ReadyPlanet.com
dot dot
ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (กลอนสุภาพ) : หัวข้อ “ทางแยก” article

ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (กลอนสุภาพ) : หัวข้อ “ทางแยก”

(รวม 28 ชิ้น)
 
1.บุษบาบัณ
......................เส้นทางสู่เส้นชัย (1.บุษบาบัณ)...............
๏ บนเส้นทางมีทางเดินอยู่หลากหลาย                   ทางมากมายให้เราเดินตามความฝัน
บนเส้นทางมีขวากหนามที่เกี่ยวพัน                          ทุกสิ่งอันล้วนมีแต่พิษภัย
๏ เส้นทางเดินมีให้เลือกอยู่หลายทาง                     โยงระยางสู่สิ่งที่กำหนดไว้
เส้นทางเดินที่เราเลือกอย่างมั่นใจ                             เส้นทางไหนที่ดีสำหรับเรา
๏ เส้นทางนั้นอาจมีแต่ขวากหนาม                          ที่เกี่ยวตามทางเดินดังขุนเขา
เส้นทางนั้นเปรียบได้คล้ายกับเงา                              อยู่กับเราในทุกที่ทุกเวลา
๏ ในคืนวันที่เรานั้นสับสน                                        จงตามค้นเส้นทางที่ตามหา
ในคืนวันที่เรานั้นเหนื่อยล้า                                        จงคิดถึงเวลาที่สุขใจ
๏ วันเวลาที่เดินผ่านไม่หวนคืน                                กาลไม่ฟื้นคืนมาดั่งคิดได้
วันเวลาสอนให้เรารู้ถึงใจ                                           เส้นทางไหนที่เรานั้นต้องการ
๏ ทางสู่ฝันสอนเราให้เข้มแข็ง                                ให้เดินแข่งกับเวลาอย่างอาจหาญ
ทางสู่ฝันยากลำบากก็ไม่ปาน                                    บ้างเหมือนธารน้ำใสบ้างไหลวน
๏ ทุกคนมีเส้นทางของชีวิต                                     ถูกลิขิตกำหนดไว้ไร้เหตุผล
ทุกคนมีความฝันกันทุกคน                                         คือเหตุผลให้ก้าวเดินเส้นทางนั้น
๏ บนเส้นทางเส้นทางเดินเส้นทางนั้น                      ในคืนวันวันเวลาทางสู่ฝัน
ทางสู่ฝันมุ่งก้าวไปข้ามคืนวัน                                     เส้นทางนั้นคือเส้นทางสู่เส้นชัย
...........................(1. บุษบาบัณ)....................................
 
2.ศุภกร
............................ทางใคร ทางมัน (2. ศุภกร)..............................
๏ อยากจะเดิน ทางไหน จงไปเถิด                 อยากจะเกิด ที่ใด ตามใจหวัง
อยากจะอยู่ กับใคร ในวนวัง                             อยากจะรัก อยากจะชัง ก็ช่างเธอ
๏ ชีวิตคน วนเวียน เปลี่ยนทิศทาง                  อยากอยู่อย่าง ยั่งยืน ฝืนเสมอ
จำต้องพลัด ต้องพราก ไม่อยากเจอ หลงละเมอ ฟุ้งซ่าน รำคาญใจ
๏ เราดำเนิน ถึงทาง ต้องห่างกัน                     ไปนรก หรือสวรรค์ นั้นสงสัย
ข้ามโอฆะ ทะเลวน พ้นพาลภัย                       นฤพาน กลางหทัย ไกลโศกา
๏ หรือมีจิต คิดใหญ่ ใฝ่ช่วยเหลือ                    ประดุจเรือ ขนสัตว์ พลัดสงสาร์
มุ่งบำเพ็ญ บารมี ยิ่งปรีดา                                  ปรารถนา พระสัมมา สัมพุทโธ
๏ ความผูกพัน คล้ายห่วง และบ่วงบาศ          ที่อาฆาต ตรึงมัด รัดล่ามโซ่
จิตรุ่มร้อน อ่อนแรง แฝงหิวโซ                        เพราะความโง่ อวิชชา อันสามานย์
๏ ปล่อยฉันเถิด แก้วตา อย่าอาลัย                    สลัดคืน ฟืนไฟ ที่ไหม้ผลาญ
ไม่เคยมี ผู้อยู่รอด ตลอดกาล                             ต้องพบพาน จุดจบ ทุกภพไตร
๏ เราเคยอยู่ ร่วมกัน เมื่อวันก่อน                     จะจากจร ร้างกัน เมื่อวันไหน
ยากกำหนด รู้ล่วง ห้วงความใน                       อจินไตย เหลือคิด อนิจจัง
๏ มาคนเดียว ไปคนเดียว ช่างเปลี่ยวนัก        ครั้นประจักษ์ ความงาม ของความหลัง
อยากจะอยู่ อยากจะรัก อีกสักครั้ง                    สิ้นกำลัง แสวงหา น่าเสียดาย
...........................(2. ศุภกร)....................................
 
3. (ปองสถิตฯ จากจิตใจ)
................ทางแยก (3.ปองสถิตฯ จากจิตใจ).....................
๏ เส้นทางแปลกแยกห่างเป็นบางช่วง            เป็นสองดวงสองใจร่ำไรหวน
เคยร่วมเล่นเส้นเดียวกันฉันรัญจวน                น่าคร่ำครวญเราร้างแสนห่างไกล
๏ เส้นเดียวกันฉันใดทำไมเล่า                          เส้นสองเราได้เลือกมาอัชฌาสัย
เส้นเดียวกันนั้นลิขิตคิดเอาไว้                           เพื่อเส้นชัยบรรจงเสกทางเอางาม
๏ รัญจวนจากพรากเพื่อนเมื่อเดือนก่อน        รัญจวนจรพรากเพื่อนเมื่อเดือนสาม
รัญจวนจรพรากเพื่อนเมื่อฟ้าคราม                  รัญจวนยามคิดถึงเพื่อนเมื่อเดือนแรม
๏ ถึงทางแยกแยกมิได้ใจมิห่าง                         ไม่อ้างว้างดั่งเพ็ญจันทร์ฉันแอร่ม
ห่างเพียงใดใจฉันคงยิ้มแย้ม                             ทั้งสองแก้มคงนุ่มนวลชวนชมจันทร์
๏ ทางที่แยกแหวกดวงใจอาลัยนัก                   เพื่อนที่รักต่างห่างเหินเผชิญฝัน
แต่คราก่อนวอนพวกเราไปด้วยกัน มาพลิกผันเรียนจบสบอำลา
๏ นึกดูพลางทางแยกนั้นมันหลงหลอก         ทั้งสอยตลอกออกประตูดูกังขา
ทั้งทางดีมีทางชั่วกลัวโศกา                                 ทุกเวลาคิดดีหรือเมื่อแยกทางฯ
...........................(3. ปองสถิตฯ จากจิตใจ)....................................
 
