ReadyPlanet.com


เรียนเชิญคุณซะการีย์ยา อมตยา เข้ามาอธิบายหรือเติมเต็มข้องกังขาของผมทีครับ


"จาก SAND and FOAM โดย คาลิล ยิบราน ถอดความโดย ศ.ระวี ภาวิไล"

There are poems that the earth writes upon the sky.

We fell them down and turn them into paper

that we may record our emptiness.

ต้นไม้เป็นบทกวีซึ่งพื้นปฐพีจารึกบนฟากฟ้า

เราโค่นลง นำมาทำกระดาษ

เพื่อบันทึกความว่างเปล่าของเรา

.............................................................

.............................................................

"จาก ไม่มีหญิงสาวในบทกวี โดย ซะการีย์ยา อมตยา พิมพ์ครั้งที่ 1 หน้า 7 "

"ความรู้"

หนังสือหนึ่งเล่ม

ต้องใช้ตัวอักษรกี่ล้านตัว

ต้องใช้ความรู้สึกกี่แสนความรู้

ต้องใช้เหตุผลกี่หมื่นเหตุผล

ต้องค้นคว้ากี่พันชั่วโมง

ต้องกลั่นกรองกี่ร้อยรอบ

ต้องขบคิดกี่ค่ำคืน

ต้องใช้กระดาษกี่พันหน้า

ต้องตัดต้นไม้กี่ร้อยต้น

ต้องเสียหยาดเหงื่อกี่หยด

เพื่อบรรจุความว่างเปล่าของเรา

................................................................

...............................................................

ผมขอไม่สนใจเรื่องที่คุณถูกกล่าวถึงมากที่สุดตอนซีไรต์ประกาศผล

ผมไม่สนใจเรื่องที่คุณรักในการศึกษากวีทางตะวันออกกลาง

และผมไม่สนใจด้วยว่า คาลิล ยิบราน เป็นชาวเลบานอน ผมไม่แน่ใจว่า เลบานอนเป็นประเทศทางตะวันออกกลางหรือไม่

ในขณะเดียวกัน

คุณอาจจะไม่เคยตอบคำถามข้อสงสัยเรื่องที่ถูกกล่าวถึง

หรือคุณอาจจะอธิบายไปแล้ว แต่ผมมัวแต่ไปงมหอยขม ทำตัวเสล่อในกระทู้นี้

คุณอาจจะได้ยิน แล้วยักไหล่รัว ๆ เบะปากไม่ยี่หระ.....เพราะเจตนาคุณบริสุทธิ์

หรือคุณอาจจะได้ยิน แล้วยิ้มอย่างสำรวม พร้อมกับวางตนอย่างผู้มีวุฒิภาวะ.....เพราะเจตนาคุณบริสุทธิ์

แต่ครั้งนี้ผมขอนะ

เพราะเท้าข้างหนึ่งของผมก้าวไปสู่ความศรัทธาแห่งซีไรต์

และเท้าอีกข้างหนึ่งกำลังจะก้าวไปสู่ความศรัทธาในตัวคุณ

สุดท้าย

ผมขอนะ คำว่า we คำว่า record คำว่า our และคำว่า emptiness แปลยัง ๆ ก็ไม่พ้นคำที่กล่าวมา

คุณจะบอกว่าคุณลืมใส่เครื่องหมายดอกจัน เพื่อหมายเหตุแหล่งอ้างอิง ผมก็ยอม....

ด้วยความเคารพ

 

 

 



ผู้ตั้งกระทู้ ใครก็ตาม :: วันที่ลงประกาศ 2010-11-23 12:13:18


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (2130925)

เรื่องนี้ต้องเรียน กะเชิญคุณโกศล อนุสิม  และเณรไพรัช ขาวสว่างมาตอบด้วย  เพราะสมัยนั้นไพรัชสพายย่ามเดินไปหาความรู้จากคนเป็นยามที่ชื่อสมเจตน์ วงษ์ละมัย   เดินไปหาสมหวัง สารภะ   เดินไปหาสว่าง อินพุ่ม  แต่วันหนึ่งเจอกันบนรถเมล์กลับไม่ทัก  เจอกันที่ท่าน้ำศิริราชก็ไม่ทัก   นี่แหละนะ  ซีไรต์ ทำให้มนุษย์เปลี่ยนไป๋

ผู้แสดงความคิดเห็น คนเหมียนกัน วันที่ตอบ 2010-11-23 12:35:39


ความคิดเห็นที่ 2 (2130941)

เอ... หาเรื่องผิดเว็บหรือเปล่า?

เว็บนี้ไม่มีล็อกอิน มันพิสูจน์ไม่ได้เลยว่าใครเป็นใคร อาจมีคนมั่วมาตอบโดยที่เจ้าตัวเขาไม่รู้ก็ได้

หากมีเจตนาบริสุทธิ์ก็ไปโพสต์ที่ www.thaipoetsociety.com น่าจะเวิร์คกว่านะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ผ่านมาเจอ วันที่ตอบ 2010-11-23 13:12:01


ความคิดเห็นที่ 3 (2130948)

ถึงความเห็นที่ สอง

ถ้าใช้คำว่า "หาเรื่อง"

ผมว่าคุณนั่งเขียนกลอนอยู่ในกะลาจะดีกว่าครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น ไม่ต้องล็อกอิน ก็ win win ได้ วันที่ตอบ 2010-11-23 13:39:05


ความคิดเห็นที่ 4 (2130963)

เออ...พ่อนอกกะลา

เชิญเห่าไปเถอะ ฉันกลัวแล้ว

ผู้แสดงความคิดเห็น ไปหละ กลัวหมาเห่า วันที่ตอบ 2010-11-23 14:18:38


ความคิดเห็นที่ 5 (2131084)

 

ความเห็นที่ 1 (2130925)

เรื่อง นี้ต้องเรียน กะเชิญคุณโกศล อนุสิม  และเณรไพรัช ขาวสว่างมาตอบด้วย  เพราะสมัยนั้นไพรัชสพายย่ามเดินไปหาความรู้จากคนเป็นยามที่ชื่อสมเจตน์ วงษ์ละมัย   เดินไปหาสมหวัง สารภะ   เดินไปหาสว่าง อินพุ่ม  แต่วันหนึ่งเจอกันบนรถเมล์กลับไม่ทัก  เจอกันที่ท่าน้ำศิริราชก็ไม่ทัก   นี่แหละนะ  ซีไรต์ ทำให้มนุษย์เปลี่ยนไป๋

ผู้แสดงความคิดเห็น คนเหมียนกัน วันที่ตอบ 2010-11-23 12:35:39

ผมโกศล อนุสิม ตัวจริงมาตอบ

ผมไม่ทราบว่า "คนเหมียนกัน" ที่เขียนข้อความนี้เป็นท่านใด บุคคลที่กล่าวอ้างในความเห็นนี้ทั้งหมดเป็นใคร ผมอาจรู้จักแต่จำไม่ได้ บางทีเมื่อผ่านเวลานาน ๆ ไปเป็น 10-20 ปีก็ลืมได้นะครับ หากผมเจอใครบนรถเมล์ก็ดี เจอที่ท่าน้ำศิริราชก็ดี แล้วผมไม่ทัก แสดงว่าผมจำไม่ได้จริง ๆ ต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่ง 

