หน้าหลัก | ข้อมูลสมาคม | บทความ | บทร้อยกรอง | ข่าวสารประชาสัมพันธ์ | กิจกรรม | กระทู้ | หนังสือ | ร้อยกรองออนไลน์ |
ฉันทลักษณ์ ไม่ฉันทลักษณ์ ไม่ใช่ปัญหา แต่กวีน่าจะมีปัญหา | |
ไม่มีกรอบกรองคำก็งามได้ อยู่แต่ใครจะไปถึงซึ่งได้ที่ เมื่อสำนึกลึกซึ้งถึงกวี มีไม่มีฉันทลักษณ์ไม่รู้แล้ว ลืมฉันทลักษณ์บ้างก็ได้/สุจิตต์ วงษ์เทศ กลอนเปล่า ใช่เปล่าหมด เปล่าปลดปล่อย ใช่เปล่าถ้อย ทำนอง กรองอักษร สัมผัสคำไม่สำคัญนั้นแน่นอน สัมผัสใจให้ได้ก่อน จึง กลอน จริง คำนำรวมกวีนิพนธ์ อมรา จรรยงค์/เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ เหตุที่ผมต้องยกบทกวีสำนวนขอ 2 กวีรุ่นใหญ่ สุจิตต์ วงษ์เทศ และเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ มานั้นก็เพราะเมื่อวันอังคารที่ 17 กรกฎาคม 2550 ที่ผ่านมา ณ อาคารบรมราชกุมารี คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศูนย์วรรณคดีศึกษา คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับ สมาคมภาษาและหนังสือแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์, สมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย, คณะกรรมการดำเนินงานรางวัลซีไรต์ และโรงแรมโอเรียนเต็ล ขอเชิญร่วม พบปะนักเขียนที่ผ่านเข้ารอบรางวัลซีไรต์ปี โดยกวีมา 5 คนด้วยกันขาดเพียง อุเทน มหามิตร และ กฤช เหลือละมัย เท่านั้น โดยเฉพาะ ศิริวร แก้วกาญจน์ (ขาประจำซีไรต์รายล่าสุดต่อจาก วัฒน์ วรรลยางกูร และ ประชาคม ลุนาชัย ซึ่งพี่ท่าน เข้ารอบสุดท้ายติดกันถึง 4 ปี จากงานเขียน 5 เล่ม แบ่งเป็น เรื่องสั้น 1 นวนิยาย 1 และ กวีนิพนธ์ 3 ) ซึ่งปีนี้ถือว่าเป็นปีพิเศษตั้งแต่มีรางวัลนี้ขึ้นมา 28 ปี โยเฉพาะปีนี้เป็นคิวของ กวีนิพนธ์ ซึ่งมีงานกวีนิพนธ์ประเภทกลอนเปล่า หรือ กวีไร้ฉันทลักษณ์ เข้ามาถึง 2 เล่ม คือ เก็บความเศร้าไว้ให้พ้นมือเด็ก ของ ศิริวร แก้วกาญจน์ และฤดูมรสุมบนสรวงสวรรค์ ของ อุเทน มหามิตร กรณีนี้ ไม่แปลกอะไรมากนักเพราะ กลอนเปล่านั้น เข้าชิงถึง 2 เล่ม ทั้งๆ ที่ 28 ปีที่ผ่านมา ทะลุเข้ารอบสุดท้ายเพียง 2 เล่ม คือ "ของขวัญจากกาลเวลา" ของ มูฮัมหมัด ส่าเหล็ม ในปี 2532 และ "WAR เรามีพระเจ้าคนละองค์" ของ พิเชษฐ์ศักดิ์ โพธิ์พยัคฆ์ ในปี 2547 คำอะไรที่เพราะๆ งามๆ สื่อสารง่ายๆ อ่านแล้วโดนใจก็เป็น กวี เหมือนกันทั้งนั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นในรูปแบบคำกลอนก็ได้ เพียงแต่ กลอนฉันทลักษณ์นั้นช่วยคำกรองคำให้ไพเราะมากกว่า สิ่งสำคัญเนื้อความที่สื่อสารนั้นให้อะไรกับคนอ่านมากน้อยแต่เพียงใด มันจึงไม่ใช่เรื่อง ชัยชนะ ของกลอนเปล่า หรือ ความอับเฉา ของ ร้อยกรอง ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าแบบเรียนที่ใช้กันทั้งประเทศนั้นเป็นวรรณคดีที่อยู่ในลุ่มน้ำเจ้าพระและเป็น ร้อยกรอง เป็นส่วนมาก คนส่วนใหญ่จึงคุ้นชินอยู่กับรูปแบบที่เป็นกลอนฉันทลักษณ์ กลอน มีรากเหง้าเค้าเดิมมาจากคำคล้องจองในชีวิตประจำวันของกลุ่มชนตระกูลไทย-ลาว รวมทั้งกลอนลำนี้โดยทั่วไปเป็นกลอนร่ายคำต่อต่อคำส่งสัมผัสระหว่างวรรค และร่ายนี้เองก็เป็นกลอนแบบหนึ่ง มีเค้าต้นจากคำคล้องจองของผู้คนชนเผ่าเหล่ากอตระกูลไทย ลาว ตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ก่อนรับศาสนาจากชมพูทวีป เรียกกลอนร่ายหรือภาษาร่าย ถือเป็นภาษาศักดิ์สิทธิ์ของหมอผีหรือหมอขวัญ รวมทั้งกลอนที่ใช้ในพระราชประเพณี อย่าง โองการแช่งน้ำ เป็นต้น ผมว่าควรทำความเข้าเรื่องนี้ให้แจ่มชัดเสียก่อน ส่วนกรณี กลอนเปล่า จะบอกว่าไม่ค่อยถูกยอมรับนั้น คงเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่กวีหลายคนรำพึงรำพันเชิงปรับทุกข์ว่า เวทีบ้างเวทีไม่รับกลอนเปล่าในการประกวด ตรงนี้ ศิริวร แก้วกาญจน์ สำแดงให้เห็นว่า ช่ำชอง ทั้ง กลอนเปล่า และ กลอนฉันทลักษณ์ ได้ปรากฏเด่นชัดในงานเขียนทั้งร้อยแก้ว ร้อยกรอง ซึ่งกวาดรางวัลมาแล้วมากมาย ส่วนกลอนเปล่า ยังไม่เป็นยอมรับในวงกว้างของกลุ่มนักฉันทลักษณ์นิยมนั้นเพราะความเติบโตมาคนละอย่าง สร้างดาวกันคนละดวง และเป็นเรื่องของ speck ใคร speck มัน เรื่องการยอมรับต้องใช้เวลาครับ กรณีถูกปฎิเสธนั้นไม่เพิ่งเกิด ผมขอคัดสุจิตต์ วงษ์เทศ เขียนไว้ในคำนำหนังสือ ขุนศึก ไม้ เมือเดิม แพรวสำนักพิมพ์ 2548 ในข้อย่อย สำนวนภาษากวีโวหาร ดังนี้ นิยายของ ไม้ เมืองเดิม เกือบทั้งหมดมีตัวละครส่วนมากเป็นไพร่บ้านพลเมืองสามัญชนบ้านนอก ที่เรียกกันภายหลังว่า ลูกทุ่ง ยุคแรกๆ จึงถูกเหยียดว่าใช้ภาษา สำนวนไพร่ เพราะเต็มไปด้วยภาษาปาก กูๆ มึงๆ บางทีถูกกำหนดอย่างดูถูกว่า สำนวนมึงวาพาโวย กรณีอย่างนี้ไม่ได้เกิดกับ ไม้ เมืองเดิมเป็นครั้งแรกและคนแรก แต่เคยเกิดมาก่อนแล้ว เริ่มจาก สุนทรภู่ เขียนนิราศและนิทานเป็นกลอนแปดส่งสัมผัสแพรวพราวก็ถูกเหยียดว่า กลอนตลาด เพราะไม่เข้าหู ผู้ดี ยุคนั้น ทางดนตรีปี่พาทย์ก็เหมือนกัน เมื่อพื้นฐานการตีระนาดแบบดั้งเดิมต้องตีโยนๆ ห่างๆเพราะลูกระนาดทำจากไม้ไผ่บง (หรือไผ่ตง) ตีเร็วๆ ไม่ถนัด เนื่องจากผิวไม้ไผ่ไม่เรียบ ทำให้เกิดอาการหนืดครั้นหลังรัชกาลที่ 2 สังคมไทยคิดค้นลูกระนาดอย่างใหม่ทำจากไม้เนื้อแข็ง เช่น ไม้ชิงชัน ไม้มะริด ฯลฯ แล้วประดิษฐ์ไม้ตีระนาดให้แข็งแรงกว่าเก่าหุ้มด้วยตะกั่ว หลวงประดิษฐ์ไพเราะ (ศร ศิลปะบรรเลง) เลยตีระนาดได้เร็วและแรงระริกอ่อนไหว จนถูกด่าท่อว่าตีระนาดเหมือน หมาสะบัดน้ำร้อน แต่หลังจากนั้นอีกนานจวบจนปัจจุบัน กลอนแบบสุนทรภู่ เป็นที่ยกย่องอย่างสูงว่าเป็น มาตรฐาน และตีระนาดเอกแบบหลวงประดิษฐ์ไพเราะ เป็นที่ยกย่องกล่าวขวัญว่าเป็น แบบฉบับ ของดนตรีไทย ใครตีแบบเดิมถือว่ายังไม่ถึงขนาด ไม้ เมืองเดิม ก็อยู่ในเกณฑ์ดังกล่าว เพราะทุกวันนี้สำนวนภาษาในนิยายกลายเป็น มาตรฐาน และ แบบฉบับ ของนิยายอิงพงศาวดาร นิยายประวัติศาสตร์ นิยายลูกทุ่ง ฯลฯ แม้บทละครโทรทัศน์ที่แต่งขึ้นใหม่ไม่ใช่งานประพันธ์ของไม้ เมืองเดิม ก็ต้องเล่นภาษาอย่างไม้ เมืองเดิม จนกลายเป็นศัพท์เฉพาะว่า สำนวนไม้ เมืองเดิม ที่ตั้งข้อสังเกตว่ากวีนิพนธ์ทั้ง 8 เล่มที่เข้ารอบมานั้น ในแง่เนื้อหา ความคิด หรือธีมได้เปลี่ยนไปจากงานซีไรต์ยุคต้นๆ คือไม่มีการวิพากษ์สังคม แต่จะเป็นเรื่องค่อนข้างส่วนตัวหรือความสัมพันธ์ระหว่างคน ไม่เหมือนอย่างงานตั้งแต่สมัย "เพียงความเคลื่อนไหว" ของ "เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์" หรือ นาฎกรรมบนลานกว้าง ของ "คมทวน คันธนู" ที่ค่อนข้างจะดุเดือด โดยเฉพาะบางเล่มเขียน กวีการเมืองดีมาก กลับตกรอบ รวมทั้ง บางเล่มที่ไม่น่าจะผ่านเข้ามาโดยเอาเล่มอื่นๆ มาเปรียบเทียบแล้ว เล่มที่เข้ามาด้อยกว่ากับผ่านเข้าวิน พลันสิ้นเสียงประกาศผลกวีนิพนธ์ 8 เล่ม เข้ารอบสุดท้ายชิงรางวัลซีไรต์ประจำ พ.ศ.2550 ก็เริ่มมีวงวิพากษ์พร้อมกับคำถามและความสงสัยกันไปต่างๆ นานา ว่าทำไมรุ่นใหม่ตบเท้าพาเหรดกันเข้ารอบ ในขณะที่กวีมือรางวัล รุ่นเก่ารุ่นใหญ่ ไฉนตกรอบอย่างน่ากังขา รวมทั้ง กรณี วงศ์อสัญแดหวา ของกรรมการคัดเลือกและตัวกวี!? ก็เพื่อน พ้อง น้อง พี่ ในวงการแคบๆ แค่นี้เอง เรื่องแค่นี้ดูจะไม่เป็นธรรมต่อกวีนัก (คัดเอาเฉพาะบงส่วน สยามรัฐรายวัน ฉบับวันอาทิตย์ที่ 21 ก.ค. 2550 หน้า 10 รายงานวรรณกรรม / ใบบัวน้อย ลอยกลางบึง) | |
ผู้ตั้งกระทู้ ผู้สื่อข่าวบ้านไพร :: วันที่ลงประกาศ 2007-07-21 11:29:36 |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (937475) | |
แยกประเภทตัดสิน ฉันทลักษณ์รางวัลหนึ่ง ไร้ฉันทลักษณ์รางวัลหนึ่ง น่าจะดี หมาขี้เรื้อนจะได้ไม่เยี่ยวรดใส่กันไปมา | |
ผู้แสดงความคิดเห็น โอเคมั้ย วันที่ตอบ 2007-07-21 12:21:01 |
ความคิดเห็นที่ 2 (937476) | |
คำประพันธ์ประเภทร้อยกรอง เป็นคำประพันธ์ที่มีรูปแบบฉันทลักษณ์ เหมือนเป็นกฎเกณฑ์หรือกติกา กติกาฟุตบอล มวยไทย มวยสากล ยูโด ตะกร้อ วอลเล่ย์บอล ฯลฯ ถ้าเป็นเรื่องการแข่งขันก็ต้องถือกติกาครับจึงจะถูกต้อง แต่ถ้าไม่ใช่ประกวดแข่งขัน เช่น ฟุตบอลการกุศล ชกมวยโชว์ หรืออะไรที่ไม่ได้แข่งขัน จะไปกำหนดกฎเกณฑ์อย่างไร ไม่มีใครท้วงติง เพราะเป็นความพึงพอใจร่วมกัน พูดถึงการประกวดกวีนิพนธ์ทุกระดับเกณฑ์การพิจารณาตัดสินไม่พ้นเรื่องของฉันทลักษณ์ การใช้ภาษา สำนวนโวหาร การใช้ถ้อยคำ ความคิดสร้างสรรค์ ก่อนการประกวดถ้าประกาศกฎเกณฑ์ให้ชัดเจน เป็นที่รับรู้กันทั่วไป เหมือนเราตกลงกันว่าจะใช้กติกาอะไร้มาตัดสิน เป็นข้อตกลงร่วมกัน แล้วเราปฏิบัติตามเงื่อนไขกฏเกณฑ์ กติกา จึงจะเป็นการประพฤติชอบ ถูกต้องตามระบบระเบียบ สามัคคีธรรมก็จะเกิดขึ้นในวงการกวีนิพนธ์อันงดงามของพวกเรา
