21. ชวิน - เมืองหุ่น : วัฒนธรรมที่เปลี่ยนแปลง
อีเมล์ / 28 กรกฎาคม 2551
๏ กำหนดบทตัวเชิดกำเนิดหุ่น รุ่นสู่รุ่นส่งผ่านประสานค่า
สื่อสายใยสร้างสรรค์ภูมิปัญญา ตกทอดมาคงอยู่คู่แผ่นดิน
๏ บรรจงมือสลักไม้ให้โครงร่าง บรรจงสร้างเครื่องทรงคงลายศิลป์
บรรจงวาดเส้นสีสื่อชีวิน บรรจงรินความสุขทุกขั้นตอน
๏ จึงกำเนิดหุ่นที่ไร้ชีวิต คนตั้งจิตไหว้ครูบูชาก่อน
ใส่บทพากย์งามเด่นเป็นละคร เพื่อสะท้อนเหตุผลแก่คนชม
๏ ทุกบทบาทมอบแง่คิดอิสระ งามตัวพระแทนความดีที่สั่งสม
งามตัวนางแทนอุปสรรคมักตรอมตรม งามตัวยักษ์แทนหนามคมแห่งลมลวง
๏ เล่นตามบทเพราะหัวใจไม่มีสิทธิ์ เชิดชีวิตเคลื่อนคล้อยตามถ้อยท่วง
จะร้ายดีก็สุดแท้แต่คนปวง จะสร้างบ่วงแบบใดให้ตนคล้อง
๏ สืบสู่ยุคปัจจุบันวันฟ้าใหม่ หุ่นเชิดไทยคือนิยามความหม่นหมอง
เปื้อนมลทินสิ้นค่าน้ำตานอง อยากจะร้องทวงสิทธิ์คิดขัดเคือง
๏ หุ่นเจ้าเอ๋ยเคยเห็นโดดเด่นนัก เอกลักษณ์เคียงคู่ชาติฟูเฟื่อง
ต้องมาเป็นสัญลักษณ์นักการเมือง นิสัยเชื่องเพราะส่งส่วยเลี้ยงด้วยเงิน
๏ งานหุ่นโลกผ่านไปไม่นานนี้ ทุกทิศที่ประกวดกันชนสรรเสริญ
ด้วยคุณค่าเกินประมาณการประเมิน ไทยจึงเชิญรางวัลสู่ขวัญเรา
๏ ผิดหุ่นเชิดกลางสภาหน้าแสแสร้ง คอยแอบแฝงฝูงอธรรมอำนาจเก่า
เพราะจิตใจไร้ค่าปัญญาเบา จึงให้เขาเชิดเล่นเป็นตัวแทน
๏ คือความเหมือนอยู่ในความไม่เหมือน ปราศหรือเปื้อนดูให้ดีอยู่ที่แก่น
นาม หุ่นไทย โด่งดังยังทุกแดน อย่าให้แผนหุ่นชั่วเกลือกกลั้วเอย
.....................................................................................
22. ก.กาญจน์ - เมืองหุ่น
อีเมล์ / 29 กรกฎาคม 2551
๏ เป็นหุ่นเชิดก่อร่างอำพรางชั่ว เมืองหมองมัวจิตหมองหม่นชนโศกศัลย์
ชาติแทบล่มหม่นไหม้เพราะใครกัน ทุกคืนวัน "น้ำท่วมปาก"มากพิษภัย
๏ เพราะไม่จำจึงเจ็บไม่รู้จบ ต้องพานพบความทุกข์ยากลุกไหว
เป็นเพียงหุ่นไร้ค่าน่าเห็นใจ รอฟ้าใหม่ชาติทั้งชาติปราศโกงกิน
๏ แล้วชาวไทยทั้งชาติจะปราศทุกข์ หากเร่งรุกสร้างหวังไร้กังฉิน
แล้วร้องเพลงชาติไทยให้ระบิล แล้วแผ่นดินจะสุขใสใคร่คิดครวญ
๏ หยุดเถอะหยุด"เมืองหุ่น"ไร้คุณค่า คืนชีวา ลบวิโยค โศกกำสรวล
ปูระบอบเป็นระบบเร่งทบทวน เพื่อทุกส่วนสุขชีวาค่าอนันต์
๏ กล้าก่อต้นแตกหน่อเป็นกอกล้า ผลิศรัทธาเบ่งบานบนลานฝัน
ใช้ความดีเลี้ยงหล่อก่อชีวัน ยึดคำมั่นซื่อสัตย์ชัดปรัชญา
๏ ล้างระบอบ "รัฐหุ่นเชิด" จะเกิดผล เกิดเป็นคนรู้รักชาติศาสนา
คืนฝันใหม่ราษฎร์รัฐพร้อมศรัทธา สิ่งควรค่ารู้ตอบแทนคุณแผ่นดิน
.....................................................................................
