ReadyPlanet.com


"ความฉลาดทำให้ผู้หญิงสวย" นิ้ง-โศภิดา สยบดรามาไม่คู่ควรมงฯ มิสยูนิเวิร์สฯ


   


ไม่เห็นสวยเลย มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ปีล่าสุดเธอถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงรูปลักษณ์ภายนอกว่าหน้าตาไม่เหมาะที่จะได้มงไปครอง แต่บทสัมภาษณ์นี้จะพาไปค้นหาเสน่ห์และตัวตนที่แท้จริงของเธอ ทั้งในมมุม “ดีกรีนักเรียนดีเด่นของโอบามา” ทั้งมุมมองเรื่อง “มูลนิธิคนพิการ” ทำเพื่อสัมคม เพื่อตอกย้ำนิยามที่เธอได้ให้ไว้ว่า “ความสวยไม่ได้ทำให้ผู้หญิงฉลาด ความฉลาดต่างหากที่ทำให้ผู้หญิงสวย”

 
 

ไม่ปัง-ไม่สมมง นิ้งฟันธง! สวยอย่างเดียวไม่ได้
มงลงไม่ทันไร ก็มีหลายกระแสตีกลับทั้งคนชอบ คนไม่ชอบ พากันออกมาวิพากษ์วิจารณ์ “นิ้ง-โศภิดา กาญจนรินทร์” ไปต่างๆนานา บ้างก็ว่าหน้าตาเธอธรรมดา ไม่มีความสวยเลย รองคนอื่นๆ สวยกว่าเธอเยอะ และสังคมโซเชียลฯ ยังมีความคิดในแง่ลบว่าเธอไม่มีความเหมาะสมที่จะได้ครองตำแหน่งแม้แต่น้อย หรือตำแหน่งที่ได้เป็นเพราะการศึกษาที่โดดเด่น ถึงแม้ว่าจะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อะไรตามมาทั้งดีและไม่ดีก็ตาม เธอก็พร้อมที่จะรับฟังและปรับปรุงให้ดีขึ้น

"ความสวยไม่ได้ทำให้ผู้หญิงฉลาด ความฉลาดต่างหากที่ทำให้ผู้หญิงสวย นิ้งว่าทุกคนมีโปรไฟล์ดีหมดเลย ถ้าสังเกตดีหมดเลย แต่นิ้งคิดว่ามันเหมือนเราตอบโจทย์เขาได้ไหม คือประเด็นว่าต้องเชื่อมั่นในกรรมการ เชื่อมั่นทุกคนว่าเขาคัดมาแล้ว อันนี้ คือมุมมองของนิ้งนะคะ เพราะว่านางงามสมัยใหม่นี้ คือสวยอย่างเดียวไม่ได้ คุณจะต้องมีความรู้ด้วย คือเวลานิ้งดูนางงาม เราจะต้องวิเคราะห์ด้วยว่าเขาเป็นยังไง บุคลิกเขาเป็นยังไง แล้วทางนั้นเขาอยากได้คนแบบไหน

 
 
 
 
 

วินาทีที่ได้รับมง รู้สึกว่ามันคือความฝัน ฝันที่เราทำได้ เพราะเรามีความอดทนพยายาม มันเป็นฝันที่นิ้งอยากทำมานาน เป้าหมายในชีวิตของนิ้ง แล้วเราทำได้ มันดีใจมากๆ ค่ะ (ยิ้ม)”

คำพูดของเธอเปรยออกมาด้วยใบหน้าแห่งความสุข หลังคว้ามงกุฎ “มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2018” ได้สำเร็จ ซึ่งก่อนหน้านี้เธอเป็นแค่หญิงสาวธรรมดาๆ ที่มีความฝันอยากเป็นนางงามมาตั้งแต่วัยเด็ก

