ระดับอุดมศึกษาและประชาชนทั่วไป (โคลงสี่สุภาพ) : หัวข้อ “อคติ”
ครั้งที่ ๕ ประจำปี ๒๕๕๕ จำนวน 48 ชิ้น
1. วราพรรณ
ส่งทางอีเมล์ : Wednesday, September 12, 2012 9:32 PM
อคติ (1. วราพรรณ)
“ฉันทา” ครวญใคร่นั้น ควรเกรง
เอียงฝ่ายรักบรรเลง อ่อนได้
ลอยลมดั่งเสียงเพลง หวานแว่ว
เพียงแค่หลงใหลไซร้ ใช่แท้ ยุติธรรม
“โทสา” โกรธเถื่อนแท้ หวั่นสะพรึง
กร้าวดั่งเชือกผูกขึง แน่นไว้
ชังมัดแน่นแข็งตึง ทุกสิ่ง
จิตไม่แท้หลอกได้ สั่งแสร้ง สังคม
“โมหา” มิไตร่ไซร้ ตรองจิต
ดังป่ามืดบังปิด ฝั่งไว้
งมงายพ่ายจิตพินิจ คิดก่อน
หลงป่าหลงทางไหม้ ชื่นนี้ อกตรม
“ภยา” กลัวแก่กล้า อิทธิพล
หวาดหวั่นดันตัวตน ไป่สิ้น
ปราศความเที่ยงเบี่ยงล้น จนล่ม
สิ่งเหล่านี้ล้วนดับดิ้น สี่ล้วน ควรไกล
“อคติ” เช่นนี้ เปรียบไป
ดุจห่าไฟลามไหม้ ทั่วหล้า
ความไม่เที่ยงเบี่ยงใจ ไร้ค่า
สุขที่เทียมผืนฟ้า ว่างไว้ ไม่มี
พุทธธรรมส่องแจ้ง ประจักษ์
ทุกสิ่งควรตระหนัก ถ่องแท้
ทางสว่างสร้างหลัก รู้ร่วม ศรัทธา
ธรรมส่องอคติแพ้ ห่างพ้น เร็วพลัน
..................................... (1.วราพรรณ).....................................
2. “ส.สิริภัทร”
ส่งทางอีเมล์ : Monday, September 17, 2012 9:04 AM
อคติ (2. ส.สิริภัทร) ส่งครั้งแรก มีแก้ไข
๑. พุทธองค์ทรงกล่าวไว้ พระธรรม
เพียรเพ่งพินิจจำ ถี่ถ้วน
ผจงจิตลิขิตธรรม น้อมสู่ ตนแฮ
ยึดมั่นอันมรรคล้วน หยั่งรู้นิพพาน
๒. อคติท่านส่งถ้อย ร้อยขยาย สี่นา
ธรรมที่สุชนหมาย มุ่งใช้
ลำเอียงว่าสาธยาย ใคร่กล่าว เอื้อนเอย
รู้ว่าบ่าแบกไว้ ใช่ให้หนักเคียง
๓. เผดียงคติหนึ่งไซร้ ฉันทา
ชวนชื่นระรื่นพา ชอบให้
บริสุทธิ์เที่ยงธรรมนา ปราชญ์ว่า ยอดเฮย
ควรค่ารักษาไว้ บ่ให้เอนเอียง
๔. เมียงโทสาคติให้ หึงหวง
ประหนึ่งไฟสุมทรวง เร่าร้อน
ชิงชังเล่ห์ดั่งลวง ให้ว่า ร้อนเฮย
ตกต่ำระกำซ้อน ถ่อยถ้วนขบวนโทษ
๕. โฉดเขลาเบาอ่อนด้อย ปัญญา
อีกหนึ่งคติโมหา น่ารู้
ทระนงรุ่มหลงพา ดื้อแพ่ง ท่านเอย
เติมแต่งสติสู้ สู่รู้ปัญญา
๖. ภยาคตินี่ไซร้ ทำนอง กลัวเอย
ใจส่ายระส่ำพอง ถี่เน้น
ละล้าละลังมอง ตกตื่น
ใจพรั่นประหวั่นเต้น ห่อนเว้นสิ้นสุด
๗. สัปบุรุษซึ่งรู้ วิหาร มรรคเอย
ปราชญ์เปรื่องเรืองปฏิภาณ ผ่องแผ้ว
ปัญญาเพ่งพิจารณ์ ธรรมเที่ยง ตรงนา
ยึดมั่นสำคัญแล้ว อย่าได้แชเชือน
..................................... (2. ส.สิริภัทร)......................................
3. “เงารัตติกาล”
ส่งทางอีเมล์ : Monday, September 17, 2012 9:08 AM
อคติ (3. เงารัตติกาล)
๐๐ ความลำเอียงเช่นนี้ ผันผวน
คำว่าอคติควร ท่องไว้
อคติหนึ่งแปรปรวน ความใคร่
เพราะรักมักทำให้ จิตไซร้ลำเอียง
๐๐ อคติเคียงคู่ข้าง ความโกรธ
เป็นดั่งความพิโรธ ฉุดรั้ง
จิตตกต่ำจงโปรด ครวญใคร่
หากคิดอยากหยุดยั้ง จิตนี้มั่นคง
๐๐ จงจำสิ่งหนึ่งนี้ ความกลัว
ชี้บ่งให้ใจมัว หม่นเศร้า
บังคับจิตใจตัว อยู่นิ่ง แล้วนา
อคตินี้คงมิเข้า ข่มได้ใจเรา
๐๐ หากความเขลาโง่นี้ เป็นเหตุ
จงอย่าลืมสังเกต สิ่งเร้า
ความเขลาน่าสังเวทย์ จงปล่อย ไปเฮย
จงมั่นในรากเหง้า คิดได้ด้วยตน
๐๐ อคติคนมากล้วน จากจิต
เฝ้าแต่มองความผิด เพื่อนพ้อง
ความบกพร่องมีสิทธิ์ ติดอยู่ ทั่วนา
คนที่อคติจ้อง แต่ผู้ พลาดพลั้ง
๐๐ ดังนั้นควรฉุดรั้ง จิตใจ
อคติคงหมดไป แน่แท้
มองคนที่หัวใจ คงมั่น
จักช่วยให้ปรับแก้ หมดสิ้นลำเอียง
..................................... (3. เงารัตติกาล)......................................
4. อาษา
ส่งทางอีเมล์ : Monday, September 17, 2012 9:35 AM
อย่าทำลำเอียง (4. อาษา)
๑. เพราะรักผลักจิตพล้ำ ลำเอียง
เขาชั่วมัวใจเมียง เยี่ยงไร้
ความดีไม่มีเคียง ขันส่ง
คอยช่วยอวยออดใช้ คลั่งไคล้ใจฝัง ฯ
๒. เพราะชังยังจิตพร้อย คอยเข็ญ
เขาชั่วนิดผิดเห็น เท่าฟ้า
ทำดีไม่มีเหม็น เมินเบื่อ
คอยค่อนแคะแหวะท้า ใส่ไคล้ไถเถา ฯ
๓. เพราะเขลาเอาแต่ต้อย ติดตาม
เขาสั่งยอมฟังความ เชื่อเค้า
ถูก/ผิดไม่คิดถาม ขำเหตุ
ความโง่โมหะเร้า ล่วงเรื้อเถือหัว ฯ
๔. เพราะกลัวตัวจักต้อง เจอภัย
เขาก่อกรรมทรามไกร บ่ายรู้
หลับตาร่วมมือไป หมายปลอด
ผิดช่วยอำนวยทู้ เถื่อนค้อมยอมขม ฯ
๕. อคติอมอัตถ์ค้ำ ลำเอียง
พึงอย่าพิศคิดเพียง ผ่องคล้าย
ครอบงำจิตบิดเมียง มืดบอด
ดี/ชั่วมนมัวร้าย มุ่งล้ำกรรมสถล ฯ
๖. เจียรบุญจุนจิตไร้ อคติ
เธียรก่อกรรมดำริ ถิรเรื้อง
สัมมาสะทิฏฐิ เกรียงแกร่ง
สติสัมปชัญญะเยื้อง เนื่องโน้มพรหมพิหาร ฯ
..................................... (4. อาษา)......................................
5. “นกฮูกสีฟ้า”
ส่งทางอีเมล์ : Monday, September 17, 2012 8:39 PM
อคติ (5.นกฮูกสีฟ้า) ส่งครั้งแรก มีแก้ไขเพิ่มเติม
๏ ดุจรากแก้วแก่นร้าย เเจาะฐาน
ความชั่วตัวก่อการ แน่แล้ว
ตัณหาฆ่าวิญญาณ ธรรมสร่าง
ผีแต่งแต้มไม่แคล้ว ต่อต้านคุณธรรม ๚ะ
๏ ถลำรักแทรกเล่ห์นั้น ฉันทา คติเฮย
สืบเนื่องเคืองชู้มา หมกไหม้
การหนึ่งซึ่งเกิดครา น้องพี่
จงนิ่งเป็นกลางได้ สว่างโพ้นจิตตน ๚ะ
๏ โกรธปนแค้นเหล่านี้ โทสา คตินอ
โทสะจะเริ่มหา กลั่นแกล้ง
เริงอำนาจนำพา ตราชั่ง เอียงแล
แยกส่วนตัวให้ท้าย เท่านี้ใจงาม ๚ะ
๏ ไร้สติตามสะเพร่าซ้ำ โมหา คติเฮย
ความไม่ได้เฉื่อยชา อ่อนรู้
รีบจรก่อนเหตุมา ประมาท แน่นา
ทุกแง่มุมพลิกกู้ อย่าได้ใจร้อน ๚ะ
๏ กลัวถอนจึงลิ่วล้อ ภยา คติแฮ
ไหวหวั่นปั่นป่วนท้า แบ่งข้าง
ลำเอียงเบี่ยงเดียงสา เขลายิ่ง
หยัดแกร่งหาญกล้าล้าง เผ่าพ้องอันธพาน ๚ะ
๏ ปณิธานเลี่ยงต้าน มโนผิด นี้เอย
อคติสร้างจิต ก่อรั้ว
ปรับปรุงมุ่งแนวคิด จริต ธรรมเทอญ
ธรรมะสายกลางนั้น เที่ยงแท้สัจธรรม ๚ะ๛
..................................... (5. นกฮูกสีฟ้า)......................................
6. "รติ รัตติกาล"
ส่งทางอีเมล์ : Tuesday, September 18, 2012 12:56 PM
อคติ (6. รติ รัตติกาล)
@ ยิ่งพูดยิ่งผิดพลั้ง ยิ่งรัก ด้วยฤา
ผิดบ่อยเสมอนัก เอ่ยอ้าง
ต่างคอยอยู่คอยทัก เพราะมัก หลงแล
หูดับตาบอดบ้าง อยู่ข้างเดียวกัน
@ สมัครพรรคพวกเพื่อนพ้อง สีเดียว กันแฮ
เราถูกมันผิดเทียว ถ่องแท้
ตบมือลั่นสนั่นเกรียว ชมชื่น ใจนอ
ถึงผิดไม่คิดแก้ แย่แล้วเมืองสยาม
@ ยามรักน้ำผักต้ม ไป่ขม นาแม่
ยามสุขีชี้ชม แมกไม้
ยามชังดั่งมีดคม ตัดข่ม ไม้แฮ
รักเปลี่ยนเป็นชังไซร้ ดุจไร้ดวงสมร
@ เคยรักหลงก่อนหน้า เพลา ก่อนนา
ธารจักไหลย้อนมา ห่อนได้
รักกลับเปลี่ยนศรัทธา แช่งด่า บารนี
เคยเทิดทูนเทิดไท้ หมดสิ้นสิเน่หา
@ เกลียดเข้ากระดูกเนื้อ ใจดำ
ตกบ่วงห่วงระกำ พร่ำเพ้อ
เทวษคร่ำครวญคำ อดโทษ นาพ่อ
คงจักได้คอยเก้อ เยิ่นเย้อฟูมฟาย
@ ประภัสสรเพริศแพร้ว แก้วมณี
แวววับดั่งความดี ผ่องแผ้ว
ตาบอดบอกไม่มี สักหน่อย
ชื่อว่ารักชังแล้ว มืดสิ้นเสมอกัน
@ รู้ถูกรู้ผิดด้วย วิชา
แต่หวั่นหวาดผวา ครั่นคร้าม
จึงแสร้งว่าสัญญา วิปลาส ฤาพ่อ
ถูกผิดไม่อาจข้าม ผ่านพ้นความกลัว
@ รักชังกลัวเกลือกกลั้ว มัวเมา
อีกหนึ่งเขลาตัวเรา ก่อตั้ง
หัวหน้าใหญ่ไม่เบา โมหะ แลนา
ยิ่งโง่ยิ่งผิดพลั้ง สุดรั้งลำเอียง
@ อคติสี่อย่างยั้ง คุณธรรม
สี่อย่างทำสี่นำ บาปให้
อคติสี่อย่างจำ ใจจด ฟังแล
เว้นว่างอคติได้ เลิศล้ำสรรญเสริญฯ
..................................... (6. รติ รัตติกาล)......................................
7. “เงารัตติกาล”
ส่งทางอีเมล์ : Tuesday, September 18, 2012 3:44 PM
อคติ (7. เงารัตติกาล)
๐๐ หลักภาษามากล้วน หลากหลาย
อังกฤษไทยสืบสาย ชาติเชื้อ
จำไว้มั่นจนตาย จงอย่า ลืมเฮย
หากแต่จงเอื้อเฟื้อ แก่ผู้รู้น้อย
๐๐ คนด้อยในเรื่องนี้ ภาษา
หากว่าอยากเจรจา ยากแท้
อังกฤษที่เรียนมา หัวอ่อน ด้วยแล
เพราะว่าใจพ่ายแพ้ ไม่เฝ้าฝึกฝน
๐๐ อคติคนเยี่ยงนี้ ยากสอน
จะเริ่มตามขั้นตอน จักได้
อังกฤษยิ่งแน่นอน คนไม่ เรียนเฮย
เราผ่อนอ่อนแอไซร้ ไป่ได้ภาษา
๐๐ เติบโตมาถิ่นนี้ แดนไทย
เราหล่อเลี้ยงหัวใจ พรั่งพร้อม
ภาษาอื่นของใคร คงไม่ รับเอย
เหมือนดั่งคอยตั้งป้อม ต่อต้านศัตรู
๐๐ หากรับรู้สิ่งนั้น สามารถ
เราจักได้เปรื่องปราด รู้ไว้
ภาษาต่างชนชาติ เรียนเพิ่ม ดีเอย
ทางสู่อนาคตได้ เริ่มรู้ศึกษา
๐๐ อย่าได้อคติไซร้ ไตร่ตรอง
จงฝึกหัดใฝ่ปอง ท่องไว้
ภาษาจักต้องลอง ฝักใฝ่
อาจช่วยให้เราได้ สู่แคว้นแดนไกล
..................................... (7. เงารัตติกาล)......................................