23. กวีหลังห้อง - เมืองวงกต
อีเมล์ / 30 กรกฎาคม 2551
๏ แลเมืองรกวกวนคนพลุกพล่าน บ้างสำราญบานใจใครจะเหมือน
บ้างทนทุกข์ทนลำบากยากลืมเลือน ยากบิดเบือนเพื่อนเราเศร้าเอาการ
๏ ชำแลเลืองเมืองท่าอาหารหลาก ดุจดั่งรากไม้ใหญ่ให้อาหาร
คนค้าขายรายเรียงเสียงกังดาล ก้องประสานสำเนียงเสียงพื้นเมือง
๏ ยามจันทรามาเยือนแสงเลือนหาย ดูประกายลายตาเวหาเหลือง
แหล่งท่องเที่ยวเกรี้ยวกราดสาดแสงเรือง คนสิ้นเปลืองเรื่องเสพหาพาอบาย
๏ มองขยะเกะกะตาคาถนน ดูสับสนบนดินกลิ่นหลากหลาย
ใช้กฎหมายร้องขอก็มิวาย ช่วยสลายแสนสะอาดชาติวิไล
๏ ข่าวลือมากหลากเรื่องขุ่นเคืองหมอง ตามคอยจ้องจับผิดถูกไฉน
หมั่นยุแยงกลั่นแกล้งแทงฤทัย เพื่อให้ได้ใช้อำนาจราษฎร
๏ ทุกคนหนอพอเพียงเลี้ยงชีวิต คำนึงคิดจิตประหยัดอย่าหัดถอน
หากละโมบโลภนักมักสั่นคลอน ต้องจากจรสู่สามัญวันมืดมน
๏ เมืองเปลี่ยนไปในทางสร้างเคี้ยวคด ช่างสลดหดหู่ดูสับสน
เต็มไปด้วยความลวงร้อยเล่ห์กล ที่ปะปนระคนอยู่ดูเศร้าเอยฯ
.....................................................................................
24. รติพล - โรงหุ่น
อีเมล์ / 30 กรกฎาคม 2551
๏ โรงละครน้อยน้อยจ้อยจิริด หุ่นสถิตสุขแสนแดนสวรรค์
กำแพงพลอยเพียงฟ้ายามสายัณห์ แก้วสีจันทร์สวยประดับรับฤทัย
๏ มโหรีปี่พาทย์เพราะเสนาะโสต หุ่นก็โลดลีลาศคลาดเคลื่อนไหว
ทรงเครื่องกายครบครั่นพันธุ์ราไชย ระบำนาฏวาดไว้ในโรงตัว
๏ มาเย็นหนึ่งหน้าโรงโผงเสียงแตร หุ่นเหลือบแลแต่แสงแสนสลัว
จะออกหอรอรั้งครั้งนี้กลัว ไม่รู้ทั่วถึงทางข้างนอกโรง
๏ รีบรวบรวมความกล้าแล้วฝ่าฟัน หุ่นคิดพลันยกร่างพลางโขย่ง
ก้าวข้ามขอบยักท่าทำขาโกง ออกจากโพรงพบค้าคาราวาน
๏ พวกพ่อค้าเฮฮาท่าคึกคัก หุ่นนึกรักอยากยิ้มพริ้มประสาน
เขาเชิญมาล่าลองของพิสดาร ทั้งอาหารแลวิจิตราอาภรณ์
๏ และยังมีคีตาจากต่างแดน ประหลาดแสนหากเพราะเสนาะซ่อน
ประกอบนาฏนอกแคว้นแดนนคร ดังรังสิทิวากรแกมกมล
๏ โรงละครน้อยน้อยจ้อยจิริด หุ่นเจ้าคิดคร่ำครอบกรอบถนน
หมดเส้นทางสร้างสรรค์แสนอับจน หุ่นจึงด้นเดินทางกันดารไกล
๏ จากเจ้าหุ่นจึงกลายเป็นมนุษย์ ผู้ไม่หยุดคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่
ผู้เรียนรับปรับตัวอยู่ร่ำไป ผู้เปิดใจให้กว้างแล้วพัฒนา
๏ ลองตรองดูตัวเราคือใครกัน จงจำแนกแยกมันอย่ามิจฉา
หุ่นสราญโรงน้อยคอยปรีดา คนเพียงหาทางใหม่ใช้ปรับปรุง
.....................................................................................
