ReadyPlanet.com
dot dot
กรุงเทพกำศรวล article

กรุงเทพกำศรวล  /  เลือดผา
    ๑
๐  นิราศกรุงเทพกระทุ้ง                  กระแทกฝัน
 ฝันเฝื่อนย้อนคืนวัน                       มุ่งหน้า
 สงสารอนาคตอัน                          มัวมืด  หม่นเฮย
 กรุงเทพสุวรรณภุมิว้า                    วุ่นแล้วใครเห็น ฯ
    ๒
  ๐ อยุธยายศล่มแล้ว                     มาธน  บุรีเฮย
 เจ้าตากกอบกู้พ้น                         พม่าร้าย
 ฝ่าฟันศึกบุกก่น --                         สร้างราช  สยามเฮย
 ชีพมากทุกข์ฆ่า - คล้าย                  คลั่งบ้าโสดาบัน ฯ
    ๓
 ๐ จลาจลเมื่อจบได้                       จึ่งมี
 รัตนโกสินทร์จักรี                          ธิราชไท้
 เมืองหลวงพระแก้วศรี                    มรกต
 กรุงเทพทวาราวดีได้                      เศกสร้างดั่งสวรรค์ ฯ
    ๔ 
 ๐ งามงดมหาราชเจ้า                     จักรพาฬ
 ทรงคุณูปการ                              มากล้น
 รักษ์เอกราชสืบสาน                      สยามวัฒน์  ธรรมแฮ
 พัฒน์สยามนำยุคต้น                     ไต่ล้ำนำสมัย ฯ
    ๕
 ๐ คราครั้งพันธุ์ฝรั่งบ้า                    ปล้นโลก
 ทั่วทุกอาณาโศก                          หม่นเศร้า
 ฝรั่งบุกรุกช่ำโชก                         เลือดระอุ  บ้าเฮย
 สยามชาติปรับตัวเข้า                     รอดพ้นทาสใคร ฯ

 

กรุงเทพกำศรวล  /  เลือดผา
   ๖
๐  สองสี่เจ็ดห้าศก                          ตื่นสยาม
แปลงเปลี่ยนระบอบตาม                   ยุคก้าว
โลกรุดอภิวัฒน์ข้าม                         สมัยใหม่
สร้างประชาธิปไตยห้าว                     ฮึกกล้าไต่ฝัน ฯ
   ๗
๐ ไต่ลวดสุ่มเสี่ยงสู้                          วงวัฏฏ์
หวังประชาธิปไตยจัด                        กระโดดก้าว
กลับเจอเผด็จการซัด                        หมุนซวด  เซเฮย
จึ่งอุดมการณ์ร้าว                             แตกสิ้นก่อนสมัย  ฯ
   ๘
๐  ทหารทแกล้วฮึ่ม                          ยึดเมือง
นานเนิ่นโง่งมเงื่อง                            เชื่องแท้  
เหล่าไพร่ขอดไส้เคือง                       ขมขื่น  มากแฮ
หลายสิบปีจึ่งแก้                               ปลดเปลื้องเผด็จการ  ฯ
   ๙
๐  ตุลาสิบสี่สุ้                                 วิปโยค
หนึ่งหกปีคลั่งโศก                             ไล่พ้น
เผด็จการหมดชัยโชค                        ถอยถด  ไปเฮย
มวลเหล่ารักธรรมค้น                         ใฝ่สร้างแผ่นดินทอง ฯ
   ๑๐
๐ งามอุดมคติแจ้ง                            เจิดแสง 
เพื่อส่วนรวมปันแบ่ง                          เสมอหน้า
สังคมนิยมแรง                                 ชูเชิด
ไทยแบ่งขวาซ้ายบ้า                          เข่นฆ่ากันเอง  ฯ

 

กรุงเทพกำศรวล   /  เลือดผา
   ๑๑ 
๐  หกตุลาพระเอกบ้า                        มาแรง
ยิงฆ่าเผาทิ่มแทง                             เด็กน้อย
ใครคอมฯฆ่าเลือดแดง                      เขาชื่น  ใจเฮย
นักศึกษาจึ่งคล้อย                            บ่าขึ้นป่าเขา  ฯ
   ๑๒
๐ ไปป่ากล้าเสี่ยงสู้                          จับปืน
เหตุเพราะแค้นรัฐหื่น                        โหดร้าย
รับปรับกระบวนคืน                           ปรุงเปลี่ยน  กลแฮ
พร้อมสถานการณ์ย้าย                      โยกเยื้อป่าสลาย  ฯ
   ๑๓
๐ สังคมนิยมแตกซ้ำ                        กรรมซัด
ทุนนิยมรุ่งพัฒน์                              พุ่งฟื้น
โลกามาภิวัตน์                                โซเวียต  สลายเฮย
พังค่ายคอมฯแหลกลื้น                     ละทิ้งความฝัน  ฯ
   ๑๔
๐  อมตะอักขระนี้                            คงทน
อุทิศชีพเพื่อผล                               ไพร่ฟ้า
มีใครคิดแก้จน                                ได้แน่  จริงฤา
จักกราบเท้าผู้กล้า                            อภิวัฒน์สร้าง  สังคมงาม  ฯ
   ๑๕
๐ คาร์ลมารกซ์ถูกถ่มทิ้ง                   ถ่อยซ้ำ  เติมเฮย
ลัทธิสังคมนิยมพล้ำ                         เพลี่ยงแพ้
โซเวียตรัสเซียระยำ                         ทุนบอก  ฉะนั้นนา
“เหมา”ลัทธิโง่งม—แก้                      จบสิ้นสำนึกดี  ฯ                                                        

 

กรุงเทพกำศรวล  /  เลือดผา
    ๑๖
 ๐ กลกู กรายกลับบ้าน                   ธนบุรี
 พับพ่ายสุทรรศน์มี                        ซ่อนไว้
 โลกใช่ล่มสลายวี -                        ระทัศน์หมด  ไปเฮย
 ด้วยรักมวลชนไซร้                       คิดสร้างแสวงทาง ฯ
    ๑๗
๐ อำนาจทุนย่อมสิ้น                     สักวัน
 แสนหมื่นปีโลกผัน                       ผ่านแล้ว
 มหาชนเนื่องหนุนดัน                    แปรเปลี่ยน  
 ก้าวต่อก้าว บ่ แคล้ว                     เคลื่อนเข้าใกล้ฝัน  ฯ
    ๑๘
 ๐  Utopia บ่แม่น                       ฝันกู
 หาสัจจะจากจริงสู้                       ใฝ่สร้าง
 ฝัน บ่ ใช่ลมแล้งดู                      เปล่าเปล่า
 วิเคราะห์เหมาะแล้วร่าง                ระลึกรู้ทิศไป  ฯ
    ๑๙
 ๐ ก้มตาก้มหน้าถาก                      ถางทาง
 ต่ำแต่ตัวจัดวาง                            กระจ้อยร่อย
 บ่มจิตเพาะสมองสร้าง                   แนวคิด 
 ไม่ปล่อยวันเคลื่อนคล้อย               เปล่าสิ้นปัญญา  ฯ
    ๒๐
๐ ตัวต่ำมองเศรษฐกิจเกื้อ               อกุศล
 แนวคิดของมหาชน                       ผิดพลั้ง
 บริโภคนิยมผล                             พาสู่  NICsเฮย
 เสียคิดเป็นเสือคลั่ง                        ทอดทิ้งเกษตรกรรม  ฯ 