8. สราวุธ
ส่งทางอีเมล์ : Wednesday, September 19, 2012 8:30 AM
อคติ (8. สราวุธ)
สรรพชีพจักมอดม้วย ทั้งมวล
โลกธาตุเปลี่ยนแปรปรวน มืดฟ้า
ธรณีโศกกำสรวล โทรมสลด นาแม่
อคติกอดโลกหล้า ปะทุห้องหทัยชน
ฤามนต์วิปริตร้อน อวิชชา
คราสข่มจิตปัญญา บอดถ้วน
ผุดผ่องพุทธาภา เลือนจรัส ลงฤา
ดุจมะพร้าวยอดด้วน ห่อนสู้ชีพสลาย
วายชีพ นรชาติผู้ อหังการ์
รัก โลภ โกรธ หลง พา พินาศสิ้น
กงจักรดั่งปทุมมา ลวงหลอก ตาเฮย
สองทัพประจญดิ้น แตกด้าวแดนสยาม
เพลิงใจลามท่วมแล้ว โรมรัน
ลาภ ยศ สรรเสริญ ปัน หมู่พ้อง
ผิดถูกตัดสินกัน ตามหลัก-การกู
ผิดพวกผิพี่น้อง ฆาตสิ้นตักษัย
อคติในโลกล้วน เห็นลวง
ขาดจิตพิจารณ์ปวง ถ่องแท้
นอกใสแต่ในกลวง คันฉ่อง ฉายแฮ
ครองจิตสุจริตแก้ กอบกู้ “เป็นกลาง”
“ปล่อยวาง” เผือกลวกร้อน ใจเรา
ธรรมทิพย์บุญบรรเทา กิเลสไหม้
อคติดุจภาพเงา ด้านมืด ใจแล
เปิดหลักธรรมส่องให้ มืดพ้นนิรันดร์เทอญ
..................................... (8. สราวุธ)......................................
9. “ส.สิริภัทร”
ส่งทางอีเมล์ : Wednesday, September 19, 2012 1:52 PM
อคติ (9. ส.สิริภัทร) แก้ไขครั้งที่ 1 มีแก้ไขเพิ่ม
๑. ๏ พุทธองค์ทรงตรัสรู้ สู่มรรค
อริยสัจประภัสลักษณ์ เลิศล้ำ
มณีรุ้งรุ่งรัศมีพักตร์ แพร้วพร่าง
ราคะระคนคล้ำ มวดม้วยอวยสูญ ๚
๒. ๏ นุกูลพูลสวัสดิ์หล้า พุทธพจน์
สาถกยกประณต หมดถ้วน
สี่ อคติวลิรส หลากค่า ธรรมเอย
ปราชญ์ประเทืองเรืองล้วน เรียบถ้อยร้อยเสบียง ๚
๓. ๏ เผดียงเรียงคติไซร้ ใคร่ชอบ
ชื่นมื่นระรื่นรอบ มอบไว้
บริสุทธิ์ยุติธรรมนอบ น้อมว่า ยอดเฮย
ควรค่ารักษาใช้ บ่ให้เอนเอียง ๚
๔. ๏ เมียงโทสาคติให้ หึงหวง
ประหนึ่งไฟสุมทรวง หน่วงร้อน
ชิงชังเล่ห์ดั่งลวง ทรวงเร่า ร้อนเฮย
ตกต่ำระกำซ้อน ถ่อยถ้วนขบวนโทษ ๚
๕. โฉดเขลาเบาอ่อนด้อย ปัญญา
อีกหนึ่งคติโมหา น่ารู้
ทระนงรุ่มหลงพา พร่างแพ่ง แข่งเอย
เติมแต่งสติสู้ สู่รู้ปัญญา ๚
๖. ๏ ภยาคตินี่ไซร้ ให้กลัว
ใจส่ายระส่ำรัว ถี่เน้น
ละล้าละลังมัว กลัวสั่น
ใจพรั่นประหวั่นเต้น ห่อนเว้นสิ้นสุด ๚
๗. ๏ สัปบุรุษซึ่งรู้ วิหาร มรรคเอย
ปราชญ์เปรื่องเรืองปฏิภาณ ผ่องแผ้ว
พากเพียรเพ่งพิจารณ์ ธรรมเที่ยง ตรงนา
ยึดมั่นสำคัญแล้ว อย่าได้แชเชือน ๚
..................................... (9. ส.สิริภัทร)......................................
10. “ส.สิริภัทร”
ส่งทางอีเมล์ : Wednesday, September 19, 2012 9:10 PM
อคติ (10. ส.สิริภัทร) แก้ไขครั้งที่ 2 มีแก้ไขเพิ่มเติม
๑. ๏ พุทธองค์ทรงตรัสรู้ สู่มรรค
อริยสัจประภัสลักษณ์ เลิศแล้ว
มณีรุ้งรุ่งรัศมีพักตร์ แพร้วพร่าง
สว่างฉัพพรรณเพริศแพร้ว คลาดแคล้วแล้วมาร๚
๒. ๏ ต้องตระการสวัสดิ์หล้า พุทธพจน์
สาถกยกประณต หมดถ้วน
สี่ อคติวลิรส หลากค่า ธรรมเอย
ปราชญ์ประเทืองเรืองล้วน เรียบร้อยถ้อยเสบียง ๚
๓. ๏ เผดียงเรียงคติไซร้ ใคร่ชอบ
ชื่นมื่นระรื่นรอบ มอบไว้
บริสุทธิ์ยุติธรรมนอบ น้อมว่า ยอดเฮย
ควรค่ารักษาใช้ บ่ให้เอนเอียง ๚
๔. ๏ เมียงโทสาคติให้ หึงหวง
ประหนึ่งไฟสุมทรวง หน่วงร้อน
ชิงชังเล่ห์ดั่งลวง ทรวงเร่า ร้อนเฮย
ตกต่ำระกำซ้อน ถ่อยถ้วนขบวนโทษ ๚
๕. โฉดเขลาเบาอ่อนด้อย ปัญญา
อีกหนึ่งคติโมหา น่ารู้
ทระนงรุ่มหลงพา พร่างแพ่ง แข่งเอย
เติมแต่งสติสู้ สู่รู้ปัญญา ๚
๖. ๏ ภยาคตินี่ไซร้ ให้กลัว
ใจส่ายระส่ำรัว ถี่เน้น
ละล้าละลังมัว กลัวสั่น
ใจพรั่นประหวั่นเต้น ห่อนเว้นสิ้นสุด ๚
๗. ๏ สัปบุรุษซึ่งรู้ วิหาร มรรคเอย
ปราชญ์เปรื่องเรืองปฏิภาณ ผ่องแผ้ว
พากเพียรเพ่งพิจารณ์ ธรรมเที่ยง ตรงนา
ยึดมั่นสำคัญแล้ว อย่าได้แชเชือน ๚
..................................... (10. ส.สิริภัทร)......................................
11. ปุนภพ
ส่งทางอีเมล์ : Thursday, September 20, 2012 11:05 AM
อคติ (11. ปุนภพ)
๏ ยลแสงทองท่องท้อง ทิวงาม
ทอทุ่งทาทาบทาม ทั่วหล้า
สายัณห์เยี่ยมเยือนยาม ย่ำค่ำ
ยลยิ่งยลฟากฟ้า ยิ่งให้ใจหาย ๚
๏ สายธารเลาะลัดเลี้ยว ลามไหล
สิ้นสุดลงตรงใด ไป่รู้
ฤๅตรงสู่ดวงใจ จอมนุช อนงค์นา
วานแม่คงคาสู้ ส่งข้อความถึง ๚
๏ คำนึงนวลนิ่มน้อง อนงค์นาง
คิดอยู่ไป่เว้นวาง ว่างได้
แต่หัวค่ำจวบสาง แสงส่อง
มองเหม่อรอเธอไร้ ร่างแม้เพียงเงา ๚
๏ เหงาใจในห้วงค่ำ คืนหมอง
รินร่ำน้ำเนตรนอง เหนื่อยล้า
ไร้นางคู่เคียงครอง จิตคร่ำ ครวญเฮย
รอรุ่งนภาจ้า แจ่มแจ้งมาเยือน ๚
๏ ดาวเดือนฤๅช่วยเข้า ปลอบขวัญ ข้าแฮ
เพราะต่างมีพระจันทร์ คู่เคล้า
ประคองอยู่เคียงกัน มิห่าง
หากแต่ว่าข้าเศร้า เพราะไร้นางเคียง ๚
๏ เสียงธารรินร่ำไห้ ดังโหย
เสียงแผ่วพระพายโชย เฉื่อยช้า
กระทบร่างดังโบย โบกเฆี่ยน ใจแฮ
แสนสุดระกำข้า จิตช้ำเจียนตาย ๚ะ
..................................... (11. ปุนภพ)......................................
12. ปุนภพ
ส่งทางอีเมล์ : Thursday, September 20, 2012 10:40 PM
อคติ (12. ปุนภพ) ส่งครั้งแรก มีแก้ไขเพิ่มเติม
๏ ศรีสรวงสรรค์เสกสร้าง ส่งมา
กรุงใหม่รุจิรา อร่ามแท้
แทนกรุงเก่าอยุธยา ยามก่อน
รัตนโกสินทร์แล้ เลิศล้ำนามสม ๚
๏ ดุจพรหมพิลาสล้ำ เลองาม
มอบทิพย์ประดับคาม เขตแคว้น
ประเทศชื่อสยาม ยามอดีต
มาบัดนี้นั่นแม้น มั่นล้ำนามไทย ๚
๏ วิไลเรืองรุ่งด้วย วัดวา
เมืองแห่งพุทธศาสนา สง่าล้ำ
สงบเย็นดั่งจันทรา ทอส่อง แสงเฮย
งามผ่องพระธรรมค้ำ เขตให้สุขเกษม ๚
๏ ปวงชนเปรมใต้ร่ม บารมี
แห่งราชวงศ์จักรี เกริกฟ้า
ประชาจึ่งเปรมปรีดิ์ ศรีสวัสดิ์
ทุกถิ่นไทยทั่วหล้า แหล่งล้วนเรืองรอง ๚
๏ ทรงครองประเทศด้วย ดวงธรรม
ทศพิธราชธรรมนำ เนื่องไว้
ราษฎรต่างน้อมสำ- นึกมั่น
เก้ารัชกาลเทพไท้ ท่วมท้นพระกรุณา ๚
๏ ทรัพยากรเกลื่อนทั้ง ถิ่นผอง
ดุจดั่งดินแดนทอง เทียบได้
น้ำดีฉ่ำชื่นนอง เนืองอยู่ ตลอดแล
ผืนแผ่นดินมอบให้ พืชพร้อมธัญญา
๏ ประชาจากถิ่นด้าว แดนใด
มิอาจเป็นสุขใจ เท่าแท้
เมืองไทยดั่งเทพไท ท่านส่ง
ลอยล่องจากสรวงแล้ สู่พื้นสุวรรณภูมิ ๚ะ
..................................... (12. ปุนภพ)......................................
13. “ส.สิริภัทร”
ส่งทางอีเมล์ : Friday, September 21, 2012 8:16 AM
อคติ (13. ส.สิริภัทร) แก้ไขครั้งที่ 3
๑. ๏ พุทธองค์ทรงตรัสรู้ สู่มรรค
อริยสัจประภัสลักษณ์ เลิศแล้ว
มณีรุ้งรุ่งรัศมีพักตร์ แพร้วพร่าง
สว่างฉัพพรรณเพริศแพร้ว คลาดแคล้วแล้วมาร๚
๒. ๏ ต้องตระการสวัสดิ์หล้า พุทธพจน์
สาถกยกประณต หมดถ้วน
สี่ อคติวลิรส หลากค่า ธรรมเอย
ปราชญ์ประเทืองเรืองล้วน เรียบร้อยถ้อยเสบียง ๚
๓. ๏ เผดียงเรียงคติไซร้ ใคร่ชอบ
ชื่นมื่นระรื่นรอบ มอบไว้
บริสุทธิ์ยุติธรรมนอบ น้อมว่า ยอดเฮย
ควรค่ารักษาใช้ บ่ให้เอนเอียง ๚
๔. ๏ เมียงโทสาคติให้ หึงหวง
ประหนึ่งไฟสุมทรวง หน่วงร้อน
ชิงชังเล่ห์ดั่งลวง ทรวงเร่า ร้อนเฮย
ตกต่ำระกำซ้อน ถ่อยถ้วนขบวนโทษ ๚
๕. โฉดเขลาเบาอ่อนด้อย ปัญญา
อีกหนึ่งคติโมหา น่ารู้
ทระนงรุ่มหลงพา พร่างแพ่ง แข่งเอย
เติมแต่งสติสู้ สู่รู้ปัญญา ๚
๖. ๏ ภยาคตินี่ไซร้ ให้กลัว
ใจส่ายระส่ำรัว ถี่เน้น
ละล้าละลังมัว กลัวสั่น
ใจพรั่นประหวั่นเต้น ห่อนเว้นสิ้นสุด ๚
๗. ๏ สัปบุรุษซึ่งรู้ วิหาร มรรคเอย
ปราชญ์เปรื่องเรืองปฏิภาณ ผ่องแผ้ว
พากเพียรเพ่งพิจารณ์ ธรรมเที่ยง ตรงนา
ยึดมั่นสำคัญแล้ว อย่าได้แชเชือน ๚
..................................... (13. ส.สิริภัทร)......................................
