ReadyPlanet.com
dot dot
โคลงสี่สุภาพ “ลมปาก” มิถุนายน 2551 สำนวนที่ 41-49 article
 

ระดับอุดมศึกษา และประชาชนทั่วไป (โคลงสี่สุภาพ) – 49 สำนวน

หน้า(3) สำนวนที่ 41-49

 

(41.ไชยเชษฐ์) กอไผ่ (ลมปาก)

ส่ง 26 มิถุนายน 2551 (ทางเว็บบอร์ด)

 

๏ เสียงซอในป่ากว้าง                   บรรเลง

อ้อเอียดออดสีเพลง                     กล่อมเร้า

กระทบทับข่มเหง                        ลำไผ่  กันนา

เสียงเสียดสีคละเคล้า                  ขับร้องเพลงแผล

 

 ๏ แลลำรอยเริ่มร้อน                    ทวีวัน

เพลิงคุประกายพลัน                    หมกไหม้

ฉวยโอกาสโหมรัน                       แผลงเดช

วายุทำลายได้                             ใส่เชื้อผลาญเผา

 

๏ สังคมเราพรั่งพร้อม                   ปัญญา  เลิศแล

รู้ตริตรองอัตตา                           สดับซ้ำ

พึงพิสูจน์วาจา                            มีสติ

เห็นสิ่งปั้นจากน้ำ                        ใช่ได้เป็นตัว

 

๏ มัวโมหะยุเย้า                           โกรธา  ตามเฮย

ไหวอ่อนวจีหวานมา                     หว่านล้อม

คำถากถางโทสา                         พาลเดือด  ใจนา

อุเบกขาธรรมน้อม                       ดับได้ไฟชน

 

๏ ต้นไผ่ไกวแกว่งได้                     โดยลม

คนเมื่อฟังคารม                          เชื่อสิ้น

เอนตามคิดเห็นสม                      เหมือนไผ่  ไหวนา

หลงเล่ห์ลวงลมลิ้น                      ถูกต้อนโดยคำ

 

๏ อำนาจพจน์เถื่อนสร้าง              วางกล  โกงแล

หวังเสกกระแสตน                       ซ่อนร้าย

ลมปากเป่าหูคน                          สำเร็จ

กอไผ่กับชนคล้าย                        พ่ายด้วยแรงลมฯ

...............................................

(41. ไชยเชษฐ์) กอไผ่ (ลมปาก) (ฉบับแก้ไข)

ส่ง 26 มิถุนายน 2551 ฉบับแก้ไข (ทางเว็บบอร์ด)

 

๏ เสียงซอในป่ากว้าง                  บรรเลง

อ้อเอียดออดสีเพลง                     กล่อมเร้า

กระทบทับข่มเหง                        ลำไผ่  กันนา

เสียงเสียดสีคละเคล้า                  ขับร้องเพลงแผล

 

๏ แลลำรอยเริ่มร้อน                    ทวีวัน

เพลิงคุประกายพลัน                    หมกไหม้

ฉวยโอกาสโหมรัน                       แผลงเดช

วายุทำลายได้                             ใส่เชื้อผลาญเผา

 

๏ สังคมเราพรั่งพร้อม                   ปัญญา  เลิศแล

รู้ตริตรองอัตตา                           สดับซ้ำ

พึงพิสูจน์วาจา                            มีสติ

เห็นสิ่งปั้นจากน้ำ                        ใช่ได้เป็นตัว

 

๏ มัวโมหะยุเย้า                           โกรธา  ตามเฮย

ไหวอ่อนวจีหวานมา                     หว่านล้อม

คำถางถากโทสา                         พาลเดือด  ใจนา

อุเบกขาธรรมน้อม                       ดับได้ไฟชน

 

๏ ต้นไผ่ไกวแกว่งได้                     โดยลม

คนเมื่อฟังคารม                          เชื่อสิ้น

เอนตามคิดเห็นสม                      เหมือนไผ่  ไหวนา

หลงเล่ห์ลวงลมลิ้น                      ถูกต้อนโดยคำ

 

๏ อำนาจพจน์เถื่อนสร้าง              วางกล  โกงแล

หวังเสกกระแสตน                       ซ่อนร้าย

ลมปากเป่าหูคน                          สำเร็จ

กอไผ่กับชนคล้าย                        พ่ายด้วยแรงลมฯ

...............................................

