หน้าหลัก | ข้อมูลสมาคม | บทความ | บทร้อยกรอง | ข่าวสารประชาสัมพันธ์ | กิจกรรม | กระทู้ | หนังสือ | ร้อยกรองออนไลน์ |
หลับฝันดี | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||
๑. หลับฝันดี
เราหลับฝันเพื่อหันหนีจากโลกแท้
โลกปรวนแปรไม่แน่นอนคลอนแคลนหลาย
โลกมนุษย์สุดลีลาหาบรรยาย
โลกพันธุ์กลายวัตถุครองครอบจิตใจ
ทุกค่ำคืนสวดมนต์บ่นบอกพระ
เป็นกิจจะประจำวันฉันเลื่อมใส
คืนนี้ขอท่านอวยพรนอนหลับไป
ด้วยจิตใจไม่ส่ายสับหลับฝันดี
แต่คำพระชะงักงันเจอฝันร้าย
ด้วยวนว่ายสายน้ำโลภโกรธหลงผี
ภูตินิยมบริโภคโรคเปรตพี
ทำอัปรีย์ขยี้ใจไร้สำรวม
ผีความโลภโฉบใจไปหนึ่งห้อง
ผีโกรธครองห้องสองสมองหลวม
ตื่นก็แค้นหลับก็เคืองเรื่องกำกวม
อารมณ์น่วมด้วยรวมใจให้เดือดดาล
ปีศาจหลงบงการผลาญสติ
เกิดทิฐิดื้อรั้นมั่นสังขาร
มัวเมารูปคลั่งโฉมโน้มวิญญาณ
ก้มกราบกรานมารโลกีย์บี้มโน
หลับฝันดีในโลกใหม่ต้องใจว่าง
รู้จักล้างห้ามหักอยากอักโข
หนีโลกมารเป็นฐานใจได้เดโช
จึงผกโผโซเซนอนดับร้อนใจ
ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์
๒. สันโดษแดน
บ้านหลังนี้บังฟ้าอากาศหนาว
ด้วยฝาขาวยาวตลอดลอดลมไหว
ฝาอากาศขาดคนมาใส่ใจ
เป็นตึกไร้จับจองของได้มา
ตึกทึนทึกทะมึนมัวทั่วเมืองหลวง
อาคารลวงสถานหรูกู่เคหา
นิวาสร้างสร้างบนเงื่อนเงินตรา
นิราศพาคนจรอยู่นอนกิน
ทั้งยาเสพย์อาชญาหมาจรจัด
ร่วมรังวัดตัดแบ่งแท่งปูนหิน
นั่นที่นอนที่อยู่ที่ประทิน
ทั้งหมดสิ้นดิ้นอยู่แค่หนูตาย
ที่ปีชวดเพราะชวดที่จากท่านชวด
ไร้ทรัพย์อวดนับหน้าค่าหลากหลาย
ต้องอาศัยตึกเปลี่ยวเที่ยวเร้นกาย
หลบซ่อนอายว่ายวนจนด้านชา
ฉินนิเวศน์ติเตียนผู้อาศัย
คนหลากภัยมากพิษพวกมิจฉา
เป็นแหล่งรวมเหล่าร้ายนับนานา
มองอีกตาแดนวิเวกเสกภิรมย์
สันโดษแดนชื่อควรเรียกอีกปาก
คนใจจากตัดพรากรากสร้างสม
กินอยู่ง่ายไร้ห่วงบ่วงอาจม
ควรสังคมชื่นชมกว่ากรมใด
ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์
๓. แสงอัตตา
เจ้าความรักความหลงจากดงไหน
มาผูกใจพันไว้มุมสลัว
มามอมเมาเป่ามนต์จนมึนมัว
ทั้งกล้ากลัวระรัวเพลงเร่งลุ้นลอง
เพลงลุ้นหนุนเพลงลองทำนองหลาก
เพลงลำบากเล่นรวดปวดสมอง
รักพลาดรักอกหักจักตานอง
รักสมปองดั่งทองทาบทาใจ
ดนตรีรอล่อไว้ในมุมมืด
ทั่วกายฝืดขัดแข้งไร้แรงไส
คู้จับเจ่าเฝ้ารอความเป็นไท
แถลงไขความในใจได้ลีลา
ในมุมมืดลีลาศไม่ขาดสิ้น
มีเพลงพิณบรรเลงเพลงตัณหา
มีแสงทองส่องแยงแสงอัตตา
ปลุกมิจฉาว้าวุ่นหมกมุ่นปอง
แสงอัตตาอัดแรงตะแบงอยู่
ลุ้นรักคู่สู่สมภิรมย์สอง
ลุ้นวิญญาณชิดชู้อยู่ร่วมครอง
ตามครรลองสนองเหงาเฝ้ารอคอย
เจ้าความรักความหลงจากดงมืด
เจ้าช่วยยืดลมใจไกลอีกหน่อย
ช่วยส่องแสงบอกทางคนเลื่อนลอย
คนท้อถอยคอยรักจนดักดาน
ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์
๔. มุมนอนมอง
ตาต่อตาสบกันในชั้นเท่า
เจ้าต่อเจ้ามองกันไม่หวั่นไหว