14. ปุนภพ
ส่งทางอีเมล์ : Friday, September 21, 2012 12:19 PM
อคติ (14. ปุนภพ) แก้ไขครั้งที่ 1 มีแก้ไขเพิ่มเติม
๏ ศรีสรวงสรรค์เสกสร้าง ส่งมา
กรุงใหม่รุจิรา อร่ามแท้
แทนกรุงเก่าอยุธยา ยามก่อน
รัตนโกสินทร์แล้ เลิศล้ำนามสม ๚
๏ ดุจพรหมพิลาสล้ำ เลองาม
มอบทิพย์ประดับคาม เขตแคว้น
ประเทศชื่อสยาม ยามอดีต
มาบัดนี้นั่นแม้น มั่นล้ำนามไทย ๚
๏ วิไลเรืองรุ่งด้วย วัดวา
เมืองแห่งพุทธศาสนา สง่าล้ำ
สงบเย็นดั่งจันทรา ทอส่อง แสงเฮย
งามผ่องพระธรรมค้ำ เขตให้สุขเกษม ๚
๏ ปวงชนเปรมใต้ร่ม บารมี
แห่งราชวงศ์จักรี เกริกฟ้า
ประชาจึ่งเปรมปรีดิ์ ศรีสวัสดิ์
ทุกถิ่นไทยทั่วหล้า แหล่งล้วนเรืองรอง ๚
๏ ทรงครองประเทศด้วย ดวงธรรม
ทศพิธราชธรรมนำ เนื่องไว้
ราษฎรต่างน้อมสำ- นึกมั่น
เก้ารัชกาลเทพไท้ ท่วมท้นพระกรุณา ๚
๏ ทรัพยากรเกลื่อนทั้ง ถิ่นผอง
ดุจดั่งดินแดนทอง เทียบได้
อุทกอุดมนอง เนืองอยู่ ตลอดแล
ผืนแผ่นดินมอบให้ พืชพร้อมธัญญา
๏ ประชาจากถิ่นด้าว แดนใด
มิอาจเป็นสุขใจ เท่าแท้
เมืองไทยดั่งเทพไท ท่านส่ง
ลอยล่องจากสรวงแล้ สู่พื้นสุวรรณภูมิ ๚ะ
..................................... (14. ปุนภพ)......................................
15. ปุนภพ
ส่งทางอีเมล์ : Saturday, September 22, 2012 4:57 PM
อคติ (15. ปุนภพ) แก้ไขครั้งที่ 2 มีแก้ไขเพิ่มเติม
๏ ศรีสรวงสรรค์เสกสร้าง ส่งมา
กรุงใหม่รุจิรา อร่ามแท้
แทนกรุงเก่าอยุธยา ยามก่อน
รัตนโกสินทร์แล้ เลิศล้ำนามสม ๚
๏ ดุจพรหมพิลาสล้ำ เลองาม
มอบทิพย์ประดับคาม เขตแคว้น
ประเทศชื่อสยาม ยามอดีต
มาบัดนี้นั่นแม้น มั่นล้ำนามไทย ๚
๏ วิไลโรจน์รุ่งเรื้อง วัดวา
เมืองแห่งพุทธศาสนา สง่าล้ำ
สงบเย็นดั่งจันทรา ทอส่อง แสงเฮย
งามผ่องพระธรรมค้ำ เขตให้สุขเกษม ๚
๏ ปวงชนเปรมใต้ร่ม บารมี
แห่งราชวงศ์จักรี เกริกฟ้า
ประชาจึ่งเปรมปรีดิ์ ศรีสวัสดิ์
ทุกถิ่นไทยทั่วหล้า แหล่งล้วนเรืองรอง ๚
๏ ทรงครองประเทศด้วย ดวงธรรม
ทศพิธราชธรรมนำ เนื่องไว้
ราษฎรต่างน้อมสำ- นึกมั่น
เก้ารัชกาลเทพไท้ ท่วมท้นพระกรุณา ๚
๏ ทรัพยากรเกลื่อนทั้ง ถิ่นผอง
ดุจดั่งดินแดนทอง เทียบได้
อุทกอุดมนอง เนืองอยู่ ตลอดแล
ผืนแผ่นดินมอบให้ พืชพร้อมธัญญา
๏ ประชาจากถิ่นด้าว แดนใด
มิอาจเป็นสุขใจ เท่าแท้
เมืองไทยดั่งเทพไท ท่านส่ง
ลอยล่องจากสรวงแล้ สู่พื้นสุวรรณภูมิ ๚ะ
..................................... (15. ปุนภพ)......................................
16. “นกฮูกสีฟ้า”
ส่งทางอีเมล์ : Saturday, September 22, 2012 5:09 PM
อคติ (16.นกฮูกสีฟ้า) แก้ไขครั้งที่ 1
๏ ดุจรากแก้วแก่นร้าย เจาะฐาน
ความชั่วตัวก่อการ แน่แล้ว
ตัณหาฆ่าวิญญาณ ธรรมสร่าง
ผีแต่งแต้มไม่แคล้ว ต่อต้านคุณธรรม๚ะ
๏ ถลำรักแทรกเล่ห์นั้น ฉันทา คติเฮย
สืบเนื่องเคืองชู้มา หมกไหม้
การหนึ่งซึ่งเกิดครา น้องพี่
จงนิ่งเป็นกลางได้ สว่างโพ้นจิตตน๚ะ
๏ โกรธปนแค้นเหล่านี้ โทสา คตินอ
โทสะจะเริ่มหา กลั่นแกล้ง
คิดใส่ร้ายนำพา ตราชั่ง เอียงแล
ปรับเปลี่ยนเลี่ยงแสแสร้ง เท่านี้ใจงาม๚ะ
๏ ไร้สติตามสะเพร่าซ้ำ โมหา คติเฮย
ความไม่ได้เฉื่อยชา อ่อนรู้
รีบจรก่อนเหตุมา ประมาท แน่นา
ทุกแง่มุมพลิกกู้ อย่าได้ใจร้อน๚ะ
๏ กลัวถอนจึงลิ่วล้อ ภยา คติแฮ
ไหวหวั่นปั่นป่วนท้า แบ่งข้าง
ลำเอียงเบี่ยงเดียงสา เขลายิ่ง
หยัดแกร่งหาญกล้าล้าง เผ่าพ้องอันธพาน๚ะ
๏ ปณิธานเลี่ยงต้าน มโนผิด นี้เอย
อคติสร้างจิต ก่อรั้ว
ปรับปรุงมุ่งแนวคิด จริต ธรรมเทอญ
ธรรมะไม่แบ่งขั้ว เที่ยงแท้สัจธรรม๚ะ๛
..................................... (16. นกฮูกสีฟ้า)......................................
17. ปุนภพ
ส่งทางอีเมล์ : Saturday, September 22, 2012 8:34 PM
อคติ (17. ปุนภพ)
๏ อคติคือแหล่งล้วน อันตราย
เกิดก่อกับหญิงชาย ทั่วหน้า
ลำเอียงอ่อนเอนกลาย กลับกลอก กลิ้งเฮย
จิตจึ่งมืดบอดบ้า บิ่นใบ้เบาบาง ๚
๏ ใจถูกพรางหนึ่งด้วย เสน่หา
แรงรักปักอุรา รุ่มเร้า
การใดไป่ตรวจตรา ตรองไตร่
ผิดว่าถูกคอยเข้า สนิทแท้ถือหาง ๚
๏ ยามหมองหมางขุ่นข้อง เคืองใคร ก็ดี
จิตย่อมมืดมนไป แปดด้าน
เห็นถูกแต่ผิดใจ จึงไป่ ชอบเฮย
แม้ถูกครรลองค้าน เคียดแค้นชิงชัง ๚
๏ ยังมีอีกหนึ่งได้ ความหลง ผิดนา
เกิดก่อความงุนงง โง่แท้
ปัญญาไป่เคียงคง ขาดสติ ตรองนอ
ถึงผิดบอกถูกแล้ ห่อนรู้เดียงสา ๚
๏ ยามภัยมาครอบเข้า ข่มเหง
อำนาจมาดยำเกรง กร่างกร้าว
จึงจิตแห่งตนเอง อกสั่น กลัวเฮย
เห็นว่าผิดจิตร้าว กลับต้องยอมตาม ๚
๏ ฝากความไว้แก่ผู้ ปกครอง
พึงคิดพินิจตรอง ตริบ้าง
อคติย่อมพาหมอง หม่นจิต
มากยิ่งมากจักสร้าง ส่งให้ร้าวฉาน ๚
๏ ถึงกาลอันเลิศแล้ว เลองาม
ฝึกจิตให้มีความ เที่ยงไว้
พึงลดละเลิกความ อคติ ปวงแฮ
เพียงเท่านี้จักได้ ลูกน้องนับถือ ๚
..................................... (17. ปุนภพ)......................................
18. ฉัตรปกรณ์
ส่งทางอีเมล์ : Wednesday, September 26, 2012 9:33 PM
อัศจรรย์แห่งอคติ (18. ฉัตรปกรณ์)
อัศจรรย์โลกนี้ อัศจรรย์
โลกจึ่งกว่าสวรรค์ ทุกห้อง
มนุษย์ยิ่งเทวัญ วิเศษ
เสกสิ่งดังใจต้อง แต่งตั้งพริบตา
หากโทสาแนบหน้า นรินทร์
เขียวยิ่งพักตราอินทร์ อาสน์ร้อน
เทพกลายร่างทมิฬ หมดมิตร
เคยเมตตากลับต้อน แต่งแต้มมลทิน
หากรินรักเล่นลิ้น เริงรมย์
ปรารถนาใดอุดม จักได้
เสกสรรค์สู่สุขสม ลืมสัตย์
เคยไล่กลับลูบไล้ หลบเร้นคุณธรรม
หากจดจำร่ำไห้ โหยหา
เคยหลั่งชลนา โหดเหี้ยม
ย่อมอยู่อย่างผวา ไหวหวาด
ปรารถนาใดเสี้ยม เสกแสร้งแรงกลัว
หากมัวมืดหม่นไหม้ ปัญญา
เต็มเอ่ออวิชชา ชีพสิ้น
สารพัดปัญหา จักเกิด
อาจหลอกล่อลวงลิ้น ปิ่นแก้วทุรชน
สกปรกโลกนี้ สกปรก
โลกยิ่งขุมนรก หมกไหม้
มนุษย์จ่อมจิตตก อคติ
เกลียดรักกลัวโง่ไซร้ ซาบซึ้งสู่ทราม
..................................... (18. ฉัตรปกรณ์)......................................
19. อภัย
ส่งทางอีเมล์ : Thursday, September 27, 2012 8:07 AM
อคติ (19. อภัย)
1.อคตินี้อย่าได้ ไปถลำ
คือบาปอยุติธรรม ถ่องแท้
ควรลดงดกระทำ จิตว่าง เว้นนา
ไม่เที่ยงธรรมต้องแก้ ก่อเกื้อเพื่อธรรม
2.ลำเอียงเลี่ยงละเว้น เป็นดี
ผู้ใหญ่เจ้านายหนี ห่างไว้
กรรมการท่านอย่ามี อคติ
ผู้พิพากษาอย่าได้ ก่อกร้ำกาลี
2.เพราะเหตุสี่อย่างกร้ำ กรายหา
เพราะรักลำเอียงมา มากด้วย
เพราะญาติพรรคพวกพา พลิกเบี่ยง เอียงนา
ความเที่ยงตรงคงม้วย ช่วยร้ายหายขลัง
4.เพราะชังคลั่งขุ่นแค้น เคืองกัน
ผิดถูกไม่สำคัญ เปลี่ยนได้
ชนะเปลี่ยนแพ้พลัน พลิ้วพลิก เพี้ยนนา
ดีว่าชั่วเปลี่ยนให้ ถูกต้องลืมลง
5.เพราะหลงไหลไม่รู้ เรื่องมา
โง่เง่าเบาปัญญา ยิ่งล้ำ
ยิ่งหลงเหตุผลพา พานผิด พลาดแฮ
หลงเลอะเลือนเกลื่อนกร้ำ ก่อให้ใจมัว
6.เพราะกลัวกลั้วไม่กล้า กึ่งกัน
อคติลำเอียงหัน สู่หน้า
กลัวอำนาจบีฑา ทำเดือด ร้อนเฮย
ตราชั่งยังเอียงถ้า ไม่กล้ากำกวม
7.อคติรวมเรื่องร้อน รานใจ
ถ้าไม่เกิดกับใคร ไม่รู้
อคติโลกติไกล ใช้สติ ตริแฮ
นอกจากปัญญากู้ ก่อนช้ำทำใจ
8.อคติใดยุติแล้ว ยุติธรรม
ไม่หยุดยิ่งเวรกรรม ก่อแล้ว
อคติทุคตินำ สู่นรก ทั่วนา
ยุติธรรมดุจแก้ว ก่อเกื้อเอื้อศรี
9.ผู้มีอำนาจแล้ว น้อมนำ
พ่อแม่ครูยุติธรรม เที่ยงแท้
เจ้านายยิ่งต้องจำ ตำรวจ ด้วยแล
ผู้พิพากษายิ่งแล้ ยิ่งล้ำนำธง
10.โลภโกรธหลงลึกล้ำ ลำเอียง
กิเลสตัณหาเพียง พิษร้าย
หลงรูปรสกลิ่นเสียง สัมผัส ยั่วนา
ลาภยศสรรเสริญคล้าย ข่ายให้ลำเอียง
..................................... (19. อภัย)......................................
