต่ยอมทนทุกครั้งคราว

            กระดานชื่อประเทศชาติก็อาบชุ่ม        เลือดประชาชุมนุมก็ทบท่าว

            เซียนไม่เคยกระสากลิ่นอันขื่นคาว      จับเบี้ยร้าวแหลกพังลงถังโยน

            …..หมากรุกกระดานนี้………….       เล่นต่อไปก็มีแต่หักโค่น

            นับแต่ขุนเม็ดม้านาวาโคน                   จะพลอยโจนตายเสียเบี้ยบอกมา

            เซียนต่อเซียนเวียนสู้อยู่ไม่ถอย            กระดานพลอยหงอยเหงาเก่าคร่ำคร่า

            เล่นไม่เลิกเบิกสร้างทางอัปรา             เหลือซากกระดานไร้ค่าเป็นรางวัล

 

                                                                                       ธีรภัทร  เจริญสุข     

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ผู้สื่อข่าวสายวรรณกรรม วันที่ตอบ 2009-08-02 09:47:43


ความคิดเห็นที่ 17 (1970380)

สำนวนรางวัลชมเชยกวีการเมือง วรรณกรรมพานแว่นฟ้าประจำปี ๒๕๕๒

 

“การผลัดใบอันยาวนาน”

 

                      ทนฝืนยืนต้นบนดินแล้ง            ด้วยแรงแห่งหวังยังไม่สิ้น

            รอแดดแผดคลายสายฝนริน                 คงได้ยลยินการผลิใบ

            ปลิวคว้างร้างเงาใบเก่าร่วง                  ลาห้วงแห่งกาลผ่านสมัย

            ปลิดทิ้งไม่เหลือสิ้นเยื่อใย                    เก่าแก่เกินไปไม่ควรกาล

            เหลือก้านกร้านลมห่มแดดเปรี้ยง        คู่เคียงกิ่งต้นทนประสาน

            บรรเลงเพลงหวังก้องกังวาน               ถึงวันผลิบานแห่งดอกใบ

            ว่า “ผีเสื้อสวยด้วยปีกสี”                      จะคลี่บินฟ้อนว่อนไสว

            เริงอิสราจากฟ้าไกล                            ผสมพันธุ์ไม้ให้งดงาม

            เกิดป่าเสรีตามที่ฝัน                             ส่ำสัตว์แพร่พันธุ์กันล้นหลาม

            ดินชุ่มน้ำใส ในนิยาม                          แห่งความคลาดหวังยังเลื่อนลอย

            เพราะความเป็นไปในวันนี้                  ทำนองดนตรียังเหงาหงอย

            เพลงลวงหลอกว่าตั้งตาคอย                จังหวะเคลื่อนคล้อยการผลิใบ

            พรางตาว่ามีรุ้งสีสวย                           ว่าลมจะช่วยรวยรินไหว

            ฝนพรำฉ่ำดินทุกถิ่นไป                        แท้น้ำรินไหลจากนัยน์ตา

            แผ่นฟ้ายังปิดทุกทิศเหงา                     สร้างแสงลวงเงาให้ค้นหา

            สีสวยด้วยฉากมากมายา                      จึงใช่เวลาหานิยาม

            คงฝืนยืนต้นบนดินร้อน                       พบผีเสื้อฟ้อน-ฝากวอนถาม

            ประชาธิปไตยในไม้งาม                      เมื่อไหร่ถึงยามได้ผลัดใบ

                                                                                                    นายเงา

ผู้แสดงความคิดเห็น ผู้สื่อข่าวสายวรรณกรรม วันที่ตอบ 2009-08-02 10:11:25


ความคิดเห็นที่ 18 (1970393)

สำนวนรางวัลชมเชยกวีการเมือง วรรณกรรมพานแว่นฟ้าประจำปี ๒๕๕๒

“ในป่าหิมพานต์”

                        1.                         

                        เมื่อวานนี้

                        นกเขาขวากกล่าวทักทายนกกาเหว่า

                        ในป่าหิมพานต์เล็กๆหลังบ้าน

                        ดงเฟิร์นสะท้อนแสงอัญมณีของน้ำค้าง

                        ต้นไม้ใบหญ้าแพรวพราวไปด้วยสีสัน

                        ท่ามกลางแสงแดดจ้าของฤดูร้อน

                        ที่ปัตตานี....

                        ปัตตานี

                        2.

                        สายลมที่ไม่มีใครรู้จักพัดราวตากผ้าหลากสีสันสะบั้นลง

                        ฮิญาบสีขาวร่วงหล่น

                        ร้านน้ำชา ร้านโรตีมะตะบะ ร้านโทรศัพท์มือถือ

                        วัด-มัสยิด และเรือนบ้านของชาวพื้นเมือง

                        สั่นสะทกอยู่ในสายลมแรง

                        ที่ปัตตานี….

                        ปัตตานีในป่าหิมพานต์

                        3.

                        เมื่อสายลมหยุดนิ่งในค่ำคืนหนึ่ง

                        ท้องฟ้ามืดครึ้ม

                        หมู่เมฆสีดำก้อนมหึมายิ่งกว่าเขาไกรลาส

                        ลอยวนอยู่เหนือเมือง

                        อากาศร้อนอ้าว เหมือนฝนจะตก

                          หญิงชราในก้อนเมฆสวมเสื้อคุมยาว

                          ในมือถือตะเกียงส่องสว่าง

                          เดินวนอยู่บนท้องฟ้า

                          ที่ปัตตานี...

                          ปัตตานีในป่าหิมพานต์

                                   

                        4.

                        ความสว่างไสวกลับมาอีกครั้ง

                        สาวน้อยในก้อนเมฆสีขาวเริงระบำกับฝูงว่าวหลากสี

                        สรรพสัตว์บนฟากฟ้ากำลังก้มมองดูเบื้องล่าง

                        สรรพสัตว์บนพื้นดินกำลังแหงนหน้ามองท้องฟ้า

                        เรากำลังเดินอยู่ในป่าหิมพานต์

                        ที่คั่นระหว่างอาณาจักรโบราณสองแห่ง

                        กลิ่นแม่น้ำไหลหลอมรวมกลับมหาทะเล

                        ปลาในแม่น้ำจึงได้ทักทายกับปลาในทะเล

                        พรุ่งนี้เราจะพบพานสิ่งใดอีก?

                        ที่ปัตตานี...

                        ปัตตานีในป่าหิมพานต์

                        5.

                        วันนี้หญิงชรายังไม่โผล่หน้ามาจากก้อนเมฆ

                        เหล่าสาวน้อยยิ้มแย้งเริงร่าอยู่ในฮิญาบหลากสีสัน

                        เสียงไวโอลินแว่วหวานผสานทำนองเพลงรองแง็ง

                        นกเขาชวาและนกกาเหว่าปรากฏเงาร่างขึ้น ณ เวิ้งขอบฟ้า

                        ที่ปัตตานี...

                        ปัตตานีในป่าหิมพานต์

                                                                                     กันต์ธร  อักษรนำ

ผู้แสดงความคิดเห็น ผู้สื่อข่าวสายวรรณกรรม วันที่ตอบ 2009-08-02 11:26:01


ความคิดเห็นที่ 19 (1970437)

ชอบทุกสำนวน โดดเด่นไปคนละแบบคนละลีลา ลักษณะเหมือนว่ากรรมการจะเลือกสุดยอดของแต่ละลีลามาให้รางวัล ที่ชอบมากเป็นพิเศษคือ กู่ฝันของพิราบขาว กับ ในป่าหิมพานต์ เพราะอ่านแล้วรู้สึกว่าผู้เขียนเดินทางไปถึงคำว่า"กวี" มากที่สุด

ผู้แสดงความคิดเห็น อัสดง วันที่ตอบ 2009-08-02 12:31:51


ความคิดเห็นที่ 20 (1970578)

ขอแสดงความยินดีกับทุกท่านที่ได้รับรางวัล

และเป็นกำลังใจให้กวีทุกคน

ผู้แสดงความคิดเห็น ฯจันฯ (vi_vorn-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2009-08-03 08:22:08


ความคิดเห็นที่ 21 (1970975)
เชิญอ่านและพิจารณากรณีโกงรางวัลพานแว่นฟ้าของศิรวรhttp://www.thaiwriter.net/forum01/index.php?topic=4370.24 แล้วร่วมหาทางช่วยกันโกงต่อไป หรือแก้ไขอย่างใดอย่างหนึ่ง
ผู้แสดงความคิดเห็น พี่ชาย วันที่ตอบ 2009-08-04 11:04:11


ความคิดเห็นที่ 22 (1970985)

เห็นด้วยอย่างยิ่งกับท่านอัสดงนะครับ  สองชิ้นนี้มีความเป็นกวีอย่างยิ่ง  และผมชอบที่สุดคือ  กู่ฝันของนกพิราบสีขาว  ครับ  และผมยอมรับในการตัดสินของคณะกรรมการ   มีบางคนอคติต่อกรรมการ   นั่นมันกรรมการเมื่อหลายปีก่อน

แต่กรรมการปัจจุบัน  ผมมีความเชื่อมั่นมากว่า  มีความยุติธรรมดีเยี่ยม   โดยเฉพาะ    อาจารย์เนาว์   เพราะท่านคือความเที่ยงธรรมของวงการ    ปีนี้ผมได้รับรางวัล

และผมไม่รู้จักกรรมการเลยสักคน 

ผู้แสดงความคิดเห็น นายเคารพ ยุติธรรม วันที่ตอบ 2009-08-04 11:45:50


ความคิดเห็นที่ 23 (1971302)

และกรรมการไม่รู้จักผมเลยสักคน

ผู้แสดงความคิดเห็น นายเคารพ วันที่ตอบ 2009-08-05 11:23:25


ความคิดเห็นที่ 24 (1971572)
คนที่โกงไม่ควรเรียกตัวเองว่าเป็นกวี เศร้าใจมากกับการโกงครั้งนั้น ไม่น่าอยากได้เงินรางวัลจนต้้องปลอมตัวส่งหลายชื่อเลย ถือว่าเอาเปรียบผู้อื่นมาก เพราะการประกวดให้ส่งได้เพียงหนึ่งสำนวน เสียชื่อคนใต้ครับ
ผู้แสดงความคิดเห็น เด็กนาทวี วันที่ตอบ 2009-08-06 08:50:58


