กวีอมตะอยู่ที่ผลงาน
เสมอ กลิ่นหอม
ผลงานของกวี คือ ตัวปัญหา ที่ผูกร้อยปรุงแต่งขึ้นมาด้วยตัวอักษร สอดประสานเป็นเกลียวคลื่นแห่งอารมณ์สุนทรี เป็นดั่งเวทมนต์ขลังสะกดจิตสะกดใจของผู้เสพให้พิศวงอัศจรรย์ดั่งได้ดื่มรสทิพย์ประเทืองปัญญารู้เท่าทันโลก ชีวิต จักรวาล.....
ผลงานของกวี จะเป็นพยานยืนยันในความแตกฉานภายในของกวีแต่ละคน ไม่มีใครลอกเลียนแบบจากใครได้ กวีแต่ละคนย่อม ปรากฏอยู่อย่างดวงตะวัน ลอยเด่นเป็นสง่า ณ ฟากฟ้านภากาศ เป็น ศูนย์กลางแห่งดวงดาว ในระบบสุริยะหนึ่ง ๆ ส่องแสงสว่างเจิดจ้าขับไล่ความมืดให้พ้นไป เพิ่มฟืนไฟความอบอุ่นและร้อนแรงแห่งสำนึกของมวลมนุษย์เพื่อฉุดรั้งไม่ให้ตกนรก.....
ผลงานของกวี คือ ตัวตนกวี ที่แท้จริง
ตัวตนกวีย่อมยืนยงเป็นอมตะตลอดไป
ไม่ขึ้นอยู่กับความชอบหรือความชังของผู้คน.....
อารมณ์ของผู้คนแห่งยุคสมัย เป็นเพียงกระแสแปรเปลี่ยนไปตาม สมัยนิยม หรือ แฟชั่น เป็นไฟไหม้ฟาง วูบ ๆ วาบ ๆ ไม่มีแก่นสารอันใดหลงเหลืออยู่.....
แต่ ตัวตนกวี คือ ตัวปัญญาสากล คือ สุนทรียารมณ์สง่างามข้ามยุคสมัย ฉะนั้น กวีที่แท้ ณ วันนี้ เขาจะกิน จะนั่ง จะยืน จะเดิน จะมี จะเป็น จะเล็ก จะใหญ่ จะอ้วน จะผอม จะทุกข์ จะสุข ฯลฯ อยู่ ณ สถานถิ่นใด .....มิใช่สาระสำคัญ เพราะตัวตนของกวีไม่มี ฟอร์ม เหลืออยู่ ตัวตนของกวีไม่ใช่ซากเปลือกหอยที่กลิ้งเกลือกอยู่ชายหาด ตัวตนของกวีคือ ดิน น้ำ ลม ไฟ ซึ่งผสมผสานกันเป็นทิวทรรศน์ธรรมชาติเรียงรายอยู่รอบตัว ณ หาดทรายงามยามเช้า สาย บ่าย ค่ำ ฉะนี้แล
ธาตุกวี
กวี เป็นสถานะเป็น ธาตุ แทรกซึมซ่อนเร้นอยู่ใน.....นักคิด นักเขียน ศิลปิน นักการเมือง นักธุรกิจ นักวิทยาศาสตร์ เศรษฐี ยาจก ชาวไร่ ชาวนา กรรมกร ขอทาน คนตาบอด คนหูหนวก.....
ครับ ธาตุกวี มีอยู่ทั้งในศาสดาและซาตาน
มีกวีเอกของโลกยืนเดินนั่งนอนอยู่ตามทางเท้าทั่วไป ณ ถนนชีวิต
ตาดีได้ ตาร้ายเสีย เทอญ