ReadyPlanet.com
dot dot
ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (กลอนสุภาพ) : หัวข้อ “ห้วงแห่งมโนสำนึก”

ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (กลอนสุภาพ) : หัวข้อ “ห้วงแห่งมโนสำนึก”

จำนวน 150 ชิ้น
 
1. ชาตรี
ห้วงแห่งมโนสำนึก (ชาตรี)
“ด้วยเกล้า ด้วยกระหม่อม ขอเดชะ”             คือวาทะสุดท้ายปลายอักษร
ของผู้กล่าวคำชัยถวายพระพรฯ                           ทุกบทตอนเปี่ยมพลังความตั้งใจ        
๏ เพียงเสี้ยวเศษพระเมตตาใต้ฝ่าบาท                 อักษรศาสตร์ผจงจารเกินขานไข
ธ ครองธรรมครองราชย์ครองชาติไทย               ธ ครองในพระราชปณิธาน 
๏ ยกสองมือประนมก้มเกล้ากราบ                      เพียงรูปภาพขาดเก่าแขวนเสาบ้าน
ที่คอยเก็บรักษามาเนิ่นนาน                                  บูชาไหว้สักการทุกบ้านเรือน
๏ ยามโศกเศร้าเฝ้ามองกลับผ่องใส                       มองภาพใดทั่วแดนมิแม้นเหมือน
ยามเหน็ดเหนื่อยท้อถอยภาพคอยเตือน              กี่ปีเดือนเมื่อมองภาพกลับหยัดยืน
๏ ภาพพระองค์ทรงชี้ปลายพระนาสิก                 คือภาพพลิกแผ่นดินให้ชุ่มชื่น
พระเสโทเพียงหยดหลั่งรดพื้น                            บันดาลฟื้นความอุดมสุขร่มเย็น
๏ ไม่เพียงพอคำบรรยายในโลกนี้                       เล่าเรื่องราวหกสิบปีภาพที่เห็น
ราชกิจเช้า-ค่ำทรงบำเพ็ญ                                      ธ ทรงเป็นพลังทั้งแผ่นดิน
๏ คือภาพในห้วงแห่งมโนสำนึก                          ในส่วนลึกของคนไทยไม่สุดสิ้น
ร้องเปล่งเสียงจนสุดเสียง...น้ำตาริน                    “ทรงพระเจริญ”ให้ได้ยินทั่วโลกา
๏ ข้าพระพุทธเจ้าเหล่าพสก                                  ใต้ร่มรัชฉัตรปกเกล้าเกศา
โบกธงเหลืองชูภาพกษัตรา                                  ถวายพระพรฯพระราชาชาติไทยเรา
๏ ขอพระจงทรงพระเกษมศานต์                         อภิบาลราษฎรทุกหมู่เหล่า
ขอทรงพระเจริญเนิ่นนานเนา                             น้อม “ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ”
................................................... (1. ชาตรี).............................................................
 
2. ประพฤทธิ์
ห้วงแห่งมโนสำนึก  (ประพฤทธิ์)
ภายใต้ห้วงแห่งมโนสำนึก                    ที่หยั่งลึกจนสุดจะคาดถึง
อันยากเย็นแสนสุดจะฉุดดึง                                 ห้วงคำนึงจึงฟื้นยากหากเผลอไป
ถ้าจะลองเหลียวจ้องมองดวงจิต          เกินจะคิดว่าจิตน้อยลอยถึงไหน
หากพลั้งพล่อยปล่อยกระโดดโลดแล่นไกล     พาหัวใจให้ทุกทนจนชั่วกัลป์
เพราะจิตทรามถามไถ่ไม่มีหยุด           จิตมนุษย์จึงมิงามตามใฝ่ฝัน
หากจิตดีประดุจแสงแห่งตะวัน                            ก็เหมือนจันทร์ที่ส่องแสงแจ้งนภา
สิ่งเลวร้ายใต้สำนึกได้สร้างขึ้น             เพราะเมามึนมัวแส่แต่ตัณหา
มั่วแต่โลภพิศวงหลงโกรธา                                  ถูกบังตาพาใจให้ล่มจม
สิ่งดีดีที่จิตคิดจะสร้าง                           กลับถูกขวางกลางฤดีที่ขื่นขม
เรื่องเลวร้ายถาโถมใส่ให้ทุกข์ตรม                      เพราะจิตจมสู่ห้วงเหวที่เลวทราม
อยากให้ลองมองดูทุกวันนี้                  ทำความดีกันหรือยังฉันขอถาม
ความดีนั้นทำได้ทั่วทุกชั่วยาม                              สิ่งดีงามจักตามติดทุกทิศไป
..................................... (2. ประพฤทธิ์)......................................
 
3. ธนารีย์
ห้วงแห่งมโนสำนึก (ธนารีย์)
ห้วงมโนแห่งสำนึก...จงตรึกมั่น           ละทิ้งมัน ความรัก อันอ่อนหวาน
เพื่อตัดทาง เบื้องหน้า อันทรมาน                         ล้างวิญญาณ ด้วยจิต แห่งตัวเอง
มีหัวใจ และรู้สึก ไม่นึกคิด                   ถูกหรือผิด อย่าสน โดน...ข่มเหง
วางมือลง ให้สิ้น เสียงบทเพลง                             ถ้อยบรรเลง จงจางหาย ไปกับกาล
รักที่หวาน ไม่ต่าง กันธารพิษ               คอยจ้องปลิด ชีพตน อย่างอาจหาญ
เปลี่ยนรอยยิ้ม เป็นน้ำตา ต้นลำธาร                     คอยล้างผลาญ ความหวัง อันเคยมี
ณ วันนี้ ดอกไม้ โปรยจากฟ้า               ณ เวลา บอกทิศ แห่งดิถี
ไปกันเถอะ ตัวฉัน อย่ารอรี                                  ก่อนเสียที่ แสงสว่าง จะดับลง
ปรารถนา ความฝัน หมั่นคว้าไขว่        ย่อมต้องแลก กับใจ ไม่ให้หลง
เพื่อทางทิศ ลิขิตได้ อย่างมั่นคง                           ใช่ผะวง กันรัก อันหลอกตา
ความทรงจำ เคยพร่ำ รำพันจิต             ไม่ขอนำ เอาติด ชิดห่วงหา
ขอวางไว้ ตรงนี้แหละ ห่วงเวลา                           ณ ตอนที่ นาฬิกา นั้นหยุดเดิน
และเริ่มเคลื่อน เข็มวิ นาทีเปลี่ยน        แสงแห่งเทียน จงสว่าง อย่างสรรเสริญ
สู่เบื้องหน้า ที่ไม่อาจ จะประเมิน                         ด้วยคำเชิญ จากฉัน สู่ตัวเอง
................................................... (3. ธนารีย์).............................................................
 
4. พรภัทรา
ห้วงแห่งมโนสำนึก (4. พรภัทรา)
เอกลักษณ์ดีเด่นแลดีงาม                       แห่งสยามยามชาติแท้ยังปรากฏ
ให้บุคคลรุ่นหลังได้ปรารภ                                  รักสงบรบไม่ขลาดคือชาติไทย
อนึ่งมีอีกคือวัฒนธรรม                       ที่ดำรงรักษาไว้ไม่ไปไหน
คือรอยยิ้มสวัสดีที่จริงใจ                                      เจอเมื่อไรก็สุขใจไม่รู้ลืม
อนึ่งมีอีกนั้นคือภาษา                             แต่สุโขทัยมาไว้ยึดถือ
 พ่อขุนรามคำแหงประดิษฐ์มือ                             เป็นลายสือสืบจวบวันนี้นอ
อนึ่งมีอีกคือน้ำใจไทย                          ไปที่ใดไม่ลำบากตกยากหนอ
มีปลาเค็มทำอย่างไรให้ชะลอ                              คนไทยก็กินบ้างแบ่งบ้างเอย
อนึ่งมีอีกคือศิลปะศาสตร์                      เห่เรือกาพย์นาฏยจะแผ่เผย
จิตรกรรมฝาผนังไม่ละเลย                                   วาดชมเชยบรรพบุรุษด้วยลวดลาย
ในวันนี้วัฒนธรรมผันแปรเปลี่ยน      ได้สับเวียนเอกลักษณ์ให้เลือนหาย
ค่อยกลืนกินทีละนิดให้กลับกลาย                        ต้องวอดวายหากคนไทยไม่มั่นคง
หนักแน่นเป็นปึกแผ่นเริ่มแตกแยก                      บ้านเมืองแหลกป่นปี้ธุลีผง
ถ้าเมืองไทยยังมีคนไม่ซื่อตรง                              ชาติก็คงสิ้นชื่อภูมิลำเนา
ถึงรุ่นใหม่ภาษาไทยเริ่มวิบัติ                พูดไม่ชัดดัดภาษาพาอับเฉา
อังกฤษคำไทยคำจนมัวเมา                                   พากันเดาฟังกันไปไม่รู้เลย
จึงอยากขอให้นึกถึงแก่นไทยแท้         ฉันเชื่อแน่ความเป็นไทยย่อมเฉลย
มองให้ลึกถึงห้วงจิตสำนึกเอย                             แล้วจะเผยความเป็นไทยสู่ใจเรา
................................................... (4. พรภัทรา).............................................................
 
บทกวีกับห้วงแห่งมโนสำนึก (5. สืบอักษร)
กวีชื่นปลุกชนที่หม่นทุกข์                   กวีรุกปลุกชีวีที่ขื่นขม
กวีงามปลุกทุกนามยามระทม                                              กวีรมย์ปลุกระรื่นให้ชื่นใจ
กวีคืนฟื้นสำนึกผนึกซ่อน                     กวีสอนกวีสร้างทางไสว
กวีเสริมกวีส่งธำรงชัย                                           กวีไม่สิ้นไร้ในใจคน
เผยมโนสำนึกผนึกแน่น                        ผดุงแก่นเผดิมก่อเติมต่อผล
เมื่อสำนึกโชติช่วงดวงกมล                                  จะนำชนพ้นฉากชนที่ฉลคาว
จากใจหนึ่งถึงหนึ่งใจสู่ใจหนึ่ง             ห้วงคำนึงแผ่ปกดินผินถึงหาว
โอบอณูอุ่นเอื้อเกื้อถึงดาว                                    สำนึกพราวพร้อมพรั่งสังคมดี
รู้สร้างสรรค์สืบทรงธำรงชาติ                               รู้ประกาศคุณธรรมนำวิถี
รู้สละรู้รักสามัคคี                                                  รู้ความดีถูกถ้วนควรกระทำ
กรองกวีกล่าวกล่อมหลอมสำนึก        มโนตรึกมโนตรองปรองดองฉ่ำ
มนมุ่งมนมั่นสร้างสรรค์ธรรม                              หมายน้อมนำชาติรุ่งโรจน์โชติเจริญ
................................................... (5. สืบอักษร).............................................................
 
6. ธนบัตร  
ร่องรอยของดอกไม้ (6. ธนบัตร)
เติบใบบานลานดินบนถิ่นเขียว                            กิ่งก้านเรียวใบค้อมน้อมลงต่ำ
ค่อยค่อยคลี่กลีบสะอ้านบานระบำ                                      รอยแดดย่ำ...แกมหยอกแต้มดอกงาม
ไปผลิกลีบ ณ ภูผาแทนหญ้าแห้ง                           สู้แดดแรงเบ่งบานอยู่หวานหวาม
บานตัดสีเมฆาแห่งฟ้าคราม                                                   ดอกไม้งามผุดแน่นเต็มแผ่นดิน
กริ๊งกร๊าง...กริ๊งกร๊าง ...นาฬิกาปลุก                     มือกระตุกลืมตาความฝันสิ้น
พิราบขาวลัดหลีก...กางปีกบิน                                             จงยลยินความโหดร้ายให้เต็มตา
นั่นดอกเฉาหักช่อข้างตอผุ                                    นี่...ดอกบุเคยสดซึ่งหมดค่า
นั่นดอกแห้งล้นเหลือเป็นเหยื่อรา                                        นี่ต้นกล้าไร้แรงเรี่ยวมันเหี่ยวไป
ไปผลิกลีบ ณ ภูผาเหมือนหญ้าแห้ง                       สู้แดดแรงจังจัง...ยังไม่ไหว
มีแต่สีหม่นหมอกของดอกใบ                                                                ซากดอกไม้ตายแน่นเต็มแผ่นดิน
โชย...ผงฝุ่นแห่งความบาดหมาง                           คลุมเกาะกลางเต็มใบไม่หมดสิ้น
ความแตกแยกมันเคลือบต่างเหลือบลิ้น                                              คอยกัดกิน...ดอกไม้ให้หมดแรง
น้ำแห่งความชอกช้ำ...ดุจน้ำกรด                          เมื่อยิ่งรด...ยิ่งริน...ดินยิ่งแห้ง
กลิ่นของ... “สามัคคี ” ที่ด่างแดง                                          มันเสียดแทง...ดอกไม้ตายเต็มลาน
เธอจงมอง ซากดอกไม้น้อยน้อย                         มันคือรอยอดีตที่กรีดผ่าน
กลีบเหี่ยวเหี่ยวหลงเหลือจากเมื่อวาน                                 “ฝีมือเรา” …มันกร้าน ไม่น่ายล
มโนเอ๋ย...มโนนึกลึกสุดกู่                                    มันคงอยู่...ที่ไหนสักแห่งหน
หรือว่าซ่อนอยู่ในหัวใจคน                                                  เจ้าจงดล...คืนชีพให้ดอกไม้งาม
..................................... (6. ธนบัตร)......................................
 
7. ขจรศักดิ์
 
รอวันที่คนไทยได้สำนึก  (ขจรศักดิ์)
ระเบิดบอมบ์ระบมชาติระบาดทุกข์                    ซากความสุขฝังร่างกลางความเศร้า
เสียงปืนดังกังวานรอบบ้านเรา                                             ไฟใต้เผาพี่น้องนองน้ำตา
ขว้างตะโกนกู่ก้องเรียกร้องสิทธิ์                         เคยเป็นมิตรกลับแตกแยกดูแปลกหน้า
เล่นวางหมากเปิดเกมบุกรุกรบรา                                        ข่มเข่นฆ่าทั้งที่เห็นเป็นคนไทย
ทุกวันนี้ศึกนอกใดไม่เร่าร้อน                                              กลัวแต่หนอนเบื้องลึกศึกในไส้
ยั่วยุแยงแย่งยื้อยุดจุดเชื้อไฟ                                                 ตัดสายเลือดสายใยไม่เหลียวแล
อยู่ต่างสีต่างฝ่ายถูกป้ายสี                                      อยู่ต่างที่ยังทำลายให้ย่ำแย่
คิดแตกต่างจนแตกแยกเหมือนแตกแพ                                               จึงพ่ายแพ้เภทภัยไปด้วยกัน
มือที่เคยกราบไหว้ให้เชื่อถือ                                                กลับเป็นมือเลวร้ายใช้ห้ำหั่น
นักการเมืองโกงเมืองอย่างเมามัน                                        อำนาจบั่นรีดเลือดปู... โจรผู้ดี
กี่บันทึกประวัติศาสตร์ที่บาดเจ็บ                         กี่เขี้ยวเล็บเหยียบซ้ำขย้ำขยี้
และกี่ศพกี่รายต้องตายฟรี                                                    รอวันที่คนไทยได้สำนึก
ลองคิดถึงวันที่ไม่มีชาติ                                        คงอนาถเคว้งคว้างอยู่กลางศึก
ซ้ำรอยแผลนับพันร้อยฝังรอยลึก                                         ยากผนึกให้รัดรึงเป็นหนึ่งเดียว
ดวงตาธรรมเห็นกงจักรเป็นกงจักร                     ใจแน่นหนักเป็นปึกแผ่นแนบแน่นเหนียว
“รวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย” ให้กลมเกลียว                       แล้วยาเยียวรอยช้ำเช็ดน้ำตา
รู้จักพอสิ่งที่มีสิ่งที่ได้                                            รู้จักให้ปันรอยยิ้มอิ่มคุณค่า
รู้เปิดใจรับฟังหยั่งปัญญา                                                      รู้หันหน้าสามัคคีพี่น้องไทย
ภาพเกมกลการเมืองเรื่องขัดแย้ง                          ภาพยื้อแย่งอำนาจชิงบาตรใหญ่
ภาพแผ่นดินระอุคุเพลิงไฟ                                                   ย่อมหมดไปด้วยมโนธรรมจิตสำนึก
..................................... (7. ขจรศักดิ์)......................................
 
8. นางสาวกชามาส 
                                   ห้วงแห่งมโนสำนึก (8. กชามาส)
จิตเอ๋ยจิตแสนลึกใครหยั่งถึง                                หวนรำพึงคะนึงคิดจิตมุ่งหวัง
แม้นทำผิดจิตมัวกลัวภวังค์                                   ใครใคร่รู้เท่าทันใจใครดี
ก่อนกระทำความเขลาเข้าบังตา            กิเลสพาใจจิตผิดวิถี
ความดีงามเคยสร้างยังคงมี                                   ร่วมทวีชี้ทางสว่างมา
สติมีพาจิตคิดหาเหตุ                              เห็นใกล้เขตเภทภัยร้ายแรงหนา
แลเห็นผลกระทบจะนำพา                                    ให้หลายคนจนใจไร้ผลดี
หากกระทำผิดพลาดก่อนยั้งคิด            ผลตามติดคอยวิตกหมดราศี
เร่งสำนึกอย่าปล่อยผ่านแรมปี                              ถ้อยวจีจืดจางหากนานวัน
เมื่อสำนึกเร่งกระทำอย่าเพิกเฉย           อย่าเฉยเมยความคิดอาจเหมือนฝัน
รับผิดชอบการกระทำอย่าผลัดวัน-                      ประกันพรุ่งไม่รู้เท่าทันการ
ความผิดพลาดถึงแม้เกิดได้ง่าย             หากสายเกินทุกข์ยากมหาศาล
ก่อนกระทำสิ่งใดอย่าด่วนกาล                             สติตั้งไว้เหนือทุกสิ่งอัน
อดีตผ่านวันนี้ดีที่สุด                              พึ่งพุทธธรรมนำจิตเป็นสุขสันต์
มีมโนสำนึกคุณอนันต์                                          ชีพพลิกผันสุขสวัสดิ์นิรันดร์กาล
..................................... (8. กชามาส)......................................
 
9. กาญจนา 
 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (9. กาญจนา)
สายลมหวนยวนจิตแล้วคิดนึก             ถึงเบื้องลึกแห่งใจชวนใฝ่หา
ทั้งเรื่องร้ายคลายทุกข์สุขอุรา                                               อีกวาจาการกระทำนำชีวิน
ความเป็นคนดลใจให้มีค่า                    เพียงแต่ว่ากายกระทำไม่สูญสิ้น
อีกคำสอนวอนเว้าเข้าโรมริน                                               สุดแต่ใจจะใฝ่บินเข้าธรรมา
อันพระพุทธ พระธรรม นำทางโลก    อุปโภคแต่สิ่งชั่วมั่วตัณหา
พระสงฆ์ช่วยหน่วงจิตใจให้ปัญญา                     แต่กายาหาทำไม่ตามใจตน
มนุษย์เอ๋ยเชยแต่สุขลืมทุกข์เศร้า          เดี๋ยวมันเข้ามาทำลายดั่งสายฝน
แรกเย็นฉ่ำล้ำค่าสาใจตน                                       เหมือนดั่งมนต์มาโรมรันเข้าทันตี
ใจมนุษย์สุดสะอาดบริสุทธิ์                  จงอย่าฉุดความคิดมันผิดผี
จิตสำนึกให้หวนทำแต่กรรมดี                             จะได้มีชีวิตที่สุขสบาย
จงคิดเถิดถ้าใครใจสกปรก                   ให้รีบยกใจตนเร่งขวนขวาย
ยกใจสูงเสียได้ก่อนชีพวาย                                   ก็สมหมายที่เกิดมาอย่าเชือนเชย
ตนเตือนตนของตนให้พ้นผิด                              ตนเตือนจิตคิดได้ให้วางเฉย
ปฏิบัติสัตย์ซื่อทำอย่าล้ำเลย                                  ให้สมกับที่ได้เคยเกิดเป็น “คน”
..................................... (9. กาญจนา)......................................
 
10. ธนารีย์ 
 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (10. ธนารีย์)
เมื่อธงชาติ โบกสะบัด พัดกลางหาว    เสียงกระหึ่ม เกรี้ยวกราว ราวห่าฝน
ตกกระทบ ณ เบื้องล่าง ประชาชน                      สีแดงข้น ปนเปื้อน เกลื่อนพื้นดิน
ผสมเคลีย น้ำตา ประชาราษฎร์             คือภาพวาด ถูกบรรเลง พร้อมเพลงศิลป์
เสียงกู่ร้อง กู้ชาติ . . . สาดระริน                            อบอวลกลิ่น คาวเลือด เชือดเฉือนกัน
มีเงินตรา และอำนาจ เป็นที่ตั้ง             คอยเหนี่ยวรั้ง วิญญาณและความฝัน
อันไร้ซึ่ง จิตสำนึก ตรึกชีวัน                                                พี่น้องนั้น ไม่รู้จัก และไม่มี
ใช้ฐานะ วัดค่า แห่งชีวิต                        ใช้ยศ-เกียรติ ลิขิต ตามดิถี
ผลประโยชน์ คือสัมพันธ์ แห่งไมตรี                   โลกใบนี้ มีแต่ฉัน เท่านั้นพอ
ไม่เหนื่อยหรือ ถือมีด รีดขูดเลือด       น้ำใจมี แห้งเหือด ... หมดแล้วหรอ ?
หน้าแดงกร่ำ ... กับตาใส มีน้ำคลอ                       สองมือกุม ร้องขอ ภาวนา . . .
อธิฐาน วิงวอน ... ขอสันติ                    วางทิฐิ จากใจ ... หยุดใฝ่หา
เพื่อพวกเรา เพื่อน้องพี่ ปวงประชา                      หยุดเถอะการ ! เข่นฆ่า...เพื่ออื่นใด
แล้ววางดาบ อาวุธ หยุดประหัต           เพื่อเป่าปัด น้ำตา เม็ดหยาดใส
แปรเปลี่ยนเป็น ความหวัง แห่งดวงใจ                                คืนอุ่นไอ ไฟฝัน ทั้งฉัน-เธอ
เมื่อธงชาติ โบกสะบัด พัดกลางหาว    สุขสกาว พราวรัก ปักเสมอ
ด้วยหยาดฝน โปรยธาร ผ่านพบเจอ                    เปื้อนยิ้มเกลอ...น้อง-พี่ นิจนิรันดร์
................................................... (10. ธนารีย์).............................................................
 
11. พัชรีภรณ์ 
 
สำนึกในบุญคุณแผ่นดิน (11. พัชรีภรณ์)
มีสำนึกความเป็นไทยกันไหมนี่           ต่างกลุ่มต่างแบ่งสีตามวิสัย
อาจแอบแฝงสำแดงเจตซ่อนเลิศนัย                      จึงเกิดภัยนำพามายาวนาน
บางกลุ่มว่ารัฐไม่พิสุทธิ์ทุจริต                              ไม่มีสิทธิ์ที่จะบริหาร
เสียงขับไล่ “ออกไป” ไม่ต้องการ                       บ้างว่าสองมาตรฐานการปกครอง
เพื่อประชาธิปไตยขับไล่รัฐ                 ต่างยืนหยัดเหตุผลตนถูกต้อง
ทั้งแดงเหลืองเนื่องนำจิตลำพอง                          โดยเรียกร้องความเป็นธรรมตามแนวทาง
ด้วยอินทร์กับตานาด่ากังฉิน                                ตาอยู่แอบเลียลิ้น..อยู่ห่างห่าง
ทั้งจะทำให้เห็นความเป็นกลาง                            แล้วก็อ้างความชอบทำปฏิวัติ
ใน “มโนสำนึก” ขุนศึกซ้ำ                    ดังบอกย้ำกับประชาว่าซื่อสัตย์
ซึ่งที่แท้แพร่ภัยในมนัส                                         คนตระบัดจึงตะแบงแจงท่าที
เพราะคนไทยไร้นำจิตสำนึก                                จึงชักศึกเข้าซ้ำช้ำเหลือที่
ชนในชาติขาดรักสามัคคี                                      เพราะไม่มีจิตเน้นความเป็นไทย
หยุดทะเลาะเบาะแว้งแบ่งพวกพรรค   กลับมารักหลอมรวมร่วมสมัย
มโนธรรมสำนึกตกผลึกใจ                                   สำนึกใน..บุญคุณ..ของแผ่นดิน
................................................... (11. พัชรีภรณ์).............................................................
 
12. ชูศักดิ์ 
 
สำนึกของลูก (12. ชูศักดิ์)
ผมจะอยู่ฝ่ายไหนใครเล่าหนอ              คน “เสื้อเหลือง” นั่นพ่อก็แน่นหนัก
คน “เสื้อแดง” ก็แม่แน่นอนนัก                            จะเกาะหลักไหนดีเล่าชีวิต
พ่อไปค่ำกลับสว่างต่างมุ่งหมาย           แม่ไปสายกลับค่ำตามแต่สิทธิ์
ยามเดินสวนหวนหางตามาเพียงนิด                     ทั้งสองคิดอะไรก็ไม่รู้
พ่อพูดว่า..ทำเพื่อชาติศาสน์กษัตริย์      ต้องยืนหยัดกอปรก่อการต่อสู้
เพื่อแผ่นดินถิ่นไทยไทยเชิดชู                                              ต้านศัตรูของชาติปลาตไป
แม่ว่ารัฐ..ไม่ถูกต้องสองมาตรฐาน       รัฐบาลต้องหันหน้ามาแก้ไข
แม่ทำเพื่อ..ประชาธิปไตย                                     ต่างคนต่างไปในแต่ละวัน
ต่างคนต่าง “ทิฐิ” ดำริลึก                      ในสำนึกคนทั้งสองปองมุ่งมั่น
อุดมการณ์ท่านคงไม่ตรงกัน                                                ทั้งสองอ้างสร้างสรรค์เพื่อบ้านเมือง
มโนธรรม..สำนึก..ของพ่อแม่                              คอยฟังแต่แกนนำทำต่อเนื่อง
ลูกลูกได้รับรู้อยู่นานเนือง                                   นั่นเป็นเรื่อง..ของผู้ใหญ่..เราใฝ่เรียน
................................................... (12. ชูศักดิ์).............................................................
 
13. พรชัย 
 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (13. พรชัย)
สายฝนรินจากฟ้าน้ำตาร่วง                    แทบสิ้นทรวงกระแสธารสุดต้านไหว
รามสูรขว้างขวานทรงเกรียงไกร                         ต่างตกใจประชาชนบนธานินทร์
พอข้ามคืนท้องถนนเมืองมนุษย์          เคยพิสุทธิ์กลับกลายวอดวายสิ้น
นทีนองเดือดร้อนทั้งแผ่นดิน                                               แหล่งทำกินเปี่ยมล้นชลธิชา
เกิดสงสารคนแก่แม่ลูกอ่อน                 พเนจรยากไร้ซึ่งเคหา
บางจังหวัดสมาชิกมรณา                                       อนิจจาก่อนม้วยต้องช่วยกัน
สายเลือดไทยใจเก่งเร่งพลกล้า             เลิกคิดค้าเอาเปรียบเทียบแข่งขัน
ธารดวงจิตเอื้อเฟื้อเพื่อแบ่งปัน                             พี่น้องฉันคลายโศกอุทกภัย
ปลูกสำนึกคนละต้นส่งผลค้ำ                               หมั่นพรวนดินรดน้ำด้วยการให้
อาณาเขตทั่วแคว้นแดนทรงชัย                            คอยส่งคลื่นห่วงใยด้วยผูกพัน
เกิดชาติหนึ่งจงทำสิ่งล้ำเลิศ                   ก่อประเสริฐธรรมทานสมานฉันท์
ตราบจนดินกลบหน้าตัวจาบัล                             เกียรติสนั่นแซ่ซ้องก้องปฐพี
................................................... (13. พรชัย).............................................................
 
14. ชาญณรงค์ 
 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (14. ชาญณรงค์)
                ความทรงจำเป็นสิ่งที่สร้างสุข                               ย่อมดับทุกข์สร้างจิตให้แจ่มใส
ดับกิเลสการกระทำนำพ้นภัย                                               อยู่ที่ใจทำสิ่งที่น่าจดจาร
                บุญกุศลสร้างไว้ให้ฝังจิต                      จงนึกคิดตริตรองครองพื้นฐาน
ย่อมเกิดผลสังคมชื่นชมนาน                                                ด้วยเชี่ยวชาญความรู้อยู่ปลอดภัย
                จงซึมซาบต้นทุนบุญกุศล                     ได้ยินยลหนทางสร้างสดใส
มโนธรรมนำหนุนค้ำจุนใจ                                   ดับฟอนไฟพยาบาทอาฆาตคน
                ปลุกสำนึกลุกสู้สู่ความฝัน                    จิตยึดมั่นไม่กอบโกยโดยฉ้อฉล
ตราบยังมีชีวินต้องดิ้นรน                                     ไม่อับจนความสำเร็จเจตนา
                วางความทุกข์ทุกเรื่องอยู่เบื้องหลัง     ความมั่งคั่งจะมองเห็นเป็นเบื้องหน้า
ทั้งเบื้องซ้ายวางกาลีเคยบีฑา                                 ทั้งเบื้องขวาวางเทวษเหตุระทม
                จึงจัดเป็นจิตสำนึกที่เลิศหรู                  ระลึกรู้เรื่องราวที่สั่งสม
จะจดจำย้ำคิดจิตอุดม                                            ค่อยเพาะบ่มละลายห้วง-ลวง-หลอก-เลว
................................................... (14. ชาญณรงค์).............................................................
 
15. ภานุเดช
 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (15. ภานุเดช)
                ช่วงเวลาค่าชีวิตที่ติดอยู่                        สำนึกรู้ว่าสิ่งใดให้หม่นหมอง
มีสตินำปัญญามาตรึกตรอง                                  หันกลับมองดูว่าตนคนอย่างไร
                มิเคยสายถึงกาลพ้นหากตนนึก            จะรู้สึกถึงความชั่วตัวหมองไหม้
อยากลืมเลือนแต่ปัญหายังคาใจ                           กลับตัวใหม่ให้ทำดีมีราคา
                ประเทศเราเกิดวิกฤตที่ผิดผัน                               ทุกชีวันต่างเดือดร้อนซ้อนปัญหา
ทั้งแบ่งฝักแบ่งฝ่ายไร้ปัญญา                                 ทางข้างหน้าจะเยี่ยงไรในชาติเรา
                ทั้งปัญหาน้ำท่วมรวมความทุกข์          ช่างเป็นยุคที่คนไทยใจเหี่ยวเฉา
แต่ธรรมะชนะภัยไร้ซึ่งเงา                                    ชาติจะเบาซึ่งตัณหามากล้ำกราย
                น้ำใจไทยหลั่งไหลไปทั่วชาติ                              ผองเหล่าราษฎร์ร่วมผดุงสมมุ่งหมาย
ส่งปัจจัยส่งความรักสุดมากมาย                           ความเลวร้ายคลายหมดสิ้นถิ่นความดี
                ห้วยชีวิตที่เลยผ่านจารทรงจำ                               มโนสำนึกรักฟื้นศักดิ์ศรี
แผ่นดินไทยแสนงดงามข้ามเดือนปี                     สามัคคีสำนึกรู้อยู่ยืนนาน
................................................... (15. ภานุเดช).............................................................
 
16. พงศกร 
 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (16. พงศกร)
                มโนนึกสุดล้ำนำชีวิต                            อย่านึกคิดดีชั่วแต่ตัวเขา
สำนึกดีควรมีไว้ที่เรา                                             เพื่อนำเอาความดีที่มีมา
                จิตสำนึกมนุษย์สุดลึกล้ำ                       เลือกแต่ทำความดีกันเถิดหนา
ความดีชั่วที่สะสมตลอดมา                                   ช่วยนำพาความผาสุกมาให้เรา
                มนุษย์เรามีดีอย่าสิ้นหวัง                       เป็นกำลังเติมแต่งอย่ามัวเมา
มีความดีในใจไม่ขัดเศร้า                                      ไม่มัวเมาสิ่งเสพติดผิดมหันต์
                หากมนุษย์มีจิตคิดอาสา                        คงไม่ฆ่าไม่แกงไปวันวัน
เป็นคนดีต้องช่วยเหลือกันและกัน                      มิฉะนั้นจะไม่เหลือเลยคนดี
                อันตัวเราอย่าให้เขาคิดดูถูก                  เราทำถูกอย่าให้เขาว่าบัดสี
จะทำดีเรื่อยไปตราบชีวี                                        เพื่อชีวีสร้างสมประสบผล
                สำนึกในมโนธรรมอันล้ำเลิศ                               จึงก่อเกิดคุณธรรมนำกุศล
มีความดีในใจไม่อับจน                                        อันเล่ห์กลมีสุขไร้ทุกข์ภัย
................................................... (16. พงศกร).............................................................
 