ผมเจอคนรู้จักก็ทักทายทุกคนนั่นแหละครับ วันก่อนผมไปธรรมศาสตร์เจอเบอร์นาร์ดผมก็ทักทายทั้งซื้อถั่วเหมือนที่เคยซื้อเมื่อ  20 กว่าปีก่อน ถ้าเจอเฮียจั๊วะที่เคยขายข้าวแกงที่ท่าพระจันทร์ (ตอนนี้เลิกแล้ว) เมื่อไรผมก็ไหว้เฮียทุกครั้ง  ป้าแสงร้านขายน้ำที่โรงอาหารสังคมสงเคราะห์ผมก็ไปสวัสดีและไหว้ทุกครั้ง  ฯลฯ ที่บอกว่าซีำไรต์ทำให้คนเปลี่ยนไปนั้นถ้าหมายถึงผม แสดงว่าเข้าใจผิด เพราะผมไม่เคยได้รางวัลซีไรต์

ถ้าขอให้ผมมาตอบเกี่ยวบทกวีที่ยกมานั้น ผมไม่ตอบนะครับ เพราะผมไม่ใช่ทั้งซะการีย์ยา ไม่ใช่ทั้งยิบราน ไม่ใช่ทั้งอาจารย์ระวี ภาวิไล   จึงไม่เกี่ยวกับผม

หากจะให้ผมตอบประเด็นอื่นใดโปรดแจ้งให้ชัด ถ้าตอบได้ผมก็จะตอบครับ

ถ้าจะหาคำตอบจากงานของผมขอเชิญไปอ่านได้ที่ www.kosolanusim.org

ขอบคุณหลาย ๆ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น โกศล อนุสิม (anusim-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2010-11-23 23:49:51


ความคิดเห็นที่ 6 (2131099)

อันนี้ไม่ได้หาเรื่องนะครับ แต่อยากทราบว่าเพราะเหตุใด ทุกครั้งที่ตั้งกระทู้เกี่ยวกับ คุณซะการีย์ยา ถึงออกมาเป็นแนว ลบ ทุกครั้งอ่ะครับ

 

ขอผู้รู้อธิบายทีนะครับ

 

ที่ทราบคร่าว ๆ ก็เช่น งานกวีของเค้าได้รับแรงบันดาลใจชนิดที่ว่ามากเกินไปจากกวีต่างประเทศ

 

หรือเป็นกลอนเปล่าที่ไม่ลุ่มลึก อ้างปรัชญา อย่างที่มีกระทู้นึงในนี้กล่าวตอนซีไรต์ประกาศใหม่ ๆ

 

แต่ลองมาอ่านจากเจ้าของกระทู้เอาตัวอย่างมาโพส ก็แอบตกใจนะครับ แต่ถึงอย่างไรก็ตามผมเชื่อว่า คุณซะการีย์ยา ต้องมีเจตนาบริสุทธิ์ ไม่โกหกคนอ่านอย่างแน่นอน เพราะยังไง ๆ กรรมการท่านก็ผ่านวงการวรรณกรรมมาเยอะ ไม่น่าจะปล่อยให้ความผิดพลาดนี้ผ่านมาได้

 

เอาเป็นว่า ผมยังไม่ได้อ่าน แต่รู้สึกว่า คนๆ นี้เค้ามาแรงจริง ๆ

 

ผมไม่ได้อคติครับ แล้วความเห็นอื่นอย่าเพิ่งทะเลาะกันนะครับ

 

อ้อ คุณความเห็นที่ 2

 

เท่าที่ผมทราบว่า เว็บที่คุณแนะนำเป็นเว็บของตัวซะการีย์ยาเอง ผมว่าโพสอะไร โพสในเว็บนี้จะดีกว่านะครับ จะนักกลอนมือสมัครเล่น มือจริง มือผ่าน ก็น่าจะเข้ามาร่วมสังคมผ่านเว็บนี้ มีอะไรจะได้แชร์ ๆ กัน

ผู้แสดงความคิดเห็น จู๋จี๋กันในกะลา วันที่ตอบ 2010-11-24 00:23:38


ความคิดเห็นที่ 7 (2131152)

สำหรับคุณโกศล เป็นคนเสมอต้นเสมอปลาย ไม่มีปัญหาอะไร  แต่อีกคนนั่นไงที่เป็นซีไรต์ อดีตเขาชื่อไพรัช เพื่อนคุณโกศลรึเปล่า

ผู้แสดงความคิดเห็น เหมียนกัน วันที่ตอบ 2010-11-24 08:04:52


ความคิดเห็นที่ 8 (2131176)

เป็นปีที่ซีไรค์  สุดแสนจะอัปยศ  ความไร้ตัวตนไร้ความสามารถและภูมิปัญญาอันเป็นปัจเจกของผู้ไรบรางวัล  และแสดงถึงความไร้ปัญญาของกรรมการตัดสิน  เข้าใจกรรมการรอบสุดท้ายไม่เคยอ่านกวีของ  คาริล  ยิบราน     ปุถุชนเอ๋ย  ในท่ามกลางกวี  ฉันคือคนใบ้   เจ้าช่างโกหกได้อย่างไม่อาย   อย่างน้อยก็ขอให้เห็นแก่องค์อัลลอห์บ้างเถอะ    ปุถุชนเอ๋ย  เจ้าจะโกหกคนทั้งโลกไปถึงไหน  เจ้ารู้ไหม  คำโกหกของ เจ้า   กำลังตามหลอกหลอนเจ้าอยู่ทุกวัน   ข้าเชื่อว่า  ทุกวันคืนเจ้านอนไม่หลับ  เป็นวิบากแห่งคำโกหกของเจ้าเอง   อัลลอห์โปรดอภยให้แก่คนโกหกบ้าง

ผู้แสดงความคิดเห็น อันดามัน วันที่ตอบ 2010-11-24 09:35:14


ความคิดเห็นที่ 9 (2131184)

แบบนี้ เขาเรียกว่า   นักกวีขี้ขโมย   แสดงถึงวุฒิภาวะของเด็กที่อยากดัง  อยากเก่ง   อยากให้ใครต่อใครยอมรับ   แต่คิดเองไม่เป็น

สุดท้ายจึงจำเป็นต้องขโมย   และคิดว่า   ใครๆๆ    คงไม่รู้    ปุถุชนเอ๋ย  เป็นไงครับท่านกรรมการทั้งหลายที่อยากทลายกำแพงแบบเดิมๆๆ     สุดท้ายท่านได้เพียงเด็กโกหกคนหนึ่งเท่านนั้นเอง   ข้าเชื่อว่ากรรมการหูเบา  เพียงแค่เจ้าเด็กน้อยกระดิกหนวดโกหก  ท่านกรรมการทั้งหลาย   ก็เชื่อแล้ว

ผู้แสดงความคิดเห็น มังกร วันที่ตอบ 2010-11-24 09:55:48


ความคิดเห็นที่ 10 (2131189)

โกศล อนุสิม ตัวจริงตอบ คนเหมียนกัน

 

ผมโล่งอกที่ไม่ใช่ผม ขอบคุณครับ

 

นักเขียนหรือกวีซีไรต์ที่เป็นเพื่อนผมจริง ๆ ไม่มีนะครับ  มีแต่รุ่นพี่กับรุ่นน้อง หลายคนก็รู้จักนับถือเป็นพี่น้องและเพื่อนพ้องในวงการแต่ก็คงพอนับว่าเป็นเพื่อนได้  อีกหลายคนผมก็ไม่รู้เป็นส่วนตัวครับ ส่วนผู้ที่คุณกล่าวถึงผมไม่รู้จริง ๆ ครับ ไพรัช ขาวสว่าง  คนเคยใช้ชื่อนี้ผมไม่ทราบครับ ถ้ารู้จักใครผมก็รู้จักชื่อปัจจุบันเขาเท่านั้น

เรื่องที่ผมจะเรียนให้ทราบก็มีเท่านี้ ขอบคุณครับ

ขอจบเรื่องนี้แต่เพียงเท่านี้

 

ผู้แสดงความคิดเห็น โกศล อนุสิม วันที่ตอบ 2010-11-24 10:15:50


ความคิดเห็นที่ 11 (2131232)

นั้น สิ นะ

อิอิ

เขาเล่าลือกันว่า งานเขียนของพี่ ซะการีย์ยา ไปลอกเขามา

แต่ถึงยังไง พี่ท่านก็ได้ซีไรต์ไปแล้ว

จะทำยังไงดีละ จขกท.