“เราเป็นคนที่ชอบแอบดูนางงาม เคยเห็นพี่เลี้ยงดูตอนเด็ก เราก็แอบดู คือพ่อแม่ก็จะไม่สนใจเท่าไหร่ค่ะ นิ้งก็จะหาเวลาดึกๆ ค่ำๆ อะไรอย่างนั้น จะไม่นอนนะ บางทีก็ขอพับผ้านะคะ จริงๆ แล้วหรอค่ะ แอบดูกับพี่เลี้ยงค่ะ (หัวเราะ) แล้วเป็นคนรักสวยรักงามตั้งแต่เด็ก ชอบแอบเอาน้ำยาทาเล็บของคุณอามาทา เด็กๆ ก็ฝันอยากเป็นเจ้าหญิง อยากเป็นนางงาม อยากมีมงกุฎ โบกมือสวยๆ (ยิ้ม)

 

แต่ต้องบอกก่อนเลยว่า พ่อแม่นิ้งเขาจะไม่สนับสนุนเรื่องนี้สมัยเรียน เพราะเขาเห็นว่านิ้งยังเรียนอยู่ อยากจะให้มุ่งมั่นแต่การเรียน และเขาอยากจะให้นิ้งโตกว่านี้ เขาก็กลัวว่านิ้งจะไหวไหม จะทำได้ไหม

พอเขาเห็นว่านิ้งทำงานแล้ว การเรียนประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งแล้ว เขาก็ปล่อยให้นิ้งเลือกดำเนินชีวิตด้วยตัวเอง นิ้งก็เลยขออนุญาตเขา แล้วเขาก็คอยสนับสนุนเต็มที่ พ่อเลยกลายเป็นแฟนนางงามตัวยงเลย ตอนนี้เราก็รู้สึกว่า เราเป็นคนที่มีความพยายามและมุ่งมั่น ทำอะไรเราทำเต็มที่ เขาก็เห็นค่ะ ว่าเราสามารถอดทนได้”

เรียนนอก-ไม่เกเร-ไม่เก่งแต่พยายาม

หลายคนอาจไม่รู้ว่านอกจากตำแหน่งนางงามที่เธอคว้ามงมาได้สำเร็จ การเรียนของเธอก็เก่งไม่แพ้กัน เธอเรียนจบปริญญาตรีจากคณะ Business administration สาขา Finance จาก University of Nevada, Las Vegas เกียรตินิยมอันดับ 2 และยังได้รับเหรียญทอง รางวัลนักเรียนดีเด่น จากอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา และกว่าเธอจะได้รับเหรียญทองมา เธอก็ใช้ชีวิตไปพร้อมกับการหาประสบการณ์ชีวิต ทั้งไปกินไปเที่ยว แต่เธอก็สามารถแบ่งเวลาได้เป็นอย่างดี

 

 

ไม่แปลกใจเลย ว่าทำไมทุกวันนี้สาวนิ้งถึงเรียนเก่ง ทำงานเก่ง อดทน พยายามจนประสบผลสำเร็จ เพราะเธอถูกครอบครัวส่งเสริมให้เรียนรู้สิ่งต่างๆ อย่างรอบด้าน แต่ก็มีช่วงเวลาที่เธอปิดกั้น ไม่อยากรับรู้เพราะเรียนเท่าไหร่ ก็ไม่เก่งสักที

“จริงๆ นิ้งเป็นเด็กที่ดื้อพอสมควร (พูดพร้อมหัวเราะ) ไม่ได้เชื่อฟังพ่อแม่สักเท่าไหร่ คือพ่อแม่ก็จะรู้ว่าเราเป็นเด็กไม่เก่งสมัยเด็กๆ ก็จะเอาครูพิเศษมาสอนเรา แต่นิ้งก็ไม่เก่งสักทีค่ะ มันอยู่ที่ตัวเราเอง ต่อให้มีคนมาผลักดันเรา คุณพ่อคุณแม่เอาครูมาสอน ถ้าเราไม่เอา เหมือนฟังหูซ้าย ทะลุหูขวา นิ้งจะเป็นอย่างนั้นสมัยเด็ก

