ReadyPlanet.com


บุคคลวิตถาร


รัตติกาลผ่านทิวายังว่าทัก

คล้ายรถเมล์ขานกวักยามรถสวน
ยอดกะสังยังยิ้มริมเนินควน
ฉะอ้อนสรวญชวนพื้นยื่นปรีดา ฯ
 
ลมจะโหมโถมไผ่ให้ไหลลู่
ไผ่ยังรู้เริงรับกับแรงถลา
ชวนลมพัดผลัดใบครรไลลา
ถนัดหน่อก่อกล้าสาขาเจริญ ฯ
 
ตะกอนดินรินไหลไปอ่าวใต้
ประสบสายปลาสร้อยนับร้อยเหิน
ปะทะน้ำทวนตนพลดำเนิน
หาได้เมินเล่าเรื่องเมืองอุดร ฯ
 
โอ้ละเห่เร่ยางมาทางนี้
หาได้มีชาวนามาทึ้งถอน
ชาวนาฟางอย่างคุณคุ้นนกจร
พักกินนอนก่อนหนาก่อนว่าเตือน ฯ
 
หากเสฉวนครวญเคราะห์เสาะถิ่นที่
ฉันยินดีมีรักพำนักเสมือน
ประมาณค่าเปลือกสังข์ยังรางเลือน
ฝาลิโพคือเพื่อนเยือนพักแรง ฯ
 
มะเดื่อเมื่อสุกไซร้ใสผ่องพรรณ
แต่ในนั้นนั่นเน่าเขาว่าแขยง
กำลังบ่อนกร่อนเนื้อเชื้อหนอนแมง
มะเดื่อแจ้งมิตรตนอย่าสนนินทา ฯ
 
ขอแหย่ใบไมยราบหุบราบเล่น
บังเทิงเป็นล้นพ้นเจ้าต้นหญ้า
ไมยราบแกล้งเด็ดเม็ดเธอมา
เจ้าต้อยติ่งแตกอ้าพาเสียงเฮ ฯ
 
กระเต็นนกตกน้ำงามสง่า
ทุกท่วงท่าถาหนักมิหักเห
กิ่งชมพู่สู้สั่งกำลังเท
อย่าร้างเร่กลับต้นพ้นพลาดปลา ฯ
 
ฟ้าหลังฝนยังหม่นอยู่อีกไหม
ไม่แน่ใจในเมฆบนเวหา
ฟ้าหลังฝนดลแสงแห่งบูรพา
รุ้งประจิมยิ้มร่ากว่าโค้งตน ฯ
 
เห็นสุนัขรักลิงอิงแนบชิด
จรรโลงพิศติดตาเจ้าหน้าขน
ลิงบันเทิงเหลิงสุนัขมักซุกซน
หมาเห็นคนบางคนบ่นนินทา
 
ตั๊กแตนขัดสานใบลานยาย
เอามาขายให้ลูกผูกซื้อหา
ยายบอกว่าไร้ใครจ้างยายมา
ยายบอกว่าศรัทธาใช่มาลวง ฯ
 
ตั๊กแตนขัดสนจำนนยาย
เอามาขายกรายร่างข้างทางหลวง
หัวอกยายไร้ลูกมาผูกดวง
ตะวันล่วง "รถตู้" ขับมารับยาย ฯ
 
เห็นสุนัขรักลิงอิงแนบชิด
จรรโจษพิษปิดตำนานนิทานสลาย
ในตอนจบพบลิงกอดหมาตาย
และสอนให้บางชายขายหน้าลิง !!!
 
แด่เจ้าเสือ เหลือแต่...แค่เจ้าแต้ว.