 

(42. นายณรงค์ศักดิ์) ลมปาก

ส่ง 23 พฤษภาคม 2551 (ทางไปรษณีย์)

 

๏ คำความบอกเล่านั้น                  ลมปาก

ใจอย่าหมายพึงฝาก                    ป่วยไข้

หลงลมล่อลืมยาก                       ตายแน่

เป็นแต่เพียงรับไว้                        เผื่อพ้นมือตน

 

๏ ลมปากลวงเล่ห์ล้น                   นำใจ

หวังพึ่งหนทางใด                        ร่วมสร้าง

รอบคอบอย่าหลงใหล                  สุกห่าม  เผากิน

จงไตร่ตรองลึกกว้าง                    ก่อนก้าวเดินตาม

 

๏ ลมใดฤๅเลื่อนย้าย                    ภูผา

ชนมุ่งยอยกมา                            เอ่ยไว้

ทำการดั่งเทพา                           เสกเป่า  มนต์เวทย์

มาดมั่นลมปากไซร้                      ห่อนได้โลกา

 

๏ ลมปากคนหนึ่งกั้น                    จงดี

คงค่าคุณวจี                               ผ่องแผ้ว

ความใดบ่หมายมี                        ยกย่น  กันนา

ชนร่วมกันถึงแล้ว                        หน่อเนื้อภาษา

 

๏ ลมบางเบาแผ่วพริ้ว                  เพลินกาย

ยามค่ำเย็นใจคลาย                     เมื่อยล้า

ลมปากพร่ำเผลอผาย                  หืนหึ่ง

ทุกย่ำยามเองอ้า                          เร่งร้อนใจกายฯ

...............................................

 

หมายเหตุคณะทำงานฯ : ผิดกติกา ส่ง 5 บท (กำหนด 6-10 บท)

 

(43. สุรกิจ) ลมปาก

ส่ง 12 มิถุนายน 2551 (ทางไปรษณีย์)

๏ ลำนำความกล่าวถ้อย                วาจา

ฤๅห่อนพิจารณา                         ถี่ถ้วน

ทุกข์ภัยย่อมตามมา                     เข็ญขื่น  ดวงแด

คำซ่อนมลทินล้วน                       โทษร้ายราวี

 

๏ วจีใดเอ่ยเอื้อน                          รำพัน

หวานรื่นคุณอนันต์                      ถ่องแท้

คำสัตย์อยู่นิรันดร์                        ดุจเช่น  ดาวเดือน

ผู้กล่าวคำเลิศแล้                         ว่าผู้จริงใจ

 

๏ ชนใดเคยกล่าวร้าย                   ประจาน

เศร้าหม่นดลบันดาล                    ซ่อนช้ำ

ผู้ใดกล่าวคำขาน                        สัตย์ซื่อ  วาจา

เต็มเปี่ยมเลิศสุขล้ำ                     กล่าวถ้อยคำนึง

 

๏ ลมปากพึงสื่อสร้าง                   ไมตรี

เสริมเสน่ห์บารมี                          เพื่อนล้น

งามสง่าเจิดราศี                          ขวัญมิ่ง  กายใจ

เอิบอิ่มมิตรมากท้น                      ปราชญ์ชี้คนงาม

 

๏ ลมปากยามเอ่ยถ้อย                  ลำนำ

จงไตร่ตรองประจำ                      จดไว้

เตือนสติก่อนพูดทำ                     คิดแต่  ดีงาม

เกิดก่อประโยชน์ให้                      แน่นแฟ้นไมตรีฯ

...............................................