ส่วนที่บ้านนิ้งจะไม่ห้าม เป็นอะไรก็เป็น สมัยอยู่วัฒนาไม่ได้เรียน “สายวิทย์” นะจ๊ะ ไม่ได้เรียน “ศิลป์คํานวณ” นะจ๊ะ แต่เรียนศิลป์จีน เพราะว่าผิดหวังจากการสอบเตรียมอุดมไม่ติด ที่บ้านคุณพ่อนิ้งเด็กเตรียมฯ จุฬาฯ ธรรมศาสตร์ อะไรอย่างนี้ แล้วเรามีปมด้อย เราเป็นเหมือนเขาไม่ได้ แล้วเราผิดหวังเรารู้สึกเฟล เราก็เลยไปอยู่สายศิลป์จีน

ชีวิตในวัยเด็กสมัยก่อนของนิ้ง คุณพ่อคุณแม่ให้ไปเรียนเปียโน ให้ไปเรียนเต้น เรียนเทนนิส ให้ไปเรียนอะไรเยอะแยะ เรียนไปหมดเลย ไม่เอาสักด้าน (หัวเราะ) รำก็มี รำไทยก็รำได้นะคะ สมัยเด็กนี้รำสวย แต่มันลืมแล้วค่ะ อะไรที่มันไม่ได้ฝึกฝนมันจะลืมค่ะ อย่างภาษาจีนที่เรียนตั้งแต่ม.4 พอมันไม่ได้ใช่ ก็ลืมแล้วค่ะ เพราะว่านิ้งเป็นคนหัวช้า”

แต่นิ้งยังเชื่อว่าเธอสามารถที่จะรือฟื้นได้ง่าย มันอยู่ในความทรงจำของเธอ หากยังจำอดีตของตัวเองได้ ทำไมจะจำเรื่องพวกนี้ไม่ได้ อันนี้เป็นสิ่งที่เรียนรู้ได้อย่างแรกเลย ถ้าคุณทำอะไรเป็นแล้ว ขอให้อย่าหยุดที่จะพัฒนา ต้องฝึกฝนเรื่อยๆ

“เท่าที่ดูมา นิ้งใช้ความอดทนมาก นั่งโต๊ะทำงาน 12 ชั่วโมงไม่ลุก สมัยเรียนก็นั่งอยู่อย่างนั้น นั่งจนลงพุง เพราะว่าเวลาเราเรียน อ่านหนังสือเล่มหนึ่ง นิ้งจะเป็นคนที่ก่อนครูจะสอน นิ้งจะอ่านไปก่อน แล้วเราจะอ่าน 3 รอบ 4 รอบ 5 รอบ อ่านไปจนจำได้ แล้วพอครูพูดเราก็รู้ละ ดังนั้น มันคือความอดทนและความขยันของคนเรา นิ้งอ่ะนั่งจนแบบกินข้าวก็กินตรงนั้น ทำงานก็ทำตรงนั้น”

ส่วนลาสเวกัส เมืองที่เธออาศัยอยู่ เรียกได้ว่ามีความหลากหลายของเชื้อชาติ เอเชียก็เอเชียแบบหลากหลายมาก ทุกเชื้อชาติก็ว่าได้ แล้วการปรับตัวของนิ้ง เธอจะทำให้เหมือนกับเป็นบ้านหลังที่สองของเธอ ทำยังไงก็ได้ให้มันรู้สึกเหมือนกับบ้านเรา ฉะนั้นการไปอยู่ต่างประเทศเธอก็พร้อมที่จะเรียนรู้ว่าเขาใช้ชีวิตกันยังไงบ้าง

 

“แต่เดิมนิ้งกลัวที่จะพูดมาก ไปแมคโดนัลด์อย่างเนี่ย คือเราต้องพยายามพูด ถ้าเกิดเราไม่ทำเราจะไม่มีอาหารกิน เราจะสั่งอาหารเขา เราก็ต้องฝึกพูด กล้าที่จะพูดก่อน พูดคนเดียวก็ได้ ฝึกพูดในกระจก สมัยก่อนนิ้งจะพูดในกระจกด้วย”