ไพร่ต่อไพร่จ้องกันไม่หวั่นใคร
วัยเท่าวัยเห็นกันไม่พรั่นพรึง
ยืนต่อยืนนั่งต่อนั่งหยั่งเชิงได้
ใจต่อใจวัดกันปั่นเครียดขึง
นอนต่อนอนดูกันเกิดรัดรึง
แต่เป็นหนึ่งซึ่งรู้คิดนอนพิศมอง
นอนดูดาวบนฟ้าจ้าจรัส
เห็นแจ่มชัดทั่วนภาฟ้าไร้หมอง
ล้านดาราร่วมกระพริบละลิบนอง
ด้านที่สองของมุมมองตรองเป็นครู
มองเรื่องราวเล็กใหญ่ให้มองฟ้า
ที่นภาหาสิ้นสุดลูกตาหู
โลกเปรียบเป็นฝุ่นละอองของผาภู
เรื่องตัวกูกระทู้ใดเท่าไข่แมง
จงมองเหตุมองผลพ้นหลังคา
ของบังตาของยึดติดฤทธิ์แอบแฝง
ตาต่อตามุมเทียมเท่าเย้ายุแยง
เรื่องร้ายแรงมีที่มาจากมุมมอง
มุมมนุษย์พิศุทธิ์ได้ด้วยมุมฟ้า
มุมปัญญาเปิดกว้างทางทุกผอง
ทางช้างเผือกใหญ่กว่าอัตตาครอง
ฝุ่นละอองอวกาศผงาดใย
ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์
๕. ในห้องหนาว
ผนังขาวคลุมครอบพนักงาน
ใช่คนพาลคนผิดคนคิดโทษ
เป็นเพียงผู้เรียนมาเพื่อเดี่ยวโดด
มีรุ่งโรจน์เป็นมุมมองนอกห้องกรง
หลอดขาวนวลแท่งยาวแทนอาทิตย์
แสงส่องผิดฟ้าฝ้าแฝงประสงค์
ลมเคมีเป่าอ่อยปล่อยไอปลง
แรงเคยคงลงไปในห้องกลอน
ผู้ควบคุมความประพฤติยึดอำนาจ
เพียงกระดาษเงื่อนไขใบปลิ้นปล้อน
แผ่นม่วงแดงผู้กำหนดอดหลับนอน
ผู้ลิดรอนปีกชีวิตป่วยปลิดปลง
ปีกชีวิตบิดงอในห้องหนาว
ปีกเคยขาวคล้ำหม่นขนปลิวหลง
เคยโอบแอบแนบแน่นแผ่นอกทรง
มาทิ้งลงทิ้งปล่อยคอยสิ้นงาน
กำหนดโทษกำหนดไปไร้ทิศา
กำหนดมาตามนิยมสั่งสมสาน
กรงเวลาขังลืมนานเนิ่นนาน
กุญแจด้านกุญแจใดไขออกมา
ผนังขาวผนังผิวจางซีดแล้ว
ลมใจแผ่วแรงกายอ่อนอ้อนโหยหา
มุมมองนอกห้องกรงเคยคุ้นตา
มุมระอามองใกล้ไกลไม่พบเจอ
ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์
๖. ศึกดวงตา
ทุกคนมีตาตำหนิติเตียนอยู่
จ้องมองดูรู้ทันแม่นมั่นหมาย
ประพฤติผิดคิดบาปทำหยาบคาย
มากอุบายหลายหน้าท้าเวรกรรม
ตาคู่นี้มีค่ากว่าที่คิด
ตักเตือนจิตห้ามใจไม่ถลำ
ดึงสติไม่ริชั่วหัวคะมำ
ตัวตกต่ำย่ำอาจมล้มคลุกคลาน
อย่าปิดตาตักเตือนบิดเบือนชั่ว
รู้จักกลัวมัวหมองจ้องล้างผลาญ
รู้ละอายบาปกรรมอำนาจมาร
ทำลายญาณค้านวิมุติพุทธองค์
จงสบตาเจ้าชีวิตพิศพิเคราะห์
ทำเหมาะเจาะเกาะกุมไม่ลุ่มหลง
หรือประพฤติยึดต่ำถลำลง
เข้ารกพงวงจรร้อนทุรน
จงสบตาพ่อแม่และญาติมิตร
ด้วยดวงจิตไร้มิจฉาพากุศล
ไม่ตะขิดตะขวงห่วงกังวล
ด้วยกมลหม่นหมองข้องเกี่ยวทราม
จงสบตาตัวเองไม่เกรงเขิน
รับสรรเสริญเจริญล้นพ้นเหยียดหยาม
ภาคภูมิใจในเคร่งครัดบัญญัติงาม
ด้วยทำตามจิตสำนึกศึกดวงตา
ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์
๗. คนสุดโต่ง
คนสุดโต่งโจ่งแจ้งแสดงชัด
อารมณ์จัดสัมผัสง่ายคลายฉงน
เหมือนรูปวาดบาดตาทาสีชน
ฟ้าเข้มข้นดำขำขลับขาวจับตา
เหมือนหนังสืออ่านง่ายสบายหัว
สอดหัวร่อใส่หัวรื่นชื่นเนื้อหา
เพลินอารมณ์สรวลเสคำเฮฮา
ไร้มารยาหน้าหลังกังขาแคลง
บางครั้งเหมือนพายุอุบัติไว
จะมาไปไม่รู้ตัวทั่วกำแหง