ความคิดเห็นที่ 25 (1971623)

กรณีของ  ศิริวร   นอกเหนือจากคุณค่าของงานและเป็นที่ยอมรับว่า  งานถึงจริง  แต่เรื่องจริยธรรมก็น่าคิด  แต่ก็ไม่รู้ว่าศิริวรคิดอะไร

แต่ที่แน่ๆๆ  ศิริวร  ไม่ใช่พระอรหันต์ ย่อมมีกิเลสเป็นธรรดาๆ    จะโทษกรรมการก็ไม่ถูก  เพราะกรรมการก็ไม่รู้   ต้องโทษเรื่องจริยธรรม ครับ 

ผู้แสดงความคิดเห็น เด็กหาดใหญ่ วันที่ตอบ 2009-08-06 11:12:26


ความคิดเห็นที่ 26 (1971649)

ผมว่าการผลัดใบอันยาวนาน  ของนายเงา  งดงามทั้งถ้อยคำ  เนื้อหา   อารมณ์  เยี่ยม

ผู้แสดงความคิดเห็น คนเหนือ วันที่ตอบ 2009-08-06 12:42:56


ความคิดเห็นที่ 27 (1971657)

เราก็รู้ เราไม่ว่าศิริวรหรอก  เพราะศิริวรเคยไม่ได้รับความเป็นเธรรมมื่อปีก่อนหน้าปีที่ได้รับรางวัล ได้ยินข่าวมาว่าถูกการเมืองแทรกแซง ปีถัดมาเลยแค้น

ต้องเข้าใจว่ากวีมิใช่พระอรหันต์    การเขียนหรือเสพบทกวียังเป็นเรื่องกิเลส เพียงแต่เป็นกิเลสอารยะ เกิดขึ้นกับคนที่มีจิตใจสูงระดับหนึ่ง มิฉะนั้นจะไม่สามารถสร้างหรือเสพงานชนิดนี้ได้เลย

ผู้แสดงความคิดเห็น vylf' วันที่ตอบ 2009-08-06 12:59:11


ความคิดเห็นที่ 28 (1971662)

ขอแก้ไข ผู้ใช้นามข้างบนที่ถูกคือ อัสดง ลืมกดเปลี่ยนภาษา

ผู้แสดงความคิดเห็น อัสดง วันที่ตอบ 2009-08-06 13:02:07


ความคิดเห็นที่ 29 (1971675)

คุณนิตยาเก่งทั้งกลอนประกวดและก็กลอนสดครับ  ผมกับเค้าเคยฟาดฟันฝีมือมาแล้วหลายครั้งตอนมัธยม

ไม่น่าเชื่อว่าความคิดของเด็กปีหนึ่งจะมีจินตนาการและจริยะธรรมสูงกว่าคนใหญ่ๆสมัยนี้............เสียอีก

ผู้แสดงความคิดเห็น หน่มใต้พ่ายรัก วันที่ตอบ 2009-08-06 14:04:21


ความคิดเห็นที่ 30 (1971700)