นิ้งเล่าถึงช่วงชีวิตในเวลานั้นว่า หลายคนถามเธอเยอะมาก ทำไมต้องไปเรียน University of Nevada, Las Vegas โดยเธอนั้นได้ทุนแบบ Resident Tuition เพราะเรียนจบไฮสคูลที่นั้น จึงได้ส่วนลด เหมือนเป็นคนที่นั้นเลย ค่าใช้จ่ายจึงถูกลง

“เวลาอยู่ที่นู่นทุกคนจะถามว่า อยู่ลาสเวกัสเธอปาร์ตี้เปล่าวะ นิ้งไม่เคยเลยนะ (น้ำเสียงหนักแน่น) ไม่เคยที่จะเข้าผับปาร์ตี้ลาสเวกัสเลยนะ นิ้งเข้าอย่างเดียวคือบุพเฟ่ต์ ร้านอาหาร แล้วก็ทุกๆ ที่ที่ไป นิ้งบอกเลยถ้าเกิดจะไปลาสเวกัส หลังไมค์ได้ค่ะ ร้านอาหารนิ้งบอกได้หมดเลย ทุกที่ไปมาหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นปิ้ง ย่าง เกาหลี ญี่ปุ่น กินซูชิได้ไม่อั้น

ไม่ว่าจะเป็นอาหารไทย อาหารอเมริกัน กินมาหมดแล้วค่ะที่อเมริกา สิ่งที่นิ้งมีความสุข คือการกิน บางอาทิตย์ก็ไปแคลิฟอร์เนีย เพื่อไปกิน ส่วนใหญ่จะเป็นร้านอาหาร แล้วก็ชอปปิ้ง (ยิ้ม)”

 

นอกจากนี้เวลาที่เธอรู้สึกเครียดๆ จะอาศัยไปชอปปิ้ง ไปเอาต์เลต ไปดูว่าอาทิตย์นี้จะมีของลดราคาไหม ไปผ่อนคลาย ผู้หญิงก็มีไม่กี่อย่าง เครื่องสำอาง ชอปปิ้ง นิ้งคิดว่าวิธีผ่อนคลายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางครั้งอยากจะผ่อนคลายแบบไม่อยากเจอใครเลย เธอก็ไปสวนสาธารณะ หรือท่องเที่ยวแบบผจญภัยอย่างการปีนเขา เธอก็ไปมาแล้วหลายที่ ไม่ว่าจะเป็นรัฐยูทาห์ (Utah), แอริโซน่า (Arizona)

ดูเหมือนว่าเมืองลาสเวกัส ที่เต็มไปด้วย "ผับบาร์" แหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลก ก็ไม่ได้มีผลอะไรกับนิ้งมากมายนัก เพราะการกินอาหารและการท่องเที่ยวธรรมชาติ คือความสุขของเธอมากกว่า และยังเป็นการผ่อนคลายที่ยอดเยี่ยมของนิ้งอีกด้วย

นางงามวันนี้ = อดีตทอมนิ้งสายเฮ้ว

เห็นสาวนิ้งเป็นนางงามลุคสวยที่สามารถพิสูจน์ตัวเองให้ได้เห็นบนเวทีอย่างทุกวันนี้แล้ว เมื่อก่อนเธอมีความกลัวอย่างมาก แต่ความกลัวก็ถูกกำจัดทิ้งให้กลายเป็นความกล้าเข้ามาแทนที่ อะไรเป็นสาเหตุให้สาวนิ้งผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นมาได้ เธอเปรยกับเราถึงชีวิตวัยเด็กเลือดนักสู้ให้ฟังขึ้นมาบ้างแล้ว

