ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (กลอนสุภาพ) : หัวข้อ “ทางแยก”
(รวม 28 ชิ้น)
1.บุษบาบัณ
......................เส้นทางสู่เส้นชัย (1.บุษบาบัณ)...............
๏ บนเส้นทางมีทางเดินอยู่หลากหลาย ทางมากมายให้เราเดินตามความฝัน
บนเส้นทางมีขวากหนามที่เกี่ยวพัน ทุกสิ่งอันล้วนมีแต่พิษภัย
๏ เส้นทางเดินมีให้เลือกอยู่หลายทาง โยงระยางสู่สิ่งที่กำหนดไว้
เส้นทางเดินที่เราเลือกอย่างมั่นใจ เส้นทางไหนที่ดีสำหรับเรา
๏ เส้นทางนั้นอาจมีแต่ขวากหนาม ที่เกี่ยวตามทางเดินดังขุนเขา
เส้นทางนั้นเปรียบได้คล้ายกับเงา อยู่กับเราในทุกที่ทุกเวลา
๏ ในคืนวันที่เรานั้นสับสน จงตามค้นเส้นทางที่ตามหา
ในคืนวันที่เรานั้นเหนื่อยล้า จงคิดถึงเวลาที่สุขใจ
๏ วันเวลาที่เดินผ่านไม่หวนคืน กาลไม่ฟื้นคืนมาดั่งคิดได้
วันเวลาสอนให้เรารู้ถึงใจ เส้นทางไหนที่เรานั้นต้องการ
๏ ทางสู่ฝันสอนเราให้เข้มแข็ง ให้เดินแข่งกับเวลาอย่างอาจหาญ
ทางสู่ฝันยากลำบากก็ไม่ปาน บ้างเหมือนธารน้ำใสบ้างไหลวน
๏ ทุกคนมีเส้นทางของชีวิต ถูกลิขิตกำหนดไว้ไร้เหตุผล
ทุกคนมีความฝันกันทุกคน คือเหตุผลให้ก้าวเดินเส้นทางนั้น
๏ บนเส้นทางเส้นทางเดินเส้นทางนั้น ในคืนวันวันเวลาทางสู่ฝัน
ทางสู่ฝันมุ่งก้าวไปข้ามคืนวัน เส้นทางนั้นคือเส้นทางสู่เส้นชัย
...........................(1. บุษบาบัณ)....................................
2.ศุภกร
............................ทางใคร ทางมัน (2. ศุภกร)..............................
๏ อยากจะเดิน ทางไหน จงไปเถิด อยากจะเกิด ที่ใด ตามใจหวัง
อยากจะอยู่ กับใคร ในวนวัง อยากจะรัก อยากจะชัง ก็ช่างเธอ
๏ ชีวิตคน วนเวียน เปลี่ยนทิศทาง อยากอยู่อย่าง ยั่งยืน ฝืนเสมอ
จำต้องพลัด ต้องพราก ไม่อยากเจอ หลงละเมอ ฟุ้งซ่าน รำคาญใจ
๏ เราดำเนิน ถึงทาง ต้องห่างกัน ไปนรก หรือสวรรค์ นั้นสงสัย
ข้ามโอฆะ ทะเลวน พ้นพาลภัย นฤพาน กลางหทัย ไกลโศกา
๏ หรือมีจิต คิดใหญ่ ใฝ่ช่วยเหลือ ประดุจเรือ ขนสัตว์ พลัดสงสาร์
มุ่งบำเพ็ญ บารมี ยิ่งปรีดา ปรารถนา พระสัมมา สัมพุทโธ
๏ ความผูกพัน คล้ายห่วง และบ่วงบาศ ที่อาฆาต ตรึงมัด รัดล่ามโซ่
จิตรุ่มร้อน อ่อนแรง แฝงหิวโซ เพราะความโง่ อวิชชา อันสามานย์
๏ ปล่อยฉันเถิด แก้วตา อย่าอาลัย สลัดคืน ฟืนไฟ ที่ไหม้ผลาญ
ไม่เคยมี ผู้อยู่รอด ตลอดกาล ต้องพบพาน จุดจบ ทุกภพไตร
๏ เราเคยอยู่ ร่วมกัน เมื่อวันก่อน จะจากจร ร้างกัน เมื่อวันไหน
ยากกำหนด รู้ล่วง ห้วงความใน อจินไตย เหลือคิด อนิจจัง
๏ มาคนเดียว ไปคนเดียว ช่างเปลี่ยวนัก ครั้นประจักษ์ ความงาม ของความหลัง
อยากจะอยู่ อยากจะรัก อีกสักครั้ง สิ้นกำลัง แสวงหา น่าเสียดาย
...........................(2. ศุภกร)....................................
3. (ปองสถิตฯ จากจิตใจ)
................ทางแยก (3.ปองสถิตฯ จากจิตใจ).....................