โมโหโกรธโหดหนุนหุนหันแรง
ดุจเพลิงแดงน้ำมันราดสังวาสกัน
ยามซาบซึ้งตรึงใจเรื่องใดเข้า
เหมือนมัวเมาเหล้าร้ายทำลายขวัญ
หลงจนลืมปลื้มจนเลือนเลื่อนคืนวัน
ภูมิคุ้มกันสามัญคิดปิดดับตาย
คนอารมณ์ข้นเข้มเต็มเม็ดหน่วย
มักร่ำรวยเพื่อนสนิทมิตรสหาย
ด้วยมองเห็นทองคำประจำกาย
บอกความหมายจริงใจในอุรา
คนชัดเจนเล่นชีวิตจนมิดด้าม
ไม่ครั่นคร้ามหวั่นไหวไร้กังขา
ด้วยหัวใจใสแจ่มแย้มปรัชญา
ทั่วผืนหล้าคือผืนเสื่อเกลื้อเกลือกมัน
ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์
๘. เช่าชีวิต
เป็นมนุษย์เงินเดือนเหมือนหมาล่า
เนื้อโอชารสล่อกลิ่นฉ้อฉล
ผลตอบแทนแผนเท่ห์ร้อยเล่ห์กล
อุบายคนกินคนชนชั้นเชิง
เป็นเทวาเงินผ่อนนอนครึ่งตา
อยู่พาราเมืองเทพเสพย์หลงเหลิง
เช่าชีวิตเขาอยู่อู่บันเทิง
รื่นระเริงเหลิงลอยด้วยน้อยเชาวน์
เป็นลูกจ้างขื่นขมก้มไถหว่าน
สร้างผลงานผลประโยชน์ให้โคตรเขา
เป็นลูกแถวไร้วันหน้าปัญญาเบา
เป็นผู้เช่าชีวิตจากเจ้านาย
เช่าชีวิตหัวโขนมาสวมใส่
หัวจัญไรเสือกไสไม่หลุดถอน
หน้ากากมารครอบสนิทฤทธิ์บั่นทอน
ดุจแร้วกลอนฉุดไว้ในวนวัง
วิสัยทัศน์ความคิดถูกปิดกั้น
ด้วยเชื่อมั่นเงินตราพาวาดหวัง
ทั้งเงินเดือนโบนัสอัดกำลัง
ขุดหลุมฝังความตั้งใจในชีวี
เป็นมนุษย์เงินเดือนต้องเตือนตน
อย่าหลงกลฝังรากฝากไข้ผี
กับเหล่าเหลือบเคลือบคลุมกุฎุมพี
เสือกไสตีบี้ไล่เห่าเอาแต่ตน
ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์
๙. กำแพงคน
รอบรอบตัวมีคนอยู่มากมาย
รอบรอบกายหลากหลายมาห้อมล้อม
รอบรอบหูพูดฉุยคุยออมครอม
อยู่พรักพร้อมจอมเจ้าเฝ้าตระเวน
ฟังคนโน้นยินคนนี้มีหลากเรื่อง
ที่ประเทืองปัญญาน่าคิดเห็น
อีกเหตุการณ์ตรงเป้าเข้าประเด็น
แต่เหลือเข็นคือนินทาแอบว่ากัน
อยู่กับคนมากมายทั้งซ้ายขวา
น่าอิจฉาเพื่อนพร้อมย้อมสุขสันต์
กลับรู้สึกอ้างว้างขึ้นกลางคัน
เหมือนติดจั่นคนนั้นนี้มีกำแพง
กำแพงคนกั้นคนแม้ชนหน้า
มีเส้นผ่าเรื่องแบ่งแยกแขนง
ปากพูดคุยแต่ใจไหวระแวง
เรื่องไฟแดงไฟเขียวเลี้ยวให้ดี
กำแพงคนทำคนเดี่ยวเดียวดาย
ไม่สบายเหมือนอยู่เพื่อนสูสี
ไม่คล่องใจสะดวกปากหลากท่าที
เรื่องโน้นนี้พูดไปใจบอกมา
รอบรอบตัวแม้มีคนอยู่มาก
แต่ก็อยากหลบหลีกปลีกไปหา
เพื่อนสนิทชิดชอบตอบเฮฮา
ทุกวาจาพูดไปไม่ลิ้นเกร็ง
ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์
๑๐. โรคศรัทธา
เคยมากมีศรัทธาต่อผู้คน
ทุกชั้นชนเลื่อมใสในจิตสวย
โน่นคิดดีนั่นคิดงามตามอำนวย
กลับมอดม้วยหมดเลื่อมใสใคร่โรมรัน
เคยมองเห็นเพื่อนโลกโฉลกถูก
คิดพันผูกปลูกทางสร้างสิ่งฝัน
ให้ปรากฏงดงามตามสัมพันธ์
กลับหยามหยันกั้นปิดติดเงื่อนปม
เคยบ้างานเชี่ยวชาญหลากหน้าที่
ทุกนาทีทุ่มใจกายหมายสุขสม
หามรุ่งค่ำย้ำสังคมบ่มนิยม
กลับเลิกล้มซมเบื่อเหลืองานทำ
เคยมุ่งรักหมายหวานเบิกบานจิต
สวาทฤทธิ์สร้างหวังพลังหนำ
อารมณ์หวานซ่านซาบฉาบใจกรำ