 

หมายเหตุคณะทำงานฯ : ผิดกติกา ส่ง 5 บท (กำหนด 6-10 บท) 

 

(44.สุรกิจ) ลมปาก

ส่ง 19 มิถุนายน 2551 (ทางไปรษณีย์)

 

๏ ลมปากถางถากถ้อย                  รำพัน

จมจ่อมโศกคืนวัน                        ซ่อนเร้น

มวลมิตรหมู่แปรผัน                     หายห่าง  เลือนไกล

โดดเดี่ยวเดียวดายเช่น                 ผู้ร้างคนเคียง

 

๏ สำเนียงคำเอ่ยเอื้อน                  วาจา

กำหนดบทชะตา                         ขีดไว้

คำเพราะย่อมศรัทธา                   ผองหมู่  ปวงชน

คำหยาบย่อมหม่นไร้                    สุขร้างเลือนราง

 

๏ วาจางดังเทพไท้                       พรหมอินทร์

ลิขิตรอยชีวิน                              ซ่อนไว้

หยามหยาบหม่นยลยิน                พูดพร่ำ  คำตรม

เสนาะเพราะถ้อยใช้                     เอ่ยอ้างคนดี

 

๏ งามศรีงามแห่งถ้อย                  นานเนา

เกิดก่อแต่วัยเยาว์                        มุ่งเน้น

สำเนียงบ่มขัดเกลา                     สัตย์ซื่อ  คำเฮย

จำจิตรู้ว่างเว้น                            หยาบถ้อยคารม

 

๏ ลมปากเหมือนดั่งห้วง               วารี

เอื้อนเอ่ยแล้วไม่มี                        กลับย้อน

เปรียบเปรยเช่นนที                       ไหลล่วง

คำกล่าวเกริ่นสะท้อน                   ตรึกถ้วนตรองความ

 

๏ ป้องปรามตนก่อนเอื้อน              วาจา

ตรองตริพิจารณา                        ถ่องแท้

บัณฑิตย่อมรักษา                        เกียรติซึ่ง  ดีงาม

คำสัตย์หวานเลิศแล้                    แด่ผู้ครองธรรมฯ

...............................................

 

(45.สมรภูมิ) เหล่ากอแห่งร้อยกรอง

ส่ง 24 มิถุนายน 2551 (ทางไปรษณีย์)

 

๏ งานร้อยกรองแจ่มแจ้ง             กระจ่าง  ใครหนอ

ทุกบทวรรคใจกลาง                     แต่งแต้ม

อักษรเด่นเล่นหาง                       ดึงดูด  ผู้อ่าน

สูงต่ำแปลกประแล้ม                   ศิษย์ไหว้บูชาฯ

...............................................

 

หมายเหตุคณะทำงานฯ : ผิดกติกา ส่ง 1 บท (กำหนด 6-10 บท)

 

 (45.สมรภูมิ) เหล่ากอแห่งร้อยกรอง (แก้ไข)

ส่ง 25 มิถุนายน 2551 ฉบับแก้ไข (ทางไปรษณีย์)

 

๏ งานร้อยกรองแจ่มแจ้ง               กระจ่าง

ทุกบทวรรคใจกลาง                     แต่งแต้ม

อักษรเด่นเล่นหาง                       ดึงดูด  ผู้อ่าน

สูงต่ำแปลกประแล้ม                   ศิษย์ไหว้บูชา

 

๏ เป็นหญ้าแพรกแตกราก             ชูก้าน

ใบหลักแหลมเบ่งบาน                  ผลิงอก

ปลิ้วสะบัดอาจหาญ                    กกหน่อ  พึ่งพา

รู้ศาสตราแหกคอก                      เก่งกล้าปัญญา

 

๏ คือมะเขือหล่นห้อย                   ผื้นดิน

ผลอ่อนแรงนุ่มนิ่ม                       ขาดดิ้น

น้ำตาหยดรดริน                          อาบอก  ร้าวราญ

ยามเมื่อเจ้านั้นสิ้น                       หอกด้ามเชิงเชาวน์

 