ชอบคำ กิเลสอารยะ ของความเห็น 27

ผู้แสดงความคิดเห็น วูดู วันที่ตอบ 2009-08-06 15:40:51


ความคิดเห็นที่ 31 (1971872)
ถึงเวลาหรือยังที่เราจะถามหา “จรรยาบรรณ” ของนักเขียนต่อนักเขียนไทย ท่าม กลางสังคมไทยที่แปรปรวนอย่างไม่หยุดนิ่งในปัจจุบันนี้ เ ราไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าเป็นเพราะ “การเมือง” นั้นเองซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ก่อผลกระ ทบให้กับส่วนต่างๆ ในสังคมไทย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาระดับพื้นผิวอย่างปัญหาของปัจเจก ชน หรือระดับสังคมย่อยครอบครัว ชุมชน จนสู่ระดับกว้างถึงสังคมใหญ่ เมือง จนถึงประเทศ ปัญหาต่างๆ ที่มีให้เห็นอยู่ในทุกวันนี้ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากก ารที่นักการเมือง “ขาดไร้ซึ่งจริยธรรม - จรรยาบรรณ” นั่นเอง เมื่อหลายฝ่ายได้ศึกษา วิเคราะห์ ตลอดจนลงความเห็นตรงกันแล้วว่า การขาดไร้ซึ่งจริยธรรม – จรรยาบรรณ ของนักการเมืองนั้นเองที่ก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ ขึ้นในสังคมไทย หลายภาคส่วนจึงต้องออกมาเรียกร้องให้นักการเมื องเร่มกลับไปคะนึงถึงจริยธรรม – จรรยาบรรณให้มากกว่าเดิม เพราะถ้าหากว่านักการเมืองยังดำรงอยู ่ท่วมกลางการขาดไร้ฯ เช่นนี้แล้วล่ะก็ ปัญหาต่างๆ ในสังคมไทยก็ไม่มีวันยุติได้ง่าย และอาจจะก่อผลกระทบอย่างมหาศ าลต่อไปในอนาคต ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้นก็คงจะถึงจุดที่เรียกว่า “จุดวิกฤติศรัทธา” อย่างแน่นอน ที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นคือประเด็นทางการเมืองที่ก่อผลกระทบต่อปร ะชาชนเป็นหลัก ทว่า เราก็มิอาจปฏิเสธได้เลยว่าคำว่า “จริยธรรม – จรรยาบรรณ” นั้น ควรที่จะฝังลึกและหยั่งรากอยู่ในทุกภาคส่วนของสังคมไทย ไม่ว่าจะแวดวงใด ถ้าหากผู้คนในแวดวงนั้นๆ กระทำตัวขาดไร้ฯ อย่างที่กล่าวมาแล้ว จุดวิกฤติศรัทธาจะต้องมาถึงแน่นอน และแน่นอน “แวดวงนักเขียน” ก็ไม่มีข้อยกเว้น และควรที่จะต้องมีมากเสียด้วย เหตุ ใดผู้เขียนจึงบอกว่าควรจะมีมากเสียด้วย นั้นเพราะนักเขี ยนเป็นผู้ที่ใช้ภาษามารับใช้ทัศนะคติ อุดมคติ ความคิด ของผู้เขียนเอง ซึ่งแน่นอนทัศนะคติ อุดมคติ ความคิดเหล่านั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นความคิดที่สูงส่ง หากแต่ก ็ไม่ควรจะเป็นความคิดที่ชั่วร้าย ดั่งที่ “กุหลาบ สายประดิษฐ์หรือศรีบูรพา” เคยกล่าวไว้ว่า “นักหนังสือพิมพ์นั้นก็เหมือนคนผู้ถือสา ตราวุธอยู่ในมือ คนถืออาวุธที่มีเกียรติจำต้องมีจรรยาและธรรมะ ในการใช้อาวุธ นักหนังสือพิมพ์ก็เช่นเดียวกัน มีปากกาเป็นอาวุธ จะใช้ปากกาเป็นคุณและลงโทษแก่ผู้ใดก็ย่อมจะใ ช้โดยมีจรรยาและธรรมะ ตามที่รับนับถือกันในวงการหนังสือพิมพ์ท ี่มีอารยธรรม นักหนังสือพิมพ์ใดใช้ปากกาของตนโดยปราศจากจรรยาแ ละธรรมะก็เป็นผู้ไร้ เกียรติยศ และเป็นผู้ทำลายเกียรติยศของวงการหนังสือพิมพ์ส่วนรวม...จาก & #8220;ที่นี่และที่นั้น” ๑๙ พฤษภาคม ๒๔๘๙ (คัดลอกข้อความมากจากหนังสือ ข้อคิดจากใจ กุหลาบสายประดิษฐ์ รวบรวมโดย ชนิด สายประดิษฐ์ สำนักพิมพ์แม่คำผาง ฉบับพิมพ์ครั้งที่ ๒) นั้นเอง ผู้เขียนแม้จะไม่ ได้อยู่ใน “แวดวงนักเขียน” แต่ผู้เขียนก็ชื่นชอบ ชื่นชมนักเขียน และผลงานเขียนของนักเขียนไทยอย่างที่เรียกว่า “มากที่สุด” ผู้เขียนก็มีนักเขียนในดวงใจอยู่ด้วย กันมากมายหลายคน มากเสียจนไม่จำเป็นต้องเอ่ยนามกันให้ยุ่งยาก ฉะนั้นเมื่อผู้เขียนมีเวลาว่างก็มักจะติดตามข่าวสารเกี่ยวกับแ วดวงนักเขียน ไทยอยู่เสมอไม่ได้ขาด ทั้งจากสื่อหนังสือพิมพ์ รวมถึงในสื่ออินเตอร์เน็ต หลาย ปีมานี้ ตั้งแต่ผู้เขียนติดตามข่าวสารทั้งจากสื่อหนังสือพิมพ์ และสื่อ อินเตอร์เน็ต ผู้เขียนได้รับรู้ถึงเรื่องอันที่ไม่น่าเก ิดขึ้นในแวดวงนักเขียน แวดวงนักคิดเลย นั้นคือกรณีดังต่อไปนี้ ๑. กรณีลอกงานเขียน ประเด็นนี้โดยส่วนมากผู้เขียนจะได้อ่านในเว็บ ที่ชื่อว่า “พันทิพ” ซึ่งมีอยู่หลากหลายกรณี ทั้งลอกเนื้อเรื่อง ทั้งลอกโดยเปลี่ยนแปลงตัวละคร และในกรณีที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อ ไม่นานมานี้คือ กรณีลอกผลงานเขียนของตัวเอง แล้วนำไปส่งให้กับสำนักพิมพ์แห่งใ หม่ ซึ่งบทสรุปของหลากหลายประเด็กที่เกิดขึ้นก็เป็นไปต่างๆ จำได้ว่า กรณีการลอกผลงานกันนี้ราวซักหนึ่งถึงสองปีที่ผ่านมาม ีมากเป็นพิเศษ มากเสียจนเกิดการตื่นตัวกันในเรื่อง “ลิขสิทธิ์” มีหลายภาคส่วนได้จัดอบรม เสวนา ในหัวข้อเกี่ยวกับลิขสิทธิ์อยู่บ่อยครั้ง เมื่อมองอย่างผิวเผิ นก็เป็นเรื่องที่ดี หากแต่มองลึกลงไปแล้วละก็ คำถามหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในใจผู้เขียนว ่า “ผู้คนสมัยนี้ขาดจริยธรรม จรรยาบรรณ หรือขาดไร้ซึ่งจิตสำนึกกันมากขนาดนี้เชียวหรือ?R 21; ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันควรจะฝังอยู่ในจิตใจมิให้กระทำมิใช่หร ือ? ๒. กรณีละเมิดกฎกติกาส่งผลงานประกวด