หน้าหลัก | ข้อมูลสมาคม | บทความ | บทร้อยกรอง | ข่าวสารประชาสัมพันธ์ | กิจกรรม | กระทู้ | หนังสือ | ร้อยกรองออนไลน์ |
สื่ออักษรกลอน " กลบท " - 2 | |
๕ (ตัวอย่างกลอนกลบท ) เจ้าเซ็นเต้นต้ำบุด หรีดหริ่ง กริ่งร้อง ครองคืนค่ำ ฟ้าฉ่ำ เดือนฉาย สายน้ำสอง รวมกัน พลันกว้าง ทางสีทอง โสมส่อง ผ่องสม ชมชื่นชวน เดือนหงาย หมายงาม ตามใจต่อ เฝ้ารอ ขอรัก หักใจหวน ไม่มา พาหม่น ทนคร่ำครวญ รัญจวน ชวนใจ ไปหมายปอง ข้อสังเกต ชื่อสำนวนกลอน สายน้ำสีทอง - เป็นกลอน ๗ ทั้งหมด ทุกวรรค - การแบ่งพยางค์ในวรรค ช่วงแรกมีสองพยางค์ ช่วงกลางมีสองพยางค์ ช่วงหลังมีสามพยางค์ - พยางค์ที่สองในวรรคต้องไปสัมผัสอักษรกับพยางค์ที่สี่ในวรรคนั้น เช่น หริ่ง-ร้อง, ฉ่ำ-ฉาย เป็นต้น - พยางค์ที่สี่ในวรรคต้องไปสัมผัสสระกับพยางค์ที่ห้าของวรรคนั้น เช่น ร้อง-ครอง, ฉาย-สาย เป็นต้น - พยางค์ท้ายวรรค ๑ ไปสัมผัสสระกับพยางค์ที่สองในวรรค ๒ เช่น ค่ำ-ฉ่ำ, ต่อ-รอ เป็นต้น - พยางค์ท้ายวรรค ๓ ไปสัมผัสสระกับพยางค์ที่สองในวรรค ๔ เช่น ทอง-ส่อง, ครวญ-รัญจวน เป็นต้น นารายณ์ประลองศิลป์ อย่าเบ่งเก่ง อย่าบ้ากล้า อย่าเบือนกล่าว มีข่าวคราว มาขานค้าน ไม่ขัดข้อง คิดเห็นเป็น ค้นหาป่า คืนให้ปอง เหมือนมองทอง เมื่อมีที่ มากมีทาง ตั้งจิตคิด ต้องจำคำ ตามใจเคร่ง เมื่อเพ่งเล็ง มีพร้อมล้อม ไม่พลาดล่าง ป่าเราเก่า ป้องรู้กู้ เป็นแหล่งกลาง โครงสร้างวาง คอยใส่ไว้ คงสืบวัน ข้อสังเกต ชื่อสำนวนกลอน คืนป่าให้ชุมชน - เป็นกลอน ๙ ทั้งหมด ทุกวรรค แบ่งเป็นสามช่วง ช่วงละสามพยางค์ - พยางค์แรกในวรรคช่วงต้น ช่วงกลาง และช่วงท้ายในวรรค ใช้คำเดิม หรือสัมผัสสระ เช่น อย่า-อย่า-อย่า, มี-มา-ไม่, คิด-ค้น-คืน, เหมือน-เมื่อ-มาก, ตั้ง-ต้อง-ตาม, เมื่อ-มี-ไม่, ป่า-ป้อง-เป็น, โครง-คอย-คง เป็นต้น - พยางค์ที่สองในวรรค ช่วงแรก ใช้สัมผัสสระกับพยางค์ที่สามในวรรค เช่น เบ่ง-เก่ง, ข่าว-คราว, เป็นต้น - พยางค์ที่ห้าในวรรคช่วงกลาง ใช้สัมผัสสระกับพยางค์ที่หกในวรรค เช่น บ้า-กล้า, ขาน-ค้าน, เป็นต้น - พยางค์ที่สอง