กลับชอกช้ำกล้ำกลืนฝืนสืบพันธุ์
เคยดูหนังมหรสพจบสนุก
คละเคล้าคลุกสุขเศร้าเขย่าขวัญ
ผสมโรงอารมณ์ใส่ใจพัวพัน
กลับแปรผันหยันด่าว่าเปิ่นเชย
โรควิกฤตศรัทธามาระบาด
โรคอุบาทว์พิฆาตใจให้นิ่งเฉย
ซังกะตายไร้พลังดั่งเปรียบเปรย
เอ้อระเหยเลยตามเลยจนเคยตัว
ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์
๑๑. ของเห่อเหิน
ใส่เสื้อยืดรองเท้าแตะแวะตลาด
ชมชาวกาดขายคาดวาดยอดขาย
ขนมต้มหมูแดงแกงปลากราย
กุ้งหอยลายไส้หมูปลาทูนา
แหล่งของสดแม่ค้าหน้าผ่องใส
ผู้ใครใคร่ค้าใดก็ได้ค้า
ทั้งแกงไก่แกงเป็ดขนมยา
ของต้องตาน่าลองของถูกปาก
ถิ่นชาวบ้านค้าขายจับจ่ายซื้อ
ไม่ยึดยื้อแผนขายมากหลายฉาก
ไม่มุ่งแข่งตามเป้าเฝ้าเพียรพาก
จนยุ่งยากมากเรื่องเปลืองปัจจัย
เดินตลาดชาวบ้านร้านขายซื่อ
ราวฝึกปรือมุมมองลองสงสัย
ธุรกิจผลิตขายแข่งประลัย
ทุกขวบวัยใช้ของสนองเกิน
ทรัพยากรมีอยู่เท่าดูเห็น
ยังใจเย็นเฟ้นเป็นของเห่อเหิน
ผลิตโน่นขายนี่เซ่นผีเงิน
ไม่หยุดเพลินจะเหมือนเดินบนเนินภัย
ตลาดสดหมดจดเรื่องเปลืองสิ้น
ทำพอกินทรัพย์สินไม่สิ้นขัย
อยู่ตรงไหนใช้ตรงนั้นทุกที่ไป
เลิกกินใช้ตามอย่างเขาวางลวง
ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์
๑๒. คนคู่แท้
เชื่อว่าโลกนี้มีคนเคียงคู่
ร่วมกินอยู่สร้างสมภิรมย์สอง
ร่วมทุกข์สุขรักหลงร่วมปรองดอง
ประคับคองซึ่งกันทุกวันวาย
จึงเฝ้าหาเฝ้าสนคนเช่นว่า
“โซลเมต”หน้าตาใดให้ขวนขวาย
เขาว่าคู่แท้ถ่องเป็นของตาย
ต้องคลับคล้ายละม้ายเหมือนเตือนใจจำ
ทั้งหน้าเหมือนหน้าต่างถึงหน้าแปลก
ทำหน้าแตกแหกปลดกฎน่าขำ
เจอะเจอแล้วหลายพักตร์ล้วนปรักปรำ
เหมือนผีอำเย้าหยอกหลอกลำเค็ญ
คนเคียงคู่อาจอยู่ไม่ไกลใกล้
คนที่ใช่อาจเห็นเหมือนไม่เห็น
คนคนนี้หยอกเย้าทุกเช้าเย็น
มัวเลือกเฟ้นละเว้นเป็นคนเคย
คนคุ้นเคยเฉยชืดจืดสนิท
ไม่พลาดผิดแม่นยำคำเฉลย
เช่นลูกไก่ในมือกำคำพังเพย
จึงละเลยเขนยคุ้นหมดลุ้นลอง
คนคู่แท้แน่แน่วอยู่แถวนี้
คนโชคดีบุญมีศรีสนอง
จึงมองเห็นมองลึกรู้ตรึกตรอง
รู้ค่าทองสายสร้อยห้อยใกล้ใจ
ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์
๑๓. ดวงดอกหรีด
ดวงดอกหรีดกรีดบานนับนานเนื่อง
เกลื่อนกลบเรื่องเร้นราวปกปิดซ่อน
เหลือเพียงซากที่ยังแต่ลมรอน
ขยับก่อนตายจมลมปากใคร
บันไดเมรุเอนนั่งหวังเคยคุ้น
วันหมดบุญสิ้นกรรมคงนำใกล้
ได้เผาผีเชื้อชั่วตัวจัญไร
ได้หนีไกลสังคมกามตามทำลาย
ในห้องมืดยืดเวลาพาหมองหม่น
ในสับสนใกล้สิ้นแล้วทุกลมหาย
ในที่นอนหมอนฟูกผูกกลิ่นอาย
กรุ่นกลิ่นตายกลิ่นดับระงับลง
หยดน้ำเกลือหยดแล้วก็หยดเล่า
หยดว่างเปล่าหยดไปในร่างหลง
ทั้งแขนแมนเนื้อตัวร่วมปลดปลง
ปลิดร่างทรงวิญญาณเวรเจนกามา
แผ่นไม้บางตีกรอบอยู่รอบร่าง
แผ่นกระด้างกั้นกันแดนตัณหา
ดับกิเลสดับทุกข์อวิชชา
หยุดเวลาร้อนเร่าหยุดมัวเมา
ไฟเอ๋ยไฟจงมาลามเลียร่าง
ทำลายล้างดอกหรีดดวงกรีดเศร้า
เผาให้สิ้นร่างลวงดวงใจเบา