4. (ปองสถิตฯ จากจิตใจ)
....................ทางแยก (4. ปองสถิตฯ จากจิตใจ)......................
๏ ทางที่แยกแยกที่ทางดั่งว่างเปล่า                   ของพวกเราทุกคนกมลหมอง
เคยร่วมแรงแห่งดวงใจอาลัยปอง                     ดุจพี่น้องเกื้อหนุนการุญกัน
๏ ทางเส้นเดียวเกลีวกลมผสมผสาน               รักสมานไมตรีศรีสุขสันต์
ไฉนแยกกรายผ่านทุกวารวัน                            ช้ำใจฉันน่าคิดพินิจดู
๏ ดั่งข่าวบอกออกทีวีนี้สลด                              ทั้งเสื้อเหลืองท้วงประชดเพราะอดสู
ไล่นายกทักษิณนี้กันตราตรู                               เหมือนหมาหมูดั่งสัตว์อันกัดฟัน
๏ แต่ตอนหลังคนเสื้อแดงนั้นแรมเดือด         ปราศรัยเชือดชุมนุมอย่างพลิกผัน
เพื่อเรียกร้องอิสระมานานพลัน                       เพื่อสันติความสุขสันต์วันรื่นรมย์
๏ ถูกและผิตผิตและถูกตรองดูเถิด                   เหตุที่เกิดใครได้รื่นที่ขื่นขม
อีกมุมหนึ่งมีชัยได้ชี่นชม                                  มันเหมาะสมใช้ไหมในทางเรา
๏ ยิ่งมาแยกยิ่งมายุ่งเป็นมากหลาย                  ทั้งหญิงชายควรพินิจคิดรู้เท่า
ทางที่เลือกนั้นหรือคือทางเนาว์                        เลือกดูเอาทางที่ดีเปรมปรีด์เอยฯ
...........................(4. ปองสถิตฯ จากจิตใจ)....................................
 
5. สามเณรสถิตคุณ
................5. สามเณรสถิตคุณ ไฟล์เปิดไม่ได้ และไม่มีการตอบกลับจากผู้ส่งผลงาน.......................
...........................(5. สามเณรสถิตคุณ)....................................
 
6. อานนท์
.....................ทางแยก (6. อานนท์)..........................
๏ ชีวิตคนหากเปรียบเป็นทางแยก                 แบ่งเป็นแฉกออกได้หกถนน
เส้นที่หนึ่งแลมองแสนไกลพ้น                    เส้นสองคดเวียนวนมึนงงใจ
๏ เส้นสามเดินต้องพบหมู่กำแพง                              เส้นสี่ทั้งเครือบแครงน่าสงสัย
เส้นห้านั้นมืดมิดไร้แสงไฟ                          เส้นหกแยกสุดท้ายในชีวี
๏ หากเรานำเส้นทางกับคนหนึ่ง                    ลองคำนึงคิดดูกันบ้างไหม
ทุกเส้นทางมีสิ่งข้องเกี่ยวไป                       เป็นทางแยกที่ใครใครต้องลงเดิน
๏ เส้นหนึ่งนั้นเกี่ยวข้องอนาคต                      ไม่อาจลดความยาวพื้นผิวเผิน
และไม่รับรู้สิ่งต้องเผชิญ                             ได้แค่เดินต่อไปถึงสุดทาง
๏ เส้นที่สองข้องเกี่ยวเรื่องความรัก               ได้เดินมักหลงอยู่เส้นถนน
รักเวียนวนคดเคี้ยวไม่อาจพ้น                    ทำได้แค่จำนนหัวใจพลี
๏ เส้นสามนั้นเกี่ยวเนื่องกับปัญหา                พบอิฐสูงลิบตาอย่าเมินหนี
ควรปีนฝ่าด้วยตัวของเรานี้                         แล้วจะมีความภูมิใจที่พ้นมัน
๏ ในเส้นสี่เปรียบเปรยกับหมู่มิตร                 ให้ตรองคิดก่อนเลือกคนคบหา
อย่าปล่อยตัวหลงมิตรชักนำพา                  สู่เส้นทางมรณาที่ไร้ทาง
๏ เส้นห้านั้นหมายความถึงสูญเสีย               เกิดอ่อนเพลียในใจไม่สะสาง
ทั้งร่ำไห้เก็บทุกข์จนทุกข์จาง                      ต้องรักษาพร้อมพลางฟื้นแผลใจ
๏ เส้นที่หกแยกท้ายของชีวิต                          เส้นลิขิดมุ่งขึ้นสรวงสวรรค์
ทิ้งทางแยกที่แตกหลายแฉกพัน                 แล้วหลับฝันสู่ห้วงนิรันดรณ์
๏ หกทางแยกได้กล่าวมาข้างต้น                    เป็นสิ่งที่มากล้นด้วยสิ่งสอน
ทุกแยกทางทุกปัญหาทุกอาทรณ์                ทุกสิ่งเป็นอุทาหรณ์สั่งสอนใจ
...........................(6. อานนท์)....................................
 