20. อภัย
ส่งทางอีเมล์ : Thursday, September 27, 2012 8:07 AM
คนคนเดียวยุ่งไปหมด (20. อภัย)
1.คนไทยไม่ละเว้น อคติ
คิดพูดทำกรรมผลิ ผิดพลั้ง
ตัณหากิเลสดำริ ผิดพลาด
โลภโกรธหลงพารั้ง เรื่องร้ายรายเรียง
2.ลำเอียงเพราะด้วยเหตุ สี่ตรง หลักแฮ
เพราะรักโกรธกลัวหลง เร่งเร้า
ชนชาติชอกช้ำคง เพราะเหตุ นี้นอ
แตกแยกแปลกปลอมเป้า ปิดป้องแปลกไป
3.“สัญชัย”ถามศิษย์ผู้ เปรื่องปราด
ใครมากโง่ฉลาด ตอบไว้
“อุปติสสะ”ตอบวาท ฟังว่า
“คนโง่มากกว่าไซร้” เรื่องนี้ตริเอา
4.โง่เขลาเยาว์คิดค้น ค่อนประเทศ
“อคติ”สติเภท ห่อนแพร้ว
เห็นกงจักรว่าวิเศษ กว่าดอก บัวนา
กรรมประเทศไทยแล้ว เรื่องต้องหมองศรี
5.มองคนดีชั่วนั้น อย่างไร
เพราะรักชังกลัวไฉน พี่น้อง
มองกิจคิดการณ์ไกล ฤๅพี่ น้องเอย
ฤาอคติมาป้อง ปัดให้มองฉงน
6.มองคนคนหนึ่งผู้ ผลิกแพลง
ดีชั่วศาลชี้แจง แจ่มไว้
ไทยยังกลับเคลือบแคลง แบ่งฝ่าย เข้านา
ใครอคติตริให้ สติตั้งเต็มตน
7.คนหนึ่งทำชาติช้ำ ชนตาย
แตกพลัดกระจัดกระจาย กระจอกแท้
เกิดทะเลาะทะลวงทะลาย ทะเร้นทะลึ่ง
พรรคพวกกลับไม่แพ้ เลือกตั้งประดังมา
8.พาพรรคพวกพี่น้อง ครองสภา
หรือชาติถึงเวลา ล่มแล้ว
คนเลือกไม่ลืมตา ลืมตื่น ฤๅพ่อ
เห็นกรวดว่าเป็นแก้ว กระเบื้องเฟื่องลอย
9.คอยดูประเทศนี้ นานไป
จะเสื่อมทรามศิวิไลซ์ ไม่รู้
จะชอบไม่ชอบใคร ควรใคร่ ครวญนา
เอาสิ่งใดมาสู้ กอบกู้สถานการณ์
10.วิจารณ์วิเคราะห์ค้น วิกลวิกฤติ
ชนวิปลาสวิปริต วิโยคล้น
อคติจะผลิพิษ พอกเพิ่ม พูนเลย
หลงยิ่งลำเอียงพ้น โง่ด้วยช่วยเสริม
..................................... (20. อภัย)......................................
21. “คอนพูทน”
ส่งทางอีเมล์ : Thursday, September 27, 2012 9:49 AM
อคติ (21. คอนพูทน)
"นายเมือง" ตกพุ่มหม้าย นานมา
เพราะมิ่งขวัญภรรยา ร่วมเหย้า
ลืมหอถิ่นเคหา ไกลห่าง
เหลือแค่ลูกสาวเคล้า อยู่ข้างสดับขานฯ
กาลพานสาวใหญ่พริ้ง เจอพลัน
หอมกรุ่นเพรงรักกัน ต่างเกื้อ
ควงชวนแต่งเธอฉัน รวมช่อ
หวามนุ่ม..เชยพวงเนื้อ อุ่นนี้เกินไหนฯ
ไสวปองสมดั่งเป้า ประสงค์ปาน
เพียงไม่นานสองนาน นิ่มท้อง
สืบวงศ์ย่อมเสริมหวาน เรืองสว่าง
นางคลอดลูกชายคล้อง ห่วงครั้นหวงคราวฯ
ลูกสาวจึงกลิ่นสิ้น ตลอดศักดิ์
ความยิ่งแลนัยลักษณ์ "แม่เลี้ยง"
หลายหนอที่โดนหนัก ตีน่วม
ทาสเพื่อนยอมทำเพี้ยง ชื่นแพร้วพระคุณพลอยฯ
วันกลอยเพลงเศร้ากล่อม ประโลมกาย
วันเช่นทุกหญิงชาย อยากช้า
วันลับพ่อขวัญสลาย เธอสลด
วันสลักคลอนแคลนล้า วินาศแล้รายสลอนฯ
บังอรถูกไล่โอ้ เฉดออก
เขายื่นคำบอกยอก "จุ่งย้าย"
เสียงดังอีกหลายดอก ขรมด่า
เดินจากเรือนหลีกร้าย เผื่อเรื้องละมุนรอฯ
บุตรชายหนอ..พี่น้อง ตามนัย กันเนอ
รักจึ่งนางตามใจ รุ่งแจ้ง
เพลินถลุงเที่ยวผลาญไถล ติดเล่น ยาแล
เวียนโศกดังสวรรค์แสร้ง บุตรซ้ำหายสูญฯ
อาดูรเจ็บแม่ดิ้น ฤทัยดวง
เหมือนทุกขเวทนาทวง เอ่อท้น
ยาหลายทั่วหมอหลวง ยากสลัด โรคเลย
พิษเหล่ารุมสุมล้น ขยับล้วนอนาถหลายฯ
หลายยามเช็ดขี้เยี่ยว ทุกยาม
จาก "ลูกสาวเลวทราม" นอกไส้
กินหานั่งนอนหาม เคียงห่ม
ทุกสิ่งดูแลไซร้ รักซึ้งรักษาฯ
มาเถิด..ละอคติถ้วน ยุติธรรม เรียงเทอญ
ชวนนั่นทุกคนนำ อย่าน้อย
ใจขาวผ่องงามขำ เลอค่า
เมืองพร่างเชิญเจริญพร้อย อร่ามพร้อมสนองพลัน
ฝากถ่องเพลงเลบงถ้อย แช่มท้วยฉมสถาน ๚ะ๛
..................................... (21. คอนพูทน)......................................
22. รุ่งฟ้า
ส่งทางอีเมล์ : Thursday, September 27, 2012 2:44 PM
อคติ (22. รุ่งฟ้า) ส่งครั้งแรก มีแก้ไขเพิ่มเติม
๏ ชายหนุ่มหนึ่งร่างนั้น กำยำ
ประสบชัยชนะทำ โลกซ้อง
ประคองเครื่องชั่งนำ สิ่งเที่ยง ตรงนา
ยืนมั่นคงกู่ก้อง ประกาศถ้อยสัจธรรมฯ
๏ นางหนึ่งนำร่างน้อย อ่อนเอว
นางหนึ่งถือไฟเปลว รุ่มร้อน
นางหนึ่งปล่อยควันเลว ดำมืด
อีกหนึ่งนางรำฟ้อน แกว่งด้ามศาสตราฯ
๏ สี่นางมาร่ำร้อง คร่ำครวญ
เย้ายั่ว, ไฟเผารวน คลั่งคลุ้ม
ควันหมอกปิดแปรปรวน มืดหม่น
ฟ้อนมีดกรรโชกขยุ้ม ขู่ให้ขยาดผวาฯ
๏ ตราชูเครื่องชั่งนั้น มั่นมือ
ชายหนุ่มปิดตาถือ เที่ยงไว้
ประคองจับฝึกปรือ ใจจิต สติมั่น
ข่มสะทกกลั้นให้ เจ็บช้ำสั่งสมฯ
๏ พายุอารมณ์เริ่มแล้ว ก่อตัว
ควันหมอกหม่นเมามัว ปกคลุ้ม
หวั่นไหววุ่นวายกลัว เกรี้ยวกราด
คุกรุ่นกัดกร่อนกลุ้ม กล่อมแกล้งอัตตา
๏ เครื่องชั่งมาสั่นด้วย ดวงใจ
สื่อส่งมือกวักไกว เร่าร้อน
รัก โกรธ หลงผิดใด คุมจิต
หวั่นหวาดภัยยอกย้อน รุ่มร้ายเอนเอียง
๏ เพียงชายหนุ่มสะท้าน แรงไหว
ตาชั่งก็แกว่งไกว โยกย้าย
มือสั่นสะทกไป สะเทิ้มร่าง
ปากเอ่ยคำปดป้าย เปลี่ยนร้ายแปลงดี
๏ ศักดิ์ศรีที่โลกซ้อง เปี่ยมหวัง
อคติทำลายพัง ดับสิ้น
สูญเสียธรรมพลัง เคยแกร่ง
ทรุดเข่าลงแดดิ้น ล่วงแล้วคุณธรรมฯ
..................................... (22. รุ่งฟ้า)......................................
23. รุ่งฟ้า
ส่งทางอีเมล์ : Thursday, September 27, 2012 3:33 PM
อคติ (23. รุ่งฟ้า) แก้ไขครั้งที่ 1 มีแก้ไขเพิ่มเติม
๏ ชายหนุ่มหนึ่งร่างนั้น กำยำ
ประสบชัยชนะทำ โลกซ้อง
ประคองเครื่องชั่งนำ สิ่งเที่ยง ตรงนา
ยืนมั่นคงกู่ก้อง ประกาศถ้อยสัจธรรมฯ
๏ นางหนึ่งนำร่างน้อย อ่อนเอว
นางหนึ่งถือไฟเปลว รุ่มร้อน
นางหนึ่งปล่อยควันเลว ดำมืด
อีกหนึ่งนางรำฟ้อน แกว่งด้ามศาสตราฯ
๏ สี่นางมาร่ำร้อง คร่ำครวญ
เย้ายั่ว, ไฟเผารวน คลั่งคลุ้ม
ควันหมอกปิดแปรปรวน มืดหม่น
ฟ้อนมีดกรรโชกขยุ้ม ขู่ให้ขยาดผวาฯ
๏ ตราชูเครื่องชั่งนั้น มั่นมือ
ชายหนุ่มปิดตาถือ เที่ยงไว้
ประคองจับฝึกปรือ ใจจิต สติมั่น
ข่มสะทกกลั้นให้ เจ็บช้ำสั่งสมฯ
๏ พายุอารมณ์เริ่มแล้ว ก่อตัว
ควันหมอกหม่นเมามัว ปกคลุ้ม
หวั่นไหววุ่นวายกลัว เกรี้ยวกราด
คุกรุ่นกัดกร่อนกลุ้ม กล่อมแกล้งอัตตา
๏ เครื่องชั่งมาสั่นด้วย ดวงใจ
สื่อส่งมือกวักไกว เร่าร้อน
รัก โกรธ ผิดหลงใด คุมจิต
หวั่นหวาดภัยยอกย้อน รุ่มร้ายเอนเอียง
๏ เพียงชายหนุ่มสะท้าน แรงไหว
ตาชั่งก็แกว่งไกว โยกย้าย
มือย่อมสั่นสะทกไป สะเทิ้มร่าง
ปากเอ่ยคำปดป้าย เปลี่ยนร้ายแปลงดี
๏ ศักดิ์ศรีที่โลกซ้อง เปี่ยมหวัง
อคติทำลายพัง ดับสิ้น
สูญเสียซึ่งธรรมพลัง เคยแกร่ง
ทรุดเข่าลงแดดิ้น ล่วงแล้วคุณธรรมฯ..................................... (23. รุ่งฟ้า)......................................
24. รุ่งฟ้า
ส่งทางอีเมล์ : Thursday, September 27, 2012 4:21 PM
อคติ (24. รุ่งฟ้า) แก้ไขครั้งที่ 2 มีแก้ไขเพิ่มเติม
๏ ชายหนุ่มหนึ่งร่างนั้น กำยำ
ประสบชัยชนะทำ โลกซ้อง
ประคองเครื่องชั่งนำ สิ่งเที่ยง ตรงนา
ยืนมั่นคงกู่ก้อง ประกาศถ้อยสัจธรรมฯ
๏ นางหนึ่งนำร่างน้อย อ่อนเอว
นางหนึ่งถือไฟเปลว รุ่มร้อน
นางหนึ่งปล่อยควันเลว ดำมืด
อีกหนึ่งนางรำฟ้อน แกว่งด้ามศาสตราฯ
๏ สี่นางมาร่ำร้อง คร่ำครวญ
เย้ายั่ว, ไฟเผารวน คลั่งคลุ้ม
ควันหมอกปิดแปรปรวน มืดหม่น
ฟ้อนมีดกรรโชกขยุ้ม ขู่ให้ขยาดผวาฯ
๏ ตราชูเครื่องชั่งนั้น มั่นมือ
ชายหนุ่มปิดตาถือ เที่ยงไว้
ประคองจับฝึกปรือ ใจจิต สติมั่น
ข่มสะทกกลั้นให้ เจ็บช้ำสั่งสมฯ
๏ พายุอารมณ์เริ่มแล้ว ก่อตัว
ควันหมอกหม่นเมามัว ปกคลุ้ม
หวั่นไหววุ่นวายกลัว เกรี้ยวกราด
คุกรุ่นกัดกร่อนกลุ้ม กล่อมแกล้งอัตตา
๏ เครื่องชั่งมาสั่นด้วย ดวงใจ
สื่อส่งมือกวักไกว เร่าร้อน
รัก โกรธ ผิดหลงใด คุมจิต
หวั่นหวาดภัยยอกย้อน รุ่มร้ายเอนเอียง
๏ เพียงชายหนุ่มสะท้าน แรงไหว
ตาชั่งก็แกว่งไกว โยกย้าย
มือย่อมสั่นสะทกไป สะเทิ้มร่าง
ปากเอ่ยคำปดป้าย เปลี่ยนร้ายแปลงดี
๏ ศักดิ์ศรีที่โลกซ้อง เปี่ยมหวัง
อคติทำลายพัง ดับสิ้น
สูญเสียซึ่งธรรมพลัง เคยแกร่ง
ทรุดเข่าลงแดดิ้น ล่วงแล้วคุณธรรมฯ
..................................... (24. รุ่งฟ้า)......................................