๏ เส้นทางแปลกแยกห่างเป็นบางช่วง เป็นสองดวงสองใจร่ำไรหวน
เคยร่วมเล่นเส้นเดียวกันฉันรัญจวน น่าคร่ำครวญเราร้างแสนห่างไกล
๏ เส้นเดียวกันฉันใดทำไมเล่า เส้นสองเราได้เลือกมาอัชฌาสัย
เส้นเดียวกันนั้นลิขิตคิดเอาไว้ เพื่อเส้นชัยบรรจงเสกทางเอางาม
๏ รัญจวนจากพรากเพื่อนเมื่อเดือนก่อน รัญจวนจรพรากเพื่อนเมื่อเดือนสาม
รัญจวนจรพรากเพื่อนเมื่อฟ้าคราม รัญจวนยามคิดถึงเพื่อนเมื่อเดือนแรม
๏ ถึงทางแยกแยกมิได้ใจมิห่าง ไม่อ้างว้างดั่งเพ็ญจันทร์ฉันแอร่ม
ห่างเพียงใดใจฉันคงยิ้มแย้ม ทั้งสองแก้มคงนุ่มนวลชวนชมจันทร์
๏ ทางที่แยกแหวกดวงใจอาลัยนัก เพื่อนที่รักต่างห่างเหินเผชิญฝัน
แต่คราก่อนวอนพวกเราไปด้วยกัน มาพลิกผันเรียนจบสบอำลา
๏ นึกดูพลางทางแยกนั้นมันหลงหลอก ทั้งสอยตลอกออกประตูดูกังขา
ทั้งทางดีมีทางชั่วกลัวโศกา ทุกเวลาคิดดีหรือเมื่อแยกทางฯ
...........................(3. ปองสถิตฯ จากจิตใจ)....................................
4. (ปองสถิตฯ จากจิตใจ)
....................ทางแยก (4. ปองสถิตฯ จากจิตใจ)......................
๏ ทางที่แยกแยกที่ทางดั่งว่างเปล่า ของพวกเราทุกคนกมลหมอง
เคยร่วมแรงแห่งดวงใจอาลัยปอง ดุจพี่น้องเกื้อหนุนการุญกัน
๏ ทางเส้นเดียวเกลีวกลมผสมผสาน รักสมานไมตรีศรีสุขสันต์
ไฉนแยกกรายผ่านทุกวารวัน ช้ำใจฉันน่าคิดพินิจดู
๏ ดั่งข่าวบอกออกทีวีนี้สลด ทั้งเสื้อเหลืองท้วงประชดเพราะอดสู
ไล่นายกทักษิณนี้กันตราตรู เหมือนหมาหมูดั่งสัตว์อันกัดฟัน
๏ แต่ตอนหลังคนเสื้อแดงนั้นแรมเดือด ปราศรัยเชือดชุมนุมอย่างพลิกผัน
เพื่อเรียกร้องอิสระมานานพลัน เพื่อสันติความสุขสันต์วันรื่นรมย์
๏ ถูกและผิตผิตและถูกตรองดูเถิด เหตุที่เกิดใครได้รื่นที่ขื่นขม
อีกมุมหนึ่งมีชัยได้ชี่นชม มันเหมาะสมใช้ไหมในทางเรา
๏ ยิ่งมาแยกยิ่งมายุ่งเป็นมากหลาย ทั้งหญิงชายควรพินิจคิดรู้เท่า
ทางที่เลือกนั้นหรือคือทางเนาว์ เลือกดูเอาทางที่ดีเปรมปรีด์เอยฯ
...........................(4. ปองสถิตฯ จากจิตใจ)....................................
5. สามเณรสถิตคุณ
................5. สามเณรสถิตคุณ ไฟล์เปิดไม่ได้ และไม่มีการตอบกลับจากผู้ส่งผลงาน.......................
...........................(5. สามเณรสถิตคุณ)....................................
6. อานนท์
.....................ทางแยก (6. อานนท์)..........................
๏ ชีวิตคนหากเปรียบเป็นทางแยก แบ่งเป็นแฉกออกได้หกถนน
เส้นที่หนึ่งแลมองแสนไกลพ้น เส้นสองคดเวียนวนมึนงงใจ
๏ เส้นสามเดินต้องพบหมู่กำแพง เส้นสี่ทั้งเครือบแครงน่าสงสัย
เส้นห้านั้นมืดมิดไร้แสงไฟ เส้นหกแยกสุดท้ายในชีวี
๏ หากเรานำเส้นทางกับคนหนึ่ง ลองคำนึงคิดดูกันบ้างไหม
ทุกเส้นทางมีสิ่งข้องเกี่ยวไป เป็นทางแยกที่ใครใครต้องลงเดิน
๏ เส้นหนึ่งนั้นเกี่ยวข้องอนาคต ไม่อาจลดความยาวพื้นผิวเผิน
และไม่รับรู้สิ่งต้องเผชิญ ได้แค่เดินต่อไปถึงสุดทาง
๏ เส้นที่สองข้องเกี่ยวเรื่องความรัก ได้เดินมักหลงอยู่เส้นถนน
รักเวียนวนคดเคี้ยวไม่อาจพ้น ทำได้แค่จำนนหัวใจพลี
๏ เส้นสามนั้นเกี่ยวเนื่องกับปัญหา พบอิฐสูงลิบตาอย่าเมินหนี
ควรปีนฝ่าด้วยตัวของเรานี้ แล้วจะมีความภูมิใจที่พ้นมัน
๏ ในเส้นสี่เปรียบเปรยกับหมู่มิตร ให้ตรองคิดก่อนเลือกคนคบหา
อย่าปล่อยตัวหลงมิตรชักนำพา สู่เส้นทางมรณาที่ไร้ทาง
๏ เส้นห้านั้นหมายความถึงสูญเสีย เกิดอ่อนเพลียในใจไม่สะสาง
ทั้งร่ำไห้เก็บทุกข์จนทุกข์จาง ต้องรักษาพร้อมพลางฟื้นแผลใจ
๏ เส้นที่หกแยกท้ายของชีวิต เส้นลิขิดมุ่งขึ้นสรวงสวรรค์
ทิ้งทางแยกที่แตกหลายแฉกพัน แล้วหลับฝันสู่ห้วงนิรันดรณ์
๏ หกทางแยกได้กล่าวมาข้างต้น เป็นสิ่งที่มากล้นด้วยสิ่งสอน
ทุกแยกทางทุกปัญหาทุกอาทรณ์ ทุกสิ่งเป็นอุทาหรณ์สั่งสอนใจ
...........................(6. อานนท์)....................................