กรณีนี้ผู้เขียนก็เพิ่งไ ด้พบเห็นเมื่อไม่นานมานี้ที่เว็บไซต์ “ไทยไรเตอร์” กรณีการละเมิดฯ นี้แบ่งออกเป็นได้สองแบบคือ หนึ่งแบบไม่ได้ตั้งใจ และสองแบบที่ตั้งใจ ในกรณีที่หนึ่งนั้นคือแบบไม่ได้ตั้งใจก็แจ้งถอนได้ หากแต่เป็น กรณีที่สองล่ะ ผู้เขียนขอยกในกรณีที่สองมาซักสองกรณีคือ กรณี แรก ในการจัดการ “ประกวดนายอินทร์ฯ” ที่เพิ่งผ่านมา เมื่อมีกติกาข้อนึงได้กำหนดไว้ว่า “ผลงานที่ส่งเข้าประกวด จะต้องไม่เผยแพร่ไม่ว่าสื่อใดๆ ทั้งสิ้น” กรณีนี้มีนักเขียนซึ่งถือได้ว่ามีชื่อเสียงใน ระดับหนึ่ง และเคยผ่านการประกวดในเวทีนี้มาแล้ว ๓ ท่านด้วยกันที่กระทำผิดกฎกติกา ตามอ่านได้ที่ http://www.thaiwriter.net/forum01/index.php?topic=3792.0 ซึ่งหนึ่งในกรรมการก็ได้ออกมาชี้แจงแล้ว และเมื่อผลกระประกวดออกมา บทกวีที่ผิดกติกาก็ตกรอบไป เป็นอันว่ากฎกติกายังคงความศักดิ์สิทธิ์อยู่ กร ณที่สอง ย้อนกลับไปเมื่อราวปีสองปีที่แล้ว กรณี “การประกวดรางวัลเรื่องสั้นและบทกวีการเมืองพานแว่ นฟ้า ประจำปี ๒๕๕๐” เรื่องนี้เกิดขึ้นโดยนักเขียนที่มีชื่อในระดับแนว หน้าท่านหนึ่ง ที่ส่งผลงานของตัวเองไปสองชิ้น และใช้ชื่ออื่น ปรากฏว่าเมื่อผลการประกวดออกมานักเขียนท่านนี้ ก็คว้าไปถึง ๒ รางวัลนั้นคือ รางวัลชนะเลิศและรองชนะเลิศไปครอง ตามอ่านได้ที่ http://www.jjthai.net/articles/820 http://www.thaiwriter.net/forum01/index.php?topic=4370.12 ซึ่ง กติกาในปีนั้นก็ระบุไว้อย่างชัดเจนแล้วว่า “ให้ส่ งได้คนละหนึ่งผลงานต่อหนึ่งประเภทเท่านั้น” เมื่อเป็นเช ่นนี้ก็แสดงว่านักเขียนจงใจทำผิดกติกา ทว่าเรื่องนี้ปรากฏให้ร ับรู้ต่อสาธารณะชนก็เมื่อตัวนักเขียนออกมาบอกเอง แต่ก็ไม่สามา รถหักล้างหรือบ่งบอกได้ว่า การที่นักเขียนออกมาพูดนั้นเป็นการ “สำนึกผิด” แต่อย่างใด หากแต่เป็นการกล่าวด้วยนำเสียงที่สะใจมากกว่าด้วยซ ้ำ! ทั้งสองกรณี ที่กล่าวมานี้ ประการแรกที่ผู้เขียนคิดก็คือ ทำไมตัวนักเขียนจึงกระทำการอย่า งไร้ศักดิ์ศรีเยี่ยงนี้? และประการต่อมาคือ เหตุใดตัวนักเขียนเองจึงไม่เคารพกติการวมถึ งเคารพคณะกรรมการที่ตัดสินผลงาน เลย? หมิ่นทั้งเกียรติของตนเอง คณะกรรมการ ผู้ที่ชื่นชอบผลงานของตนเอง! ต่อ กรณีของทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นนั้น อาจจะเป็นเพียงเศษเสี้ยวของกรณี (ที่ไม่เหมาะควร) ที่เกิดขึ้นในแวดวงนักเขียนไทยเท่านั้น เพียงแต่ผู้เขียนหยิบย กขึ้นมาก็เพราะว่า ผู้เขียนรู้สึกว่าเดียวนี้แวดวงนักเขียนมีน ักเขียนประเภท “ไร้จิตสำนึก” มากขึ้นทุกขณะ ผู้เขียนเองก็ไม่เข้าใจว่าต่อกรณีที่เกิดขึ้นนั้น มันเกิดขึ้น มาได้อย่างไรกับ “สังคมอุดมปัญญา” นี้ โดยเฉพาะเกิดกับนักเขียนในระดับแนวหน้า และเป็นนักเขียนท ี่ได้รับรางวัลมามากมายได้อย่างไร? นักเขียนซึ่งเขียนงานสะท้อ นอุดมคติ ความรู้สึกนึกคิดอันดีต่อสังคม แต่กลับกระทำตัวเยี่ยง “อาชญากร” และไม่เคารพระบบประชาธิปไตยเยี่ยงนี้! ต่างอะไรเล่ากับนักการเมืองที่หลอกลวงประชาชนไปวันๆ ต่างอะไรเล่ากับผู้ร้ายในมาดพระเอก และเราจะหาแก่นสารในสารัตถะของงานเขียนของเขาได้อีกหรือ! ผู้ เขียนมิได้ต้องการและมิได้มีเจตนาให้ผู้จงใจกระทำความผิดอ อกมาชี้แจงแต่ อย่างใด หากแต่อยากให้เกิดวิวาทะ เกิดการถกเถียง รวมถึงเกิดการตื่นตัวในเรื่องของจริยธรรม จรรยาบรรณของนักเขียน ต่อกรณีดังกล่าวให้มากกว่าที่เป็นอยู่นี ้เท่านั้น ผู้เขียนใครขอ เรียกร้องให้ “สมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย” (ในฐานะที่สมาคมฯ มีบุคลากรซึ่งมีส่วนร่วมในการตัดสินรางวัลทั ้งสอง) หันมาใสใจต่อกรณีอันจะนำไปสู่ “จุดวิกฤติศรัทธา” ที่เกิดขึ้นนี้ ผู้ เขียนอยากให้ทางสมาคมฯ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการะ จัดประกวดได้มีการประชุม จัดเสวนา และร่วมกันร่างกฎกติกาอันเป็นกลางซึ่งไม่ก่อให้เกิดก ารได้เปรียบหรือเสีย เปรียบระหว่างนักเขียนด้วยกัน และนักเขียนกับรางวัลจัดการประกวด อย่างจริงจังกว่าที่เป็นอยู ่ เพราะนอกจากสมาคมจะจัดเสวนาพูดคุยเพื่อมุ่งหาแนวทาง และทิศทาง อนาคตของนักเขียน และงานเขียนด้วยแล้ว ทางสมาคมฯ ควรจะมุ่งเน้นให้นักเขียนรู้จักรับผิดชอบต่อสิ่งที่ ตนกระทำ รู้ระลึกถึงจิตวิญญาณของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นนักเขียน เคารพกฎกติกาอันเป็นพื้นฐานทั้งภายในแวดวงและสังคมในวงกว้าง อีกทั้งอยากให้ทางสมาคมคิดหาทางที่จะสกัดกัน และมีบทลงโทษนัก เขียนที่กระทำตัวไม่เหมาะสมตามกรณีดังกล่าวเช่น อาจจะตัดสิทธิ ์มิให้ส่งผลงานเข้าประกวดรางวัลนั้นๆ (ที่ตนกระทำผิด) เป็นเวลา ๑ – ๓ ปี ริบเงินรางวัล เช่นนี้เป็นต้น เพราะถ้าประเด็น ปัญหานี้ถูกละเลยแล้วละก็ ในอนาคตเราอาจจะได ้เห็นนักเขียนที่ไม่เคารพกฎกติกา ไร้ซึ่งศักดิ์ศรี เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน แสวงหาแต่ชื่อเสียง และรางวัล ผลิตงานลวงตาออกมามากกว่าที่เป็นอยู่นี้ก็ได้
ผู้แสดงความคิดเห็น กลุ่มหลังราม วันที่ตอบ 2009-08-07 10:22:25