7.เกตน์สิริ
...............................ทางแยก (7. เกตน์สิริ).................................
๏ ได้ศึกษาเล่าเรียนเพียรเขียนอ่าน                  จนเนิ่นนานมาถึงสุดของความฝัน
แต่ละคนแต่ละทางต้องเลือกกัน                                      แยกตามฝันไปตามทางที่เลือกไว้
                ๏ ศึกษาต่อเพื่อเพิ่มเติมความรู้                          เพื่อมุ่งสู่อนาคตที่สดใส
แม้นวันนี้ต้องแยกจากกันไป                                            แต่จิตใจยังระลึกถึงทุกวัน
                ๏ เปรียบประดุจสายน้ำเจ้าพระยา                    รวมไหลมาเป็นหนึ่งสมานฉันท์
แม้ปลายทางจะมีขวากหนามกั้น                                      ต้องฝ่าฟันไม่ท้อแท้แม้ทุกข์ทน
                ๏ วันและคืนผ่านไปไม่หวนกลับ                    อย่าลาลับกับอดีตต้องฝึกฝน
สิ่งดีดีต้องกระทำต้องอดทน                                              เกิดเป็นคนต้องขยันหมั่นเล่าเรียน
                ๏ ถึงทางแยกทางชีวิตต้องคิดหนัก                  อย่าริรักต้องริเรียนหมั่นอ่านเขียน
อยากสมหวังสร้างพลังความพากเพียร                           เป็นวงเวียนของชีวิตหมั่นคิดตรอง
                ๏ ทางที่ดีของชีวิตคือใฝ่รู้                                   วิเคราะห์ดูว่าทางไหนทำหม่นหมอง
เดินทางดีทางธรรมตามครรลอง                                      หมั่นตริตรองว่าทางไหนให้ผลดี
...........................(7. เกตน์สิริ)....................................
 
8.ชาตรี
................... “อธิปไตย” อีก....กิโลเมตร (8. ชาตรี)...................
๏ หนึ่งผืนผ้ารวมเรื่องราวของชาวชาติ       สะบัดวาดไหวไหวอยู่ปลายเสา
สูงเสียดฟ้ามาตุภูมิอุ้มเกียรติเรา               เพียงแค่เงาก็สง่ายิ่งกว่าใคร
๏ กี่รอยเท้าเคล้าน้ำตาผ้าผืนนี้                 กี่คนกี่อุดมการณ์คลุกคลานไส
กี่ศพเลือดเหือดเซ่นจนเป็นไท               เป็นและสู้อย่างไรหรือไม่รู้?
แสวงหาอธิปไตยอยู่ไกลโพ้น               ในมือโคลนเงาดำขย่ำขู่
เรากรวดดินถิ่นรัฐเป็นศัตรู                   จึงลุกสู้เพื่อเสรี...ยุติธรรม
๏ ตุลาฯเดือดเลือดนองท้องพิภพ               นั่น! นั่น? นั่น! ..คือศพถูกเหยียบย่ำ
บนเส้นทางหนึ่งทางกลางเมืองดำ           บนความจำรอยด้านกาลเวลา
                ๏ อาจเป็นเพียงสัญญาณการเริ่มต้น           ของมวลชนที่ชื่อ“นักศึกษา”
แต่มันคือจุดจบศพอาณา                      ที่ไม่อาจลืมตา ดู...ประชาธิปไตย
๏ หรือเรายังมิเคยได้มาไว้หรือ?               จึงลุกฮือชุมนุมตั้งกลุ่มใหม่
เส้นทางนี้สีแดงไปแห่งใด                   เส้นทางนั้นเหลืองไปที่ไหนกัน
๏ อีกกี่โค้งกี่แยกที่แตกต่าง                         กับปลายทางอธิปไตยที่ใฝ่ฝัน
และอีกกี่การเดินทางเจอะทางตัน                   ดูเหมือน  คำตอบนั้นจะไม่มี   
๏ ยุติธรรม...นั่นไงอยู่ปลายเสา                เสรีภาพ...โบกเบาเท่าสามสี
ประชาธิปไตย...อยู่ในนี้                      ในที่ที่พวกเราเคารพยืน
“เย็นศิระเพราะพระบริบาล”                ไทยถิ่นฐานทั้งหมดสุขสดชื่น
เกล้ากระหม่อมภักดีมั่นทุกวันคืน              “ทางแยก”อื่น..ร่วมสร้าง..เป็น“ทางเดียว”
...........................(8. ชาตรี)....................................
 
9.ชาตรี
....................ทางจริงวันนี้ (9. ชาตรี)......................
๏ เหลืองเหลืองแห้งแห่งนี้มีแต่หิน                                                ผืนเม็ดดินเหลืองเหลืองอยู่เบื้องหน้า
นั่น! ความหวังของใครอยู่ในนา                                                      เหงื่อ,น้ำตา...ของใคร?ถูกปาดทิ้งฯ
๏ ปั้ง! ปั้ง? ปั้ง! ..นักเรียนเปลี่ยนสภาพ                        ทั้งปืนดาบมีดไม้ถือไล่วิ่ง
นั่น! นักเลงหรือนักเรียนเวียนไล่ยิง                                               ผู้บริสุทธิ์...หยุดนิ่งอนาถนอนฯ
๏ พระราชทานเพลิงศพพระสงฆ์สวด                           นายตำรวจ ทหาร อาจารย์สอน
นั่น! ฝีมือผู้ร้ายไม่อาทร                                                                     ในนครภาคใต้ไม่เว้นวันฯ
๏ จับด้ามธงโบกขวางกลางเมืองใหญ่                            ดูเหมือนสี “มิใช่ธงชาติฉัน”
นั่น! เขาอยู่เมืองใดที่ไหนกัน                                                           มาชุมนุมฆ่าฟันให้ฉันดูฯ
๏ ภาพข่าวออกบอกเรื่องการเมืองกลุ้ม                           ที่ประชุมสภาฯน่าหนวกหู
นั่น! ผู้นำผู้แทน...ผู้รอบรู้                                                                  ตั้งกระทู้ใส่ร้ายกันไปมาฯ
๏ เมื่อถึงช่วงเดือนเก้าเข้าหน้าฝน                                   ตกเสียจนเกิดภัยท่วมไหลบ่า
นั่น! อีกครั้งความลำบากของประชา                                               และอีกคราขยี้เขตเกษตรกรรมฯ
๏ ผลหมากรากไม้มีขายเกลื่อน                                        เดือนสองเดือนเดี๋ยวค่าราคาต่ำ
นั่น! ส่อถึงเศรษฐกิจติดหล่มดำ                                                        พยุงค้ำลำบากยากเต็มทีฯ
                ๏ ข่าวแม่ทุบทำร้ายร่างกายลูก                                          พ่อจับผูกเชือกขังทั้งน้องพี่
ลูกทำร้ายพ่อแม่ก็มากมี                                                                      ไปยาลอีกกี่เรื่องดี...ล่ะสังคม?
๏ ถนนนี้ขวาซ้ายยังหลายด้าน                                          บ้างพื้นแตกมาตรฐานไม่ผ่านสม
บ้างก็เป็นลูกรังทางขี้ตม                                                                     ฝนตก ก็ติดหล่ม ..เป็นธรรมดา
๏ เรื่องพวกนั้นเห็นบ่อยไปคงไม่แปลก                         สร้างทางแยกสะดวกเหมาะเฉพาะหน้า
ทางนี้พังสร้างทางใหม่...มันขึ้นมา                                                 “ปล่อยปัญหาเรื้อรังสังคมไทย”...
...........................(9. ชาตรี)....................................
 