17. สุขุมพันธ์ 
 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (17. สุขุมพันธ์)
                จิตสำนึกมนุษย์สุดล้ำลึก                       เลือกกระทำความดีกันเถิดหนา
มีความดีในใจตลอดมา                                         เหลือแต่ว่าเราจะทำกันหรือไม่
                แม้ว่าจะเลวหรือดีมากแค่ไหน             แต่จิตใจของคนเราก็ทำได้
อยู่ที่การกระทำมากเพียงไร                                 ฉะนั้นไซร้เกิดขึ้นอยู่ตามวิถี
                อยู่ที่มีความเสื่อมตามราคี                     จะชั่วดีสุดแล้วแต่ความดี
จะเลวทรามแค่ไหนก็ยังมี                                     เลือกกันสิ่งที่ดีในชีวิต
                แม้มโนนึกแนะแนวอย่างถูกต้อง         เพื่อนำความดีให้มาในจิต
มโนนึกมีไว้เพื่อให้คิด                                          เพื่อชีวิตที่ดีของตัวเรา
                หากแนะแนวทางถูกต้องอย่างท่องแท้                ชั่วดีแต่คุณธรรมไม่นำเขา
สร้างความดีเว้นความชั่วในตัวเรา                        เพื่อนำเอาความดีมาแทนคุณ
                สำนึกมโนธรรมสุดล้ำเลิศ                     มีความดีในใจไม่อับจุน
สุดล้ำเลิศประเสริฐเป็นเกิดคุณ                             มีบุญคุณต้องทดแทนแผ่นดิน
................................................... (17. สุขุมพันธ์).............................................................
 
18. จอมพล 
 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (18. จอมพล)
                จิตมนุษย์รู้ยากลำบากแท้                      ทำดีแต่คิดทรามยากหยั่งถึง
เลือกกระทำสิ่งดีให้ตราตรึง                                 ควรคะนึงไตร่ตรองกรองให้ยล
                หากมโนนึกแนะแนวทางอย่างถูกต้อง                ความชั่วหมองความดีมาพาเกิดผล
ขยันทำความดีไม่อับจน                                       เกิดเป็นคนหมั่นขยันทำความดี
                ถึงแม้ว่าจะเลวทรามมากเพียงไหน      ฉะนั้นไซร้เกิดขึ้นอยู่ตามวิถี
อยู่ที่เสื่อมความทรามตามราคี                                              แม้ที่ดีอาจจะมีคนเสื่อมทราม
                แม้ที่ทรามแต่ก็ยังมีคนดี                       เพราะเขามีคุณธรรมให้นึกถาม
ละความชั่วสร้างความดีให้นึกตาม                      ไม่ต้องถามใครนอกจากใจเรา
                หากชี้แนะแนวทางอย่างถูกต้อง           อย่าเห็นผิดเป็นชอบตามใจเขา
จะดีชั่วสุดแล้วแต่ตัวเรา                                        เพื่อนำเอาความดีมาในจิต
                อันจิตคนรู้ยากลำบากหนา                   ที่เขียนมาข้างต้นดลให้คิด
แม้ว่าดีหรือชั่วแล้วแต่จิต                                      แม้ว่าถูกหรือผิดแล้วแต่ตน
................................................... (18. จอมพล).............................................................
 
19. ภานุรุจ 
 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (19. ภานุรุจ)
                จิตทะนงเคยองอาจกลับพลาดพลั้ง                     แทบทอดนั่งหมดอาลัยใจหวั่นไหว
เพราะเคยคาดวาดชีวิตนั้นผิดไป                                          ตัวฉันไม่ใช่หนึ่งพึ่งได้คิด
                ที่เคยเตือนท่องจำว่าที่ดี                                        ล้วนมากมีหวานชื่นขื่นขมจิต
ทั้งสมหวังพลั้งพลาดนาถจงคิด                                            ชีวิตย่อมผันแผกแปลกกันไป
                เอหรือบีไม่สำคัญอย่าหวั่นนัก                             ไม่ประจักษ์คำมนุษย์สุดไขได้
ช่วยสังคมชมสิ่งดีมีน้ำใจ                                                      ทำคนให้ดีงามสมนามรู้
                ให้สมค่าสมนามว่าบัณฑิต                    ขอจงคิดตรองตรึกอย่านึกหรู
เป็นพิมพ์ที่ล้ำเลิศประเสริฐครู                                              น่าเชิดชูชีวาคำสุดงาม
                ถึงเรียนร่ำล้ำหน้าปัญหาหาญ                                วิชาชาญมากล้นจนคมขาม
ไม่สนใจสังคมคนบ่นทุกยาม                                               ทุกคดีความไม่ร่วมทำไม่ร่ำไร
                หารู้ไม่ในดวงจิตคิดผิดแล้ว                 เมื่อต้องแห้วเปิดประตูสู่โลกใหม่
เมื่อจบเป็นบัณฑิตนั้นจิตใจ                                  จะซึ่งในคุณค่าวิชาชนม์
................................................... (19. ภานุรุจ).............................................................
 
20. ภูมินทร์
 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (20. ภูมินทร์)
                จิตมนุษย์สุดคิดแสนลึกลับ                   มีกลอกกลับชั่วร้ายสุดฉ้อฉล
มโนนึกหลีกเลี่ยงสำนึกตน                                  โนกมลมีธรรมไม่เสียคน
                สำนึกในมโนธรรมสุดลำเลิศ                                จึงก่อเกิดคุณธรรมนำกุศล
มีความดีในใจไม่อับจน                                        มันเล่ห์กลมีสุขไร้ทุกข์ภัย
                จิตมนุษย์อยู่ลึกมองมิเห็น                     อาจกลายเป็นความชังเล่ห์หนักหนา
เพื่อนสนิทมิตรสหายไม่วายวา                             รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี
                มนุษย์นี้อยากได้เห็นแก่ตัว                   สันดานชั่วไร้สำนึกไร้ศักดิ์ศรี
ตัวเองได้คนอื่นเสียสุขมากมี                                                จึงต้องมีเวรกรรมชดใช้เอย
                สำนึกดีตอนนี้ยังไม่สาย                        ไม่วีวายที่หลังให้เดือดร้อน
หากคิดดีทำดีหมั่นตริตรอง                                  ไม่เศร้าหมองพึงกายตนเป็นคนดี
                มีสนิทมิตรสหายใช่ว่าผิด                      ให้หมั่นคิดรอบคอบดูให้ดี
หากมิตรคิดเจตนาพาราวี                                      ให้หลีกหนีตีห่างหลีกกายเอย
                อยากเดินในถนนของคนชั่ว                                อยากเมามัวเกลือกลั้วสิ่งเน่าเหม็น
อยากติดยามั่วเอดส์ตายทั้งเป็น                             อยากไม่เว้นกิเลสกรรมที่ทำมา
                แต่มโนสำนึกดังจิตไว้                           ห้ามไม่ให้เวรกรรมตามมาหา
ระงับตนดึงจิตคิดภาวนา                                      ธรรมรักษาพ้นจากกรรมนำหนทาง
................................................... (20. ภูมินทร์) .............................................................
 
21. ชุติพนธ์ 
 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (21. ชุติพนธ์)
                คนทุกคนเกิดมาต้องช่างคิด                 มันไม่ผิดที่เราทำถูกที่
ทำถูกทางนั่นแหละเป็นสิ่งดี                                 เป็นศักดิ์ศรีที่ดีต่อตัวตน
                เราทุกคนเกิดมาต้องต่อสู้                      เพื่อมุ่งอยู่ความหวังไม่สับสน
ดังคิดดีทำดีเรื่องความชน                                     จะไม่จนดังสู่ฟันฝ่าไป
                เราทุกคนจะต้องหาความฝัน                                เพื่อถึงวันถึงสู่ทางสดใส
เวลาคิดทำสิ่งใดต้องใช้ใจ                                     ต้องก้าวไปในทางถูกเส้นทาง
                ทุกชีวิตของเรานั้นมีค่า                         อย่าไปซ่าทำสิ่งที่ไม่สาง
ต้องคิดดีทำดีทำถูกทาง                                         เดินสายกลางนั้นแหละสิ่งควรทำ
                เวลาคิดทำสิ่งใดต้องใช้จิต                    คำนึงคิดตั้งจิตคิดจะทำ
เวลาทำสิ่งไม่ดีต้องจดจำ                                       ควรอย่าทำในสิ่งที่ไม่ดี
                จิตมนุษย์ทุกชนชั้นในมีค่า                   อย่าคิดฆ่าความฝันไม่เป็นศรี
ถ้าคิดดีกระทำดีการันตี                                         เป็นสิ่งดีตั้งมั่นไปแสนไกล
................................................... (21. ชุติพนธ์).............................................................
 
22. ณัฐพล
 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (22. ณัฐพล)
                มนุษย์เราล้วนมีจิตสำนึก                       จงตรองตรึกทำดีไม่มีหมอง
จิตตั้งมั่นทำดีถูกครรลอง                                     หันมามองตัวตนสุดหม่นใจ
                มนุษย์นั้นมีจิตใจที่มืดมิด                      มีความคิดแตกต่างเป็นนิสัย
มนุษย์ดีนั้นก็มีอยู่ถมไป                                        ชาติบรรลัยก็เพราะคนทำลาย
                เราทุกคนเกิดมาต้องฟันสู่                     อย่านิ่งอยู่ความฝันจะสลาย
สิ่งที่ดีที่คิดจะทำลาย                                              อย่าคิดสายต้องคิดและกระทำ
                พ่อแม่ครูบาสอนต้องจำ                        ต้องกระทำให้ถูกในกฎธรรม
ถ้าคิดผิดทำผิดจะได้กรรม                                    คิดเป็นธรรมนั้นแหละเป็นสิ่งดี
                มนุษย์ทุกผู้ทุกคนมีศักดิ์ศรี                   เราต้องมีพื้นฐานทั้งคิดดี
เราทุกคนทำสิ่งใดต้องสำนึก                                 เราต้องฝึกคิดดีเพื่อโปร่งใส
                เราต้องนำความรู้มาคิดใช้                     สู่ต่อไปเถิดนะจะก้าวไกล
คนทุกคนเกิดทั้งที่ต้องคิด                                    อย่าคิดใช้แต่สิ่งที่ไม่หมาง
................................................... ( 22. ณัฐพล  ).............................................................
 
23. ทศภณ 
 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (23. ทศภณ)
                จิตใจคนแสนลึกล้นจะค้นหา                               ซึ่งนำพาทั้งเหตุและทั้งผล
มีดีชั่วอยู่ในจิตใจคน                                             อยู่ทุกหนล้วนมีอยู่ข้างใน
                ทำชั่วนั้นทำง่ายเหมือนการคิด             แค่เราคิดก็ผิดอยู่ในใจ
ทำไม่ได้ใช่ว่าชั่วเสมอไป                                     ผิดที่ใจนั้นผิดอย่างแท้จริง
คนชั่วนั้นใช่ว่ากลับตัวยาก                   ถึงชั่วมากมายเพียงใดก็ง่ายยิ่ง
กลับตัวเป็นคนดีก็มีจริง                                      แม้จะทิ้งบางอย่างไปก็ตาม
เป็นคนดีมีความเพียรมานะ                  มีสัจจะในความคิดเมื่อใครถาม
เป็นคนดีมีน้ำใจใจดีงาม                                        คิดทำตามให้คนเป็นคนดี
                ความดีค้ำจุนโลกไร้โศกศัลย์                               สิ่งสำคัญประจำใจไม่หมางศรี
เพียงรู้คิดรู้กระทำแต่ความดี                                 โลกวันนี้มีสันติมิทุกข์ตรม
                คุณธรรมนำความงามค้ำจุนจิต             พาชีวิตไม่ผิดทางสร้างขืนข่ม
รู้พอเพียงเพียงพอไว้ไร้ระทม                                              หลุดจากตมมีความดีหากมีธรรม
................................................... (23. ทศภณ).............................................................
 
24. ปิยะธิดา
 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (24. ปิยะธิดา)
                จิตมนุษย์สุดคิดแสนลึกลับ                   มีกลอกกลับชั่วร้ายสุดฉ้อฉล
มโนนึกหลีกเลี่ยงสำนึกตน                                  ในกมลมีธรรมประจำใจ
                สันดานในตัวคนมีสองแพร่ง                                แม้กล้าแกร่งก็ยังมีเผลอไผล
พลาดและหลงทำความชั่วเมามัวไป                    หากคิดได้กลับตัวไม่สายเกิน
                อยากเดินในถนนของคนชั่ว                                อยากเมามัวเกลือกกลั้วสิ่งเน่าเหม็น
อยากติดยามั่วเอดส์ตายทั้งเป็น                             อยากไม่เว้นกิเลสกรรมที่ทำมา
                แต่มโนสำนึกดังจิตไว้                           ห้ามไม่ให้เวรกรรมตามมาหา
ระงับตนตั้งจิตภาวนา                                            ธรรมรักษาพ้นจากรรมนำหนทาง       
                ชีวิตคนมีทั้งดีและชั่ว                            มีเกลือกกลั้วสิ่งเห็นและไม่เห็น
เมื่อทำตัวไม่ดีอย่างที่เป็น                                      กรรมจึงเห็นตอบสนองไม่รอรี
                ห้วงมโนสำนึกทำให้คิด                        ผลักดันจิตไม่ให้คิดเรื่องอัปรีย์
ชีวิตจะอยู่ได้สุขเปรมปรีดิ์                                    เมื่อชีวีสำนึกดีศรีแก่ตน
................................................... (24. ปิยะธิดา).............................................................
 
25. อดิศักดิ์
 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (25. อดิศักดิ์)
                จิตมนุษย์ผูกคิดมิตรสหาย                     สุขสบายกายใจไม่หม่นหมอง
เพื่อนชวนคิดริเริ่มพาไปลอง                                               คึกคะนองทำชั่วมั่วมัวเมา
                จิตถูกดึงตรึงติดคิดความชั่ว                 ถูกยวนยั่วเย้ายวนชวนดื่มเหล้า
ชักพาไปมั่วสุมของมึนเมา                                    จิตใจเศร้าขื่นขมหมดทางเดิน
                วันเริ่มเปลี่ยนเวียนผ่านพาใจคิด           ไม่ยึดติดกับเส้นทางอันหมองเมิน
เริ่มหาทางก้าวไปในทางเดิน                                                ต้องเผชิญโลกความจริงสิ่งจูงใจ
                อันชีวิตพินิจได้ดั่งใจหวัง                     สร้างพลังผลักดันไม่หวั่นไหว
มีชีวิตเกิดมาสู้คู่แรงใจ                                           ให้ก้าวไปในสิ่งที่ต้องการ
                มโนธรรมสุดล้ำนำกุศล                        ผลักใจตนมุ่งมั่นหมั่นสมาน
สำนึกจิตหลีกเลี่ยงเขี่ยสันดาน                              เกี่ยวกับพาลให้พ้นผ่านไร้ทุกข์ภัย
                แต่เมื่อใดนึกคิดจิตทำชั่ว                      ใจเมามัวมั่วไปถอยไม่ไหว
ให้ควรคิดพินิจในจิตใจ                                        ห้วงแห่งในมโนธรรมนำใจคน
................................................... (25. อดิศักดิ์).............................................................
 
26. พรรณนิภา 
 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (26. พรรณนิภา)
                ห้วงแห่งมโนธรรมสำนึก                      คอยระลึกตระหนักอยู่เสมอ
ให้ทำดีอย่าทำชั่วขออย่าเผลอ                                               อย่าได้เผลอคิดไปได้กระทำ
                สำนึกของคนเรามีมากหลาย                 จงอย่าอายทำดีไม่น่าขำ
การทำดีอย่างได้ห่วงบาปกรรม                           จริยธรรมทุกข์ร้อนไม่ผ่อนปรน
                ทำดีย่อมได้ดีจงตระหนัก                     ให้ประจักษ์ในสำนึกอย่าสูญหาย
ทำชั่วย่อมได้ชั่วมุ่งทำลาย                                     ใจและกายทุกข์ร้อนไม่ผ่อนปรน
                การเดินทางมีทั้งดีและทั้งชั่ว                                ทางมืดมัวมีมากให้สับสน
เมื่อรู้ผิดจงรีบให้กลับตน                                      อย่าให้ผลของกรรมได้นำใจ
                สำนึกของมนุษย์สุดลำเลิศ                    เป็นบ่อเกิดคุณธรรมน่าเลื่อมใส
มีความดีนำทางให้ก้าวไป                                     สำนึกในจิตใจของตนเอง
                ห้วงแห่งความดีนั้นมักทำได้                                ทำจิตใจบริสุทธิ์ไม่หวั่นเกรง
ทำความดีมีความสุขสนุกครื้นเครง                      เตือนตัวเองให้สำนึกถึงความดี
................................................... (26. พรรณนิภา).............................................................
 
27. สุธาสินี 
 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (27. สุธาสินี)
                จิตมนุษย์วกวนน่าค้นหา                                       กาลเวลาพาไปน่าสงสัย
จิตมนุษย์ลึกลับนำพาไป                                                       แล้วแต่ใครมุ่งหวังในสิ่งดี
                ขณะหนึ่งไม่คิดดีหรือชั่ว                                      สิ่งเมามัยทั้งหลายไม่หลีกหนี
เขาชวนดื่มชวนกินสิ่งไม่ดี                                   คงไม่มีจิตสำนึกคิดตรึกตรอง
                สิ่งมัวเมาทั้งหลายไม่เคยดื่ม                  ก็ยังลืมสัญญาที่เคยให้
ว่าไม่ดื่มไม่เมาบอกใครใคร                                 แต่ตอนนี้ไม่ทำเหมือนอย่างเคย
                ทำความดีไม่ยากเหมือนอย่างคิด                         ทั้งถูกผิดคิดเป็นอย่านิ่งเฉย
อย่าคิดว่าคนอื่นนั้นไม่เคย                                    ทำความผิดติดตัวมาเหมือนกัน
                ตั้งตัวใหม่คิดดีอย่างที่คิด                                      ทำความผิดใช่ว่าคนเดียดฉันท์
ความผิดเล็กน้อยให้อภัยกัน                                 ไม่มีใครกีดกันเข้าสังคม
                จากนี้เป็นคนใหม่ไม่เหมือนก่อน                        ไม่ใจอ่อนให้สุราพาขื่นขม
ครอบครัวเราสุขใจพารื่นรมย์                                              ให้สุขสมทำตนเป็นคนดี
................................................... (27. สุธาสินี).............................................................
 
28. ดลวิทย์ 
 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (28. ดลวิทย์)         
                เมื่อไม่ตั้งใจเรียนเพียงฝึกฝน                                ไม่รักตนเตรียมจิตคอยผิดหวัง
รอบคอบในชีวิตคิดระวัง                                     เมื่อพลาดพลั้งตั้งตนใหม่ไม่สายเกิน
                มีมโนระลึกถูกและผิดได้                     ไม่ว่าใครก็มีแต่สรรเสริญ
สำนึกรู้ทำความดีจักจำเริญ                                   งดความชั่วทำความดีเป็นสิ่งแทน
                ใช้ชีวิตอย่างรอบคอบไม่พลาดพลั้ง    ไม่ประมาณเห็นความชั่วเป็นสิ่งดี
ชีวิตนี้จะได้ไม่ตกต่ำ                                             เมื่อพลั้งตนไปอยู่ในความมืด
                จงรีบกลับตั้งตัวยังไม่สาย                    หันมาทำความดีแทนความชั่ว
ถ้าสำนึกชีวิตจะเจริญ                                            คิดรอบคอบจึงค่อยตัดสินใจ
                ทำความดีไม่ทำชั่วเป็นแทน                 จะเห็นผลขึ้นอยู่กับตัวเรา
แม้ใครว่าคอมดีนั้นทำยาก                                    ถึงจะยากเพียงใดใจต้องทำ
                เมื่อสำนึกตั้งใจเรียนฝึกฝน                    ไม่เอาตนไปเกี่ยวกับความชั่ว
ถ้าทำได้ชีวิตไม่พลาดพลั้ง                                    ทำความดีนั้นแลเป็นยอดดี
................................................... (28. ดลวิทย์).............................................................
 
29. พิรัณ 
 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (29. พิรัณ)
                ในชีวิตเรายังมีเรื่องอีกมาก                   ถ้าเราอยากจะรู้ว่าอยู่ไหน
วันข้างหน้าเรายังมีจงสู้ไป                                    อย่าใส่ใจกับอดีตที่ผ่านมา
                จงรักเรียนมากกว่าสิ่งไหนไหน           เพราะเราได้ความรู้มากมายหนา
และยังได้ความรู้เสริมเติมวิชา                              เรียนรู้มามากมายให้อดทน
                และอย่าคิดริรักในวัยเรียน                   เหมือนจุดเทียนเอาไว้กลางสายฝน
เพราะอาจทำให้ชีวิตนั้นมืดมน                             ถ้าหลงกลกับความสุขที่ไปเผลอ
                ให้ตั้งใจเรียนหนังสือหาความรู้            ที่จะอยู่คู่เราไปเสมอ
อันความรู้จากหนังสือคือเพื่อนเกลอ                   ให้เราเจอกับโลกกว้างทางมั่นคง
                คำว่าเพื่อนจะเตือนใจไม่ให้ท้อ            คำว่าพ่อจะเตือนใจไม่ให้หลง
คำว่าแม่จะเตือนใจให้จำนง                                  ต้องยืนยงทุกคำจำให้ดี
                ชีวิตเราก็เหมือนสัตว์ตัวน้อย                                ที่เฝ้าคอยชะตากรรมทุกข์สุขี
อนาคตเรารออยู่จำให้ดี                                         เพื่อคนที่เรารักและครอบครัว
................................................... (29. พิรัณ).............................................................
 
30. ประภัสสร 
 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (30. ประภัสสร)
                จิตมนุษย์สุดคิดแสนลึกลับ                   มีกลอกกลับชั่วร้ายสุดฉ้อฉล
มโนนึกหลีกเลี่ยงความคิดตน                                              ในกมลมีธรรมประจำใจ
                สร้างกุศลทำตนให้ห่างชั่ว                     ไม่เมามัวทำตัวคิดเผลอไผล
หากจิตดีทำดีอย่าสนใคร                                      จะดีแย่แค่ไหนเพราะทำตัว
                แม้นกายดีประพฤติร้ายใครเล่าสน      มิเกิดผลเฉกเช่นคนเหมือนกันทั่ว
ทั้งเมามัวทำชั่วน่าปวดหัว                                     มิเกรงกลัวบาปกรรมอีกตัณหา
                อันเวลาล่วงไปใครหยั่งรู้                      ไม่คงอยู่คิดดูน่าใจหาย
ไม่เหมือนดั่งนาฬิกาเรือนที่ตาย                           จะมลายหรืออยู่ต้องพึ่งคน
                แม้ว่าใจในห้วงแห่งมโนนึก                 จะช่วยฝึกสอนคนให้เกิดผล
ก็ยากนักสำหรับใจของผู้คน                                 จงเตือนตนให้ตั้งมั่นหมั่นสู้ทน
                ผู้รู้ดีมีน้อยค่อยศึกษา                             เพื่อวันหน้าใช้ปัญญาเร่งฝึกฝน
เรื่องดีแย่รู้แก่ใจในกมล                                        เกิดเป็นคนควรรู้ค่าของตนเอย
................................................... (30. ประภัสสร).............................................................
 
31.ศุภวิชญ์ 
 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (31. ศุภวิชญ์)
                จิตสำนึกมนุษย์สุดลึกล้ำ                       เลือกกระทำความดีกันเถิดหนา
สัตว์โลกมีกรรมเวรแต่นานมา                             โปรดเมตตาเผื่อแผ่ให้แก่กัน
                ทั้งความดีความชั่วอยู่ที่ตัว                    จะดีชั่วสำนึกต้องพัวพัน
ซื่อสัตย์สามัคคีสมานฉันท์                                    เป็นสำคัญควรยิ่งพึงกระทำ
                ปฏิบัติความดีมีจดจำ                             ประพฤตินำกระทำเป็นแบบอย่าง
สัจธรรมที่มีช่วยเสริมสร้าง                                   ไม่บาดหมางสืบทอดตลอดไป
                สังคมไทยอยู่เย็นและเป็นสุข                               ไม่เป็นทุกข์ตั้งมั่นและไว้ใจ
ไม่รักไทยคนไทยจะรักใคร                                                จดจำไว้คนไทยต้องรักกัน
                การดูคนควรดูที่ภายใน                        อยู่ภายใต้สำนึกที่ยืนยัน
อยู่ที่ใจของใครก็ของมัน                                      ความตั้งมั่นกระทำแต่ความดี
                สังคมไทยปราศจากสิ่งหมองมัว          เป็นเจ้าสัวที่ต้องมั่งมี
เป็นราศีที่ดีให้สังคม                                              ช่วยคนจนให้เจริญสุขชื่นบาน
................................................... (31. ศุภวิชญ์).............................................................
 
32. เวฬุวัน 
 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (32. เวฬุวัน)
                ห้วงมโนสำนึกใต้ใจจิต                         มีความคิดควรทำหมั่นฝึกฝน
มีความจริงชีวิตจงจำทน                                       เกิดเป็นคนกระทำดีพร้อมพลีกาย
                ให้ระแวงภายหน้าอย่าหลงใหล           หวังสิ่งใดไว้มาในจุดหมาย
จะได้เจอคู่แข่งอีกมากมาย                                    มันอาจคลายความคิดจนหมดไป
                ควรช่างคิดช่างฝันหมั่นศึกษา                               พัฒนาตั้งตนอย่างสร้างสรรค์
สิ่งเลวร้ายจะนำมาในคืนวัน                                 จะผ่านฝันพัดพาถึงที่หมาย
                ค่านิยมบัดนี้มีมากนัก                            จงรู้จักดีชั่วรู้สหาย
จะคบดีทำดีรู้คับอาย                                             แม้ชีพวายไม่เลือนหายไปจากตน
                ห้วงมโนสำนึกดีชอบชั่ว                       จะทำตัวดีเลยหรือสิ่งไหน
เป็นผู้ดีมีชาติจากปางใด                                        แต่ไฉนมีดีอยู่ที่ตัว
                ควรรอบคอบชีวิตจะมีสุข                    หมดความทุกข์ความกลัวมืดสลัว
อันตัวตนความจริงที่เมามัว                                  อย่าได้กลัวความดีนั้นหมดไป
................................................... (32. เวฬุวัน).............................................................
 
33. ณัฐวุฒิ 
 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (33. ณัฐวุฒิ)
                เมื่อเราจนทนอยู่สู้ชีวิต                          นั่งควรคิดหาทางออกแก้ปัญหา
อนาคตขึ้นอยู่กับโชคชะตา                                  เมื่อเรามาจนถึงเพียงแค่นี้
                ตั้งใจเรียนพากเพียรไม่ย่อท้อ                               จงสู้ต่อไม่ขออยู่ตรงที่นี้
แม้ว่าใครจะกล้ามาราวี                                          นึกให้ดีวีรชนของคนไทย
                เราเกิดมาเป็นคนต้องทนสู้                    ไม่เคยอู้สู้เรียนเพียรศึกษา
เพิ่มพูนชีวิตความคิดและปัญญา                          ให้มีค่าติดตัวชั่วชีวา
                ดีที่คิดที่ฝันแล้วทำได้                            อยู่ที่ใจของเราต้องไขว่คว้า
การที่เราต้องทนสู้ตามมันมา                                                เพื่อจะหาอนาคตอันสดใส
                วิ่งสู่ฝันอันชีวาตามหาจิต                       มโนผิดหรือว่าถูกจำผูกใจ   
หากว่าเราทำตัวดีแล้วนั้นไซร้                                               คงจะใกล้ไปให้ถึงซึ่งความฝัน
                คนนั้นมีวิธีคิดอันผิดแปลก                  ไม่ค่อยแยกถูกหรือผิดคิดไยกัน
อนาคตมันก็เปรียบเหมือนแสงจันทร์                 เดินตามฝันเส้นทางนั้นยังไม่ไกล
................................................... (33. ณัฐวุฒิ).............................................................
 
34. ธีรรัตน์ 
 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (34. ธีรรัตน์)
                จะดีชั่วรู้ตัวว่าถูกผิด                              ส่งเสริมจิตรำลึกระทึกรู้
เมื่อทำจิตคิดไว้ให้เป็นศัตรู                                   สอนตนอยู่ให้รู้ระวังพาล
                ครั้งเกียจคร้านงานใดให้ใคร่คิด          จงตั้งจิตเสาะหาพาแก่นสาร
สร้างความรู้คู่เป็นคิดนิรันดร์กาล                        สร้างเป็นฐานก้าวหน้าแห่งมโน
                จงส่งเสริมความคิดพินิจถูก                  จะช่วยปลูกพรรณนาพาลความโง่
แตกกิ่งก้านร่มใจเช่นใบโพธิ์                                                ขจัดโง่เขลาเราให้เบาคลาย
                จงทำดีให้คนได้พบพักตร์                    ดังพิทักษ์รักษ์ไว้ไม่รู้หา
จงคิดดีแม้นถูกพรากจากวางวาย                          มิรู้หน่ายธำรงไว้ในความดี
                หากมโนชั่วมั่วสถานกาลผิด                 จะตามติดแม้กายวายกลายหนี
มโนพาลพาลสร้างคิดให้คลุกคลี                         ให้โลกีเคล้าคิดติดแหนงหน่าย
                มโนชั่วทำตัวจะต่ำตก                           ให้พกผันแย่ซ้ำช้ำมากหลาย
มโนดีมีสุขแสนมากมาย                                        สบายกายอยู่แต่ดีมีสุขจริง
................................................... (34. ธีรรัตน์).............................................................
 
35. พีระวิชญ์ 
 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (35. พีระวิชญ์)
 
                เกิดเป็นคนต้องตั้งใจใฝ่เรียนรู้             ตั้งใจดูหนังสือเรียนเพียรฝึกฝน
ไม่ตั้งใจคงเสียชาติเกิดเป็นคน                             ต้องสู้ทนอุปสรรคมิห่างเหิน
                คนจะดีหรือไม่ดีอยู่ที่จิต                      อย่าได้คิดกระทำตนแล้วทนเมิน
เป็นคนดีเราก็ควรจะสรรเสริญ                            ความเจริญจะมาอยู่คู่ตัวเรา
                มีมโนสำนึกถูกหรือผิดได้                    ในหัวใจของตัวตนจนใจเจ้า
เป็นคนดีหรือคนชั่วจงเลือกเอา                           สุดแต่เจ้าจะได้คว้ามาหาตน
                คิดให้ดีแล้วก็ดูว่าถูกผิด                        เรามีสิทธิ์จะเลือกทำตามใจคน
ไม่ว่ามีสิ่งกีดขวางเราต้องทน                                               เราเป็นคนมิใช่ควายอายหมามัน
                ที่ต้องคอยมาทำตามใจผู้อื่น                  สุดจะฝืนมโนจิตคิดแปลผัน
ทำตามมันแล้วจะได้อะไรกัน                                              มีความฝันให้คว้ามาอย่าใส่ใจ
                หากทำตามมโนจิตสำนึกถูก                 ชีวิตผูกกับด้ายแดงแห่งโคมไฟ
แสงสว่างจะนำทางพาเราไป                                 สุดแต่ใจจะไขว่คว้าหาดวงดาว
................................................... (35. พีระวิชญ์).............................................................
 
36. ธนวัฒน์
 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (36. ธนวัฒน์)
สำนึกรักแผ่นดินถิ่นที่อยู่                      ให้เคียงคู่กับเราเขาทั้งหลาย
รักษาให้ได้อยู่ข้างกาย                                           ตราบชีพวายข้างกายคือแผ่นดิน
สำนึกรักพ่อแม่มิห่างหาย                      อย่าได้กลายทรพีทั้งสิ้น       
รักท่านเป็นห่วงท่านอย่างอาจิณ                           น้ำนมกินทุกหยดก็เพราะใคร
สำนึกรักเพื่อนคิดมิตรเพื่อนยาก          ยามเพื่อนจากไปไกลใจเฝ้ารอ
กลับมาพบกันใหม่ในวันขอ                                                วอนจันทร์ต่อขอเรามาพบกัน
สำนึกรักสังคมต้องทนหมั่น                 คอยบากบั่นดูแลให้ทุกวัน
ป้องกันภัยทุกคนให้รู้กัน                                      ถึงวันนั้นสิ่งดีก็ตามมา
สำนึกรักป่าไม้ธรรมชาติ                       ไม่ให้ขาดความรักที่มีให้
ปลูกต้นเล็กหรือเป็นต้นไม้ใหญ่                          ไม่ว่าใครก็รักษาอยู่คู่โลก    
สำนึกรักตัวเราอย่าได้หนี                     เป็นศักดิ์ศรีความดีไม่มีโศก
รักษาตนอยู่รอดโดยไร้โรค                                 จะได้โบกมือลาชั่วทั้งปวง
................................................... (36. ธนวัฒน์).............................................................
 