25. รุ่งฟ้า
ส่งทางอีเมล์ : Thursday, September 27, 2012 4:30 PM
อคติ (25. รุ่งฟ้า) แก้ไขครั้งที่ 3
๏ ชายหนุ่มหนึ่งร่างนั้น กำยำ
ประสบชัยชนะทำ โลกซ้อง
ประคองเครื่องชั่งนำ สิ่งเที่ยง ตรงนา
ยืนมั่นคงกู่ก้อง ประกาศถ้อยสัจธรรมฯ
๏ นางหนึ่งนำร่างน้อย อ่อนเอว
นางหนึ่งถือไฟเปลว รุ่มร้อน
นางหนึ่งปล่อยควันเลว ดำมืด
อีกหนึ่งนางรำฟ้อน แกว่งด้ามศาสตราฯ
๏ สี่นางมาร่ำร้อง คร่ำครวญ
เย้ายั่ว, ไฟเผารวน คลั่งคลุ้ม
ควันหมอกปิดแปรปรวน มืดหม่น
ฟ้อนมีดกรรโชกขยุ้ม ขู่ให้ขยาดผวาฯ
๏ ตราชูเครื่องชั่งนั้น มั่นมือ
ชายหนุ่มปิดตาถือ เที่ยงไว้
ประคองจับฝึกปรือ สติมั่น คงนา
ข่มสะทกกลั้นให้ เจ็บช้ำสั่งสมฯ
๏ พายุอารมณ์เริ่มแล้ว ก่อตัว
ควันหมอกหม่นเมามัว ปกคลุ้ม
หวั่นไหววุ่นวายกลัว เกรี้ยวกราด
คุกรุ่นกัดกร่อนกลุ้ม กล่อมแกล้งอัตตาฯ
๏ เครื่องชั่งมาสั่นด้วย ดวงใจ
สื่อส่งมือกวักไกว เร่าร้อน
รัก โกรธ ผิดหลงใด คุมจิต
หวั่นหวาดภัยยอกย้อน รุ่มร้ายเอนเอียงฯ
๏ เพียงชายหนุ่มสะท้าน แรงไหว
ตาชั่งก็แกว่งไกว โยกย้าย
มือย่อมสั่นสะทกไป สะเทิ้มร่าง
ปากเอ่ยคำปดป้าย เปลี่ยนร้ายแปลงดีฯ
๏ ศักดิ์ศรีที่โลกซ้อง เปี่ยมหวัง
อคติทำลายพัง ดับสิ้น
สูญเสียซึ่งธรรมพลัง เคยแกร่ง
ทรุดเข่าลงแดดิ้น ล่วงแล้วคุณธรรมฯ
..................................... (25. รุ่งฟ้า)......................................
26. “หญิงแจ่มจันทร์”
ส่งทางอีเมล์ : Friday, September 28, 2012 3:39 PM
อคติ (26. หญิงแจ่มจันทร์)
๑
๐ แรกเกิดเราไม่แสร้ง เสมอเสมือน
โตต่างคนบิดเบือน แบ่งข้าง
ผูกพันเพื่อนเชือดเฉือด ชังอื่น
เติมต่อทับถมสร้าง ส่วนด้อยเดียดฉันท์ ฯ
๒
๐ สุขสันต์พบแต่พ้อง ผองสู
รักใคร่หลงเชิดชู ช่วยปั้น
ลำเอียงเล่นเอ็นดู ดุลย์ด่าง
ใครเก่งกีดกางกั้น กล่าวไร้สรรเสริญ ฯ
๓
๐ เพลิดเพลินผลไม่ค้น ความสัตย์
ของแน่จริงขยาดจัด แจ่มแจ้ง
งมงายง่วนชวนงัด เงาเงื่อน
โปรยปล่อยเท็จทำแสร้ง ซ่อนเร้นเหยียดหยาม ฯ
๔
๐ ติดตามมิตรไม่รู้ รากฐาน
โคมข่าวเคืองประจาน จ่อจ้อง
ดูถูกเยี่ยงเผาผลาญ เพลิงก่อ
เหยียบย่ำฟัดเฟียดฟ้อง ใฝ่ร้ายทุกสถานฯ
๕
๐ วิชาการผ่องแผ้ว พึงหา
ขวักไขว่ควรศึกษา ซาบซึ้ง
เห็นจริงแน่นำพา เพียรมั่น
คราก่อนเคยบูดบึ้ง เบ่งเย้ยสยบสลาย ฯ
๖
๐ ตนตายลับร่างร้าง เริงสวรรค์
ฤาสู่กองโลกัณฑ์ เกริ่นใกล้
ลำเอียงห่างเหหัน หายห่าง
คิดอย่างอตคติไร้ ร่วงสิ้นพิษสง ฯ
..................................... (26. หญิงแจ่มจันทร์)......................................
27. นริศ
ส่งทางอีเมล์ : Saturday, September 29, 2012 2:00 PM
อคติ (27. นริศ)
ใดใดในโลกนี้ คู่กัน
ดีชั่วมีครบครัน อยู่แล้ว
ผิดถูกย่อมต่างกัน ปฏิปักษ์
บวกลบยิ่งผ่องแผ้ว เด่นล้ำนำทิศ
คิดบวกคิดลบได้ นานา
คิดบวกช่วยนำพา สุขให้
คิดลบเร่งทุกข์มา พูนเพิ่ม
จงหมั่นตรึกตรองไว้ ต่อต้านโพยภัย
อย่าให้คนชาตินี้ มีกรรม
เห็นผิดเป็นชอบทำ ชั่วช้า
สิ่งถูกว่าผิดนำ ภัยสู่ ชาตินา
คนชั่วมีเกียรติกล้า หลอกคล้ายวีรชน
คนดีถูกเหยียดย้ำ นำพา
ตกต่ำหยามนานา ใส่ไคล้
ปวงชนบ่นระอา เร้นหลบ
บ้างถูกจองจำไว้ ชอกช้ำระกำใจ
ใครจักทนทุกข์ได้ ตลอดไป
เมื่อสุดจะทำใจ อดกลั้น
อคติต่อใครใคร หมองหม่น
มองโลกลบหมดนั้น สุดร้ายใจคน
บรรพชนสอนสั่งให้ กตัญญู
พ่อแม่อาจารย์ครู ท่านย้ำ
รู้คุณท่านเชิดชู ชมชื่น
แทนทดคุณเลิศล้ำ แน่แท้วีรชน
จอมคนนั้นเลิกแล้ว อคติ
คิดอย่างมีสมาธิ เที่ยงแท้
ไม่มีที่ตำหนิ ทางเลือก
ใช้สติในการแก้ หมดสิ้นปัญหา
บรรดาผู้เก่งกล้า วีรชน
มีสติบันดาลตน ฉลาดรู้
ละอคติต่อชน ทุกชาติ ชั้นเอย
เยี่ยงอย่างคนกล้าสู้ ปกป้องเกียรติภูมิ
..................................... (27. นริศ)......................................
28. “เพนกวิน”
ส่งทางอีเมล์ : Sunday, September 30, 2012 3:49 PM
การศึกของศรี (28. เพนกวิน)
ปี 2499
กระจอกศรีต่ำต้อย ติดดิน
ฉวยฉุดฟ้าโบยบิน สู่ฟ้า
เคียงข้างท่านชายอินทร์ อัครเกียรติ กมลแม่
กราบตักคุณหญิงระย้า สวัสดิ์สร้อยมณีสวรรค์
เรื่องราวอันนิ่งน้ำ เน่านอง
นำสู่เหตุสยดสยอง ศึกเหย้า
คุณหญิงด่าจองหอง ชั้นต่ำ
หยามเหยียดขุดโคตรเหง้า ตอกย้ำความขยาย
ดึงก้อยชายเกี่ยวก้อย หญิงดา
ตามบทตัวอิจฉา ต่างชั้น
ละครตัดโฆษณา ช่วงแรก
เดาเรื่องถูกหมดกระนั้น ยิ่งต้องติดตาม
อยากเห็นความโหดร้าย รุมศรี
ทนอด-อดทนตี- บทเศร้า
ทนดีย่อมได้ดี ตอนจบ
กอดลูกร้องไห้เข้า ชนะได้ทุกสมัย
หรืออาจในเรื่องเศร้า ซ่อนแฝง
ไฝกระปานดำแดง บ่งได้
ศรีคือลูกพระยาแสง- สวัสดิศักดิ์
ตกยากยาวนานไซร้ จึ่งได้สมหวัง
ปี 2525
ขาวดำฝังกรอบนั้น เปลี่ยนไป
โทรทัศน์สีสดใส ภาพซ้อน
ศรีมีปากเสียงใน จอสื่อ
มีเหตุผลกลับย้อน ตอบโต้คุณหญิง
สมจริงตามบทสร้าง ตะเบ็งเสียง
ตะคอกออกปากเพียง ศัพท์ร้าย
ตบขวาคว่ำยังเถียง หม่อมแม่
มันหยดศรีตบซ้าย ตบซ้ำเลยศรี
ปี 2550
ต่างสีต่างศักดิ์สู้ อยุติธรรม
ทิ้งจอบเสียมเดินนำ ดาบชี้
ข้าพเจ้าติดคอสำ- ลักภาพ
ศรีเปลี่ยนได้เพียงนี้ เช่นนั้นเชียวหรือ
ถืออุดมการณ์สู้เพื่อ อุดมการณ์
ไม่อึดเหมือนวันวาน อดได้
ชนไม่เท่าเทียมสมาน- ฉันท์เช่น ใดนอ
อคติคงใส่ไคล้ สูตรสร้างละครสยาม
--------------------------------------------------------------------------
ถามคนดีก่อนหน้า อยู่ไหน
ถามไม่เท่าเทียมไย ต่างชั้น
ถามทุกยุคทุกสมัย ใครตอบ
ศรีอดทนกว่านั้น อีกได้ไหมศรี.
..................................... (28. เพนกวิน)......................................
29. เทพอรุณ
ส่งทางอีเมล์ : Sunday, September 30, 2012 8:22 PM
อคติ (29. เทพอรุณ)
ชัง…เขาแสนหมั่นไส้ หลายคน
ชอบ…ส่วนตัวพวกตน พี่น้อง
เขลา…คิดคาดสินบน หลงผิด
ขลาด…เพราะภัยจับจ้อง เจ็บร้าวขยาดเกรง
มนุษย์เองยากหลีกพ้น “อคติ”
จิตจ่อมจมทิฐิ ท่วมท้น
หวังดอก “เที่ยงธรรม”ผลิ บานชื่น ไทยเทอญ
ควรหยุด “ลำเอียง”ค้น แก่นแท้ธรรมเรือง
เมืองเราจึงสงบได้ โดยดี
หยุดเรื่องการแยกสี ใส่ไคล้
การเมืองหยุดโจมตี ตกต่ำ
สามัคคีคงไว้ ลบร้าง “ชัง”เขา
ใจเราตระหนักรู้ “เป็นกลาง”
“ยุติธรรม”จัดวาง เวี่ยไว้
สะอาดทุกทิศทาง ผลยิ่ง
ประพฤติ “ชอบ”กอปรดีให้ ตอกย้ำเตือนใจ
หลงใหลหลงปลาบปลื้ม มัวเมา
สติจึงอับเฉา ช่วยชี้
ละโมบมุ่งหวังเอา ลืมตื่น
ขจัด “เขลา”ตอนนี้ อย่าแก้คราวสาย
กลัวตายหวังหลบพ้น โพยภัย
หวาดหวั่นอำนาจไฟ มิกล้า
“ขลาด”เกรงอิทธิพลใน คนชั่ว
ประเทศไทยมิช้า จะใกล้ขุกเข็ญ
เป็นมิตรดีเที่ยงแท้ เลิก “ชัง”
“ชอบ”ช่วยสุดกำลัง ชิดใกล้
มิ “เขลา”คิดครบขลัง เติมสติ
มิ “ขลาด”คบเลือกไว้ แกร่งกล้าเหมาะสม
“สังคมเย็น”อยู่ได้ โดยธรรม
“อคติ”อย่ายึดนำ สงบแล้ว
“เป็นกลาง”ประกอบกรรม สรรค์เสก ไทยนา
ชาติสว่างงามเพริศแพร้ว สุขด้าวนิรันดร์สมัย
..................................... (29. เทพอรุณ)......................................
30. เชษฐภัทร
ส่งทางอีเมล์ : Sunday, September 30, 2012 10:06 PM
เสียงเล่าอ้างแห่งประชาคม (30. เชษฐภัทร) ส่งครั้งแรก มีแก้ไขเพิ่มเติม
๑ เสียงลือเสียงเล่าอ้าง อีหยัง กันเนอ
บอกสิบประชาชาติหวัง ฮ่วมเอิ้น
อาเซียนผนึกพลัง ภูมิภาค
ทลายเขตประเทศเท้อญ ท่านชี้ประชาคม
๒ เมื่อพรมแดนเปิดกว้าง กิจการ
แลกเปลี่ยนผู้คนประสาน ประเสริฐล้ำ
ทุนทุกท่องเที่ยวประมาณ ประเมินเบิ่ง
กลับติดความคิดขย้ำ ขย่มอ้างอัตตา
๓ พาเบิ่งตะละแม่น้อง นางงาม
ผิวพม่านัยน์ตาตาม ออดอ้อน
หาเวียกเถิดให้ถาม เอาโลด
เงินฮับเดือนเป็นก้อน แบบเจ้าบรูไน
๔ คนไทยแฮงอยากแก้ ระบบราง
รถบัสรถไฟวาง ระเบียบเข้า
มาเลย์จัดแบบทาง อังกฤษ
ย่อมสะดวกม่วนซื่นเว้า ว่าแล้วอยากลอง
๕ นักฮ้องหวังหมู่เจ้า ฟิลิปปินส์
ขับกล่อมเช้าแลงถวิล อย่าเว้น
อาหารแบบไทยกิน กันแซบ สะบัดนา
ควมสะอาดสิงคโปร์เน้น นับให้เห็นกัน
๖ สวรรค์ควมสงบต้อง เมืองลาว
แดดตกน้ำตาดวาว วะวับหล้า
มรดกวัฒนธรรมชาว ขะแมร์เลิศ โลกเฮย
ปราสาทเทพเจ้าฟ้า ประทับพื้นแผ่นดิน
๗ ครั้นชินภาพหมู่อ้าง เอาเอง
จับผิดคิดบรรเลง เล่าอ้าง
ยกตนยกตีนตะเลง ตามเหยียบ
ย่อมก่อเกิดนรกสร้าง ทุกข์ให้หวาดผวา
๘ ประชาชาติหากฮ่วมสร้าง ประชาคม
ต้องคิดกรองกลั่นปม ขัดแย้ง
ต่างคนต่างความนิยม ตามปัจ-เจกเนอ
อย่าติดอคติแกล้ง กลบกั้นปัญญา
๙ พาพรมแดนเปิดพื้น ที่ทาง
ลาวขะแมร์ไทยจีนกาง โลกเอิ้น
มลายูแขกญวนวาง อคติ
เป็นหนึ่งอาเซียนเท้อญ ท่านฮ้องย่องกัน
๑๐ พลันเสียงลือเล่าอ้าง อันเดิม
เสียงย่องเสียงยอเติม ตรลบให้
ปึกแผ่นสิบชาติเสริม เสมอภาค
นามอุษาคเนย์ใช้ ช่วยสร้างประชาคม
..................................... (30. เชษฐภัทร)......................................