10.พรนิภา
...................ทางแยก (10. พรนิภา)........................
                ๏ ทางแยกเปรียบเส้นทางสร้างถูกผิด                             ควรรู้คิดถ้าเลือกชั่วพามัวหมอง
เลือกทางดีทางธรรมตามครรลอง                                                    ผลสนองตามเส้นทางอย่างเลือกมา
                ๏ เดินชีวิตตามแสงธรรมนำผาสุก                                   หมดเรื่องทุกข์ไร้กังวลผลเกิดค่า
สมาธิสติมีมีปัญญา                                                                             พบสำเร็จพบก้าวหน้าพาสุขนาน
๏ เลือกทางผิดชีวิตหม่นจนมืดดับ                                   ผลตอบกลับมีแต่ทุกข์หมดสุขศานต์
หลงอบายสิ่งเสพติดจิตร้าวราน                                                        ติดบ่วงมารผลาญชีพตนผลเกิดภัย
๏ การศึกษาเป็นแนวทางสร้างเรียนรู้                              นำทางสู่ความก้าวหน้าพาสดใส
ด้วยอดทนด้วยขยันหมั่นตั้งใจ                                                          จักก้าวไกลด้วยวิชาถ้าคิดดี
๏ ถ้า “เกียจคร้านตัวเป็นขน”ผลสูญสิ้น                       สิ้นเส้นทางสร้างทำกินสิ้นวิถี
ไม่พากเพียรเรียนรู้คู่ชีวี                                                                      หมดศักดิ์ศรีความเป็นคนจนปัญญา
“แม้คิดต่างร่วมสร้างชาติ”ทั้งราษฎร์รัฐ                    เพื่อกษัตริย์เพื่อชาติศาสนา
ต้องรู้รักสามัคคีมีเมตตา                                                                     ชาติก้าวหน้าชนก้าวไทยร่มเย็น
๏ ต่างความคิดต่างความรู้สู่แตกแยก                               สังคมแตกแบ่งหลายสีนี้ทุกข์เข็ญ
มิยอมปรับรับความจริงสิ่งที่เป็น                                                      ภัยที่เห็นทำลายชาติราษฎร์อับจน
๏ ปิดหนทางสร้างความหายนะ                                       หลีกเลี่ยงละทางเกิดทุกข์ทุกแห่งหน
รดน้ำทิพย์ด้วยรสธรรมนำกมล                                                        ชีพสุขล้นปิดทางชั่วมั่วอบาย
...........................(10. พรนิภา)....................................
 
11.ฐานันดร
................ทางแยกตามใจฝัน (11. ฐานันดร)...............
๏ บนถนนเส้นทางต่างความคิด                                ไม่ยึดติดสิ่งนอกกายทำลายฝัน
ร้อยแนวคิดล้านแนวทางอย่างสำคัญ                        ล้วนเสกสรรค์ตามอย่างแนวทางตน
๏ บ้างแยกสู่แนวทางสร้างสันติ                                             บ้างแยกไปโดยดำริขาดเหตุผล
หวังเพียงเล่นตามทางอย่างใจรน                             รักฉ้อฉล โกงกินหมิ่นราคา  
๏ ทางแยกมีหลายสิ่งที่พานพบ                                                  บ้างต้องจบเพราะทางแยกแปลกจริงหนา
เพราะประมาทพลาดพลั้งทั้งน้ำตา                         จึงหมดค่าความดีที่มีพอ
๏ จงเก็บเอาประสบการณ์ที่ผ่านพ้น                                แรงผลัดดันใจตนให้ขวนขวาย
คำนึงคิดจิตสุขปลุกใจกาย                                            ให้พบจุดที่หมายดั่งใจปอง
๏ เก็บเอาสิ่งที่พาไปหาสุข                                       ไม่ต้องทุกข์ทนพิษจิตใจหมอง
ยึดหลักธรรมประจำใจไปทดลอง                               จะปกป้องผองมารให้ผ่านไป
๏ เลือกเอาแนวทางที่ดีเป็นที่แยก                             เพื่อยอมแลกกับความสุขที่สาสม
เพี่ยงร้อยเล่ห์หมื่นพันที่ปรารมภ์                              ควรเพาะบ่มสุขจริงแท้แก้บ่วงกรรม
...........................(11. ฐานันดร)....................................
 