 

ผู้แสดงความคิดเห็น หนุ่มราศีกันย์ วันที่ตอบ 2010-11-24 12:05:34


ความคิดเห็นที่ 12 (2131241)

เข้ามาปูเสื่อรอดูความเคลื่อนไหวในกระทู้นี้ เพราะตัวเองเพิ่งจะซื้อหนังสือของคาลิล ยิบราน โดยสำนักพิมพ์ผีเสื้อ แล้วก็ได้กลิ่นทะแม่ง ๆ ยากเกินกว่าจะอธิบาย หรืออุทานออกเสียง เพราะกลัวคนเค้าหาว่าเราบ้า หรือคิดมาก

 

เอาเป็นว่ามีคนคิดคล้าย ๆ เรามาแล้ว 1 คน ฉันยังไม่ใช่คนบ้าเนอะ

 

ปล. เป็นครั้งที่สี่ที่ฉันหากวีแบบไร้ฉันทลักษณ์มาอ่าน แล้วรู้สึกว่า คาลิล ยิบราน ประพันธ์ได้อิ่มเอม และเต็มหัวอกจริงๆ (จะบอกว่าไพเราะก็ไม่ได้ ยังไง ๆ ฉันทลักษณ์แบบบ้านเราก็ยังมีจังหวะและคลื่นเสียงละมุมนำพาเนื้อหามากกว่า ... อิอิ) ส่วนกวีเล่มนั้นฉันไม่ขอกล่าวถึงเนอะ สงสารน้องเค้า เห็นว่าเป็นดาวรุ่งมีความมานะมาก วันก่อนเห็นเสียบลำโพงอ่านกวี แล้วชื่นชมในความตั้งใจ

 

ว่าแต่ ขอนอกเรื่องนะ ห้ามด่าฉันนะ ขอเลย อิอิ

 

เปลี่ยนจากสารธารณรัฐกวี เป็น ราชอาณาจักรกวี ได้ไหมคุณท่าน ไม่อยากจะโยงอะไรหรอกนะ แต่เห็นคุณท่านแดงแป๊ดเต็มตัวเลย ไม่อยากให้ซีไรต์ถูกมองว่าอะไรยังไง (อย่าเอาตีนตบมาตบช้าาาาน ฉันกลัว) 

 

อ่าจ๊ากกกกกก วิ่งออกจากกระทู้ด้วยความไวแสง (แล้วเดี๋ยวจะย่องมาอ่านใหม่) 

ผู้แสดงความคิดเห็น อ่านะ อย่าด่าฉันนะ วันที่ตอบ 2010-11-24 12:40:04


ความคิดเห็นที่ 13 (2131270)

" Trees are poems that the earth writes upon the sky. We fell them down and turn them into paper that we may record our emptiness."

Trees ไม่ใช่ There

เพิ่งเคยได้อ่าน ขอบพระคุณมากที่ท่านนำมาให้อ่าน ทุกคำมีความหมายลึกคมและชัดเจน จินตนาการเห็นภาพได้สอดคล้องกันหมดเต็มความหมาย ไม่มีรั่ว ไม่เยิ่นเย้อรกเรื้อรุงรัง นี่แหละของแท้

ปล.ถึงคุณอ่านะฯ หนังสือซีไรต์ที่ผ่านมาปีหลังๆตั้งแต่มีวิกฤติการเมืองเนี่ย ดูเหมือนว่าทั้งผลงานและผู้แต่งแทบไม่มีรายไหนออกแนวเหลืองแก่หรือแนวอนุรักษ์โบๆ เลย ไม่แดงแปร๊ด ก็แดงซ่อน ไม่ก็ซ้ายแสดงออกมั่งไม่แสดงออกมั่ง หรือทำงงแกล้งทำเป็นมึนๆไม่รู้จะเอายังไง  ฯลฯ

ในราชอาณาจักรกวี ใครจะคิดใหม่ทำใหม่ ทะลุโลกทะลุอวกาศ สร้างสรรค์แหวกแนวล้ำยุคแบบไม่เหมือนที่เคยมีมา มีหวังถูกตีความหมายกลับไปอีกด้านแน่ๆ

ผู้แสดงความคิดเห็น อาโนเนะ วันที่ตอบ 2010-11-24 13:59:44


ความคิดเห็นที่ 14 (2131337)

"แม้ประพันธกรรมโดยรวมจะไม่สมบูรณ์ไปเสียทั้งหมด ยิ่งเมื่อถูกนำมารวมร้อยต่อเป็นเล่มเดียวกัน... ความลักลั่นในความกลมกลืนก็ปรากฏให้เห็นในเชิงความหมายอยู่ไม่น้อย แต่ด้วยการที่บทกวีทั้งหมดถูกเขียนขึ้นมาอย่างมุ่งมั่นจากผู้เขียนบนรากฐานแห่งความรักในชีวิต และวิถีแห่งการปล่อยวางทางศาสนธรรม จึงทำให้องค์รวมของบทกวีเล่มนี้อยู่ในด้านตรงข้ามกับภาวะจริตแห่งความจริงลวงอย่างเห็นได้ชัด... การสื่อสารด้วยความบริสุทธิ์ใจ... ทำให้รวมบทกวีเล่มนี้ดำรงอยู่ ณ ที่แห่งทางของมัน... รอคอยการสัมผัสที่เป็นอัศจรรย์และอิ่มเอมอย่างจริงใจแท้จริงของอนาคต"

อ.สกุล บุณยทัต : บทวิจารณ์หนังสือไม่มีหญิงสาวในบทกวี
http://www.innnews.co.th/life_style.php?nid=243000


ไม่เห็นอาจารย์พูดถึงคาริล ยิบราล เลยครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น สงสัย วันที่ตอบ 2010-11-24 16:58:59


ความคิดเห็นที่ 15 (2131380)

เข้ามาปูเสื่อมั่ง

พร้อมกับนั่งอ่าน sand and foam พร้อมกับจิบกาแฟเอสเพรสโซ และฟังเสียงนกไนติงเกล เก๋ ๆ

ผู้แสดงความคิดเห็น ฉันทะลัก วันที่ตอบ 2010-11-24 19:57:12


ความคิดเห็นที่ 16 (2131436)

...ต้แสงจันทร์
ลมเบาบางพัดล้อเล่นเงา
วูบไหวและทอทาบปกหนังสือ
ปิดผนึกด้วยความมืด

                ก้วเปล่าส่งกลิ่นกำซาบของเหล้าขาว
                มะขามเปียกถูกทิ้งในจานอย่างเดียวดาย
                คงมาถึงสุดทาง
                เมื่อเพื่อนคู่ชีวิตได้ระเหยหาย

มหายใจขณะหนึ่ง
ถูกบั่นทอนโดยจิตวิญญาน
โดยความคิดที่แสวงหาไม่สิ้นสุด
สุดท้ายทุกสิ่งก็แค่นั้น...