37. ศุภวรรณ 
 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (37. ศุภวรรณ)
                อยากเดินทางในถนนของคนชั่ว          อยากเมามัวเกลือกกลั้วสิ่งเน่าเหม็น
อยากติดยามั่วเอดส์ตายทั้งเป็น                             อยากไม่เว้นกิเลศกรรมที่ทำมา
                แต่มโนสำนึกดังจิตไว้                           ห้ามมิให้เวรกรรมตามมาหา
ระวังตนตั้งจิตภาวนา                                            ธรรมรักษาพ้นจากกรรมนำชีวา
                ต้องทำดีให้เป็นศักดิ์และศรี                  อย่าคลุกคลีสิ่งไม่ดีไร้คุณค่า
ต้องพึ่งพาตัวเองประจักษ์นา                                                ต้องศึกษาให้รู้สิ่งดีงาม         
                เป็นไปตามวิถีชนชาวไทย                    ไม่ฝักใฝ่ทำชั่วหมดหนทาง
หากต้องเดินเดินตามทางสายกลาง                       ไม่สำอางนั้นแหระคุณงามดี
                ทางชีวิตคิดไปล้วนมีศักดิ์                     ไม่กระอักกระอวนสานศักดิ์ศรี
ดำเนินชีวิตมีสุขสันต์เปรมปรีดิ์                            ต่างสุขีมีสุขหมดภัย
                อันมนุษย์อยากให้เขาได้ดูถูก                               เราควรปลูกสำนึกที่ตรงไหน
เราต้องทำดีทีแรกคือจิตใจ                                   ถ้าใครใครเขาเห็นต่างเยินยอ
................................................... (37. ศุภวรรณ).............................................................
 
38. ทัศไนย 
 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (38. ทัศไนย)         
                ในห้วงแห่งความมีจิตสำนึก                 เพื่อรู้ฝึกปรับปรุงตัวที่มัวหมอง          
คนทุกคนล้วนมีหลายทำนอง                                              เราต้องกรองกลั่นความดีที่มีมา
                เราทุกคนล้วนมีหลายความคิด             อยู่ที่จิตคิดไปสุดไกลฟ้า
คิดปรับปรุงจิตใจแต่นั้นมา                                  ใครจะหาว่าคิดแปลกก็ช่างเขา
                เป็นคนดีไม่ดีอยู่ที่เรา                            อย่าให้เขาติฉินนินทาเรา
ทำสิ่งใดสุดแล้วแต่ใจเจ้า                                       จงเลือกเอาทางที่ดีมีให้เดิน
                เมื่อคิดดีต้องมีคนสรรเสริญ                 อาจพบเผชิญเรื่องร้ายที่ไม่ดี
สักวันต้องได้ดีมีสุขี                                              มีวันนี้ที่ดีคอยตรงหน้า
                สิ่งที่ทำในวันนี้จำเริญจิต                       เพียงแค่คิดก็สุขใจดีหนักหนา             
กับสิ่งที่ได้เพียรภาวนา                                          ไกลสุดฟ้าต้องมีแน่ใจแท้จริง
                ทุกทุกสิ่งในวันนี้ต้องสำเร็จ                 ฉันจะเก็บประสบการณ์ทุกทุกสิ่ง
มีแต่ความดีอันดียิ่ง                                                                ทุกทุกสิ่งนี้ดีมีแต่เรา
................................................... (38. ทัศไนย).............................................................
 
39. วณยศ 
 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (39. วณยศ)
                ห้วงมโนสำนึกแห่งความคิด                 เกิดจากจิตคนเราไม่เศร้าหมอง
จะคิดทำสิ่งใดดั่งใจปอง                                       ไม่หม่นหมองรู้จักชอบชั่วดีใจ
                มนุษย์ยากแท้จะคาดหมาย                    เป็นบั้นปลายให้ชีวิตนั้นผ่องใส
ชั่วและดีอยู่ใกล้ขั้วหัวใจ                                       แล้วเหตุใดไม่รีบเร่งทำดีกัน
                จิตมนุษย์นั้นไซร้ยากหยั่งถึง                                พึงสำนึกชั่วดีไม่แปรผัน
หากทำชั่วไม่ต้องกลัวกรรมตามทัน                    ทุกสิ่งอันเป็นไปตามวิถีกรรม
                ดีหรือชั่วอยู่ที่จิตสำนึก                         พึงระลึกทำสิ่งดีทุกสิ่งอัน
จะถึงวันไปที่สุดของความฝัน                              กี่ร้อยพันก็ไม่ต่างคุณความดี
                ตั้งแต่เติบโตมาถึงวันนี้                         สิ่งดีดีคงผ่านมาพาสุขี
จะเป็นสิ่งทำให้จิตเปรมปรีดิ์                                                เพราะความดีที่ทำค้ำจุนใจ
                ดีหรือชั่วอยู่ที่จิตคิดเอาเถิด                  ก่อกำเนิดสิ่งผลพาสดใส
ดีและชั่วอยู่ติดตัวไม่จากไกล                                              ถึงอย่างไรชั่วดีอยู่ที่ตน
................................................... (39. วณยศ).............................................................
 
40. จเรวัฒน์ 
 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (40. จเรวัฒน์)
                จิตสำนึกมนุษย์สุดลึกล้ำ                       เลือกกระทำความดีกันเถอะหนา
สัตว์โลกมีกรรมเวรแต่นานมา                             โปรดเมตตาเผื่อแผ่ให้แก่กัน
                เป็นมนุษย์เป็นได้เพราะใจสูง                               เหมือนนกยูงมีดีที่สีสัน
กาลเวลามาให้วัยเปลี่ยนผัน                                  จงดับขันธ์ดับกิเกสต้นเหตุคลัง
                เมื่อไม่ตั้งใจเรียนเพียรฝึกฝน                                ไม่รักตนเตรียมจิตควรผิดหวัง
รอบคอบในชีวิตคิดระวัง                                     เมื่อพลาดพลั้งตั้งต้นใหม่ไม่สายเกิน
                มีมโนระลึกถูกผิดได้                            ไม่ว่าใครก็มีจะแต่สรรเสริญ
สำนึกรู้ทำความดีจงจำเริญ                                    ขยับเดินก้าวหน้าตามฝันเรียน
                อันบัณฑิตรู้จักการอ่านเขียน                                เพื่อเป็นเกียรติตัวเองดุจดั่งเทียน
บัณฑิตบอกตัวเองต้องหมั่นเพียร                        จนร่ำเรียนสำเร็จวิชาการ
                ใจสะอาดใจสว่างใจสงบ                       ถ้ามีครบควรเรียกมนุสาร
ต้องรู้จักขัดเกลาอย่างประมาณ                            อย่าเกียจคร้านติดตัวจนตัวตาย
................................................... (40. จเรวัฒน์).............................................................
 
41. ศิวพันธุ์ 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (41. ศิวพันธุ์)
                จิตมนุษย์นี้ไซร้จะหยั่งถึง                     คิดคำนึงวันข้างหน้าจะสดใส
เมื่อทำดีจะติดตัวเราไป                                         อยู่ที่ใจของเราคือความดี
                ถึงวันนี้ตัวเราจะสิ้นหวัง                       แต่เรายังมีความดีเป็นศักดิ์ศรี
ไม่ทำชั่วคิดทำแต่ความดี                                      จะเป็นที่ยกย่องของปวงชน
                เราเกิดมาทั้งทีต้องมีหวัง                       ไม่คิดทำความชั่วให้ขัดสน
ทำต่อไปความดีไม่อับจน                                     เกิดเป็นคนจะต้องหมั่นทำดี
                แม้นชีวิตของคนเราจะหม่นหมอง       คิดปองดองไว้เถิดเป็นวิถี
รู้จักรักรู้จักสามัคคี                                                                สร้างความดีเก็บไว้คอยคุ้มครอง
                แม้คนไทยวันนี้จะลุ่มหลง                    วันหน้าคงมีแต่ความเศร้าหมอง
ช่วยกันเก็บรักษาเถิดพี่น้อง                                  ช่วยไตรตรองชวนกันทำดีต่อไป
                ถึงวันนี้คนเราจะหม่นหมอง                 สักวันต้องพบเจอความสดใส
นี่แหละคือผลความดีจะติดไป                              จำเอาไว้ความดีไม่ลืมเลือน
................................................... (41. ศิวพันธุ์).............................................................
 
42. บัณฑิต 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (42. บัณฑิต)
                ใจมนุษย์ยากนักจะหยั่งถึง                    คิดคะนึงไตร่ตรองให้ถี่ถ้วน
ปากว่าอย่างใจอย่างจักเรรวน                                               คิดทบทวนคบใครให้ไตร่ตรอง
                หลงคารมงมงายเพราะลมปาก             จักลำบากกายใจให้มัวหมอง
คิดคบหาผู้ใดอย่าแต่มอง                                      ใช้สมองคิดตรองให้รอบคอบ
                ใจมนุษย์ลึกลับเหนือกำหนด                               บ้างคดโกงบ้างดีมีถมเถ
เป็นคนดีอย่าได้ไปเกเร                                         ไปเสเพเที่ยวเตร่เหมือนอย่างใคร
                เกิดมาทีเอาดีให้จงได้                            ให้คิดใช้ความดีเตือนจิตใจ
หมั่นทำดีให้ใจได้ผ่องใส                                      เลือกคบใครดูใจใช่ใบหน้า
                คิดคบใครอย่าได้ไปหลงผิด                                เหมือนชีวิตเลือกทางที่ชั่วดี
หากเชื่อง่ายเสียง่ายเหมือนของฟรี                       ทำตัวดีคิดดีอย่าได้กลัว
                ชีวิตตอยู่ได้ไม่นานนัก                         จงรู้จักหาดีเข้าใส่ตัว
หากหลงผิดคิดคบกับคนชั่ว                                 เปรียบเหมือนวัวเหมือนควายไม่อายรือ
................................................... (42. บัณฑิต).............................................................
 
43. อลงกรณ์ 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (43. อลงกรณ์)
                มนุษย์นี้มีทางอยู่สองทาง                      ทางสว่างทางมืดเลือกทางไหน
มีสำนึกจงคิดดีทำดีไป                                          ก่อนจิตใจมนุษย์นั้นจะตาย
                จิตสำนึกคอยบอกสั่งสอนจิต                               หากคิดผิดเดินผิดทางฉิบหาย
จงสำนึกจดจำจนวันตาย                                       ทางฉิบหายทางบุญคุณเลือกเอง
                เกิดเป็นคนมีสุขและมีเศร้า                    จงสู้เขาเราต้องอย่าหลงละเลง
สำนึกเอาไว้ว่าอย่าหวาดเกรง                                                เราจะเก่งถ้าเรานั้นต่อสู้เอา
                ชีวิตเราทุกคนนั้นมีค่า                           อย่าคิดว่าจะทำไม่ถึงเขา
เราจงทำเพื่อพ่อแม่เพื่อตัวเรา                                                มีหนักเบาต้องสู้มุ่งเดินไป
                จงขอคำชี้นำจากพ่อแม่                         อย่าท้อแท้อดทนไม่หวั่นไหว
ท่านพร่ำสอนทุกสิ่งอันนำไปใช้                          จงก้าวไปให้ถึงชัยด้วยความดี
                สำนึกไว้คิดถึงสิ่งผิดชอบ                     ต้องรอบคอบต่อสู้อย่าหน่ายหนี
ต้องทำแต่คุณงามและความดี                                               แล้วชีวีของเราจะสดใส
                ห้วงแห่งจิตใต้สำนึกอยู่คงมั่น                              สุขและสันต์อยู่ที่มันว่าดีไหม
หากทำชั่วชีวิตจะบรรลัย                                      ทำดีไซร้เจริญแท้อยู่ยั่งยืน
 
................................................... (43. อลงกรณ์).............................................................
 
44. วรัญชนา 
 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (44. วรัญชนา)
                เราเกิดมาแตกต่างและหลากหลาย       จะคิดดีคิดร้ายวุ่นสับสน
แม้นเกิดมายากดีหรือมีจน                                    ความเป็นคนล้วนมีเท่าเทียมกัน
                ความรู้สึกนึกคิดของคนเรา                  จะแสนเศร้าแสนสุขหรือโศกสันต์
ทุกคนต่างเคยผ่านมาเช่นกัน                                 ความโศกสันต์ไม่นานจะจากลา
                คนทุกคนล้วนมีจิตสำนึก                     เมื่อตรองตรึกคิดดูจะรู้หนา
ถ้าคนเราคิดดีมีเมตตา                                            คงคลาดคลากิเลสเผาผลาญใจ
                ประพฤติตนให้รื่นเริงและสนุก           ชีวิสุขงดงามและสดใส
รอดพ้นจากกิเลสซึ่งเป็นภัย                                  สุดแต่ใจคนเราจะเลือกทาง
                ในชีวิตทางเลือกมีมากนัก                    สุดแต่จักประพฤติและสรรสร้าง
หากคนเราไร้ซึ่งรู้แนวทาง                                    ทุกคนต่างอกตรมระทมใจ
                แต่หากเรารู้จักหาความรู้                       เพื่ออุ้มชูจิตสำนึกให้เฉิดฉาย
อีกไม่นานความสุขจะกล้ำกลาย                          ให้สบายทั้งจิตใจและกายตน
................................................... (44. วรัญชนา).............................................................
 
45. วิกรม
ห้วงแห่งมโนสำนึก (45. วิกรม)
 
                มนุษย์เราเกิดมาไม่เหมือนนัก                               จงตระหนักคิดว่าหาเหตุผล
อย่าจ้องผิดคิดร้ายเป็นมงคล                                 หาเหตุผลใช่ว่าจะไม่มี
                คุณความดีชอบทำเป็นนิสัย                  ฝึกวินัยปลูกฝังในสิ่งดี
ต้องระวังรักตัวอย่าบัดสี                                       จะอัปรีย์ภายหลังก็สมควร
                สังคมเราใช่ว่าจะไม่ดี                            มีทั้งดีทั้งร้ายหลายเหตุผล
อย่าลุ่มหลงในสิ่งไม่มงคล                                    หาเหตุผลใช่ว่าจะไม่มี
                มีศักดิ์ศรีอยู่ในตัวควรรักษา                 เสียเวลาควรรักษาอย่าห่างหนี
ทุกชีวิตมีค่าอย่าชีวี                                                                รักศักดิ์ศรีรักชีวีให้ยาวนาน
                ชีวิตคนทุกคนนั้นมีค่า                          ต้องรักษารักตัวอย่ามัวหมอง
ชีวิตคนทั้งชีวิตต้องปกครอง                                               อย่ามัวหมองในสิ่งเป็นอบาย
ทำสิ่งใดจะต้องคิดตระหนัก                 อย่ามัวหนักหมกมุ่นสิ่งชั่วร้าย
รักศักดิ์ศรีของตนอย่าให้คลาย                             และสุดท้ายชีวิตจะรุ่งเรือง
................................................... (45. วิกรม).............................................................
 
46. ภวินท์ 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (46. ภวินท์)
                คุณธรรมนำวิธีแห่งชีวิต                        หากนิมิตมโนดีหนักหนา
พลาดและหลงทำชั่วมากนานา                             นี่แหละหนาไร้สำนึกไร้คำนึง
                พึงมโนนำพาแสงสว่าง                          หากคิดพลาดทำไปไม่นึกถึง
คิดสำนึกทีหลังไม่พลาดพลั้ง                                               จึงไปถึงความตั้งใจไม่ยากเลย
                ไม่หวังคิดเดือดร้อนไร้สำนึก                               ให้ลึกซึ่งคุณธรรมนำกุศล
มีความดีในใจไม่อับจน                                        พ้นเล่ห์กลไร้ขอบไม่คลุกคลี
                แต่เมื่อใดนึกคิดจิตทำชั่ว                      เห็นแก่ตัวไร้คิดไร้ศักดิ์ศรี
หากนิมิตจิตตนเป็นคนดี                                      เชิดชูศรีแก่ตัวให้พ้นภัย
                จิตมนุษย์ความคิดนิมิตหมาย                                ไม่วีวายผูกจิตดีหนักหนา
หากคลาดแคล้วคุณธรรมจงนำมา                        หากคิดพลาดนำไปไม่เกิดผล
สำนึกจิตตอนนี้ไม่จำนน                                       จึงต้องทนอยู่ในจิตคิดชั่วเอย
................................................... (46. ภวินท์).............................................................
หมายเหตุ : ผิดกติกาไม่ครบ 6 บท, สัมผัสซ้ำ, ผิดสัมผัสบังคับ
 
47. ภาคภูมิ 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (47. ภาคภูมิ)
                ในความคิดจิตในมโนนึก                     ให้หมั่นฝึกจิตใจให้เข้มแข็ง
หากแม้ความมืดมัวทำระแวง                                                มีสองแพร่งแกร่งกล้ากล้าเผชิญ
                หากในจิตคิดชั่วมั่วกิเลส                      หากติดเอดส์มั่วยาเป็นมากเกิน
ระงับตนอยู่ในจิตไม่ห่างเหิน                                               หากใจเกินระงับตนให้พ้นภัย             
                มโนธรรมพาใจให้สงบ                         พาให้พบจิตใจไร้เศร้าหมอง
เป็นสติพาดึงใจให้ปรองดอง                                                หมั่นตริตรองความคิดไม่ผิดพลาด
                แม้สันดานในใจทำตามกาย                  ไร้ความหมายความคิดวิชาการ
ดังความรู้พาสู่โลกไร้พรมมาร                             ดั่งตระการพามุ่งสุขใจเอย
                สันดานในตัวคนมีสองแพร่ง                                แม้กล้าแกร่งก็ยังมีเผลอไผล
พลาดและหลงทำชั่วเมามัวไป                              หากคิดได้กลับตัวไม่สายเกิน
                ดั่งมโนสำนึกช่วยดึงจิต                        ห้ามให้คิดกิเลสไม่ห่างเหิน
หมั่นเรียนรู้ฝึกกายไม่สายเกิน                                               ไม่มัวเพลินกิเลสนำทางไป
................................................... (47. ภาคภูมิ).............................................................
 
48. พงศธร 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (48. พงศธร)
                จะดีชั่วให้รู้ตัวว่าถูกผิด                         สร้างเสริมจิตสำนึกระลึกรู้
เมื่อทำผิดคิดไว้ให้เป็นครู                                     สอนตนอยู่ให้รู้ให้เชี่ยวชาญ
                ครั้งทำงานการใดให้ใคร่คิด                 จงพินิจคุณค่าหาแก่นสาร
สร้างความรู้อยู่เป็นนิจนิรันดร์กาล                      พึงเป็นฐานสำนึกแห่งมโน
                จงสร้างเสริมความคิดพิศสิ่งถูก            จงช่วยปลูกปัญญาผลาญความโง่
แผ่กิ่งก้านร่มใบเช่นไทรโพธิ์                                               ขจัดโรคาเขลาให้เบาคลาย
                จงทำดีให้ตนได้ประจักษ์                     ดังเกลือรักษ์เค็มไว้ไม่รู้หาย
จงคิดดีแม้นถูกพรากจากความตาย                      มิรู้คลายดำรงไว้ในความดี
                หากคิดชั่วมั่วสถานกาลงานผิด             จะตามติดแม้ตัวตายกลายเป็นผี
คบคนพาลพาลปล้ำปลุกให้คลุกคลี                    ให้โศกีเศร้าจิตติดอบาย
                มัวทำชั่วตนตัวจะต่ำตก                        ให้ผันผกแย่ย่ำซ้ำมากมาย
เพียงหนึ่งดีมีสุขเสียมากมาย                                  สบายกายอยู่แต่ดีมีสุขจริง
................................................... (48. พงศธร).............................................................
 
49. วรากร 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (49. วรากร)           
                สำนึกดีนั้นมีแสนมากหลาย                  ทั้งหญิงชายอยู่ชั่วทั้งตัวเขา
ทำความดีได้ไม่เท่าตัวเจ้า                                      เป็นตัวเราได้ดีที่สุดแล้ว
                สังคมไทยตอนนี้ไม่ดีเลย                      จงไม่แคล้วทำตัวเหมือนอย่างเขา
เป็นภัยร้ายพวกเราไม่เคยลืม                                 มีสื่อมาทำลายก็มีมาก
                จงอย่าเป็นไปตามที่อย่างเขา                 จงตั้งมั่นจิตใจในความดี
ไม่สร้างความวุ่นวายให้กับใคร                            จงรู้ไว้ว่าเราก็มีดี
                ทำความดีมีให้ใครไม่เห็น                     ใจเย็น ๆ เรานี้ก็รู้อยู่
ไม่ต้องคิดมากหลายอะไรเลย                                              เป็นยังเคยที่เราทำอยู่ทุกวัน
                แค่คิดดีทำดีก็ดีแล้ว                                               แล้วสุดท้ายความสุขไม่ไปไหน
อยู่กับเราคนดีไม่เสื่อมคลาย                                 ไม่วอดวายไปจากแผ่นดินเลย
                จงอย่าเฉยอยู่เลยทั้งนั้นหนา                 จงเรียกมาทำดีสุดเฉลย
ไม่เอี่ยนเอยเปิดเผยความในใจ                              จงจำไว้มโนดีมีนั่นแล
................................................... (49. วรากร).............................................................
 
50. ธีรพล 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (50. ธีรพล)
                ในสุดห้วงแห่งมโนสำนึก                     มันสุดลึกล้ำแสนจะเอ่ย
แม้นยามหลับตื่นฝันดังเช่นเคย                            ยังไม่เลยละร้างจางจากใจ
                มโนดีชีวีมีความสุข                                               ไม่มีทุกข์สนุกสุดสดใส
มโนชั่วชีวาพาบรรลัย                                           สุดแต่ใจจะคิดพิจารณา
                อันคนเรามากหมายในความคิด           อยู่ที่จิตใฝ่คิดจะเสาะหา
หากเรามีมิตรดีคอยนำพา                                      ส่งชีวาพาสุขไม่ทุกข์ใจ
                หากมีใครเขาว่าให้เราคิด                      ช่วยปลูกจิตพินิจและนำไป
ทางข้างหน้านั้นแสนจะสดใส                               ไม่อาลัยมุ่งก้าวอย่างชำนาญ
                ใครจะพาลเราไม่สนคนผิด                   มโนคิดดีสนุกสนาน
เราไม่แคล้วระทึกจิตเบิกบาน                                              ไม่มีคร้านสงบจิตพิชิตมาร
                มโนพาชีวิตก้าวเดินหน้า                       มโนพาชีวาพ้นไพรพาล
มโนพาชนสุขสำราญ                                             มโนหาญแห่งหนึ่งในใจตน
................................................... (50. ธีรพล).............................................................
 
51. นิรวิทย์ 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (51. นิรวิทย์)
                อันมนุษย์มากมายหลายความคิด          หนึ่งนิมิตหนึ่งชีวิตหนึ่งสงสาร
หนึ่งดวงใจปกป้องไพรีพาล                                                หลอมรวมเป็นหนึ่งวิญญาณในใจตน
                ห้วงฤทัยใจล้ำลึกอันแสนสุด                                ไม่มีหยุดมหาศาลน่าสับสน
ทั้งดับมืดสนิทมัวแสนพิกล                                  นี่อกคนหรือพิกลนั่นกระไร               
                บ้านจิตมืดมัวมิดสนิทดับ                     จิตแคบคับมากล้นประสงค์ไหน
บ้างจิตสูงดั่งรุ่งอรุโณทัย                                       บ้างจิตต่ำตกในใต้ปฐพี
                เมื่อเกิดมาเป็นมนุษย์ภูมิใจยิ่ง                               ทะนงตัวเย่อหยิ่งในศักดิ์ศรี
ทั้งสูงศักดิ์ต่ำต้อยใต้ธุลี                                         สุดชั่วดีแสนเศร้าทรวงใน
                แม้ตายไปจิตอยู่ไม่มีดับ                        สังขารลับพ้นนานมิสงสัย
เกิดเป็นเทพบนฟ้าชลาลัย                                     บ้างมีจากไปมีห่วงน่าเสียดาย
                ในห้วงแห่งมโนสำนึก                          ความรู้สึกเหลือไว้ไม่เหือดหาย
มโนดีช่างดีมิเสื่อมคลาย                                       ร่างสลายมโนอยู่คู่ชีวี
................................................... (51. นิรวิทย์).............................................................
 
52. คฑากร 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (52. คฑากร)
                ปัจจุบันทันสมัยวิไลยิ่ง                                         ล้วนมีสิ่งล่อใจให้ใฝ่หา
ทั้งสิ่งของเครื่องใช้มีราคา                                                     ทั้งแบรนด์เนมสรรหาให้เทียมทัน
                เห็นแบบอย่างดาราวางท่าโก้                                ทั้งรถเก๋งบ้านโตนั่นคือฝัน
อยากเด่นดีมีเงินสารพัน                                                        อยากจะเดินตามฝันให้เป็นจริง           
                ให้กิเลสตัณหามาคลุมครอบ                                กลับชมชอบฟุ่มเฟือยประมาทยิ่ง
ทั้งเงินด่วนทันใจไม่ประวิง                                  ยังมองเห็นเป็นสิ่งน่าชื่นชม
                ต้องวิ่งวุ่นหาเงินมาสนอง                                      สิ่งที่มองว่าดีกลับขื่นขม
แลเหน็ดเหนื่อยกายใจให้ระทม                                           ต้องน่าชื่นอกตรมข่มขื่นใจ
                ลืมมองตนมองตัวมัวเมาหลง                               เฝ้าพะวงหาแต่สุขไม่สงสัย
ทำเกินตัวเกินตนจนมีภัย                                                      ให้เดือดร้อนกายใจทุกโมงยาม
                ได้หยุดคิดนิดนึงจึงได้รู้                                       จะต้องอยู่อย่างพอเพียงไม่ถลำ
ทั้งไม่ให้ตัณหามาครอบงำ                                    สำนึกทำแต่พอตนย่อมพ้นภัย
................................................... (52. คฑากร).............................................................
 
53. ธนวัฒน์ 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (53. ธนวัฒน์)
                จิตสำนึกมนุษย์สุดลึกล้ำ                       เลือกกระทำความดีกันเถอะหนา
สัตว์โลกมีกรรมเวรแต่นานมา                             โปรดเมตตาเพื่อให้ถึงวันนั้นนา
                จะทำดีเมื่อชีวิตยังมีอยู่                          จะต่อสู้ไปจนได้มา
ถึงจะล้มจะเจ็บก็ไม่ท้อ                                         แม้ชีวิตไม่เสียดายถ้าทำดี
                ชีวิตเราถึงเหนื่อยยาก                            ต้องลำบากตรากตรำจนถึงฝัน
แม้ผิดพลาดจนหมดหวัง                                       จะไม่หันไปมองความล้มเหลว
                โปรดจงสู้ต่อไปไม่สายเกิน                  แม้ต้องเดินต้องวิ่งจะไม่เหนื่อย
เกิดมาแล้วไม่แคล้วต้องช่วยกัน                           ช่วยจนกว่าตัวเราจะสิ้นไป
                เกิดเป็นมนุษย์จงทำแต่ความดี              จะไม่หนีถ้าชีวิตยังมีอยู่
จะกระทำความดีเข้าไว้                                         ทำด้วยใจของคนมีธรรม
คนทำชั่วได้ดีมีที่ไหน                                           ไม่รู้ใครเป็นคนถามช่างน่าขำ
ทำดีได้ดีนี้ดิที่เป็นคน                                            อยากเป็นคนจงทำแต่ความดี
................................................... (53. ธนวัฒน์).............................................................
 
54. ฐิตินันท์
 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (54. ฐิตินันท์)
                จิตมนุษย์คิดไปแสนลึกลับ                   มีกลอกกลับหลอกลวงข่าวร้ายเหลือ
ไร้เมตตาฆ่าคนตายเป็นเบือ                                  ฆ่าเลือดเนื้อเชื้อไทยไร้ปราณี
                ไทยทั้งชาติหวังแต่ความสงบ                               ไม่ควรรบสงครามตามวิถี
ประเทศไทยไม่สิ้นคุณความดี                              ทำให้เราได้มีความสุขใจ
                จิตสำนึกที่สุดของความคิด                   ผูกดวงจิตให้คิดไปแสนไกล
ดีหรือชั่วอยู่ที่ตัวและหัวใจ                                   ที่พาให้ชีวิตเป็นดั่งใจปอง
                ก่อนจะทำสิ่งใดใช้ความคิด                  เลือกเดินผิดจะพาใจให้มัวหมอง
จะไม่เป็นดั่งใจที่หมายปอง                                   หากไม่ครองคุณธรรมนำจิตใจ
                แม้มนุษย์ว่ากันฟ้าลิขิต                          ให้ชีวิตหม่นหมองไม่ผ่องใส
ดีหรือชั่วไม่ได้ขึ้นอยู่กับใคร                                               อยู่ที่ใจของตนสั่งสมมา
                ดีหรือชั่วอยู่ที่จิตสำนึก                         พึ่งระลึกให้ใจคิดโหยหา
อันความดีหรือชั่วจิตนำพา                                   ให้บรรดาคนมีสำนึกสุขใจ
................................................... (54. ฐิตินันท์).............................................................
 
55. เจตน์สรินทร์
 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (55. เจตน์สรินทร์)
                การทำดีทำได้ไม่กลัวผิด                       ทำด้วยจิตตามด้วยกายไม่อายผล
ทำดีได้ทุกเวลาเกิดเป็นคน                                   เราไม่สนแม้ผู้คนนั้นนินทา
                เราต้องมีมโนจิตคิดชั่วดี                       จักเป็นศรีแก่ตัวดีหนักหนา 
ทำความดีสะสมแต่นานมา                                    ความชั่วคราครั้งเดียวเหี่ยวสุขสันต์
                คนเรามีสมองเพื่อกรองกลั่น                                วันทุกวันต้องเน้นเว้นความชั่ว
เรื่องร้ายร้ายรอบกายที่น่ากลัว                                             พร้อมเมามัวคนดีเหมือนสุรา
                พร้อมจะเปลี่ยนคนเราที่น่ามอง           เหมือนหงส์ทองกลับกลายไปเป็นหมา
น่าเสียดายความดีที่ทำมา                                       โดนพิษยาความชั่วที่ตัวทำ
                สำนึกรู้ความดีจักจำเริญ                        คนสรรเสริญเยินยอไปทั่วทิศ
ทั้งหญิงชายรอบกายใครเป็นมิตร                        มีชีวิตที่ดีตลอดไป
                เราต้องคิดทบทวนตัวอยู่เสมอ             อย่าเลินเล่อทำชั่วให้รั่วไหล
ความชั่วนั้นจะกลับกลายเป็นพิษภัย                    จะผลักไสให้เราไม่เป็นสุข
................................................... (55. เจตน์สรินทร์).............................................................
 
56. ดารากร 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (56. ดารากร)
                หมั่นพากเพียรเรียนร่ำทุกค่ำเช้า           เนื่องจากเจ้าเฝ้ามุ่งหวังถึงฝั่งฝัน
อุปสรรคนานาเฝ้าฝ่าฟัน                                        มุ่งจิตมั่นพัฒนาปัญญาตน
                แม้เหน็ดเหนื่อยนานแสนนานนั้นนักหนา           กาลอันควรก็คงคราปรากฏผล
พร้อมผลิดอกพร้อมออกใบชื่นใจคน                 สัมฤทธิ์ผลงดงามตามสมควร
                สอนให้รู้ชอบชั่วดีมีธรรมะ                  ศีลสัจจะประจักษ์ใจในศักดิ์ศรี
มีความรู้คู่คุณธรรมสร้างกรรมดี                          ให้สมที่ศิษย์มีครูผู้สอนมา
                คุณธรรมค้ำจุนโลกไร้โศกศัลย์            สิ่งสามัญประจำใจไม่หมองศรี
เพียงรู้คิดรู้กระทำแต่ความดี                                 โลกวันนี้มีสันติมิทุกข์ตรม
                คุณธรรมนำความงามค้ำจุนจิต             พาชีวิตไม่ผิดทางสร้างขื่นขม
รู้พอเพียงเพียงพอไว้ไร้ระทม                                              หลุดจากตมหล่มโลกีย์หากมีธรรม
                มีสองมือพับหัวใจพร้อมพลีให้            วาดหวังไว้สร้างคนดีมีความรู้
มีนานะคว้าดินเปล่าลองปั้นดู                                               เป็นดาวหรูรูปสลักจักขอลอง
................................................... (56. ดารากร).............................................................
 
57. อภิรักษ์ 
 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (57. อภิรักษ์)
                ตั้งใจเรียนพากเพียรหมั่นศึกษา            สร้างวิชาความรู้ในความคิด
มั่วแต่เล่นไม่ศึกษาจะคิดผิด                                  ปิดโอกาสของตัวเองภายภาคหน้า
                การศึกษาจะนำพาความเจริญ                                จะส่งเสริมอนาคตของตนเอง              
พัฒนาชีวิตสร้างคลุมฝัน                                       ภาคเวลาวันความสุขของตนมี
                แม้ย่อท้อต่อชีวิตยากลำบาก                 ต้องจำจากอดทนเพื่อสร้างฝัน
ต้องฝึกฝนพร้อมที่จะฝ่าฟัน                                  ต้องขยันเรียนรู้ในวิชา
                ต้องคิดเป็นช่างพูดช่างเป็นงาน            ช่วยเหลือตนความสำเร็จต้องมีมาก
จากการเรียนเพียรศึกษาไม่ลำบาก                       ขยันทำความดีต้องซื่อสัตย์
                จะเทิดทูลสถาบันของชาติตน                              ต้องอดทนเคารพชาติตอบแทนคุณ
จากชีวิตที่มีช่วยเจือจุน                                         อนุรักษ์รักษาชาติให้คงอยู่
                จะเดินทางไปถึงจุดสำเร็จ                     จะบำเหน็ดบำนาญไม่อดสู้
จะเป็นคนที่ดีเทิดตระกูล                                      ช่วยเพิ่มพูนคุณค่าให้ชาติไทย
................................................... (57. อภิรักษ์).............................................................
 