25. อุบลรัตน์ - เมืองหุ่น
อีเมล์ / 31 กรกฎาคม 2551 | เว็บบอร์ด / 31 กรกฎาคม 2551
๏ โรงละครโรงใหญ่โลกใบนี้ ทั้งตัวดีตัวร้ายร่ายเสกสรร
ละครชีวิตลิขิตมนุษย์สุดรำพัน มุ่งแข่งขันทำอวดเก่งเบ่งบารมี
๏ บทละครตอนต่างตามทางเขียน จักผิดเพี้ยนก็มีบ้างแต้มสร้างสี
คนต้อยต่ำนำเป็นหุ่นหนุนชีวี สูงศักดิ์ชี้ใช้งานพาลระอา
๏ อันตัวหุ่นหม่นหมองครองความเศร้า สังคมเราย่ำแย่แน่แท้หนา
เชิดชูกันบั่นความคิดพิจารณา ก่อปัญหาปิดสมองตรองตริดู
๏ มีหน้าที่ถูกใช้สอยคอยคำสั่ง ดุจกักขังจิตวิญญาณพาอดสู
จึงเป็นเหตุประเทศส่อ บ่ เฟื่องฟู หมดคนรู้ความคิดดับชีพอับจน
๏ อันมนุษย์สูงความรู้กว่าหมู่สัตว์ ซึ่งเจนจัดความรู้ล้วนควรฝึกฝน
อย่าให้ใครมาบังคับกำกับตน จูงเชือกสนตะพายเราโง่เขลาจริง
๏ อันเมืองหุ่นต้องลดหมดประเทศ เพื่อเป็นเหตุพัฒนาผาสุกยิ่ง
ชาติก้าวหน้าชนก้าวไกลไร้หุ่นอิง ก่อเกิดสิ่งสร้างสรรค์ค่าควรคู่คน
.....................................................................................
26. มาริษา - เมืองหุ่น
อีเมล์ / 31 กรกฎาคม 2551
๏ ไร้ความคิดจิตวิณญาณ์มาเสริมสร้าง ขาดแนวทางไร้พินิจคิดสับสน
ให้ผู้อื่นคอบนำค้ำตัวตน จิตวกวนโลเลโฉเกไป
๏ แม้นรูปลักษณ์จักสวยรวยเสน่ห์ แต่งตัวเก๋ประดับดีสีสดใส
ผู้อื่นชมนิยมชื่นรื่นฤทัย แต่ภายในถูกบังคับจับเชิดชู
๏ ปัจจุบันคนไทยไม่ยั้งคิด ทำสิ่งผิดให้เขาสั่งชั่งอดสู
เพราะความคิดผิดไปไม่ทันรู้ ถูกเชิดอยู่ด้านหลังหนุนหุ่นนั้นนา
๏ ถูกปลูกฝังให้ทำนำสิ่งร้าย โดนทำลายล้างสมองของคนหนา
ให้กระทำตามคำสั่งดังวาจา ตามผู้เชิดปรารถนานานาการณ์
๏ หากคนไทยยังเป็นเช่นนี้ต่อ จะเกิดก่อปัญหาใหญ่ให้ลูกหลาน
เป็นเมืองหุ่นวุ่นวายไปอีกนาน จักระรานสังคมยิ่งสิ่งอื่นใด
๏ แต่หากมีความคิดจิตเข้มแข็ง มาร่วมแรงรวมพลังทั้งแก้ไข
มีความคิดสติดีมิเชิดใคร ประเทศไทยเจริญรุ่งมุ่งพัฒนา
.....................................................................................