7.เกตน์สิริ
...............................ทางแยก (7. เกตน์สิริ).................................
๏ ได้ศึกษาเล่าเรียนเพียรเขียนอ่าน จนเนิ่นนานมาถึงสุดของความฝัน
แต่ละคนแต่ละทางต้องเลือกกัน แยกตามฝันไปตามทางที่เลือกไว้
๏ ศึกษาต่อเพื่อเพิ่มเติมความรู้ เพื่อมุ่งสู่อนาคตที่สดใส
แม้นวันนี้ต้องแยกจากกันไป แต่จิตใจยังระลึกถึงทุกวัน
๏ เปรียบประดุจสายน้ำเจ้าพระยา รวมไหลมาเป็นหนึ่งสมานฉันท์
แม้ปลายทางจะมีขวากหนามกั้น ต้องฝ่าฟันไม่ท้อแท้แม้ทุกข์ทน
๏ วันและคืนผ่านไปไม่หวนกลับ อย่าลาลับกับอดีตต้องฝึกฝน
สิ่งดีดีต้องกระทำต้องอดทน เกิดเป็นคนต้องขยันหมั่นเล่าเรียน
๏ ถึงทางแยกทางชีวิตต้องคิดหนัก อย่าริรักต้องริเรียนหมั่นอ่านเขียน
อยากสมหวังสร้างพลังความพากเพียร เป็นวงเวียนของชีวิตหมั่นคิดตรอง
๏ ทางที่ดีของชีวิตคือใฝ่รู้ วิเคราะห์ดูว่าทางไหนทำหม่นหมอง
เดินทางดีทางธรรมตามครรลอง หมั่นตริตรองว่าทางไหนให้ผลดี
...........................(7. เกตน์สิริ)....................................
8.ชาตรี
................... “อธิปไตย” อีก....กิโลเมตร (8. ชาตรี)...................
๏ หนึ่งผืนผ้ารวมเรื่องราวของชาวชาติ สะบัดวาดไหวไหวอยู่ปลายเสา
สูงเสียดฟ้ามาตุภูมิอุ้มเกียรติเรา เพียงแค่เงาก็สง่ายิ่งกว่าใคร
๏ กี่รอยเท้าเคล้าน้ำตาผ้าผืนนี้ กี่คนกี่อุดมการณ์คลุกคลานไส
กี่ศพเลือดเหือดเซ่นจนเป็นไท เป็นและสู้อย่างไรหรือไม่รู้?
๏ แสวงหาอธิปไตยอยู่ไกลโพ้น ในมือโคลนเงาดำขย่ำขู่
เรากรวดดินถิ่นรัฐเป็นศัตรู จึงลุกสู้เพื่อเสรี...ยุติธรรม
๏ ตุลาฯเดือดเลือดนองท้องพิภพ นั่น! นั่น? นั่น! ..คือศพถูกเหยียบย่ำ
บนเส้นทางหนึ่งทางกลางเมืองดำ บนความจำรอยด้านกาลเวลา
๏ อาจเป็นเพียงสัญญาณการเริ่มต้น ของมวลชนที่ชื่อ“นักศึกษา”
แต่มันคือจุดจบศพอาณา ที่ไม่อาจลืมตา ดู...ประชาธิปไตย
๏ หรือเรายังมิเคยได้มาไว้หรือ? จึงลุกฮือชุมนุมตั้งกลุ่มใหม่
เส้นทางนี้สีแดงไปแห่งใด เส้นทางนั้นเหลืองไปที่ไหนกัน
๏ อีกกี่โค้งกี่แยกที่แตกต่าง กับปลายทางอธิปไตยที่ใฝ่ฝัน
และอีกกี่การเดินทางเจอะทางตัน ดูเหมือน คำตอบนั้นจะไม่มี
๏ ยุติธรรม...นั่นไงอยู่ปลายเสา เสรีภาพ...โบกเบาเท่าสามสี
ประชาธิปไตย...อยู่ในนี้ ในที่ที่พวกเราเคารพยืน
๏ “เย็นศิระเพราะพระบริบาล” ไทยถิ่นฐานทั้งหมดสุขสดชื่น
เกล้ากระหม่อมภักดีมั่นทุกวันคืน “ทางแยก”อื่น..ร่วมสร้าง..เป็น“ทางเดียว”
...........................(8. ชาตรี)....................................
9.ชาตรี
....................ทางจริงวันนี้ (9. ชาตรี)......................