“โอ้โห สมัยก่อนอ่ะ นิ้งขี้กลัวมาก ซุ่มซ่ามที่หนึ่ง หลงทิศหลงทางน้องนิ้งค่ะ แต่ว่าเราเป็นคนที่ไม่ย่อท้อ แล้วอดทนมาก นิ้งจะเหมือนเป็นเลือดนักสู้เลยก็ว่าได้ นิสัยอย่างนี้เลยค่ะ แต่ว่าจริงๆ แล้ว นิ้งไม่ใช่คนเครียดนะ แล้วทุกคนก็จะแบบว่าเราเข้าถึงยากหรออะไรอย่างเนี้ย ลองมาเข้าถึงนิ้งก่อนค่ะ (หัวเราะ) นิ้งจะไม่เครียด แล้วนิ้งจะบ้ามากค่ะบางครั้ง (หัวเราะ)”

 

ไม่ใช่แค่เรื่องเรียนและนางงามที่สาวนิ้งเอาดีเท่านั้น แต่กิจกรรมระหว่างเรียนก็สู้ตายเช่นกัน เมื่อก่อนเธอเคยเป็นดรัมเมเยอร์ แต่จะเป็นดรัมเมเยอร์ที่เงียบที่สุดก็ว่าได้ในประวัติศาสตร์ หากไปถามเพื่อนสมัยเรียนวัฒนา ว่านิ้งเป็นคนยังไง ทุกคนไม่คิดเลยว่าจะไปประกวดนางงาม เพราะเธอเป็นคนที่เงียบมากๆ เป็นดรัมเมเยอร์ยังขาสั่นแต่ว่าเป็นคนที่พยายาม ไม้ไม่ตกถือว่าดีมาก แต่หลังจากนั้นไม่นานภาพลักษณ์ดรัมเมเยอร์ก็ถูกเปลี่ยนไปเป็นทอมนิ้งที่หลายคนเรียกขานเธอเช่นนั้น

“ตอนหลังจากเป็นดรัมเมเยอร์ก็ไปตัดผมซอยสั้นอะไรอย่างนี้ จนคนอื่นแบบโอ้โห นี่ดรัมเมเยอร์หรอ หมดภาพลักษณ์เลยสมัยมัธยมทุกคนก็จะเรียกว่าทอมนิ้งๆ แต่นิ้งไม่ใช่ทอมนะคะ ตอนแรกเรากะจะเป็นสาวเปรี้ยว พอตัดผมไปตัดผมมา ด้วยเสียงของเราเฮ้วด้วย ก็เลยกลายเป็นทอมโดยปริยาย ก็มีไปกุ๊กกิ๊กรุ่นน้องบ้าง ตามสไตล์ มีช่วงนั้นก็กุ๊กกิ๊กเหมือนพี่น้องพี่สาวน้องสาวอะไรอย่างเนี่ย ก็น่ารักในสไตล์เด็กวัฒนา
จริงๆ เราเป็นสายเฮ้วมากเลย ไม่ได้ผู้หญิงมาก เพราะเราเป็นคนชอบดูบาสเกตบอล สังเกตดูคนชอบดูบาสเกตบอล ก็จะออกแนวห้าวๆ หน่อย เราจะเป็นสาวห้าวนิดนึง”

แต่พอเธอย้ายมาเรียนอยู่ต่างประเทศ ก็จะต้องมีสังคม ประมาณว่าเป็นคนไทยคนเดียวในโรงเรียนทำยังไงให้มีเพื่อน ดังนั้นก็ต้องมีกิจกรรมบ้าง เธอก็ไปเป็นเชียร์ลีดเดอร์สมัยอยู่อเมริกา เขาให้เป็นเธอก็เป็น เมื่อก่อนอยากเป็นนักบาส แต่ด้วยความสูงที่เป็นอุปสรรค ก็เลยได้เป็นเชียร์ลีดเดอร์ ฝึกหนักเหมือนกัน

“ปอมปอมเชียร์ของอเมริกาก็รู้อยู่ว่าต้องมีการต่อตัว แต่ก็ชอบนะ สนุกเพราะว่าเราอยากเล่น แต่บาสเกตบอลเราเล่นไม่ได้ งั้นเราดูก็ได้ ให้กำลังใจเขาแทนค่ะ”