 

กรุงเทพกำศรวล  / เลือดผา
 ๒๑. เรื่อง NICs
๐ อนาคต  ไทย Wow  เจ้านิคกี้                           เฉลิดเฉลิม  เต็มที่  เลยเธอจ๋า
ผลิตภัณฑ์  มวลรวม  ชาวประชา                           อุตสาหกรรมมา  เกินกึ่ง  จึงเบิกบาน
เนี่ยเหรอ  ประเทศ  อุตสาหกรรม                          สินค้าทำ  ส่งออก  หลายหมื่นล้าน
คนไทยได้  เศษเดน  กินเป็นทาน                          ความเชี่ยวชาญ  เทคโนฯได้   หรือไม่ล่ะ
ไม่อาจขืน  ก็ไม่ฝืน  หรอกนิคกี้                             เพียงแต่มี  คำเตือน  เพื่อหน่อยนะ
เป็นนิคส์นั้น  ชนชั้นกลาง  ก็คงจะ                          หมดกะได   ปีนป่าย  ไม่ได้แล้ว
เตือนพวกบ้า  ประชาธิปไตย  อะไรนั่น                    เลิกฝัน  เสียเถิด  นะน้องแก้ว 
นิคส์เต็มตัว  เมื่อใด  จะไม่แคล้ว                            นายทุนใหญ่  ชักแถว  เข้าสภาฯ
พวกขุนศึก  อำนาจ  จะถดถอย                              กุมกุงเกง  เฝ้าคอย   ยืนก้มหน้า
อำนาจ  อุตสาหกรรม  ล้ำฟ้า                                 ทุนการเงิน  เริงร่า  กระดิกตีนคอย
ประชาไทย  เปลี่ยนไป  เป็นลูกจ้าง                         พวกหากินทาง  อิสระ  จะถดถอย
ในภาคกลาง  ที่ทำกิน  จะเหลือน้อย                       เกษตรกร  ยับย่อย  เที่ยวขายแรง
แต่สิบปี  แรกนี้  จะเรืองรุ่ง                                    เฟื่องฟุ้ง   บังมายา  ที่แอบแฝง
สิบปีหลัง  ปัญหา  ประดังแสดง                              แล้วจะยิ่ง  รุนแรง  ลำดับไป
อนาคต  ย่อมเป็น  ไปเช่นนี้                                  ไม่มีใคร  ขัดขืน  หรือฝืนได้
หากไม่เชื่อ  อีกสาม  สิบปีไป                                กลับมาอ่าน  ดูใหม่  ก็แล้วกัน ๐
(เขียนไว้ ณ วันที่ ๘ กรกฎาคม พ.ศ ๒๕๓๑)

 

 

 

 

 

 

 

กรุงเทพกำศรวล  /  เลือดผา 

   ๒๒.
๐ สิบปี บ่ เนิ่นช้า                      ภัยถึง
              ฟองสบู่ไทยแตกผึง                      พ่ายแพ้
 นานาธุรกิจล้มตึง                          ตายหมด    
 เชิญพ่อไอเอ็มเอฟแก้                    โรคกุ้งยำสยาม  ฯ
 
๒๓.โรคต้มยำกุ้ง  โดยพ่อครัวทุรเนติธนาธิกร
 ๐ โอ้สยาม ณ ยามธนาพิบัติ
 มหาประลัยประชาจะอัต -             ตะคัตจน
 ทุกข์จะถมจะทับจะอับกมล
 เพราะด้วยเผชิญชะตาทุรน            ทุรายแรง
 เศรษฐกิจวินาศระบาดแสดง
 มหาชลาก็หลั่งก็แกล้ง                   อุทกภัย
 โอ้ ฤ กรรมกระทำนะใคร
 สวรรค์นรกจะตอบรึไง !         ว่ะ...ดินฟ้า  ๐

            ๒๔
๐ กรุงเทพยศล่มแล้ว                  ตกสวรรค์  ลงฤา
 รัตนโกสินทร์พันธุ์                         ทางท้อง
 โลกาภิวัตน์ ฝัน                               สมสู่  หมู่เฮย
 ไทยวัฒนธรรมต้อง                        เหือดสิ้นหายสูญ ฯ      
      

 

 

 

                                             


กรุงเทพกำศรวล  /  เลือดผา
 
 ๒๕.    ศิลปวัฒนธรรมไทย
๐ แดนสยามนามประเทืองว่า”เมืองทอง”                   เคยเกริกก้องเลื่องระบือชื่อฟุ้งเฟื่อง
กำจรจายจำเริญกรุงไทยรุ่งเรือง                                   ทรัพย์ในดินมลังเมลืองสินในน้ำ
เป็นแดนศิลปะมหัศจรรย์                                             ดีเลิศจรรโลงไว้ไม่ตกต่ำ
วัฒนธรรมไทยอันเลิศล้ำ                                              ยังตอกย้ำชุเด่นความเป็นไทย
มาบัดนี้คนไทยชักใหลหลง                                          ลืมเผ่าพงศ์ใฝ่ฝันทันสมัย
ปลื้มเลียนแบบตะวันตกงกงกไป                                  รู้หรือไม่เขาหลอกขายล้วงทรัพย์เรา
ความกลมกลืนเสื่อมไปไทยสูญชาติ                             เห็นแล้วน่าอนาถแสนอับเฉา
ไทยก็ไม่ใช่ฝรั่งเขาก็ไม่เอา                                            ทิ้งมรดกของเรา...ไปเอาเดน
ศิลปวัฒนธรรมไทย....อยู่ไหนเล่า                                 พอพวกเราอย่านึกว่าเรื่องเล่น
เศรษฐกิจกำลังจะกลายเป็น                                            ขยะเหม็นขายฝรั่งมายึดไป
เศรษฐกิจอาจขายให้ต่างชาติ                                          แต่วัฒนธรรมชาติขายไม่ได้
สูญสิ้นศิลปวัฒนธรรมกันเมื่อไร                                   คำว่าชาติไทย.....คงไม่มี  ๐               

 

 

 

 

 

 

 

 

 