ผู้แสดงความคิดเห็น me วันที่ตอบ 2010-11-24 23:52:37


ความคิดเห็นที่ 17 (2131471)

ขอบคุณเจ้าของกระทู้ ที่ทำให้ผมต้องไปหาซื้อ หนังสือของ คาลิล ยิบราล และไม่มีหญิงสาวในบทกวีมาอ่าน

เปิดโลกทัศน์ จากที่ไม่เคยคิดจะอ่านมาก่อน เลยต้องหาอ่าน

พึ่งรู้ว่าการโค่นต้นไม้มาทำเป็นกระดาษบันทึกความว่างเปล่านี่ มาจากคาริล ยิบราน .... นึกว่ามาจาก Double A ซะอีก - -"

ผมชอบเขียนในบทกวีของผมอยู่เสมอ ๆ ว่า "นกไม่เห็นฟ้า ปลาไม่เห็นน้ำ ไส้เดือนไม่เห็นดิน" .... ไม่แน่ใจที่มาเข้าใจแต่ว่าจำจากปากของหลวงพ่อรูปใดองค์หนึ่ง พึ่งมารู้ทีหลังว่ามีอย่างนี้กลอนของเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ กวีซีไรต์คนแรก อ้าว อย่างนี้มิถูกด่าวิลอกหรอกเหรอ หรือว่าเนาวรัตน์ลอกขี้ปากพระมาเขียนกันแน่ แต่ช่างเถอะ ... โชคดีที่ผมไม่เคยเขียนส่งประกวด เลยไม่ต้องโดนด่า - -"

อ้อ ที่เขียนมานี่ ไม่ได้แย้งอะไรใครน่ะ

ยกมาอีก ยกมาเยอะๆ ผมสนับสนุนเจ้าของกระทู้นะ ทำอะไรต้องจริงจัง ยกหลักฐานมาเยอะๆ อย่ายอมแพ้กลางครันล่ะ เสียดายแย่

"จับให้มั่นคั้นให้ตายให้วายวอด ช่วยให้รอด รักให้ชิดพิสมัย" ... เอ่อจำไม่ได้นี่ของใคร แต่มันฝังใจผมเสมอ (ฮา)

ผมจะได้รู้อะไรๆ กับเขามั่ง มัวโง่อยู่ได้ตั้งนาน โธ่เอ๊ย

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ขอบคุณ วันที่ตอบ 2010-11-25 08:06:52


ความคิดเห็นที่ 18 (2131475)

รี 17

ความรู้สึกหลังจากที่ได้เปิดโลกทัศน์แล้ว เป็นอย่างไรบ้างครับ

เห็นใจที่คุณโดนตำหนิจากกระทู้บน มากระทู้นี้ก็พยายามหน่อยนะครับ

(.....จิบน้ำอุ่น ฟังเสียงนกไนติงเกล แลอ่านลิลิตยวนพ่ายต่อเก๋ ๆ)

 

ผู้แสดงความคิดเห็น You're welcome วันที่ตอบ 2010-11-25 08:36:21


ความคิดเห็นที่ 19 (2131486)

อ่านแล้วแอบเซ็ง เคยคิดอยู่เหมือนกันหลังจากได้ข่าวเรื่อง "กวีซีร็อก"

ว่าถ้าทำจริง สักวันคงมีสักคนออกมาแฉให้ได้อาย แต่ว่าไปแฉไปก็คงเท่านั้น

เพราะมารตรฐานการ "ลอก" สำหรับเขามันแตกต่างจากคนอื่น คงไม่รู้สึกอาย

เพราะงั้น ความด้าน ที่จะไม่ยอมรับว่าลอก มันเลยหนาจนไม่มีทางยอมรับ

 

ครั้งหนึ่ง เคยเอา ถ้อยคำ ความคิด ของคนที่เขาเรียกว่า "เพื่อน"

ไปส่งงานประกวดจนได้รับรางวัล พอเพื่อนทักท้วง ขอให้รับรางวัลร่วมกัน

เพราะถือว่า ความคิดถ้อยคำ มาจากคนหนึ่ง แต่คนส่งประกวดเป็นอีกคนหนึ่ง

ก็ถอนรางวัลซะไม่ไปรับซะ ... อ้าวถ้ายืนยันว่าเป็นของตัวเองจริงทั้งหมด ทำไมไม่กล้าไปรับ

 

จนกระทั่งมาถึงรางวัลใหญ่ มีอ้างอิงอยู่ตั้งหลายจุดในเล่ม อ้อ...เหล่านั้นแรงบันดาลใจ

แต่ท่อนข้างบนนี่ คงไม่ใช่แรงบันดาลใจ เพราะไม่เห็นมีเชิงอรรถบอกไว้

พอไม่มีบอกไว้ คนอ่านคงก็ต้องพิจารณาจากตัวอย่างกันเอาเองครับว่า

หลังจากเปรียบเทียบแล้ว ข้างต้นนั้น เป็นการ "ลอก" หรือ "ไม่ลอก"

 

ความน่าสงสารอยู่ที่ถ้าเป็นการลอก "คนลอก" ไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำ

ว่าผลงานที่ตัวเองเรียกว่า "สร้างสรรค์" มันคือการลอกงานคนอื่น

นั่นก็แปลว่า มาตรฐานในการสร้างสรรค์งานของเขา อย่าได้สงสัยถ้าวันใดวันหนึ่ง

จะเจองานที่ซ้ำกับใครเขาอีก เพราะอย่างที่บอก มาตรฐานการลอก สำหรับเขาไม่เหมือนใคร

 

ที่บอกแอบเซ็งเพราะท้วงไปก็เท่านั้นแหละครับ ไม่รู้สึกรู้สาหรอก

อาจารย์ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งบอกว่า มันไม่ได้อยู่ที่ตัวกรรมการตัดสินดอก

มันอยู่ตัวเรา ตัวคนส่งงานประกวดว่าจะมีสำนึกและให้เกียรติตัวเองไหม

แต่จะทำไงได้ ในเมื่อตัวคนส่งเอง ยังไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำ ว่าไอ้แบบที่ทำน่ะ มันลอกเขา

ผู้แสดงความคิดเห็น คนอ่านหนังสือ วันที่ตอบ 2010-11-25 09:06:16


ความคิดเห็นที่ 20 (2131562)

ถึงความคิดเห็นที่ ๒

เปลี่ยนจาก "เว็บนี้ไม่มีล็อกอิน มันพิสูจน์ไม่ได้เลยว่าใครเป็นใคร อาจมีคนมั่วมาตอบโดยที่เจ้าตัวเขาไม่รู้ก็ได้"

มาเป็น

"เว็บนี้ไม่มีล็อกอิน มันพิสูจน์ไม่ได้เลยว่าใครเป็นใคร ตัวจริง (หรือลิ่วล้อ) อาจมั่วมาตอบโดยที่คนอ่านไม่รู้ก็ได้"

ผู้แสดงความคิดเห็น น้องดัน วันที่ตอบ 2010-11-25 11:46:31


ความคิดเห็นที่ 21 (2131709)

ลอกกับล้อ

ย่อกับขยาย

อ้างอิงกับแอบปิดบัง

...