๏ เหลืองเหลืองแห้งแห่งนี้มีแต่หิน ผืนเม็ดดินเหลืองเหลืองอยู่เบื้องหน้า
นั่น! ความหวังของใครอยู่ในนา เหงื่อ,น้ำตา...ของใคร?ถูกปาดทิ้งฯ
๏ ปั้ง! ปั้ง? ปั้ง! ..นักเรียนเปลี่ยนสภาพ ทั้งปืนดาบมีดไม้ถือไล่วิ่ง
นั่น! นักเลงหรือนักเรียนเวียนไล่ยิง ผู้บริสุทธิ์...หยุดนิ่งอนาถนอนฯ
๏ พระราชทานเพลิงศพพระสงฆ์สวด นายตำรวจ ทหาร อาจารย์สอน
นั่น! ฝีมือผู้ร้ายไม่อาทร ในนครภาคใต้ไม่เว้นวันฯ
๏ จับด้ามธงโบกขวางกลางเมืองใหญ่ ดูเหมือนสี “มิใช่ธงชาติฉัน”
นั่น! เขาอยู่เมืองใดที่ไหนกัน มาชุมนุมฆ่าฟันให้ฉันดูฯ
๏ ภาพข่าวออกบอกเรื่องการเมืองกลุ้ม ที่ประชุมสภาฯน่าหนวกหู
นั่น! ผู้นำผู้แทน...ผู้รอบรู้ ตั้งกระทู้ใส่ร้ายกันไปมาฯ
๏ เมื่อถึงช่วงเดือนเก้าเข้าหน้าฝน ตกเสียจนเกิดภัยท่วมไหลบ่า
นั่น! อีกครั้งความลำบากของประชา และอีกคราขยี้เขตเกษตรกรรมฯ
๏ ผลหมากรากไม้มีขายเกลื่อน เดือนสองเดือนเดี๋ยวค่าราคาต่ำ
นั่น! ส่อถึงเศรษฐกิจติดหล่มดำ พยุงค้ำลำบากยากเต็มทีฯ
๏ ข่าวแม่ทุบทำร้ายร่างกายลูก พ่อจับผูกเชือกขังทั้งน้องพี่
ลูกทำร้ายพ่อแม่ก็มากมี ไปยาลอีกกี่เรื่องดี...ล่ะสังคม?
๏ ถนนนี้ขวาซ้ายยังหลายด้าน บ้างพื้นแตกมาตรฐานไม่ผ่านสม
บ้างก็เป็นลูกรังทางขี้ตม ฝนตก ก็ติดหล่ม ..เป็นธรรมดา
๏ เรื่องพวกนั้นเห็นบ่อยไปคงไม่แปลก สร้างทางแยกสะดวกเหมาะเฉพาะหน้า
ทางนี้พังสร้างทางใหม่...มันขึ้นมา “ปล่อยปัญหาเรื้อรังสังคมไทย”...
...........................(9. ชาตรี)....................................
10.พรนิภา
...................ทางแยก (10. พรนิภา)........................
๏ ทางแยกเปรียบเส้นทางสร้างถูกผิด ควรรู้คิดถ้าเลือกชั่วพามัวหมอง
เลือกทางดีทางธรรมตามครรลอง ผลสนองตามเส้นทางอย่างเลือกมา
๏ เดินชีวิตตามแสงธรรมนำผาสุก หมดเรื่องทุกข์ไร้กังวลผลเกิดค่า
สมาธิสติมีมีปัญญา พบสำเร็จพบก้าวหน้าพาสุขนาน
๏ เลือกทางผิดชีวิตหม่นจนมืดดับ ผลตอบกลับมีแต่ทุกข์หมดสุขศานต์
หลงอบายสิ่งเสพติดจิตร้าวราน ติดบ่วงมารผลาญชีพตนผลเกิดภัย
๏ การศึกษาเป็นแนวทางสร้างเรียนรู้ นำทางสู่ความก้าวหน้าพาสดใส
ด้วยอดทนด้วยขยันหมั่นตั้งใจ จักก้าวไกลด้วยวิชาถ้าคิดดี
๏ ถ้า “เกียจคร้านตัวเป็นขน”ผลสูญสิ้น สิ้นเส้นทางสร้างทำกินสิ้นวิถี
ไม่พากเพียรเรียนรู้คู่ชีวี หมดศักดิ์ศรีความเป็นคนจนปัญญา
๏ “แม้คิดต่างร่วมสร้างชาติ”ทั้งราษฎร์รัฐ เพื่อกษัตริย์เพื่อชาติศาสนา
ต้องรู้รักสามัคคีมีเมตตา ชาติก้าวหน้าชนก้าวไทยร่มเย็น
๏ ต่างความคิดต่างความรู้สู่แตกแยก สังคมแตกแบ่งหลายสีนี้ทุกข์เข็ญ
มิยอมปรับรับความจริงสิ่งที่เป็น ภัยที่เห็นทำลายชาติราษฎร์อับจน
๏ ปิดหนทางสร้างความหายนะ หลีกเลี่ยงละทางเกิดทุกข์ทุกแห่งหน
รดน้ำทิพย์ด้วยรสธรรมนำกมล ชีพสุขล้นปิดทางชั่วมั่วอบาย
...........................(10. พรนิภา)....................................
11.ฐานันดร
................ทางแยกตามใจฝัน (11. ฐานันดร)...............