ขจัดเขลาสาบส่งสังคมกาม
ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์
๑๔. วันหยุดสมอง
เช้าวันหยุดวันเสาร์อาทิตย์เหมือน
ชีวิตเชือนแชว่างช่างแปรผัน
จากงานรัดมัดตรึงถึงศุกร์จันทร์
จู่ๆ พลันงันเงียบเหยียบเยี่ยมเยือน
เคยตาเหลือกรีบแถกแหกขี้ตา
อาบน้ำท่าใส่ชุดเบื่อเสื้อแบบเหมือน
บริษัทจัดให้ไว้ย้ำเตือน
ทุกคนเพื่อนร่วมองค์กรป้อนชีวี
สมาธิเคยมุ่งยุ่งอยู่งาน
เรื่องเมื่อวานค้างบานปานยักษี
เรื่องมาใหม่สุมใส่ร่วมไล่ตี
ยุ่งอย่างนี้สมฤดีมีสำรวม
งานแม้ยุ่งใจนิ่งไม่วิ่งพล่าน
ปรับสันดานงุ่นง่านด้านหลุดหลวม
เพลินปัญหาแก้ไขทุกกำกวม
อารมณ์ร่วมท่วมท้นจนรื่นรมย์
พอวันหยุดยุดยื้อตื้อตันตีบ
ไม่รู้รีบรู้ร้อนนอนทับถม
เจ้านายปล้นสมองเฟือเหลืออาจม
ไร้ด่าชมสั่งเตือนเหมือนไร้เชาวน์
ไร้ปัญญาคิดเองอาทิตย์หน
ด้วยวกวนเป็นกลไกจนขลาดเขลา
หยุดสมองชะงักคิดเป็นนิตย์เนา
หัวซึมเซาเพลาผ่อนอ่อนแรงลง
ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์
๑๕. มุมเวรกรรม
กฎแห่งกรรมใช่คำพูดไพเบี้ย
ส่วนเฉลี่ยแนวคิดวิทยาศาสตร์
กระแสจิตติดกลืนคลื่นอากาศ
ไม่ผิดพลาดเป้าเล็งเพ่งอาจิณ
ถามตัวเองทุกวันไม่ฉันทา
ได้ฝืนฝ่าเพื่ออามิสทำผิดศีล
สร้างเวรกรรมย่ำยีต่อชีวิน
ทั้งหมดสิ้นเพื่อตัวกูผู้หิวโซ
เพราะบาปกรรมมีจริงจงกริ่งเกรง
กสิณเพ่งเปล่งแสงแรงอักโข
ผู้เดือดเจ็บเก็บไว้ในมโน
โกรธโมโหพลังจิตติดต่อไป
แรงอาฆาตเกลียดชังหลั่งไหลท่วม
สู่ศูนย์รวมคนกิเลสเปรตวิสัย
ต้อนเข้าสู่มุมกรรมกระหน่ำภัย
ป่นบรรลัยคนเงื่อนงำทำภัยพาล
เลิกสะสมเวรกรรมซ้ำเติมตน
ทำร้ายคนผุดผ่องจองล้างผลาญ
หลายกระแสหลากพลังรุมรังควาญ
เมื่อสุดต้านด่านแตกแหลกรวยริน
เลิกตะกรุมเข้าขุมมุมเวรกรรม
ผลเหยียบย่ำซ้ำวิบากยากเบือนผิน
อำนาจจิตฤทธิ์ล้นกว่ายลยิน
ประมาทหมิ่นจะภิณท์พังเกินหยั่งเดา
ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์
๑๖. โบกมือลา
โบกมือลาพระอาทิตย์มิดขอบฟ้า
ลับนภาหายไปในแผ่นผืน
โลกกว้างใหญ่เปลี่ยนไปเป็นค่ำคืน
มืดมนกลืนพสุธาว้าเหว่แดน
โบกมือลาเพื่อนสนิทคนชิดเชื้อ
ร่วมแตกเนื้อแตกพานสำราญแสน
คล้องคอเที่ยวยิ้มหัวทุกทั่วแดน
เคยแนบแน่นแก่นใจใกล้ชิดกัน
เพราะเวลาของเพื่อนมีเท่านี้
รีบริบหรี่ดับหายตายจากฉัน
เร่งสลายกลายเห็นเป็นหมอกควัน
ด่วนดับขันธ์ผันผายหายจากไป
จะจดจำช่วงเวลาฟ้าสว่าง
ร่วมเดินทางสร้างสรรค์วันสดใส
ร่วมชีวิตมิตรภาพอาบเอิบใจ
ด้วยเยื่อใยอาทรไม่คลอนคลาย
เป็นแรงใจใช้ตอนอ่อนกำลัง
หมดพลังต่อสู้สู่เป้าหมาย
ครั้งหนึ่งเคยอิ่มใจไม่เดียวดาย
มีเพื่อนตายเพื่อนแท้แน่นิรันดร์
โบกมือลาคู่หูเคยอยู่ใกล้
จำจากไปใจขาดไม่คาดฝัน
โบกมือลาโชติช่วงดวงตะวัน
สิ้นสุขสันต์อันธการรุกรานมา
ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์
๑๗. แรงอาทิตย์
เช้าจรดเย็นเข็ญใช้แรงอาทิตย์
เป็นเนืองนิตย์เนิ่นนานผ่านโกฏิชาติ