27. ก้านแก้ว นวอาวุธ - เมืองหุ่น คู่หุ่นต่างสมัย
เว็บบอร์ด / 21 กรกฎาคม 2551
๏ ร้อยรัดมัดจัดฟางกางเป็นหุ่น คอยนำหนุนคุ้มนาไล่กาหนี
ภูมิปัญญาชาวนาประสามี กลวิธีสืบสานโบราณมา
๏ ดั่งสายใยให้เห็นเป็นชีวิต ร้อยผูกติดชิดกาลนานหนักหนา
มีให้เห็นเป็นของอยู่คู่ชาวนา หุ่นไล่กาปักษาลี้หนีหลีกไกล
๏ จวบชีวิตผลิตผลคนรุ่นใหม่ ชาวนาไทยใจทุกข์สุขผลักไส
กำเนิดหุ่นรุ่นใหม่ให้แปลกใจ เพ่งพิศไปใจย้ำช้ำอุรา
๏ ร้อยรัดจัดมัดเห็นเป็นหนี้สิน ผูกชีวินสินหนี้มีปัญหา
เป็นหุ่นทาสขาดไทในชีวา อนิจาเสรีไม่มีเลย
๏ ยิ่งมองหุ่นคุ้นใจให้ได้คิด เจ้าคือมิตรติดเตือนเจ้าเพื่อนเอ๋ย
ข้าก็หุ่นเจ้าก็หุ่นยิ่งคุ้นเคย ได้เปรียบเปรยเลยเห็นเป็นความจริง
๏ ในระบบทบทุนหนุนเกิดหนี้ ช้ำชีวีผีเงินเดินเข้าสิง
เป็นเมืองหุ่นหุ่นทาสอนาถจริง ทำทุกสิ่งทิ้งไทใจรำพัน
๏ หากคำนับรับจำคำของพ่อ ให้เพียงพอพอเพียงเพียงตัวฉัน
จะพลิกฟื้นยืนปักหลักชีวัน ความสุขสันต์พลันต่อก่อชีวี
๏ เริ่มวันนี้พี่น้องต้องไม่สาย อย่ามัวขายสายใจให้เศรษฐี
รับคำพ่อพอเพียงเคียงชีวี ทุกฤดีมีสุขสนุกใจ
.....................................................................................
28. ก้านแก้ว นวอาวุธ - เมืองหุ่น หุ่นสภา ความหวัง
เว็บบอร์ด / 21 กรกฎาคม 2551
๏ คนคึกคักใจรักจักใช้สิทธิ์ ด้วยดวงจิตคิดหวังดั่งใจหมาย
ได้ผู้แทนแทนสิทธิ์ที่ติดกาย เป็นเส้นสายปลายสิทธิ์ติดสภา
๏ จะรวมใจให้เห็นเป็นความคิด จะใช้สิทธิ์พิศดูในคูหา
จะนำหนุนหุ่นคนพลพารา เข้าสภากล้าคิดกิจชุมชน
๏ เราเป็นนายกายสูงยูงยางเหิน ก่อนจะเดินจำเริญสิทธิ์สถิตผล
หลังจากขนผลสิทธิ์กิจชุมชน ก็กลายตนพ้นชาติอนาถจัง
๏ เขาเป็นนายกายเราเข้าเป็นหุ่น ยิ่งว้าวุ่นครุ่นคิดให้ผิดหวัง
คำที่ก่อต่อสร้างมาร้างพัง อนิจจังทุกข์ขังอนัตตา
๏ จึงขอวอนพรเทวามาทั่วทิศ ให้สถิตผลิตผลคนอาสา
ก่อกำเนิดเกิดหุ่นหนุนสภา จิตอาสามาสถิตติดกมล
๏ จะเป็นไทยใครเพรียกเรียกว่าแขก จะขอแลกแทรกรู้ดูสักหน
จะอ้วนต่ำดำเหลืองเรืองกมล ขอเพียงขนกมลพัฒน์จัดเพื่อไทย
.....................................................................................