กรุงเทพกำศรวล  / เลือดผา
   ๒๖.
๐ ทะ     เล้นทแกล้วพวก                            การเมือง
    ลุ่ม     ลึกจริยธรรมเรื่อง                          หลีกพ้น
    ปุ่ม    ปมเปลือกเปล่าเปลือง                    หายห่าง
    ปู       แต่กฎหมายปล้น                           ประเทศนี้กลีเฮย  ฯ
   ๒๗.
๐ คิกคิกหัวเยาะบ้า                                    ด่าตน
จารึกคำโคลงคน                                      โง่แท้
ใฝ่ปราชญ์เจอะตะปาดปน                        แสร้งว่า  เป็นเฮย
หลงจิตคิดจะแก้                                        ก่นสร้างธรรมภิบาล  ฯ
   ๒๘.
๐ สองห้าสี่เก้าเกิบ                                    ปุดพัง
นายกฯทักษิณยัง                                       อยู่ได้
การเมืองเดือดร้อนคลั่ง                             ถึงจุด  แล้วเฮย
เลวชั่วห่อนใส่ไคล้                                    ก่อด้วยเขาเอง  ฯ
   ๒๙.
๐ พล่อยพล่อยปากพ่นเพ้อ                       คุณธรรม
ศีลครบนบนอบนำ                                   ปิดหน้า
แต่สากใหญ่บ้าอำ -                                  นาจเถื่อน
ยังหยัดชูเงื้อง่า                                         ราษฎร์ล้วนรู้กัน  ฯ
   ๓๐.
๐ อุดมคติแน่แท้                                     ไม่มี
ปลอมแปลกหลากหลายที                      มากชั้น
มุ่งใฝ่แต่ความดี                                      ทำไม่  ได้เฮย
อยู่โลกย์หลอกลวงปั้น                            แต่งให้คนชม  ฯ

 

 


กรุงเทพกำศรวล   / เลือดผา
   ๓๑
 ๐ ทะ   เลาะเบาะแว้งวุ่น                         สมองดี
ลุ่ม   หล่มปัญญามี                              หน่อยมั้ย
ปุ่ม   ปมกฎุมพี                                    เงินมาก  หวงแฮ
ปู      กฎเอาเปรียบไว้                          รีดปล้นคนจน  ฯ
   ๓๒
 ๐โปรยปรายทุนต่างล้วน                    เงินประชา
แปลงทรัพย์สินยักมา                          ซ่อนไว้
ปตท.แหละไฟฟ้า                                กินหมด 
ชาติถูกสูบสิ้นไร้                                  เขมือบสิ้นโดยใคร  ฯ
   ๓๓
๐ กำศรวลกรุงเทพถ้อย                        ไพร่ทุกข์  เทวษเฮย
เป็นทาสทุนนิยมขุก                              คิดข้อง
เคยฝันเรียกเพื่อนรุก                              ระดมตื่น
แสนหมื่นคำร่ำร้อง                                กู่แล้วเงียบหาย  ฯ
   ๓๔
๐ มีบารมีล้ำรัฐ -                                   ธรรมนูญ  ฤาเฮย
 อำนาจไผต่างสูญ                                 ลับได้
ขาดธรรมะเกื้อกูล                                 ก้อหมด  สิทธิ์เฮย
ใครเล่านอกคอกไร้                              หลักแท้ศีลธรรม  ฯ
   ๓๕
๐ การเมืองโจรครอบล้วน                    จังไร
อ้างรัฐธรรมนูญไว้                               ปกป้อง
อวดประชาธิปไตย                                เสียงมาก  ข่มเฮย
แท้ต่างตั้งจิตจ้อง                                   ขูดปล้นบ้านเมือง  ฯ 

 

 

 

กรุงเทพกำศรวล  /  เลือดผา
   ๓๖
๐ เริงเมืองเหล่าผู้ร้าย                     ปลอมตน
สวมเกียรติรัฐสภาปน                    แปดเปื้อน
กี่พรรคกี่พวกคน                           คิดซื่อ
รัฐสภาป่วยโรคเรื้อน                     หม่นสิ้นหมดศรี  ฯ
   ๓๗
๐ ศรีศรีสวัสดิ์โอ้                           โอมเพี้ยง
เป่ากระหม่อมไสยเสี่ยง                 โง่แท้
เคาะกะโหลกไร้เดียง -                   สาเด็ก  อ่อนฤา
สู้ฤทธิ์หมอผีแก้                             อวดอ้างผีเขมร  ฯ
   ๓๘
๐ คูณ-หาร ฤาต่างเจ้า                    ไสยเขมร
เคาะเคาะเปาะเปลี่ยนเบน              ชีพได้
มึงนายกฯอาจเป็น                         ถ้ากราบ  กูเฮย
จึงมุ่งทุบหัวให้                              หดสิ้นปัญญา  ฯ
   ๓๙
๐ Post  Capitalist อ้าง      เถิดหนา
Post Coperate พา               เฟื่องฟุ้ง
Post Taksin ระอา                 เมื่อไหร่  เกิดเฮย
Post Bankok  ทามทุ่ง         น้ำท่วมหมดหาย  ฯ
   ๔๐
๐ ฝันเฟื่องถึงถิ่นฟ้า                        บ้าสวรรค์
สนุกสุดอเนกอนันต์                       อร่อยล้น
จริงฤาว่าสุขสันติ์                            เมืองพระ
ห่าสวรรค์อยู่พ้น                             สุดต้อยไปหา  ฯ

 

 

 

กรุงเทพกำศรวล  /  เลือดผา
   ๔๑
๐ หลงควานหาสวรรค์เก้อ                  อารมณ์
แท้กลับคือขื่นขม                                เครียดหน้า
เห่อสวรรค์คลั่งไคล้ชม                       กรุงเทพ
จมดิ่งสู่นรกหล้า                                 นรกฟ้าอยู่ดิน  ฯ
   ๔๒
๐พรายพรายพระธาตุแพร้ว                ภูวดล  ก็ดี
โตตึกบ้านเรือนคน                             เยิ่นฟ้า
เสียดยอดแสยงยล                               ลิบลิ่ว
คอนกรีตโอ่สง่าหล้า                           นรกนี้คนชม  ฯ

  ทางเดินรถเมล์กลับบ้าน
  ๔๓.ตึกใบหยก
๐ “ใบหยก”ใบโย่งง้ำ                     งอกเกิน
สูงสุดสูงฟ้าเหิร                                ห่างหล้า
เหลี่ยมเหลื่อมเทวดาเดิน                  ชนร่วง
เบียดเสียดเหยียดเย้ยฟ้า                    หยกข้าเด่นจัง  ฯ

  ๔๔.ศูนย์การค้าอินทรา
๐ “อินทรา”ถึงถิ่นล้ำ                      นำสมัย
บางกอกก่อนเก่าวัย                          รุ่นร้อน
โรงหนังระบำไฟ                              บำรุงราค
ต้นแบบทิฟฟานี่อ้อน                        อวดเนื้อโฉมเฉลา  ฯ
  ๔๕.ตลาดประตูน้ำ
๐ ถิ่นตลาดเสื้อผ้าผ่อน                     แผงรก
แขกต่างชาติเงิ่นงก                          วุ่นค้า
ร้านรวงแผกผันผก                           แปลงเปลี่ยน
ปากประตูน้ำว้า --                            วุ่นเว้ยซื้อขาย  ฯ

 

