หน้าหลัก | ข้อมูลสมาคม | บทความ | บทร้อยกรอง | ข่าวสารประชาสัมพันธ์ | กิจกรรม | กระทู้ | หนังสือ | ร้อยกรองออนไลน์ |
"การศึกษาในระบบ"ของไทย เป็นปฏิปักษ์ประชาธิปไตย | ||
"การศึกษาในระบบ"ของไทย เป็นปฏิปักษ์ประชาธิปไตย คอลัมน์ สยามประเทศไทย โดย สุจิตต์ วงษ์เทศ สื่อมวลชนกับมหาวิทยาลัย ล้วนถูกปลูกฝังความคิดครอบงำด้วย "การศึกษาในระบบ"ของไทยที่อยู่ภายใต้การกำกับอีกชั้นหนึ่งของ "วัฒนธรรม"ให้ฝังรากแน่นแฟ้นจนถ่ายถอนได้ยาก ดังอาจารย์นิธิ เอียวศรีวงศ์ ยกตัวอย่างว่า "คนไทยเรียนรู้ความเชื่อมโยงทางสังคมภายใต้การยอมรับถึงความไม่เท่าเทียมกันของมนุษย์" (ชนชั้นกลาง ในมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 19-25 มิถุนายน 2552 หน้า 25) แล้วย้ำอีกว่า "ความคิดครอบงำหลายอย่างที่ปลูกฝังในโรงเรียนนั้น เป็นปฏิปักษ์กับประชาธิปไตยด้วยซ้ำ" เพื่อพัฒนาการเมือง หมอประเวศ วะสี เสนอ(บัญญัติ) 10 ประเด็น (พิมพ์ในโพสต์ ทูเดย์ ฉบับวันพฤหัสบดีที่ 18 มิถุนายน 2552 วิเคราะห์ หน้า 2) แล้วแนะนำทำทางบรรเทาทุกข์ให้สื่อมวลชนกับมหาวิทยาลัย ดังนี้ การสื่อสารและสื่อมวลชนเข้มแข็ง การสื่อสารที่ดีและทั่วถึงจะทำให้ประชาธิปไตยเติบโตอย่างรวดเร็วั้
ควรมีระบบการสื่อสารที่ดีที่ทำให้ประชาชนรู้ความจริงโดยทั่วถึง มีจิตสำนึกั้ มีเหตุมีผลั้ มีส่วนร่วมั้ สื่อมวลชนที่เข้มแข็งเป็นเครื่องมือหยุดยั้งคอร์รัปชั่นที่ชะงัดที่สุด ขณะนี้สื่อมวลชนยังขาดระบบสนับสนุนั้ มหาวิทยาลัยทั้งหลายก็ยังเกือบไม่ได้สนับสนุนสื่อมวลชนอย่างเป็นระบบเลย อยากเห็นนักการเมืองมีคุณภาพต้องมีระบบสนับสนุนสื่อมวลชนที่แข็งแรงั้ มหาวิทยาลัยเพื่อสังคม มหาวิทยาลัยควรจะเป็นหัวรถจักรทางปัญญาของประเทศออกจากวิกฤต ที่แล้วมามหาวิทยาลัยเป็นการศึกษาที่ลอยตัวจากปัญหาสังคม (Non-engaged education) เพราะเอาวิชาเป็นตัวตั้ง มหาวิทยาลัยควรสร้างบัณฑิตที่เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง โดยเป็นบุคคลอุดมคติท่มีจิตสำนึกสาธารณะสูง มีความกล้าหาญ มีความสุจริต มีความรอบรู้ เป็นกำลังที่จะพัฒนาสังคมไปสู่ความถูกต้องดีงาม มหาวิทยาลัยควรสังเคราะห์นโยบายสาธารณะและเป็นแหล่งข้อมูลข่าวสาร เพื่อสนับสนุนบทบาทของสังคมในการพัฒนาการเมือง การเมืองภาคพลมืองคงจะเข้มแข็งได้ยาก ถ้ามหาวิทยาลัยไม่สนับสนุนเชิงข้อมูลข่าวสารและประเด็นเชิงนโยบาย ชุมชนท้องถิ่นจะเข้มแข็งโดยรวดเร็วถ้ามหาวิทยาลัยสนับสนุนเชิงวิชาการ โดยเอาพื้นที่เป็นตัวตั้ง เช่น หนึ่งมหาวิทยาลัยต่อหนึ่งจังหวัด จะเห็นว่าทั้งสื่อมวลชนและมหาวิทยาลัย ต่างตกอยู่ในอำนาจครอบงำของ "การศึกษาในระบบ"ของไทยที่เป็นปฏิปักษ์ต่อประชาธิปไตย ด้วยเหตุดังนั้นสื่อมวลชน และมหาวิทยาลัยจึงไม่ให้ความสำคัญต่อการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย โดยเฉพาะการสนับสนุนผลักดันให้ชุมชนท้องถิ่นแข็งแรง เริ่มด้วยการทำความเข้าใจประวัติศาสตร์ท้องถิ่นเพื่อให้รู้ความเป็นมา และเพื่อให้เข้าใจภูมิประเทศถิ่นกำเนิดของตน ดูเหมือนสื่อมวลชนกับมหาวิทยาลัยไม่เหลียวมอง บางทีก็มองอย่างฉาบฉวยและผิวเผิน แล้วเมินไปทางวัฒนธรรมเมืองเรื่องเซเลบเสียมากกว่า หมอประเวศบอกว่าที่แล้วมามหาวิทยาลัยเป็นการศึกษาที่ลอยตัวจากปัญหาสังคม เพราะเอาวิชาเป็นตัวตั้ง เลยไร้จิตสำนึกสาธารณะ แล้วเห็นทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นสิ่งชอบธรรม ฯลฯ ส่งผลให้ครูบาอาจารย์ในมหาวิทยาลัยพวกหนึ่งมองผู้บำเพ็ญตนเพื่อคนอื่นว่าไร้สาระ เช่น มองผู้บำเพ็ญตนสนับสนุนแบ่งปันความรู้ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นสู่ชุมชน เป็นคนไม่สมควรเป็นครูบาอาจารย์ เป็นต้น ในทางที่ถูกแล้วคนอย่างนี้ต่างหากสมควรยกย่องเป็นครูบาอาจารย์ดีเด่นเป็นพิเศษ เพราะไม่ยอมเป็นพวกสิงสู่อยู่บนหอคอยงาช้างแล้วหวงก้างในรางหญ้า หน้า 20 | ||
ผู้ตั้งกระทู้ ดอกหญ้าแซม :: วันที่ลงประกาศ 2009-07-01 16:27:12 |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (1957524) | |
หนังสือน่าอ่าน | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ท.ทูรย์ วันที่ตอบ 2009-07-01 18:28:01 |
[1] |
Copyright © 2010 All Rights Reserved. |
Visitors : 871841 |