31. เชษฐภัทร วิสัยจร
ส่งทางอีเมล์ : Sunday, September 30, 2012 10:12 PM
เสียงเล่าอ้างแห่งประชาคม (31. เชษฐภัทร) แก้ไขครั้งที่ 1
๑ เสียงลือเสียงเล่าอ้าง อีหยัง กันเนอ
บอกสิบประชาชาติหวัง ฮ่วมเอิ้น
อาเซียนผนึกพลัง ภูมิภาค
ทลายเขตประเทศเท้อญ ท่านชี้ประชาคม
๒ เมื่อพรมแดนเปิดกว้าง กิจการ
แลกเปลี่ยนผู้คนประสาน ประเสริฐล้ำ
ทุนทุกท่องเที่ยวประมาณ ประเมินเบิ่ง
กลับติดความคิดขย้ำ ขย่มอ้างอัตตา
๓ พาเบิ่งตะละแม่น้อง นางงาม
ผิวพม่านัยน์ตาตาม ออดอ้อน
หาเวียกเถิดให้ถาม เอาโลด
เงินฮับเดือนเป็นก้อน แบบเจ้าบรูไน
๔ คนไทยแฮงอยากแก้ ระบบราง
รถบัสรถไฟวาง ระเบียบเข้า
มาเลย์จัดแบบทาง อังกฤษ
ย่อมสะดวกม่วนซื่นเว้า ว่าแล้วอยากลอง
๕ นักฮ้องหวังหมู่เจ้า ฟิลิปปินส์
ขับกล่อมเช้าแลงถวิล อย่าเว้น
อาหารแบบไทยกิน กันแซบ สะบัดนา
ควมสะอาดสิงคโปร์เน้น นับให้เห็นกัน
๖ สวรรค์ควมสงบต้อง เมืองลาว
แดดตกน้ำตาดวาว วะวับหล้า
มรดกวัฒนธรรมชาว ขะแมร์เลิศ โลกเฮย
ปราสาทเทพเจ้าฟ้า ประทับพื้นแผ่นดิน
๗ ครั้นชินภาพหมู่อ้าง เอาเอง
จับผิดคิดบรรเลง เล่าอ้าง
ยกตนยกตีนตะเลง ตามเหยียบ
ย่อมก่อเกิดนรกสร้าง ทุกข์ให้หวาดผวา
๘ ประชาชาติหากฮ่วมสร้าง ประชาคม
ต้องคิดกรองกลั่นปม ขัดแย้ง
ต่างคนต่างความนิยม ตามปัจ-เจกเนอ
อย่าติดอคติแกล้ง กลบกั้นปัญญา
๙ พาพรมแดนเปิดพื้น ที่ทาง
ลาวขะแมร์ไทยจีนกาง โลกเอิ้น
มลายูแขกญวนวาง อคติ
เป็นหนึ่งอาเซียนเท้อญ ท่านฮ้องย่องกัน
๑๐ พลันเสียงลือเล่าอ้าง อันเดิม
เสียงย่องเสียงยอเติม ตรลบให้
ปึกแผ่นสิบชาติเสริม เสมอภาค
นามอุษาคเนย์ใช้ ช่วยสร้างประชาคม
..................................... (31. เชษฐภัทร)......................................
32. ไวกูณฐ์
ส่งทางอีเมล์ : Sunday, September 30, 2012 10:57 PM
เสียมในมือเด็กน้อย (32. ไวกูณฐ์)
๏ “ขุดดินเพาะปลูกต้น กล้าพันธุ์
น้ำรดทุกกาลวัน ชุ่มชื้น
รังสีส่องแสงสรรค์ เร้าผลิ
พิศเด็กน้ำตารื้น ปาดหน้าเปรอะดิน ฯ”
๏ โทสาคติอ้าง ดินระยำ
ท่านบอกว่าดินดำ เพาะได้
ดินสีต่างจักนำ ความฉิบ- หายนา
พิศท่านยื่นเสียมให้ เด็กน้อยขุดตาม ฯ
๏ โมหาคติแล้ว ลวงนัยน์
แสงส่องโลกอำไพ จรัสจ้า
พิศแต่สิ่งรมย์ใจ ช่างเหมาะ เพาะเอย
พิศเด็กหลบเงาล้า หลืบนั้นระวังผี ฯ
๏ ฉันทาคติโอ้ ที่รัก
สายอุทกท่านมัก รดใช้
พิษสวะไรน้ำคลั่ก หมาเน่า
พิศท่านบอกใช้ได้ ราดล้างมลทิน ฯ
๏ มือน้อยสั่นหน่อยน้อย จับเสียม
โอ้ปากปืนจ่อเตรียม ปลิดได้
โอ้นี่ใช่ธรรมเนียม ฤๅคติ
ฤๅชดเชยบาปใบ้ บดบ้าท่านทำ ฯ
๏ ปลูกเพื่อหวังลูกต้น กำไร
ปลูกเพื่อศักดาไกร ที่อ้าง
ปลูกเพื่ออะไรใคร ใดเล่า
ปลูกเพื่อไถ่บาปบ้าง เด็กน้อยเอาบุญ ฯ
๏ ภยาคติเต้น สั่นใจ
เพริดกระบวนการไป สิ่งนี้
ทำไปเพื่ออะไร อย่าปุจ- ฉานอ
รด-กลบแล้วหลบลี้ เด็กน้อยแบกเสียม ๚ะ๛
..................................... (32. ไวกูณฐ์)......................................
33. “เด็กชาย”
ส่งทางอีเมล์ : Sunday, September 30, 2012 11:39 PM
ทัศน(อ)คติ (33. เด็กชาย)
๐ ฐานันดรสล้าง ชะลูด ทนงนา
หอมกลิ่นหมึกใช่คูถ กลิ่นขี้
คือหอมกลิ่นคำพูด หอมค่า หอมคำ
หอนเห่า แทะกระพี้ คลี่เคล้า แก่นจริง ๚ะ
๐ ฐานันดรสี่สร้าง สฤษฏ์ ดีแล
คือเห่าเสียงเป็นกริช ทะลุท้อง
แทงกรีดผ่าเอาพิษ อคติ คว้านออก
ชำระชำแรกร้อง เห่าป้องอสุรกาย ๚ะ
๐ ฐานันดรสี่ค้ำ ความดี ดีนอ
หาใช่ค้อมภูติผี ถ่อค้ำ
เพียงผีหว่านเม็ดปลี ข้าวเปลือก หิวเอย
ก็กระโจนขย้ำ ห่อนง้าง ปากหอน ๚ะ
๐ ฐานันดรฐานะผู้ พิสิฐ
สื่อเสกคำพิพิธ ส่งถ้อย
ปานเทพแห่งดุสิต อมฤต คำนา
หากจิตดำด่างพร้อย ถ่อยถ้อย หมึกเลว ๚ะ
๐ ฐานันดรใส่หน้า กาก กลีเอย
ทั้งใส่ฟันของทาก ดื่มกลั้ว
ดูดเลือดเปรอะเต็มปาก ปรสิต นานา
ฐานะหมึกมีขั้ว คั่วค้อม คำสถุล ๚ะ
๐ ขอคุณธรรมถ่อค้ำ ฐานันดร
จริยธรรมคำสมร กราบหิ้ง
สะอาดสะอ้านสอน สั่งศักดิ์ สิทธิ์เอย
เสียงเห่าจะหอนพริ้ง สุนัขเฝ้า แผ่นดิน ๚ะ
..................................... (33. เด็กชาย)......................................
34. พล
ส่งทางอีเมล์ : Sunday, September 30, 2012 11:54 PM
ตัวตนของข้า (34. พล)
ข้าเกิดมาเพื่อสร้าง สิ่งใด
สร้างภาพปะทุเปลวไฟ รุ่มร้อน
ต้นเหตุประเทศไทย เทวษทุกข์
ผลแห่งการกระทำสะท้อน หมดสิ้นสามัคคี
ข้านี้เกิดจากห้วง แห่งหน ใดฤๅ
เขาอาจรักพวกตน เลือกไว้
อาจโกรธอาจกลัวคน คิดต่าง
หรืออาจเขลาจึ่งได้ เกิดข้าขึ้นมา
อนิจจาหมดแล้ว แผ่นดิน
รอยเลือดที่รดริน แหล่งหล้า
คือพรมแห่งปฐพิน แดงเด่น
ปูลาดเพื่อตัวข้า ย่างเยื้องเย้ยหยัน
วันนี้ข้าอิ่มยิ้ม ยินดี
มองซากแห่งโลกีย์ ก่ายพื้น
ผู้ให้กำเนิดชีวี วายชีพ
ในจิตกลับกลายสะอื้น เพราะข้าเนรคุณ
บุญหรือกรรมชักให้ เกิดมา
ใครต่างมุ่งตีตรา ตอกย้ำ
เหมือนบุตรแห่งทรพา ไอ้ “อคติ”
มโนนึกนี้สุดช้ำ ใช่ข้าอยากเป็น
น้ำตากระเด็นสุดท้อ ทุกข์ตรม
เขาคิดริษยาจม จิตแค้น
ข้าจึงเกิดมาชม- เชยโลก
เกิดใหม่ชาติหน้าแม้น ขอให้มี
..................................... (34. พล)......................................
35. “สิตางศุ์”
ส่งทางเว็บบอร์ด : วันที่ตอบ 2012-09-18 13:15:03
อคติ (35. สิตางศุ์)
ฝังกลบกลืนถ่านเถ้า แววอุรา
ฤากว่าน้อยด้อยราคา ป่าช้า
เงาพรายพร่างปรารถนา มัวหม่น
จนฝุ่นปรกแผ่นหล้า ท่วมพื้นนรชน
กมลคว้างว่างเวิ้ง อัตตา
เกาะกร่อนห้วงชีวา ก่นฝ้า
งามฉายสว่างเสน่หา ตามอย่าง นี้นา
หมายไขว่เขาเข้าคว้า แย่งยื้อปรารถนา
ชังเหลือตาแค่รู้ ดูชัง
เกลียดกว่าฟ้าอนิจจัง ค่ำเช้า
เขาหมางอย่างหมายฝัง กลบร่าง เจ้าเอย
ดีชั่วฤากล่าวเจ้า สู่รู้ใจเอ๋ย
เอ้อระเหยลอยล่องโพ้น สุมาลา แม่เอย
หลงเชี่ยวธารธารา อยู่ย้ำ
ในห้วงแห่งมรรคา ฤดีผ่าน
ผลาญพร่าเสียดิ่งล้ำ กว่าร้อยสติหาน
ปลายดาบคาบเข่นเขี้ยว จ่อคอ
กลัวว่าเลือดจักพอ บ่าล้าง
ตามความเอ่ยคำขอ เกรงกริ่ง
จริงยิ่งร้ายเบียดข้าง ห่อนเหี้ยนหฤทัย
ในอคติมีแน่แท้ ตัวตน
ถ้วนทั่วทุกดวงกมล เช่นนั้น
มากน้อยถ่อยกุศล บุญพร่าง นานา
ตราบชั่ววัฏฏะสั้น บ่ร้ายเลือนสลาย
ละม้ายคล้ายฝุ่นฟุ้ง ผงคลี
ติดแน่นชั่วตาปี ไป่ล้าง
จึงลางหม่นหมางรุจี เฉกเช่น นี้นา
อคติจึ่งเสริมสร้าง แหล่งหล้าทุรพล
โอม...กุศลแห่งแก้ว กานท์กวี
โปรดช่วยชะราคี ส่งสร้าง
ล้างธุลีม่านหมางศรี อคติ
มีแด่นรชนนี้บ้าง สร่างแผ้วสุขศานติ์
..................................... (35. สิตางศุ์)......................................
36. “เล็ก นรสิงห์”
ส่งทางเว็บบอร์ด : วันที่ตอบ 2012-09-19 19:48:45
อคติ (36. เล็ก นรสิงห์)
อคติบัญญัติไท้ พุทธางค์
มรรคบ่ควรคิดวาง จิตก้าว
เพราะเหตุจักสูญกลาง ยุติ- ธรรมแฮ
คือจตุบถน้าว โสตน้อมฟังกัณฑ์
ฉันทาคตินี้ ลำเอียง
เพราะรักจึงกรรเชียง กลับให้
ผิดเป็นถูกดนูเมียง- เมินไม่ เมิลนา
วิบัติจักเกิดได้ เหตุไร้สัตยา
โทสาคตินั้น ลำเอียง
เพราะเกลียดจึงลำเลียง โทษเจ้า
ถูกเป็นผิดมึงเถียง กูไม่ ฟังแล
วิวาทจักเกิดเร้า เนื่องเค้าพาโล
โมหาคตินี้ ลำเอียง
เพราะโง่จึงคลอเคียง คู่คล้อง
ถูกผิดดนุเจรียง กลนก แก้วแล
วิฆาตจักเกิดพ้อง เสื่อมส้องศรัทธา
ภยาคตินั้น ลำเอียง
เพราะเหตุกลัวจึงเฉียง เบี่ยงทู้
ผิดเป็นถูกตูเพียง- ใจหลบ
วิกฤตจักเกิดสู้ สุดกู้คืนดล
ปุถุชนยากพ้น ลำเอียง
เพราะกิเลสไกรเกรียง กลั่นแกล้ง
รักโลภโกรธหลงเผดียง คนเลี่ยง ธรรมแล
จึงฆ่าฟันขัดแย้ง ดั่งแล้งยุติธรรม
กรรมใดใครก่อล้วน ทนทาน
กรรมชั่วก็บันดาล ชั่วไซร้
กรรมดีย่อมดีพาน เป็นกฏ
วิเคราะห์พุทธพจน์ไว้ ใส่เกล้าเอาเทอญ
บถ : น ทาง / เมิล : ก มอง / ดนู = ดนุ : น ฉัน / พาโล : ก แสร้งพูดใส่ความไม่จริงให้ผู้อื่น / เจรียง : ก ขับลำ , ร้องเพลง / ทู้ : ก ยอมอยู่ในอำนาจ / เผดียง : ก บอกให้รู้
..................................... (36. เล็ก นรสิงห์)......................................