ไม่เคยจ่ายค่าแรงแสงอำนาจ
ยังผูกขาดผูกใช้อยู่ดาวเดียว
คู่ชีวิตชาวโลกชาวโลภมาก
ร่วมลำบากตรากตรำแนบแน่นเหนียว
พลิกฟื้นดาวท่วมน้ำบอบช้ำเซียว
เป็นดาวเขียวดินดำงามล้ำเกิน
เกิดดาวเคราะห์เหมาะเจาะมีชีวิต
ผู้มากคิดแต่จิตน้อยด้อยขัดเขิน
มีเมียหลวงแรงอาทิตย์ยังคิดเพลิน
ไฟฟ้าเชิญเป็นเมียน้อยใช้สอยเปลือง
เมียใต้ศอกเปลี่ยนคืนเป็นอุจาด
ร่วมสังวาสผัวรักจนหน้าเหลือง
ดาวและเดือนหายไปในแดนเมือง
จารีตเรืองเรื้อไปในแดนรอง
เมืองนีออนซ่อนขมคาวขื่นเหม็น
ไฟฟ้าเป็นเครื่องกวนตะกอนหมอง
ปลุกวิญญาณผีคืนตื่นทำนอง
กามาก้องร้องรำพร่ำเชื้อชวน
แรงอาทิตย์ใช้น้อยจากร้อยล้าน
ยังพลุ่งพล่านหาแรงใหม่ที่ยากผวน
ธรรมชาติให้มาตามสมควร
ลดเลิกกวนยวนย้อมกล่อมใจโคลง
ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์
๑๘. ปางพรหมแดน
อิฐต่ออิฐเรียงชิดเป็นองค์พระ
สิทธัตถะโคตมะพยัตเฉก
ด้วยเลื่อมใสศรัทธาในองค์เอก
ถือวิเวกอุเบกขาวิชชาแจง
ทองต่อทองห่อหุ้มสุกไสว
เรืองวิไลจับตารุจาแสง
รูปบูชาพญาปราชญ์วาดแสดง
ผู้รู้แจ้งดับทุกข์สู่นิพพาน
คนต่อคนกราบไหว้เลื่อมใสมั่น
นับหมื่นพันน้อมกราบตามเรียกขาน
เบญจางคประดิษฐ์สถิตนาน
คู่วิญญาณพุทธมามกะชน
ธูปต่อธูปโหมหอมพะยอมกลิ่น
เป็นอาจิณสมาจารนานพหล
ดอกต่อดอกเรียงรายไม้มงคล
ดั่งกมลสงบใจในศรัทธา
จนเกิดแต่งแบ่งเชื้อแยกชนชาติ
ถืออุบาทว์คล้องคาดศาสนา
ดาบต่อดาบไล่ฆ่าแต่นั้นมา
อวิชชาแบ่งเทือกเถาเข้าทดแทน
พุทธรูปปางไหนคนไหว้กราบ
อีกคนหยาบจาบจ้วงป่วงป่วนแสน
เผาองค์พระมอดไหม้ด้วยใจแคลน
ปางพรหมแดนปางใหม่ในโลกโทรม
ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์
๑๙. หนีห้องหนัก
คำสั่งนายเข้าประชุมกุมขมับ
คณานับซับซ้อนเรื่องร้อนหัว
กำไรหายขายขัดหนี้รัดตัว
อีกเกลียดกลัวคู่แข่งแย่งกำไร
เดินเรียงแถวเข้าห้องประลองยุทธ์
หมายขูดขุดคิดเห็นเข็นข้อไข
เสนอดีวิสัยทัศน์วัดกว้างไกล
หน้าบานใหญ่อื้ออลบนเวที
เวทีคิดเวทีปากลำบากแสน
พร้อมดูแคลนแค่นแคะแขวะเสียดสี
ความรู้เธอรู้ฉันมันห่างปี
อย่าทำทีปีนเกลียวคนเชี่ยวโชน
นั่งหน้าเคร่งเร่งคิดประดิษฐ์หัว
เคยบอกยั่วบอกไว้ไร้หัวโขน
ยุสร้างสรรค์ปั่นอุบายคล้ายแกล้งโดน
มัดมือโยนลงสนามสงครามศักดิ์
นั่งประชุมคุมใจให้อยู่ที่
ด้วยอยากหนีอยากออกนอกห้องหนัก
ปลีกหลีกพ้นคนเปรื่องเรื่องมากนัก
ฝันทะลักหลามไหลไกลประเด็น
ประตูห้องจ้องอยู่ดูยั่วเย้า
กระโดดเข้าโลกจ้อยน้อยคิดเห็น
ลงมือทำล้ำกว่าพูดเช้าเย็น
ขี้ฟันเหม็นกระเด็นเกลื่อนเปื้อนปัญญา
ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์
๒๐. โอกาสดี
เหมือนแสงส่องต้องตายามมืดมิด
เพียงน้อยนิดติดไฟให้ความหวัง
เหมือนของหวานกินเติมเสริมพลัง
ยามเซซังประทังแรงตะแบงเดิน
โอกาสมาเวลาอาการแย่
อารมณ์แพ้อบอวลป่วนขัดเขิน
มองไม่เห็นชะตาน่าเผชิญ
อีกบังเอิญไม่คาดฝันผันเหตุการณ์
โอกาสมาเวลาอาการยอด