ผู้ตั้งกระทู้ ไวกูณฐ์ มาลาไทย :: วันที่ลงประกาศ 2011-02-17 08:25:13


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (2154685)

ถ้าผมเดาไม่ผิด กลอนบทนี้ต้อการสื่อภาพพจน์แบบบุคลาธิษฐานแล้วกลอนบทสุดท้ายต้องการกล่าวถึงเหตุการณ์ที่หมาโดนวางยาเบื่อตารมที่เคยออกข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ใช่มั้ยครับ---เศร้าอยู่นะ

แต่อย่างไรก็ตาม คุณแต่งได้เพราะมากครับ โดยเฉพาะบทไมยราบกับต้อยติ่ง น่ารักดีครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น คนนครนายก วันที่ตอบ 2011-02-19 13:49:00


ความคิดเห็นที่ 2 (2154763)

      ลมจะโหมโถมไผ่ให้ไหลลู่

ไผ่ยังรู้เริงรับกับแรงถลา
 
 
ชอบ 2 วรรคนี้มากครับ
ผู้แสดงความคิดเห็น หนุ่มราศีกันย์ วันที่ตอบ 2011-02-19 19:28:58


ความคิดเห็นที่ 3 (2154820)

ไม่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างชื่อกลอน เนื้อหา สาระที่ต้องการสื่อ

เรื่องลิงกับหมามีแทรกอยู่สองบทเป็นอักษรตัวเอน แล้วสัมพันธ์กับบทอื่นๆอย่างไร

เป็นเรื่องเดียวกันหรือเปล่า

การเปรียบเทียบพิสดารมาก รัตติกาลผ่านทิวาทักขานกันเหมือนรถเมล์สวน น่าจะเป็นภาพกระเป๋ายื่นหน้าออกไปนอกหน้าต่างทักกับกระเป๋ารถเมล์อีกคันที่สวนมา จะให้นึกภาพแล้วนึกถึงกลางวันทักกลางคืนจำเป็นต้องใช้จินตนาการสูงมาก

ยายสานตั๊กแตนรอรถตู้  สองบทนี้ไม่ชัดเจนในเนื้อหาสาระเลย ไม่สามารถตีความในสัญญลักษณ์ ลูกผูกซื้อหา ผูกอะไร กลอนพาไปไหนไม่ทราบ ไม่เกี่ยวอะไรกับหมาโดนยาเบื่อเลย

สรุปว่าเป็นบทบรรยายธรรมชาติแบบจับฉ่าย นึกอะไรออกก็บรรยายไปแล้วเอามาร้อยรวมกัน ไม่มีแก่นเรื่อง และตั้งชื่อเรื่องแบบฉีกแนวจากเนื้อกลอนได้ขาดมาก

ไพเราะถ้าจะอ่านแบบไม่เอาความหมาย

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เสือทราย วันที่ตอบ 2011-02-20 00:43:23


ความคิดเห็นที่ 4 (2154930)

ได้อ่านแบบเต็มๆอีกครั้งแล้ว.....ขอบคุณครับ

เหมือนจะไม่ต้องใช้ความคิดอะไรมากมาย แต่คิดดีๆก็มีอะไรแฝงไม่น้อยเลยครับ

ร.ศ.


ปล.ผมอ่านเข้าใจนะครับ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น รัตนโกสินทร์ศก วันที่ตอบ 2011-02-20 18:06:06


ความคิดเห็นที่ 5 (2155114)

แวะเข้ามายิ้ม ^_^

 

ขอขอบคุณทุก ๆ ความเห็นครับ โดยเฉพาะเพื่อนที่ไม่เคยเห็นหน้าอย่างคุณรัตนโกสินทร์ศก

ผู้แสดงความคิดเห็น ไวกูณฐ์ มาลาไทย วันที่ตอบ 2011-02-21 14:32:59


ความคิดเห็นที่ 6 (2155287)

ปกติดิฉันไม่ใคร่จะพิมพ์ความเห็นนะคะ

กลอนจากกระทู้นี้อ่านแล้วรู้สึกดีค่ะ แต่ดันมาติดมาจี๊ดตรงความเห็นที่ 3 ดูเขาพยายามดีนะคะ ใช้วาทกรรมอย่างผู้มีภูมิ แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ดิฉันเชื่อว่า ผู้สร้างสรรค์ ย่อมดีกว่า (และสังคมต้องการมากกว่า) ผู้ติ ค่ะ (ก็จะมีบางท่านแย้งว่า ถ้าไม่มีการติสิแย่ สังคมนี้เป็นสังคมแห่งเสรี ก็จริงค่ะ แต่ลองมองดูรอบ ๆ ตัวท่านสิคะ สังคมไทยตอนนี้มีแต่คนเก่ง ๆ เต็มไปหมดเลยค่ะ แต่ละคนสามารถวิพากษ์วิจารณ์เรื่องราวต่าง ๆ ด้วยภาษาสวย ๆ ทั้งนั้น แต่ทำไมเรายังล้าหลังอย่างนี้ล่ะคะ)