ความคิดเห็นที่ 32 (1971876)
ท่านความเห็นที่ 27 (1971657) กรณีของศิริวรถูกนักการเมืองแทรกแซงนั้น เหตุเกิด 2548 แต่กรณีปลอมตัวส่งประกวดพานแว่นฟ้าเกิด 2550 ครับ ดังนั้นจึงไม่ใช่การแก้แค้นหรือเอาคืนในปีถัดมา ทีจริงกรรมการก็สงสัยแต่ไม่กล้าฟันธง ในหมู่กรรมการพูดกันว่าสำนวนใกล้เคียงศิริวร แต่ไม่อยากยุ่งยากหรืออย่างไรไม่ทราบ อันที่จริง ถ้าต้องการพิสูจน์ฝีมือหรือตบหน้าใคร ส่งชิ้นเดียวก็พอ ไม่ใช่หลายชิ้นอย่างที่ได้กระทำไว้ ผมย้ำว่าหลายชิ้น ไม่ใช่สองชิ้นนะครับ และไม่มีใครกล้ารับประกันด้วยว่า ปีถัดมาจนถึงปีนี้จะไม่มีการปลอมตัวส่งในฐานะ"มือผี"อีก คนเราถ้าเห็นแก่เงินเล็กน้อยแค่นี้จนลืมอุดมการณ์ก็ไม่ไหว แต่ถ้ายอมขอโทษ กล่าวคำรับผิด ผมเชื่อว่าสังคมให้อภัย
ผู้แสดงความคิดเห็น ชอบคำว่าปิศาจคาบคัมภีร์ วันที่ตอบ 2009-08-07 10:32:45