29. ก้านแก้ว นวอาวุธ - เมืองหุ่น..นาย ข้า อัตตาอนัตตา
เว็บบอร์ด / 28 กรกฎาคม 2551
๏ ท่านผู้ทรงปัญญานภาสูง เป็นยางยูงสูงส่งดั่งหงส์เหิน
เอ่ยวจีมณีโอษฐ์โชติจำเริญ ให้พาเพลินเจริญเทพเสพอารมณ์
๏ ข้าผู้น้อยด้อยค่าให้อาภัพ ปัญญาดับทับทุกข์ไม่สุขสม
เอ่ยวจีมีแต่กรวดให้อวดชม นั่งอาศรมชมกรรมที่ทำมา
๏ ท่านเรียนตรีดีกรีมีประดับ แต่ข้ากับจับธรรมคำปุจฉา
ท่านนั่งนับรับเงินเพลินอุรา ข้านั่งหานับกรรมธรรมอำไพ
๏ เป็นยางยูงฝูงหงส์หรือดงหิน ธุลีดินถิ่นฟ้านภาใส
เพ่งพิศค่าตราติดสถิตใจ ที่ฤทัยในกิจที่คิดทำ
๏ วลีธรรมคำครูผู้รู้เห็น ชี้ประเด็นเห็นจริงยิ่งน่าขำ
อนัตตาอัตตามาจากกรรม แยกกระทำตามจิตติดกมล
๏ เปรียบดังหุ่นหนุนอ้างสร้างจากจิต วุ่นวายคิดจิตสิงยิ่งสับสน
ยิ่งยึดมั่นถือมั่นมันยิ่งจน ก้าวไม่พ้นหนทางวางนิพพาน
๏ นี่คือฉันนั่นคือท่านน่านคือเขา ระลึกเอาเขลาจิตติดสังขาร
เป็นอัตตามารัดมัดดวงมาน ปล่อยเนิ่นนานพาลชิดติดกมล
๏ เมืองแห่งหุ่นหนุนอัตตามาถือมั่น เป็นทางตันพันติดจิตสับสน
หากหยุดนิ่งทิ้งติดจิตวกวน ก็จะดลกมลพัฒน์อนัตตา
.....................................................................................