๏ ดุจดอกเข็มเหลื่อมรอบ              แพรวพราว

ร้อยท่าลวดลายราว                     เล่นงิ้ว

เชี่ยวชาญศาสตร์โน้มน้าว ขัดเกลา  ทุกข์สุข

พ้นโศรกชื่นระลิ้ว                         ผ่องแผ้วปรีดา

 

๏ ดั่งกอไผ่หยาดย้อย                    สวยงาม

แสงส่องเขียวอร่าม                      คู่ฟ้า

ศูนย์รวมจิตล้นหลาม                   แบบอย่าง

ทั่วถิ่นแคว้นใต้หล้า                      ต่างเรียกอาจารย์

 

๏ เหล่ากอหมู่น้อม                        รำลึก

ท่านอบรมพร่ำฝึก                         ไม่เว้น

เกียรติศักดิ์ก้องกึก                        ยกย่อง  เขตคราม

เช้าค่ำคอยเฝ้าเน้น                        กล่าวย้ำตักเตือนฯ

...............................................

 

(46.สุมลทิพย์) ลมปาก

ส่ง 25 มิถุนายน 2551 (ทางไปรษณีย์)

 

๏ วาจาคนต่างล้วน                      แอบแฝง

คำต่างจากแสดง                        ย่อมได้

จะพูดกล่าวยุแยง                        หรือกล่าว  สัตย์จริง

จึงอยู่ลมปากใช้                          บ่รู้ความใน

 

๏ ลมปากลวงเล่นลิ้น                   เจรจา

เป็นสื่อหลอกนำพา                      เล่ห์ร้าย

หลงคำจึ่งโศกา                           หมองหม่น

เปรียบหนึ่งอาวุธร้าย                    ฆ่าได้ควรเกรง

 

๏ ลมปากหวานไม่สิ้น                   จางหาย

เกิดสิ่งดีมากมาย                         กล่าวถ้อย

พูดหวานเรื่องกลับกลาย               หนักยิ่ง  เป็นเบา

ใครหมื่นฟังก็คล้อย                     บ่แย้งขัดหู

 

๏ เราฟังตรองไตร่ไว้                     เป็นดี

จงเชื่อเหตุผลมี                           ที่ตั้ง

แยกแยะซึ่งวจี                             อันมุ่ง  ประสงค์

ฟังเผื่อสติยั้ง                              อย่าได้หลงเผลอ

 

๏ การพูดก็เยี่ยงย้อน                    โยงใย

คิดก่อนจึงพูดไป                         สิ่งรู้

ลมปากกล่าวตามใจ                    อาจส่ง  ผลเสีย

พูดง่ายกลายเป็นผู้                      พ่ายแพ้ภัยตัว

 

๏ โบราณสอนว่าอ้อย                   แสนหวาน

มิเท่าพจมาน                              แน่แท้

หวานหูอยู่ทุกวาร                        มิเสื่อม  จางหาย

หวานยิ่งยังหวานแพ้                    ไม่สู้วจีฯ

...............................................

 

(46.สุมลทิพย์) ลมปาก (ฉบับแก้ไข)

ส่ง 26 มิถุนายน 2551 ฉบับแก้ไข (ทางไปรษณีย์)

 

๏ วาจาคนต่างล้วน                      แอบแฝง

คำต่างจากแสดง                         ย่อมได้

จะพูดกล่าวยุแยง                        หรือกล่าว  สัตย์จริง

จึงอยู่ลมปากใช้                          บ่รู้ความใน

 

๏ ลมปากลวงเล่นลิ้น                   เจรจา

เป็นสื่อหลอกนำพา                      เล่ห์ร้าย

หลงคำจึ่งโศกา                           หมองหม่น

เปรียบหนึ่งอาวุธคล้าย                 ฆ่าได้ควรเกรง

 