58. ขนิษฐา 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (58. ขนิษฐา)
                ไม่มีใครจะดีมาแต่เกิด                          รู้จักเปิดโลกทัศน์อันกว้างใหญ่
สร้างความฝันและเดินตามทางนั้นไป                  สุดแต่ใจจะไขว่คว้าสิ่งนั้นมา
                รู้จักคิดวิเคราะห์หาเหตุผล                    ตั้งจิตตนเข้มแข็งไว้เถิดหนา
หมั่นค้นคว้าเล่าเรียนเพียรวิชา                              แสวงหาความรู้คู่ติดตัว
                ทุกทุกคนเคยทำดีและชั่ว                     ล้วนเกรงกลัวความผิดนั้นติดมา
มนุษย์เราล้วนมีกันสองขา                                    ช่วยนำพาให้เราเฝ้าฝึกตน
                ทางสำเร็จไม่ได้โรยด้วยดอกไม้          อยู่ที่ใจของเราอย่าสับสน
ทำทุกอย่างเพื่อจะสร้างทางของตน                     เกิดเป็นคนอย่าได้อายใจของเรา
                การทำดีมีหลากหมายวิธีการ                                จะสืบสานประเพณีอย่างใครเขา
ใครไม่ทำก็ชั่งต้องทนเอา                                     ดีที่เราทำหน้าที่นี้ต่อไป
                ถ้าทำตามมโนจิตคิดว่าถูก                    มีความผูกพันรักปิดหัวใจ
ควรทำดีตั้งแต่บัดนี้ไป                                          ถ้าทำได้ชีวิตนี้มีสุขเอย
................................................... (58. ขนิษฐา).............................................................
 
59. สาวิตรี
 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (59. สาวิตรี)
                ทั้งที่รู้ความรู้สึกมันอึดอัด                    เหมือนถูกมัดติดกับโต๊ะเก้าอี้
หมั่นพากเพียรเรียนหนังสือจำให้ดี                      เราจะมีการศึกษานำพาตน
                อุปสรรคจะหนักเบาเราไม่หวั่น           จะฝ่าฟันด้วยความเพียรและอดทน
ความสำเร็จขึ้นอยู่กับใจคน                                  หมั่นฝึกฝนพากเพียรเรียนวิชา
                กตัญญูขยันและประหยัด                     มัธยัสถ์หมั่นเสาะแสวงหา
นำวิชาความรู้ที่ได้มา                                             พัฒนาตนเองให้ก้าวไกล
                จะเชื่อฟังพ่อแม่ท่านพร่ำสอน                              เป็นบทกลอนคติประจำใจ
แม้วันนี้ความฝันยังอยู่ไกล                                   ขอแค่ใจของเราไม่ผันแปร
                ถึงจะเหนื่อยเพียงใดก็ไม่หวั่น                              จะมุ่งมั่นตั้งใจให้แน่วแน่
ใครจะว่ายังไงเราไม่แคร์                                      ขอเพียงแค่เรามีกำลังใจ       
                หนึ่งชีวิตคนเรานี้มันสั้น                       จงร่วมกันทำความดีให้เหลือไว้
ให้เป็นที่ประจักษ์แก่คนไทย                                               ถึงตายไปก็ไม่เสียชาติเกิดเอย
................................................... (59. สาวิตรี).............................................................
 
60. พิมพ์ชนก 
 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (60. พิมพ์ชนก)
                เกิดมาเป็นคนต้องทนเจ็บ                     ต้องทนเก็บความรู้สึกที่อ่อนล้า
จากวิชาการเรียนที่เพียรมา                                   ทุกวิชาต้องหมั่นเพียรเรียนเกิดผล
                เราฟันฝ่าอุปสรรคจักสู้ทน                    สู้เพื่อตนไกลจากสิ่งที่หมองหม่น
จะพินาศวอดวายเข้าตาคน                                    สิ่งเจือปนแสงสีศิวิไล
                อันบัณฑิตต้องรู้จักรับผิดชอบ             อยู่ในกรอบรู้หน้าที่อันโปร่งใส
เหล่าบัณฑิตมาดมั่นทำด้วยใจ                                              อยู่ห่างไกลความชั่วบ่อนทำลาย
                ปัจจุบันบัณฑิตยที่หลากหลาย             ล้วนเพรียงพรายความรู้สู่จุดหมาย
คนทุกคนรักษาอย่ามลาย                                      ดุจดั่งปลายสวรรค์แห่งการเรียน
                อันบัณฑิตรู้จักรักการอ่านเขียน           เผื่อเป็นเกียรติตัวเองดุจดั่งเทียน
บัณฑิตบอกตัวเองต้องหมั่นเพียร                        จงร่ำเรียนสำเร็จวิชาการ
                เป็นมนุษย์นี้หนาสุดประเสริฐ              ถือกำเนิดร่วมกันเป็นสสาร
ต้องรู้รักขัดเกลาอย่างประมาณ                            อย่าเกียจคร้านติดตัวจนตัวตาย
................................................... (60. พิมพ์ชนก).............................................................
 
61. สุวิตรา 
 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (61. สุวิตรา)
                จิตมนุษย์สุดลึกยากหยั่งถึง                   คิดคำนึงหวนคืนวันเวลา
เราต่างคนก่อกรรมด้วยกันมา                                              ความเมตตาความรักนั้นยากจริง
                หากทุกคนเอาแต่เห็นแก่ตัว                  เรื่องความชั่วครอบงำจิตใจยิ่ง
สามัคคีมีสุขสันต์จริง                                            ทุกอย่างสิ่งอย่านิ่งเฉยอยู่เลยเรา
                ความคิดริษยาอิจฉาโกรธ                     อย่าถือโทษอภัยให้เธอเขา
สำนึกรู้ความดีช่วยแบ่งเบา                                   ทุกคนเราตั้งตนใหม่ไม่สายเกิน
                มีมโนระลึกถูกผิดได้                            ไม่ว่าใครก็มีแต่สรรเสริญ
หนทางไกลข้างหน้าให้ก้าวเดิน                           จักจำเริญทุกสิ่งแก่ใจตน
                รอบคอบในชีวิตคิดระวัง                     เมื่อพลาดพลั้งลุกขึ้นต้องอดทน
เกิดมาทั้งทีอย่าให้เสียคน                                      ฝ่าฟันจนอุปสรรคนั้นหมดไป
                เริ่มต้นใหม่ตอนนี้ยังไม่สาย                 แม้ตัวตายความดียังเหลือไว้
จงมุ่งมั่นแน่วแน่ให้ตั้งใจ                                      ไม่หวั่นไหวดำรงตนคงความดี
................................................... (61. สุวิตรา).............................................................
 
62. เบญจวรรณ
ห้วงแห่งมโนสำนึก (62. เบญจวรรณ)
                อันความคิดจิตมนุษย์สุดลึกล้ำ             จงมุ่งทำสิ่งดีที่เกิดผล
ถ้ามัวเมาหลงผิดจิตพิกล                                       จะอับจนตรมทุกข์สุขไม่มี
                จงหมั่นเพียรดำเนินการชีวิต                 ที่ถูกผิดแยกแยะให้จงดี
จะวัยเรียนวันไหนก็จงดี                                       มีมโนระลึกถูกผิดได้ทั้งนั้น
                จิตมนุษย์สุดลึกล้ำเหลือกำหนด           แทนทดประการใดนั้นหนา
ความโลภหลงทำโศกโศกา                                  นำพาตัวเองนั้นวอดวาย
                หมั่นกระทำความดีกันเถิดหนา            ภายภาคหน้าจะจำเริญมาก
ขึ้นอยู่กับการกระทำที่ทำมา                                 จะเกิดผลตามกรรมที่ทำได้
                มนุษย์เรากระทำกรรมไว้มานาน          จึงก่อเกิดเป็นผลให้จงดี
โปรดเมตตาเผื่อแผ่ให้แก่กัน                                 จงหันมาพากันประพฤติแต่ชอบ
                กรรมดีกรรมชั่วอยู่ที่ตัวทำ                   กุศลกำหนดตนจงกล่าวบอก
ถึงจิตใจที่ตนคิดและคำถาม                                 ที่ตามมาแม้จะยากสักเพียงใจ
................................................... (62. เบญจวรรณ).............................................................
 
63. อนุชิต 
 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (63. อนุชิต)
                จิตสำนึกมนุษย์สุดลึกล้ำ                       เลือกกระทำความดีกันเถิดหนา
สัตว์โลกมีกรรมเวรแต่นานมา                             โปรดเมตตาเผื่อแผ่ให้แก่กัน
                เป็นมนุษย์มีสำนึกฝึกไว้ใช้                   จะทำให้ชีวิตนั้นสุขสันต์
หมั่นฝึกฝนทำความดีแต่เร็วพลัน                         โลกแห่งฝันสร้างได้ด้วยความดี
                เป็นมนุษย์เกิดมาต้องฝึกฝน                  ให้เป็นคนมีเกียรติและศักดิ์ศรี
ทำความดีหลักสำคัญที่ควรมี                                                ให้เป็นที่ชื่นชมของสังคม
                ทุกวันนี้สังคมเริ่มเสื่อมถอย                 เพราะมีคนคอยทำไม่เหมาะสม
จนคนดีที่ทำดีเริ่มตรอมตรม                                                ความโสมมมีทั่วสังคมเรา
                ทุกวันนี้จะต้องหาทางแก้ไข                 ที่ทำให้ผู้คนหายโง่เขลา       
มีทางเลือกมากมายให้เลือกเอา                             ให้พวกเขาได้เดินทางที่ดี
                จิตสำนึกเท่านั้นควรสร้างสรรค์           ให้ทุกคนมีกันไม่แหนงหนี
สังคมเรามีสุขทั่วปฐพี                                           สำนึกดีมีใช้ให้สุขใจ
................................................... (63. อนุชิต).............................................................
 
64. ทัศพล 
 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (64. ทัศพล)
                สิ่งสำคัญในด้านความรู้สึก                    คือสำนึกที่เป็นดั่งแก่นสาร
คนทุกคนมีไว้เพื่อเตือนกาล                                 ไว้เป็นทานกระทำแต่ความดี
                อันสำนึกนั้นไซร้มีหลายอย่าง              มีหลายทางคิดทำมิหน่ายหนี
ไว้เป็นเครื่องเตือนสติตัวเรานี้                                              ให้คิดดีคิดทำประจำใจ
                ประการแรกคือสำนึกในบุญคุณ          ที่การุณเลี้ยงดูจนเติบใหญ่
คือพ่อแม่ที่รักเราดั่งดวงใจ                                   ยากจะหาสิ่งใดมาเคลือบแคลง            
                ประการสองคือสำนึกในแผ่นดิน         ที่วายสิ้นศึกชิงจนอับแสง
บรรพบุรุษเสียเลือดเนื้อและเกลือแกง                                จนได้แหล่งแดนดินไทยมาครอบครอง
                ประการสามสำนึกในพระกษัตริย์       ท่านทรงตรัสช่วยเหลือคนทั้งผอง
ทรงเหน็จเหนื่อยกับปวงราษฎร์ที่ทรงครอง       ทรงสนองให้ปวงราษฎร์สุขสบาย
                ประการสี่สำนึกไว้ในความผิด             ใคร่ควรคิดพินิจก่อนคิดสาย
คิดก่อนพูดรู้ว่ผิดคิดละอาย                                  จงกลับกลายเปลี่ยนแปลงแก้ไขตน
                สิ่งสุดท้ายคือสำนึกในคุณครู                                เป็นผู้รู้สั่งสอนให้ฝึกฝน
เป็นผู้มอบวิชาให้กับตน                                       เป็นบุคคลที่ควรค่าน่าสรรเสริญ
                สำนึกนั้นมีไว้ในดวงจิต                        จะสถิตย์ในใจคอยช่วยเสริม
คอยตามเราไปทุกที่ช่วยแต่งเติม                          ไม่เหิมเกริมระวังตัวระวังตน
                ผลจะเกิดได้นั้นต้องต่อเนื่อง                                อยู่ที่เรื่องของใครจะน่าสน
ขึ้นอยู่กับปัญหาแต่ละคน                                     ว่ามีผลสำนึกตัวเป็นอย่างไร
                ใคร่จบห้วงแห่งมโนสำนึก                   ไว้ให้ตรึงตราจิตคิดไฉน
ไว้ตรองดูเวลาทำนำไปใช้                                    จะได้ไม่กระทำผิดคิดดีเอย
................................................... (64. ทัศพล).............................................................
 
65. ชัยวัฒน์ 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (65. ชัยวัฒน์)
                ภายใต้แห่งความถูกผิดจิตสำนึก           คอยตรองตรึกตระหนักไว้ในศักดิ์ศรี
ต้องเตรียมจิตคิดทำแต่ความดี                                              ทุกสิ่งนี้จงจำไว้ขึ้นใจตน
                เกิดเป็นบุรุษหนึ่งซึ่งหญิงชาย                               ในจิตจริงเต็มไปด้วยความตัณหา
สังคมไทยล้วนแต่เป็นภาพมายา                           ทั้งหน้าตาของคนจะจนรวย
                แต่ว่าในโลกนี้มีหลายเรื่อง                   อาจจะครบทุกเครื่องเรื่องดีชั่ว
เพราะคนเรานั้นต้องอย่าหลงเมามัว                     ต้องเกรงกลัวต่อความชั่วและบาปกรรม
                คนเรานั้นต้องผูกคิดจิตสำนึก                               ในส่วนลึกของมนุษย์สุดหยั่งถึง
กาลเวลาพิสูจน์ได้ด้วยตราตรึง                            คอยคำนึงรู้ถูกผิดคิดชั่วดี
                มีความรู้หรือไม่ก็ไม่เห็น                      ขอให้เป็นคนดีมีเหตุผล
ต้องขยันหมั่นเพียรหมั่นฝึกฝน                            ให้เป็นคนขยันดีมีน้ำใจ
                ในห้วงแห่งจิตใจใคร่สำนึก                  ความรู้สึกถูกผิดคิดสังขาร
เกิดเป็นคนมีความรู้คู่ชีวัน                                    ความสุขสรรค์เกิดขึ้นได้ด้วยใจคน
................................................... (65. ชัยวัฒน์).............................................................
 
66. ภาณุวัฒน์
ห้วงแห่งมโนสำนึก (66. ภาณุวัฒน์)
                จิตสำนึกมนุษย์สุดลึกล้ำ                       เลือกกระทำความดีกันเถอะหนา
สัตว์โลกมีกรรมเวรแต่นานมา                             โปรดเมตตาเผื่อแผ่ให้แก่กัน
                หลีกเลี่ยงการทำร้ายทำลายล้าง            ช่วยสร้างทางสามัคคีเกิดสุขสันต์
มโนสำนึกในทางดีนันท์                                       โลกสงบพ้นทุกข์ยากลำบาก
                จิตมนุษย์ควรเพียรฝึกฝน                      รู้ตนเตรียมจิตให้สรรเสริญ
สำนึกรู้ทำความดีจักจำเริญ                                   เลือกทางเดินอันสว่างสดใส
                มีมโนสำนึกรู้ผิดได้                                               มีจิตใจมมุ่งมั่นได้รับชัย
จงมุ่งหน้าตั้งมั่นสู้ต่อไป                                        สักวันใครก็มีแต่สรรเสริญ
                กาลเวลาผันแปรไม่แน่นิ่ง                     ทุกทุกสิ่งในโลกย่อมเปลี่ยนผัน
จากวันนั้นเป็นวันนี้ไม่เหมือนกัน                        จะหาชีพที่นิรันดร์นั้นไม่มี
                ความเหนื่อยล้าทำใจให้ทดท้อ             ใจระยอต่อปัญหาที่มากนี้
จิตและกายมุ่งมั่นไม่เผ่นหนี                                 หมั่นทำความดีเป็นศรีแก่ตน
................................................... (66. ภาณุวัฒน์).............................................................
 
67. โชคชัย 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (67. โชคชัย)
                จิตมนุษย์สุดลึกล้ำเหลือกำหนด           จะแทนทดสิ่งใดปรารถนา
ความโลภมากทำให้ใจโศกา                                 อาจนำพาชีวิตให้วอดวาย
                โอ้มนุษย์สุดจริงแท้แปรเปลี่ยนผัน      มีเผ่าพันธุ์อยู่ด้วยกันอย่างหลากหลาย
เกิดเหตุการณ์ดีร้ายที่มากมาย                                               พาใจกายอ่อนล้าน้ำตานอง
                เอาความดีนำทางความผาสุข                 ไม่มีทุกข์ข่มใจให้มั่วหมอง
ตามวิถีตามบทบาทตามครรลอง                          รู้ค่าของตัวเราเองแตกต่างกัน
                มีน้ำใจไมตรีเติมต่อจิต                          ประสานมิตรให้สนิทให้สุขสันต์
คอยช่วยเหลือเกื้อกูลกันและกัน                         นับจากวันที่เราเกิดมาเป็นคน
                มีเมตตากรุณาต่อสรรพสิ่ง                    ที่พึ่งพิงวิงวอนขอกุศล
ดังคำสอนผู้กล้าวีรชน                                           ระวังตนควบคุมใจให้เจริญ
                คุณธรรมซื่อสัตย์สุจริต                         ภาระกิจการงานให้สรรเสริญ
ความขยันหมั่นเพียรก็ดูเพลิน                                              โปรดอย่าเมินคุณค่าวิชาการ
................................................... (67. โชคชัย).............................................................
 
68. เกรียงไกร
ห้วงแห่งมโนสำนึก (68. เกรียงไกร)
                จิตสำนึกมนุษย์สุดลึกล้ำ                       เลือกกระทำความดีกันเถิดหนา
สัตว์โลกมีกรรมเวรแต่นานมา                             โปรดเมตตาเผื่อแผ่ให้แก่กัน
                หลีกเลี่ยงการกระทำลายล้าง                                ช่วยแผ้วทางสามัคคีมีสุขสันต์
มโนจิตสำนึกในทางดีพลัน                                  คงมีวันโลกสงบสุขพ้นทุกข์ภัย
                เมื่อไม่ตั้งใจเรียนเพียรฝึกฝน                                ไม่รักตนเตรียมจิตคอยผิดหวัง
รอบคอบในชีวิตคิดระวัง                                     เมื่อพลาดพลั้งตั้งต้นใหม่ไม่สายเกิน
                มีมโนระลึกถูกและผิดได้                     ไม่ว่าใครก็มีแต่สรรเสริญ
สำนึกรู้ทำความดีจักจำเริญ                                   เป็นสิ่งช่วยเสริมจิตใจให้แก่ตน
                จงทำดีเข้าไว้กันเถิดหนา                       จำนำพาชีวิตประสบผล
หมั่นทำดีเข้าไว้เกิดเป็นคน                                   เป็นกุศลผลบุญตัวเรามา
                แม้นใครรักใครชังอย่าชังตอบ             จงได้มอบความเมตตานั้นหนักหนา
ชีวิตเราก็จะได้สมอุรา                                           รู้รักษาตัวตนเป็นคนดี
................................................... (68. เกรียงไกร).............................................................
 
69. ภรณ์ทิพย์ 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (69. ภรณ์ทิพย์)
                จิตสำนึกมนุษย์สุดลึกล้ำ                       เลือกกระทำความดีกันเถิดหนา
สัตว์โลกมีเวรกรรมแต่นานมา                             โปรดเมตตาเผื่อแผ่ให้แก่กัน
                หมั่นกระทำความดีเว้นความชั่ว           เลิกเมามัวตัณหาไม่แปรผัน
มีน้ำใจอารีให้แก่กัน                                              ทุกคืนวันสงบและร่มเย็น
                การกระทำความดีนั้นมันยาก                               แสนลำบากยากเย็นลำเข็ญเค็ญ
แต่ผลลัพธ์ที่ได้จะเหมือนเป็น                                              ดั่งจันทร์เพ็ญส่องทางชี้นำตน
                เป็นมนุษย์นี้ยากจะหยั่งถึง                    ควรคำนึงวิเคราะห์หมั่นฝึกฝน
ให้รู้แท้รู้มั่นจิตใจคน                                            ที่วกวนเวียนว่ายให้เจริญ
                มีมโนสำนึกถูกผิดได้                            ไม่ว่าใครก็จะมีแต่สรรเสริญ
สำนึกรู้ถูกผิดจักจำเริญ                                          ไม่สายเกินถ้าหากทำความดี
                ในห้วงแห่งมโนจิตสำนึก                     ความรู้สึกเดินตามแนววิถี
ใต้สำนึกรู้รักทำความดี                                         ทุกนาทีมีสุขและร่มเย็น
................................................... (69. ภรณ์ทิพย์).............................................................
 
70. มนเทียร 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (70. มนเทียร)
                มนุษย์เรานี้ไซร้ต่างความคิด                 ทั้งทางถูกทางผิดคิดอ่านเขียน
หากความหลงงมงายเข้าวนเวียน                          ต้องฝึกติเตือนตนเองให้หลีกหนี
                เน้นกระทำคุณงามและความดี             เป็นหน้าที่ประจำนำวิถี
ให้มีสุขไร้ทุกข์เกษมเปรมปรีดิ์                            ชีวิตนี้จักมีค่าน่าเสริมส่ง
                แม้นใครด่าใครชมก็มิหลง                   ให้ยืนยงในห้วงแห่งความประสงค์
มิกระทำตนเราให้เสื่อมลง                                    ให้อยู่คงตามแนวคิดกระทำดี
                ไม่เบียดเบียนพวกพ้องและน้องพี่       ขอยอมพลีทั้งกายหากภัยมี
ให้เกิดสุขทางกายทางวจี                                       ให้สุขีสุขสงบและร่มเย็น
                แม้นว่าใครทุกข์ยากลำบากเข็ญ           จะขอเป็นเพียงหนึ่งช่วยบำเพ็ญ
มอบกุศลด้วยใจไม่ลำเค็ญ                                    จะเห็นว่าความสุขบังเกิดจริง
                หากลองคิดไตร่ตรองลองประวิง        จะพบสิ่งอาศัยร่วมโดยพึ่งพิง
มีสุขได้จากจิตใจที่งามยิ่ง                                     เกิดได้จริงจากห้วงหนึ่งในมโนสำนึก
................................................... (70. มนเทียร).............................................................
 
71. จิรัฐ 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (71. จิรัฐ)
                วันเวลานั้นช่างมีน้อยนัก                      ฉันประจักษ์รู้เห็นอยู่เสมอ
จากเด็กน้อยเติมใหญ่ฉันได้เจอ                            จิตละเมอถึงอยู่มิรู้คลาย
                ณ บัดนี้ฉันอยู่ชั้น ม.ห้า                         แต่อย่าช้าสำนึกตรึกไม่หาย
ตายแน่ถ้าฉันได้แต่วางวาย                                    นิ่งดูดายต่อหน้าที่ที่ต้องทำ
                ต่อแต่นี้ขอตั้งใจใฝ่เรียนรู้                     ยืนหยัดสู้ปัญหาที่กระหน่ำ
จักพากเพียรเขียนอ่านเป็นประจำ                        และน้อมนำคำสอนอย่างไคลคลา
                มีสิ่งใดที่ฉันอยากจะรู้                           จะถามครูถามเพื่อนและศึกษา
สักวันหนึ่งฉังคงได้รู้วิชา                                      เป็นเครื่องหาเลี้ยงชีวิตดังจิตปอง
                แม้จะมีปัญหาอุปสรรค                         มาชักใจให้ท้อถอยคอยสนอง
ฉันจะข่มจิตใจไม่ใฝ่ปอง                                      ไม่เกี่ยวข้องสิ่งใดทำใจจร
                ขอขอบคุณพ่อแม่ครูอาจารย์                                ที่เรียกขานฉันมาพร่ำฝึกสอน
ขอปฏิญาณทำดั่งคำวิงวอน                                   นำคำสอนมาปฏิบัติพัฒนาตน
................................................... (71. จิรัฐ).............................................................
 
72. ณัฐธวัช 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (72. ณัฐธวัช)
                จิตสำนึกมนุษย์สุดลึกล้ำ                       เลือกกระทำความดีกันเถอะหนา
สัตว์โลกมีเวรกรรมแต่นานมา                             โปรดเมตตาเผื่อแผ่ให้แก่กัน
                หลีกเลี่ยงการทำลายล้างทำลายล้าง      ช่วยแผ้วทางสามัคคีมีสุขสันต์
เป็นประจำน้ำใจแจกจ่ายกัน                                 คงความสงบสุขขบขันนิรันดร์กาล
                เกิดมาเป็นมนุษย์สุดลึกล้ำ                     มีคุณธรรมนำใจกันทุกคน
หักห้ามตนทำความดีทั้งรวยจน                           มีเหตุผลกระทำนำจิตใจ
                เมื่อไม่ใฝ่เอาดีทำความชั่ว                     ไม่รักตนรอคอยจิตคิดใกล้ไกล
มโนสำนึกฝึกเอาไว้                                                               เปรียบดั่งไฟปกป้องกายสบายตัว       
                เมื่อไม่ตั้งในเรียนเพียรฝึกฝน                               ไม่รักตนเตรียมจิตคอยผิดหวัง
รอบคอบในชีวิตคิดระวัง                                     เมื่อพลาดพลั้งตั้งตนใหม่ไม่สายเกิน
                มีมโนสำนึกระลึกถูกและผิดได้           ไม่ว่าใครก็มีแต่สรรเสริญ
สำนึกรู้ทำความดีนำความเจริญ                            มโนสำนึกนำเจริญสิ้นนานเทอญ
................................................... (72. ณัฐธวัช).............................................................
 
73. บุษกร 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (73. บุษกร)
                อันมนุษย์หลายหลากมากความคิด      หนึ่งดวงจิตหนึ่งชีวิตหนึ่งสังขาร
หนึ่งดวงใจสี่ห้องมโนมาลย์                                 หลอมรวมเป็นหนึ่งวิญญาณในร่างคน
                ห้วงฤทัยใจล้ำลึกมหาสมุทร                 ไม่สิ้นสุดมหาศาลน่าสับสน
ทั้งมืดมิสนิทมัวแสนวกวน                                   นี่อกคนหรือค่ายกลช่างกระไร
                บ้างจิตมืดมัวมิดสนิทดับ                      จิตแคบคับมากล้นอสงไขย
บ้างจิตสูงดั่งยูงฟ้อนรำแพนไพร                          บ้างจิตต่ำตอยู่ในอเวจี
                ยามเกิดมาเป็นมนุษย์องอาจยิ่ง             ทะนงตัวเย่อหยิ่งในศักดิ์ศรี
ทั้งสูงศักดิ์ต่ำต้องใต้ธุลี                                         ตายเป็นผีเหลือเพียงเถ้าเศร้าทรวงใน
                แม้ตายไปจิตอยู่มิมีคับ                          สังขารดับวิญญาณคงมิสงสัย
เกิดเป็นเทพบนฟ้าเทวาลัย                                    บ้างมีห่วงถ่วงไว้อยู่เดียวดาย
                ในห้วงแห่งมโนในสำนึก                     ความรู้สึกเหลือไว้ไม่เหือดหาย
สุดท้ายเหลือเพียงความดีมิเสื่อมคลาย                 ให้ผู้คนมากมายได้สดุดดี
................................................... (73. บุษกร).............................................................
 
74. ณัฐวุฒิ 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (74. ณัฐวุฒิ)
                จิตสำนึกมนุษย์สุดลึกล้ำ                       เลือกกระทำความดีกันเถิดหนา
สัตว์โลกมีเวรกรรมแต่นานมา                             โปรดเมตตาเผื่อแผ่ให้แก่กัน
                หลีกเลี่ยงการฆ่าฟันสุขเกิดขึ้น             ปัญญาสร้างสังคมสงบสุข
จิตใจคนเปลี่ยนได้ไม่ยากเย็น                                              สู่สันติโลกเราเจริญเอย
                รักสงบดีกว่าทำร้ายใคร                        หากทำไปใจเรามีแต่ทุกข์
ปล่อยใจเราว่างเปล่ามีแต่สุข                                 จิตใจเป็นกุศลไม่ยากเข็ญ
                เวรกรรมตามทันหนีกันไม่พ้น             กรรมของตนได้รับทันตาเห็น
หยุดคิดทำความชั่วรักความดี                                               รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี
                ศาสนาขัดใจให้คนเรา                           เป็นคนดีสร้างสรรค์แก่ตนเอง
โลกใบใหม่สงบสุดแจ่มใจ                                   เพียงใจเปิดใจรับมันเข้ามา
                โรงเรียนอบรมคอยบ่งจิต                    สั่งสอนคนที่เลยเป็นคนดี
มองคนที่จิตใจใช่หน้าตา                                      ความดีจักส่งผลให้สักวัน
................................................... (74. ณัฐวุฒิ).............................................................
 
75. รัชดา 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (75. รัชดา)
                เป็นคนเลวเพราะชาติกำเนิดก็หาไม่     หรือว่าใครประเสริฐแต่เกิดก็ไม่มี
คนจะเลวเพราะการกระทำที่ไม่ดี                        คนจะดีเพราะกระทำแต่กรรมดี
                เกิดมาทั้งทีอย่าให้เสียชาติเกิด                              สัตว์ประเสริฐเกิดมามีหน้าที่
รู้จักคิดตริตรองผิดชอบชั่วดี                                                ขึ้นอยู่ที่จิตใจใฝ่ชั่วดี
                ถ้าคนเรามีดีทั้งห้าอย่าง                         เป็นแนวทางบ่งบอกในศักดิ์ศรี
หนึ่งเป็นลูกพ่อแม่ก็ลูกดี                                      สองเป็นศิษย์ดีครูชื่นรื่นกมล
                สามเป็นเพื่อนที่ดีมีใจรัก                       เชิญชวนชักนำทางดีมีสุขสม
สี่พลเมืองดีของชาติราชนิยม                                                ห้าดีสมสาวกดีนี้เจริญ
เมื่อมีดีทั้งห้าอย่าง                                  นั่นแหละทางเป็นมนุษย์พิสุทธิ์สม
ความผาสุกจะเกิดขึ้นในสังคม                              หมั่นอบรมฝึกฝนเป็นคนดี
                ในวัยเรียนจงตั้งหน้าหาความรู้             วิชาชูเป็นสง่ามีราศี
จะก้าวหน้าเกิดผลเป็นคนดี                                  ก็เพราะมีวิชารักษาตน
................................................... (75. รัชดา).............................................................
 
76. วรรณิดา 
 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (76. วรรณิดา)
                               
                หนึ่งคนเราเฝ้าฝังรังดวงจิต                    ยามนึกคิดสิ่งของต้องประสงค์
ประพฤติดีคิดชอบพร้อมดำรง                            ย่อมมั่นคงปลงจิตติดอุรา
                อีกหนึ่งคนมีจิตคิดปองร้าย                  ต่างหลากหลายวิธีล้วนสรรหา
ประพฤติชั่วเห็นแก่ตัวทั่วกายา                            อีกนำพาไปสู่ทางสร้างทุกข์ภัย
                มนุษย์เราทุกคนมีสำนึก                        คิดระลึกนึกถึงพึงโปร่งใส
ไม่กระทำให้ผลร้ายแก่ผู้ใด                                   จรรโลงใจให้สงบพบทางธรรม
                วันเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนชีวิต                              ยามนึกคิดครันชีวิตเคยสุขล้ำ
สิ่งเหล่านี้ล้วนมาจากการกระทำ                          หนทางนำเพื่อไปสู่ความสุขใจ
                สิ่งดีเลวมนุษย์รู้ว่าถูกผิด                       ยามพินิจครันคิดดูรู้แล้วไซร้
มิกระทำให้ตลอดสืบต่อไป                                 ล้วนสุขใจถ้าหากได้สร้างความดี
                ก่อนจะทำสิ่งใดให้นึกคิด                     นึกถึงจิตผู้อื่นก่อนย่อมสุขี
ทำสิ่งใดสำนึกผนึกความดี                                    บารมีนี้แก่ตนล้นธรรมเอย
................................................... ( 76. วรรณิดา ).............................................................
 
77. ดนัยพงศ์ 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (77. ดนัยพงศ์)
                ความรู้คิดของคนสุดลึกล้ำ                   โปรดเลือกทำความดีกันเถิดหนา
มนุษย์มีเวรกรรมแต่นานมา                                  จงเมตตาเผื่อแผ่ให้แก่กัน
                แม้ใครรักใครชังให้รวมจิต                  ให้เป็นนิจเป็นกิจในใจฉัน
มีความรักจริงใจให้แบ่งปัน                                  ไม่เป็นหมันทางจิตใจใสสะอาด
                เกิดเป็นคนทั้งทีต้ององอาจ                  จะทำการสิ่งใดไม่ให้ขาด
เป็นคนดีคงมั่นตลอดกาล                                     เป็นวันวานของจิตที่แจ่มใส
อยู่ในห้องของความคิดใช้จิตใจ          เป็นของใครมิได้ต้องใส่ใจ
ดีชั่วนั้นจะต้องกลายเป็นพิษภัย                           จะผลักไสให้เราอยู่ไม่สุข
                ชั่วนั้นพร้อมทำร้ายควบคุมจิต             มีชีวิตที่ดีมีสุขสันต์
มนุษย์นี้มีสมองกรองกลั่น                                    ทุกทุกวันทำดีเว้นความชั่ว
                มีเรื่องร้ายอยู่รอบยิ่งน่ากลัว                 จะเมามัวคนเรายิ่งสุรา
จะเสียดายความดีที่มีมา                                         แม้ชั่วคราครั้งเดียวหมดสุขสันต์
................................................... ( ดนัยพงศ์ ).............................................................
 