กรรมการไม่รู้

แต่กวีรู้อยู่เต็มใจ

ถามว่า..."กวี" กับ "กรรมการ"

"ใครสร้างกรรมกว่าใคร"

....

ส้วมหน้าบ้าน

ผู้แสดงความคิดเห็น ส้วมหน้าบ้าน วันที่ตอบ 2010-11-25 19:32:32


ความคิดเห็นที่ 22 (2131761)

ช่างสำราญ

เจ้าหงิญ

ความสุขของกะทิ

ก็โดนกว่าหาว่าเป็นวรรณกรรมเยาวชน

แล้วนี่...

สรุปแล้ว นี่ใกล้ถึงจุดจบของซีไรต์แล้วใช่มั้ยครับ

ยังดีที่ โลกในดวงตาข้าพเจ้า, ลับแล แก่งคอย ยังพอจะบรรเทาคำครหาอยู่บ้าง

รอดูปีหน้า ตากรรมการ กับตาคนอ่าน ตาใครจะมีวิตามินเอ (ที่ช่วยในการมองเห็น) มากกว่ากัน 555

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ดื่มวีต้า แล้วไปนอนซะ วันที่ตอบ 2010-11-25 22:53:37


ความคิดเห็นที่ 23 (2131804)

ไม่มีกวีนิพนธ์รางวัลซีไรต์ในปีเสือ....

 

จาก   นิตยสารสีสัน

ผู้แสดงความคิดเห็น ไม้มลาย วันที่ตอบ 2010-11-26 07:40:01


ความคิดเห็นที่ 24 (2131856)

สังคมไทย มีคนมองหาจุดดำบนกระดาษขาวมากเกินไป

ขาดความสมดุลอย่างสิ้นเชิง

ไม่รู้เมื่อไหร่สังคมจะปลูกฝังให้ผู้คนมองหาแต่แง่ดีของคนอื่นบ้าง ให้มีจำนวนพอๆ กับ คนที่มองหาแต่ข้อบกพร่องของคนอื่น

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ผู้หวังดี วันที่ตอบ 2010-11-26 10:32:28


ความคิดเห็นที่ 25 (2131926)

ข้อดีของซะการีย์ยา คือ เป็นคนที่ศึกษาบทกวีอย่างจริงจัง อ่านเขียนและแปลอยู่สม่ำเสมอ ร่วมออกงานต่างๆบ่อย เป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตา พยายามดำเนินชีวิตแบบกวี เปลี่ยนลุคให้เป็นกวี ทุ่มทุนทำเว็บ มีมิตรสหายในวงการก็มาก นับว่าเป็นคนที่ทุ่มเทมากเอาการ

ข้อเสีย ฝีมือไม่ถึง จริงๆ

ผู้แสดงความคิดเห็น จริงๆ วันที่ตอบ 2010-11-26 13:28:24


ความคิดเห็นที่ 26 (2131992)

ทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีที่สุดแล้ว ประเทศชาติจะต้องเดินหน้าต่อ

ให้ความหวัง กำลังใจกันต่อไปเถิด

เลิกดึงกันถอยหลังลงคลองได้แล้ว

ผู้แสดงความคิดเห็น ผู้หวังดี วันที่ตอบ 2010-11-26 17:41:27


ความคิดเห็นที่ 27 (2132026)

 

กระทู้นี้...

ทำคน "ดี" ที่เขียนกลอนนอนร่ำไห้

บทกวี ที่เป็นชีวิต เป็นจิตใจ

เขาเอาไป แอบอ้างสร้างราคา

 

ไม่สนหรอก พุทธ คริสต์ อิสลาม

ไม่มองตาม ประเทศ เขตศึกษา

ไม่ยึดติด กฎเกณฑ์ เป็นมายา

เพียงหวังว่า ต้องมีจิต - ที่คิดดี

 

"ฉันทลักษณ์ " ไม่ยึดติด ไม่ผิดหรอก

ต้องการบอก คือ ควรรักในศักดิ์ศรี

แม้คนอ่าน ทุกคนไม่ใช่ "กวี"

แต่เค้ามี "สมอง" ที่มองรู้

 

กี่กระทู้ใครเค้า เอามาฝาก

อาจเพราะอยาก เพียงเข้าใจ ใช่คิดสู้

คุณก็นิ่ง เพิกเฉย ไม่เคยดู

ฉันไม่รู้ คุณยอมรับ หรือ อับอาย

 

ไม่ต้องการ คำแก้ไข ใดทั้งนั้น

รู้สักวัน กลอนของฉัน มันคงหาย

จากที่คิด กวีไทย ไม่เคยตาย

ก็กลับกลายเป็นไม่ แน่ใจเลย

 

ฉันใช้หยดน้ำตา ว่ากลอนนี้

ด้วยใจที่สะทกสะเทือน เกินเอื้อนเอ่ย

เขาเดียดฉันท์ กลอนเก่า เราคุ้นเคย

ไปชมเชย กลอนคัดลอก ...ช้ำชอกใจ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น หม้อน้ำน้อย วันที่ตอบ 2010-11-26 20:12:25


ความคิดเห็นที่ 28 (2132234)

อ่านบทกวีของคาลิล ยิบราน

แล้วดันไปเจอนกไนติงเกลบทที่ประมาณกลางเล่ม

รู้สึกอยากจับมาย่างแกล้มเมรัยชะมัด (อิอิ ล้อเล่นครับ)

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นกกระเต็นเต้นแร๊พ วันที่ตอบ 2010-11-27 23:48:19


ความคิดเห็นที่ 29 (2132258)

ผมหยิบ คาลิล ยิบราน มาอ่าน
กลับไม่เห็นนกไนติงเกล
ไม่เห็นแม้ความว่างเปล่าบนกระดาษที่ทำจากเยื่อไม้ที่ถูกตัด

ไม่พบแม้ดอกไม้ในภูเขาไฟ
หากแต่พบแมลงป่อง
และโคลงโลกนิติ


คาลิล ยิบราน กล่าวว่า
"เมื่อดวงใจท่านเป็นดังภูเขาไฟ
จะหวังให้ดอกไม้เบ่งบานในอุ้งมือของท่านได้อย่างไร?"

นั่นทำให้ผมต้องยอมเป็นคนโง่ย้ายภูเขาไฟออกจากอก
แล้วหันไปรดน้ำต้นไม้ในหัวใจให้งอกงามแทน


คาลิล ยิบราน กล่าวว่า
"คนที่ดีที่สุดคือคนที่หน้าแดงเมื่อท่านสรรเสริญ
และสงบเงียบเมื่อท่านกล่าวร้าย"

ผมนึกถึงบทสวดพาหุง ท่อนที่ว่า  "ขันเตนะโสมวิธินา ชิตะวามุนินโท..."
หลักธรรมะที่ว่าด้วย "ขันติ"
คาลิลคงมิได้ลอกไปจากพุทธศาสนาหรอก เพราะมันเป็นสัจธรรม


คาลิล ยิบราน กล่าวว่า
"เราอย่าได้แบ่งแยกกันเลยว่าใครเด่นใครด้อย
จิตใจของกวีและหางแมลงป่อง
มันก็ชูขึ้นจากแผ่นดินเดียวกันนั่นแหละ"