กรุงเทพกำศรวล  / เลือดผา
  ๔๖.สามย่าน
๐ สามย่านสามอย่างแท้                                 ย่านอะไร
เห็นแต่มหาวิทยาลัย                                      พระเกี้ยว
ร่ำรวยที่ดินใหญ่                                            หว่านเช่า
รวยวิชาอย่าเลี้ยว                                           เข้ารกพงอธรรม ๐
     ๔๗.สถานีรถไฟหัวลำโพง
๐ วงเดือน Station รถ                     ไฟไทย
งามเด่นดั่งยุโรปใน                                         ทวีปพื้น
เอเชีย Noncivilized                              งมโง่  เถื่อนเอย
มีเช่นหัวลำโพงชื่น                                         ฉะนี้ได้ไฉนหนอ  ฯ
๔๘. ลานพระรูปทรงม้า
๐ ลานพระรูปฯ รวมใจไทยทั้งชาติ                         อภิวาทพระทรงธรรมนำสุขผอง
ขอพระบารมีแผ่คุ้มครอง                                         โปรดปกป้องราษฎรรอดทุกข์เทอญ ๐
๐ ศึกฝรั่งโหดรุ่มร้อน                               ร้ายแรง
รุมล่าเมืองขึ้นแข็ง                                    แข่งค้า
มหาราชเจ้าแสดง                                     ธีรภาพ
รักษ์เอกราชชาติกล้า                                พิทักษ์ได้เสรี  ฯ
๐ ทรงโปรดปลดปล่อยข้า                        ทาสคน
ปวงทาสเป็นไทพ้น                                  บ่วงแล้ว
เสรีเยี่ยงไทชน                                          ไทยเทอด
คุณพระมิ่งเมืองแก้ว                                  จดซึ้งจำนาน  ฯ
๐ เป็นหนี้เฉกทาสข้า                                  ของเขา
หนี้เร่งรัดกุมเอา                                         ชีพม้วย
มหาราชปิยะเจ้า                                         ทรงเลิก  ทาสเฮย
ขอพระบารมีช่วย                                      ปลดเปลื้องไทยไท  ฯ                                        
๐ เกินภาษาแซ่ซร้อง                                  สดุดี
เกินกว่าคำพรกวี                                        เทิดไท้
ทวยราษฎร์รักภักดี                                    รักยิ่ง
คือแก่นจิตเทียบได้                                     แก่นหล้าโลกไทย  ฯ
 

กรุงเทพกำศรวล  /  เลือดผา
  ๔๙.ปีมหามงคล
๐ บรมราชาภิเษกซร้อง                           ครองใจ
ปวงราษฎร์ทั่วถิ่นไทย                             ชื่นหน้า
วารหกสิบสมัย                                        สุดวิเศษ
บุญพสกมีร่มหล้า                                    ปกเกล้าจักรีวงศ์  ฯ
๐ คือปราชญ์ขัตติยะแก้ว                         ก่องสมัย
องค์มหาศิลปินไทย                                ใฝ่กว้าง
เป็นธงวัฒนไชย                                      วัฒนะ  ธรรมเอย
เป็นเลิศนำสรรค์สร้าง                             ส่องฟ้าแดนสยาม  ฯ
๐ ปราชญ์ปรีชญาณยอดล้ำ                      ไผทไทย
เลิศพระนามอำไพ                                   คู่หล้า
ภูมิพลพระมิ่งใจ                                      สยามราษฎร์
เจ้ากระหม่อมปวงข้า                               ไพร่ฟ้าพลสยาม  ฯ
๐ คือเอก  บุรุษ  พิสุทธิ์ชาติ                      คือเอก  อธิราช  คู่สมัย
คือเอก  บุณยชิต  อ่าอำไพ                คือเสา  เอกไทย  ชัยชโย ๐

 

 

 

 

 

 

 

 


กำศรวลกรุงเทพ  /  เลือดผา
   ๕๐.เห่เรือรัตนโกสินทร์
๐ โลกาครืนครึกก้อง                                กังวาน  สนั่นเฮย
ถวายพระพรภูบาล                                    กษัตริย์กล้า
ชลมารคช่างงามธาร                                  เรือราช  พิธีเอย
ประมุขแห่งทั่วหล้า                                   แห่ห้อมฉลองเฉลิม  ฯ
 
๐ หกสิบสิริราช                                        สมบัติมาศสยามมินทร์
เกริกเกียรติทั้งแดนดิน                              ทั้งแผ่นฟ้าสุธาธาร
สยามจัดรัฐพิธี                                          ประเพณีอันอำไพ
สำแดงกระบวนชัย                                   ชลมารคหลากหลายเรือ
อนันตนาคราช                                          แผ่ผงาดงามอะเคื้อ
ธารทองวิไลเรือ                                         ดั่งพังพานนาคพญา
สุพรรณหงส์เหิรมาลิ่ว                            ดั่งฟ้อนปลิวเทิงเวหา
จับจิตเมื่อสบตา                                      ทาบทองทาพญาหงส์
นารายณ์ทรงสุบรรณ                              เทิดราชันย์จักรีวงศ์
นารายณ์คือพระองค์                               ภูมิพลกษัตริย์ไทย
นาวาเฉลิมฉลอง                                      เนืองแน่นท้องชลาไลย
กระหึ่มก้องฟ้าไทย                                  หมื่นแสนพลุพลุ่งพาเพลิน
ลุ่มฟ้ากาหลก้อง                                       ชโยร้องทรงพระเจริญ
สามโลกแซ่สรรเสริญ                              พระบารมีกษัตริย์ไทย ๐                            

กรุงเทพกำศรวล  /  เลือดผา
    ๕๑.ถนนราชดำเนิน
๐  ตีมวยหักศอกตั้ง                              ตีนเตะ
ในสนาม บ่ เกกเกะ                              ต่ำต้อย
นอกสนามหากเละเทะ                         วิวาทเถื่อน
อาจมีรถถังคล้อย                                  เคลื่อนเข้าสกัดกลาง ๐
๐  ผ่านฟ้ามุ่งหน้าสู่                              ประชาธิปไตย
อนุสาวรีย์อะไร                                    โด่เด้
กางปีกอักอุ้มใคร                                  อยู่รอด
พานแผ่นอยู่กลางเล่ห์                           ปักล้อมด้วยปืน ๐
๐  ปืนใหญ่รายล้อมรอบ                       อนุสาวรีย์
คล้องโซ่เวียนวงมี                                 กรอบไว้
ประชาธิปไตยพลี                                  ชีพอยู่  กลางเฮย
เป็นสุสานเตือนให้                                 จบแล้วความฝัน ๐
๐   อนุสาวรีย์แต่งไว้                              คนตาย
  หลงประชาธิปไตยวาย                        วอดแล้ว
  บนพานแผ่นพับร้าย                             บ้าสมุด
   ฤารัฐธรรมนูญดั่งแก้ว                         เศกได้ดั่งหวัง ฯ
๐    เขียนทิ้งเขียนขว้างไว้                       รายทาง
 มีรัฐธรรมนูญวาง                                  มากแท้
 มีไว้ฉีกทิ้งขว้าง                                     ดุด่า
 รัฐคู่ปฏิวัติแก้                                       วาดแล้ววายฝัน ฯ
๐ โค  รสเยาวราษฎร์ต้อง                         ติดใจ
     ข-  ยะ fast food วัย                      วุ่นว้า
      ละ รส berger อะไร                       เทียมเท่า
      สุ   จริตติด pizza                   ขอบcheeseมันจริง ๐ 
๐    คอกวัวคอกครอบค้ำ                         คอคน
 วัวประชาธิปไตยวน                               จมูกรั้ง
  มีหนึ่งยอดโผล่ยล                                 รำลึก
  สิบสี่ตุลาครั้ง                                         ก่อนกี้ลืมหาย ฯ                                      