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น สาธุชน วันที่ตอบ 2007-07-21 18:25:53 |
ความคิดเห็นที่ 3 (937477) | |
ลองหาทุนจัดประกวดรางวัลเฉพาะฉันทลักษณ์โดยเฉพาะก็น่าจะดี เช่นประกวดวรรณกรรมยอดเยี่ยม "กวีโลก" เอาให้ใหญ่กว่าซีไรต์เลย ลุงเสมอ กลิ่นหอม ลองทดลองประกวดดูนะครับ น่าสนใจ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น กวีซีบาย วันที่ตอบ 2007-07-21 18:47:59 |
ความคิดเห็นที่ 4 (937478) | |
ถูกต้องครับ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น กวินทรากร วันที่ตอบ 2007-07-23 08:18:53 |
ความคิดเห็นที่ 5 (937479) | |
เราประกวดบทกวีไม่ใช่เหรอ ไม่ใช่ประกวดร้อยกรอง หรือประกวดกลอน(อย่างเดียว) แล้วประเทศที่ไม่มีกลอน จะประกวดกวีอยังไง กวี Blank word แบบฝรั่งจะได้เป็นกวีซีไรต์มั้ยเนี่ย(ถ้าโอเรียนเต็ลเปิดโอกาสให้ส่งประกวด) | |
ผู้แสดงความคิดเห็น แต้วแร้ว วันที่ตอบ 2007-07-23 16:45:25 |
ความคิดเห็นที่ 6 (937480) | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ปก ๘ เล่มซีไรต์ วันที่ตอบ 2007-07-23 17:04:20 |
ความคิดเห็นที่ 7 (937481) | |
ฟันธง...ซีไรต์ปีนี้ ถ้าไม่ โกสินทร์ ก็กฤช แค่ 2 คนนี้มีสิทธิ์5555555555555555555555555555555555 | |
ผู้แสดงความคิดเห็น กวีซีบาย วันที่ตอบ 2007-07-23 17:23:33 |
ความคิดเห็นที่ 8 (937482) | |
ไม่หรอกครับ ผมว่ามีหลายเล่มที่น่าจับ ของ กฤช นั้น มีโอกาสเพราะดูภาพรวมแล้วจะดีกว่าเล่มอื่นๆ ของ อังคาร จันทาทิพยื ก็ดีนะ รวมทั้ง ศิริวร แก้วกาญจนื และมนตรี ศรียงค์ ลองอ่านให้ครบทุกเล่ม ยกเว้น อุเทน มหามิตร หาอ่านยากครับ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น กวีซีบายซลูล วันที่ตอบ 2007-07-23 17:35:20 |
ความคิดเห็นที่ 9 (937483) | |
กวี "เพิ่น (โมโดส)" มาแฮง ปีนี้ อิอิ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น เซิงบ่อม ซอมเบิ่ง วันที่ตอบ 2007-07-24 18:27:14 |
ความคิดเห็นที่ 10 (2107165) | |
synthetic hair clip on hair extensions having wigs and makeovers wigs of course also find synthetic wigs in toupee short straight hair. | |
ผู้แสดงความคิดเห็น collec (air-at-live-dot-com)วันที่ตอบ 2010-09-11 07:53:50 |
[1] |
Copyright © 2010 All Rights Reserved. |
Visitors : 870611 |