78. กนิษฐ์
ห้วงแห่งมโนสำนึก (กนิษฐ์)
 
หมั่นพากเพียรเรียนร่ำทุกค่ำเช้า           เนื่องจากเจ้าเฝ้ามุ่งหวังถึงฝั่งฝัน
อุปสรรคนานาเฝ้าฝ่าฟัน                                        มุ่งจิตมั่นพัฒนาปัญญาตน
                แม้เหน็ดเหนื่อยนานแสนนานนั้นนักหนา           กาลเวลาปรากฏผล
พร้อมผลิดอกพร้อมออกใบชื่นใจคน                 สัมฤทธิ์ผลงดงามตามสมควร
                คุณธรรมค้ำจุนโลกไร้โศกศัลย์            สิ่งสามัญประจำใจไม่หมองศรี
เพียงรู้คิดรู้กระทำแต่ความดี                                 โลกวันนี้มีสันติมิทุกข์ตรม
                คุณธรรมนำความงามค้ำจุนจิต             พาชีวิตไม่ผิดทางสร้างขื่นขม
รู้พอเพียงเพียงพอไร้ระทม                                   หลุดจากตมหล่มโลกีย์หากมีธรรม
                จงเป็นตัวของตัวเองเร่งเรียนรู้             อยู่ในโลกจงอยู่เหนือโลกได้
อยู่ให้เหนือเพื่อเห็นความเป็นไป                         รู้อะไรเป็นอะไรในทุกครั้ง
                ทำความดีมีสำนึกปรับปรุงตน             เกิดเป็นคนมีเมตตาไม่กักขัง
สัตว์โลกมีชีวิตมานานนัก                                     ต้องรู้จักทำดีเป็นยอดคน
................................................... (กนิษฐ์).............................................................
 
79. จตุรพล 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (จตุรพล)
 
                จิตสำนึกมนุษย์สุดลึกล้ำ                       เลือกกระทำความดีกันเถิดหนา
สัตว์โลกมีกรรมเวรแต่นานมา                             โปรดเมตตาเผื่อแผ่ให้แก่กัน
ทำความดีนี้ได้เพื่อผูกพัน                                      กระทำกันเพื่อชีวิตที่สดใส
มีโชคลาภให้นานประทานใจ                                              คิดว่าใช่ทำเถิดเกิดผลดี
                ใจคนมีดีและมีชั่ว                                  ไม่มืดมัวหากทำดีไม่หนีหาย
หากทำชั่วชีวิตจะวอดวาย                                     จะทำลายทั้งชีวิตจิตมัวหมอง
หากหลงผิดคิดจะทำ                                             ขอให้จำว่าใจไม่คะนอง
อนาคตจะสดใสให้ใส่ใจทำความดี                      ชีวิตมีสุขพ้นจากทุกข์สุขทั่วกัน
                เมื่อไม่ตั้งใจเรียนเพียรฝึกฝน                                ไม่รักตนเตรียมจิตคอยผิดหวัง
รอบคอบในชีวิตคิดระวัง                                     เมื่อพลาดพลั้งตั้งตนใหม่ไม่สายเกิน
มีมโนระลึกถูกและผิดได้                                     ไม่ว่าใครก็มีแต่สรรเสริญ
สำนึกรู้ทำความดีจักจำเริญ                                   ชีวิตจะเดินตามเป้เข้าจุดหมาย
................................................... ( จตุรพล ).............................................................
 
80. อธิราช
ห้วงแห่งมโนสำนึก (อธิราช)
               
                จิตสำนึกมนุษย์สุดหยั่งถึง                     ได้แต่พึ่งความดีกันหนักหนา
มนุษย์เรามีกรรมเก่าแต่นานมา                             ต้องพึ่งพาเกื้อหนุนสร้างบุญกัน
คนทุกคนย่อมมีจิตสำนึก                                      ต้องรู้ฝึกนึกคิดจิตความฝัน
ความคิดคนแตกต่างไม่เหมือนกัน                       เข้าใจกันทุกวันจะดีเอง
                ความเป็นอยู่ของมนุษย์สุดสบาย          ทั้งใจกายใช้ชีวิตลิขิตเอง
แต่นิสัยของคนไม่กลัวเกรง                                 ใจนักเลงใช้ชีวิตผิดธรรมเนียม
ความเป็นคนขึ้นอยู่กับอะไร                                                ที่จิตใจหรือที่ปริญญา
และมนุษย์คือที่สุดของปัญหา                                              ต้องศึกษาและแก้ไขไม่ให้พลั้ง
                จิตมนุษย์ทุกคนยังสับสน                     เห็นแก่ตนคนเดียวไม่เหลียวหลัง       
นิสัยคนคิดแต่ใช้กำลัง                                          ไม่ยอมฟังเหตุผลของใครเลย
มนุษย์เรามีสมองและสองมือ                                                ควรยึดถือความดีงามตามที่เคย
ประเพณีสิ่งดีที่ชมเชย                                           อย่าละเลยควรชมเชยสืบต่อไป
 
................................................... ( อธิราช).............................................................
 
81. นันทกาญจน์
ห้วงแห่งมโนสำนึก (นันทกาญจน์)
 
                สัตว์โลกมีเวรกรรมแต่นานมา             เราจงมาทำดีกันเถิดหนา
เพื่อความดีที่ทำนั้นจะพา                                      ให้ก้าวหน้าไปทางที่สบาย
                เมื่อคนเราพลาดพลั้งไปทำผิด                              ไม่ได้คิดว่ามันจะเลวร้าย
จึงเกิดเป็นปัญหาที่บานปลาย                                               ทุกข์หลากหลายมากมายก็ตามมา
                เกิดปัญหาร้อนใจไปทุกที่                    พวกเรานี้ทำดีกันเถิดหนา
เวรกรรมนี้ติดตัวแต่นานมา                                  โปรดเมตตาเผื่อแผ่ให้แก่กัน
                ห้วงมโนจิตสำนึกที่ดีนั้น                      เปลี่ยนเราพลันให้ดีแสนสุขสันต์
หยุดกระทำความชั่วสิ่งพวกนั้น                           ทุกคืนวันมีสุขไร้ทุกข์ภัย
                ถ้าตัวเราหยุดทำความชั่วกัน                 แสนสุขสันต์โลกนี้จะเปลี่ยนพลัน
เรามาร่วมทำความดีร่วมกัน                                  สิ่งพวกนั้นนำพาไปทางดี
                ในห้วงมโนจิตสำนึก                             ควรนึกคิดทำดีในทุกที่
มุ่งหน้าทำแต่กรรมที่ดีดี                                        ชีวิตนี้มีสุขไร้ทุกข์ภัย
 
................................................... ( นันทกาญจน์ ).............................................................
 
82. ปวริศ
ห้วงแห่งมโนสำนึก (ปวริศ)
               
                ความรู้สึกนึกคิดริษยา                           ความอิจฉาโฆษะรักหลงใหล
ความอยากได้อยากมีเหมือนใครใคร                  ย่อมอยู่ในใจอารมณ์ทุกคนเรา
                แต่ด้านในความรู้สึกที่ลึกกว่า                               ที่มีมาในมโนทั้งเธอเขา
คือสำนึกที่ติดตัวตั้งแต่เยาว์                                  ที่พ่อเฝ้าแม่ปลูกฝั่งให้เป็นดี
                จะทำดีอยู่ที่ตัวกระทำได้                      เพียงไม่ไร้ความดีที่เป็นเกียรติศรี
อารมณ์ร้ายความคิดชั่วอย่าได้ดี                           แค่เท่านี้คนยกย่องเชิดชูกัน
                ห้วงแห่งสำนึกที่ลึกล้ำ                           คือกระทำให้ตนเองได้สุขสันต์
แต่อย่าได้เบียดเบียนสัตว์ด้วยกัน                        มิเช่นนั้นจะถูกตราว่าหยาบมาร
                หากไร้สำนึกมนุษย์ชน                          ขาดความเป็นคนเป็นดั่งเดียดรัดฉาน
มีแต่ร้ายหยาบช้าเลวสันดาน                                 ก็คือมารผจญคนบนโลก
                ดังนั้นเราควรปฏิบัติตัว                         อย่าเกรงกลัวการทำดีกันเถิดหนา
สำนึกดีในจิตน่าทัศนา                                           ควรหันมาทำดีให้แก่กัน
................................................... ( ปวริศ ).............................................................
 
83. เศรษฐภูมิ 
ห้วงแห่งมโนสำนึก ( เศรษฐภูมิ ) 
               
                เป็นมนุษย์รู้จักคิดทำสิ่งดี                      ให้เป็นศรีแก่ชื่อเสียงของตัวเรา
การกระทำให้ถูกต้องง่ายไม่เบา                           ไม่โง่เขลาจะไม่ให้ใครดูหมิ่น
เกิดเป็นคนขึ้นมาในชาตินี้                                    จะใช้ชีวิตไม่หลงในรสกลิ่น
จะสร้างชื่อเสียงให้รู้จักทั่วถิ่น                                              อยู่บนดินรู้สำนึกว่าชั่วดี
                อยู่ที่ไหนอย่าได้ให้เขารังเกียจ             อย่าไปเบียดเบียนใครให้มากมี
ศัตรูจะได้ไม่อยู่ในทุกที                                       ทำความดีเถอะหนามนุษย์เรา
จะทำดีทำชั่วอยู่ที่ตัว                                             อย่าได้มัวหลงใหลในกายเขา
สิ่งสำคัญที่สุดคือตัวเรา                                         อย่าได้เอาสิ่งชั่วชั่วเข้าตัวเลย               
                เพื่อนจะดีจะร้ายจงเลือกคบ                 อาจไม่สบอารมณ์อย่างที่เคย
ใครจะหาว่าเราน่าดูเชย                                         ให้นิ่งเฉยผ่านไปไม่ต้องสน
ถ้าทำตามจิตใจตนเป็นนิด                                    รู้ถูกผิดก็ดีแล้วที่เป็นคน      
จะทำดีจนกว่าจะสิ้นชน                                        ไม่ต้องทนทำความดีเป็นศรีศักดิ์
................................................... ( เศรษฐภูมิ ).............................................................
 
84. ชินกฤต 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (ชินกฤต)
 
                สำนึกดีมีมิตรจิตแจ่มใส                        จึงฝักใฝ่ค้นหาความผาสุก
ไม่มีโศกคลายเศร้าปลดความทุกข์                      สังคมกลุ่มในเมืองใหญ่ต่างสัมพันธ์
นึกคิดว่าเราต่างผูกพันกัน                                     ให้เป็นวันที่ดีไปในชีวัน
สานสัมพันธ์ให้มิตรคือเพื่อนกัน                          การแบ่งปันที่ดีคือสำนึกดี
                หากเราเจอดั่งไฟกลายเป็นเพื่อน          ให้คิดเผื่อว่าเพื่อนนั้นควรปรับตัว
แก้นิสัยเปลี่ยนอารมณ์ใหม่กัน                             กลายเป็นวันที่ผูกพันสำนึกรัก
แต่ถ้าหากตรายังชั่วชีวา                                         ยังคงหาอารมณ์เดิมคงนิสัย
ควรหลีกจากเพื่อนร้ายที่เป็นภัย                           หรืออภัยในสิ่งนี้ที่พลาดพลั้ง
                ในเรื่องเรียนคือสิ่งชูชีวิต                      กลายเป็นจิตใจคนเรานั้นมีค่า
จงขวักไขว่ความรู้ให้ตามหา                                                เหมือนเป็นยาเลี้ยงดูเมื่อเติบโต
ไม่ทุกข์ยากลำบากเหนื่อยกายใจ                         จงใส่ใจในการเรียนมิใช่โกง
การเรียนคือความรู้มิใช่โจร                                 เหมือนทำโลงให้ตัวเองตาทุกข์ยาก
................................................... ( ชินกฤต ).............................................................
 
85. รัฐพงษ์ 
ห้วงแห่งมโนสำนึก ( รัฐพงษ์ )
 
                จิตสำนึกมนุษย์สุดลึกล้ำ                       เลือกกระทำความดีกันเถอะหนา
สัตว์โลกมีกรรมเวรแต่นานมา                             โปรดเมตตาเผื่อแผ่ให้แก่กัน
จงทำดีเมื่อยังมีชีวิตอยู่                                          และจงสู้ต่อไปอย่างสร้างสรรค์
เกิดมาแล้วไม่แคล้วต้องช่วยกัน                           ช่วยจนกว่าตัวฉันจะสิ้นไป
                เกิดเป็นมนุษย์ทั้งทีอย่าเสียชาติ            มีโอกาสทำดีกันมากมาย
จงมาทำความดีกันโดยไว                                     ทำด้วยใจของคนมีธรรม
อันทำดีได้ดีมีที่ไหน                                             ไม่รู้ใครคนถามช่างน่าขำ
ดีไม่ดีอยู่ที่ผลบุญกรรม                                        อย่ากระทำตามอย่างมันไม่ดี
                เราจงทำตามอย่างวีรบุรุษ                      เป็นมนุษย์เกิดมามีศักดิ์ศรี
เพราะว่าท่านทำแต่ความดี                                    ไม่เสียทีเกิดมาเป็นคนไทย
เราจงจำตัวอย่างของท่านไว้                                 เพื่อสอนให้ลูกหลานได้ภูมิใจ
มนุษย์เราถึงจะอยู่ไกลเพียงไหน                          อยู่ที่ไหนไม่สุขใจเหมือนบ้านเรา
................................................... ( รัฐพงษ์ ).............................................................
 
86. เมธาสิทธิ์ 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (เมธาสิทธิ์)
 
                จิตสำนึกมนุษย์สุดลึกล้ำ                                       เลือกกระทำความดีกันเถอะหนา
สัตว์โลกมีกรรมเวรแต่นานมา                             โปรดเมตตาเผื่อแผ่ให้แก่กัน
การกระทำของคนนั้นแตกต่าง                            เราจงสร้างผูกจิตเป็นเดียวกัน
เมื่อไม่ตั้งใจเรียนเพียรฝึกฝน                                                ไม่รักตนเตรียมจิตคอยผิดหวัง
                รอบคอบในชีวิตคิดระวัง                     เมื่อพลาดพลั้งตั้งตนใหม่ไม่สายเกิน
มีมโนลึกถูกและผิดได้                                         ไม่ว่าใครก็มีแต่สรรเสริญ
แม้นสิ้นชีพของตนควรรู้คิด                                 ให้มีจิตนึกถึงแต่สิ่งดี
มิควรมีจิตใจที่หม่นหมอง                                    เราอยู่กันแบบสังคมของพี่น้อง           
                ควรตรึกตรองหาเหตุก่อนกระทำ        มิใช่ทำไปด้วยอารมณ์จิต
แม้ใคร่รักรักมั่วชิงชังตอบ                                   ให้รอบคอบคิดอ่านนะหลานหนา
รู้สิ่งไรไม่สู้รู้วิชา                                                    รู้รักษาตนเองเป็นยอดดี
แม้นจะคิดมโนแห่งสำนึก                                     ตัวเรานึกคิดก่อนจะเกิดผล
 
................................................... ( เมธาสิทธิ์ ).............................................................
 
87. ธนพนธ์ 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (ธนพนธ์)
 
                มนุษย์คิดมากมายแสนลึกลับ                               ความชั่วกับความดีมีเป็นสาย
แต่จะทำความชั่วแสนง่ายดาย                                               ความดีหายหม่นหมองไปจากเรา
                อยากจะทำความดีนั้นมีมาก                  จะทำยากทำง่ายไม่ใช่เบา
อยู่ที่การกระทำของตัวเรา                                    อย่ามัวเมาทำแต่เรื่องไม่ดี
                เราเกิดมาเป็นมนุษย์สุดประเสริฐ         ล้ำเลิศกว่าสิ่งใดในชีวี
หากทำดีจะมีแต่คนปราณี                                     มีความชั่วพ่อแม่จะเสียใจ
                ความขยันนั้นหนอขอให้เกิด                               เป็นผลเลิศเทิดเกียรติแสนสดใส
หากใส่ใจขยันมากในสิ่งใด                                  ชีวิตไม่มีจนคนยินยอ
                เมื่อเป็นเด็กเราทำความดีได้                  มีน้ำใจช่วยแม่ทำงานหนอ
อยู่โรงเรียนพากเพียรอย่าให้ท้อ                          ขอพ่อแม่เข้าใจอยู่ใกล้เคียง
                คำสั่งสอนพ่อแม่แม้พูดบ่อย                 บ้างครั้งพลอยรำคาญต้องโต้เถียง
แต่ส่วนลึกเชื่อฟังในสำเนียง                                 เพียงเพราะเรามั่นใจกตัญญู
................................................... ( ธนพนธ์ ).............................................................
 
88. ภาณุเดช 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (ภาณุเดช) 
 
                จิตมนุษย์คิดไปแสนลึกลับ                   มีกลอกกลับหลอกลวงช่างร้ายเหลือ
ไร้เมตตาฆ่าคนตายเป็นเบือ                                  ฆ่าเลือดเนื้อเชื้อไทยไร้ปราณี
น่าสมเพชคนไทยใจหม่นหมอง                           แล้วจะมองชาติไทยอย่างไรดี
สยามเมืองยิ้มขมขื่นจนมากมี                                               ปฐพียังไม่สิ้นคุณความดี
                หากมนุษย์ไม่ทะนงในศักดิ์ศรี             สามัคคีกันไว้พาสุขี
จงเลือกทำแต่สิ่งที่ดีดี                                            จะได้มีความสุขพ้นทุกข์ภัย
โอ้มนุษย์สุดแสนวิปริต                                         ทำความผิดไร้สำนึกเป็นนิสัย
ทำตามจิตนึกคิดเต็มฤทัย                                      ลุกขึ้นใหม่สู่ต่ออย่างหมายปอง
                มนุษย์เราล้วนมีจิตใต้สำนึก                  เราควรฝึกจิตใจให้หายหมอง
คุณความดีทำได้อย่างใจปอง                                                เราควรมองแต่โลกในแง่ดี
คุณธรรมนำจิตใจให้นึกคิด                                  รู้ถูกผิดดีชั่วอย่างสุขี
เราควรมุ่งทำแต่คุณความดี                                   ตามวิถีพ่อหลวงสอนเรามา
................................................... (ภาณุเดช ).............................................................
 
89. ปพน 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (ปพน)
 
                จิตมนุษย์คิดไปแสนลึกลับ                   มีกลอกกลับหลอกลวงช่างร้ายเหลือ
ไร้เมตตาฆ่าคนตายเป็นเบือ                                  ฆ่าเลือดเนื้อเชื้อไทยไม่มีดี
จากสยามกลายเป็นประเทศ                                  น่าสมเพชคนไทยไม่ปราณี
เราคนไทยต้องร่วมใจทำความดี                          จะได้มีแผ่นดินไทยเช่นในเพลง
                จะมีใครห่วงไทยเท่าในหลวง                              ท่านทรงห่วงประชาชนโดนข่มเหง
ปวงประชายังคงฆ่ากันเอง                                    เราจะเกรงขามไปให้ใครมอง
คนทำดีได้ดีตามวิถี                                                               เราจึงมีจิตใจไม่เศร้าหมอง
เราควรคิดทำดีดั่งใจปอง                                      รวมทั้งผองทำดีสุขีใจ
                คนบางคนทำชั่วตามดวงจิต                 ใช้ชีวิตผิดผิดตามนิสัย
แล้วเมืองไทยจะมีดีอย่างไร                                 เพราะอะไรคนบางคนทำตัวเลว
แล้วทำไมจะต้องทำตัวเลว                                   สิ้นดินเปลวเอาตัวตายตามตน
................................................... ( ปพน  ).............................................................
 
90. ธนาวุฒิ  
ห้วงแห่งมโนสำนึก (ธนาวุฒิ) 
 
                มวลมนุษย์นั้นมีจิตสำนึก                      ล้วนรู้สึกชั่วดีทวีผล
มีศีลห้าชี้ทางประพฤติตน                                     สร้างกุศลผลดีแก่ตัวเรา
แม้ฆ่าสัตว์ตัดชีพโดยไม่คิด                                  ถือว่าผิดเพราะเอาชีวิตเขา
มาเสพสุขปรับทุกข์ให้บรรเทา                             ก้มมองเงาพึงคิดสดับฟัง
                อันขโมยสิ่งของต้องประสงค์                              จักดำรงชีพตนในเรือนขัง
ญาติพี่น้องหมองใจเพราะหมดตังค์                     คงหมดหวังสัมพันธ์แตกร้าวราน
กามอารมณ์ชักชวนให้คบคิด                                               ผันแปรจิตปัญญาแลดับฉาน
อันความใคร่กำเนิดมาเนินนาน                            คำกล่าวขานพระท่านนั้นกล่าวมา
                วาจานั้นกลอกกลับช่างร้ายเหลือ         สิ่งปนเจือคำพูดยากจะหา
หลอกให้คิดให้เชื่อตรงวาจา                                                แล้วนำพาความฉิบหายมาสู่ตน
สุรานี้มีดีที่ตรงไหน                                                               นำพาใครต่อใครให้เสียผล
ควรรู้จักยับยั้งหักห้ามตน                                     เป็นบุคคลตัวอย่างที่ดีงาม
                ในห้วงแห่งมโนใต้สำนึก                      พึงระลึกรู้ตัวชั่วดีถาม
หากรู้ผิดคิดชั่วตั้งแต่นาน                                      ภัยคุกคามชีวิตลิขิตตน
 
................................................... ( ธนาวุฒิ  ).............................................................
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
91. ธนาวัฒน์ 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (ธนาวัฒน์) 
               
                มวลมนุษย์ล้วนมีจิตใต้สำนึก                               ใต้ส่วนลึกจิตใจในสมอง
จักทำการอันใดให้ไตร่ตรอง                                               อย่าสักปองแต่ทำจนหนำกาย
อันเสื้อผ้าเงินทองของหลอกจิต                           หากยึดติดหลงผิดจักฉิบหาย
สิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นของนอกกาย                        หากมิวายชีวาค่อยหาเอา
                อันสุราเมรัยใช่ประโยชน์                     ล้วนมีโทษเปลี่ยนคนจนโง่เขลา
แม้นมนุษย์เสพสมของมึนเมา                                               เปรียบแผดเผาตัวตนจนบรรลัย
กาเมสุมิจฉาพระท่านว่า                                         ขอจงอย่าสนองปองแต่ใคร่
อย่าได้คิดผิดชู้ลูกเมียใคร                                     ซื่อสัตย์ใจในคู่ที่อยู่กิน
                มุสาคนเก่าว่าอย่าพูดปด                        อย่าคิดคดบ้านเมืองเพื่อทรัพย์สิน
และอย่าใช้มุสาเพื่อหากิน                                     ให้ดิ้นรนอยู่บนลำแข้งตน
ปานาโบราณว่าอย่าฆ่าสัตว์                                   หยุดยืดหยัดเลี้ยงสัตว์เพื่อหวังผล
สรรพสิ่งล้วนรักชีวิตตน                                       หากเป็นคนอย่าอยู่บนชีวิตใคร
                ในห้วงแห่งมโนของสำนึก                   หากหมั่นฝึกจิตใจรักโปร่งใส
มิเบียดเบียนอยู่บนทุกข์สุขใคร                           ส่งผลให้ชีวิตคนพ้นบ่วงกรรม
................................................... ( ธนาวัฒน์ ).............................................................
 
92. ภูวนัย 
ห้วงแห่งมโนสำนึก ภูวนัย 
 
มนุษย์เราล้วนมีจิตสำนึก                       เพียงตรองตรึกฝึกฝนเรื่องพบผ่าน
เราคิดดีทำถูกใจชื่นบาน                                       สุขสำราญนั้นอยู่ในมือเรา
ความหลงใหลในรูปภาพลวงตา                          ทำชั่วช้าแค่ไหนไม่มีเศร้า
ชั่วนำหน้าทิ้งตัวตามเป็นเงา                                  หลงมั่วเมาสิ่งชั่วรอบตัวตน
                เป็นมนุษย์ดีชั่วในตัวมี                          แต่ความดีทำยากในหมู่ชน
อยู่ที่เราสั่งให้ใจขุดค้น                                          เปิดใจตนค้นหาแต่สิ่งดี        
สำนึกดีเป็นสิ่งมีคุณค่า                                           พัฒนาจิตใจให้ศักดิ์ศรี         
ช่วยให้ชาติสงบสุขทวี                                          ให้โลกมีสันติพินิจชอบ
                ความอบายทั้งกายและคำพูด                                คนหลงหลุดนอกธรรมออกนอกกรอบ
ใคร่ควรคิดให้ดีและรอบคอบ                                             มีคำตอบอยู่ในใต้สำนึก
ห้วงสำนึกทำดีนั้นมีอยู่                                          คงอยู่คู่ความคิดในส่วนลึก
มองตัวเองรอบข้างลองฝนฝึก                                              ความรู้สึกอยากทำแต่สิ่งดี
................................................... (  ภูวนัย  ).............................................................
 
93. วรพจน์ 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (วรพจน์)
 
                คนเรานี้จะดีหรือจะชั่ว                         อยู่ที่ตัวของคนเราใช่ของใคร
ทุก ๆ สิ่งทุก ๆ อย่างที่ทำไป                                 คงไม่ใช่เหตุผลของตัวตน
คนเรานี้เกิดมามีชีวิต                                             ไม่ควรคิดทำชั่วทุก ๆ หน
กว่าคนเราจะเกิดมากลายเป็นคน                         ต้องทุกข์ทนพ่อและแม่ตลอดไป
                จนเติบโตใครกันเล่าเฝ้าเลี้ยงดู             เราจะอยู่อย่างไรใครรู้ไหม
ถ้าไม่มีพ่อและแม่เป็นห่วงใย                                               จะมีใครกันเล่ามาเฝ้ายา
คนทุกคนเกิดมามีพ่อแม่                                       สุดแล้วแต่คนเราจะปรารถนา
ถ้าคิดดีทำดีตลอดมา                                             จงรักษาความดีนี้ตลอดไป
                เกิดเป็นลูกจงฝังจิตไม่คิดชั่ว                                ไม่ควรมั่วสิ่งเสพคิดแก้ไข
พ่อแม่รู้คงไม่สบายใจ                                           เราจึงไม่ทำพ่อแม่เสียน้ำตา
อันทุกคนเพียรศึกษาเพื่อหน้าที่                            จะมีสักกี่คนที่ใฝ่หา
นำความรู้คู่คุณธรรมล้ำกายา                                 อย่านำมาคดโกงประเทศไทย
 
................................................... (วรพจน์ ).............................................................
 
94. กล้าณรงค์
ห้วงแห่งมโนสำนึก (กล้าณรงค์)
                                               
                จิตมนุษย์คิดไปสุดลึกลับ                     มีกลอกกลับลวงหลอกช่างร้ายเหลือ
ไร้เมตตาฆ่าคนตายเป็นเบือ                                  ฆ่าเลือดเนื้อเชื้อไทยไร้ปราณี
                ก่อนจะทำสิ่งใดใคร่ควรคิด                 รู้ถูกผิดตามธรรมนำสุขี
ตั้งมั่นทำในคุณงามและความดี                            พื้นปฐพีล้วนร่มเย็นเป็นสุขใจ
                โอ้มนุษย์มีอะไรมาด้วยเล่า                   จ้องแต่เอาความสุขสนุกไฉน
มาตัวเปล่าแล้วจะเอาอะไรไป                                              ก็ควรไปตัวเปล่าดั่งเจ้ามา
                ดีหรือชั่วอยู่ที่การตั้งมั่นจิต                  ถูกหรือผิดอยู่ที่ตนนั้นฝันหา
วัดดีชั่วอยู่ที่ใจใช่เวลา                                           เฝ้าครวญหาสิ่งที่ดีสุขีใจ
                ยศและลาภหาบไปไม่ได้แน่                 สิ่งแน่แท้คือจิตที่ผ่องใส
แม้แต่ร่างเขาก็เอาไปเผาไฟ                                   แล้วเหตุใดจึงยึดติดกับอบาย
                อันความดีเคยทำไว้กับใครนั้น            ไม่มีวันเลือนลางและจางหาย
แม้สิ้นร่างมอดม้วยและมลาย                                               คงไม่หายล่วงลับจากสายใจ
................................................... ( กล้าณรงค์ ).............................................................
 
95. ชนินทร์ 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (ชนินทร์) 
 
                จิตสำนึกก้นบึ้งแห่งความคิด                                ผูกดวงจิตคิดไปช่างร้ายเหลือ
ไร้เมตตาฆ่าคนตายเป็นเบือ                                  แล้วจะเหลืออะไรใช้นำทาง
                ก่อนจะทำสิ่งใดใช้ความคิด                  ใช้ดวงจิตคิดไปอย่าบาดหมาง
ให้ดวงใจเป็นตัวชี้นำทาง                                      มิให้ห่างจิตสำนึกใช้นำพา
                ทั้งจิตใจมนุษย์ที่มัวหมอง                     หวังจะครองลาภยศสูงส่งหนา
หวังจะมีชื่อเสียงเกริกก้องมา                                                อนาถหนาจิตใจมนุษย์เรา
                แต่มนุษย์ไร้ความปราณีนัก                  ทำกรรมหนักยังรบกวนคนอื่นเขา
ทั้งเสพยาเสพกามสิ่งมึนเมา                                   สุดแสนเศร้าอนาถใจไม่ใช่คน
                เพราะคนเราไร้ความสามัคคี                 ไร้สุขีไร้สุขทุกข์ทนนาน
ขาดรักสมัครสมานวินาศไป                                 แสนอาลัยใจวิบัติขาดสามัคคี
                ห้วงเวลาพาคนพ้นความทุกข์                               มีความสุขอุ่นใจแสนสุขี
ถ้าทุกคนรวมใจทำความดี                                    ดั่งนทีไหลรวมหลากสะอาดใจ
................................................... ( ชนินทร์ ).............................................................
 
96. จักรวรรดิ 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (จักรวรรดิ) 
 
                มนุษย์เราเกิดมาฟ้าลิขิต                         ใช้ชีวิตดั่งฝันตามเป้าหมาย
อยู่ที่ตัวทำดีใจสบาย                                              จิตผ่อนคลายด้วยผลการทำดี
                การทำดีทำได้ดั่งใจหวัง                        สร้างพลังให้ใจนั้นสุขี
เพื่อชีวิตสุขีและเปรมปรีดิ์                                    ตามดังที่ท่านพ่อสอนเรามา
                การจะมีชีวิตที่เป็นสุข                           ดับเรื่องทุกข์ที่ใจนั้นฝันหา
เดินตามทางชีวิตกำหนดมา                                   ควรรักษาคุณธรรมนำจิตใจ
                ขออย่าเดินกลับหลังให้สู้ต่อ                                ขออย่าท้อให้สู้ต่อดีไหม
คุณธรรมเป็นแรงสู้ต่อไป                                     ขอสู้ใหม่ถึงแม้เราล้มลง
                จุดหมายนั้นไม่ไกลเกินเราฝัน              ไม่หวาดหวั่นหากใจนั้นขื่นขม
เป้าหมายนั้นมีไว้ให้พุ่งชน                                    กระทำตนสิ่งใดให้รู้ไป
                จะกระทำสิ่งใดควรนึกคิด                    หลีกสิ่งผิดควรกระทำเป็นนิสัย
จิตสำนึกนั้นอยู่ที่จิตใจ                                          อย่าหวั่นไหวพาจิตสู่ทางเลว
................................................... ( จักรวรรดิ ).............................................................
 
97. ตระการ 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (ตระการ)
 
                มนุษย์เราต่างมีทั้งดีชั่ว                           ไม่เกรงกลัวบาปกรรมที่ทำไว้
ยากจะรู้ความคิดภายในใจ                                    ไม่มีใครยอมใครล้วนแย่งชิง
                ถึงความดีโลกนี้จะมีมาก                      มิอาจพรากความชั่วที่เป็นจริง
อนิจจังมีในทุกสรรพสิ่ง                                       ไม่อาจทิ้งความจริงให้ยั่งยืน
                ทั้งกิเลสตัณหาก่อตัววน                        ให้ใจคนมัวเมาจนยากคืน
เสพสุราเสพยาจมด้านมืด                                      สิ่งเสพอื่นเกิดขึ้นเพราะตัวคน
                ความอยากได้ลุ่มหลงมีปะปน             ดังวังวนกวนจิตให้วกวน
คอยฉุดดึงชีวิตไม่อยู่ทน                                       มีแต่จนไร้ทางจะก้าวเดิน
                จิตกมลควรคู่คุณธรรม                         คอยชักนำความชั่วให้ห่างเหิน
มีความดีเป็นเครื่องช่วยจำเริญ                              จะไม่เมินในสิ่งที่ควรทำ
                ตัดกิเลสโลภะที่เผชิญ                           แล้วควรเดินตามทางไม่เลื่อมล้ำ
คุณธรรมนำใจที่ควรจำ                                         ต้องไม่ทำกมลให้เสื่อมทราม
................................................... ( ตระการ ).............................................................
 