 

นอกจากกิจกรรมที่ทำไปพร้อมๆ กับการเรียนแล้ว แต่เธอก็ไม่เคยทิ้งเรื่องเรียน และยังทดสอบตัวเองมาแล้วว่าสามารถเรียนได้หมด ถ้ามีความอดทน ความขยัน ฝึกฝนให้มากๆ ไม่ว่าวิชาไหนก็สามารถทำได้ 
“การศึกษาสำหรับนิ้งสำคัญมากในชีวิต “Education it"s a key to success” การศึกษาจะนำพาไปสู่ความสำเร็จ นิ้งเชื่ออย่างนั้น อันนี้คือเป็นวลีที่ว่านิ้งได้มาจาก โรงเรียนที่อเมริกา เขาจะให้สมุดมาเล่มหนึ่ง คุณจะเขียนอะไรก็เขียนไป แต่ข้างหน้าปก คือ “Education it"s a key to success” แล้วคือชอบบทนี้มาก แล้วเราก็รู้แล้วว่ามันคือพื้นฐาน จุดประสงค์ของคนเรา เราต้องรู้ว่าเราต้องมีเงินเดือน เราต้องมีรายได้มาเลี้ยงชีพ มาเลี้ยงครอบครัวค่ะ”

น้องพิการทางสมอง แรงบันดาลใจ “มูลนิธิคนพิการ”

นอกจากการเป็นนางงามแล้ว อีกสิ่งที่อยากจะทำและมีความตั้งใจอย่างมากและอยากทำมานาน นั่นคือ การตั้งมูลนิธิคนพิการ เหตุผลที่ทำให้นิ้งให้ความสำคัญเรื่องนี้ อาจเพราะคนใกล้ตัวอย่างน้องสาวแท้ๆ ของเธอ ที่เป็นผู้พิการทางสมองตั้งแต่เด็ก

“น้องสาวนิ้งเป็นผู้พิการ มันทำให้นิ้งนึกถึงตอนคุณแม่ของนิ้งดูแลน้องสาว ต้องเข้มแข็งอย่างมาก การมีลูกเป็นผู้พิการไม่ครบ 32 มันคือเหมือนไปกรีดหัวใจเข้า นิ้งจึงมองเห็นว่าทั้งคนพิการและคนคอยดูแลคนพิการทั่วประเทศต้องการกำลังใจอย่างมาก”

 
ครอบครัวนิ้ง-โศภิดา กาญจนรินทร์

เธอยังมองเห็นการเข้าสมัครงานของผู้พิการ ว่าจะต้องมีการตรวจสุขภาพว่าร่างกายว่าสมบูรณ์ครบถ้วนหรือไม่ สิ่งนั้นทำให้พื้นที่ของการเข้าทำงานของผู้พิการยากขึ้น เธอจึงอยากจะรณรงค์ในเรื่องสายงานด้วยเช่นกัน และก่อนการรณรงค์ ควรจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกให้เขาอย่างทั่วถึงด้วย

“อาจจะคอยสนับสนุน หรือว่ารณรงค์ แล้วก็ทำเป็นโปรเจกต์ มันก็จะช่วยได้กว้าง ก็ต้องค่อยๆ ดำเนินเรื่องกันไป แล้วก็ให้กำลังใจเรื่องการศึกษา เพราะประมาณ 30,000 คนเอง ผู้พิการที่เขามีบัตรนะ เข้าจบปวช. ไปจนถึงปริญญาเอก แต่มันจะมีอีกล้านคนเลย ที่เขาไม่รู้ว่าจะทำอะไร”

เธอย้ำชัดว่าคนไทยต้องเข้าใจว่าผู้พิการเขาก็เหมือนปกติทั่วไป ที่ต้องมีพื้นที่ให้พวกเขาด้วยเช่นกัน (แววตาเปี่ยมไปด้วยความหวัง) นิ้งอยากให้ทุกคนปกติเหมือนกันหมด สิทธิทุกคนปกติเท่าเทียมกันหมด แล้วสังคมเราจะได้น่าอยู่มากขึ้น