อารมณ์ปลอดโปร่งโล่งโยงฝันหวาน
มองไม่เห็นทองเป็นตั้งอลังการ
ไม่ประสานพรสวรรค์ดันชำนาญ
อย่าทำลายโอกาสด้วยโอชา
อย่าเริงร่าเบี้ยบ้ายทำลายขวาน
พบไม้งามเมื่อคมบิ่นสิ้นเชี่ยวชาญ
เสียวิญญาณบันดาลไว้ให้ต่างกัน
รอโอกาสที่เป็นโอฬารึก
เป็นเรื่องนึกหวังไว้เรื่องใฝ่ฝัน
ไม่ว่าคอยมาน้อยนิดหรือกัปกัลป์
ฉกฉวยพลันมั่นไว้ในแนวทาง
โอกาสดีแวบมาเหมือนโอภาส
อย่ามัวขลาดเขลาขันหันรีขวาง
ผ่านไปแล้วแคล้วคลาดพลาดผิดทาง
ปลิวเคว้งคว้างห่างไกลจากใจปอง
ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์
๒๑. พิโรธผี
สัญญาณโกรธโทษร้ายทำลายล้าง
คนเคียงข้างห่างหนีไมตรีสูญ
บริวารกร้านเก็บกดงดเทิดทูน
ตัวเสียศูนย์สูญหายหลายปัจจัย
โทสะหมุนดุลพินิจผิดทิศทาง
เคยเที่ยงกลางกลับขวางคิดวินิจฉัย
พิเรนทร์เพี้ยนเปลี่ยนสัตย์ตัดสินใจ
คล้ายกลับวัยสู่เด็กดื้อถือเยโย
พิโรธผีที่มาหาให้เห็น
ประโยชน์เป็นช่วยระงับดับโทโส
บ้างท้องหิวอดนอนบ้างอดโว
บ้างผิดโผพลิกคาดวาดวิมาน
อารมณ์ร้ายป้ายผิดดีเอ็นเอ
เป็นพื้นเพจากพ่อแม่แฉรากฐาน
หรืออบรมอ่อนจางสร้างสันดาน
หรือสัญญานบอกไว้ให้โกรธา
เปลี่ยนสัญญาณเปลี่ยนใหม่กันได้แล้ว
อย่าติดแร้วแผ้วป่วงบ่วงมิจฉา
หยุดเคยชินเรื่องนี้คือที่มา
ภูตผีบ้าผีโกรธโทษเรื่อยไป
เหมือนแข่งขันตัวตนพ้นความเคย
ดุจเปรียบเปรยผีเสื้อเถือรังไหม
แหวกออกสู่โลกกว้างทางบินไกล
ไร้เงื่อนไขนายอารมณ์อาจมใจ
ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์
๒๒. หาตัวเอง
หาตัวเองหาไปทำไมหรือ
เพียงรู้ชื่อรู้กำพืดยืดเชื้อสาย
น่าเพียงพอเกิดมาสะดวกดาย
เดี๋ยวก็ตายหายสิ้นแผ่นดินกลบ
หาตัวเองหาไปให้เหนื่อยยาก
เหมือนรู้มากลำบากเติมเพิ่มกระทบ
แค่หากินหาอยู่คู่ประสบ
ก็เกินงบเกินเวลารักษาพงศ์
คิดแค่กินแค่อยู่มีคู่ขวัญ
คิดตามกันวิญญาณใจจึงหายหลง
เหมือนเสือช้างสัตว์ป่ามาอยู่กรง
โอหังปลงปล่อยจมูกให้ผูกเดิน
วิญญาณใจหล่อเลี้ยงวิญญาณโลก
หมุนสุขโศกโยกดีร้ายคลายขัดเขิน
มีงานศิลป์งานประเสริฐงานพิศเพลิน
เรื่องบังเอิญเรื่องตั้งใจให้เผ่าพงศ์
พบตัวเองพบแรงหมุนหนุนโลกสวย
เต็มเม็ดหน่วยงานที่รักของที่หลง
ทุ่มเทกายใจจิตก่อนปลิดปลง
สมประสงค์กำเนิดมาฝ่ากบิล
จะคลั่งรักปักใจใฝ่โจรปราชญ์
หรือผูกขาดวาดฝันสรรสร้างศิลป์
หรืองกงันปั่นเงินเกินหมดกิน
ทุกสิ่งสิ้นจงทำไปให้เต็มแรง
ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์
๒๓. ละครฟ้า
ตะวันลาลับหลีกปลีกขอบฟ้า
ทิ้งมายานภาย้อมพลอมแพลมแสง
ส้มชมพูอาบอัมพรก้อนเมฆแดง
ฉากจำแลงแสดงลวงบ่วงดวงตา
ตะวันทาสีงามทาบทามเนตร
สีวิเศษย้อมประโลมโลกผืนฝา
ลวงมนุษย์กิเลสมากอยากบังตา
ระเริงร่าแสงอุบายฉายฉากมนต์
กระทั่งดวงอาทิตย์ยังคิดหลอก
เล่นกลับกลอกฟอกฟ้าน่าฉงน
นับอะไรมวลมนุษย์ชำรุดคน
มุ่งฉ้อฉลเป็นอาจิณร้อยลิ้นลาย
ละครฟ้าแสดงถึงละครโลก
ละครโรคมะเร็งปากหลากลิ้นหลาย
ทุกท่วงท่ามากเล่ห์เพทุบาย