นี่งัย โคลงโลกนิติและแมลงป่อง
๏ นาคีมีพิษเพี้ยง .......... สุริโย 
เลื้อยบ่ทำเดโช  ............. แช่มช้า 
พิษน้อยหยิ่งโยโส ........ แมลงป่อง
ชูแต่หางเองอ้า  ............. อวดอ้างฤทธี๚ะ๛

เราคงต้องกลับไปทบทวนลำดับความคิดใหม่ คำว่า "ลอก" มันคืออะไรกันแน่
เพราะเนื้อหาบทกวีมันมิได้แตกต่างกัน แต่เรารู้ว่ามันต่างกันแน่นอน
แถมโดนใจทั้งคู่ ผมต้องกลับมามองตัวเองบ่อยบ่อย เผลอชูหางบ้างหรือเปล่า


คาลิล ยิบราน กล่าวว่า
"ความผิดพลาดอันชั่วร้ายของคนเรา
ก็คือการพูดถึงแต่ความผิดพลาดของคนอื่น"

โคลงโลกนิติวิ่งอึงอลในสมองผม ราวขบวนรถไฟจากตะวันตกวิ่งเข้าสู่หัวลำโพง
๏ โทษท่านผู้อื่นเพี้ยง ............ เมล็ดงา 
ปองติฉินนินทา ....................... ห่อนเว้น 
โทษตนเท่าภูผา ...................... หนักยิ่ง
ป้องปิดคิดซ่อนเร้น ................ เรื่องร้ายหายสูญ๚ะ๛

 

ความกลัวหรือเปล่า ที่ทำให้เราปกต้องตัวเอง ด้วยการกล่าวหาว่าคนอื่นไม่ดี ผิดพลาด เสียหายต่างต่างนานา เพราะการประกาศว่าคนอื่นไม่ดีนั้น ย่อมสื่อสารไปในตัวอยู่แล้วว่าตัวเองดี ถูกต้อง จึงสามารถว่าใครต่อใครได้

การกระทำเช่นนี้เป็นธรรมหรือไม่ การกระทำนี้มีคุณค่าอะไร ในเมื่อในใจเราก็รู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร เราต้องการเป็นคนดีไม่อยากให้ใครเขาว่าเราเป็นคนเลว เราจึงสมควรสร้างความดีมิใช่หรือ การไปโฆษณาด่าว่าคนอื่นเลยแล้วเราจะกลายเป็นคนดีเชียวหรือ

ทำไมไม่ลองทำกลับกันบ้าง โดยโพทะนาว่าตนเองเลวร้าย ผิดพลาด แล้วบอกกล่าวความดีของคนอื่น ลองดูสิว่าโลกจะสดใสขึ้นบ้างไหม

ด้วยรัก

โลกนิติ

ผู้แสดงความคิดเห็น โลกนิติ วันที่ตอบ 2010-11-28 06:20:24


ความคิดเห็นที่ 30 (2132261)

คุณโคลงโลกนิติ

อย่าเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล

เอางานกวีมาอ้างเพื่อสะท้อนมุมมองของคุณ ดูเหมือนจะมีภูมิและมีมนต์ขลัง

ดูเหมือนจะเป็นคนดีและมีวุฒิปัญญา

แต่ขอโทษ

งานวรรณกรรมเป็นของทุกคน และงานวรรณกรรมที่ได้รับรางวัลจะมีผลต่อประวัติศาสตร์ ไม่ใช่แค่ปีสองปี แต่จะเป็นสิบหรือห้าสิบปี

คุณก็ไม่ต่างอะไรกับสังคมปัจจุบันที่นิยมใช้ลิ้นสรรคำทำอะไรให้ดูสละสลวย

คนที่เค้าออกมาปกป้อง ไม่ใช่ว่าเค้าเป็นคนดี

แต่เค้าก็ไม่ใช่นางมารที่จะต้องให้มีคนมาสั่งสอนหรือเตือนสติ

สิ่งที่เราพอจะทำได้ตอนนี้ก็คือ

ผลักดัน ร่วมกันทำว่า "อย่า" อย่ามีเหตุการณ์อะไรแบบนี้เกิดขึ้นอีก

ประวัติศาสตร์แห่งการประกวดวรรณกรรมจะต้องไม่แปดเปื่อนอีก

เพราะมันมีผลต่อคนทุกคน ไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่ง หรือโรงแรมโอเร็นเตล หรือสีใด

 

ผู้แสดงความคิดเห็น มือถือสาก ปากนิ่ง ชิงตีหัวโจร วันที่ตอบ 2010-11-28 08:31:47


ความคิดเห็นที่ 31 (2132342)

บางเรื่องที่เป็นความคิดสากล มันก็เหมือนกันได้ อันนี้โอเค

แต่บางเรื่องไม่น่าใช่

ยิ่งกับคนที่เคยมีพฤติกรรมให้ชวนสงสัยในอดีต

ผู้แสดงความคิดเห็น นกไซบินข้ามทุ่งแคนวาส วันที่ตอบ 2010-11-28 14:30:49


ความคิดเห็นที่ 32 (2132484)
แล้วพวกคุณที่ท้วงกวีซีไรท์ว่าลอก แล้วจิตใต้สำนึกของพวกคุณ บริสุทธิ์ใจหรื่อเปล่า. คาลิล ยิบลาน ช่วงเวลาหนึ่งเค้าอาจมีแรงบันดาลใจกับบางสิ่งแล้วนำมาเขียน แต่พวกคุณมองไม่เห็นแรงบันดาลใจของคาลิลจึงมาเปรียบเทียบไม่ได้ถ้าพวกคุณมองเห็น!คาลิลก็คงไม่ต่างกับซะการียา แล้วพวกคุณแน่ใจหรือว่าคาลิลจะไม่มีแรงบันดาลใจ
ผู้แสดงความคิดเห็นวันที่ตอบ 2010-11-29 06:52:52


ความคิดเห็นที่ 33 (2132491)

ถ้าผมเป็น  ชะการียา    ผมจะคืนรางวัลให้กับชีไรต์    แล้วประกาศดังๆๆๆๆๆๆๆ    ผลงานผมไม่คู่ควร     เพราะไม่ได้คิดเอง  เหมือนพวกอาจารย์  คัดลอกผลงานทางวิชาการในปัจจุบันนั่นแหละ     เพราะทุกวัน  ชะการ์รียา   มีแต่ความอัปยศอดสูใจ   เพราะใครๆ  ก็รู้หมดแล้วว่า   ไม่มีหญิงสาวในบทกวี    เป็นผลงานคัดลอก    ลอกเลียน     ดัดแปลง    งานของ  มะมูด  ดาวิด    คาริล  ยิบราล    แล้วยังจะมีหน้าบอกใครๆ    ว่าฉันเป็นกวี   ทุกวันนี้  ผมมองเห็นแต่ความดัดจริต   ความเสแสร้ง  ที่เต็มอยู่ในตัว  ชะการ์รียา    ขนาดผมยังมีความรู้สึก   อัปยศ   อดสูใจ   กระดากใจแทนเลยครับ   ดูแล้วกระจอกมากๆ       และแสดงให้เห็นถึงความด้อยปัญญาของคณะกรรมการตัดสินด้วย   ผมว่าน่า.....  เปลี่ยนกรรมการทั้งชุดเลยนะ  (เฉพาะกวี)   เพราะว่ามันทำให้  รางวัลชีไรต์ด้อยค่าลงเยอะ  และพวกที่ชอบทลายกำแพงแบบของเดิมนี่  มันด้อยความสามารถ   ดู    มนตรี    เรวัตร   ไพวรินทร์     แรคำ   ศักดิ์ศิริ      เนาวรัตน์   จีรนันท์   งานเขาถึงจริง  และประจักษ์ด้วยความสามารถจริงๆ