๏ บนถนนเส้นทางต่างความคิด ไม่ยึดติดสิ่งนอกกายทำลายฝัน
ร้อยแนวคิดล้านแนวทางอย่างสำคัญ ล้วนเสกสรรค์ตามอย่างแนวทางตน
๏ บ้างแยกสู่แนวทางสร้างสันติ บ้างแยกไปโดยดำริขาดเหตุผล
หวังเพียงเล่นตามทางอย่างใจรน รักฉ้อฉล โกงกินหมิ่นราคา
๏ ทางแยกมีหลายสิ่งที่พานพบ บ้างต้องจบเพราะทางแยกแปลกจริงหนา
เพราะประมาทพลาดพลั้งทั้งน้ำตา จึงหมดค่าความดีที่มีพอ
๏ จงเก็บเอาประสบการณ์ที่ผ่านพ้น แรงผลัดดันใจตนให้ขวนขวาย
คำนึงคิดจิตสุขปลุกใจกาย ให้พบจุดที่หมายดั่งใจปอง
๏ เก็บเอาสิ่งที่พาไปหาสุข ไม่ต้องทุกข์ทนพิษจิตใจหมอง
ยึดหลักธรรมประจำใจไปทดลอง จะปกป้องผองมารให้ผ่านไป
๏ เลือกเอาแนวทางที่ดีเป็นที่แยก เพื่อยอมแลกกับความสุขที่สาสม
เพี่ยงร้อยเล่ห์หมื่นพันที่ปรารมภ์ ควรเพาะบ่มสุขจริงแท้แก้บ่วงกรรม
...........................(11. ฐานันดร)....................................
12.นันทนา
.....................ทางแยก (12. นันทนา)..........................
๏ บนถนนหนทางที่กว้างใหญ่ เชื่อมกันได้เพราะทางแยกแตกสาขา
จะดำเนินไปทางไหนก็ปรีดา เพียงรู้ว่าที่นั่นอยู่แยกอะไร
๏ ชีวิตเราเปรียบดั่งสายถนน ที่ปะปนด้วยเรื่องราวทั้งน้อยใหญ่
มีทางแยกรอคอยการตัดสินใจ มีจุดหมายที่เลือกไปอยู่ปลายทาง
๏ หากเลือกแยกที่ถูกต้องประเสริฐนัก คงไม่มีอุปสรรคมาขัดขวาง
ฝันอยู่ใกล้ปลายเอื้อมมิเลือนราง สิ่งต่างต่างผ่านพ้นไปด้วยดี
๏ แม้นผู้ใดตัดสินใจเลือกทางผิด เสียเวลาสักนิดก่อนสุขี
เป็นบทเรียนประสบการณ์ของชีวี เป็นนิมิตหมายอันดีในดวงมาลย์
๏ เพราะฉะนั้นการเลือกทางที่ถูกผิด จึงไม่ได้ลิขิตเส้นขนาน
ว่าผู้นั้นจะถูกผิดตลอดกาล เพราะสุขทุกข์จะเชื่อมผ่านประสานกัน
๏ ทุกชีวิตจึงดำเนินสู่จุดหมาย ที่พร่างพรายดุจประกายในห้วงฝัน
ช้าหรือเร็วก็ต้องถึงเข้าสักวัน แม้ทางแยกมีร้อยพันฝ่าฟันไป
๏ คิดเสียงว่าทางแยกคือหนังสือ จงฝึกปรือจดจำหลักให้จงได้
เมื่อรู้แล้วก็ต้องจารใส่ใจ คิดอยากทำสิ่งใดไม่เสียที
๏ สิ่งสำคัญอีกประการพึงพินิจ คือเส้นทางแห่งชีวิตคิดวิถี
เป็นอย่างไรหากทางแยกนั้นไม่มี มนุษย์นี้คงหมดทางจะคลาไคล
๏ เหมือนถนนหากเส้นใดไร้ทางแยก คงจะแปลกแล้วถนนเชื่อมจากไหน
เชื่อมจากฟ้า จากอากาศหรือสิ่งใด จุดมุ่งหมายคืออะไรช่วงบอกที
๏ ชีวิตนี้จึงเหมือนกันฉันถนน ต้องมีแยกให้ฝึกฝนอยู่ทุกที่
ไม่มีใครไร้ทางเลือกแล้วเปรมปรีดิ์ เพราะทางแยกคือสิ่งที่เราเลือกเดินฯ
...........................(12.นันทนา)....................................
13.ภาสกร
...............................ทางแยก (13. ภาสกร)............................
๏ หนึ่งเส้นทางทอดสายสู่หลายแยก ชีวิตแตกความต่างเลือกสร้างสรรค์
คุณธรรมแท้จริงสิ่งสำคัญ คือที่มั่นให้ไตร่ตรองมองเห็นทาง
๏ ทุกแยกซ่อนจริงลวงในห้วงทุกข์ มองเห็นสุขด้วยใจใสสว่าง
เปิดม่านหมองครองธรรมเปิดอำพราง ทุกสิ่งอย่างเผยนัยน์ด้วยใจมอง
๏ สองทางแยกแรกให้คิด “ผิดหรือถูก” ปัญหาผูกปมใหม่ใช้สมอง
ชั่งน้ำหนักหากำไรดังใจปอง ถึงกับต้องทิ้งธรรมประจำใจ
๏ เพื่อไขว่คว้าครองให้ไม่สิ้นสุด ถลำรุดกินโกงสิ้นโปร่งใส
ดับเส้นทางชิวิตปิดทางใคร เปิดทางให้ต่างชาติผงาดตน
๏ กระแสทางสังคมหนึ่งจึงว้าวุ่น เมื่อใบบุญเป็นใบบาปฉาบฉ้อฉล
คมวาทะสง่างามยามอับจน ซื้อใจคนมากมาย...ตายทั้งเป็น
๏ คนทั้งหลายควรหยุดเชื่อเมื่อถึงแยก มองชำแรกสุดก้นบึงตาจึงเห็น
ตั้งสติพิเคราะห์ใหม่อย่างใจเย็น ทุกประเด็นคือเป็นกลาง...วางวัดคน
๏ เมื่อทางแยกสุดท้ายวันตายพราก วัดคนจากความชั่วดีมีเหตุผล
คนดีแยกสู่สวรรค์ในบันดล ระยำชนสู่นรก...หมกไหม้เอย
...........................(13. ภาสกร)....................................