กรุงเทพกำศรวล / เลือดผา
    ๕๒
               สยามรัฐ
๐ บางคนปากเป็นไท                                  แต่ใจทาสขายชาติได้
คนผิดจิตจัญไร                                            สื่อค้านไปตลอดกาล
ชมคนที่ควรชม                                           และต้องข่มพวกหมู่มาร
 หมู่ชั่วเลวสันดาน                                     “สยามรัฐ”จะข่มมัน
อย่ารักไทแต่ปาก                                        สื่อช่วยลากไส้ประจัญ
“สยามรัฐ”สู้ทุกวัน                                   จงช่วยกันมั่นทุกคน ๐
๐ ข่าว  ข่าวข่าว  เรื่องราวมากมาย           ข่าวดี  ข่าวร้าย  วุ่นวายสับสน
โลกนี้  ยุ่งเหยิง  เพราะมีคน                  คนคน  วุ่นจน  กว่าสูญพันธุ์
น่าเสียดาย  ข้อมูล  ที่ก่ายกอง               ล้นเหลือ  เนืองนอง  ไม่สรรค์สร้าง
 คนไทย  ชอบของ  เน่าทั้งนั้น              สิ่งเจริญ  ปัญญา  ข้าไม่เอา
สื่อสิ่งพิมพ์  ทำมา  เป็นร้อยปี              ภูมิปัญญา  ดีขึ้น  หรือยิ่งเขลา
รู้ทันโลก  หรือติดโรค  เพิ่มมัวเมา         คุณธรรม  ซบเซา  หรืองอกงาม
ไม่ขอหวัง  อะไร  ต่อไปแล้ว               เพราะคนไทย  แพร้วเพริด  เลิศโลกสาม
“คน”เทวดา “สื่อ”ก็เทวดาสง่างาม        ไหนเล่า  จะฟังความ  จากธุลี  ๐

กรุงเทพกำศรวล / เลือดผา
   ๕๒.สนามหลวง
   ๕๓.ธรรมศาสตร์
๐ มหา’ลัยหลายแหล่งล้วน                               เลิศดี
วิทยะประมวลมี                                                มากล้น
บัณฑิตปริญญาตรี                                             เดินเกลื่อน
คนเหล่านั้นไม่พ้น                                             ครอบด้วยความหลง  ฯ
๐ หลงสีหลงพวกพ้อง                                       ของตน
หลงผิดคิดมัวมน                                                มืดหน้า
หลงอัตตาว่าตน                                                 เป็นใหญ่
หลงเกลศแก่กล้า                                                กลัดกลุ้มทุกข์ทน  ฯ
   ๕๔
๐ มุ่ง”อรุณอมรินทร์”ข้ามฟาก                          ธนบุรี
ปีน”ปิ่นเกล้า”ป่นศรี                                          สง่าแล้ว
สะพานแทรกปานกลี                                          สู่ราช  ดำเนินเฮย
ใจแก่น”เมืองพระแก้ว”                                     ฉีกริ้วเพราะสะพาน  ฯ
   ๕๕
๐ เมือง”หลวงพระแก้ว”ก่อง                            เก็จงาม
กลางราชธานีนาม                                              เลิศนี้
ไม่ควรลากสะพานข้าม                                      ถนนมาก  ยุ่งแฮ
ผิดพลาดผังเมืองกี้                                              เก่าครั้งเผด็จการ  ฯ

 


กรุงเทพกำศรวล / เลือดผา
   ๕๖
๐ จรัญสนิทฯฝากไว้                                          สนิทวงศ์
ราชทินนามคง                                                   อดีตชื่อ
สู่รู้คิดว่ายง                                                         ยอดเก่ง  อวดแฮ
จรัญเปลี่ยนเป็นจรัลยื้อ                                      สื่อให้เห็นเขลา  ฯ
   ๕๗
๐ “คอมมอนเวลล์”ปิ่นเกล้า                             คอนโด  สูงแฮ
อนาถตึกสูงโต                                                   ใหญ่แท้
เหงาเงียบมืดโทนโท่                                          ดูเปลี่ยว
จารึกเสี่ยสองแย่                                                 วิกฤติครั้งไทยเขลา  ฯ                                                                     ๕๘
๐ บรรหารนายกฯ ครั้ง                                     นานมา
จากสุพรรณบุรีค้า                                            เฟื่องฟุ้ง
บางบำหรุระอา                                                ผีดุ นักเอย
วัดรวกลึกออกทุ่ง                                             เก่ากว้างบางบัวทอง ฯ
๐ รถไฟรถเก่าครั้ง                                           โบราณ
เรียกตรอกวรพงษ์ขาน                                     ชื่อไว้
แหล่งตลาดเทเวศร์สถาน                                 ท่ารถ  ฝั่งเอย
ทางสุดบางบัวทองไซร้                                    รถนี้เอกชน ฯ
๐ ถนนจรัญสนิทวงศ์สร้าง                               ตามมา
สวนปู่เวนคืนพา                                              หดน้อย
ดินปู่ถวายหลวงค่า                                          ช่วยชาติ พลีเอย
“ขุนนาถจำนง”จ้อย                                       เจียดสร้างทางจรัล ฯ   

 

 

 

 

กรุงเทพกำศรวล / เลือดผา
    กำศรวลอดีต   เด็กบ้านสวน
 ๐  ความเศร้าเอยไยเฝ้าร้อยรัดข้า                      ทุกเพลาเจ้ามิร้างห่างหาย
 คงอยู่คู่กันจนวันตาย                                    สิ้นหมายจะตัดเจ้าจากอุรา ๐
   ๖๖
๐  ตะวันแสงแจ่มจ้า                     เจิดไกล
จรลับลาคลาไคล                         จากฟ้า
ทั้งสวนมืดหมดไม้                       พรรณหมู่
คืนหนึ่งหวนปลอบหล้า               ค่ำเช้าเวียนวน  ฯ
   ๖๗
๐ เวียนวนอาทิตย์ขึ้น                     ทอแสง
ภิกษุโปรดสัตว์แสดง                     ส่งหล้า
ตะวันรุ่งโรจน์แรง                         ประกาศ  สัจจะเอย
คือประทีปของข้า                          ส่องชี้ทางเห็น  ฯ
   ๖๘
๐ วันวันผ่านพ้นรี่                           เร็วนัก
แสงลับจึ่งพอพัก                            ผ่อนบ้าง
เหนื่อยเหน็ดผ่านงานหนัก             ยังชีพ
คืนค่ำชมจันทร์สล้าง                      เหนื่อยนั้นพลันหาย  ฯ
   ๖๙
๐ คืนใดคืนหนึ่งโอ้                        เดือนแรม
 จันทร์พักตร์เจ้าเดือนแจ่ม             หลบหน้า
นิดนิดจุดดาวแต้ม                          ฟ้าเปรอะ
แหนงหน่ายคืนผ่านช้า                   ทุกข์เร้ารอยฝัน  ฯ
   ๗๐
๐ หะหายกระต่ายเต้น                     ชมแข
ฝันเฟื่องเปล่าเปลืองแปร                 ภพกว้าง                           
พระจันทร์แจ่มกระต่ายแล              หลงจิต
ต้อยต่ำอยู่อ้างว้าง                            ดั่งข้าขื่นขม  ฯ