เรื่องการศึกษา ก็มีโครงการว่าจะไปเป็นวิทยากร พูดตามโรงเรียน แล้วก็อาจจะจัดกิจกรรม ให้เด็กแสดงความสามารถพิเศษ แล้วเธอก็เป็นกรรมการ ให้เด็กกล้าที่จะแสดงออก

“เด็กไทยอ่ะความสามารถเยอะนะคะ เก่งด้วย อยากให้เขามั่นใจ แล้วก็แสดงศักยภาพนั้นออกมาเราจะเป็นแรงบันดาลใจ ที่ไปตามโรงเรียนต่างๆ เราจะแชร์ประสบการณ์จากอเมริกา ประสบการณ์ทั้งหมดที่เรามี ความที่เราไม่เก่ง แล้วทำไงให้เก่ง มันช่วยได้นะ เรื่องกำลังใจสำคัญมาก

 
จริงๆ ถ้าไม่ได้ตำแหน่งเราก็ใช้ชีวิตทำงานของเราค่ะ แต่นิ้งเชื่อว่า ผู้หญิงเราถ้าจัดเวลาเป็นเราทำได้หลายอย่างมาก อย่างนิ้งก็คิดแล้วว่าถ้าไม่ได้ตำแหน่ง เสาร์อาทิตย์นิ้งก็จะไปทำเพื่อเด็ก ทำเพื่อผู้พิการ ไปทำตรงส่วนนี้มากขึ้น เพราะเรารู้ใจตัวเองแล้วว่าเราชอบช่วยเหลือคน”

เตรียมแก้บน กลายเป็นนางงามสมใจ

“หูย นี่ต้องไปนั่งแก้บน โหสนุกเลยค่ะ (ยิ้ม) ไปบนไว้ที่เมืองไทยก็จะเป็นที่ทำงานนะคะ แล้วก็มีของคุณพ่อที่พระมงกุฎนะคะ แล้วก็ฮ่องกง พม่า คือเวลาเราไปเที่ยวเราก็อาศัยว่า นิ้งเรียกว่าไปขอพรดีกว่า เราขอพร คือฉันจะทำเพื่อประเทศชาติ ฉันทำได้ ฉันก็จะทำให้เต็มที่ พอได้แล้วขนลุกเลยอ่ะ ก็ต้องไปขอบคุณเขาค่ะ”

ต่อไปก็ต้องมาช่วยกันลุ้นว่าเธอจะคว้ามงนางงามจักรวาลได้ไหม ซึ่งจะมีการจัดประกวด Miss Universe ในช่วงสิ้นปี 2018 และการตัดสินใจมาประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ เธอก็ไม่ได้มีพี่เลี้ยงแต่อย่างใด ต้องออกเงินเอง ต้องไปหาที่เรียนเพิ่มเติม ทางครอบครัวก็คอยสนับสนุนรวมทั้งตัวนิ้งเองที่เอาเงินเดือนมาทุ่มทุนในครั้งนี้ด้วย ครั้งหนึ่งในชีวิตที่นิ้งต้องทำให้เต็มที่

ไม่เคยคาดหวังว่าจะได้ตำแหน่ง เพราะว่าเธออยากจะก้าวผ่านความกลัว นิ้งเคยเป็นคนที่กลัวเวทีมาก่อน กลัวที่จะขึ้นเวที แต่รักการเป็นนางงาม เพราะการเป็นนางงาม จะต้องโชว์ในเวที แล้วสิ่งที่นิ้งอยากเป็นมากที่สุดของนางงาม สามารถใช้ความรู้ที่มีของเราช่วยเหลือคนอื่น

 