37. “อรุโณทัย”
ส่งทางเว็บบอร์ด : วันที่ตอบ 2012-09-27 21:21:56
หนึ่งมุมมองใน...อคติ... (37. อรุโณทัย)
คนมองคนหนึ่งนั้น มุมมอง
เพียงคิดคำนึงปอง แน่แท้
อคติที่ครอบครอง ดวงจิต
ก็ส่งผลถึงแม้ ไม่สร้างศัตรู
เพียงเชิดชูพวกพ้อง เดียวกัน
มองแต่ความสำคัญ ร่วมรู้
อคติต่อคนอื่นนั้น ทุกเมื่อ
เพียงร่วมการต่อสู้ กลุ่มก้อนเดียวกัน
ความสัมพันธ์แน่นแฟ้น ยืนยง
พรรคพวกยังดำรง อยู่ได้
มีอคติต่อกันคง สิ้นสุข
ในเมื่อระแวงไซร้ ย่อมให้โทษทัณฑ์
สำคัญคนย่อมรู้ อคติ
อยู่ที่ลำเอียงริ เล่ห์ร้าย
ชอบใครจึ่งดำริ ยอมช่วย
หวังว่าบารมีท้าย ที่ต้องแทนคุณ
เจือจุนโอบอุ่นเอื้อ ทดแทน
มุ่งมั่นมิคลอนแคลน จึ่งให้
หวังผลเพื่อดินแดน ความสุข
กลับทุกข์จิตหม่นไหม้ ไม่ได้สมปอง
อคติจึงต้องเกิดซ้ำ เวียนวน
มองเปลี่ยนมุมมองตน ว่าไว้
อคติที่ทุกคน ควรจบ
คือเปลี่ยนความคิดไซร้ อย่าได้ลำเอียง ฯ
..................................... (37. อรุโณทัย)......................................
38. พีรมิตร
ส่งทางเว็บบอร์ด : วันที่ตอบ 2012-09-28 11:27:46
อคติผลิพราง (38. พีรมิตร) ส่งครั้งแรก มีแก้ไขเพิ่มเติม
ทางตรงทอดสู่ฟ้า สรวงสวรรค์
คนเล่าบ่แข่งขัน แข่งข้าม
ทางเอียงเบี่ยงเบนอัน ทรามต่ำ
กลับเชิดชูยากห้าม เหตุซ้องสรรเสริญ
เพลิดเพลินลาภยศแย้ม สรวลสันต์
เอียงอกแบกแอกขัน ขับข้อง
สรรเสริญสุขสนุกยัน ยืนหยัด
บังคับคล้ายโซ่คล้อง ผูกเข้าคอกขึง
ตรงจึงเอียงเพลี่ยงพล้ำ กำสรวล
อคติผลิทั้งมวล หม่นไหม้
โดยรักเกลียดก่อกวน การเที่ยง ธรรมนอ
กลัวโง่เขลาเข่นให้ ห่างเส้นตรงเสมอ
ถิ่นใดเผลอลึกล้ำ ลำเอียง
ผู้ใหญ่ยืนอยู่เคียง เพื่อนบ้าน
ผิดถูกบ่มองเมียง มักปด
อีกฝ่ายจักต่อต้าน แตกผึ้งรวงรัง
ดังล่องเรือบ่รู้ ปลายทาง
อคติเป็นสิ่งพราง พรอกพริ้ง
กว่าตื้นลึกหนาบาง ปรากฏ
เรือจอดจักถูกทิ้ง สู่ท้องทะเลหลง
เดินตรงเถิดพี่น้อง ชาวไทย
ความเที่ยงธรรมละไม ละเมียดฟ้า
รักสามัคคีใจ เด็ดเดี่ยว
ปลดอคติบอดบ้า เบิ่งเนื้อเลือดสยาม
..................................... (38. พีรมิตร)......................................
39. เนาวรัตน์
ส่งทางเว็บบอร์ด : วันที่ตอบ 2012-09-29 11:40:31
อคติ (39. เนาวรัตน์) ส่งครั้งแรก มีแก้ไข
ลิขิตเขียนร่างถ้อย คำสอน (ดีแล)
ยึดมั่นคือคำพร ช่วยเกื้อ
อคติบั่นทอน ตกต่ำ (ใจนา)
เว้นสี่ข้อธรรมเอื้อ อยู่ได้ด้วยดี
ลำเอียงเพราะรักเข้า ครองใจ
ลืมสิ่งชอบธรรมไป ก่อนหน้า
ฉันทคติใย เกิดก่อ
ผิดชั่วรอคอยอ้า แน่แท้ลืมตน
ลำเอียงเพราะชังผู้ เกลียดชัง
เหมือนอยู่ในกรงขัง เร่าร้อน
โทสาคติยัง พูนเพิ่ม
กรรมก่อหนักซ้ำซ้อน ป่างเบื้องปัจจุบัน
ลำเอียงเพราะกลัวต้อง ทำไป
ภยาคติสุมใน อกอ้าว
ชอบธรรมไป่ชอบได้ กำเนิด
จิตแน่นยากเดินก้าว มุ่งหน้าทำควร
ลำเอียงเพราะไม่รู้ ถูกผิด
โมหาคติติด สุดแก้
น้อมนำสู่ดวงจิต มิใคร่ (ครวญนา)
ทำสิ่งบ่ควรแท้ มิเกื้อผลดี
อคติก่อขึ้น ทันใด
เกิดสิ่งลวงจิตใจ ง่ายแท้
ถูกผิดบ่เกรงใคร หมองหม่น
หากปล่อยใจพ่ายแพ้ ชั่วร้ายครองตน
อคติสี่ว่างเว้น จดจำ (ไว้นา)
สิ่งชั่วมิน้อมนำ มาไกล้
เกิดสุขอยู่ร่วมสำ- ราญรื่น (ใจแล)
ว่างเว้นลำเอียงได้ แน่แท้สุขใจ
..................................... (39. เนาวรัตน์)......................................
40. เนาวรัตน์
ส่งทางเว็บบอร์ด : วันที่ตอบ 2012-09-29 11:48:51
อคติ (40. เนาวรัตน์) แก้ไขครั้งที่ 1 มีแก้ไขเพิ่มเติม
ลิขิตเขียนร่างถ้อย คำสอน (ดีแล)
ยึดมั่นคือคำพร ช่วยเกื้อ
อคติบั่นทอน ตกต่ำ (ใจนา)
เว้นสี่ข้อธรรมเอื้อ อยู่ได้ด้วยดี
ลำเอียงเพราะรักเข้า ครองใจ
ลืมสิ่งชอบธรรมไป ก่อนหน้า
ฉันทาคติใย เกิดก่อ
ผิดชั่วรอคอยอ้า แน่แท้ลืมตน
ลำเอียงเพราะชังผู้ เกลียดชัง
เหมือนอยู่ในกรงขัง เร่าร้อน
โทสาคติยัง พูนเพิ่ม
กรรมก่อหนักซ้ำซ้อน ป่างเบื้องปัจจุบัน
ลำเอียงเพราะกลัวต้อง ทำไป
ภยาคติสุมใน อกอ้าว
ชอบธรรมไป่ชอบได้ กำเนิด
จิตแน่นยากเดินก้าว มุ่งหน้าทำควร
ลำเอียงเพราะไม่รู้ ถูกผิด
โมหาคติติด สุดแก้
น้อมนำสู่ดวงจิต มิใคร่ (ครวญนา)
ทำสิ่งบ่ควรแท้ มิเกื้อผลดี
อคติก่อขึ้น ทันใด
เกิดสิ่งลวงจิตใจ ง่ายแท้
ถูกผิดบ่เกรงใคร หมองหม่น
หากปล่อยใจพ่ายแพ้ ชั่วร้ายครองตน
อคติสี่ว่างเว้น จดจำ (ไว้นา)
สิ่งชั่วมิน้อมนำ มาไกล้
เกิดสุขอยู่ร่วมสำ- ราญรื่น (ใจแล)
ว่างเว้นลำเอียงได้ แน่แท้สุขใจ
..................................... (40. เนาวรัตน์)......................................
41. เนาวรัตน์
ส่งทางเว็บบอร์ด : วันที่ตอบ 2012-09-29 12:04:31
อคติ (41. เนาวรัตน์) แก้ไขครั้งที่ 2
ลิขิตเขียนร่างถ้อย คำสอน (ดีแล)
ยึดมั่นคือคำพร ช่วยเกื้อ
อคติบั่นทอน ตกต่ำ (ใจนา)
เว้นสี่ข้อธรรมเอื้อ อยู่ได้ด้วยดี
ลำเอียงเพราะรักเข้า ครองใจ
ลืมสิ่งชอบธรรมไป ก่อนหน้า
ฉันทาคติใย เกิดก่อ
ผิดชั่วรอคอยอ้า แน่แท้ลืมตน
ลำเอียงเพราะชังผู้ เกลียดชัง
เหมือนอยู่ในกรงขัง เร่าร้อน
โทสาคติยัง พูนเพิ่ม
กรรมก่อหนักซ้ำซ้อน ป่างเบื้องปัจจุบัน
ลำเอียงเพราะกลัวต้อง ทำไป
ภยาคติสุมใน อกอ้าว
ชอบธรรมไป่ชอบได้ กำเนิด
จิตแน่นยากเดินก้าว มุ่งหน้าทำควร
ลำเอียงเพราะไม่รู้ ถูกผิด
โมหาคติติด สุดแก้
น้อมนำสู่ดวงจิต มิใคร่ (ครวญนา)
ทำสิ่งบ่ควรแท้ มิเกื้อผลดี
อคติก่อขึ้น ทันใด
เกิดสิ่งลวงจิตใจ ง่ายแท้
ถูกผิดบ่เกรงใคร หมองหม่น
หากปล่อยใจพ่ายแพ้ ชั่วร้ายครองตน
อคติสี่ว่างเว้น จดจำ (ไว้นา)
สิ่งชั่วมิน้อมนำ มาไกล้
เกิดสุขอยู่ร่วมสำ- ราญรื่น (ใจแล)
เว้นว่างลำเอียงได้ แน่แท้สุขใจ
..................................... (41. เนาวรัตน์)......................................
42. พีรมิตร
ส่งทางเว็บบอร์ด : วันที่ตอบ 2012-09-30 11:28:50
อคติผลิพราง (42. พีรมิตร) แก้ไขครั้งที่ 1
ทางตรงทอดสู่ฟ้า สรวงสวรรค์
คนเล่าบ่แข่งขัน แข่งข้าม
ทางเอียงเบี่ยงเบนอัน ทรามต่ำ
กลับเชิดชูยากห้าม เหตุซ้องสรรเสริญ
เพลิดเพลินลาภยศแย้ม สรวลสันต์
เอียงอกแบกแอกขัน ขับข้อง
สรรเสริญสุขสนุกยัน ยืนหยัด
บังคับคล้ายโซ่คล้อง ผูกเข้าคอกขึง
ตรงจึงเอียงเพลี่ยงพล้ำ กำสรวล
อคติผลิทั้งมวล หม่นไหม้
โดยรักเกลียดก่อกวน การเที่ยง ธรรมนอ
กลัวโง่เขลาเข่นให้ ห่างเส้นตรงเสมอ
ถิ่นใดเผลอลึกล้ำ ลำเอียง
ผู้ใหญ่ยืนอยู่เคียง เพื่อนบ้าน
ผิดถูกบ่มองเมียง มักปด
อีกฝ่ายจักต่อต้าน แตกผึ้งรวงรัง
ดังล่องเรือไม่รู้ ปลายทาง
อคติเป็นสิ่งพราง พรอกพริ้ง
กว่าตื้นลึกหนาบาง ปรากฏ
เรือจอดจักถูกทิ้ง สู่ท้องทะเลหลง
เดินตรงเถิดพี่น้อง ชาวไทย
ความเที่ยงธรรมละไม ละเมียดฟ้า
รักสามัคคีใจ เด็ดเดี่ยว
ปลดอคติบอดบ้า เบิ่งเนื้อเลือดสยาม
..................................... (42. พีรมิตร)......................................