 

กรุงเทพกำศรวล  /  เลือดผา
   ๗๑
๐ มองฟ้าคืนนี้มืด                          พ้นแสง
ดาริกาล้วนแหนง                           หน่ายฟ้า
ยอดไม้รับลมแรง                           ยามดึก
หน้าเปรอะเปรอะชื้นฝ้า                 หยดน้ำตาไหล   ฯ
   ๗๒
๐ ฟ้าว่างเปล่าเศร้านัก                     ใจหวน
ขาวสกาวเนื้อนวล                           นึกน้อง
ตะคุ่มพุ่มพฤกษ์ยวน                       เสน่ห์
ยามดึกเหินห่างต้อง                        ตากน้ำค้างเย็น  ฯ
   ๗๓
๐ เย็นที่เล็บเหน็บล้า                        เย็นขน
เย็นจมูกหนังตาจน                          เกือบบ้า
เย็นเส้นโลหิตหน                            เย็นเลือด
เย็นอยู่ลึกดึกช้า                               เยือกเต้นกระดูกหนาว ฯ
   ๗๔
๐ ฝนพรำน้ำฉ่ำชื้น                          โชยพา
โชยกลิ่นระรินมา                             เพื่อให้
ให้จิตพี่หวลหา                                หอมกลิ่น
หอมกลิ่นกลัดดอกไว้                      สู่เส้นเกศา  ฯ
   ๗๕
๐ แก้วเกล้าเก็บกลิ่นแกล้ง                หนใด
ขาวเด่นขับช่อใบ                              ชื่นหน้า
หอมกลิ่นเร่งพี่ให้                             ร้อนเรา  ถวิลแม่
ร้อนรุ่มรุ่มร้อนบ้า                              บอกเฟ้นควานหา  ฯ

 

 

 

กรุงเทพกำศรวล
   ๗๖
๐ ๐ โอ้แก้วเจ้าซ่อนเร้น                                 ดอกงาม
ยั่วยุพี่ติดตาม                                                  ไต่เต้า
นั่นตาพี่ขวาดทราม                                        โสตรเสื่อม  ฤาแม่
นั่นแม่คนงามเจ้า                                            ยั่วยิ้มแก้มพอง   ฯ
   ๗๗
๐ พี่ค้นหากลิ่นแก้ว                                       นานมา
จิตโง่มิรู้ว่า                                                     นุชน้อง
ตัวพี่นี่หลงอา  --                                            วรณ์กลิ่น  นักเอย
โอ้ที่แท้แม่พร้อง                                            พี่คว้าสู่ทรวง  ฯ
   ๗๘
๐ ดวงดาราพร่างฟ้า                                       คืนแรม
ดาวกระจ่างแจ่มเขตร                                     ขอบหล้า
กระพริบพริบพรายแซม                                 แสงโศก
ยลพักตร์เจ้านวลหน้า                                     แผ่นฟ้าเรียมเห็น  ฯ
   ๗๙
๐ รักเร่งเรียมเร่าร้อน                                      รวนเร
แรกริรักร่อนเร่                                               ร่างร้าง
รอนรอนร่ายเรี่ยมเร้                                        ริมร่อง
รอบรอดรูเรี้ยวสร้าง                                       เรื่องริ้วร่องโรย  ฯ
   ๘๐
๐ รีรีโรยรักร้อง                                              เรียกแรง
 รางแร่รากร่องแตง                                        รกร้าน
แร้วริดรอกแรกแทง                                       แร้งแร่ง
ระร่อนแรมร้างบ้าน                                       เรียมเร่ารอหา  ฯ

 

 

 

กรุงเทพกำศรวล  /  เลือดผา 
    ๘๑
๐ จะประจงกลีบดอกไม้                              ช่อเอนแกว่งไกว
รวีละออทอแสง
 หวลรสพระธรรมแสดง                               อาทิตย์ส่องแสง
เด่นดวงอัสดงลงดิน
กลีบอ่อนอ่อนโรยรอยยิน                             ยลพักตราผิน
ไม้ดอกผลิดอกออกงาม
แมลงภู่ผึ้งร่อนว่อนตาม                    กลีบเกสรงาม
ฟอนเฟ้นเค้นหาน้ำหวาน
โตนดฟ้าแมกไม้หมู่ตาล                               ลมพัดโปรยผ่าน
ระบัดชื่นช่อกุหลาบไกว
 ข้าวกล้าในนาน้ำใส                                      ดั่งพรมปูไว้
เขียวสดขจีพลิ้วลม
ยามเย็นเย็นโชยพัดผม                                    ลิ่วลู่สู้ลม
อ่อนไสวเป็นริ้วแลดู
 ขว้าไคว่ในความว่างอยู่                                 มืดมืดก็รู้
เช่นแหย่งในความว่างเปล่า
แหย่งอารมณ์ครวญความเศร้า                         ในใจขุ่นเมา
มืดมัวในห้วงภวังค์  ๐                                                                                                                                                                 

 

 

 

 

 


กรุงเทพกำศรวล  /  เลือดผา
   ๘๒
๐ ไม้ดอกออกกลิ่นกล้า                              แสบฉุน
ใช่มะลิละมุน                                             อิ่มอ้อม
ราตรีร่านแรงรุน                                        รักร่วม  เสน่ห์แม่
คืนรักพะพรั่งพร้อม                                   เสน่ห์ไม้ดอกหอม  ฯ
   ๘๓
๐ เรือนอ้อมออกสะอิ้ง                               สิเหน่หา
ยักยะย้ายคิ้วพา                                           รักร้อน
นวลเนื้อนิ่มเนินน่า                                     เนาแนบ  แอบเอย
ระร่ายเริงร่อนฟ้อน                                     ฟัดเฟ้นกานสงวน  ฯ
   ๘๔
๐ ราตรีย่ำค่ำแล้ว                                        หอมไกล
ขจรกลิ่นอบอวลใจ                                     ร่ำร้อง
ราตรีมืดมิดไย                                            มากกลิ่น
ประดับฟุ้งฟายฟ่อง                                    ฝากฟื้นธรณิน  ฯ
   ๘๕
๐ ยลเจ้าจิตคลั่งได้                                      พิศวง
ฉุกกลิ่นดั่งอนงค์                                         นุชน้อง
สาวกำเดาะจึ่งหลง                                      กลิ่นกล่อม
จริตรักหนักอกต้อง                                     คลั่งเพ้อละเมอถึง  ฯ
   ๘๖
๐ ราตรีกลิ่นจูบเจ้า                                     นวลนัก
พายพัดเพียงโปรยรัก                                 หนึ่งแท้
ขาวเด่นเด่นกลิ่นจัก                                   ใครเปรียบ
กล่อมรัตติกาลแก้                                       ห่างน้องจึ่งครวญ  ฯ 
๐ อมตะอักขระนี้                                        จงยล
ฉายาอักษรกล                                             แต่งไว้
มอบให้แด่ดวงกมล                                     ยามห่าง
เตือนจิตเจ้าจงได้                                         ซ่อนเร้นแต่ใจ ฯ