๏ ลมปากหวานไม่สิ้น                   จางหาย

เกิดสิ่งดีมากมาย                        กล่าวถ้อย

พูดหวานเรื่องกลับกลาย               หนักยิ่ง  เป็นเบา

ใครหมื่นฟังก็คล้อย                     บ่แย้งขัดหู

 

๏ เราฟังตรองไตร่ไว้                     เป็นดี

จงเชื่อเหตุผลมี                           ที่ตั้ง

แยกแยะซึ่งวจี                             อันมุ่ง  ประสงค์

ฟังเผื่อสติยั้ง                              อย่าได้หลงเผลอ

 

๏ การพูดก็เยี่ยงย้อน                    โยงใย

คิดก่อนจึงพูดไป                         สิ่งรู้

ลมปากกล่าวตามใจ                    อาจส่ง  ผลเสีย

พูดง่ายกลายเป็นผู้                      พ่ายแพ้ภัยตัว

 

๏ โบราณสอนว่าอ้อย                   แสนหวาน

มิเท่าพจมาน                              แน่แท้

หวานหูอยู่ทุกวาร                        มิเสื่อม  จางหาย

หวานยิ่งยังหวานแพ้                    ไม่สู้วจีฯ

...............................................

 

(47. ธ ไทย) แค่…ลมปาก

ส่ง 30 มิถุนายน 2551 (ทางไปรษณีย์)

 

๏ วาทีที่พูดแล้ว                           พึงจำ

ยึดมั่นสัญญาทำ                         เลิศแท้

วาทีหากคืนคำ                            ถ้อยเท็จ

เป็นแค่ลมปากแล้                        พจน์ไร้ความหมาย

 

๏ กระจายขายข่าวสร้าง                กระแส

ปลุกระดมปรวนแปร                    ปลุกเร้า

กล่าวอ้างประชดแฉ                     ชวนเชื่อ

โน้มจิตน้าวใจเย้า                        ปากโอ้โลมลม

 

๏ ชมชื่นเพราะเชื่อแล้ว                 เชื่อเลย

อำนาจลมปากเปรย                     ไป่รู้

ตื้นลึกบ่ยอมเผย                          ถูกผิด

จริงเท็จแน่แท้ผู้                           พูดนั้นรู้ดี

 

๏ วจีหวานลึกล้ำ                         รื่นหู

จรูงจิตเคลิบเคลิ้มชู                     เชิดด้วย

ถ้อยคำหว่านล้อมพรู                    ฟังเพราะ

กล้ายว่ากล้วยก็กล้วย                   ชอบแล้วตามเขา

 

๏ ลมเป่าจากปากสร้าง                 ศรัทธา

สำเร็จกิจพจนา                           กลับสิ้น

หมื่นคำมั่นวาจา                          ลืมหมด

แท้ก็เล่ห์ลมลิ้น                           ล่วงรู้เมื่อสาย

 

๏ ท้ายสุดลมปากนั้น                    คือลม

มธุรสชื่นหวังชม                          ทุกถ้อย

ตระบัดสัตย์เข็ดขม                      แสนขื่น

เชื่อมิได้สักน้อย                           ปากนั้นเป่าลม

 

๏ สังคมสงบสุขด้วย                    ถือสัตย์

โอษฐ์เอ่ยเอื้อนศุภอรรถ                 ถ่องแท้

เจรจาแจกแจงชัด                        จริงเท็จ

ลมจากปากนั้นแล้                       พจน์ล้ำเชื่อถือฯ

...............................................

