รางวัลแห่งเกียรติยศ “นักเขียนอมตะ” เป็นรางวัลที่มูลนิธิอมตะริเริ่มขึ้นจากแนวความคิดของ นายประภัสสร เสวิกุล อดีตนายกสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย นำเสนอต่อ นายวิกรม กรมดิษฐ์ ประธานมูลนิธิอมตะ ใน พ.ศ.2546 ซึ่งในขณะนั้นได้ทำงานร่วมกันในการจัดทำหนังสือชีวประวัติเชิงนวนิยาย “ผมจะเป็นคนดี” ทั้งนี้ด้วยจุดมุ่งหมายเพื่อยกย่องนักเขียนไทยที่มีความสามารถให้ปรากฏ และเป็นกำลังใจแก่นักเขียนผู้สร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณค่า อันควรแก่การนำเสนอเพื่อเผยแพร่ชื่อเสียงสู่สังคมไทยและสากล
มูลนิธิอมตะได้เรียนเชิญคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อพิจารณามอบรางวัลให้แก่นักเขียนอย่างต่อเนื่อง โดยได้มอบรางวัลนักเขียนอมตะมาแล้ว 4 คน ได้แก่ นายศักดิ์ชัย บำรุงพงศ์ หรือนามปากกา “เสนีย์ เสาวพงศ์” นักเขียนอมตะ คนที่ 1, นายโรจน์ งามแม้น หรือนามปากกา “เปลว สีเงิน” นักเขียนอมตะ คนที่ 2, นายโกวิท เอนกชัย หรือนามปากกา “เขมานันทะ” นักเขียนอมตะ คนที่ 3, นายสมบัติ พลายน้อย หรือนามปากกา “ส.พลายน้อย” นักเขียนอมตะ คนที่ 4
ทั้งนี้การพิจารณามอบรางวัล “นักเขียนอมตะ” ดำเนินมาจนถึงปีที่ 5 โดยครั้งนี้คณะกรรมการคัดสรรประกอบด้วย ศ.พิเศษ คุณหญิงแม้นมาส ชวลิต (ประธานกรรมการ), ศ.ดร.ชัยวัฒน์ สถาอานันท์ (กรรมการ), ดร.ประจักษ์ วัฒนานุสิทธิ์ (กรรมการ), ศาสตราภิชาน ล้อม เพ็งแก้ว (กรรมการ), ผศ.สกุล บุณยทัต (กรรมการ) รศ.ดร.สุปาณี พัดทอง (กรรมการ) และนายภิญโญ ไตรสุริยธรรมา (กรรมการและเลขานุการ)
รางวัล “นักเขียนอมตะ” ถือเป็นรางวัลแห่งเกียรติยศซึ่งเปี่ยมด้วยคุณค่าและมาตรฐาน คงไว้ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ อิสระ และเชิดชูประวัติแห่ง ผู้อุทิศตนที่ทุ่มเทสร้างผลงาน มีหลักเกณฑ์ในการคัดสรร 3 ประการสำคัญ คือ เป็นนักเขียนสัญชาติไทย ยังมีชีวิตอยู่ในวันที่ทำการเสนอชื่อ, มีผลงานตีพิมพ์ต่อเนื่องเป็นภาษาไทย เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 20 ปี และผลงานดังกล่าวต้องมีคุณค่าสร้างสรรค์สังคมและมวลมนุษยชาติ โดยผู้ได้รับรางวัล “นักเขียนอมตะ” จะได้รับเงินสนับสนุนหนึ่งล้านบาทถ้วน พร้อมด้วยเหรียญทองคำแกะสลักรูปนางอินทร์ ต้นตระกูลกรมดิษฐ์ และใบประกาศเกียรติคุณ ซึ่งมูลนิธิอมตะจะจัดพิธีมอบรางวัลพร้อมนิทรรศการเพื่อเชิดชูเกียรติแก่ “นักเขียนอมตะ” หลังจากประกาศผลให้แก่สาธารณชนทราบแล้ว โดยแต่ละปีที่ผ่านมาได้รับเกียรติจาก นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีมอบรางวัล
ศ.พิเศษ คุณหญิงแม้นมาส ชวลิต ประธานกรรมการคัดสรรนักเขียนอมตะได้อ่านคำประกาศเกียรติคุณ พระไพศาล วิสาโล ผู้ได้การยกย่องเป็นนักเขียนอมตะคนที่ 5 ว่า
พระไพศาล วิสาโล คือปราชญ์แห่งยุคสมัยของแผ่นดิน เป็นนักคิด นักเขียน ผู้นำวิถีแห่งพุทธธรรมมาสร้างสรรค์เป็นผลงานอันล้ำค่า สะท้อนแง่มุมของปรากฏการณ์สังคมด้วยนัยแห่งจิตวิญญาณที่มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาอันเนื่องมาจากข้อขัดแย้งต่างๆ บนวิถีแห่งสันติ และก่อเกิดศรัทธาแห่งธรรมะขึ้นในจิตใจ
ผลงานเขียนของท่านคือรูปรอยของความคิดที่ก่อประโยชน์สุขอันงดงาม ซึ่งนำไปสู่วัฒนธรรมแห่ง “สันติภาพ” ในมโนสำนึกที่กระจ่างชัด อันเป็นภาพแสดงของการก้าวพ้นอำนาจของความรุนแรงในสภาวะสังคมที่ขัดแย้งแตกแยก ภาษาสื่อสารของท่านคือความหมายที่ยิ่งใหญ่ในการชี้ทางของความสุขสว่างทางปัญญา เป็นการพินิจพิเคราะห์ถึงเจตจำนงแห่งการดำรงอยู่ด้วยมิตรไมตรี และเต็มไปด้วยดุลยภาพอันสอดคล้องต่อชีวิตซึ่งควรค่าแก่การศึกษา อีกทั้งสามารถน้อมนำมาสู่การสร้างสัมพันธภาพที่ปราศจากอคติ
ข้อประจักษ์จากผลงานมากกว่าร้อยเรื่อง อาทิ สันติวิธีวิถีแห่งอารยะ ไม่ผลักไสไม่ใฝ่หา พุทธศาสนาไทยในอนาคต และ ขอคืนพื้นที่ธรรม ฯลฯ ล้วนทรงคุณค่าสำคัญอันมีผลต่อการหยั่งรู้และเข้าใจภาวะซับซ้อนของสังคม รวมทั้งการตอกย้ำถึงความคลี่คลายในการอยู่ร่วมกันบนพื้นฐานของศาสนธรรมที่ผสานเข้ากับความหวัง ในการก่อเกิดสันติวิธีขึ้นในใจของมนุษย์ทุกผู้ทุกนามตลอดไป
“แท้จริงมนุษย์หาใช่ศัตรูของเราไม่ ความโกรธเกลียดต่างหากคือศัตรูที่แท้จริง”
คณะกรรมการพิจารณารางวัล “นักเขียนอมตะ” ประจำปีพุทธศักราช 2553 จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า พระไพศาล วิสาโล เป็นผู้สมควรได้รับรางวัลเกียรติยศ “นักเขียนอมตะ”
นอกจากนี้แล้ว คณะกรรมการคัดสรรในปีนี้ยังได้ให้ความเห็นต่อการประกาศยกย่อง พระไพศาล วิสาโล เป็นนักเขียนอมตะ คนที่ 5 ไปในแนวทางที่สอดคล้องกัน นั่นคือ การตอบโจทย์สังคมปัจจุบันซึ่งทุกคนอยู่ท่ามกลางกระแสความขัดแย้งและความเกลียดชัง ในขณะที่นักเขียนอมตะคนที่ 5 ได้พยายามเสนอแนวทางในการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสันติโดยการสร้างวัฒนธรรมของสันติภาพให้เกิดขึ้น