43. “หนอนสมุด”
ส่งทางไปรษณีย์ : 22 กันยายน 2555
ใจตน(ลำเอียง) (43. หนอนสมุด) ส่งครั้งแรก มีแก้ไข
1.) จิตมนุษย์ยากแท้ หยั่งถึง
โลดแล่นดีดื้อดึง สลับร้าย
เสี้ยววินาทีโปรดคำนึง ดูเถิด
เผื่อปกป้องตนได้ หนักเน้น ทำดี
2.) ใจคนมีประกอบเส้น สองทาง
ดีกับชั่วบอกลาง แก่นใส้
หน้างามงดดุจปาง- ธิดาเทพ
จิตอคติคิดร้าย กลบแก้ ความงาม
3.) หน้าดำหมองหม่นเกล้า คนหยาม
ผมหยิกงอไม่งาม จรดเท้า
จิตฝึกใฝ่คุณธรรม อันประเสริฐ
มั่นอบรมทุกค่ำเช้า อร่ามแท้ สวยจริง
4.) ลำเอียงมีสิ่งเร้า แสดงผล
เพราะรักปักกมล ลึกกว้าง
พิษแรงกว่าสายชล น้ำหลาก
ไหลทะลักทับจิตร้าง มอดม้วย ร้อนเย็น
5.) รักมากอย่าว่างเว้น คุณธรรม
พรหมวิหารท่านชี้นำ บอกไว้
มีรักช่วยเหลือกระทำ มุทิตาจิต
มีอุเบกขาข่มขู่ได้ ตัดพ้อ ความลำเอียง
6.) เสียงหนึ่งดั่งดุจช้าง ตกมัน
เพราะโกรธเคืองคำกัน ประโยคนี้
ยกจิตตัดประหาร ดิ้นดับ สูญเอย
เหตุกับผลอย่าชี้ กล่าวถ้อย แก้ตัว
7.) ความโกรธช่างชั้วช้า อันตราย
ถ้าบ่หยุดที่ใจ เปิดทิ้ง
มีมากมักบรรลัย ทั้งระบบ จิตนา
วันหนึ่งคงเกลือกกลิ้ง ลุกไหม้ เผาตาย
8.) ความโกรธจงมั่นใช้ เมตตา
เพื่อแต่งเติมพัฒนา จิตกระด้าง
ความหลงใหลนำพา หมองหม่น
สมาธิช่วยลบล้าง ต่อตั้ง มั่นคง
9.) ลำเอียงกลัวสั่นสะท้าน ไม่ปลง
เพราะกิเลสดึงลง เหยียบขย้ำ
จงมองธรรมะเป็นองค์ นำประกอบ
สัจจ์เกิดบุญครองซ้ำ ประเสริฐแท้ ชีวี
10.) อคติมีผูกแก้ เงื่อนปม
ถ้ามนุษย์มั่นนิยม ฝึกใช้
พุทธศาสตร์แหล่งอบรม ปลุกจิต
ยามทุกข์เข้าฝันร้าย มั่นแก้ ด้วยธรรม...
..................................... (43. หนอนสมุด)......................................
44. “หนอนสมุด”
ส่งทางไปรษณีย์ : 28 กันยายน 2555
ใจตน(ลำเอียง) (44. หนอนสมุด) แก้ไขครั้งที่ 1
1.) จิตมนุษย์ยากแท้ หยั่งถึง ท่านเอย
โลดแล่นดีดื้อดึง สลับร้าย
ลมปากบ่เพียงถึง สภาพจิต ใจตน
ควรพินิจพิเคราะห์ไว้ ประโยชน์ล้น เหลือดี
2.) ชายสตรีเดินเลือกได้ สองทาง
ดีกับชั่วบอกลาง แก่นไส้
หน้างามงดดุจปาง- องค์เทพ- ธิดา
จิตอคติคิดร้าย กลบแก้ ความงาม
3.) ลำเอียงเพราะโกรธแค้น คำหยาม เหยียดเฮย
พูดข่มขู่คำราม โห่ร้อง
บังเบียดเสียดสีนาม สกุลโคตร
หยิบกฎหมายขึ้นฟ้อง เหตุล้ำ เลื่อมกัน
4.) เสียงนินทากล่าวร้าย เมามัน
อีกฟากหนึ่งลงทัณฑ์ ดับดิ้น
สงครามปากฟาดฟัน ด้วยปาก
เป็นเรื่องราวไม่สิ้น อาจเลื้อย ลอยยาว
5.) จงหยุดเถิดสงบแค้น เรื่องราว
มีรักมั่นปั่นยาว ผูกไว้
จับมือพูดคุยคราว ยามทุกข์
ทางออกหลากล้นใกล้ แค่เอื้อน เอยชวน
6.) ลำเอียงเพราะเลือกข้าง เป็นขบวน
อีกฝ่ายหนึ่งชี้ชวน สะกิดเข้า
เกิดเสียงมากหลากจำนวน ประมาณหนึ่ง
ความยุติธรรมหมองเศร้า ยากแท้ ตัดสิน
7.) ลำเอียงเพราะหมดสิ้น ปัญญา
ตนตัดสินบ่พิจารณา ถี่ถ้วน
เหตุผลขาดนำพา กำกับ ตนเอย
ความยุติธรรมขาดด้วน ต่ำสั้น ถอยลง
8.) ลำเอียงเพราะกลัวสุดต้าน เป็นจำนง
อิทธิพลครอบคลุมชง ดื่มซ้ำ
พุดสั่งสิ่งใดจง- ปฏิบัติ
ความยุติธรรมมืดคล้ำ เคลื่อนคล้อย ฟ่าฟาง
9.) ลำเอียงควรรีบแก้ สี่ทาง ท่านเอย
หนึ่งเมตตาจงเป็นกลาง กล่าวถ้อย
สองกรุณาช่วยสะสาง สัมพันธ์
สามมุทิตาผูกเป็นสร้อย จับคล้อง คอตน
10.) สี่อุเบกขาสงบนิ่งแท้ เป็นผล
สร้างประโยชน์เกื้อหนุนชน ลูกน้อง
หากมีมากย่อมยกตน สูงส่ง
อคติหกลับกลายต้อง สลับขั้ว เป็นงาม...
..................................... (44. หนอนสมุด)......................................
45. “ทร ดิษฐสุวรรณ”
ส่งทางไปรษณีย์ : 26 กันยายน 2555
อคติ (45. ทร ดิษฐสุวรรณ)
ณ ริมหนองนิ่งน้ำ นอนใน ตักนา
หนุนปู่สุขกายใจ ปู่แจ้ง
นิทานเล่าฟังไหม หมายมุ่ง อบรม
คืออุบายปู่แสร้ง ปู่สร้างสรรค์หลาน
คำขาน “ฟัง” ยื่นยิ้ม เยียบเย็น
ยินอยู่สองตาเห็น จึ่งให้
เพลิดเพลินพร่ำประเด็น โดยด่วน
“นางสิบสอง” หมองไหม้ เมื่อร้างแรมเรือน
นางยักษ์เยือนย่างย้าย ยุรยาตร
ดียิ่งหมายจับฟาด ฝุ่นฟั้น
กินหมดอิ่มคือคาด คิดครุ่น
หากฆ่าดรุณนั้น แน่น้องตายหนา
สิเน่หานางแน่งน้อย ทุกนวล
แปลงร่างเป็นคนชวน อยู่ด้วย
รักรักยิ่งสงวน หวงห่วง
หยิบยื่นโอชอ้อยกล้วย กล่นกล้ายกลอยกิน
เพลาผินผ่านพ้น วารผาย
ยักษ์ใช่คนใจหาย หง่อยแห้ง
หนีหนีอยู่ตัวตาย โหงแน่
ทอดย่างยาวยักษ์แจ้ง จึ่งเจ้าเป็นเชลย
กรรมเอ๋ยกรรมก่อไว้ เวียนวน
ยักษ์ควักตาทุกคน คร่าคล้อง
สืบชาติก่อนซุกซน ควักซึ่ง ตาปลา
เหลือแต่นางนุชน้อง บ่งนั้นข้างเดียว
สนุกเทียว ปู่ปลื้ม ปลุกใจ
อคติเห็นไหม หม่นเศร้า
เติบโตจุ่นหลานใส ธรรมส่อง
คือสร่างดวงมานเจ้า แจ่มจ้าบังเอียง
..................................... (45. ทร ดิษฐสุวรรณ)......................................
46. “รัตนโกสินทร์ศก”
ส่งทางไปรษณีย์ : 25 กันยายน 2555
อคติ (46. รัตนโกสินทร์ศก)
-๑-
ของขวัญบางกล่องฟ้า ฝากมา
อาจพระเจ้าสรรหา ห่อให้
เราหน้าที่รักษา ถนอมรัก
มนุษย์แต่ภายใต้ ลิขิตฟ้าครึ่งเดียว
-๒-
เรียวธูปสามดอกคว้าง ควันลอย
หวังหนึ่งใครคอยคอย เนิ่นช้า
คืนฝนตกปรอยปรอย เปราะแประ
ทารกชายปากอ้า อุแว้ส่งเสียง
เพียงแรกพบผู้สืบ สายสกุล
สัมผัสเนื้อละมุน เมื่ออุ้ม
แววตาอ่อนการุณย์ ของพ่อ
จะโอบจะเอื้อคุ้ม จะป้องภัยพาล
วารวันคืนเปลี่ยนได้ โดยฤดู
สรรพสิ่งคงผาภู เหวห้วย
ไม้ดอกย่อมดอกชู ชมโลก
แต่ชีพมนุษย์ด้วย เลือกได้โดยใด
-๓-
“ฉันพอใจสิ่งนี้ ที่เป็น
ใครอาจอคติเห็น เกียจแม้
กระทั่งพ่อขู่เข็ญ คิดหนัก
เพราะไม่อยากเป็นชายแท้ เลือกแล้วใจหญิง
สิ่งนี้ใช่จริตบ้า เบียดใคร
ขอแค่พ่อเข้าใจ จิตบ้าง
“แกพูดคิดอะไรใด หุบปาก”
คำพ่อฝังหัวคว้าง คิดน้อยใจเสมอ”
-๔-
“จะเผลอจะพลาดพลั้ง พันผิด
ใจพ่อไม่เคยคิด เคียดแค้น
มีหรืออคติใด ลูกรัก
มีแต่ความแน่นแฟ้น โอบเอื้อถักทอ
พ่อติดอดีตร้าย พ่อเอง
หวั่นหวั่นเกรงเกรงเกรง แก่เจ้า
ถูกล้อถูกข่มเหง ดูถูก
เจ้าเจ็บพ่อเจ็บเศร้า กว่าเจ้าเจ็บเหลือ
เมื่อพูดขณะนี้ สายไป
อุบัติเหตุพรากใจ จากแล้ว
ของขวัญพระเจ้าใด ดลกลับ
หน้าที่ พ่อพร่องแคล้ว โน่นฟ้าทวงฝัน”
-๕-
ของขวัญบางกล่องฟ้า ฝากมา
อาจพระเจ้าสรรหา ห่อให้
สังคมมนุษย์หนา กิเลศ
จริตตัดสินใครใต้ อคติบ้าวะเหวย
..................................... (46. รัตนโกสินทร์ศก)......................................
47. จิตตวัฒนา
ส่งทางไปรษณีย์ : 28 กันยายน 2555
อคติ (47. จิตตวัฒนา)
อคติมีสี่ข้อ แฝงตน
ชาติย่อมขาดบุคคล ซื่อแท้
ผู้ใดที่หวังผล อำนาจ
ต้องไม่ให้ยอมแพ้ อยู่ใต้ลำเอียง
เกิดลำเอียงหนึ่งนั้น ชอบกัน
รักใคร่ใจผูกพัน ชิดใกล้
เผื่อแผ่แต่รางวัล ความชอบ
ทั้งที่มิควรได้ เช่นนี้อยุติธรรม
ลำเอียงสองโกรธแค้น ชิงชัง
อำนาจโทสะยัง ขุ่นข้อง
เพราะเหตุเรื่องความหลัง ฝังจิต
มองไม่เห็นถูกต้อง ปล่อยแพ้ร่ำไป
ลำเอียงสามไม่รู้ ถึงการณ์
ความไม่รอบคอบงาน ถี่ถ้วน
ตัดสินก่อนพิจารณ์ การกิจ
ผลย่อมสูญเสียล้วน ผิดพลั้งอยุติธรรม
ลำเอียงอีกหนึ่งข้อ เกรงใจ
ผู้ใหญ่ทำผิดไป ไม่กล้า
หากลงโทษกลัวภัย หวนตอบ
เสียงขู่ให้ไว้หน้า อย่าได้เอาความ
อคติสี่อย่างนี้ เสมือนเงา
ติดตามตัวของเรา ไม่เว้น
ลำเอียงบ่บรรเทา ทุกเมื่อ
ใจเร่าร้อนซ่อนเร้น ชั่วร้ายแฝงตัว
ปกครองคนผู้อื่นแล้ว เป็นธรรม
บุญย่อมหนุนเนื่องนำ รุ่งแท้
อคติไม่ยุติธรรม ไกลห่าง
ฝึกจิตเมตตาล้ำ สลัดทิ้งลำเอียง
ชาวไทยมาร่วมพร้อม ซื่อสัตย์
ฝึกจิตเป็นบรรทัด ถ่องแท้
เพื่อชาติอยู่ศรีสวัสดิ์ ผาสุก
ร่วมดั่งนี้เลิศแล้ มากล้นยุติธรรม
..................................... (47. จิตตวัฒนา)......................................
48. “คุณพบรัก วันนักกลอน”
ส่งทางไปรษณีย์ : 30 กันยายน 2555
อคติ (48. คุณพบรัก วันนักกลอน)
ศาสดาจารย์มุ่งสร้าง สันติธรรม
มารกลับรณรงค์นำ เหนี่ยวร้าย
คติ และ อคติ กำ – หนดคู่ ขนานนา
เหตุทั่วโลกเกิดคล้าย เคลื่อนคล้อยสองวิสัย
นัยบุญบริสุทธิ์ล้วน ทางตรง
บาปวุ่น โลภ โกรธ หลง ลดเลี้ยว
ดุจผกาหอมเด่นคง ควรเพ่ง พิศแฮ
กับสิ่งคดบิดเบี้ยว บวกด้วยอบเหม็น
เป็นธรรมดาต่างต้อง ตามทัน
ตรากฎกติกาสรรค์ เสกแก้
มารยาทต่อเติมกัน การก่อ ผิดเอย
การณ์ไม่เหมาะสมแท้ ทั่วหน้าแหนงหนี
มีอคติดั่งต้น- ตอพิษ
แตกหน่อความวิปริต เรื่องร้าว
กฎหมายลูกละเมิดสิทธิ์ แซงแทรก
ถือหลักยุติธรรมน้าว ร่วมโน้มถูกทาง
วางแบบแผนจากบ้าน เรือนตน
ปฏิบัติตามเหตุผล พรั่งพร้อม
สังคมสื่อสืบสนธิ์ สานต่อ
ทุกชาติบุญแวดล้อม เปรียบห้วงสรวงสวรรค์
สัญลักษณ์ริเริ่มสร้าง สัญญา
สันถวไมตรีพา ผ่องแผ้ว
สันติภาพพัฒนา สันติสุข
สันติธรรมเหมือนแก้ว ส่องฟ้าดินไสว.
..................................... (48. คุณพบรัก วันนักกลอน)......................................