มารยากลายเป็นสามัญมรรยาทคน
ทั้งมรรยาทมารยาเหมือนฟ้าสวย
งุนงงงวยแยกลำบากยากสับสน
ว่ามาดีมาร้ายหรือปลอมปน
ลีลาคนลีลาฟ้าลีลาใด
อยู่ใต้ฟ้าบนเวทีไม่หนีพ้น
ละครคนละครฟ้าน่าสงสัย
ล้วนแสดงแต่งเติมเสริมกลไก
ต้องตรองไตร่อย่าหลงตามมายาลวง
ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์
๒๔. กระเบื้องคน
เป็นมนุษย์มนาค่ากระเบื้อง
ดินเผาเครื่องผ่านไฟได้เนื้อแข็ง
อีกประดุจขุดมาศิลาแลง
เป็นอิฐแกร่งแปลงเนื้อเมื่อพ้นดิน
กระบวนการขั้นตอนสอนผู้คน
รู้อดทนทานเทียบเปรียบก้อนหิน
เรียนอดกลั้นเชี่ยวชาญเพดานบิน
เพื่อพ้นถิ่นมิจฉาโกรธานนต์
แต่สังคมเอาเปรียบเหยียบทับถม
ด้วยนิยมแข่งขันบรรลุผล
จ้องจังหวะกระหน่ำย่ำหัวคน
ใช้เล่ห์กลเพื่อตัวกูสู่ผู้นำ
เป็นมนุษย์ปุถุชนใช่โคลนเน่า
ให้ย่ำเท้าเย้าหยามตามใจหนำ
แต่เป็นของแข็งบาดพลาดทิ่มตำ
ยามล่วงล้ำทำแตกกระแทกชน
กระเบื้องคนทนทานงานเหนือหัว
กำหนดตัวแข็งขันกันแดดฝน
เป็นหลังคาหน้าที่มีเบื้องบน
มีชั้นชนศักดิ์ศรีมีที่ทาง
กระเบื้องคนเปราะบางยามย่างเหยียบ
เอารัดเปรียบจำกัดอีกขัดขวาง
เหมือนของสูงลงสู่ที่เดินวาง
รอยบาดหมางบาดลึกเกินตรึกตรอง
ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์
๒๕. คนขั้วบวก
สัตว์สังคมก้มหัวให้พวกพรรค
ร่วมปกปักรักษากลุ่มคุ้มเชื้อสาย
สืบทอดหวังตั้งมโนนโยบาย
ร่วมใจกายดำรงเหง้าเผ่าอ่อนแอ
เผ่าอ่อนแอแพ้ลำเค็ญเห็นแก่ตัว
สัญชาติกลัวเล่นพวกพ้องเป็นของแหง
ทั้งเผ่าเอกพันธุ์ประกอบหมอบกระแต
ยอมพ่ายแพ้สันดานเก่าเข้าพวกกัน
โลกโบราณผ่านมาถึงยุคใหม่
พ้นนิสัยก่อนเก่าเข้าพวกฉัน
โลกหมดยุครักษ์สาแหรกแยกเผ่าพันธุ์
เลิกปิดกั้นพวกมึงกูชูคนจริง
เพราะการเล่นพรรคพวกทำปวกเปียก
สิ้นสำเหนียกสร้างสรรค์จากพันธุ์สิงห์
เหมือนญาติมิตรพี่น้องข้องแอบอิง
ผิดท้วงติงได้ลูกด้อยต่ำต้อยเชาวน์
เพราะคนเคร่งเก่งกล้าไม่บ้าพวก
คนขั้วบวกโดดเด่นเช่นภูเขา
ที่อยู่ใต้เพียงแผ่นฟ้ามานานเนา
ไม่เคยเข้าหลบอยู่ใต้ภูใด
โลกต้องการคนเก่งมาเร่งสร้าง
หาหนทางอยู่รอดปลอดสิ้นขัย
อย่าปิดกั้นสามารถด้วยขลาดใจ
ใช้เงื่อนไขสมัยเก่าเอาพวกตน
ร้อยเรียงและถ่ายภาพโดย เดชา เวชชพิพัฒน์
๒๖. โรงแรมหรู
ชีวิตคือเดินทางตามอ้างกล่าว
หลายครั้งคราวก้าวผิดเข้าทิศหลง
หลายครั้งคราวท้อถดหมดแรงลง
แทบปลิดปลงในชุมชนคนวุ่นวาย
การเดินทางต้องมีที่หยุดพัก
มีตั้งหลักหักลบกลบเหนื่อยหาย
อาบน้ำท่าเปลี่ยนผ้าผ่อนนอนสบาย
หย่อนใจกายคลายเคร่งเร่งแรมรอน
เลือกโรงแรมชีวิตคิดดีหน่อย
หลังนิดน้อยเรียบง่ายหน่ายเหนื่อยถอน
เหมือนเรือนบ้านสถานคุ้นอุ่นอาทร
ช่วยคนจรถอนล้าว้าเหว่ใจ
เลือกโรงแรมหลังหรูดูหรูหรา
ผิดหูตาผิดฝาตัวกลัวอาศัย
ผิดเคยคุ้นหนุนนอนผ่อนฤทัย
ผิดปราศรัยวินัยเคร่งเบ่งอวดโต
มีโรงแรมมากมายให้เลือกพัก
เช่นการหักห้ามใจใฝ่สุขโข
blockquote{
border:1px solid #d3d3d3;
padding: 5px;
}
|