30. ก้านแก้ว นวอาวุธ - เมืองหุ่น กวีดิน นิราศวณิพก
เว็บบอร์ด / 28 กรกฎาคม 2551
๏ นิราศทางกลางดินถิ่นยาจก ขอสาธกยกความตามเล่าขาน
อาชีพชนคนขอรอรับทาน แลกกับงานขานเสียงเรียงดนตรี
๏ มือขยับกรับไม้ให้จังหวะ ร่ายวาท(วาทะ)คละทำนองอย่าหมองศรี
เป็นโอษฐ์ศิลป์ดิ้นรนทนฤดี ใช้วจีดนตรีแทรกแลกเศษเงิน
๏ เจ้าข้าเอ๋ยเคยไหมได้ยินเสียง ส่งสำเนียงเสียงใสไม่ขัดเขิน
ท่วงทำนองร้องรำเป็นคำเชิญ ผู้จำเริญเชิญพิศพินิจดู
๏ กระทาชายนายหนึ่งพึ่งมาพบ ได้ประสบพบงูดูอดสู
นอนหนาวขดหดหู่อยู่ข้างรู จิตเชิดชูดูเห็นเป็นเจือจาน
๏ อุ้มเข้าอกกกให้ได้คลายหนาว ลืมเรื่องราวข่าวแจ้งแสดงสาร
อันชาติงูอยู่หลืบสืบสันดาน พอคืนมานพาลกัดตัดชีวัน
๏ จะต่อถ้อยสอยความตามถนัด แต่ขอจัดอัฐสตางค์วางที่ขัน
เสียงดังกริ๊กพลิกฟื้นคืนชีวัน เริ่มจำนัลสรรเสียงเรียงประพันธ์
๏ สดับเสียงสำเนียงเรียงสาธก วณิพกยาจกร่ายผกผัน
คำต่อสร้อยร้อยรสคำพร่ำจำนัล เห็นสำคัญนั่นแหละศรีกวีดิน
๏ เป็นรูปแบบแนบวางทางกวี มีฤดีวจีร่ายได้วรรณศิลป์
เป็นหุ่นหนุนคุณค่าประสาดิน ประดับถิ่นแดนดินแทนวิมาน
๏ ขอคำนับกับกวีที่เดินดิน ผู้คงศิลป์จินดามาสืบสาน
เป็นหนึ่งหุ่นหนุนนำคำโบราณ สาธกสารสานศิลป์จินต์กวี
.....................................................................................
31. ก้านแก้ว นวอาวุธ - เมืองหุ่น
เว็บบอร์ด / 30 กรกฎาคม 2551
๏ เมืองคำแทนแดนดินถิ่นประเทศ หรือคือเขตเขตแดนดินถิ่นแน่นหนา
หุ่นคือรูปรูปแบบแบบเจนตา หรือสรรหาพาจำทำเลียนจริง
๏ อาจเป็นหุ่นหนุนงานการละเล่น ให้หุ่นเด่นเผ่นโผนโดนบทสิง
หรือตุ๊กตาหน้าตาห่างคนจริง รูปสลักนิ่งพิงตั้งทั้งพารา
๏ เรื่องเมืองหุ่นคุ้นเห็นก็รูปแบบ กว้างยาวแคบแบบดูเป็นคูหา
หรือสร้างต่อก่อทำจำลองมา ก็ต้องพามาเรื่องเมืองจำลอง
๏ แต่ถ้าหุ่นหนุนหมายใช่รูปแบบ ก็มากแบบแบบมากมากกว่าสอง
ทั้งแม่ขายชายพ่อค้าถ้าจะมอง เป็นแบบของจำลองมองได้จริง
๏ รูปแบบกวีมีสืบนี่ก็ใช่ หรือคนใช้ให้บริการงานชายหญิง
รูปแบบหลายมากมายให้เห็นจริง มองทุกสิ่งยิ่งคุ้นหุ่นสังคม
๏ ถ้ามองเลยเคยธรรมคำปุจฉา มีที่มาพาแบบแบบเหมาะสม
รูปแบบแห่งแหล่งธรรมคำนิยม องค์อินทร์พรหมยมพระประนมกร
๏ แดนเขตแห่งแหล่งจำลองของวัตถุ วัสดุวัตถุคล้ายใช่เพียงสอง
แดนจำลองครองความเชื่อเพื่อจำลอง เริ่มเป็นสองครองสามตามกันมา
๏ ทั่วทุกทิศพิศมองตรองตามจิต รูปแบบติดคิดตรองมองเนื้อหา
ทุกสิ่งสารสานสืบโบราณมา เป็นเนื้อหาพาเรื่องเมืองหุ่นเอย
.....................................................................................