 

 


กรุงเทพกำศรวล  /  เลือดผา
   ๘๖
๐ ฟ้าหม่นทนทุกข์เศร้า                      
ครวญคร่ำถึงนวลเจ้า                      โศกล้ำใครเสมอ  ฯ
   ๘๗
๐ หวลกลิ่นกุหลาบเอื้อ
กลิ่นชิดสนิทเนื้อ                              สนิทน้องครองใจ  ฯ
   ๘๘
๐ เรื่องรักใครหักได้
โปรดนุชมอบใจไว้                          แก่พี่ได้ฤา  ฯ
   ๘๙
๐ ฤดีฤแดดั้น
ดวงจิตถนัดรั้น                                  รักเจ้านักเอย  ฯ
   ๙๐
๐ ถลำรักนุชแล้ว
โอ้แม่เนื้อนวลแก้ว                           สุดห้ามคิดถึง  ฯ
   ๙๑
๐ ฟ้าสูงดินแผ่นน้ำ                        
ต่ำก้อต่ำลิ่วล้ำ                                 สุดหล้าจบแดน  ฯ
   ๙๒
๐ รั้วกั้นแยกจิตเจ้า
ฤาพี่นี้จะเข้า                                   บ่ ได้  แล้วเอย  ฯ
   ๙๓
๐ กำแพงหนาแบ่งกั้น
รื้อรักหักสะบั้น                             จบสิ้นเสียที  ฯ

 

 

 

กรุงเทพกำศรวล  /  เลือดผา  
                                       ๙๔
๐ เสน่หาอาลัย                              บนใจที่แห้งโหย
ยิ้มบนใบหน้าโรยโรย                   ใครโว้ยตะโกนก้องร้องไป
ยามเมื่อเมารักยิ่งสุรา                     ความบ้าเข้ามาพาให้
โหมหื่นกำหนัดใน                        หัวใจเป็นหนองร่ำร้องมา
เมื่อตระหนกอกใจสั่น                   เดินไปกลางวันน้ำไหลซ่า
หวลคิดแต่ไม่มีเวลา                       จะมาพินิจสำรวจดู
ยุงนับแสนบินแว่นว่อน                  แล้วร่อนหลบหลีกซ่าซู่
ยุงระยำมันทำกู                               เจ็บแสบแปลบปลาบคันคัน
จะนั่งผ่อนอารมณ์กลางคืน             จะฝืนอารมณ์ข่มขวัญ
ใครใคร่ไขว่คว้าดวงจันทร์              มนุษย์มันก็เสือกไปเหยียบจันทร์
มันเหยียบเสียจนป่นปี้                     ราตรีแต่นี้ฤามีฝัน
คงมีแต่การสืบพันธุ์                         ไว้หยันเราผู้ไร้คู่นอน  ๐
๐ ขวัญเอย                                        ทำแล้วแล้วเลยจงลืมเสีย
เมื่อทุกข์โรยราได้ลามเลีย                 และไฟบาปสาปเสียอุราตรม
นุชเอย                                              เจ็บจิตปวดเนื้อเหลือจะข่ม
หัวใจแหลกเหลวเละระบม               ขื่นขมเมื่อโรยลีบกลีบผกา
โรยเอย                                              ดอกไม้ร่วงหายสุดค้นหา
แมกไม้พงไพรในพนา                      สุมรุมอุรารุ่มร้อนทรวง
จันทร์เอย                                          จันทร์แจ่มเยี่ยมฟ้าฟากสรวง
ผ่องสกาวกลางนภาเด่นดวง              น้ำตาร่วงขณะฟ้าระยิบ ๐
๐ จันทร์โรยขวัญนุชแล้ว                   อยู่ไหน
จันทร์หลบหรุบซ่อนใน                    หลืบฟ้า       
มากมืดพุ่มพฤกษ์ไพร                บังจิต  
โหมหื่นฤดีกล้า                                  จากฟ้ามาเผลอ  ฯ           

เมื่อบ้า
๐ กู Sick  กู Sick  รู้ไหมไอ้สัตว์
กูเศร้า  กำหนด  แสนหม่นไหม้
กูเหงา  วังเวง  เปลี่ยวว่างใจ
กูเบื่อ  อะไร  สารพัน
กูบูด  เหม็นเบื่อ  คนโลกนี้
กูโบก  ชีวิต  คิดผกผัน
กูแสบ  หัวใจ  เจ็บจาบัลย์
กูโศก  ทุกวัน  หวั่นหวาดกลัว
กูซ่าน  ระรัว  เหมือนจับไข้
กูร่าน  ทุรน  หม่นหมองใจ
กูร้อน  ร้อนกาย  โลกระยำ
กูพัก  เพราะเหนื่อย  เหนื่อยทุกส่วน
กูผ่อน  ยิ้มสรวล  ตลกขำ
กูนอน  คนเดียว  คืนฝนพรำ
กูหง่าว  สุดทน  ทำไงดี
กูแวด  เหลือเกิน  กับชีวิต
กูร้าว  ลิขิต  พรหมเปรตผี
กูทน  ทนอยู่  โลกอัปรีย์
 กูดี  กูชั่ว  กูธรรมดา ๐
   ๙๖
๐ กลับมาสู่บ้านเก่าเคยเนานาน
เหตุไฉนวิญญาณเหงาเศร้าสร้อย
ถึงยามดึกหนาวน้ำค้างพร่างพร้อย
ย้อยย้อยหยาดหยดรดแผลเก่า
เหมยใกล้รุ่งมาเคลียคลอเหมือนก่อน
ครั้งเมื่อยังละอ่อนจมเหงาเศร้า
ชีวิตวนเวียนเปลี่ยนภาพเงา
โลกย์ล้อเล่นกับเรานิรันดร ๐

 