ดิฉันในฐานะผู้เคยผ่านการเรียนวิชาวรรณกรรมวิจารณ์ อาจารย์ท่านมักจะปลูกฝังเสมอว่า เราต้องแยกแยะให้ออกระหว่างการวิจารณ์ กับ "การดิสเครดิต" เพราะเราเป็นนักอักษรศาสตร์ มิใช่มาร

เอาเป็นว่า คนอย่างคุณความเห็นที่ 3 ซึ่งเดาเอาว่าคือคนหน้าเดิม ๆ ในเว็บนี้ที่ผันมาใช้ชื่อเสือทราย หากได้ไปอ่านงานกวีนิพนธ์รางวัลซีไรต์เล่มล่าสุด คงมิต้องอกแตกตายไปเลยหรือคะ ? เพราะดูท่าจะเป็นคนที่มองอะไรเป็นมาตรเป็นกรอบสมบูรณ์แบบ

"บุคคลวิตถาร" แน่นอนที่สุด ที่ว่าผู้แต่งต้องการแผลงคำเพื่อเล่นเสียงคล้องกับคำว่าบุคลาธิษฐาน อันเป็นภาพพจน์อย่างหนึ่งซึ่งต้องการให้สัตว์หรือสิ่งไม่มีชีวิตแสดงกิริยาอย่างมนุษย์ แต่ละบทแต่ละตอนฉายเรื่องราวของสัตว์หรือพืชต่าง ๆ แสดงความสัมพันธ์ฉันมิตรภาพ (และแน่นอน รถเมล์ที่ผู้เขียนกล่าวถึง จึงไม่ใช่กระเป๋ารถเมล์มาชะโงกหน้า แต่น่าจะเป็น ตัวรถเมล์ เองนั่นแหละ ที่ทักกัน) อันเป็นการเกื้อกูลที่มีความลึกซึ้งมากกว่าที่ระบบนิเวศได้กำหนดไว้ (นั่นจึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ว่า "บุคลาธิษฐาน" ได้ถูกนำมาใช้ในกวีอยู่บ่อยครั้ง)

หากเป็นภาพยนตร์ กวีนิพนธ์บทนี้ใช้เทคนิคการลำดับภาพตัดต่อร้อยเรียง "ความหลากชีวิต"

"ปมที่ 1" หมาและลิง แม้ว่าจะไม่แสดงภาพจน์บุคลาธิษฐานในบทนี้ แต่นี่คือบทเริ่มต้น (ซึ่งอยู่ในตอนท้ายของเรื่องแล้ว) จากการเปลี่ยน "บุคลาธิษฐาน" ไปสู่ "บุคคลวิตถาร" ----- "หมาเห็นคนบางคนบ่นนินทา"

"ปมที่ 2" คุณยายขายตั๊กแตนสาน โดยส่วนตัวดิฉันอาศัยอยู่ย่านสยามอันเป็นสถานที่จอแจที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ดิฉันมีความเชื่อว่าการค้าที่ใช้ความน่าสงสารเป็นอุปสงค์ ย่อมทำให้ระบบการตลาดที่ต้องอาศัยความสงเคราะห์จากลูกค้านั้นแทนกฎแห่งอุปทาน ----- "ให้ลูกผูกซื้อหา" ดังนั้น "ผูก" จึงไม่ใช่คำที่พาไปอย่างไม่มี่นัยยะ เพราะเงินที่คุณยายจะได้เงินนั้น ต้องใช้ความเปราะบางและความโศกาสงสารผูกความรู้สึกระหว่างแม่ค้ากับลูกค้า ! เชื่อหรือไม่ว่า ธุรกิจนี้ ส่วนใหญ่ทำกันอย่างเป็นระบบ อาศัยความมีน้ำใจและความเห็นอกเห็นใจเป็นจุดค้ากำไร และสุดท้ายใครจะเชื่อว่าขอทานบางคนรวยกว่าดิฉันเสียอีก ----- "ตะวันล่วงรถตู้ขับมารับยาย" (ดิฉันเคยเห็นรถตู้สีขาวใหม่เอี่ยมรับเด็กขอทานกลับตอนดึกคาตา !!!) 