ผู้แสดงความคิดเห็น นกไนติงเกล วันที่ตอบ 2010-11-29 07:41:10


ความคิดเห็นที่ 34 (2132493)

ขอประจานหน่อย       ไอ้ปุถุชน    มันขโมยคัดลอกงานคนอื่นมาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ     ไอ้กระจอกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ผู้แสดงความคิดเห็น นกกระจาบ วันที่ตอบ 2010-11-29 07:45:44


ความคิดเห็นที่ 35 (2132500)

 

 

แต่อย่าปกป้องเค้าเพียงเพราะคิดว่า คนอื่นอิจฉาเค้า กลั่นแกล้งเค้า ก็เลยออกมาแสดงความสงสาร แสดงความใจกว้าง

 

ที่่ทุกคนทักท้วงล้วนมีเหตุผลที่แตกต่าง

 

เพราะบรรทัดฐานคำว่าลอก ของแต่ละคนต่างกัน

เพราะนิยามคำว่า แรงบันดาลใจ ก็ต่างกัน

เพราะสงสัยว่าทำไมถึงออกมาคล้ายขนาดนั้น

เพราะรับไม่ได้กับความเป็นศิลปินที่เค้าเปล่งประกายออกมาสว่างวิบวับเหลือกันเมื่่อออกสื่อ

เพราะคดีเก่าที่ยังไม่ชัดและดูยังไงก็ไม่จบ

 

 

หรืออีกหลายล้านเหตุผล

 

แต่นั่นไม่ใ่ช่เพราะทุกคนต้องการจะพรากซีไรท์ไปจากเค้าหรือต้องการได้มันซะเอง

 

ลองคิดดูว่า

 

ถ้าต่อไปในการประกวดกลอน กวีนิพนธ์ยิบย่อยใดๆ

 

มีเด็กที่เขียนถึงความว่างเปล่าของมนุษย์ที่โค่นต้นไม้ลงทำกระดาษเพื่อจารึก

 

คุณจะบอกไหมว่า เด็กคนนี้ได้แรงบันดาลใจมาจาก ผู้ชายคนนี้

 

เปล่า

 

คุณจะบอกว่า เค้า ลอก ผู้ชายคนนี้มาตะหาก

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น แว่นใจ วันที่ตอบ 2010-11-29 08:29:52


ความคิดเห็นที่ 36 (2132541)

สั้นๆ ง่ายๆ

ไม่ต้องเอาอคติส่วนตัวที่มีต่อผู้เขียนเป็นที่ตั้ง

ปิดชื่อเจ้าของผลงานทั้ง 2 คน ข้างบนนั้นเสีย

แล้วบอกแค่ว่า คนหลังเคยอ่านงานคนข้างบนมาก่อน

ถามว่า ผลงานชิ้นหลัง เป็น "แรงบันดาลใจ" หรือ "ลอก"

เท่านั้นเอง ทุกคนมีคำตอบให้ตัวเองในใจอยู่แล้ว...

ผู้แสดงความคิดเห็น สองคนยลตามช่อง วันที่ตอบ 2010-11-29 10:31:00


ความคิดเห็นที่ 37 (2132678)

พึงสร้างสรรค์ผลงานรอส่งประกวดปีต่อไปเทอญ

และพึงยินดี เมื่อผู้อื่นได้ดี

ผู้แสดงความคิดเห็น ผู้หวังดี วันที่ตอบ 2010-11-29 15:35:01


ความคิดเห็นที่ 38 (2133129)

ถึงพี่ๆ ทุกท่านด้านบน

         คาดว่าพี่ทุกท่านคงได้อ่าน "ไม่มีหญิงสาวในบทกวี" ของซะการีย์ยา กันทุกคนแล้ว

ผมแค่อยากรู้ว่า หนังสือเล่มนี้ อ่านแล้ว.............

รู้สึกอย่างไร  ลึกซึ้งมากน้อยเพียงใด  เป็นหนังสือที่ดีหรือไม่ เช่น เปิดหน้าแรกแล้วอยากอ่านต่อจนจบ

โดยไม่เปรียบเทียบกับหนังสือเล่มใดๆ บนแผ่นดินโลก

ถ้าดีจะได้ไปซื้อหามาประดับหิ้ง และบอกต่อเพื่อนฝูง...เท่านั้น

 

ขอบคุณนะฮ๊าฟ

      

ผู้แสดงความคิดเห็น คนไม่มีแฟน วันที่ตอบ 2010-11-30 23:07:45


ความคิดเห็นที่ 39 (2133519)

สวัสดีครับ

           ไม่ใช่เิพิ่งตื่นนะ  แต่ยังไม่ตื่นตะหาก  ที่ผมไม่เข้ามาดูเว็ปนี้เลยก็เพราะว่า  เห็นว่า  คิดว่า และรู้สึกว่า มันเป็นเรื่องของ กวี ส่วนผมมััน "นักกลอนครับ"

            แต่วันนี้โงเงยังงัยก็ไม่รู้สะเปะสะปะ เข้ามาได้

                จะเป็นความเห็นไหน ความคิดอย่างไรผมก็ไม่สนใจหรอก แต่บังเอิญเห็นชื่อเพื่อนบ้างฝูงบ้าง พี่บ้างน้องบ้างที่ "คนเหมียนกัน" อ้างถึงแบบผิด ๆ บ้าง ไม่ชัดเจนบ้าง ก็เลยมาช่วยเสริมน่ะ

                 ในกาลสมัยที่ "คนเหมียนกัน" อ้างถึงนั้น  ผมยังไม่สึกจากพระ แปลว่ายังเป็นพระอยู่แต่กำลังจะ

             "โกศล  อนุสิม"  ผมยังนึกไม่ออก  ขอเว้นไว้

             "สามเณรไพรัช  ขาวสว่าง" ไม่มีตัวตนหรอกครับ  มีแต่ "สามเณรไพรัช  ขาวงาม"  สมัยนั้นใช้นามปากกาว่า "ไพวรินทร์  วิเชียรฉันท์" 

             "สมเจตน์  วงษ์ละมัย" นามปากกา "เอกบรม" เป็นยามอยู่ที่ บริษัท ณ รัล  หลานหลวง ติดกับ บริษัทเดินอากาศไทย แกเป็นประธานชมรมนักกลอนเริงกวีวรรณศิลป์

             "สมหวัง   สาระภะ"  ก็คือพระมหาสมหวัง  ธีเรสโก (สาระภะ) นามปากกา "อักขรานุรักษ์" จำพรรษาอยู่ที่วัดปากน้ำภาษีเจริญ รุ่นเดียวกันกับ สงวน   สมกาย   มนัสรินทร์  ศิรมนัส  ดุสิต  ขู่คำราม (เราล้อกันว่า ดุสิต  ขู่กรรโชก) และสุธีร์  พุ่มกุมาร  คนที่ไปมาหาสู่กันก็ยังมี  ศิวกานท์   ปทุมสูติ ด้วย