98. นนทนันท์
ห้วงแห่งมโนสำนึก (นนทนันท์)
 
                มนุษย์เราล้วนมีจิตสำนึก                       มันลึกลับซับซ้อนมากเหลือหลาย
จะติดตัวอยู่กับตนไปจนตาย                                               อยากสบายจงตั้งมั่นในความดี
                โอ้มนุษย์คิดไปแสนลึกลับ                   พึงสดับตรับฟังอย่าแหนงหนี
รู้ถูกผิดความชั่วและความดี                                  มีชีวิตชีวีสุขสมใจ
                หากมนุษย์คิดแต่จำชั่ว                           จะหมองมัวทำจิตมิผ่องใส
ไร้เมตตาปราณีไม่เกรงใคร                                  เพราะอะไรถึงทำชั่วมั่วอบาย
                สิ่งเสพติดจะพาใจให้มีทุกข์                  มิแสนสุขบรรลัยน่าใจหาย
เสพสิ่งชั่วพาชีวิตให้มลาย                                     ฝันสลายหากเสพสิ่งที่โง่งม
                หากหลงเดินถนนสายชั่วนี้                   คุณความดีคงไม่มีให้ชวนชม
ถ้าไม่ทำความดีคงตรอมตรม                                               คงระบมชอกช้ำระกำใจ
                ทำความดีนั้นทำกันไม่ยาก                   อาจลำบากเพียงนิดก่อนสดใส
ได้ไม่ได้เรารู้อยู่ที่ใจ                                             ถึงอย่างไรควรสำนึกระลึกตน
................................................... ( นนทนันท์ ).............................................................
 
99. คณิศ 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (คณิศ) 
               
                อยากเดินในถนนสายคนชั่ว                 อยากเมามัวเสพอบายอย่างสาสม
อยากเสพกามมั่วเพศตามอารมณ์                          อยากนิยมปล่อยตัวชั่วอารมณ์
                หากไม่คิดที่จะทำความดี                      ไม่มีความสงบในอารมณ์
หากยังทำความชั่วไว้จงมี                                      จะมีเพียงความชั่วที่ร้ายเหลือ
                จิตมนุษย์คิดไปแสนลึกลับ                   มีกลอกกลับหลอกลวงช่างร้ายเหลือ
ไร้เมตตาฆ่าคนตายเป็นเบือ                                  ฆ่าเลือดเนื้อเชื้อไทยไร้ปราณี
                ควรตั้งจิตตั้งมั่นทำความดี                    ให้ชีวียึดมั่นในความดี
หากเราไม่ร่วมกันทำสิ่งดี                                      จะไม่มีความงามในจิตใจ
                รู้รักสามัคคีดั่งน้องพี่                             จะไม่มีความชั่วแทนสิ่งใด
มีความดีพักพิงในจิตใจ                                        ไม่มีสิ่งใดมาแยกกันได้
                เลือดเนื้อเชื้อไทยรวมใจรักกัน            ร่วมใจกันรักกันดั่งพวกพ้อง
มีความรักห่วงใยปรองดอง                                  ให้พี่น้องรักกันดั่งพวกพ้อง
................................................... ( คณิศ ).............................................................
 
100. เจนณรงค์ 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (เจนณรงค์) 
                สังคมไทยในโลกมนุษย์ก่อ                  กริยาส่อความคิดได้น่าขัน
สังคมดีสังคมทรามถูกกดดัน                                               ตามไม่ทันจิตคนหาแน่วได้
สังคมก่อนผู้คนมีทุกสีสัน                                     ทุกคนรู้มีธรรม์ทันแถลงไข
สังคมจึงเต็มไปด้วยธารน้ำใจ                                               ให้ได้ใช้สำนึกรู้ทำความดี
สังคมสอนให้คนได้รู้สึก                                      รู้สำนึกทำแต่ถูกไม่บัดสี
สังคมผิดทำคนขาดความดี                                    สำนึกดีสังคมดีทั่วทั้งบาง
สังคมเราปัจจุบันจงใช้อ่าน                                   จิตจำนานสำนึกเคยปลูกฝัง
สังคมบ้านโรงเรียนร่วมประทัง                           ปลูกจิตสร้างใช้นำพาเจริญใจ
สังคมไทยอยากให้คนอยู่ในห้วง-                        แห่งมโนสำนึกดั่งน้ำใส
สังคมเคยปลูกฝังเราอย่างไร                                 หรือไม่มีผู้ใดเปลี่ยนสังคม
สังคมเราต้องช่วยเหลือการณ์ที่ภัยพรม                               ปันน้ำใจให้แก่กันฉันพี่น้อง
สังคมเราทุกคนเปรียบดั่งพี่น้อง                           เหมือนพวกพ้องเลือดสีเดียวกันทั้งผอง
สังคมจึงสามัคคีเห็นใจปอง                                  ทุกทุกคนล้วนปรองดองครัวเดียวกัน
................................................... ( เจนณรงค์ ).............................................................
 
101. ธนกฤต
ห้วงแห่งมโนสำนึก (ธนกฤต)
               
                จิตมนุษย์คิดไปแสนลึกลับ                   มีกลอกกลับหลอกลวงชั่งร้ายเหลือ
ไร้เมตตาฆ่าคนตายเป็นเบือ                                  ฆ่าเลือดเนื้อเชื้อไทยไร้ปราณี
มนุษย์เราล้วนมีชั่วและดี                                       ทั้งล้วนมีลาภยศและศักดิ์ศรี
ทั้งแกร่งแย่งชิงดีเพื่อตนมี                                     ความปราณีเป็นสิ่งที่ควรทำ
                เป็นบ่อเกิดของความโลภและความหลง            จงทำดีอย่าให้โดนครอบงำ
สิ่งที่เคยทำมาจงจดจำ                                            สิ่งที่ทำมานั้นล่วงเลยไป
มนุษย์เรามีทั้งดีและชั่ว                                          จะหมองมั่วยากทำจิตให้ผ่องใส
ดีหรือชั่วอยู่ที่ตัวและหัวใจ                                  อย่าฝันใฝ่อบายให้อาจม
                โอ้มนุษย์คิดดีแต่ทำชั่ว                          อีกทั้งมั่วอบายจนสาสม
เสพสิ่งชั่วพาใจให้โง่งม                                         จิตระบมชอกช้ำระกำใจ
จะทำดีหรือชั่วคิดเอาเถิด                                      ผลที่เกิดจะหม่นหมองหรือผ่องใส
ทุกสิ่งนั้นก็อยู่ที่หัวใจ                                           เป็นอย่างไรอยู่ที่สำนึกตน
................................................... (   ธนกฤต ).............................................................
 
102. ธนวัฒน์ 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (ธนวัฒน์)
               
                มองเหตุการณ์บ้านเมืองในวันนี้           ล้วนแต่มีความขัดแย้งทุกแห่งหน
ความผิดพ้องหมองใจเหมือนไฟลน                    ทุกตัวตนคนไทยใจมลาย
                สันติธรรมหายไปไหนคนไทยเอ๋ย      ต่างเฉยเมยไม่นำพาน่าใจหาย
เสียงก่นด่ากันและกันอันตราย                             เกรงจักกลายเข้าประจัญฉันศัตรู
                หากทุกคนสนใจในวันนี้                      สามัคคีพี่น้องไทยใช่เรื่องขำ
อุดมการณ์สวนทางต่างกระทำ                             จะยิ่งซ้ำเติมไทยให้สิ้นลง
                ไม่อยากเห็นแบ่งฝ่ายไทยทั้งชาติ         ทั้งยังขาดความรักไปใจหดหู่
ถึงอย่างไรเราคือไทยใช่ศัตรู                                                ยังต้องอยู่บนแดนดินถิ่นเดียวกัน
                มีสิ่งใดทำไมไม่บอกเล่า                        เพียงจับเจ่าคุยให้เกิดสมานฉันท์
ถ้อยทีถ้อยอาศัยได้แบ่งปัน                                  ข้อคิดเห็นร่วมกันไม่ยากเลย
                ลดทิฐิลดอัตตาหากันบ้าง                     อย่าระคางแค้นข้นจนเพิกเฉย
หากไม่ยอมร่วมชาติขาดกันเลย                           คงลงเอยด้วยชาติแหลกแตกกระจาย
................................................... ( ธนวัฒน์ ).............................................................
 
103. ชนกานต์ 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (ชนกานต์) 
 
                องค์มนุษย์สุขแสนจักเลิศล้ำ                 ดุจทองคำล้ำเลิศประเสริฐศรี
ทองคำนั้นจะเป็นทองล้วนย่ำยี                            จะสุขีได้นั้นต้องเพียงพอ
คำพระท่านกล่าวไว้จงเดินต่อ                                              จึงอย่าท้อความจริงที่หม่นหมอง        
ลาภยศศักดิ์มิเป็นที่หมายปอง                                               คุณความดีเท่านั้นก่อเกิดคน
                จิตมนุษย์วกวุ่นแต่กิเลส                        ดลเป็นเหตุเกิดความกลหน
ทำชีวิตการงานอัปรีย์จน                                       จิตวกวนสร้างผลแด่ตนเอง  
จิตสำนึกความดีเราสร้างได้                                  ต้องใส่ใจอดทนไม่ไขว้เขวง
จิตตั้งมั่นไม่ไหวหวั่นต้องยำเกรง                        เพิ่มพูนผลพอกพูนแด่ความดี
                คุณความดีนั้นหนาควรประจักษ์          ให้รู้รักทำดีเป็นศักดิ์ศรี
หากทำได้ดังที่กล่าวมานี้                                       จักเปรมปรีดิ์สุขได้ไร้กังวล
ดีหรือชั่วก่อเกิดจิตสำนึก                                      พึงระลึกก่อเกิดกำเนิดผล
สร้างตัวตนให้ได้เป็นบุคคล                                 ดั่งน้ำวนให้คนคิดพินิจใจ
................................................... ( ชนกานต์ ).............................................................
 
104. วัชรพล 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (วัชรพล) 
 
                มนุษย์เราล้วนมีดีและชั่ว                       ไม่เกรงกลัวสิ่งใดที่เศร้าหมอง
ทำความดีลดลงดังใจครอง                                   หันมาลองทำตัวตนสุดหม่นใจ
มนุษย์นี้ไร้ความปราณีนัก                                    มีทั้งหนักทั้งเบาแสนทนไหว
มีทั้งโลกทั้งหลงสุดหม่นใจ                                  แสนบรรลัยจิตใจมนุษย์เรา
                โอ้มนุษย์จิตใจที่มัวหมอง                     หวังจะครองลาภยศสูงส่งหนา
หวังจะมีชื่อเสียงเกริกก้องมาก                             หวังคนมาเคารพบารมี
ใจมนุษย์นั้นไซร้แสนหนักหนา                           ถูกมนต์ตราครอบงำสมศักดิ์ศรี
ทำทั้งบาปทั้งบุญบ่มีดี                                           เจอราคีสุมตัวขจีพันธ์
                หากต้องเดินถนนสายชั่วนี้                   มีทั้งดีทั้งชั่วไม่เหมือนฝัน
มีทั้งมั่วทั้งชั่วปะปนกัน                                        หากเจอมันชีวิตคงบรรลัย
ถ้าจะเป็นคนดีมันไม่ยาก                                      แต่ลำบากสักนิดจะสู้มัย
หากทำได้ขอให้สู้สู้ต่อไป                                     จะสมหวังดั่งใจคิดหมายปอง
 
................................................... ( วัชรพล  ).............................................................
 
105. กฤตกร
ห้วงแห่งมโนสำนึก (กฤตกร)
 
                จิตมนุษย์คิดไปแสนลึกลับ                   มีกลอกกลับหลอกลวงช่างร้ายเหลือ
ไร้เมตตาฆ่าคนตายเป็นเบือ                                  ฆ่าเลือดเนื้อเชื้อไทยไร้ปราณี
ดั่งจิตเดรัจฉานหรือกระไร                                   มันชั่งไร้คุณธรรมที่ดี
สงสารประเทศไทยไร้คนดี                                  ที่มีสีต่างเสื้อเหลือระอา
เด็กรุ่นใหม่คือความหวังของเรา          ไม่มัวเมาอดีตที่ผ่านมา
ช่วยทำให้สังคมพัฒนา                                          พานานาชาติชื่นชนนิยม
จิตใจคนไทยมีคุณธรรม                                       ได้น้อมนำความดีมีคนชม
ประพฤติประเพณีที่เหมาะสม                              ความรื่นร่มสุขใจไทยทั้งผอง
                จิตดีไม่ได้มีแต่กำเนิด                            ได้บ่นเกิดจากธรรมแผ่นดินทอง
จิตมนุษย์ทั่วโลกเป็นพี่น้อง                                  ให้ปกครองด้วยจิตที่เมตตา
ห้วงแห่งมโนสำนึกที่ดี                                          จะต้องมีศีลธรรมนำพา
ไม่นำชั่วชีวิตจะหรรษา                                         บุญนำพาครอบครัวให้เป็นสุข
................................................... ( กฤตกร ).............................................................
 
106. สุจิตรา
ห้วงแห่งมโนสำนึก (สุจิตรา)
 
                เราเติบโตมาเราต้องสำนึก                     เราต้องฝึกจิตใจให้ผ่องใส
ดีหรือชั่วอยู่ที่ตัวและหัวใจ                                  จิตผ่องใสนั้นแหละเป็นสิ่งดี
จิตสำนึกเป็นสิ่งที่ต่อชีวิต                                     รู้ถูกผิดใช้ทำนำวิถี
ต่อจากนี้ชีวิตจะสุขี                                                               จะได้มีความหวังที่ไสว
                เราต้องใช้ความคิดนำทางไป                                ช้าอยู่ใยต้องเดินทางให้สดใส
เราต้องทำแต่สิ่งที่ถูกไว้                                        อย่าคิดใช้แต่สิ่งเห็นแก่ตัว
ต้องต่อสู้ฟันฝ่าอุปสรรค                                       จนตระหนักสิ่งดีอย่าทำชั่ว
จงทำตัวอย่าหลงอย่าเมามัว                                   อย่าเห็นชั่วเป็นดอกบัวแสนหม่นใจ
                หากคิดดีสำนึกดีฝึกฝนไว้                     อย่าหลงไปในแสงแห่งเปลวไฟ
จดจำไว้อย่าหลงไปจนเป็นภัย                             บอกจิตใจว่าต้องไปสู่ปลายฝัน
รู้สำนึกคิดดีศรีแก่ตัว                                             ไม่ทำชั่วควรทำดีไม่แปรผัน
จงสำนึกคิดดีทุกคืนวัน                                         จะสุขสันต์ไม่มีสิ่งแปรเปลี่ยนไป
................................................... ( สุจิตรา  ).............................................................
 
107. ปิยะวรรณ     
ห้วงแห่งมโนสำนึก (ปิยะวรรณ)
 
                อันภูเขาแม่น้ำยังหยั่งถึง                        จิตคำนึงยากแท้จะหยั่งหา
คนคิดดีคิดร้ายมีมากนา                                        จงคบหาแต่คนดีเป็นศรีตัว
มนุษย์เราทุกคนล้วนมีจิต                                     มีไว้คิดเป็นสิ่งดีหรือสิ่งชั่ว
อย่าหลงผิดจนถึงขึ้นเมามัว                                   จงรักตัวเองแล้วเดินก้าวไป
                หนึ่งต้องทำจิตใจให้สงบ                      ต้องสยบความชั่วอย่าหวั่นไหว
ถ้าจะคิดสิ่งใดจงใช้ใจ                                           แล้วต้องไปทำสิ่งนั้นให้ถูกทาง
สองเกิดมาต้องหัดรักชีวิต                                    ต้องใช้จิตเดินนำทางสว่าง
อย่าเมามัวทำสิ่งที่ไม่ถูกทาง                                  จงหมาดหมางในทางที่มืดมน
                สามจงใช้จิตนึกคิดในทางชอบ            หาคำตอบให้ชีวีไม่ขัดสน
จงข้ามผ่านวันนั้นด้วยตัวตน                                                ต้องสู้ทนอุปสรรคยังอีกไกล
ห้วงแห่งจิตสำนึกนั้นมีค่า                                     จงรักษาไว้อย่าให้หายไปไหน
คิดให้ถูกทำให้ถูกแล้วก้าวไป                                              ให้ถึงชัยที่มุ่งหวังอย่างยั่งยืน
................................................... (   ปิยะวรรณ ).............................................................
 
108. ศรัญญา 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (ศรัญญา) 
 
                จิตมนุษย์คิดไปแสนลึกลับ                   มีกลอกกลับหลอกลวงช่างร้ายเหลือ
ไร้เมตตาฆ่าคนตายเป็นเบือ                                  เสียเลือดเนื้อเชื้อไทยไม่ปราณี
มาเถิดไทยมาร่วมสมานสมัคร                              สำนึกรักชาติไทยให้สุขี
อย่าให้ชาติเป็นอย่างทุกวันนี้                                                ควรเริ่มที่ทศพิธฯ 10 ประการ
                ประการ 1 ทานต้องยอมสละ                               ควรที่จะรู้จักให้ทุกสิ่งสาร
ประการ 2 ถือศีลให้ไกลมาร                                                5 ประการ ห้ามกันไว้ไกลกรรมเวร
ประการ 3 รู้จักบริจาค                                          ทำเพื่อคนส่วนมากดังที่เห็น
องค์พ่อหลวงของไทยทรงลำเค็ญ                       เพื่อชาวไทยอยู่เย็นเป็นสุขมา
                ประการ 4 มีความซื่อตรงไว้                 ดำรงในสุจริตจิตอาสา
ต้องซื่อสัตย์ทั้งกายใจและวาจา                            ประการ 5 อ่อนโยนด้วยหวังดี
ประการ 6 หมั่นเพียรไม่เกียจคร้าน                     ปฏิบัติการงานอย่างเต็มที่
ประการ 7 ไม่โกรธจนทุบตี                                 เหตุผลมีมากพอไม่โกรธา
                ประการ 8 ไม่เบียดเบียนไม่ขู่เข็ญ        ไม่สร้างทุกข์ลำเค็ญจนเข่นฆ่า
ประการ 9 ขันติกาย วาจา                                      บอกใจว่าอดทนจนสุดใจ
ประการ 10 เที่ยงธรรมไม่ไหวหวั่น                     ไม่เอนเอียงตามกันให้หวั่นไหว
ต้องหนักแน่นไม่ถือพวกใครฝ่ายใคร                 ความถูกต้องจะนำไทยให้มั่นคง
                มาเถิดไทยมาร่วมสมัครสมาน              อย่ารุกรานฆ่ากันจนลืมหลง
ว่าไทยนี้คือสยามอยู่ดำรง                                     ไทยยืนยงคงรูปขวานตราบนานไป
จงใช้จิตสำนึกสู้ใจเถิด                                           สิ่งที่เกิดใช่ใครทำไทยเราไม่
ทศพิธราชธรรมนำมาใช้                                       ไทยรักไทยไทยทวีไทยไชโย
................................................... ( ศรัญญา ).............................................................
 
109. พัชรพล 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (พัชรพล) 
 
                มโนธรรมคำนี้ประเสริฐนัก                 ใครรู้จักจดจำจงนับถือ
ทำสิ่งใดที่ดีอย่าวางมือ                                          จงนับถือคิดทำแต่ความดี
                ทำการใดให้คิดตริตรองจิต                  คำนึงคิดสิ่งที่ทำอยู่เสมอ
ถูกหรือผิดมโนธรรมจงนึกเจอ                            ให้เสมอสำนึกในความดี
                มโนธรรมพร่ำสอนให้เราคิด                                ถ้ายึดติดสิ่งเลวก็ไร้ผล
ทำความดีชาตินี้ไม่อับจน                                     สอนให้คนเป็นคนดีตลอดไป
                มโนธรรมหลักธรรมของความคิด      รู้ถูกผิดคิดคำนึงอยู่เสมอ
ทำความดีมีแต่สุขทุกข์ไม่เจอ                                               จำนะเออมโนธรรมจำขึ้นใจ
                มโนธรรมคำนี้แลดีนัก                          ให้รู้จักความดีไม่มีสิ้น
ทำด้วยใจสื่อด้วยใจไร้มลทิน                                               จงจดจำทำความดีตลอดไป
                ปัญหามากมายเข้ามาในชีวิต                 ตริตรองจิตคิดถูกผิดแก้ปัญหา
คิดสิ่งดีทำความดีมีปัญญา                                     หมดปัญหามโนธรรมสั่งสอนเรา
................................................... ( พัชรพล ).............................................................
 
110. กัญญา 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (กัญญา) 
 
                ลิขิตสรวงก่อกำเนิดเกิดชีวิต                                ผูกดวงจิตคิดชอบปองสุขสม
มโนสำนึกหนึ่งห้วงตรึงอารมณ์                           อยากสุขสมครองสุขกันทุกคน           
กิเลสหนึ่งพึงคิดจิตสวาท                                      สำนึกขาดตริตรองจำลองผล
ก้าวเดินผิดคิดฆ่าตัวชั่วอาจม                                                ต้องทุกตรมบาปหนักเพราะหัดกาม
                อยากจะมีอยากจะเป็นอยากจะได้       อยากจะให้หมดทุกข์สุขล้นหลาม
เดินทางผิดคิดทำชั่วหนึ่งในกาม                           แม้ใครถามก็ว่าใช่เพราะใจโทรม
หนึ่งสองสามอยากลองทำสักครั้งบ้าง                 สี่ครั้งตามไฟลามทุ่งที่รุกโหม
ฤ ดวงจิตถูกความชั่วเข้าจู่โจม                              สำนึกโทรมหยุดยั้งคิดผิดบังตา
                คำสั่งสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์                                ที่แสนสุดดั่งเหวลึกยากค้นหา
ร้อนดั่งไฟแปรปรวนได้ดั่งธารา                          ชีวาขาดยั้งคิดผิดดำดิ่งลง
จะมีคนสักกี่คนสำนึกได้                                      หนึ่งห้วงใจมโนจิตพิศวง
ในหนึ่งห้วงความคิดตริตรองตรง                       สบประสงค์พานพบสุขนิรันดร์กาล
................................................... ( กัญญา ).............................................................
 
111. คณิตา 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (คณิตา) 
 
                อันสำนึกมนุษย์มีดีชั่ว                           อย่าทำตัวทำใจให้เหลวไหล
มนุษย์นี้มีชั่วดีปนกันไป                                       อย่าทำให้กายใจไร้คุณธรรม
จิตมนุษย์นั้นยากจะหยั่งถึง                                   ต้องคำนึงถึงผลกฎแห่งกรรม
คอยย้ำเตือนกายใจไม่กระทำ                                               ไม่จดจดสิ่งชั่วไม่มัวเมา
                อย่าเดินไปเส้นทางอเวจี                        เส้นทางนี้ไม่ดีต่อตัวเรา
ถ้าหลงไปคงเจ็บอีกหลายเท่า                                               อย่าได้เอาชีวิตเป็นเดิมพัน
ห้วงแห่งจิตสำนึกของมนุษย์                                                เปรียบประดุจห้วงน้ำที่ผกผัน
ก่อตัวเป็นพายุลูกใหญ่นั้น                                    ยิ่งนานวันยิ่งเลวร้ายกว่าก่อนนี้
                เมื่อใดหนอมนุษย์จะรู้สึก                     รู้สำนึกรู้ค่าของความดี
ไม่ทำร้ายเข่นฆ่าไร้ปราณี                                      ไม่แบ่งสีแบ่งพวกเราคนไทย
อันมนุษย์จะมีดีหรือชั่ว                                         อยู่ที่ตัวผลกรรมจะนำไป
ถ้าวันนี้ได้ทำดีแล้วไซร้                                        จะมีใจบริสุทธิ์ดุจสายธาร
................................................... (  คณิตา ).............................................................
 
112. ทวีศักดิ์
ห้วงแห่งมโนสำนึก (ทวีศักดิ์)
               
                พฤษภาแดงเดือดเลือดนองชาติ            เพราะคนขาดสำนึกใช่สิ่งไหน
รักแต่ตัวรักแต่ตนไม่สนใคร                                                เมืองมอดไหม้กลายเป็นเถ้าธุลี
ชมนิยมชมชอบแต่สิ่งผิด                                      ในดวงจิตคิดชั่วไม่หลีกหนี
หลงเข้าไปในเส้นทางสายราคี                              หม่นราศีมีแต่ตัวไร้หัวใจ
                หากในห้วงมโนสำนึกท่าน                   ยังต้องการเสพกามตามสมัย
ตัวท่านเองจะเป็นเช่นกองไฟ                                               โหมลุกไหม้ร้อนรุ่มกว่าโลกัลป์
แต่ถ้าหากมโนสำนึกท่าน                                      นั้นต้องการเสพธรรมนำสุขสันต์
สมัครสมานรักใคร่ปองดองกัน                           มีน้ำใจแบ่งปันบันดาลดล
                ใช้หลักธรรมนำใจไทยทั้งผอง             เห็นเงินทองมากเพียงไรอย่าไปสน
ศักดิ์ศรีมีมือมีนี่แหละคน                                      แค่อดทนตนพึ่งตนไม่อดตาย
สำนึกรักบ้านเกิดเชิดชูไว้                                     ดั่งชาวไทยภูมิหลังยังไม่สาย
เสียสละชีพตนจนชีพวาย                                      แม้นมลายกลายเป็นผีความดีคง
 
................................................... ( ทวีศักดิ์ ).............................................................
 
113. วัชรพล 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (วัชรพล) 
                               
โอ้จิตใจมนุษย์สุดลึกล้ำ                        จะจดจำสิ่งดีมีความหมาย
โอ้ความคิดดังจิตติดแต่กาย                                  จะคิดดีทำดีได้ตามผล
คิดว่าดีกายทำคนชื่นชม                                        คิดโง่งมจะกลัวประชุมชน
อบายมุขเสพสุขจะทุกตน                                     กลัวคนคิดว่ากล่าวให้อายกัน
                เหมือนดวงจิตเป็นนายกายเป็นบ่าว     ดังผ้าขาวแต่งแต้มเติมสีสัน
ทุกวันสังคมในปัจจุบัน                                        นั้นมัวหมองเสื่อมโทรมดังจิตใจ
ครั้งเยาว์วัยเราเคยแยกขาวดำ                                                เคยจดจำสิ่งดีอันสดใส
ได้แยกแยะถูกผิดทุกครั้งไป                                                ไม่ทันไรเปลี่ยนไปไม่เวียนมา
                เป็นผู้ใหญ่ใช้สมองคิดแต่ลาภ                              เหมือนถูกสาปความคิดไปแล้วยา
อะไรก็ไม่เท่าความปรารถนา                                               ดีถูกเมินเลวถูกชื่นชมแทน
ในห้วงแห่งความคิดและจิตใจ                             สำนึกไว้ความเลวมิแทรกแซง
คิดดีของมนุษย์จะขาดแคลน                                                ต้องหวงแหนคิดดีไว้ให้นาน
................................................... (วัชรพล  ).............................................................
 
114. กรรณิกา
ห้วงแห่งมโนสำนึก (กรรณิกา)
                               
                มนุษย์นั้นต่างจิตต่างความคิด                               ย่อมมีสิทธิ์คิดได้ดั่งใจปอง
อาจผิดชอบชั่วดีจิตหม่นหมอง                            จิตใจของเรานั้นคิดเองได้
หากแต่ว่าส่วนลึกจิตสำนึก                                   ใช้ตรองตรึกสิ่งที่กระทำไป
คิดรอบครอบใคร่ครวญให้มั่นใจ                       ว่าสิ่งใดดีเลิศหรือชั่วช้า
                อยากมั่วสุมเสพกามให้สนุก                 อยากจะขลุกแต่กับสิ่งตัณหา
อยากเสพกามมั่วเพศที่ได้มา                                 ปรารถนาชื่นชมอย่างลืมตน
จิตมนุษย์คิดไปช่างร้ายเหลือ                                                เห็นแก่เมื่อให้ตนบังเกิดผล
มิเข้าใจเผื่อแผ่แก่มวลชน                                       ความเป็นคนยากแท้จะจักหา
                สิ่งถูกผิดหากคิดแสนใกล้กัน                               จงตั้งมั่นพินิจคิดเถิดหนา
ความดีชั่วผลกรรมที่ตามมา                                  ล้วนนำพาชีวิตทุกข์สุขดล
เกิดเป็นคนทำดีรู้คุณค่า                                         รู้จักหาด้วยตนไม่แย่งผล
ใช้ความคิดความดีเข้าปะปน                                                ก่อเป็นผลความดีชี้นำใจ
................................................... ( กรรณิกา ).............................................................
 
115. รักชนก
ห้วงแห่งมโนสำนึก (รักชนก)
 
                มนุษย์เรามีทางเดินอยู่สองเส้น             มีซ้อนเร้นเปิดเผยอยู่ไฉน
ตัวเรานั้นเป็นผู้รู้อยู่ฉันใด                                     ทางถูกผิดนั้นไซร้เรารู้ดี
เส้นทางเดินชีวิตนี้เป็นของเรา                              ไม่ต้องเดาเรากำหนดชีวิตนี้
อยากให้ทางเต็มไปด้วยศักดิ์ศรี                            ก็ทำดีกับทุกคนรอบรอบตัว
อยากจะทำสิ่งดีนั้นไม่อยาก                  ไม่ลำบากหากใจไม่หมองมัว
แค่ทำดีละเว้นสิ่งที่ชั่ว                                            ไม่ทำตัวไร้สาระไปวันวัน
เพราะทุกคนเรามีจิตใต้สำนึก                                               เรามีความรู้สึกสาระพัน
ว่าสิ่งใดเป็นสิ่งที่สร้างสรรค์                                 พาชีวันให้รุ่งเรืองก้าวหน้าไป
                จิตสำนึกมีในตัวทุกคน                         นำพาตนไปในทางที่สดใส
นำพาเราว่าควรทำสิ่งใด                                        ควรคบใครเป็นมิตรเคียงคู่เรา
มนุษย์นั้นเป็นสิ่งที่ประเสริฐ                                 ทำให้เกิดสิ่งสวยงามไม่โศกเศร้า
คอยช่วยเหลือกันและกันแบ่งหนักเบา                               โลกสีเทาหมดไปใจชื่นบาน
................................................... (รักชนก ).............................................................
 
116. กฤษณะ 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (กฤษณะ)
                               
จิตมนุษย์คิดไปแสนลึกลับ                   มีกลอกกลับหลอกลวงช่างร้ายเหลือ
ไร้เมตตาฆ่าคนตายเป็นเบือ                                  ฆ่าเลือดเนื้อเชื้อไทยไร้ปราณี
                อันคนเรามีมากนักเหลือล้น                 เกิดเป็นคนรู้จักสามัคคี
สุขสงบชาติไทยใจสุขี                                           คุณธรรมมีจิตคิดกลับกลาย
                มนุษย์เรามีความดีจนตัวตาย                 อยู่ที่ตัวและจิตคิดขวนขวาย
ดีและชั่วจะติดตนไปจนชีพวาย                           อยากสบายจงตั้งมั่นในความดี
                สยามเมืองยิ้มขมขื่นจนมากมี                               ปฐพียังไม่สิ้นคนทุกสี          
ทั้งเหลืองแดงต่อสู้กันทุกที                                  ทางที่ดีหันหน้ามาปรองดอง
                หากหลงผิดคิดชั่วกลัวจำจอง                               ควรสอดส่องแสวงหาด้วยจิตปอง
พึ่งสอนสั่งความชั่วอย่ามั่วหมอง                          คงความคิดไว้อย่างตรึกตรอง
                ก่อนจะทำสิ่งใดใช้ความคิด                  รู้ถูกผิดคิดชั่วจนตัวหมอง
ควรทำตามพ่อหลวงให้ครรลอง                          จะพบพ้องคุณธรรมนำจิตใจ
................................................... ( กฤษณะ ).............................................................
 
117. สุนิสา 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (สุนิสา) 
 
                คิดละโมบอยากได้ในทางชั่ว                               คอยแต่มั่วอบายสุขสมหวัง  
คิดอัปรีย์คิดทำลายคิดชิงชัง                                 คิดอยากพังชีวิตให้มลาย
คิดเรื่องชั่วเลวทรามต่ำช้านัก                                                คิดแต่ตักตวงสุขทางฉิบหาย
คิดทำบาปให้ชีวิตนั้นวอดวาย                                              พังทลายล่มจมลงกับตา
                คอยแต่คิดอาฆาตพยาบาท                    จิตนั้นขาดความดีด้วยอิจฉา
คอยแต่คิดให้จิตเอือมระอา                                  คอยแต่มาคิดชั่วอย่างเมามัน
คอยแต่หวังอยากได้ของนอกกาย                       สิ่งงมง่ายทั้งหลายอย่างเพ้อฝัน
คอยแต่คิดเห็นแก่ตัวไม่แบ่งปัน                           ทุกสิ่งอันเป็นของตนในหมายปอง
                คิดว่าตนต้องทำทุกหนทาง                   ไม่ปล่อยวางจนใจนั้นมัวหมอง
นัยจิตนั้นตัณหาเข้าจับจอง                                   เข้าครอบครองจิตใจให้หลงผิด
เรื่องทั้งหมดที่กล่าวนั้นเป็นเพียง                         เสียงหนึ่งเสียงในห้วงแห่งความคิด
ซึ่งหากท่านไตร่ตรองคำนึงจิต                             ควรพินิจให้ถูกครรลองครองธรรม
................................................... ( สุนิสา ).............................................................
 