14.สุนทร
.............ทางแยก...แห่งสังคม (14. สุนทร)....................
๏ พบทางแยกมองซ้ายขวาเหลียวหน้าหลัง เลือกผิดพลั้งเดินพลาดอาจขื่นขม
สู่เส้นทางหลายแพร่งแห่งสังคม ใช้อารมณ์เลือกทางผิดติดทางตัน
๏ เพราะทางหนึ่ง...คือสังคมการข่มขู่ ยึดกฎหมู่ไร้ศีลธรรมเกิดห้ำหั่น
“ศพทับศพ” เย้ยกฎหมายฆ่ารายวัน เบียดเบียนกันทุกข์ท่วมนองต้องร้าวราน
๏ เพราะทางหนึ่ง...คือสังคมแห่งลมปาก ปาดป้ายสีพูดถางถากอยากตระหง่าน
สร้างแบบแผนสังคมอุดมการณ์ คือกินบ้านโกงเมืองเรื่องวุ่นวาย
๏ เพราะทางหนึ่ง...คือสังคมที่จมทุกข์ อบายมุขครอบงำทำเสียหาย
เล่นพนันสิ่งเสพติดพิษมากมาย ก่อการร้ายฆ่าข่มขืนจำฝืนทน
๏ เมื่อสังคมหลากแนวทางต่างความคิด ร่วมเปลี่ยนผิดเป็นถูกทางสร้างเหตุผล
เดินทางเดียวทางแห่งธรรมนำปวงชน ทุกหมู่คนยื่น “น้ำใสจากใจจริง”
๏ คือเส้นทาง...สายสัมพันธ์สันติภาพ แผ่นดินอาบความเมตตาอาทรยิ่ง
ไร้ทางแยกเลิกฟันแทงไม่แย่งชิง ชนรักษ์สิ่งดีงามสร้างความดี
...........................(14. สุนทร)....................................
15. ธัญพิชชา
.........................ทางแยก (15. ธัญพิชชา)........................
๏ การเดินทางสู่โลกกว้างทางสายฝัน ก้าวผ่านผันวันเวลาคว้าจุดหมาย
จิตตั้งมั่นฝันแน่วแน่มิเสื่อมคลาย คิดขวนขวายสิ่งที่ใจใฝ่เฝ้าปอง
๏ บนทางเดินเผชิญความเป็นจริง พบพานสิ่งแม้นช้ำใจฤทัยหมอง ยังมีหวังอยู่ชิดใกล้ได้ประคอง สิ่งทั้งสองสุขและทุกข์คลุกเคล้าไป
๏ จุดเริ่มต้นบนทางฝันนั้นสวยงาม ถักทอความมุ่งมั่นสานสดใส
เป็นแนวทางสู่ความหวังแม้นยังไกล เดินก้าวได้ตามต้องการทางของตน
๏ สู่หวังที่สำเร็จเสร็จสิ้นนั้น ต้องฝ่าฟันอุปสรรคจักพบผล
เดินทางไกลไขว่คว้าฝันด้วยอดทน แม้นมืดมนต้องไม่ท้อก้าวต่อไป
๏ เมื่อถึงทางแยกสองทางต้องเลือกเดิน ต้องเผชิญความเปลี่ยวเหงาเราสู้ไหว
จงหยุดคิดพินิจตรองตัดสินใจ หนึ่งฝันไว้ หนึ่งต้องการพานนึกดู
๏ บนหนทางไม่ได้โรยกลีบดอกไม้ ไร้แสงไฟส่องเจิดจ้าพาสวยหรู
เลือกทางผิดคิดเปรียบว่าเสมือนครู สอนให้รู้ถึงผลหนทางดิน
๏ ในทางแยกต้องแยกทางดั่งใจคิด ตนลิขิตชีวีไว้ใฝ่ถวิล
หมั่นพากเพียรเรียนขยันเป็นอาจิณ ให้ชีวินสู่ฝันได้ด้วยใจเรา
...........................(15. ธัญพิชชา)....................................
16.พัชรีภรณ์
.......................ทางแยก (16. พัชรีภรณ์).......................