 

(48.ภูมิชาย) ยุคข้าวยากหมากแพง

ส่ง 3 กรกฎาคม 2551 (ทางไปรษณีย์)

 

๏ จงเก็บผักเพาะกล้า                   กันนา

เก็บเกี่ยวลุยหาปลา                      พี่ป้า

ปลูกผักง่ายลุงอา                        นาพ่อ

ไปไร่จอบมีดพร้า                         ย่อมไร้ยากจน

 

๏ ยุคทนข้าวยากแท้                     แม่เอย

ขึ้นค่าน้ำมันเหวย                        รถได้

ราคาข้าวสูงเลย                          ปลิวว่อน

ตีค่าของกินใช้                            เร่งร้ายเข้ามา

 

๏ หากพี่น้าช่วยใช้                        ประหยัด

ลดค่าเร็วรัด                                ช่วยคุ้ม

จะได้ไม่วุ่นจัด                             นาพี่

หากไม่ตัดจะกลุ้ม                        ย่อมให้จำเป็น

 

๏ รถยนต์เน้นจะใช้                      คิดนา

เพราะค่าน้ำมันมา                       แล่นได้

พรวดพลาดพุ่งราคา                    เร็วรี่

คิดใคร่ครวญกันไว้                      ไม่ให้อกตรม

 

๏ ชมชื่นทางที่ใกล้                       เดินนา

เหนื่อยหน่อยพลอยตรึงตรา          ช่วยได้

แข็งแรงมั่นมายา                         นาพี่

เร็วรี่ประหยัดไว้                           มั่นน้ำใจคน

 

๏ จักรยานทนปั่นได้                     ก็ดี

เสริมค่าคุณชีวี                            ชื่นให้

อดทนไม่โรคี                               นาแม่

ยังช่วยลดค่าใช้                           จ่ายได้มั่นคงฯ

...............................................

 

หมายเหตุคณะทำงานฯ : ผิดกติกา ประทับตราไปรษณีย์หลังวันที่ 30 มิถุนายน 2551

(ประทับตรา 3 กรกฎาคม 2551)

 

(49.ภูมิชาย) มือแขนของแผ่นฟ้า

ส่ง 3 กรกฎาคม 2551 (ทางไปรษณีย์)

 

๏ ลืมตาเห็นก่อนใกล้                   ใดนา  พี่เอย

ลุกตื่นจัปปากกา                         ครุ่นคล้าย

กระดาษแผ่นหยิบมา                   คิดก่อ  งานเขียน

รุดเร่งมองซ้ายขวา                       นั่งได้สงบ

 

๏ พบเห็นก็ว่าไว้                           รีบจด  เร็วพี่

ยามรุ่งมิราลด                             ซ่อนร้าว

จับจิตที่กำหนด                           ก็ช่วย  นาพ่อ

อีกหนึ่งรีบรุดก้าว                         นี่ค้นชีวี

 

๏ มีงานเขียนที่ได้                        นานา  ความคิด

ชอบชื่นใจหนักหนา                     ว่ากล้า

ดุจดั่งฝันเยือนมา                        หาเพื่อ  บันทึก

เร็วรี่มิโรยร้า                                เชื่องช้าพี่เอย

 

๏ เฉยนักก็ไม่ได้                           ใดใด  นาพ่อ

แดดร่มลมพัดไป                         ชื่นฟ้า

หากมุ่งมั่นในใจ                          ก็ง่าย  ใดเลย

ใจเชื่อเพราะก่อกล้า                     ท่านนั้นฝันดี

 

๏ นำความดีว่าไว้                        นาที  พี่เอย

ทุกช่วยประชาชี                           ทุ่มให้

ใจใสซื่อเร็วรี                               มิพรั่น  ทันใด

มาช่วยปัดยากไร้                         เชื่อได้ไทแดน     

 

๏ มือแขนของแผ่นฟ้า                  ปากกา  ดินสอ

คือชื่อคือประชา                          พร่ำไว้

ทุกข์ยากก่อชีวา                           ทราบซึ่ง  ความจริง

คงมั่นฝันไฟให้                            ท่านนั้นกวีฯ

...............................................