ความคิดเห็นที่ 33 (1972039)

การป้องกันการเกิดนอมินี หรือ "มือผี" ส่งงานประกวดไม่ใช่เรื่องยากค่ะ หากทางคณะกรรมการเอาจริงเอาจัง
แม้แต่ในกรณีพานแว่นฟ้าปี 2550 ก็ยังสามารถกลับไปเอาผิดได้นะคะ

สิ่งที่สำคัญที่สุดของการประกวดประการแรกคือ ผู้ส่งงานประกวดต้องเป็นผู้ประพันธ์ด้วยตนเองค่ะ จะไปลอกงานคนอื่น หรือเอางานของคนอื่นมาส่งแล้วบอกว่าเป็นของตนไม่ได้
 ไม่ว่าเจ้าของผลงานตัวจริงจะทราบหรือไม่ทราบ รู้เห็นเป็นใจหรือไม่ก็ถือว่า ผู้แอบอ้างนั้นทำความผิด เป็นความผิดที่ร้ายแรงด้วย ความจริงด้วยเหตุผลเท่านี้
ทางคณะกรรมการประกวดก็สามารถยกเลิกรางวัล เอารางวัลและเงินรางวัลคืนได้แล้วค่ะ ในบางกรณีน่าจะเรียกร้องค่าเสียหายได้อีก เพราะมีคนทำผิดเป็นตัวเป็นตนอยู่ หลักฐานชัดเจน
ส่วนถ้าสอบสวนแล้วมีการซัดทอดใครอย่างไรก็ว่ากันไป ถ้าเอาจริงเอาจังตรงนี้ได้ คงไม่มีใครอยากมาเป็นนอมินีให้สวมชื่อ แม้ว่าจะได้ค่าจ้างหรือส่วนแบ่งหรอกค่ะ

ส่วนในวงการนักเขียนและสื่อมวลชนด้านวรรณกรรมเองก็น่าจะส่งเสริมกัน เป็นหูเป็นตากันด้วย อย่างในกรณีของน้องนิตยา ที่ได้รางวัลชนะเลิศปีนี้นับว่าดีมากค่ะ
 ที่มีการแนะนำน้องให้เป็นที่รู้จัก ใครที่ชอบผลงานก็จะได้ติดตามกันต่อไป วงการนักกลอนก็แคบแค่นี้เอง
ถ้าทำได้แบบนี้ตลอด ตัวปลอมถูกจับได้ทันทีค่ะ
ดิฉันยังเคยสงสัยเลยว่า คุณธิดารัตน์กับเจรานนท์ที่ได้รางวัลพานแว่นฟ้า 2550 นี่ใครนะ แต่งกลอนเก่งจัง มีผลงานอื่นอีกไหม แต่ก็เงียบสนิทหาอะไรไม่เจอ
 สื่อมวลชนก็ไม่เห็นแนะนำ ก็เพิ่งจะมารู้ไม่กี่วันมานี่เอง เสียความรู้สึกค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เจน วันที่ตอบ 2009-08-07 17:19:33


ความคิดเห็นที่ 34 (1972093)

ด้วยความนับถือกรรมการทุกท่าน   ผมเชื่อในความบริสุทธิ์ของกรรมการทุกท่าน   เพราะท่านตัดสินในเนื้องานจริงๆ

ส่วนเรื่องนักเขียนจะส่งหลายสำนวนโดยสวมชื่อหลายคนก็ไม่ผิดกติกา   เพราะกติกาเขียนว่าส่งได้คนละสำนวน

เพราะกติกาเปิดกว้างว่าทุกคนที่เป็นคนไทยมีสิทธิ์เหมือนกันหมด  ถ้าเรามัวแต่กังวลว่าจะเป็นอย่างโน้นอย่างนี้

วิธีแก้ไขคือยกเลิกการประกวดทั้งหมด  จะได้ไม่มีการฉ้อโกง  ประเด็นแรกเราต้องมองว่าเราจัดประกวดเพื่อส่งเสริมสร้างสรรค์

โดยให้อิสระกับเนื้องาน  ผู้ที่ได้ประโยชน์คือประเทศชาติครับ  อารยะประเทศเขาจะได้รู้ว่าประเทศไทยก็มี   poet  ครับ