๏ ชีวิตทีเติบกล้ามาสู่โลก เผชิญโชคไปตามกรรมลิขิต
แสวงหานาทีทองของชีวิต ถูกหรือผิดชั่วดีชี้ชะตา
๏ อุ่นอ้อมอกพ่อแม่แต่ยังเล็ก สู่วัยเด็กเริ่มเรียนเพียรศึกษา
แต่ละก้าวยาวนานกาลเวลา แสวงหาสิ่งดีงามไปตามวัย
๏ สู่วัยรุ่นเริ่มวุ่นในดวงจิต เมื่อชีวิตพบ “ทางแยก” ที่แปลกใหม่
ทั้งจะเรียนทั้งจะรักหนักหทัย โอ้ว่าใจ..หรือจะจบ..พบทางตัน
๏ เป็นหนทางสองแพร่งที่แปร่งแปลก คือทางแยก..หนึ่งนรก..หนึ่งสวรรค์
อาจความชั่วความดีมีเท่ากัน ยามโมหันต์ครอบจิตมิดมือมนธ์
๏ คิดถึงคำพระสอนตอนไปวัด ให้สลัดพันธะอกุศล
แล้วมองดูชั่วดีมีในตน จักหลุดพ้นความมืดมิดจิตสบาย
๏ ได้พบแสงแห่งธรรมะที่พระสอน ตัดวู่วามนิวรณ์ก่อนจะสาย
สู่ทางเดินเพลินทางอันพราวพราย ตัดทางร้ายก้าวสู่ทางสร้างความดี
๏ ข้าม “ทางแยก” หลายแยกที่แตกต่าง เดินตามทางสายธรรมนำวิถี
ย่อมพบแสงแห่งปัญญาทุกนาที พบสิ่งที่ผิดแผกต้อง “แยกทาง”
๏ เดินหมากรุกผิดตาหาตาแก้ ถึงพ่ายแพ้ก็อาจจะชนะบ้าง
เดินชีวิตผิดทีท่าผิดตาราง ชีวิตอาจอับปาง...ลงกลางครัน
...........................(16. พัชรีภรณ์)....................................
17.กรรณิการ์
.......................ทางแยก (17. กรรณิการ์).......................
๏ เส้นทางก้าวยาวไกลหลายทางแยก ทางหนึ่งแทรกอันตรายหลายปัญหา
แยกหนึ่งคงความชั่วดีชี้ชะตา แยกหนึ่งพาชีวิตเปลี่ยนเรียนรู้ทัน
๏ หากหนทางมัวหมองมองมืดมิด เหมือนทางติดไม่เห็นทางที่สร้างสรรค์
อย่าให้ชั่วบังความดียิ่งชีวัน เหมือนสวรรค์บดบังตาเกิดราคี
๏ เป็นมนุษย์เลือกทางดีมีความสุข ละทางทุกข์ด้วยทางธรรมนำวิถี
เลือกทางผิดผลทุกข์ใจในชีวี เลือกคิดดีสุขที่ใจไม่อับจน
๏ เลือก “คบพาลพาลพาไปหาผิด” “คบบัณฑิตบัณฑิตพาไปหาผล”
เลือก “ทำดีต้องได้ดี” อยู่ที่ตน จึงหลุดพ้นทางหลอกลวงบ่วงอำพราง
๏ ทางแยกสู่สำเร็จงานการศึกษา ต้อง “ข้ามน้ำข้ามท่า” ฝ่าทุกอย่าง
อุตสาหะพยายามตามแนวทาง อย่า “ใกล้เกลือกินด่าง” สร้างครรลอง
๏ ทางแยกสู่การเมืองเรื่องขัดแย้ง ทางแยกแบ่งความคิดต่างสร้างหม่นหมอง
หยุดแตกแยกสร้างน้ำใจใฝ่ปรองดอง เพื่อรับราษฎร์ศาสน์ทั้งผองเจิดจำรูญ
๏ นำความดีปิดทางแยกแห่งหายนะ ลด เลิก ละ ทางอบายให้เสื่อมสูญ
ใช้แสงธรรมช่วงส่องทางสร้างไพบูลย์ สุขเพิ่มพูนเพราะทางธรรมนำชีวิต
...........................(17. กรรณิการ์)....................................
18. เพ็ญนภา
.........................ทางแยก (18. เพ็ญนภา).........................
๏ เมื่อถึงทางย่างแยกให้แตกร้าว หัวใจราวแทบดับยับสลาย
ประเทศชาติเกิดวิกฤติจิตวุ่นวาย เกิดเรื่องร้ายให้ประชาพาโศกตรม
๏ เป็นปัญหาการเมืองไทยให้ปวดหัว คนคิดชั่วมีมากล้นจนขื่นขม
ทางมุ่งร้ายเลือกเดินลงคงจ่มจม ได้สาสมก่อการร้ายหมายรังแก
๏ ทุจริตธุรกิจคอรัปชั่น รวยเร็วพลันชาติแปรปรวนทวนกระแส
เป็นเส้นทางหายนะใหม่ใครดูแล ร่วมกันแก้ด้วยคำว่า”สามัคคี”
๏ ปล่อยปัญหาค้างคามาทุกยุค ไทยล้มลุกไม่คงมั่นบั่นศักดิ์ศรี
ความเจริญรุ่งโรจน์ไกลไม่เหลือดี ประชาชีหม่นหมองร้องระทม
๏ ถึงเวลาปิดดถนนบนทางแยก มาร่วมแลกปันน้ำใจให้สุขสม
ทางสายกลางล้ำคุณค่าน่าชื่นชม โผล่พ้นตมพบทางดีมีก่ายกอง
๏ จะเลือกเดินทางใดให้ครุ่นคิด อย่าก้าวผิดได้อับจนใจหม่นหมอง
ทางแยกมีมากมายให้หลงลอง ให้เรามองเส้นทางดีจะมีชัย
...........................(18. เพ็ญนภา)....................................