12.นันทนา
.....................ทางแยก (12. นันทนา)..........................
๏ บนถนนหนทางที่กว้างใหญ่                      เชื่อมกันได้เพราะทางแยกแตกสาขา
จะดำเนินไปทางไหนก็ปรีดา                       เพียงรู้ว่าที่นั่นอยู่แยกอะไร
๏ ชีวิตเราเปรียบดั่งสายถนน                      ที่ปะปนด้วยเรื่องราวทั้งน้อยใหญ่
มีทางแยกรอคอยการตัดสินใจ                      มีจุดหมายที่เลือกไปอยู่ปลายทาง
๏ หากเลือกแยกที่ถูกต้องประเสริฐนัก        คงไม่มีอุปสรรคมาขัดขวาง
ฝันอยู่ใกล้ปลายเอื้อมมิเลือนราง                  สิ่งต่างต่างผ่านพ้นไปด้วยดี
๏ แม้นผู้ใดตัดสินใจเลือกทางผิด                 เสียเวลาสักนิดก่อนสุขี
เป็นบทเรียนประสบการณ์ของชีวี                เป็นนิมิตหมายอันดีในดวงมาลย์
๏ เพราะฉะนั้นการเลือกทางที่ถูกผิด          จึงไม่ได้ลิขิตเส้นขนาน
ว่าผู้นั้นจะถูกผิดตลอดกาล                           เพราะสุขทุกข์จะเชื่อมผ่านประสานกัน
๏ ทุกชีวิตจึงดำเนินสู่จุดหมาย                    ที่พร่างพรายดุจประกายในห้วงฝัน
ช้าหรือเร็วก็ต้องถึงเข้าสักวัน                       แม้ทางแยกมีร้อยพันฝ่าฟันไป
๏ คิดเสียงว่าทางแยกคือหนังสือ                จงฝึกปรือจดจำหลักให้จงได้
เมื่อรู้แล้วก็ต้องจารใส่ใจ                              คิดอยากทำสิ่งใดไม่เสียที
๏ สิ่งสำคัญอีกประการพึงพินิจ                 คือเส้นทางแห่งชีวิตคิดวิถี
เป็นอย่างไรหากทางแยกนั้นไม่มี               มนุษย์นี้คงหมดทางจะคลาไคล
๏ เหมือนถนนหากเส้นใดไร้ทางแยก                         คงจะแปลกแล้วถนนเชื่อมจากไหน
เชื่อมจากฟ้า จากอากาศหรือสิ่งใด           จุดมุ่งหมายคืออะไรช่วงบอกที
๏ ชีวิตนี้จึงเหมือนกันฉันถนน                   ต้องมีแยกให้ฝึกฝนอยู่ทุกที่
ไม่มีใครไร้ทางเลือกแล้วเปรมปรีดิ์            เพราะทางแยกคือสิ่งที่เราเลือกเดินฯ
...........................(12.นันทนา)....................................
 
13.ภาสกร
...............................ทางแยก (13. ภาสกร)............................
๏ หนึ่งเส้นทางทอดสายสู่หลายแยก        ชีวิตแตกความต่างเลือกสร้างสรรค์
คุณธรรมแท้จริงสิ่งสำคัญ                      คือที่มั่นให้ไตร่ตรองมองเห็นทาง
๏ ทุกแยกซ่อนจริงลวงในห้วงทุกข์           มองเห็นสุขด้วยใจใสสว่าง
เปิดม่านหมองครองธรรมเปิดอำพราง    ทุกสิ่งอย่างเผยนัยน์ด้วยใจมอง
๏ สองทางแยกแรกให้คิด “ผิดหรือถูก”     ปัญหาผูกปมใหม่ใช้สมอง
ชั่งน้ำหนักหากำไรดังใจปอง                 ถึงกับต้องทิ้งธรรมประจำใจ
๏ เพื่อไขว่คว้าครองให้ไม่สิ้นสุด                 ถลำรุดกินโกงสิ้นโปร่งใส
ดับเส้นทางชิวิตปิดทางใคร                   เปิดทางให้ต่างชาติผงาดตน
๏ กระแสทางสังคมหนึ่งจึงว้าวุ่น                เมื่อใบบุญเป็นใบบาปฉาบฉ้อฉล
คมวาทะสง่างามยามอับจน                   ซื้อใจคนมากมาย...ตายทั้งเป็น
๏ คนทั้งหลายควรหยุดเชื่อเมื่อถึงแยก     มองชำแรกสุดก้นบึงตาจึงเห็น
ตั้งสติพิเคราะห์ใหม่อย่างใจเย็น             ทุกประเด็นคือเป็นกลาง...วางวัดคน
๏ เมื่อทางแยกสุดท้ายวันตายพราก          วัดคนจากความชั่วดีมีเหตุผล
คนดีแยกสู่สวรรค์ในบันดล                   ระยำชนสู่นรก...หมกไหม้เอย
...........................(
13. ภาสกร)....................................
 
14.สุนทร
.............ทางแยก...แห่งสังคม (14. สุนทร)....................
๏ พบทางแยกมองซ้ายขวาเหลียวหน้าหลัง      เลือกผิดพลั้งเดินพลาดอาจขื่นขม
สู่เส้นทางหลายแพร่งแห่งสังคม                      ใช้อารมณ์เลือกทางผิดติดทางตัน       
๏ เพราะทางหนึ่ง...คือสังคมการข่มขู่                    ยึดกฎหมู่ไร้ศีลธรรมเกิดห้ำหั่น
“ศพทับศพ” เย้ยกฎหมายฆ่ารายวัน          เบียดเบียนกันทุกข์ท่วมนองต้องร้าวราน
๏ เพราะทางหนึ่ง...คือสังคมแห่งลมปาก       ปาดป้ายสีพูดถางถากอยากตระหง่าน
สร้างแบบแผนสังคมอุดมการณ์                           คือกินบ้านโกงเมืองเรื่องวุ่นวาย
๏ เพราะทางหนึ่ง...คือสังคมที่จมทุกข์                   อบายมุขครอบงำทำเสียหาย
เล่นพนันสิ่งเสพติดพิษมากมาย                          ก่อการร้ายฆ่าข่มขืนจำฝืนทน
๏ เมื่อสังคมหลากแนวทางต่างความคิด       ร่วมเปลี่ยนผิดเป็นถูกทางสร้างเหตุผล
เดินทางเดียวทางแห่งธรรมนำปวงชน               ทุกหมู่คนยื่น “น้ำใสจากใจจริง”     
๏ คือเส้นทาง...สายสัมพันธ์สันติภาพ               แผ่นดินอาบความเมตตาอาทรยิ่ง
ไร้ทางแยกเลิกฟันแทงไม่แย่งชิง                           ชนรักษ์สิ่งดีงามสร้างความดี
...........................(
14. สุนทร)....................................
 