118. ญานิศา 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (ญานิศา) 
 
                สำนึกดีนั้นมีในมนุษย์                           ทั้งบุรุษสตรีมีในตัว
ทำความดีทำได้ไม่ต้องกลัว                                  ทำความชั่วถึงง่ายแต่น่าอาย
                สังคมของเมืองไทยในวันนี้                 เรารู้ดีมีสื่อคอยวุ่นวาย
เป็นภัยร้ายทำเฝ้าคอยทำลาย                                 สื่อมากมายทำร้ายสำนึกดี
                อันความดีทำง่ายได้ทุกที่                      จะได้มีทั้งเกียรติและศักดิ์ศรี
เราสามารถทำได้หลายวิธี                                     ขอแค่มีแต่เพียงความตั้งใจ
                ไม่สร้างภัยเรื่องร้ายให้แค่ใคร                              เราทำได้ไม่ว่าเป็นเรื่องใด
ทำความดีทำได้เริ่มที่ใจ                                        ทั้งผู้ใหญ่และเด็กก็ทำได้
                แค่คิดดีพูดดีไม่คิดร้าย                          และสุดท้ายความสุขไม่จากไป
คงอยู่ไว้ให้คู่กับคนไทย                                       เราทำได้เพราะว่าเป็นเรื่องง่าย
                ไม่เสียหายและให้ความงดงาม             แม้ในยามบ้านเมืองยังวุ่นวาย
แค่คิดทำวันนี้ยังไม่สาย                                         มีหลากหลายให้เราเลือกกระทำ
................................................... ( ญานิศา  ).............................................................
 
119. พิสิฎฐ์พล 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (พิสิฎฐ์พล) 
 
                ชีวิตคนแต่ละคนเหมือนกันไม่            สุดแต่ใจเลือกเดินตามวิถี
บ้างหลงในอบายละความดี                                  ชั่วชีวีมัวแต่หลงเรื่องงมงาย
หันมาละความหลงมีความคิด                                              มาพินิจมโนน้อมยังไม่สาย
จิตสำนึกเตือนตนไม่เคลื่อนคลาย                        ให้ขวนขวายทำความดีมีสุขจริง
                จิตใจคนนั้นหนาสุดหยั่งถึง                  คิดคำนึงวันวานแสนสับสน
ชั่วชีวีหลงไปเพราะใจตน                                     เจอผู้คนมากมายมีชั่วดี
เตือนตัวตนไม่หลงเดินทางผิด                             เดินหนีห่างความชั่วไม่บัดสี
แสงสว่างแห่งธรรมเป็นความดี                            ให้เรามีมโนประจำใจ
                จะเพียรสร้างความหวังพลังจิต             สร้างชีวิตให้พ้นความมัวหมอง
สร้างร่างกายให้มีแต่สิ่งดี                                       สร้างชีวีให้พ้นสิ้นผองภัย
จิตสำนึกที่ดีนั้นหายาก                                          ชนหมู่มากร้อยลิ้นสิ้นสงสัย
มีทั้งรักเร่ลิ้นมีทั้งภัย                                              เพราะในใจชนนั้นอันตราย
                การคบเพื่อนคบมิตรคิดถ้วนถี่             มิตรไมตรีสร้างไว้ไม่เสียหาย
ให้ความรักความซื่อสัตย์ความจริงใจ                  จิตสบายใสสะอาดทั้งชาติเอย
................................................... (  พิสิฎฐ์พล ).............................................................
 
120. จรูญโรจน์ 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (จรูญโรจน์) 
 
                มนุษย์นั้นล้วนมีหลายเผ่าพันธุ์              จึงผกผันไปตามชาติวิถี
มีทั้งดีทั้งชั่วล้วนมากมี                                          ต้องมีดีในตัวของทุกคน
จะเจริญขึ้นอยู่ที่ทำตัว                                           มัวไปยุ่งลุ่มหลงจะหม่นหมอง
หากยังทำตามจิตมืดคิดปอง                                 มิหันมองตัวตนจนเผลอไป
                สิ่งอื่นใดที่ใจใฝ่กระทำ                         อาจเหลือบล้ำขาดจิตผิดวิสัย
อย่าพลั้งคิดผิดชอบหลงจิตใจ                                              อย่าหยุดใช้ความคิดพิจารณา
ฆ่ามนุษย์ฆ่าสัตว์มิเป็นคน                                     ส่งให้ผลเปลี่ยนคนจนบาปหนา
เปรียบเสมือนฝูงสัตว์ไร้ปัญญา                            ปรารถนาแต่ฆ่าชีวิตคน
                ก่อนจักทำสิ่งใดให้ครุ่นคิด                  รู้ถูกผิดคิดดีจักมีผล
จักได้สมกับที่เกิดเป็นคน                                     ที่ดิ้นรนอยู่บนทางตนเอง    
ความเป็นคนวัดกันที่กระทำ                                                จะขาวดำอย่านำไปข่มเหง
เพราะคนไทยล้วนเป็นเช่นดังเพลง                     ที่บรรเลงเอกราชของชาติไทย
................................................... ( จรูญโรจน์ ).............................................................
 
121. สุมินตรา 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (สุมินตรา) 
 
                มนุษย์เรามีดีอยู่สองด้าน                       แตกกิ่งก้านออกไปหลายสาขา            
จิตจะดีจิตจะชั่วติดตัวมา                                      ตามเวลาที่อยู่ในมโนจิต
ภายในห้วงแห่งมโนจิตสำนึก                                               เราควรตรึกตรองหมองความคิด
หากแต่สิ่งที่ทำจะถูกหรือผิด                                                ต่างความคิดก็มีสิทธิ์เท่าเทียมกัน
                ถ้าคนเราจะมีจิตสำนึก                           ความรู้สึกต้องดีตามคนทัน
เป็นคนดีต้องช่วยเหลือกันและกัน                      มิฉะนั้นจะไม่เหลือเลยคนดี
ตัวเราเองจะต้องมีดีด้วย                                        จะต้องช่วยเหลือเกื้อกูลตามวิถี
จงทำดีต่อไปตามชีวี                                              จะได้มีความสุขพ้นทุกภัย
                อันตัวเราอย่าให้เขาดูถูก                       หมั่นฝึกปลูกจิตสำนึกที่ไหนไหน
ทำตัวเองให้ดีอย่างใครใคร                                  เรามั่นใจในสิ่งที่เราเป็น
มนุษย์เรามีดีอย่าสิ้นหวัง                                       มีพลังก้าวต่อไปให้คนเห็น
เราภูมิใจในสิ่งที่เราเป็น                                         แม้ยากเข็ญเราก็ต้องก้าวต่อไป
................................................... ( สุมินตรา ).............................................................
 
122. ภาณุวัฒน์ 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (ภาณุวัฒน์)
 
                อันมนุษย์จะทุกข์หรือจะยาก                               จะลำบากแค่ไหนไปถึงฝัน
สิ่งที่เป็นเกิดจากเราทั้งนั้น                                    จงสู้มันอย่าท้อถอยสู้ต่อไป
เป็นคนดีใครใครก็อยากเห็น                                                สิ่งที่เป็นจงรีบเร่งแก้ไข
อาจทำตัวไม่ดีอย่างใครใคร                                 ไปที่ไหนมีแค่คนเชิดชู
                หากจะอยู่ในห้วงแห่งมโนจิต                              มีความคิดเชิดชูในความรู้
หมั่นศึกษาเราจะได้เป็นครู                                   ให้ความรู้คนรุ่นหลังสืบต่อไป
หากสังคมมีแต่ความขัดแย้ง                                  เอาแต่แกล้งไม่รีบหาทางแก้ไข
จะให้คนข้างนอกรู้หรือไง                                   ว่าคนไทยเอาแต่ทะเลาะกัน
                หากมนุษย์มีจิตคิดอาสา                        คงไม่ฆ่าไม่แกงไปวันวัน
ถ้าสังคมทำให้เป็นสิ่งเป็นอัน                                                แล้วความฝันคงไม่ไกลเกินความจริง
หากจะทำให้สังคมมีความสุข                                               หมดความทุกข์ถ้าหากไม่แย้งชิง
มนุษย์เราก็จะไม่ต้องทิ้ง                                        รับความจริงมุ่งแต่ทำความดี
................................................... ( ภาณุวัฒน์ ).............................................................
 
123. พัชราภรณ์ 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (พัชราภรณ์) 
 
                อันมนุษย์สุดยากจะหยั่งถึง                   กมลนึงก็ยากหากค้นหา
ก่อนกระทำมันสมองกลั่นกรองมา                      ควรมองหาจิตสำนึกอันพึงมี
                เกิดมาเป็นคนทั้งทีอย่าเสียชาติ             ให้ประชาชื่นชมเป็นสักขี
ใช้วิชาความรู้ที่ตนมี                                              เป็นวิธีชีวีสุขอยู่ไม่ไกล
                แต่สันดานตัวคนมีสองแพร่ง                                แม้จะแกร่งแข็งกล้ายังเผลอไผล
พลาดและหลงทำความชั่วเมามัวไป                    หากคิดได้กลับตัวไม่สำคัญ
                มิเดินในถนนของคนชั่ว                       มิเมามัวเกลือกกลั้วสิ่งเน่าเหม็น
มิติดยามั่วเอดส์ตายทั้งเป็น                                   มิไม่เว้นกิเลสกรรมที่ทำมา
                แต่ยังมีมโนนึกดึงจิตไว้                        ห้ามไม่ให้เวรกรรมตามมาหา
ระงับตนตั้งจิตภาวนา                                            ธรรมรักษาพ้นจากกรรมนำหนทาง
                สร้างสมบุญบารมีให้ดีเลิศ                    ให้ก่อเกิดความสุขบุญรักษา
ให้ดูตนอย่างแรกอย่าเดชา                                    ธรรมาธรรมนำทางสำนึกตน
................................................... ( พัชราภรณ์ ).............................................................
 
124. สหกรณ์ 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (สหกรณ์) 
 
                ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นหัวหน้า             เพราะทำพานำจิตคิดเป็นฐาน
ใจประเสริฐเลิศดีทั้งกิจการ                                  บรรดางามย่อมสัมฤทธิ์ด้วยจิตดล
                หากคนมีใจหมองเพราะครองโทษ      ย่อมพูดโฉดทำชั่วทั่วทุกหน
ทุกข์ย่อมติดตามต้องสนองตน                            ดังเงาคนตามตนทุกหนหา
                แต่หากถ้าผู้ทำบาปเศร้าในโลกนี้          วายชีวีโศกเศร้าไม่เบาหนา
ย่อมโศกเศร้าหม่นหมองสองโลกา                      ไม่สร่างซาโศกีทวีคูณ
                เขาเห็นกรรมเศร้าหมองไม่ผ่องแผ้ว     ของตนแล้วสุขหายสลายสูญ
ย่อมเดือดร้อนโสกาแสนอาดูร                             ไม่พูนสุขต้องทุกข์ทนชั่วชีวี
                หากผู้ใดสร้างความดีทุกแหล่งหล้า      บุญย่อมพาใจเพลินเจริญศรี
ย่อมเพลิดเพลินคราตายวายชีวี                             ทั้งโลกนี้โลกหน้าบุญพาเพลิน
                ย่อมเพลิดเพลินว่าฉันสรรค์กุศล          จึงได้ดลแดนสวรรค์น่าสรรเสริญ
ผลของบุญกูลเกื้อดีเหลือเกิน                                               ให้จำเริญเพลินจิตนิรันดร์
................................................... ( สหกรณ์ ).............................................................
 
125. ณัฐการณ์ 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (ณัฐการณ์) 
 
                จิตมนุษย์สุดคิดแสนลึกลับ                   มีกลอกกลับชั่วร้ายสุดฉ้อฉล
มโนนึกหลีกเลี่ยงสำนึกตน                                  ในกมลมีธรรมประจำใจ
ในชีวิตมีหลงผิดคิดทำชั่ว                                     หลงเมามัวเสพสิ่งมิพิสมัย
หลงลืมตัวทำชั่วหลั่งในภัย                                   ชีวิตไซร้นั้นหมองหม่นเพราะหลงทาง              
อันมนุษย์ดีชั่วมีเจ็ดหน                         ประพฤติตนไม่ดีมีหมองหมาง
สร้างกรรมดีอันกรรมชั่วย่อมเลือนราง                               โปรดปล่อยวางสร้างกุศลพ้นหลีกภัย
จะกระทำพึงคิดก่อนกระทำ                                 ไม่ถลำทำความผิดคิดแก้ไข
ตั้งตนอยู่อย่างตระหนักถึงพิษภัย                         ในหทัยสุกสว่างในทางธรรม
                แม้ตัวเราเผลอพลั้งกระทำผิด                                ด้วยลืมคิดกระทำผิดอย่างถลำ
สร้างความทุกข์ความเจ็บปวดแสนระกำ             อาจน้อมนำแต่ทุกข์อยู่ทุกครา
แต่มโนสำนึกดึงจิตไว้                                           ห้ามไม่ให้เวรกรรมตามมาหา
ระงับตนตั้งจิตภาวนา                                            ธรรมรักษาพ้นจากกรรมนำหนทาง
................................................... ( ณัฐการณ์ ).............................................................
 
126. กฤติยาภรณ์
ห้วงแห่งมโนสำนึก (กฤติยาภรณ์)
 
                จิตมนุษย์นี้ไซร้ยากจะคิด                     ถูกหรือผิดลึกลับนั้นไฉน
มโนนึกหลีกเลี่ยงสำนึกใน                                   นำจิตใจให้คิดและตรึกตรอง
เมื่อทำการสิ่งใดใคร่ครวญพิจ                                              เห็นถูกผิดแก้ไขให้พ้นผอง
ดำรงชีพอยู่ในห้วงทำนอง                                    ตามครรลองครองธรรมนำพาไป
                ประพฤติตนเหมาะสมตามวิถี                              ใช้ความดีนำทางตามวิสัย
รู้ผิดชอบชั่วดีมีวินัย                                                              สานสายใยส่งเสริมความดีงาม
ทุกสิ่งเหล่าล้วนแล้วหยั่งยากถึง                           ล้วนคำนึงคิดหาทางออกหาม
หากจิตเราไม่คิดจะพลีตาม                                   จะผลีผลามตามกาลเวลาไป
                ทุกชีวิตหากแม้จะประสบ                    แม้จะพบเหตุการณ์ตามวิสัย
หากสติสำนึกนำทางใจ                                          ยึดมั่นไว้มั่นคงสมฤดี
มนุษย์ชนทั้งหลายจำจงเถิด                                  คุณธรรมล้ำเลิศสมศักดิ์ศรี
จิตสำนึกดีงามจำจงดี                                             ห้วงวิถีนำพาทางสดใส
................................................... ( กฤติยาภรณ์ ).............................................................
 
127. อภิวัฒน์ 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (อภิวัฒน์)
 
                มีชีวิตควรพินิจถึงคุณค่า                       จงนำพาหาหนทางให้สร้างสรรค์
เจอปัญหาอย่าท้อแท้แพ้กลางคัน                         แม้ทางสั้นไม่ถึงฝันผลักดันไป
แม้นอดีตมีเรื่องราวระรานวุ่น                                              มันทุกทุนทิ่มแทงให้หวั่นไหว
ผู้คนรุมรังเกียจเหยียดหยามใจ                             จะมีใครไหนเล่าเข้าใจเรา
                อยากลองของมองถูกผิดคิดไม่ได้       เพียงแค่ใจบอกให้นำทำอย่างเขา
พอได้อยู่สู่จุดนี้มีแค่เรา                                         คิดมัวเมาเอาเองให้วุ่นวาย
เริ่มต้นใหม่ในวันนี้ไม่มีสาย                                 อยู่ที่กายแรงใจมุ่งสู่จุดหมาย
ผิดหรือถูกอยู่ที่ใจไม่เสื่อมคลาย                          เคราะห์ร้ายร้ายมากมายจะดับลง         
                ปล่อยวันวานผ่านไปให้เราสู้                                ถ้าเราสู้สู่ทางฝันไม่กลัวหลง
เจอปัญหาก้าวผ่านใจให้มั่นคง                              จิตดำรงตรงเป้าหมายหลายความดี
มีทางออกให้คนเราอยู่เสมอ                                 หาให้เจอความฝันใฝ่ไม่ถอยหนี
ใช้ปัญญาแก้ปัญหากำลังมี                                    ทุกความดีสำนึกในมโนธรรม
................................................... ( อภิวัฒน์ ).............................................................
 
128. เอกวัชร์ 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (เอกวัชร์) 
 
                หากคนเรามีจิตใต้สำนึก                        จะนึกถึงความชั่วในจิตใจ
ควรพินิจลึกซึ้งอย่าเผลอไผล                                                ชั่งกระไรเราไม่คิดหักห้ามใจ
                กิเลสจัญไรคบไปพาดิ่งลง                    เราก็คงดำรงรักษาไว้
รู้ถูกผิดห้ามใจแล้วแก้ไข                                      หลีกให้ไกลความชั่วอย่าเลวตาม
                สันดานในตัวคนมีสองแพร่ง                                แม้กล้าแกร่งก็ยังมีเผลอไผล
พลาดและหลงทำความชั่วเมามัวไป                    หากคิดได้กลับตัวไม่สายเกิน
                คนไม่ดีนั้นมีอยู่หลายพวก                   วิ่งแหกคอกครั้งไปให้ใจเพลิน
บ้างก็เห็นว่างามตามทางเดิน                                 สุดจะเขินตัวเองที่ทำไป
                อันจิตใต้สำนึกของคนเรา                     เมื่อขัดเกลาจิตใจจะเกิดผล
รู้จักชอบชั่วดีทำตน                                                              จะเป็นคนรู้จักคิดถึงจิตใจ
                ยามคราใดใครลำบากคอยช่วยเหลือ   คอยจุนเจือเกื้อกูลให้อาศัย
ยามตกทุกข์ได้ยาก็พ้นภัย                                     อัชฌาศัยไมตรีมิเคยเรือน
................................................... ( เอกวัชร์ ).............................................................
 
129. ศุภกิตติ์ 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (ศุภกิตติ์) 
               
                จิตสำนึกที่ดีของมนุษย์                         ต้องมีทุกข์มีสุขอยู่เสมอ
แต่เมื่อใดจิตใจเพ้อละเมอ                                     จิตนั้นเพ้อไม่อยู่ติดกับกาย
                อันสุรานารีบุหรี่เหล้า                            ของมึนเมาล้วนแล้วมีหลากหลาย
ถ้ากินแล้วสุดท้ายจบที่ตาย                                   ควรเสียดายเงินทองที่ซื้อมา
                 ส่วนจิตใจคนเรานั้นดัดยาก                 ถ้าหากปราศจากที่กล่าวหา
เราต้องหมั่นฝึกฝนมโนมา                                    และต้องหาขยันทำความดี
                หากคิดชั่วมัวเมาให้หมองจิต                                นำชีวิตของตนเท่าที่มี
ต้องทำดีแล้วจะมีศักดิ์ศรี                                      เป็นผู้ดีอย่าคิดหลงงมงาย
                ประพฤติดีชีวิตจักเป็นสุข                    ประพฤติผิดเป็นทุกข์ล้วนถูกหมาย
ประพฤติดีมิตรรอบข้างกาย                                 ประพฤติร้ายมีศัตรูนั้นฉันใด
                มนุษย์ชนล้วนแล้วประสบพบ             มีจุดจบต่างกันนั้นไฉน
หากทุกคนแยกแยะและแก้ไข                                              นำพาไปสู่หนทางความดีเอย
................................................... ( ศุภกิตติ์ ).............................................................
 
130. ทศพล 
 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (ทศพล) 
 
                อันมนุษย์มากมายหลายดวงจิต            ต่างคนคิดต่างทำตามวิถี
สำนึกในดวงหทัยใฝ่ทำดี                                      ให้ชีวีมีสุขทุกคืนวัน
หากทำดีไม่ได้ดีให้ทำเถิด                                     อย่าเตลิดหนีไปไม่สร้างสรรค์
ทำชั่วได้แต่อย่ากลัวทำดีกัน                                 ทุกสิ่งอันบังเกิดดลผลกรรม
                ศีลธรรมน้อมนำปฏิบัติ                         อย่างเคร่งครัดคอยเป็นเครื่องอุปถัมภ์
แม้อยู่ในสังคมดำรงธรรม                                     แนะชี้นำคลายทุกข์สุขร่มเย็น
เมื่อตั้งใจเล่าเรียนเพียรฝึกฝน                                                ประพฤติตนเป็นคนดีให้ได้เห็น
จงรู้จักรักเตือนตนให้จงเป็น                                                แม้ลำเค็ญแก้ไขได้ทันท่วงที
                ห้วงแห่งมโนสำนึกตรึกตรองจิต         คิดทำผิดติดตัวตายให้หมองศรี
อย่าเย่อหยิ่งผยองยศลดทำดี                                 หลักธรรมมีพระพุทธองค์ทรงชี้นำ
ให้ห้วงแห่งมโนในสำนึก                                     ให้รู้สึกประพฤติตนไม่ถลำ
แม้นดีชั่วอยู่ที่ตัวกระทำ                                       สร้างศีลธรรมอันดีไว้ในห้วงมโน
................................................... ( ทศพล ).............................................................
 
131. เขมวสรณ์ 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (เขมวสรณ์) 
                                                                                               
                ใจมนุษย์นั้นสุดแสนลึกลับ                   เปรียบเทียบกับแม่น้ำยามเคลื่อนไหว
ลมซัดสาดสายน้ำให้ไหลไป                                 หมายถึงใจคนเราย่อมเปลี่ยนแปลง
จิตใจคนคล้ายน้ำนิ่งที่ไหลลึก                                              ห้วงสำนึกย่อมมีสิ่งแอบแฝง
หลายอารมณ์หลายความคิดที่เปลี่ยนแปลง        ถ้อยแถลงย่อมผันแปรตามเวลา          
                บางครั้งอยากทำตัวให้เหลวแหลก       ให้แตกแยกคนอื่นในสิ่งใหม่
บางครั้งอยากจะให้คนสนใจ                                                และหวั่นไหวในเรื่องที่อ่อนแอ
บางครั้งนึกอยากค้าสิ่งเสพติด                                              คอยนึกคิดให้จิตกลายเป็นแผล
สูบบุหรี่ดื่มสุราไม่เหลียวแล                                 ไม่นึกแคร์สิ่งใดแค่ได้ลอง
                บางครั้งอยากเป็นคนดีขึ้นมาบ้าง         อยากจะสร้างชื่อเสียงเรียกสงสาร
บางครั้งก็อยากหาประสบการณ์                          ยามวิกาลแก้ปัญหาได้ว่องไว
ที่กล่าวมาล้วนเป็นจิตใต้สำนึก                             อาจถูกฝึกบางคราให้เหลวไหล
การกระทำออกมาจากหัวใจ                                 แสดงให้เห็นในชีวิตจริง
................................................... ( เขมวสรณ์ ).............................................................
 
132. วรรณวิมล 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (วรรณวิมล) 
 
                ในห้วงแห่งความฝันอันวิจิตร                              แห่งความคิดความฝันอันยิ่งใหญ่
มโนนึกชั่วดีที่ทำไป                                              สำนึกได้กลับตนเป็นคนดี
จิตมนุษย์ที่คิดจิตที่ฝัน                                           จิตมุ่งมั่นมุ่งหมายในวิถี
มุ่งสร้างตนบนถนนแห่งความดี                           ตามวิถีแห่งธรรมช่วยค้ำจุน
                เกิดเป็นคนสำนึกดีมีเกื้อหนุน                              จิตการุนเอื้อเฟื้อและเผื่อแผ่
สำนึกในบุญคุณผู้ดูแล                                           เช่นพ่อแม่ให้กำเนิดเราเกิดมา
เกิดเป็นคนคิดดีใครไม่ว่า                                     คิดชั่วช้าไม่มีใครคิดเมตตา
คนดีทำดีได้ดีเห็นทันตา                                       ทุกชีวาล้วนสร้างสุขจรรโลงใจ
                มีธรรมะส่องทางจิตวิสัย                       เหตุไฉนจึงไปทางสิ่งที่ชั่ว
จงอย่าคิดทำในสิ่งที่เมามัว                                    อย่าคิดทำสิ่งชั่วอย่าเกลือกกลั้ว
สิ่งเมามัวคิดดีอยู่ที่ตัว                                            จงอย่ากลัวความชั่วที่เข้ามา
คิดดีทำดีไม่เลิกรา                                                 สิ่งชั่วช้าห่างไกลไปจากเรา
................................................... ( วรรณวิมล ).............................................................
 
133. ถิรพร
ห้วงแห่งมโนสำนึก (ถิรพร)
 
                จิตมนุษย์รู้ยากลำบากแท้                      มักเอาแต่ใจตนยากค้นหา
คิดดีชั่วรู้ดีอยู่แก่ตัวมา                                           เกิดปัญหาเริ่มสำนึกในจิตตน
เคยบอกว่าอย่าไว้ใจมนุษย์                                   มันแสนสุดลึกลับยากฉงน
เปรียบดอกไม้กลีบสวยดั่งใจคน                         มักเผยตนด้านดีงามซ่อนความเลว
                คงเพราะกลัวความผิดคนเปิดเผย         กลัวหลงเลยไปในทางมืดสลัว
เกิดสำนึกขึ้นกลางจิตเลิกเมามัว                           เลิกคิดชั่วก่อนกรรมคิดทำเวร
ฉุกคิดถึงวันเก่าดั่งตราบาป                                   ติดตัวตราบวันตายมองไม่เห็น
หัดทำตัวเมินเฉยหัดใจเย็น                                    เริ่มคิดเป็นสร้างดวงจิตให้นำพา
                เมื่อรู้ถึงสำนึกของตนแล้ว                    จงให้แคล้วจึงจะเรียกมนุสสา
เพราะทำถูก พูดถูก ทุกเวลา                                 เปรมปรีดาคืนวันสุขสันต์จริง
แม้จะไม่ดีเลิศประเสริฐสันต์                                                ไม่ติฉันท์เป็นพอขอไม่วิ่ง
เพียงในห้วงมโนสำนึกจริง                                   จะไม่วิ่งหนีความผิดไปไหนเลย
................................................... ( ถิรพร ).............................................................
 
134. เจษฎา 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (เจษฎา)
 
                ความบากบั่นความรู้ให้มากมาย           ได้หลากหลายอาชีพที่สุจริต
ยิ้มเบิกบานในการงานงามจิต                                               ไม่ทุจริตแต่ซื่อสัตย์นั่นแหละเรียน
                พากเพียรมาได้มากจนหัวเอียง             มั่นฝึกเขียนฝึกจดจำหมั่นพากเพียร     
ลำบาก่อนสบายคล้ายพอเพียง                              จงหมั่นเพียรเฝ้าถนอมครองความรู้                    
พ่อและแม่เราควรกตัญญู                      ให้รู้ว่าเราไม่อกตัญญู
ความดูแลเมื่อท่านนั้นเอ็นดู                                  ควรเพิ่มพูนรักท่านเหมือนรักเรา
                เอาใจใส่ตอบแทนเมื่อเติบใหญ่            ดูแลใจให้ความรักไม่ทำร้าย
พ่อแม่คือคนสำคัญของเรา                                    ผู้กำเนิดทายาทน้อยได้ดูโลก
                ควรสำนึกเปรียบเหมือนสิ่งหลายอย่าง                ของมีค่าราคาแพงของนอกกาย
จงสำนึกว่าเงินนั้นมีค่า                                           และการสารสัมพันธ์ไมตรีเพื่อน
                เป็นมิตรแท้ที่หาได้ยากนัก                   แต่ไปหนักกว่าการขยันเรียน
ความสำนึกเปรียบกับความพรากเพียร                                ยิ่งพอเพียงยิ่งทำให้สุขสบาย
................................................... ( เจษฎา  ).............................................................
 
135. ชุติพนธ์ 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (ชุติพนธ์) 
 
                คนเรานั้นเกิดมาไม่สมหวัง                   อย่าจริงจังกับชีวิตที่เศร้าหมอง           
ทำไปเถิดทำความดีจะคุ้มครอง                           คอยปกป้องรักษาให้ตัวเรา
                ชีวิตจิรงของคนเราไม่เหมือนฝัน         จงระวังอย่าให้หลงอย่าโง่เขา
คิดทำดีก็อยู่ที่ตัวเรา                                                               และจงเอาความที่ต้องการ
                ถึงวันนี้คนไทยอาจผลาญชาติ                              และอาจขาดความนับถือศาสนา
เกิดเป็นไทยรู้จักรักและบูชา                                                ศาสนาของไทยต้องสืบต่อมา
                แม้วันหน้าอาจจะไม่สมหวัง                 เราต้องตั้งใจเรียนหมั่นศึกษา
ทำวันนี้เพื่อก้าวไปวันข้างหน้า                             จะมีแต่ความสุขความสบาย
                อนาคตจะเป็นไรไม่ต้องสน                 อยู่ที่ตนปฏิบัติและใฝ่หา
ทำความดีรู้จักรักมีเมตตา                                      จะก้าวหน้าเพราะเราหมั่นทำดี
                จนวันนี้เราอาจยังไม่สมหวัง                 อย่าพลาดพลั้งก้าวไปตามวิถี
มีความรักความเมตตาและความดี                        ทำวันนี้อาจจะไม่สายเกินไป
................................................... ( ชุติพนธ์ ).............................................................
 
136. ชยพล
หัวใจฤาสายน้ำ (ชยพล)
๏ ถึงหน้าฝนคนจนบ่นว่าแล้ง                                             แผ่นดินแห้งเหือดหายไร้สายฝน
มีแต่หยดน้ำตาของปวงชน                                                  ทะลักล้นเนืองนองทั่วท้องนา
๏ มองคนกรุงมุ่งชิงหยิ่งยโส                                               แต่งตัวโก้ประชันกันทั่วหน้า
แล้งยิ่งแล้งน้ำใจไม่ไหลมา                                                  ประหนึ่งว่าไร้ฝนคนไร้ใจ
๏ โอ้น้ำหลากลากพังทั้งสิ่งของ                                          น้ำตานองอีกคราฟ้าหมองไหม้
ยามน้ำลดปรากฎซากฝากความนัย                                     หาน้ำใจไหลหลั่งยังไม่มี
๏ มองน้ำหลากดั่งพิโรธโกรธมนุษย์                                  กระชากฉุดวิญญาณผ่านเมืองผี
ไม่เหลียวมองไม่ปราศัยไม่ปรานี                                       มองให้ดีมีความนัยให้คำนึง
๏ เวิ้งวังวนวุ่นวายคลื่นสายน้ำ                                             กระซัดซ้ำดูดคืนกลืนทุกสิ่ง
คือห้วงน้ำคือห้วงใจลึกเหลือจริง                                       มิอาจดิ่งวัดได้ด้วยสายตา
๏ เปรียบสำนึกหัวใจคือสายน้ำ                                           ยามเย็นฉ่ำก็สดชื่นคืนทุกสิ่ง
คืนกำลังคืนความคิดชีวิตจริง                                             มอบแต่สิ่งงามงดปรากฎตา
๏ ยามพิโรธโกรธเกลียดเบียดชีวิต                                     ก็ทำพิษเดือดดาลผลาญต่อหน้า
หายสิ้นไปหมดสิ่งสรรพ์พลันฉับตา                                   เมื่อน้ำมาดั่งแผ่นดินต้องสิ้นไป
๏ คือใจคนหลากอารมณ์ตรมหรือสุข                                เศร้าหรือทุกข์เกิดมียากจนได้
ต้องยอมรับความจริงที่เป็นไป                                           แต่เปลี่ยนได้เปลี่ยนไว้ที่ใจคน
๏ เมฆตั้งเค้าฝนมาปีหน้านี้                                                   พาสิ่งดีชีวิตใหม่ในทุกหน
เป็นกล้าไม้เกิดใหม่ให้ปวงชน                                            เปลี่ยนตัวตนเปลี่ยนความคิดชีวิตดี
๏ อย่าทำให้หัวใจเป็นสายน้ำ                                               สำนึกย้ำมั่นคงตรงถูกที่
ห้วงมโนสำนึกของคนดี                                                      ย่อมสร้างศรีฝากไว้ให้ตราตึง
................................................... ( ชยพล ).............................................................
 