 

หมายเหตุคณะทำงานฯ : ผิดกติกา ประทับตราไปรษณีย์หลังวันที่ 30 มิถุนายน 2551

(ประทับตรา 3 กรกฎาคม 2551)







bulletผลร้อยกรองออนไลน์ 2558
dot
ประกวดร้อยกรองออนไลน์ครั้งที่ 7
dot
bulletข้อมูลการประกวดครั้งที่ 7, 2557
bulletผังร้อยกรอง
bulletอ่านโคลงประกวด 2557
bulletอ่านกลอนประกวด 2557
bulletอ่านกาพย์ยานีประกวด 2557
bulletผลการประกวดร้อยกรอง ปี 2557
dot
ข่าวสาร ข้อมูลสมาคม
dot
bulletกรรมการสมาคมสมัยที่ ๑๕-๑๖
bulletนายกสมาคมสมัยที่ ๑๗
bulletติดต่อนายกสมาคมนักกลอน
bulletติดต่อฝ่ายดูแลส่วนต่างๆ
bulletสมัครสมาชิกสมาคมนักกลอน
bulletนักกลอนตัวอย่าง ๒๕๕๓
dot
หัวข้อน่าสนใจ
dot
bulletรวมลิ้งค์เว็บไซต์น่าสนใจ
bulletส่งบทสักวา น.ส.พ. สยามรัฐ
bulletวารสารวิทยาจารย์ รับต้นฉบับ
bulletส่งข้อเขียนครูในดวงใจ
dot
แนะนำหนังสือ
dot
bulletหน้ารวมหนังสือ
bulletคู่มือเรียนเขียนกลอน
bulletกาสรคำฉันท์ - สมคิด สิงสง
bulletหนังสือสุรินทร์สโมสร
bulletฝากโลกนี้ไว้ในหัวใจเธอ - กอนกูย
bulletเลือน - อติภพ
bulletธาร ธรรมโฆษณ์
bulletนายทิวา
bulletกลอนเกียรติยศ
bulletอ้อมกอดแห่งท้องทุ่ง
bulletทองแถม นาถจำนง
bulletพงศาวดารพิภพ
bulletโป๊ยเซียน คะนองฤทธิ์
dot
โครงการประกวดต่างๆ
dot
bulletนายอินทร์อะวอร์ด ๒๕๕๖
bulletประกวดรางวัลซีไรท์ปี ๒๕๕๖
bulletรางวัลพานแว่นฟ้า ปี ๒๕๕๖
bulletรางวัลวรรณกรรมรามคำแหง ๒๕๕๖
dot
ผลตัดสินรางวัลต่างๆ
dot
bulletรางวัลศรีบูรพา ๒๕๕๖
bulletผลรางวัลซีไรต์ ๒๕๕๗
bulletผลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ๒๕๕๗
bulletผลรางวัลแว่นแก้ว ๗ (๒๕๕๓)
bulletผลกลอนวิถีคนกับควาย
bulletผลร้อยกรอง “ผมจะเป็นคนดี”
bulletรางวัลนราธิป ๒๕๕๓
bulletนักเขียนอมตะ คนที่ ๖ (๒๕๕๕)
bulletนักเขียนรางวัลศรีบูรพา ๒๕๕๖
bulletศิลปินมรดกอีสาน ๒๕๕๔
bulletผลรางวัลพานแว่นฟ้า ๒๕๕๕
bulletผลรางวัลรามคำแหง ๒๕๕๖
bulletศิลปินแห่งชาติ ๒๕๕๕
bulletผลประกวดหนังสือ ชีวิตใหม่ 2
dot
ข่าวคราวของลมหายใจ
dot
dot
Weblink
dot
bulletอ่านกลอนประกวด 2556

หนังสือพิมพ์ คมชัดลึก
สมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย
ศูนย์ให้คำปรึกษาปัญหาภาษาไทย มศว
เว็บรวมกระทู้ อาศรมชาวโคลง ใน pantip.com
หนังสืออีศาน


Copyright © 2010 All Rights Reserved.
ติดต่อ นายกสมาคมนักกลอนแห่งประเทศไทย ทองแถม นาถจำนง
โทรศัพท์ ๐๘๙-๑๒๓๔๗๕๔ อีเมล์ tongtham.n@hotmail.com

สำนักพิมพ์แม่โพสพ