ที่ห้า และที่แปด ใช้สัมผัสอักษร เช่น เบ่ง-บ้า-เบือน, ข่าว-ขาน-ขัด, เห็น-หา-ให้ เป็นต้น - พยางค์ที่สาม ที่หก และที่เก้า ใช้สัมผัสอักษร เช่น เก่ง-กล้า-กล่าว, คราว-ค้าน-ข้อง, เป็น-ป่า-ปอง, เป็นต้น - พยางค์ท้ายในวรรค ๑-๒ ไปสัมผัสสระกับพยางค์ที่สามในวรรค ๓-๔ เช่น กล่าว-คราว, ปอง-ทอง เป็นต้น ข้อคิดเห็น ควรปรับการใช้สัมผัสสระในช่วงแรกและช่วงกลางของวรรค เช่น เบ่ง-เก่ง, บ้า-กล้า เป็นสัมผัสอักษรได้ เพื่อลดความยากในการแต่ง พิจารณาแล้วเห็นว่าเมื่อปรับเป็นสัมผัสอักษรแล้ว จะไม่ทำให้ระดับเสียงขาดความไพเราะไปกว่าเดิมเท่าใดนัก ๖ ( ตัวอย่างกลอนกลบท ) พระจันทร์ทรงกรด ไหว้พระดี ดีย่อมได้ เมื่อไหว้พระ มั่นหมายบุญ บุญไม่ละ จะมั่นหมาย ผ่อนคลายเครียด เครียดร้อน ให้ผ่อนคลาย ดับทุกข์ลับ ลับหาย ได้ดับทุกข์ กุศลสร้าง สร้างเถิด เกิดกุศล เป็นสุขมาก มากล้น ผลเป็นสุข เคล้าคลุกกรรม กรรมชั่วดี มีเคล้าคลุก พากเพียรชอบ ชอบปลุก สุขพากเพียร ข้อสังเกต ชื่อสำนวนกลอน สร้างกุศลผลเป็นสุข - เป็นกลอน ๘ หรือกลอน ๙ ได้ - สองพยางค์แรก ต้องเหมือนสองพยางค์สุดท้ายของวรรคนั้น เช่น ไหว้พระ-ไหว้พระ, มั่นหมาย-มั่นหมาย, ผ่อนคลาย-ผ่อนคลาย, ดับทุกข์-ดับทุกข์ เป็นต้น - พยางค์ที่สามกับพยางค์ที่สี่ ต้องใช้คำซ้ำ เช่น ดีดี, บุญ-บุญ, เครียดเครียด, ลับ-ลับ, สร้างสร้าง เป็นต้น - พยางค์ท้ายวรรค ๑ ไปสัมผัสสระกับพยางค์ที่ห้าหรือหกของวรรค ๒ เช่น พระ-ละ, กุศล,-มากล้น เป็นต้น - พยางค์ท้ายวรรค ๓ ไปสัมผัสสระกับพยางค์ที่ห้าหรือหกของวรรค ๔ เช่น คลาย-หาย, คลุก-ปลุก เป็นต้น อักษรสังวาส ร่ำคำนึงถึงกามความใฝ่ใคร่ ยังฝังใจให้เพ้อพะวงหลง ดูรู้จักเพียงพอก็จงปลง ไม่ใหลหลงถ้าสงสัยให้ลองตรอง กามความใคร่มีให้ควรชวนชื่นมื่น พอต่อตื่นชื่นใจไม่ต้องหมอง ร่านพล่านไปไฟจะลนคนจ้องมอง มั่นครรลองจะครองสุขทุกข์หายคลาย ข้อสังเกต ชื่อสำนวนกลอน เพลงกาม - เป็นกลอน ๘ หรือกลอน ๙ ได้ - สองพยางค์หน้าของทุกวรรค ใช้สัมผัสสระ เช่น ร่ำคำ, ยังฝัง, ดูรู้, ไม่ไหล, กามความ, พอต่อ เป็นต้น - สองพยางค์ท้ายของวรรคทุกวรรค ใช้สัมผัสสระ เช่น ใฝ่ใคร่, วงหลง, จงปลง, ลองตรอง, ชื่นมื่น, ต้อง-หมอง, จ้อง-มอง, หาย-คลาย, เป็นต้น - พยางค์ท้ายวรรค ๑ ไปสัมผัสสระกับพยางค์ที่สามของวรรค ๒ เช่น ใคร่-ใจ, ชื่นมื่น-ชื่น เป็นต้น - พยางค์ท้ายวรรค ๓ ไปสัมผัสสระกับพยางค์ที่สามของวรรค ๔ เช่น ปลง-หลง, มอง-ครรลอง เป็นต้น ๗ (ตัวอย่างกลอนกลบท ) ธงนำริ้ว เรื่อยเรื่อย ล่องลำน้ำยามเย็นย่ำ รินริน ฉ่ำสายชลล้นหลากไหล แว่วแว่ว เสียงนกกาพาเพลินใจ ร่ำร่ำ ไรรอนแรงแสงสุรีย์ พรูพรู ลมพัดชื่นแพรคลื่นพลิ้ว พรายพราย ริ้วแลระยับจับแสงสี ฝันฝัน ฝากจากใจให้คนดี วันวัน นี้มีเวลามองฟ้างาม ข้อสังเกต ชื่อสำนวนกลอน สายชล-สนธยา - เป็นกลอน ๘ หรือกลอน ๙ ได้ - สองพยางค์แรกของทุกวรรค ต้องใช้คำซ้ำตลอดทุกวรรค เช่น เรื่อยเรื่อย, รินริน, แว่วแว่ว, ร่ำร่ำ, พรูพรู, พรายพราย, ฝันฝัน, วันวัน, เป็นต้น - พยางค์ท้ายวรรค ๑ ไปสัมผัสสระกับพยางค์ที่สามของวรรค ๒ เช่น เย็นย่ำ-ฉ่ำ, พลิ้ว-ริ้ว เป็นต้น - พยางค์ท้ายวรรค ๓ ไปสัมผัสสระกับพยางค์ที่สามของวรรค ๔ เช่น เพลินใจ-ร่ำไร, คนดี-วันนี้ เป็นต้น วิสูตรสองไข เฉลิมฉลอง ครองสุข สนุกสนาน สมัครสมาน มวลมิตร สนิทสนม อย่าบ่นอย่าว่า ด่าใคร ไม่ชื่นไม่ชม พอเหมาะพอสม สิ่งหมาย ได้หน้าได้ตา อะลุ่มอล่วย ช่วยกัน ให้มั่นให้เหมาะ พินิจพิเคราะห์ ความดี มีคุณมีค่า จะติดจะตรึง ซึ้งใจ ไม่สร่างไม่ซา จะเพลินจะพา พ้องเพื่อน มาเยือนมายล ข้อสังเกต ชื่อสำนวนกลอน สมานฉันท์ - เป็นกลอนกลบทที่มีจำนวนพยางค์มากที่สุดถึง ๑๐ พยางค์ (อนุโลมให้เป็นกลอนแปดมาตรฐานได้) - สี่พยางค์แรกและสี่พยางค์หลังในวรรค จัดเป็นกลุ่มคำ ใช้คำควบกล้ำ หรือคำสี่พยางค์ที่มีคำซ้ำเป็นแกนหลัก เช่น เฉลิมฉลอง, สนุกสนาน, สมัครสมาน, สนิทสนม, อย่าบ่นอย่าว่า, ไม่ชื่นไม่ชม, พอเหมาะพอสม, ได้หน้าได้ตา, อะลุ่มอล่วย, ให้มั่นให้เหมาะ, พินิจพิเคราะห์ มีคุณมีค่า เป็นต้น - พยางค์ท้ายวรรค ๑ ไปสัมผัสสระกับพยางค์ที่สี่ของวรรค ๒ เช่น สนาน-สมาน, ให้เหมาะ-พิเคราะห์ เป็นต้น - พยางค์ท้ายวรรค ๓ ไปสัมผัสสระกับพยางค์ที่สี่ของวรรค ๔ เช่น ไม่ชม-พอสม, ไม่ซา-จะพา เป็นต้น ๘ ( ตัวอย่างกลอนกลบท) เสือซ่อนเล็บ ดอกไม้บาน หวานจิต พิสมัย เย้ายวนใจ ให้หา มาสุขสม ดอกไม้อยู่ คู่ภมร ร่อนเริงรมย์ ได้ดอมดม ชมไป ไม่เคลื่อนคลาย คราวหมดดอก ออกเห็น เป็นลูกผล แต่งเต็มต้น ล้นหลาม ตามมุ่งหมาย พันธุ์ไพรพง คงไว้ ไม่กลับกลาย เมื่อดอกไม้ ร่ายมนต์ ดลใจปอง ข้อสังเกต ชื่อสำนวนกลอน มนตร์ดอกไม้ - เป็นกลอน ๘ หรือกลอน ๙ ได้ - การแบ่งช่วงในวรรค ช่วงแรกสามพยางค์ ช่วงกลางนิยมสองพยางค์ ช่วงท้ายสามพยางค์ - พยางค์ท้ายช่วงแรกไปสัมผัสสระกับพยางค์แรกของช่วงต่อไป เช่น บาน-หวาน, จิต-พิศ, ใจ-ให้, เป็นต้น - พยางค์ท้ายวรรค ๑ ไปสัมผัสสระกับพยางค์ที่สามของวรรค ๒ เช่น พิสมัย-ใจ, ผล-ต้น เป็นต้น - พยางค์ท้ายวรรค ๓ ไปสัมผัสสระกับพยางค์ที่สามของวรรค ๔ เช่น รมย์-ดม, กลาย-ดอกไม้ เป็นต้น ข้อคิดเห็น - กลอนกลบทนี้ เป็นกลอนแปดที่สมบูรณ์งามพร้อม สัมผัสตรงตัว ไม่อนุโลมให้มีการใช้ตำแหน่งสัมผัสสระแทน นาคบริพันธ์ เรื่องเล่าบอกออกพรรษาน่าฉงน ถึงวันดีมีคนค้นคำไข พญานาคมากหลายได้บั้งไฟ จุดพลุส่งตรงขึ้นไปจากบาดาล บูชาองค์ทรงพิสุทธิ์พระพุทธเจ้า จากแม่โขงโยงยาวกล่าวสืบสาน ในหนึ่งปีมีหนึ่งวันท่านยืนกราน เรื่องที่เห็นเป็นตำนานผ่านเวลา ข้อสังเกต ชื่อสำนวนกลอน บั้งไฟพญานาค - เป็นกลอน ๘ หรือ กลอน ๙ ได้ - พยางค์ที่สามในวรรคต้องไปสัมผัสสระกับพยางค์ที่สี่ในวรรคนั้น เช่น บอกออก, ดี-มี, นาค-มาก, ส่ง-ตรง, องค์-ทรง, โยง-โขง, ปี-มี, เห็น-เป็น เป็นต้น - พยางค์ท้ายวรรค ๑ ไปสัมผัสสระพยางค์ที่ห้าหรือหกในวรรค ๒ เช่น ฉงน-คน, พระพุทธเจ้า-ยาว เป็นต้น - พยางค์ท้ายวรรค ๓ ไปสัมผัสสระพยางค์ที่ห้าหรือหกในวรรค ๒ เช่น บั้งไฟ-ไป, ยืนกราน-ตำนาน เป็นต้น | |
ผู้ตั้งกระทู้ สุดาวดีศรีสุนทรอักษรศิลป์ (R-Cha-Nai-at-hotmail-dot-com) :: วันที่ลงประกาศ 2009-03-11 05:40:35 |
Copyright © 2010 All Rights Reserved. |
Visitors : 870305 |