เหมือนกวีเก่าเขียนไว้ว่า     เมืองใดไร้กวีแก้ว    เมืองนั้นไม่แคล้วคนหยาม    จำไว้ท่านที่อยากรับรางวัลทั้งหลาย  ต้องขยัน   ต้องเปิดใจ

การที่มีคนสวมชื่อประกวดแล้วกรรมการไม่รู้  แสดงให้เห็นว่ากรรมการตัดสินเที่ยงธรรมจริงๆๆ  คือตัดสินที่เนื้องาน  ไม่เล่นพรรคเล่นพวก

เหมือนเมื่อหลายปีก่อน   ดังนั้น  นี่แหละแสดงให้เห็นจริยธรรมของกรรมการว่าสุดยอด   และคนที่ได้รับการตัดสินก็รู้สึกภาคภูมิใจและมีเกียรติเป็นที่สุด

คนที่ไม่ได้ก็อย่าไปโวยวายเลยครับ   เพราะงานคุณมันไม่ถึงก็ต้องยอมรับ   ผมเองก็ไม่ได้เหมือนกัน   แต่ก็ยังมีโอกาสเพราะมีกรรมการเที่ยงธรรม

ที่สำคัญผมจะขยันฝึกเขียนยิ่งขึ้น  เพื่อที่จะรับด้วยความภาคภูมิใจ   บางท่านหลงพายเรือในอ่าง  พยายามขยายขอบอ่างด้วยนะครับ  เผื่อจะมีพื้นที่

พายเรือกว้างขึ้น   จบ    ปีหน้าสู้กันใหม่    กรรมการจงเจริญ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ตุ๊กแกหลังเขา วันที่ตอบ 2009-08-07 21:46:54


ความคิดเห็นที่ 35 (1973166)

คุณตุ๊กแกหลังเขา แสดงความคิดเห็นอย่างมีคารวะธรรม ยุติธรรมทุกฝ่าย การประกวดแข่งขันทุกประเภท ทุกรายการ ถ้าจะหาจุดอ่อน หรือข้อบกพร่อง ที่เกือบทุกรายการ สำหรับการตัดสินโดยคณะกรรมการการประกวดรางวัลกวีนิพนธ์พานแว่นฟ้า ทราบว่ามีการกลั่นกรองอย่างละเอียดตามกฎเกณฑ์กติกา แบ่งเป็นรอบแรก รอบสุดท้าย ใช้กรรมการเป็นชุดๆ ประชุมพิจารณากันหลายครั้งหลายหน เชื่อว่ากรรมการยุติธรรมแน่นอนเพราะไม่มีโอกาสทราบชื่อของเจ้าของผลงาน จะไปรู้อีกทีก็วันประกาศผล

ผู้แสดงความคิดเห็น คนกลาง วันที่ตอบ 2009-08-12 08:15:32


ความคิดเห็นที่ 36 (1974022)

ขอแสดงความยินดีกับผู้ได้รับรางวัล และขอให้กำลังใจผู้ไม่ได้รับรางวัลการประกวดวรรณกรรมรางวัลพานแว่นฟ้าประจำปี 2552 มีเวทีประกวดอีกหลายแห่งให้ประลองฝีมือเชิงวรรณกรรม เช่น เซเว่น บุ๊ค อวอร์ด นายอินทร์อวอร์ด หรือประกวดร้อยกรองออนไลน์ของสมาคมนักกลอนแห่งประเทศไทย

ผู้แสดงความคิดเห็น สมาชิกสมาคมนักกลอน วันที่ตอบ 2009-08-15 07:16:53


ความคิดเห็นที่ 37 (1974219)

ถึงข้อความที่  33    คุณเจน     กรณีคุณธิดารัตน์  กับเจรานนท์   เขาได้ปี  50    นั้นถูกต้อง    ปีถัดมาไม่เห็นชื่อเขาก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

ใครมันจะได้ทุกปีละครับ   เขาอาจจะส่งแต่ไม่ได้ก็เลยไม่เห็นชื่อ  หรือบางทีอาจใช้นามปากกาอื่นก็ได้ใครจะรู้  และเป็นสิทธิของเขา

ไม่ผิดกติกานะจ๊ะ  แล้วคุณจะไปถามหาชื่อเขาทำไม    ดูที่เนื้องานสิจ๊ะ   รางวัลไม่ใช่ขนมเค้กนะจ๊ะจะได้ตัดแบ่งกันกิน   ปีนี้ฉันเอา  ปีหน้าเธอเอา

แล้วอย่างนี้จะภูมิใจอะไรละจ๊ะ   ที่สำคัญเคารพกรรมการหน่อยและเชิดชูที่เนื้องานสิจ๊ะ  เอาชนะคนที่เก่ง  เราก็ได้รับรางวัลแล้ว  จะไปยากอะไร

ผู้แสดงความคิดเห็น กลุ่มหน้าราม วันที่ตอบ 2009-08-15 21:42:09


ความคิดเห็นที่ 38 (2111404)
australia boots australia boots uggs sale uggs sale botas ugg botas ugg boots on boots on
ผู้แสดงความคิดเห็น cartier watch วันที่ตอบ 2010-09-22 01:04:52



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.