             "สว่าง   อินพุ่ม"  นั้นก็ไม่มีตัวตนอีกเช่นกันครับ  มีแต่  พี่สว่าง   ขวัญบุญ  เสียชีวิตไปแล้ว ผมยังทอดผ้าบังสุกุล ในนามสมาคมนักกลอนให้พี่เค้าเลย ที่วัดจันทร์ย่านภาษีเจริญ คนนี้และมือฉันท์ระดับประเทศ และเป็นมือโคลงอันดับต้น ๆ ของเมืองไทย ส่วน "อินพุ่ม" ก็น่าจะเป็น  "อร่าม  อินพุ่ม" เพื่อนรักเพื่อนเกลอของ สมเจตน์  วงษ์ละมัย

              ไม่ทราบว่าคุณ "คนเหมียนกัน" ไม่ชัดเจนในข้อมูลหรือมีเจตนาอย่างอื่นหรือเปล่านะ

               ส่วนกรณีที่ว่า เป็นซีไรท์แล้วเปลี่ยนไปนั้น  คุณโกศล  ไม่ต้องห่วง ไม่ได้หมายถึงคุณ เขาหมายถึง สามเณรไพรัช  ขาวสว่าง คนนั้นแน่นอน และถ้าเป็น ไพรัช   ขาวงาม ก็คงเป็นการกล่าวหาแบบ แบบว่า อิจฉาน้องซะแล้ว   เพราะไพวรินทร์ ทุกวันนี้พบผมทีไร ก็ยกมือไหว้ พี่สมศักดิ์ สวัสดีครับ ทุกทีไม่มีนิสัยแบบนั้นแน่นอน

                     แถวนี้มักมีคนชอบให้ข้อมูลผิด ๆ  ผมเป็นเหยื่อมามากแล้วไม่อยากเห็นคนอื่นต้องมาโดนเหมือนผม

 

                เรื่องก็เป็นอย่างนี้แหละครับ ท่านสารวัตร

 

ผู้แสดงความคิดเห็น สมศักดิ์ ศรีเอี่ยมกูล นักกลอนครับ (somsak-poet-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2010-12-02 12:02:39


ความคิดเห็นที่ 40 (2133709)

ไม่ใช่เิพิ่งตื่นนะ  แต่ยังไม่ตื่นตะหาก  ที่ผมไม่เข้ามาดูเว็ปนี้เลยก็เพราะว่า  เห็นว่า  คิดว่า และรู้สึกว่า มันเป็นเรื่องของ กวี ส่วนผมมััน "นักกลอนครับ"

ปุจฉา ไม่เข้ามาดูเว็ปนี้เลย  แล้วทำไมที่มีข้อความของท่านสมศักดิ์ นักกลอนโพสต์ตามกระทู้ต่างๆ มากมายจนลายตาไปหมด

ผู้แสดงความคิดเห็น คนขี้สงสัย วันที่ตอบ 2010-12-02 22:51:38


ความคิดเห็นที่ 41 (2133782)

 

  ขอโทษครับพูดผิด  คงจะงัวเงีย

ผมหมายถึงกระทู้นี้  ถ้าได้ดูแต่แรกคงตอบไปนานแล้ว คุณขี้ (ยัง) สงสัย คงเห็นนะว่าผมตอบ คห.๑ อยู่น่ะ

ขอบคุณที่ติดตามผลงานและให้แรงใจผม ขอบคุณครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น สมศักดิ์ ศรีเอี่ยมกูล นักกลอนครับ (somsak-poet-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2010-12-03 10:36:03


ความคิดเห็นที่ 42 (2134209)

 

โดนจนได้นะ ท่านสมศักดิ์.....

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น คนสงสัยขี้.... วันที่ตอบ 2010-12-05 10:38:34


ความคิดเห็นที่ 43 (2134372)

 

       เคย....ครับ

       เคยซะแล้วครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น สมศักดิ์ ศรีเอี่ยมกูล นักกลอนครับ (somsak-poet-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2010-12-06 08:11:00


ความคิดเห็นที่ 44 (2134413)

 

ที่จริงต้องบอกว่า "ชิน..." ครับ  "ชินซะแล้วครับ" ถึงจะถูก....

คำว่า  "เคย..." มันยังแปลว่าอย่างอื่นได้อีกน่ะ.....

ผู้แสดงความคิดเห็น คนสงสัยขี้.... วันที่ตอบ 2010-12-06 10:48:48


ความคิดเห็นที่ 45 (2134496)

ผมก็หมายถึงไอ้นั่นแหละ   อีกอย่างหนึ่งก็ไม่ค่อยชอบ นามสกุลทักษิณอยู่ด้วย

พอจะมีอีกสักสองสามคนมั้ย   สงสัยคนขี้  กับ สงสัยขี้คน น่ะ หรือ ขี้สงสัยคน ก็ได้

ผู้แสดงความคิดเห็น สมศักดิ์ ศรีเอี่ยมกูล นักกลอนครับ (somsak-poet-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2010-12-06 17:44:14


ความคิดเห็นที่ 46 (2135844)

การที่คนคนหนึ่งสามารถแคะเรื่องราวและแนวคิดต่าง ๆ มาเพื่อถ่ายทอดต่อ  ก็เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่มีโลกทัศน์กว้างไกลเท่านั้น
ดีแล้วที่มีกลุ่มงาน(ซีไรท์) เป็นผู้นำเสนอแนวคิดของคนทุกรุ่น   แนวคิดใดดีก็ควรแคะมาย้ำบ่อย ๆ  จะมาในรูปแบบใดก็ตาม
แก่นของแนวคิดคงเข้าถึงสักวัน (ถ้าเปิดโลกทัศน์)

 

ผู้แสดงความคิดเห็น จรดจันทร์ วันที่ตอบ 2010-12-10 20:02:51


ความคิดเห็นที่ 47 (2135931)

 

 

     แก้ไขข้อมูลครับ  ดุสิต  ขู่คำราม นั้นไม่มีตัวตนครับ  ผมพลาดเอง  จริง ๆ แล้ว  เป็น  ดุสิต  มั่นทรัพย์  กับ  ณรงค์  ขู่คำราม  อันนี้คุณสุธีร์  พุ่มกุมาร สะกิดมา ก็เรื่องที่พูดถึงมัน ๓๐ ปีเลยแล้วครับ  เคยมีผู้ใหญ่ว่าผมว่า "มึงไม่แก่บ้างก็ให้รู้ไป" น่ากลัวจะเป็นจริงซะแล้ว

ผู้แสดงความคิดเห็น สมศักดิ์ ศรีเอี่ยมกูล นักกลอนครับ (somsak-poet-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2010-12-11 09:23:01


ความคิดเห็นที่ 48 (2205428)

สวัสดีครับ.....เพื่อน  ๆ
ผม ณรงค์ ขู่คำราม ครับ  มาพบข้อความโดยบังเอิญจาก google

ใครจะว่าอะไรกัน ผมไม่เกี่ยวนะครับ... เพราะตอนนี้ผมเป็นนักธุรกิจ
และนักกอล์ฟ...ยังคิดถึงเพื่อน ๆ เสมอ คุณสุธีร์ คุณสมศักดิ์  สบายดีนะ
ว่าง ๆ ไปทักทายกันที่ Facebook นะครับ...

http://www.facebook.com/narong.khukamram


และที่เว็บไซต์ของผมซึ่งมีอยู่กว่า 20 เว็บ ขอบคุณครับ

http://www.prdecor.com/

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ณรงค์ ขู่คำราม (prdecor-at-gmail-dot-com)วันที่ตอบ 2011-08-13 11:18:09



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.