"จบเรื่อง" หลังจากที่ผู้เขียนรจนาด้วยภาพพจน์บุคลาธิษฐานมากว่าร้อยละ 95 และพาผู้อ่านเข้าสู่โลกแห่งบุคคลวิตถาร ในที่สุด (ดิฉันเชื่อว่าผู้เขียนคงเกิดแรงบันดาลใจอย่างแรงกล้าหลังจากที่มีโอกาสอ่านข่าวเจ้าเสือ เจ้าแต้ว) ผู้เขียนก็สรุปเรื่องราวนี้จากที่ใช้รสคำรสรสความประเภทศฤงคารรส มาผันในบทสุดท้ายให้เป็นลีลาสัลปังคพิสัย

หากความเห็นของดิฉันไปทำให้ผู้อ่านหรือคุณไวกูณฐ์ขุ่นข้องหมองใจ ดิฉันต้องขออภัย ทั้งนี้ทุกสิ่งที่ทำไป ทำไปเพราะเจตนาที่ดีและไม่มีการดิสเครดิต อีกทั้งยังเป็นการสนับสนุนผู้สร้างสรรค์อย่างนักโพสต์ท่านอื่น ๆ ที่แบ่งปันผลงานลงในกระทู้เว็บนี้ แม้ว่าพักหลัง ๆ จะมีความเห็นหลาย ๆ ความเห็นตั้งชื่อไม่ซ้ำกัน มาดิสเครดิตกระทู้นักโพสต์ท่านอื่น ๆ จนทำให้บรรยากาศดี ๆ ในเว็บนี้เสียไป ดิฉันจะเป็นคนตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งที่จะช่วยให้กำลังใจในทางบวกแก่นักโพสต์ทุก ๆ ท่าน

ปล. ดิฉันชอบกลอนบทนี้ค่ะ

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อาทิตยา รุ่น 40 วันที่ตอบ 2011-02-21 22:36:35


ความคิดเห็นที่ 7 (2155354)

กด Like ให้ความเห็นที่ 6 คุณอาทิตยา

ผู้แสดงความคิดเห็น ... วันที่ตอบ 2011-02-22 08:49:15


ความคิดเห็นที่ 8 (2155362)

คุณอาทิืตยา

          คุณสีซอได้ไพเราะมากครับ  โดยเฉพาะท่อนสุดท้าย เสียดายแต่คนโง่อวดฉลาดคนนั้น มันตกยุคไปแล้ว

ผู้แสดงความคิดเห็น สมศักดิ์ ศรีเอี่ยมกูล นักกลอนครับ (somsak-poet-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2011-02-22 09:13:43


ความคิดเห็นที่ 9 (2155451)

ส่วนผมก็จะโพสต์กลอนไปเรื่อย ๆ และเป็นกำลังใจให้นักโพสต์ทุกท่านเช่นกันครับ ^_^

ผู้แสดงความคิดเห็น ไวกูณฐ์ มาลาไทย วันที่ตอบ 2011-02-22 13:33:01


ความคิดเห็นที่ 10 (2155720)

ขอยกนิ้วให้กับคุณไวกูณฐ์ และคุณอาทิตยาครับ อยู่เว็บนี้ไปนาน ๆ ทั้งสองท่านนะครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น ริว วันที่ตอบ 2011-02-23 12:43:58


ความคิดเห็นที่ 11 (2156135)

หลังจากที่ผมอ่านความเห็นและบทวิจารณ์รวมไปถึงข้อคิดเห็นของคุณอาทิตยา

ผมต้องยอมรับว่า

ถ้าผมเป็นคุณความเห็นที่ 3

ผมคงอายมาก

ผู้แสดงความคิดเห็น มะยงชิด มิตรทุกคน วันที่ตอบ 2011-02-24 18:34:27



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.