32. ลัดดาวัลย์ - เมืองหุ่น (แก้ไขครั้งที่ 1)
(แก้ไข) เว็บบอร์ด / 31 กรกฎาคม 2551
๏ หลากรูปลักษณ์หลากแนวคิดพินิจหนุน ทำเป็นหุ่นให้สวยรวยความหมาย
ตกแต่งเสริมเติมเสน่ห์ทุ่มเทกาย แฝงลวดลายเลียนแบบคนมือดลดาน
๏ หุ่นคือหุ่นที่ไม่มีซึ่งชีวิต ไม่รู้ผิดรู้ถูกโดนผูกสาน
ไม่มีซึ่งดวงจินต์และวิญญาณ จะทำงานต้องเชิดจนเกิดแรง
๏ ไร้สมองไร้แนวสร้างทางความคิด ถูกลิขิตการกระทำคำแถลง
สวมอาภรณ์หมุนเวียนปรับเปลี่ยนแปลง จัดแสดงดั่งใจให้เชยชม
๏ เปรียบคนไทยในตอนนี้ที่เหมือนหุ่น ต้องวายวุ่นโดนเชิดเกิดติดหล่ม
ทางอำนาจของผู้ใหญ่ใจระทม ให้งายงมหมดหนทางสร้างชีวา
๏ เหมือนมนต์ดำสะกดคนให้จนตรอก หมดทางออกต้องเดินไปในห้วงหา
ถูกกดดันถูกบังคับจับชะตา หมดคุณค่าความเป็นคนบนแหลมทอง
๏ หากคนไทยอยากมีสุขจงลุกสู้ ให้เขารู้เรามิไร้ใช้สมอง
มิใช่หุ่นที่ต้องเชิดเกิดครรลอง แต่คือผองประชาปัญญาชน
.....................................................................................
33. จิรายุทธ - เมืองหุ่น
อีเมล์ / 1 สิงหาคม 2551 เวลา 00:18:02 (เกินกำหนดเวลา)
๏ สังคมไทยวันนี้ที่เป็นอยู่ เหมือนเดินสู่โรงหุ่นเชิดเกิดปัญหา
ด้วยมักใหญ่ใฝ่ยศลดปัญญา ตกเป็นข้าให้เขาหยามเชิดตามใจ
๏ ยอมมอบตนให้เขานำทำชั่วผิด ข่ายความคิดถูกครอบงำกำหนดใส่
ทุกท่าทางขาดชีวิตไร้จิตใจ ยากที่ใครจะช่วยอวยไมตรี
๏ สุดแต่เขาจะเชิดให้ไม่ต้องคิด ดูดังมีชีวิตตามวิถี
สั่งให้งามก็งามทำความดี สั่งให้มีก็มีได้ไม่ขัดกัน
๏ แม้ทำผิดอย่างโข่งโกงประเทศ น่าสมเพชเวทนาน่าขบขัน
หุ่นทั้งเมืองเรื่องเลยยุ่งมุ่งแบ่งปัน ร่วมพัวพันผลประโยชน์โฉดโกงกิน
๏ ทุกมุมเมืองจึงเคืองขุ่นวุ่นสบสน คนเชิดคนเชิดเสร็จสรรพเชิดทรัพย์สิน
ทั้งขูดรีดสูบเลือดเชือดแผ่นดิน ดังเหลือบริ้นเห็บหมัดชัดทุกตัว
๏ ความยุ่งเหยิงจึงเป็นไปแบบไม่แปลก ยากจะแยกหุ่นกับคนจนปวดหัว
เรื่องเลวร้ายอย่างไรไม่พรั่นกลัว คนเชิดชั่วหุ่นก็รำทำชั่วตาม
๏ หากเมืองเราดำเนินเรื่องเป็นเมืองหุ่น คนเคยคุ้นการถูกเชิดเกิดคำถาม
หากคนเชิดทำแหลกเหลวเพาะเลวทราม จะทนให้เขาคุกคามอยู่ทำไม
.....................................................................................