137. ลัดดา
                                       สำนึกในการรักษ์ป่า (ลัดดา)
             ๏ ไม้ถูกตัดสัตว์ถูกฆ่าป่าถูกโค่น                           ภูเขาโล้นแล้งร้ายหลายแหล่งหล้า
             มนุษย์โหดใจหินสิ้นปัญญา                                    ทำลายป่าเกิดผลร้ายทำลายตน
             ๏ ฤดูแล้งแล้งหล้าเพราะป่าหมด                            ทุกข์รันทดเกษตรไทยไร้พืชผล
             เพราะความโลภมีในไทยบางคน                           ร่วมกันปล้นป่าและสัตว์ตัดทำลาย
             ๏ ฤดูฝนขาดป่ามาอุ้มน้ำ                                          ผู้รับกรรมคือเกษตรกรเสียหาย
             อุทกถั่งหลั่งธารมามากมาย                                     ชนทั้งหลายเหนือจรดใต้ต้องระทม
             ๏ ฤดูหนาวหนาวสั่นไม่หรรษา                              หนาวอุราพอไหวใช้รักห่ม
             นี่หนาวกายไร้ป่ามาบังลม                                      น้ำค้างพรมพื้นดินแทบสิ้นใจ
             ๏ มนุษย์นำทำลายธรรมชาติ                                   เพราะคนขาดสำนึกดีที่ยิ่งใหญ่
             ขาดสัญชาตญาณการมองไกล                                จึงเกิดภัยร้ายแรงติดตามมา
             ๏ มโนธรรม..ช่วยไทย..นั้นปลายเหตุ                   ทุกนิเวศวังไพรใฝ่ศึกษา
             ปลุกสำนึกฝึกจิตจริยา                                             ให้รักป่ารักสัตว์สมบัติแผ่นดิน
             ๏ ปลูกมโนสำนึกตกผลึกไว้                                  รู้รักษ์ไพรพฤกษาคงคาสินธุ์
             ปลูกป่าเสริมเพิ่มพฤกษาเป็นอาจิณ                        เพื่อทุกถิ่นน้ำไม่ท่วมรวมพืชพรรณ
             ๏ อุทกภัย..วาตภัย..ร้ายยิ่งนัก                                 จึงต้องรักษ์ป่าไว้ใช้ปิดกั้น
             มนุษย์ สัตว์ ป่า น้ำ ล้วนสำคัญ                                ร่วมป้องกันก่อนแผนที่..ไม่มีไทย
................................................... (   ลัดดา  ).............................................................
 
138. ปิยะพล
                                หัวข้อห้วงแห่งมโนสำนึก (ปิยะพล)
             ๏ ธรรมชาติก่อเกิดกำเนิดมนุษย์                            แรกมีจิตบริสุทธิ์ดุจน้ำใส
             หากผ่านวันและเดือนล่วงเลยไป                           มนุษย์ไซร้กระทำตามใจตน
             ๏ อันมนุษย์มีปัญญาก็หาไม่                                    นำไปใช้ในทางที่เกิดผล
             ปล่อยความโลภทเยอทยานครอบงำตน               เบียดเบียนคนเพื่อประโยชน์ของตนนั้น
             ๏ ทั้งยังขาดคุณธรรมนำชีวิต                                  ขาดความคิดเพื่อส่วนรวมได้สุขสันต์
             ด้วยเพราะจิตสำนึกที่เคยมีกัน                                ถูกลืมเลือนเคลื่อนผันไปจากใจ
             ๏ มนุษย์นี้ส่วนใหญ่แล้วมักได้คิด                         ในช่วงท้ายของชีวิตไม่สดใส
             โอ้ความชั่วได้กระทำบานตะไท                            สำนึกได้แล้วหนอขอโทษที
             ๏ ซึ่งดูแล้วราวกับว่าจะสาย                                    สำนึกได้ในตอนนี้มิหลีกหนี
             ผลของกรรมตามติดมาราวี                                     ในภพภูมิต่อแต่นี้สืบไป
             ๏ ทั้งปัญหาที่กระทำยังไม่จบ                                 ผลกระทบแก่สังคมเกินแก้ไข
             ด้วยตัวเราลาโลกแล้วมิสนใคร                              ทิ้งปัญหายิ่งใหญ่แก่มวลชน
             ๏ หากเราจมสู่ห้วงแห่งมโนสำนึก                          คิดตรองตรึกด้วยหลักเหตุและผล
             สำนึกได้ไม่สายเกินกว่าชีพตน                               อาจจะค้นพบทางออกได้แก้มัน
             ๏ สังคมพร้อมให้อภัยคนทำผิด                              แค่เพียงคิดสำนึกได้ให้สุขสันต์
             แล้วมาร่วมแก้ไขไปด้วยกัน                                   ปัญหานั้นจะทลายสลายไป
             ๏ หากทุกคนนั้นมีจิตสำนึก                                    ได้ระลึกถึงความผิดและแก้ไข
             หรือสำนึกได้ก่อนทำตามใจ                                   สังคมไซร้จะร่มเย็นเป็นสุขนาน
             ๏ ดังกล่าวมาห้วงแห่งมโนสำนึก                           จึงควรตรึกตรองให้ได้แก่นสาร
             สำนึกก่อนนั้นไซร้ให้ทันการ                                 สุขสำราญทั่วทุกผู้คนเอย
................................................... (  ปิยะพล ).............................................................
 
139. สุธาศิณี
                                      ห้วงแห้งมโนสำนึก (สุธาศิณี )
             ๏ จิตสำนึกของมนุษย์ยุคโลกา                               ไม่นำพาสรรสร้างตามประสงค์
             ทั้งวาจาการกระทำมิธรรมรงค์                               มิมั่นคงคุณความดีมีร่ำไป
             ๏ ถ้าจะเอ่ยถึงห้วงมโนธรรม                                  ทั้งบุญกรรมคิดเห็นเป็นวิสัย
             ดีหรือชั่วตัวทำอยู่ที่ใจ                                            เพราะเหตุใดมิตริตรองก่อนกระทำ
             ๏ เปรียบบุคคลสมัยใหม่เวลานี้                              แย่งชิงดีลาภยศช่างหน้าขำ
             ทุจริตคดโกงมิชอบธรรม                                       ทุกถ้อยคำพูดจาไม่พาที
             ๏ ทั้งถือกล่าวอ้างอวดความเป็นคน                       ทะนงตนว่าหยิ่งในศักดิ์ศรี
             หลงเลยห้วงแห่งความคิดของชีวี                           นำวิถีสังคมใหม่ให้เสื่อมลง
             ๏ ทั้งบุหรี่สุราของมึนเมา                                        สติเราบั่นทอนเป็นผุยผง
             ค่านิยมที่ดีมิดำรง                                                     ช่างน่าปลงอนิจจังระอาดูล
             ๏ อยากจะชวนให้ตรองลองดูกันสักนิด               ก่อนชีวิตของท่านจะดับสูญ
             ร่วมช่วยเหลือเอื้อเฟื้อและเกื้อกูล                         ร่วมเทิดทูนคุณธรรมสร้างความดี
             ๏ ช่วยสรรสร้างประพฤติตนตามครรลอง            ช่วยประคองความเป็นคนและศักดิ์ศรี
             ให้ดำรงอยู่คู่ปฐพี                                                    ระลึกดีได้ด้วยมโนธรรม
................................................... ( สุธาศิณี ).............................................................
 
140. ชยพล
ความฝันวันกรุง (ชยพล)
๏ ดำเนินดงพงไพรไปเมืองหลวง                                       หวังเอาดวงโชคชะตามาล่าฝัน
จะเปลี่ยนใจทุกคนพ้นอธรรม์                                            จะไม่หวั่นสร้างสำนึกหลุดห้วงกรรม
๏ เจอะแสงสีล้วนลวงล่อหลอกใจ                                     ดุจล่วงไปทะเลกว้างทางถลำ
พบแต่ฟ้าหาแต่น้ำทางมืดดำ                                                ใจก็ช้ำกายก็ชอกโดยหลอกคน
๏ ไม่ไหวแล้วแจวเรือเหงื่ออาบร่าง                                    ไม่เห็นทางทุกทิศมืดทุกหน
ไม่เหลือใครมีแต่จิตและใจตน                                           ไม่เหลือคนจะเป็นหวังกำลังใจ
๏ ยามเงินมีพี่น้องพรั่งพร้อมหน้า                                       ยามเงินตราหมดก็สิ้นราศีใส
ยามยากจนหนทางเหินห่างไกล                                          ทราบซึ้งในมโนนึกรำลึกคน
๏ มองฟ้างามยามนี้ฤดีหวั่น                                                 อาทิตย์นั้นส่องแสงจ้าฟ้าทุกหน
ไยสำนึกตรึกในใจทุกคน                                                    ต่างมืดมนราวราตรีไม่มีจันทร์
๏ เคยมีจันทร์มีดาวสกาวฟ้า                                                แม้นมองหน้าเคยรู้ใจไยแปรผัน
ดาวเดือนเลื่อนเคลื่อนใจไปห่างกัน                                   นับคืนวันฝันว่าฟ้าจะมาคืน
๏ ต้องกลับบ้านชานเมืองอันเรืองรุ่ง                                  เป็นคนทุ่งคนเดิมอย่าริฝืน
เป็นคนกรุงมุ่งแต่ยศหมดจุดยืน                                          จะต้องกลืนแต่น้ำตาทุกคราครัน
๏ มองบ้านเราแดดจ้าฟ้าสดใส                                             ดาวเดือนได้ส่องแสงแข่งสีสัน
ไมมีใจคนมืดบดบังกัน                                                       คืนความฝันฉันไว้ในเมืองกรุง.
 
................................................... ( ชยพล  ).............................................................
 
141. ภัทรสุดา
                            ห้วงแห่งมโนสำนึก (ภัทรสุดา)
๏ ถ้าตัวเราไม่มีทั้งความคิด                                                 ไม่มีจิตที่ดีสร้างกุศล
แต่มีจิตคิดชั่วสัปดล                                                             ไร้มงคลตนก็ชั่วจนตัวตาย
๏ ณ บัดนี้มีแต่คนเห็นแก่ตัว                                                หลงเมามัวเมื่อคิดได้นั้นก็สาย
พังทลายทั้งชีวิตและร่างกาย                                               ม้วยวอดวายพ่ายแพ้แก่ชีวัน
๏ เริ่มรากฐานเพาะบ่มจากครอบครัว                                 เปรียบเช่นบัวเพิ่มสายใยเพิ่มผูกพัน
ด้วยความรักความดีมีให้กัน                                                ร่วมสร้างสรรค์สังคมไทยให้มั่นคง
๏ ทุกวันนี้มีแต่ความเห็นแก่ได้                                           ประสงค์ให้ทำลายชาติพินาศลง
เป็นส่วนน้อยที่จะคิดจิตดำรง                                             ธงไตรรงค์จะอยู่ได้อย่างไร
๏ อันเสาธงตั้งอยู่ตระหง่านตา                                              อีกผืนฟ้าสีครามงามสดใส
ประเพณีดีงามของชาติไทย                                                 ต้องเสื่อมไปตามกาลและเวลา
๏ ชั่วชีวิตทำชั่วมาตลอด                                                      เหมือนตาบอดมองไม่เห็นขอบภูผา
ถ้าเด็กไทยนั้นไร้การศึกษา                                                  เติบโตมาก็ไร้ซึ่งคุณธรรม
๏ ถ้าในจิตมีห้วงของสำนึก                                                 จึงรู้สึกอยากทำดีทุกเช้าค่ำ
ต่างเรียกร้องวาจาเอ่ยถ้อยคำ                                               ต่างจดจำในสิ่งที่ดีงามเอย
................................................... ( ภัทรสุดา ).............................................................
 
142.  นันทกานต์
                                 ห้วงแห่งมโนสำนึก (นันทกานต์)
๏ อันว่าจิตใจเราเท่านายท่าน                                               คอยว่ากล่าวให้กายนั้นได้เป็นสอง
จิตประเสริฐบริสุทธิ์ดุจเพชรทอง                                       ตามครรลองครองธรรมนำความดี
๏ จิตหนอจิตจะแจ่มแจ้งเจิดจรัส                                        ต้องซื่อสัตย์รู้สำนึกตามวิถี
ถ้าจิตใจไม่สะอาดขาดความดี                                             คงไม่มีผู้ใดจะใฝ่ปอง
๏ สำนึกทรามใครเล่าจะเอาเหมือน                                     ต้องย้ำเตือนให้จิตไม่คิดหมอง
หากตัวเราสำนึกทรามตามคะนอง                                      คนจะมองว่าชั่วช้ามิน่าชม
๏ แต่กลับกันหากเรานั้นสำนึกได้                                       ไปแห่งใดไฉนเล่าจะขื่นขม
คนนับหน้าถือตาว่านิยม                                                      สุขภิรมย์ร่มเย็นไม่เข็ญใจ
๏ คนที่ดีถือว่ามีจิตสำนึก                                                     ความรู้สึกชั่วช้าตัวอย่าใฝ่
สิ่งเลวทรามต่ำช้ากว่าสิ่งใด                                                  คือจิตใจที่เสื่อมเสียของตัวเรา
๏ คนที่ชั่วมักทำตัวมั่วกิเลส                                                คิดแต่เรื่องเพศสัมพันธ์นั่นช่างเขลา
สิ่งดีดีไม่มีจะคิดเอา                                                              มัวแต่เฝ้าพร่ำเพ้อละเมอไกล
๏ ความดีใดสั่งสมแต่นานเนิ่น                                             จิตไม่เกินเจริญขวัญไม่หวั่นไหว
ถึงไม่ได้เป็นใหญ่เหมือนใครใคร                                      แต่จำไว้สิ่งยิ่งใหญ่คือใจคุณ
๏ หากว่าเป็นความผิดที่พรั้งพลาด                                      จิตคงขาดสิ่งย้ำเตือนที่เกื้อหนุน
จงทำสิ่งดีไว้ให้เป็นทุน                                                        จะค้ำจุนหนุนเราไว้ไม่ให้พัง
๏ แม้นกายจากสำนึกดียังคงอยู่                                           นำไปสู่บรรพชนคนรุ่นหลัง
ให้ทั้งชาติบ้านเมืองมีพลัง                                                   เป็นความหวังของคนทั้งแผ่นดิน
................................................... ( นันทกานต์ ).............................................................
 
143. มนตรี
ห้วงแห่งมโนสำนึก (มนตรี)
๏ อันคนเราเกิดมาชีวิตหนึ่ง                                                ได้ทราบซึ้งสิ่งใดหลากหลายอย่าง
แต่หากต้องดำเนินชีพไปตามทาง                                       จะแตกต่างจากใครได้อย่างไร
๏ ภายในใจต้องการสิ่งใดเหล่า                                           จริงแล้วเป้าหมายนั้นเป็นฉไน
หากไม่ลองคิดคำนึงถึงจิตใจ                                              ตรึกตรองไปจะรู้ได้อย่างไรกัน
๏ ให้เราลองตรึกไปเสียให้แจ้ง                                           สู้ห้วงแห่งมโนสำนึกลึกเกินฝัน
จิตและใจเราประสงค์อันใดกัน                                          เป็นสำคัญก่อนตัดสินผินพลาดไป
๏ ลองก้าวสู่ห้วงแห่งจิตสำนึก                                             ให้ระลึกถึงสิ่งที่ประสงค์
ถามตัวเราให้ดีว่าจิตคง                                                        ลึกลึกที่คิดไว้อะไรกัน
๏ จิตใต้สำนึกจะบอกในทุกสิ่ง                                           อันที่จริงสิ่งที่หมายไม่เกินฝัน
ขอเพียงเรารู้ถึงจิตใจพลัน                                                   จงตั้งมั่นก่อนจะสานให้เป็นจริง
๏ ถามจิตใจให้ดีให้แน่แน่ว                                                 มิใช่ทำไปแล้วละทุกสิ่ง
เพราะพึงรู้ว่ามิได้ต้องการจริง                                             มัวประวิงเสียเวลาชักช้านาน
๏ ถ้าไม่เคยลองทำตามหัวใจ                                               ก็ย่อมไม่เป็นความฝันที่อยากสาน
ถามตัวเองก่อนลงมือจะทำการ                                           แล้วจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี 
 
................................................... ( มนตรี ).............................................................
 
144. สโรชา
                                  ห้วงแห่งมโนสำนึก (สโรชา )
๏ การกระทำสิ่งใดใคร่ควรญรู้                                           ต้องขึ้นอยู่ที่ใจใช้เหตุผล
การกระทำสิ่งใดอยู่ที่ตน                                                     ความเป็นคนนั้นสื่อถึงความดี
๏ ปากเป็นเอกเลขเป็นโทครูเคยสอน                                ต้องคิดก่อนทำอะไรเสริมราศี
ปากเป็นเอกพูดไม่คิดผิดทันที                                            แล้วชีวีจะเป็นสุขได้เช่นไร
๏ มีน้ำจิตน้ำใจไมตรีมั่น                                                      หมั่นขยันซื่อสัตย์คิดสดใส
มีน้ำจิตคิดเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ไป                                                ฝึกฝนไว้เป็นนิสัยใช้ได้นาน
๏ แม้นประกอบกิจการงานสิ่งไหน                                    ต้องตั้งใจตั้งมั่นเพื่อสืบสาน
แม้นประกอบสิ่งใดไม่เลือกงาน                                         อยู่ได้นานจุดมุ่งหมายไม่สั่นคลอน
๏ รู้ประหยัดอดออมถนอมจิต                                            ไม่หลงผิดทำผิดลืมคำสอน
รู้ประหยัดจุนเจือเอื้ออาทร                                                 คนอื่นก่อนตนที่หลังปันน้ำใจ
๏ รู้คุณค่าความดีอย่างแน่แท้                                               รู้จักแก้ปัญหา วาจา ใส
รู้คุณค่าความดีไม่หยามใคร                                                ทำอะไร นึกถึงใจ กาย วาจา
๏ กตัญญูรู้คุณไม่คิดคด                                                       รู้จักงดอารมณ์ริษยา
กตัญญูรู้คุณและบูชา                                                            คนสูงกว่าตนเองต้องเกรงใจ
๏ เคารพสิทธิบุคคลทื่ได้เห็น                                              มีความเป็นประชาธิปไตย
เคารพกฎกติกาของคนไทย                                                ห่างทุกข์ภัยก็เพราะเราเข้าร่วมมือ
................................................... ( สโรชา ).............................................................
 
145. สุนทร
                                          พ่อสู่ลูก (สุนทร )
๏ แม่...แม่จ๋า เห็นไหม ใครถูกฆ่า                                        แม่...แม่จ๋า คนในจอ เหมือนพ่อผม
แม่...แม่จ๋า เลือดเขาไหล ไม่อยากชม                                 แม่เข่าคู้ แทบเป็นลม ล้มทั้งยืน
๏ จำได้ไหม คำเอ่ย พ่อเคยบอก                                        อย่าโกงหลอก ฆ่าใคร ให้ขมขื่น
ทำความดี มีธรรม ไม่กล้ำกลืน                                           แม่รื้อฟื้น ถ้อยคำ ทั้งน้ำตา
๏ ภาพของพ่อ สม องอาจ ชาติทหาร                                  เลือดวิญญาณ พลีเพื่อชาติ ศาสนา
พ่อไป "ใต้" ไม่กลับบ้าน ตามสัญญา                                 ได้เห็นหน้า เพียงรูป จูบก่อนนอน
๏ "สำนึกนึกพ่อ" คือรักชาติ ศาสน์กษัตริย์                         พ่อป้องรัฐ ปราบโจร อย่างโอนอ่อน
โจรใจบาป ฆ่าพ่อได้ ไม่อาทร                                            แม่สั่นคลอน บอกลูก อย่างผูกพัน
๏ ฟังแม่บอก ลูกจึงทราบ ภาพแม่เล่า                                 พ่อถูกเขา เหยียบย่ำ ฆ่าห้ำหั่น
"สำนึกโจร" คงไม่มี ในชีวัน                                               ลูกร้องลั่น กอดแม่ ที่แก่ตัว
๏ ผมขาดพ่อ แต่ใจ มิไร้พ่อ                                                 สำนึกก่อ ซึมซาบ ปราบคนชั่ว
เลือดในร่าง พลีได้ ลูกไม่กลัว                                            จะเป็นรั้ว แทนพ่อ ก่อความดี
๏ สำนึกพ่อ สู่ลูก ผูกรักมั่น                                                  จะสร้างฝัน สันติสุข ปลุกศักดิ์ศรี
จะใช้เลือด และร่าง ล้างราคี                                                ชีพยอมพลี เพื่อราษฎร์ และชาติไทย
๏ เลือดทหาร ผู้ยิ่งใหญ่ ใจนักสู้                                          เลือดศัตรู ต้องสิ้น จากถิ่นใต้
ลูกจะสู้ ด้วยตัว และหัวใจ                                                   เพื่อพ่อได้ สละร่าง อย่างภาคภูมิ
................................................... ( สุนทร ).............................................................
 
146. สุนทร
                             สำนึก...สู่สังคม (สุนทร) แก้ไข                       
๏ เลือดย้อมดิน คนกินคน ปล้นชีวิต                                 คนโกงสิทธิ์ คนฆ่าคน ล้นปัญหา
แพะรับบาป คือปวงชน น้ำล้นตา                                       ถูกสั่งฆ่า ทีละราย ตายทั้งเป็น
๏ บนแผ่นดิน ศิวิไล ไร้สำนึก                                            สูงเสาตึก แต่หัวใจ กลับไม่เห็น
คนหน้าซื่อ ตาใส ใจเลือดเย็น                                             ขูดรีดเอ็น สูบเลือดเนื้อ เพื่อเลี้ยงตน
๏ กินความสุข ท่ามทุกข์นอง ของผู้อื่น                              ยิ้มระรื่น ท่ามความเศร้า ความหมองหม่น
สำนึกชั่ว กลืนกิน สำนึกคน                                                รวยทรัพย์สิน แต่จน ธารน้ำใจ
๏ สร้างมโนสำนึก ตรึกตรองก่อน                                      หันมองย้อน กระจกเงา เห็นเงาได้
สะท้อนภาพ คนชั่ว ตัวจัญไร                                              คิดทำใหม่ น้อมนำ การทำดี
๏ หว่านเมล็ด ธรรมฝัง หยั่งรากลึก                                     สร้างสำนึก ที่ถูก ปลูกศักดิ์ศรี
สร้างสังคม ศิวิไล ด้วยไมตรี                                               คืนเสรี สู่พี่น้อง ผองประชา
๏ สุขย้อมใจ คนรักคน เลิกปล้นสิทธิ์                                ใช้ชีวิต รู้กรอบกฎ หมดปัญหา
แพะรับบุญ สิ้นบาป คราบมารยา                                       ความเมตตา ล้นหลั่ง เลี้ยงสังคม
๏ สำนึกดี ย่อมเลิศล้วน สุขถ้วนทั่ว                                    สำนึกชั่ว ย่อมอาฆาต ชาติขื่นขม
รู้สำนึก ใช้ธรรมา ดับอารมณ์                                              ภัยจึงสิ้น ราษฎร์สุขสม อยู่ร่มเย็น
................................................... ( สุนทร ).............................................................
 
147. เปมิกา  
                                 ห้วงแห่งมโนสำนึก (เปมิกา)  
๏ อักษราเรียงร้อยถ้อยคำคิด                                               ให้พินิจตรึงดูมิรู้หาย
ร้อยทิวาราตรีที่มากมาย                                                       โลกสร้างฝันทั้งหลายกลายเป็นคน
๏ พสุธาผืนทองที่ครองไว้                                                   แต่ก่อนไซร้ชื้นด้วยละอองฝน
เห็นสีเขียวต้นไม้อีกสายชล                                                 ชวนยิลยลยิ้มแย้มแกมชื่นบาน
๏ แต่วันนี้มิได้เป็นเช่นกาลก่อน                                         ภาพสะท้อนปวงชนถือด้ามขวาน
ตัดไม้ล้มไร้สิ้นฤดูกาล                                                        จากวันวานเปลี่ยนร้อยได้เพราะใคร
๏ อีกเคยมีธารามัจฉามาก                                                     ยังมาพรากความงามในน้ำใส
สร้างโรงงานของเสียทิ้งลงไป                                            แม่น้ำไทยสิ้นแล้วความเลื่องลือ
๏ ต้องรอให้น้ำจืดนั้นหมดโลก                                          ถึงจะโศกจะเศร้ากับเขาหรือ
เริ่มต้นใหม่ทำได้ด้วยสองมือ                                              เพราะเราคือบุคคลบนแผ่นดิน
๏ ทั้งน้ำไฟน้ำมันลดลงบ้าง                                                 อย่ามัวอ้างกล่าวถ้อยวาทศิลป์
จรรโลงโลกเทิดไท้องค์ภูมินทร์                                        ที่ทรงรินเหงือหยดรดลงไป
๏ ณ นาทีสุดท้ายแห่งชีวิต                                                    ขอสำนึกสักนิดจะได้ไหม
เกิดหนึ่งชาติบนผืนแผ่นดินไทย                                         ฝากอะไรไว้บ้างก่อนสิ้นลม
................................................... (   เปมิกา ).............................................................
 
148. สุนทร
                                  จิตใต้สำนึก (สุนทร)
๏ ไม้สิ้นป่า เพราะใคร ไม่รักษ์ป่า                                       ฝนขาดฟ้า เพราะใคร ไม่รักษ์ฝน
ภัยพายุ ซัดกระหน่ำ ทำร้ายตน                                            ก็เพราะคน คิดทำลาย ทำร้ายตัว
๏ มือผลาญป่า ล่าสัตว์ มือตัดไม้                                         เพียงเพราะใจ ตกต่ำ สำนึกนึกชั่ว
ป่าสิ้นไม้ คนใจหยาบ บาปไม่กลัว                                     ดินหมองมัว ทุกข์เปื้อนป่า ล้นราคี
๏ เรามีกิน เรามีใช้ ให้ตระหนัก                                          สำนึกรักษ์ บ้านเกิด เถิดน้องพี่
ป่าเป็นป่า ยึดธรรม สำนึกดี                                                 แผ่นดินมี ความอุดม สุขสมบูรณ์
๏ สุขเราสร้าง ด้วยใจ ใสสะอาด                                          ธรรมชาติ เรืองวิไล ไม่เสื่อมสูญ
ดินทุกก้อน รู้รักษา อย่างอาดูร                                           ทรัพย์เพิ่มพูน เลี้ยงชาวโลก สิ้นโศกภัย
๏ สรรพสิ่ง ต้องช่วยเหลือ เพื่อเพิ่มค่า                               วัฏจักร คืนกลับมา ค่ายิ่งใหญ่
จิตสำนึก เรารู้ อยู่กับใจ                                                       เพียงรู้คิด รู้ใช้ ไม่ทุกข์ทน
๏ ไม้เต็มป่า เพราะตระหนัก รู้รักษ์ป่า                                ฝนชุ่มฟ้า เพราะตระหนัก รู้รักษ์ฝน
ภัยพายุ ไม่กระหน่ำ ทำร้ายตน                                            ก็เพราะคน ไม่ทำลาย ทำร้ายตัว
 
................................................... (   สุนทร  ).............................................................
 
149. สถิตคุณ 
 
พ่อของแผ่นดิน (สถิตคุณ)
๏ ผืนแผ่นดินถิ่นไทยได้ร่มรื่น               พ่อพลิกฟื้นความแล้งแห้งอับเฉา
แก่พี่น้องผองไทยดวงใจเรา             น้อมเหนือเกล้าพ่อหลวงปวงประชา
พ่อได้สร้างทางออกบอกแก่ลูก         พ่อฝังปลูกป้องกันแก้ปัญหา
พ่อยอมเหนื่อยเมื่อยกายทุกเวลา     ด้วยใจกล้าเพื่อไผทได้ร่มเย็น
เศรษฐกิจพอเพียงเลี้ยงชีวิต            พ่อได้คิดบรรเทาดับทุกข์เข็ญ
จงเอาไว้ใช้เลี้ยงตนทนให้เป็น         ให้ได้เห็นแนวธรรมพ่อนำมา
พ่อห่วงเจ้าทุกเวลาอัชฌาสัย          ทุกดวงใจแปรแผ่นดินถิ่นล้ำค่า
จากความแห้งแล้งน้ำร่ำพรรณนา   แก่ประชาได้ร่มรื่นชื่นดวงใจ
คราฝนแล้งพ่ออำนวยช่วยฝนหลวง ใจก็ห่วงปวงประชามาแต่ไหน
ดับความแล้งแห่งหนตำบลใด          ปัดทุกข์ภัยสุขสันต์ทุกวันคืน
พระบารมีที่ยิ่งใหญ่ไหนเท่าพ่อ         ที่เติมต่อให้เราเบาใจชื่น
เท่าพ่อหลวงดวงใจไทยทรงยั่งยืน    ได้พลิกฟื้นความทุกข์เป็นสุขพลัน
พ่อหลวงฉันมีเมตตายิ่งฟ้าสมุทร     เปรียบประดุจดวงไฟในสวรรค์
ที่ฉันเฝ้าบูชาวันทานั้น                    ด้วยยึดมั่นเป็นหลักแก่นแห่งแดนไทย
น้อมบังคมทูลเกล้าพระเจ้าอยู่หัว     ไปนานชั่วฟ้าดินถิ่นพิสัย
พระราชาจอมปราชญ์เลิศเพริศวิไล    ขอน้อมไหว้กราบพ่อหลวงดวงใจเอยฯ
..................................... (สถิตคุณ)......................................
 
150. นิบุณ 
 
ห้วงแห่งมโนสำนึก (150. นิบุณ)
                                ห้วงแห่งมโนสำนึกตรึกตรองจิต                         จัดชีวิตมุ่งทำดีอย่างกล้าหาญ
                อย่าปล่อยให้กิเลสชั่วมารุกราน                                           บนเส้นฐานทุกย่างก้าวของชีวี
                                ถือศีลห้าเบ็ญจธรรมทำเบื้องต้น                           ช่วยให้คนผ่อนคลายทุกข์มีสุขศรี
                สมาธิฝึกประจำอย่ารอรี                                                        มีหวังที่สู่นิพพานได้สมใจ
................................................... ( นิบุณ ).............................................................

 




กลอนสุภาพ 2553

ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (กลอนสุภาพ) : หัวข้อ “เขลา”
ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (กลอนสุภาพ) : หัวข้อ “ทางแยก” article



bulletผลร้อยกรองออนไลน์ 2558
dot
ประกวดร้อยกรองออนไลน์ครั้งที่ 7
dot
bulletข้อมูลการประกวดครั้งที่ 7, 2557
bulletผังร้อยกรอง
bulletอ่านโคลงประกวด 2557
bulletอ่านกลอนประกวด 2557
bulletอ่านกาพย์ยานีประกวด 2557
bulletผลการประกวดร้อยกรอง ปี 2557
dot
ข่าวสาร ข้อมูลสมาคม
dot
bulletกรรมการสมาคมสมัยที่ ๑๕-๑๖
bulletนายกสมาคมสมัยที่ ๑๗
bulletติดต่อนายกสมาคมนักกลอน
bulletติดต่อฝ่ายดูแลส่วนต่างๆ
bulletสมัครสมาชิกสมาคมนักกลอน
bulletนักกลอนตัวอย่าง ๒๕๕๓
dot
หัวข้อน่าสนใจ
dot
bulletรวมลิ้งค์เว็บไซต์น่าสนใจ
bulletส่งบทสักวา น.ส.พ. สยามรัฐ
bulletวารสารวิทยาจารย์ รับต้นฉบับ
bulletส่งข้อเขียนครูในดวงใจ
dot
แนะนำหนังสือ
dot
bulletหน้ารวมหนังสือ
bulletคู่มือเรียนเขียนกลอน
bulletกาสรคำฉันท์ - สมคิด สิงสง
bulletหนังสือสุรินทร์สโมสร
bulletฝากโลกนี้ไว้ในหัวใจเธอ - กอนกูย
bulletเลือน - อติภพ
bulletธาร ธรรมโฆษณ์
bulletนายทิวา
bulletกลอนเกียรติยศ
bulletอ้อมกอดแห่งท้องทุ่ง
bulletทองแถม นาถจำนง
bulletพงศาวดารพิภพ
bulletโป๊ยเซียน คะนองฤทธิ์
dot
โครงการประกวดต่างๆ
dot
bulletนายอินทร์อะวอร์ด ๒๕๕๖
bulletประกวดรางวัลซีไรท์ปี ๒๕๕๖
bulletรางวัลพานแว่นฟ้า ปี ๒๕๕๖
bulletรางวัลวรรณกรรมรามคำแหง ๒๕๕๖
dot
ผลตัดสินรางวัลต่างๆ
dot
bulletรางวัลศรีบูรพา ๒๕๕๖
bulletผลรางวัลซีไรต์ ๒๕๕๗
bulletผลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ๒๕๕๗
bulletผลรางวัลแว่นแก้ว ๗ (๒๕๕๓)
bulletผลกลอนวิถีคนกับควาย
bulletผลร้อยกรอง “ผมจะเป็นคนดี”
bulletรางวัลนราธิป ๒๕๕๓
bulletนักเขียนอมตะ คนที่ ๖ (๒๕๕๕)
bulletนักเขียนรางวัลศรีบูรพา ๒๕๕๖
bulletศิลปินมรดกอีสาน ๒๕๕๔
bulletผลรางวัลพานแว่นฟ้า ๒๕๕๕
bulletผลรางวัลรามคำแหง ๒๕๕๖
bulletศิลปินแห่งชาติ ๒๕๕๕
bulletผลประกวดหนังสือ ชีวิตใหม่ 2
dot
ข่าวคราวของลมหายใจ
dot
dot
Weblink
dot
bulletอ่านกลอนประกวด 2556

หนังสือพิมพ์ คมชัดลึก
สมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย
ศูนย์ให้คำปรึกษาปัญหาภาษาไทย มศว
เว็บรวมกระทู้ อาศรมชาวโคลง ใน pantip.com
หนังสืออีศาน


Copyright © 2010 All Rights Reserved.
ติดต่อ นายกสมาคมนักกลอนแห่งประเทศไทย ทองแถม นาถจำนง
โทรศัพท์ ๐๘๙-๑๒๓๔๗๕๔ อีเมล์ tongtham.n@hotmail.com

สำนักพิมพ์แม่โพสพ