19. อรรคพล
........................ทางแยก (19. อรรคพล).....................
๏ ขับรถยนต์บนถนนที่คดเคี้ยว บ้างก็เลี้ยวซ้ายขวาพาสับสน
ทางแยกมีหลายหลากมากผู้คน สุดจะทนรถติดที่ไฟแดง
๏ ขึ้นสะพานลงสะพานเจอทางแยก คงไม่แปลกที่สี่แยกนั้นมีแสง
เจอผู้คนขายของนั่งแจกแจง ราคาแพงหรือเปล่าไม่รู้กัน
๏ คนเรานั้นมีสองทางให้เลือกคิด ใช้ชีวิตเลือกทางใดได้สุขสันต์
เลือกทางดีมีความสุขทุกคืนวัน สิ่งสำคัญควรมีธรรมนำดวงใจ
๏ สร้างทางสุขทางงามตามประสงค์ จิตมั่นคงมิหลงทางวางวิสัย
ทางคดเคี้ยวอาจหมดหนทางไป ควรเริ่มใหม่เดินทางธรรมนำชีพตน
๏ เปรียบคนเดินทางผิดคิดทำชั่ว หลงเมามัวตกบ่วงกรรมทำสับสน
ใช้แสงธรรมส่องสว่างทางของคน ย่อมเกิดผลที่ดีมีจรรยา
๏ เมื่อทางแยกสองทางมาขวางกั้น ควรถึงวันเลือกทางห่างตัณหา
ทางกันดารผ่านได้ใช้เวลา ด้วยปัญญาแยกดีชั่วพ้นมัวเมา
............................ (19.อรรคพล)....................................
20.พิเชษฐ์
............................ทางแยก (20. พิเชษฐ์).....................
๏ ทางแยกนั้นมีทั้งซ้ายและขวา ไปข้างหน้าแล้วแต่จุดมุ่งหมาย
ทางแยกนั้นสังเกตดูมันคล้ายคล้าย มีมากมายทางแยกขึ้นและลง
๏ เจอทางแยกสับสนรถก็ติด ถ้าเลี้ยวผิดทางไปทำให้หลง
จะถอยหลังเลี้ยวกลับไม่มั่นคง บางครั้งงงจะไปทางไหนดี
๏ ดั่งชีวิตของมนุษย์มีทางแยก ชีวิตแตกแยกทางมีทุกที่
เดินทางผิดคิดชั่วคงไม่มี มีทุกทีเดินหลงทางตามความคิด
๏ แยกของคนมีอยู่สามทางแยก หนึ่งคือแตกไปเรียนหวังเป็นบัณฑิต
สองคือแยกมีครอบครัวต่างชีวิต สามคือติดโรคภัยตายจากกัน
๏ เกิดเป็นคนต้องมีใจหมายปอง ขอบเขตของชีวิตคือปลายฝัน
วันข้างหน้าเป็นอย่างไรต้องฝ่าฟัน ต้องแบ่งปันโอกาสให้กับคน
๏ ในเส้นทางชีวิตต้องต่อสู้ จิตมุ่งสู่ทางธรรมนำกุศล
ควรรู้รักสามัคคีใจเจือปน พลังชน “มิแยกไปใจดวงเดียว”
...........................(20. พิเชษฐ์)....................................
21.ชาญณรงค์
.......................ทางแยก (21. ชาญณรงค์).......................
๏ ถนนนี้มีหลายเส้นทุกแห่งหน มีผู้คนเดินไปมาพาปวดหัว
เดินทางผ่านไปเที่ยวเป็นครอบครัว มีคนชั่วมีคนดีปะปนกัน
๏ เดินไปเจอทางแยกทั้งซ้ายขวา ทั่วสายตาเห็นรถติดไร้สุขสันต์
เจอทางแยกทีไรใจจาบัลย์ เส้นทางฝันจึงสะดุดหมดชีวา
๏ ถ้าแยกร้ายเกินไปเผลอเจอความชั่ว ให้เมามัวหลงผิดติดตัณหา
หมดหนทางชีวิตไร้ในปัญญา จนคุณค่าดับลงปลงความดี
๏ เหมือนนรกตกไปใจร้อนรน ชีวิตคนต้องหมดไปไม่สุขี
ใช้ปัญญาตริตรองมองชีวี ขอเพียงมีธรรมะชำระใจ
๏ จุดแสงธรรมนำทางสร้างความฝัน จิตยึดมั่นสายกลางทางสดใส
ทางสวรรค์ยังรอขอก้าวไป ย่อมถึงได้ด้วยความดีเป็นศรีตน
๏ ทางสองทางเป็นทางที่กำหนด ทางเคี้ยวคดลึกไปใจสับสน
มิหลงเลี้ยวทางชั่วกลั้วกมล เลือกคบคนแยกดี-ชั่ว ตัวพ้นภัย
...........................(21. ชาญณรงค์)....................................
22.ภานุเดช
........................ทางแยก (22. ภานุเดช)........................
๏ แม้เส้นทางที่ยาวไกลใจอย่าท้อ จงสู้ต่อฝ่าไปในวิถี