34. สุกฤษฎิ์ - ประเทศไทยในเรื่อง เมืองหุ่น
อีเมล์ / 1 สิงหาคม 2551 เวลา 08:51:57 (เกินกำหนดเวลา)
๏ หุ่นคือรูปจำแลงถูกแต่งสร้าง หุ่นคือทางแห่งศิลป์ปิ่นสมัย
หุ่นคือสิ่งเสกสรรค์สุขคลายทุกข์ใจ หุ่นคือศิลป์ถิ่นไทยให้ทัศนา
๏ หุ่นละครเล็กล้ำค้ำชูศิลป์ สามดวงจินต์รวมเป็นหนึ่งซึ้งคุณค่า
ก้าวย่างพริ้วพร่างพราวราวมายา ตระการตาภาพติดตรึงซึ่งความงาม
๏ หุ่นกระบอกบอกเล่าความตามผู้สั่ง อาภรณ์พรั่งเอกลักษณ์ศักดิ์สยาม
ทั้งวิจิตเครื่องแต่งแสงวับวาม มิหวงห้ามหากไปชมสมฤดี
๏ อีกหุ่นเชิดเกิดความงามยามมองเห็น ดุจดังเป็นศิลป์สวรรค์อันเรืองศรี
เครื่องประดับกับชุดหุ่นดูสุนทรี การเชิดนี้ก็พริ้วไหวเช่นไหมทอง
๏ เมืองไทยเรามีของดีที่หลายหลาก เด่นค่ามากคือหุ่นไทยไม่เป็นสอง
เป็นเมืองหุ่นแห่งความงามยามได้มอง เป็นเมืองของวัฒนธรรมล้ำไมตรี
๏ จากรูปหุ่นให้ข้อคิดพินิจว่า บางเวลาควรลื่นไหลไม่ผลามผลี
ให้เหมือนหุ่นคล้อยตามมือไม่ถือดี ดั่งคนที่เคารพคุณผู้หนุนนำ
๏ แต่ใช่ว่าต้องตามยามสิ่งผิด ควรพินิจตรองไตร่ไม่ถลำ
ดูกาลเทศะก่อนกระทำ ใช้สติปัญญาย้ำ ล้ำค่าคน
.....................................................................................
35. ครางแครง - หุ่นในมือโจร
เว็บบอร์ด / 27 กรกฎาคม 2551 ไม่แจ้งรายละเอียดการติดต่อ
๏ จากเศษไม้ไร้ค่าเอามาขัด แล้วก็ดัดจัดแบ่งแต่งเข้าเสริม
ชอบรูปร่างอย่างใดให้เพิ่มเติม เศษไม้เดิมเริ่มเห็นเป็นรูปกาย
๏ จากเศษไม้ได้เหลาเข้ารูปร่าง ทุกสิ่งอย่างวางอยู่ดูเฉิดฉาย
ได้ลงสีดีล้นจนเป็นลาย พร้อมโยกย้ายร่ายรำตามทำนอง
๏ จากเศษไม้ลายสวยด้วยสีสัน ร้อยเชือกพลันรันเล่นเผ่นผยอง
เสียงฉิ่งปี่ตีดังฟังเสียงกลอง ทั้งเสียงร้องก้องไกลไปทั่งแดน
๏ จากเศษไม้กลายลับกลับมีค่า เชือกชักพาหน้าเชิดเริดเหลือแสน
เป็นร่างทรงคงไว้ให้เต้นแทน ต้องโลดแล่นแอ่นไปไร้วิญญาณ
๏ จากเศษไม้ร่ายรำทำทุกท่า แล้วแต่ว่าพาไปให้อ่อนหวาน
หรือเคี่ยวเข็นเช่นให้ไปเป็นมาร อันธพาลรานรุกทุกสิ่งอัน
๏ จากเศษคนรนรานเอาคานหาม เอาเงินตามยามนี้ที่กระสัน
เป็นสายใยใช้ชักเป็นหลักดัน สร้างความฝันวันใหม่ให้กับตน
๏ จากเศษคนพ้นผ่านนานเพียงนิด คนไร้จิตคิดอ่านกาลสับสน
ทำสิ่งใดไม่เห็นความเป็นคน ความเถื่อนท้นล้นเมืองเฟื่องฟูจริง
๏ จากเศษคนบนทางที่ย่างก้าว ความปวดร้าวยาวไกลเปรตใดสิง
ความเป็นไทยไร้ค่ามาแอบอิง ทุกๆสิ่งวิ่งไปในทางโจร
.....................................................................................