15. ธัญพิชชา
.........................ทางแยก (15. ธัญพิชชา)........................
๏ การเดินทางสู่โลกกว้างทางสายฝัน          ก้าวผ่านผันวันเวลาคว้าจุดหมาย
จิตตั้งมั่นฝันแน่วแน่มิเสื่อมคลาย                  คิดขวนขวายสิ่งที่ใจใฝ่เฝ้าปอง
๏ บนทางเดินเผชิญความเป็นจริง                พบพานสิ่งแม้นช้ำใจฤทัยหมอง                                                                                          ยังมีหวังอยู่ชิดใกล้ได้ประคอง                       สิ่งทั้งสองสุขและทุกข์คลุกเคล้าไป
๏ จุดเริ่มต้นบนทางฝันนั้นสวยงาม               ถักทอความมุ่งมั่นสานสดใส
เป็นแนวทางสู่ความหวังแม้นยังไกล              เดินก้าวได้ตามต้องการทางของตน
๏ สู่หวังที่สำเร็จเสร็จสิ้นนั้น                           ต้องฝ่าฟันอุปสรรคจักพบผล
เดินทางไกลไขว่คว้าฝันด้วยอดทน                แม้นมืดมนต้องไม่ท้อก้าวต่อไป
๏ เมื่อถึงทางแยกสองทางต้องเลือกเดิน      ต้องเผชิญความเปลี่ยวเหงาเราสู้ไหว
จงหยุดคิดพินิจตรองตัดสินใจ                        หนึ่งฝันไว้ หนึ่งต้องการพานนึกดู
๏ บนหนทางไม่ได้โรยกลีบดอกไม้             ไร้แสงไฟส่องเจิดจ้าพาสวยหรู
เลือกทางผิดคิดเปรียบว่าเสมือนครู               สอนให้รู้ถึงผลหนทางดิน
๏ ในทางแยกต้องแยกทางดั่งใจคิด             ตนลิขิตชีวีไว้ใฝ่ถวิล
หมั่นพากเพียรเรียนขยันเป็นอาจิณ               ให้ชีวินสู่ฝันได้ด้วยใจเรา
...........................(
15. ธัญพิชชา)....................................
 
16.พัชรีภรณ์
.......................ทางแยก (16. พัชรีภรณ์).......................
๏ ชีวิตทีเติบกล้ามาสู่โลก                                   เผชิญโชคไปตามกรรมลิขิต
แสวงหานาทีทองของชีวิต                                ถูกหรือผิดชั่วดีชี้ชะตา
๏ อุ่นอ้อมอกพ่อแม่แต่ยังเล็ก                           สู่วัยเด็กเริ่มเรียนเพียรศึกษา
แต่ละก้าวยาวนานกาลเวลา                               แสวงหาสิ่งดีงามไปตามวัย
๏ สู่วัยรุ่นเริ่มวุ่นในดวงจิต                                เมื่อชีวิตพบ “ทางแยก” ที่แปลกใหม่
ทั้งจะเรียนทั้งจะรักหนักหทัย                           โอ้ว่าใจ..หรือจะจบ..พบทางตัน
๏ เป็นหนทางสองแพร่งที่แปร่งแปลก           คือทางแยก..หนึ่งนรก..หนึ่งสวรรค์
อาจความชั่วความดีมีเท่ากัน                              ยามโมหันต์ครอบจิตมิดมือมนธ์
๏ คิดถึงคำพระสอนตอนไปวัด                        ให้สลัดพันธะอกุศล
แล้วมองดูชั่วดีมีในตน                                       จักหลุดพ้นความมืดมิดจิตสบาย
๏ ได้พบแสงแห่งธรรมะที่พระสอน               ตัดวู่วามนิวรณ์ก่อนจะสาย
สู่ทางเดินเพลินทางอันพราวพราย                  ตัดทางร้ายก้าวสู่ทางสร้างความดี
๏ ข้าม “ทางแยก” หลายแยกที่แตกต่าง          เดินตามทางสายธรรมนำวิถี
ย่อมพบแสงแห่งปัญญาทุกนาที                       พบสิ่งที่ผิดแผกต้อง “แยกทาง”
๏ เดินหมากรุกผิดตาหาตาแก้                           ถึงพ่ายแพ้ก็อาจจะชนะบ้าง
เดินชีวิตผิดทีท่าผิดตาราง                                   ชีวิตอาจอับปาง...ลงกลางครัน
...........................(16. พัชรีภรณ์)....................................
 
17.กรรณิการ์
.......................ทางแยก (17. กรรณิการ์).......................
                                ๏ เส้นทางก้าวยาวไกลหลายทางแยก              ทางหนึ่งแทรกอันตรายหลายปัญหา
                                แยกหนึ่งคงความชั่วดีชี้ชะตา                           แยกหนึ่งพาชีวิตเปลี่ยนเรียนรู้ทัน
                                ๏ หากหนทางมัวหมองมองมืดมิด                  เหมือนทางติดไม่เห็นทางที่สร้างสรรค์
                                อย่าให้ชั่วบังความดียิ่งชีวัน                               เหมือนสวรรค์บดบังตาเกิดราคี
                                ๏ เป็นมนุษย์เลือกทางดีมีความสุข                  ละทางทุกข์ด้วยทางธรรมนำวิถี
                                เลือกทางผิดผลทุกข์ใจในชีวี                             เลือกคิดดีสุขที่ใจไม่อับจน
                                ๏ เลือก “คบพาลพาลพาไปหาผิด”                  “คบบัณฑิตบัณฑิตพาไปหาผล”
                                เลือก “ทำดีต้องได้ดี” อยู่ที่ตน                           จึงหลุดพ้นทางหลอกลวงบ่วงอำพราง
                                ๏ ทางแยกสู่สำเร็จงานการศึกษา                      ต้อง “ข้ามน้ำข้ามท่า” ฝ่าทุกอย่าง
                                อุตสาหะพยายามตามแนวทาง                         อย่า “ใกล้เกลือกินด่าง” สร้างครรลอง
                                ๏ ทางแยกสู่การเมืองเรื่องขัดแย้ง            ทางแยกแบ่งความคิดต่างสร้างหม่นหมอง
                                หยุดแตกแยกสร้างน้ำใจใฝ่ปรองดอง              เพื่อรับราษฎร์ศาสน์ทั้งผองเจิดจำรูญ
                                ๏ นำความดีปิดทางแยกแห่งหายนะ               ลด เลิก ละ ทางอบายให้เสื่อมสูญ
                                ใช้แสงธรรมช่วงส่องทางสร้างไพบูลย์          สุขเพิ่มพูนเพราะทางธรรมนำชีวิต
...........................(17. กรรณิการ์)....................................
 