“นิ้งเป็นเหมือนตัวแทนของคนทุกๆ คนเลยค่ะ ซึ่งนิ้งว่ามันเจ๋งมาก แล้วมันก็ทำให้นิ้งรู้สึกว่า ฉันไม่กลัวแล้วแหละ ฉันกล้าที่จะทำมัน แล้วถ้าฉันไม่กล้า แล้วประสบการณ์ของนิ้งที่มี จะถ่ายทอดให้ใครก็ไม่รู้ คือประสบการณ์ชีวิตค่ะ ที่นิ้งผ่านมาเยอะ ก็อาจจะเป็นแรงผลักดันให้กับน้องๆ คนอื่นได้

รู้สึกว่ามันเหมือนเป็นโลกอีกโลกหนึ่งก็ว่าได้สำหรับนิ้ง เมื่อก่อนเธอทำแต่งาน ทำอะไรที่เป็นเทคนิคไปหมด แต่สิ่งเดียวกันที่จะต้องใช้เหมือนกันหมดทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการเรียน การทำงาน หรือนางงาม เธอพูดอย่างมั่นใจ ว่าสิ่งที่ควรมี คือความอดทน และนิ้งได้เรียนรู้ว่าการเป็นนางงามต้องอดทนและสตรองมากๆ

“มันก็ลำบากกว่าที่นิ้งคิดนะคะ (ยิ้ม) แต่ว่าถ้าใจเรารัก เราก็จะสามารถทำมันออกมาได้ดี มันอยู่ข้างในใจเราตลอดเวลา มันยอมรับว่าเหนื่อยแต่ว่า เราไม่ไม่ท้อนะ เรารู้สึกว่า เรามีรุ่นพี่นางงามที่เขาเป็นจักรวาลแล้วก็นางงามทุกๆ คนเลยของไทยที่คอยเป็นแบบอย่างที่ดี เราเหมือนตามรอยพี่สาวคนหนึ่ง ที่ฉันอยากเป็นอย่างนั้นบ้าง นิ้งจะดูแล้วเอามาเป็นกำลังใจให้สู้ต่อไปค่ะทุกกำลังใจสำคัญมาก เราต้องขอบคุณทุกแรงสนับสนุน ความคิดเห็นต่างๆ นิ้งอ่านหมดนะ แล้วมันก็เป็นกำลังใจ แล้วก็เป็นแรงพลักดันให้เราพัฒนา แล้วก็ปีนี้เราเป็นตัวแทนของคนทั้งประเทศ เราก็ขอกำลังใจ และแรงเชียร์นะคะ ให้เราไปถึงมงมิสยูนิเวิร์สเนอะ”

การตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิตของนิ้ง และกว่าจะได้ชัยชนะมานั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เธอจะต้องใช้ความพยายามมากเป็นพิเศษ ด้วยความที่นิ้งไม่เคยมีประสบการณ์ในเวทีการประกวดนางงามมาก่อน นี่เป็นเวทีแรก แต่ก็ทำการบ้านมาเป็นอย่างดี โดยใช้เวลากว่า 6 เดือน ในการฝึกฝนเตรียมความพร้อมเพื่อมาประกวด

 

“โห.. (ลากเสียงยาว) ฝึกฝนเยอะมาก ยอมรับเลยว่าพอคุณพ่ออนุญาต นิ้งจำได้เลยนิ้งไปสมัครยิมเลย ฟิตหุ่น เราต้องฟิตหุ่น สมัยก่อนกินอย่างเดียว กินจนน้ำหนัก 60 มีไขมันไม่มีกล้ามเนื้อ เราก็เลยต้องพยายามฟิตหุ่น แล้วก็เรียนเดินตามยูทูบบ้าง มีครูมาสอนบ้าง แล้วก็รุ่นพี่มาสอนบ้าง เดินจนพื้นบ้านศึกเลยค่ะ ซื้อส้นสูงประมาณ 5-6 คู่ แล้วก็ซ้อมเดิน ตื่นเช้ามาฉันเป็นจักรวา


ผู้ตั้งกระทู้ KBH :: วันที่ลงประกาศ 2024-05-15 11:00:42


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.