18. เพ็ญนภา
.........................ทางแยก (18. เพ็ญนภา).........................
                                ๏ เมื่อถึงทางย่างแยกให้แตกร้าว                      หัวใจราวแทบดับยับสลาย
                                ประเทศชาติเกิดวิกฤติจิตวุ่นวาย                       เกิดเรื่องร้ายให้ประชาพาโศกตรม
                                ๏ เป็นปัญหาการเมืองไทยให้ปวดหัว             คนคิดชั่วมีมากล้นจนขื่นขม
                                ทางมุ่งร้ายเลือกเดินลงคงจ่มจม                       ได้สาสมก่อการร้ายหมายรังแก
                                ๏ ทุจริตธุรกิจคอรัปชั่น                      รวยเร็วพลันชาติแปรปรวนทวนกระแส
                                เป็นเส้นทางหายนะใหม่ใครดูแล                    ร่วมกันแก้ด้วยคำว่า”สามัคคี”          
                                ๏ ปล่อยปัญหาค้างคามาทุกยุค                          ไทยล้มลุกไม่คงมั่นบั่นศักดิ์ศรี
                                ความเจริญรุ่งโรจน์ไกลไม่เหลือดี                    ประชาชีหม่นหมองร้องระทม
                                ๏ ถึงเวลาปิดดถนนบนทางแยก                       มาร่วมแลกปันน้ำใจให้สุขสม
                                ทางสายกลางล้ำคุณค่าน่าชื่นชม                      โผล่พ้นตมพบทางดีมีก่ายกอง
                                ๏ จะเลือกเดินทางใดให้ครุ่นคิด                       อย่าก้าวผิดได้อับจนใจหม่นหมอง
                                ทางแยกมีมากมายให้หลงลอง                          ให้เรามองเส้นทางดีจะมีชัย
...........................(18. เพ็ญนภา)....................................
 
19. อรรคพล
........................ทางแยก (19. อรรคพล).....................
                ขับรถยนต์บนถนนที่คดเคี้ยว                        บ้างก็เลี้ยวซ้ายขวาพาสับสน
ทางแยกมีหลายหลากมากผู้คน                                         สุดจะทนรถติดที่ไฟแดง
                ขึ้นสะพานลงสะพานเจอทางแยก               คงไม่แปลกที่สี่แยกนั้นมีแสง
เจอผู้คนขายของนั่งแจกแจง                                              ราคาแพงหรือเปล่าไม่รู้กัน
                คนเรานั้นมีสองทางให้เลือกคิด                   ใช้ชีวิตเลือกทางใดได้สุขสันต์
เลือกทางดีมีความสุขทุกคืนวัน                                         สิ่งสำคัญควรมีธรรมนำดวงใจ
                สร้างทางสุขทางงามตามประสงค์               จิตมั่นคงมิหลงทางวางวิสัย
ทางคดเคี้ยวอาจหมดหนทางไป                                       ควรเริ่มใหม่เดินทางธรรมนำชีพตน
                เปรียบคนเดินทางผิดคิดทำชั่ว                      หลงเมามัวตกบ่วงกรรมทำสับสน
ใช้แสงธรรมส่องสว่างทางของคน                                  ย่อมเกิดผลที่ดีมีจรรยา
                เมื่อทางแยกสองทางมาขวางกั้น                  ควรถึงวันเลือกทางห่างตัณหา
ทางกันดารผ่านได้ใช้เวลา                                                 ด้วยปัญญาแยกดีชั่วพ้นมัวเมา
............................ (19.อรรคพล)....................................
 
20.พิเชษฐ์
............................ทางแยก (20. พิเชษฐ์).....................
   ทางแยกนั้นมีทั้งซ้ายและขวา                       ไปข้างหน้าแล้วแต่จุดมุ่งหมาย
ทางแยกนั้นสังเกตดูมันคล้ายคล้าย                     มีมากมายทางแยกขึ้นและลง
   เจอทางแยกสับสนรถก็ติด                             ถ้าเลี้ยวผิดทางไปทำให้หลง
จะถอยหลังเลี้ยวกลับไม่มั่นคง                             บางครั้งงงจะไปทางไหนดี
   ดั่งชีวิตของมนุษย์มีทางแยก                         ชีวิตแตกแยกทางมีทุกที่
เดินทางผิดคิดชั่วคงไม่มี                                       มีทุกทีเดินหลงทางตามความคิด
   แยกของคนมีอยู่สามทางแยก                       หนึ่งคือแตกไปเรียนหวังเป็นบัณฑิต
สองคือแยกมีครอบครัวต่างชีวิต                          สามคือติดโรคภัยตายจากกัน
   เกิดเป็นคนต้องมีใจหมายปอง                      ขอบเขตของชีวิตคือปลายฝัน
วันข้างหน้าเป็นอย่างไรต้องฝ่าฟัน                     ต้องแบ่งปันโอกาสให้กับคน
   ในเส้นทางชีวิตต้องต่อสู้                               จิตมุ่งสู่ทางธรรมนำกุศล
ควรรู้รักสามัคคีใจเจือปน                                      พลังชน “มิแยกไปใจดวงเดียว”
...........................(20. พิเชษฐ์)....................................
 
21.ชาญณรงค์
.......................ทางแยก (21. ชาญณรงค์).......................
ถนนนี้มีหลายเส้นทุกแห่งหน                         มีผู้คนเดินไปมาพาปวดหัว
เดินทางผ่านไปเที่ยวเป็นครอบครัว                     มีคนชั่วมีคนดีปะปนกัน
   เดินไปเจอทางแยกทั้งซ้ายขวา                      ทั่วสายตาเห็นรถติดไร้สุขสันต์
เจอทางแยกทีไรใจจาบัลย์                                      เส้นทางฝันจึงสะดุดหมดชีวา
   ถ้าแยกร้ายเกินไปเผลอเจอความชั่ว             ให้เมามัวหลงผิดติดตัณหา
หมดหนทางชีวิตไร้ในปัญญา                              จนคุณค่าดับลงปลงความดี
   เหมือนนรกตกไปใจร้อนรน                         ชีวิตคนต้องหมดไปไม่สุขี
ใช้ปัญญาตริตรองมองชีวี                                      ขอเพียงมีธรรมะชำระใจ
   จุดแสงธรรมนำทางสร้างความฝัน              จิตยึดมั่นสายกลางทางสดใส
ทางสวรรค์ยังรอขอก้าวไป                                    ย่อมถึงได้ด้วยความดีเป็นศรีตน
   ทางสองทางเป็นทางที่กำหนด                     ทางเคี้ยวคดลึกไปใจสับสน
มิหลงเลี้ยวทางชั่วกลั้วกมล                                   เลือกคบคนแยกดี-ชั่ว ตัวพ้นภัย
...........................(21. ชาญณรงค์)....................................
 
22.ภานุเดช
........................ทางแยก (22. ภานุเดช)........................
   แม้เส้นทางที่ยาวไกลใจอย่าท้อ                     จงสู้ต่อฝ่าไปในวิถี
bulletผลร้อยกรองออนไลน์ 2558
dot
ประกวดร้อยกรองออนไลน์ครั้งที่ 7
dot
bulletข้อมูลการประกวดครั้งที่ 7, 2557
bulletผังร้อยกรอง
bulletอ่านโคลงประกวด 2557
bulletอ่านกลอนประกวด 2557
bulletอ่านกาพย์ยานีประกวด 2557
bulletผลการประกวดร้อยกรอง ปี 2557
dot
ข่าวสาร ข้อมูลสมาคม
dot
bulletกรรมการสมาคมสมัยที่ ๑๕-๑๖
bulletนายกสมาคมสมัยที่ ๑๗
bulletติดต่อนายกสมาคมนักกลอน
bulletติดต่อฝ่ายดูแลส่วนต่างๆ
bulletสมัครสมาชิกสมาคมนักกลอน
bulletนักกลอนตัวอย่าง ๒๕๕๓
dot
หัวข้อน่าสนใจ
dot
bulletรวมลิ้งค์เว็บไซต์น่าสนใจ
bulletส่งบทสักวา น.ส.พ. สยามรัฐ
bulletวารสารวิทยาจารย์ รับต้นฉบับ
bulletส่งข้อเขียนครูในดวงใจ
dot
แนะนำหนังสือ
dot
bulletหน้ารวมหนังสือ
bulletคู่มือเรียนเขียนกลอน
bulletกาสรคำฉันท์ - สมคิด สิงสง
bulletหนังสือสุรินทร์สโมสร
bulletฝากโลกนี้ไว้ในหัวใจเธอ - กอนกูย
bulletเลือน - อติภพ
bulletธาร ธรรมโฆษณ์
bulletนายทิวา
bulletกลอนเกียรติยศ
bulletอ้อมกอดแห่งท้องทุ่ง
bulletทองแถม นาถจำนง
bulletพงศาวดารพิภพ
bulletโป๊ยเซียน คะนองฤทธิ์
dot
โครงการประกวดต่างๆ
dot
bulletนายอินทร์อะวอร์ด ๒๕๕๖
bulletประกวดรางวัลซีไรท์ปี ๒๕๕๖
bulletรางวัลพานแว่นฟ้า ปี ๒๕๕๖
bulletรางวัลวรรณกรรมรามคำแหง ๒๕๕๖
dot
ผลตัดสินรางวัลต่างๆ
dot
bulletรางวัลศรีบูรพา ๒๕๕๖
bulletผลรางวัลซีไรต์ ๒๕๕๗
bulletผลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ๒๕๕๗
bulletผลรางวัลแว่นแก้ว ๗ (๒๕๕๓)
bulletผลกลอนวิถีคนกับควาย
bulletผลร้อยกรอง “ผมจะเป็นคนดี”
bulletรางวัลนราธิป ๒๕๕๓
bulletนักเขียนอมตะ คนที่ ๖ (๒๕๕๕)
bulletนักเขียนรางวัลศรีบูรพา ๒๕๕๖
bulletศิลปินมรดกอีสาน ๒๕๕๔
bulletผลรางวัลพานแว่นฟ้า ๒๕๕๕
bulletผลรางวัลรามคำแหง ๒๕๕๖
bulletศิลปินแห่งชาติ ๒๕๕๕
bulletผลประกวดหนังสือ ชีวิตใหม่ 2
dot
ข่าวคราวของลมหายใจ
dot
dot
Weblink
dot
bulletอ่านกลอนประกวด 2556

หนังสือพิมพ์ คมชัดลึก
สมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย
ศูนย์ให้คำปรึกษาปัญหาภาษาไทย มศว
เว็บรวมกระทู้ อาศรมชาวโคลง ใน pantip.com
หนังสืออีศาน


Copyright © 2010 All Rights Reserved.
ติดต่อ นายกสมาคมนักกลอนแห่งประเทศไทย ทองแถม นาถจำนง
โทรศัพท์ ๐๘๙-๑๒๓๔๗๕๔ อีเมล์ tongtham.n@hotmail.com

สำนักพิมพ์แม่โพสพ