กรุงเทพกำศรวล  /  เลือดผา
  ๙๗. เคยฝันวัยเด็ก  แก่แล้วกลับเป็นเด็ก
๐ โดดทะเลเหลืองน้ำ                              สุรา
กระหื่นสุขแล้วพา                                    จิตฟุ้ง
ทะเลเหือดแล้วมา                                     เติมอีก
หลงล่องลอยไต่รุ้ง                                    สู่อ้อมภพโน้นไหนไหน  ฯ
  ๙๘
๐ ดื่มกินชีวิตกลางหาว                             ยิ้มแพรวพราวเสน่หา
ปะแล่มแกล้มสุรา                                    สนุกชีวาไปวันวัน
ราดรดสุราถวิล                                        โซดารินหลั่งความฝัน
น้ำแข็งก้อนน้อยนั้น                                 กระทบกันเป็นทำนอง
เทน้ำทองแดงกรอก                                 กระฉอกฉานซ่านฟูฟ่อง
ลงอาบเล่นร่ำร้อง                                     หลงลืมสวรรค์อำไพ
ลาบหลู้อยู่ตรงหน้า                                  บรรจงมาเข้าปากใส่
อร่อยลิ้นดิ้นแดใจ                                    ทำไมกับชีวิตงัว
พิศวงหลงใหลนัก                                   จมปลักสุราน่าหัว
ผลกรรมติดตามตัว                                  หลงเมามัวชั่วน่าอาย
เธอไม่เข้าใจหรอก                                   ถึงบอกก็จะสาย
ฉันเมาไม่เว้นวาย                                     เบื่อโลกสกปรกสารพัน
สังคมที่คับแคบ                                        แสนเจ็บแสบใจคนนั้น
เหวยมนุษย์ปัจจุบัน                                  มันต่ำชั้นเดรัจฉาน  ๐
  ๙๘
๐ เบื่อเบื่อโลกมนุษย์ล้วน                   จังไร
เมืองบีบกระชากใจ                             ขาดวิ้น
ไผเก่งโปรดช่วยให้                             โลกร่ม  เย็นเทอญ
ผู้ต่ำต้อยน้อยดิ้น                                  สู่อ้อมภพโน้นไหนไหน  ฯ    
 
   ๙๙
๐ รอบกายวายวุ่นนี้                      ยังมี
เพียงหนึ่งสิ่งเดียวที่                      ถ่องแท้
อมตระพุทธวจี                             สอนสั่ง
รู้ละตนเร่งแก้                               กล่อมเกลี้ยงกิเลศบาง  ฯ
   ๑๐๐
๐ กลิ่นกุหลาบซ่านซึ้ง                 นาสิก
หอมชื่นรื่นระริก                         สวาทแท้
กลีบอ่อนอ่อนรอยหยิก               ช้ำชอก
กุหลาบเสื่อมสุดแก้                     กลับให้เหมือนเดิม  ฯ
   ๑๐๑
๐ กุหลาบเมื่อแล้งย่อม                  แห้งเหี่ยว
เหมือนเช่นชีวิตเชียว                    ใช่น้อย
คิดไปยิ่งให้เสียว                           ซ่านจิต
เดือนสว่างข้างขึ้นคล้อย               ไม่ช้าเดือนแรม  ฯ
   ๑๐๒
๐ ชีวิตตนนี้ใช่                               ของเรา  จริงฤา
บังคับเกิดแก่เฒ่า                             รึได้
ชีวิต บ่ แน่เจ้า                                 จำใส่  ใจนา
ทิ้งอัตตาปลดให้                             หนักพ้นเบาสบาย  ฯ
   ๑๐๓
๐ พายุพัดสะท้าน                          ดวงจิต
ไม้กิ่งชิงกันปลิด                            จากขั้ว
ครั้งก่อนเคยแนบชฃิด                    ก้านกิ่ง
ลมพัดโลกปราศรั้ว                         กีดกั้นธรรมา  ฯ
    ๑๐๔
๐ พลังธรรมชาตินั้น                      อนันต์นัก
ต้นกิ่งไม้โค่นหัก                           ป่นปี้
กายเก่าแก่เกินกัก                           ยื้อเก็บ  กายเฮย
ถอนรากถอนโคนชี้                       หมดสิ้นอายุขัย  ฯ
  
๑๐๕
๐ เปรียบเช่นชีวิตนี้                        ใบไม้
วันหนึ่งย่อมจากไป                        ปลิดขั้ว
สู่ดินเน่าเสื่อมไซร้                          สูญหมด
ชีวิตเกิดแก่กลั้ว                               เจ็บแล้วมรณา   ฯ  
   ๑๐๖
๐ หนังสือร่ายเรื่องไว้                     สาธารณ์
หวังฝากฝีมือกานท์                        กาพย์แก้ว
โคลงกลอนสืบฝันสาน                  อุดมคติ
หวังวาดศิลป์เพรดแพร้ว                สื่อถ้อยถมฝัน  ฯ
   ๑๐๗
๐ เขียนทิ้งเขียนขว้างเฮี่ย                ฮายทาง
ชีพชั่วที่เลยห่าง                          ผ่านแล้ว
อุดมคติเจื่อนจาง                            ใครกร่อน
สิ้นยุคกวีวัจน์แก้ว                          สาดทิ้งเทเสีย ฯ
   ๑๐๘
๐ เขียนขีดสร้างสุขให้                   ตัวเอง
สุขนักยามคร่ำเคร่ง                        คิดค้น
ฝันกวีว่าบุญเพรง                           ดีก่อ  เกื้อเอย
ฝันฟ่องฟ้าฝ่าพ้น                            พรากห้วงบ้าอบาย  ฯ
   ๑๐๙
๐ บ้าบ่นกวีวัจน์ไว้                        ใครเห็น
ชีพหนึ่งสูญค่าเป็น                         เศษแก้ว
หวังประดับตีนเมรุ                        เผาศพ  กวีเอย
ทูนเทิดศิลป์เพริดแพร้ว                 กราบผู้สรรค์ศิลป์  ฯ
   ๑๑๐
๐ วิงวอนชนรู้จัก                           เข้าใจ
ศิลป์ศาสตร์หมื่นแสนใด               ไม่พ้น
จากอักขระรื่นใส                           คำหยาด
คำคิดคำมากล้น                              แหละต้นธารศิลป์

   ๑๑๑
๐ ขีดเขียนรับใช้โลก                   ดังฝัน
โลกย์ บ่ รับยังดัน                        แด่วดื้อ
ธรรมะอธรรมยัน                        กันอยู่  นิรันดร์เอย
ภพชาติเกิดล้านตื้อ                        ห่อนรู้ลืมศิลป์  ฯ




บทร้อยกรอง

ไหว้ครูดนตรี
บทโคลงไว้อาลัย สมเด็จพระสังฆราช
บทกวีชุด "เจ้าผีเสื้อเอย" วีระศักดิ์ ขุขันธิน
บ้านกับหนังสือ
วัดราชโอรส
บทอาลัย สนาม จันทร์เกาะ
บทกวี พระเจนจีนอักษร ถวายพระพร กรมดำรงฯ
คมแห่งความคิดถึง เอนก แจ่มขำ
ร่มเกล้า
ปริศนารัก
พระธาตุหลวงเวียงจัน, ลาว-ไท มั่นยืน
问 诗 人ถามกวี
มองบทกวี (ทรรศนะวิจารณ์การเขียนกลอน) ๒
มองบทกวี (ทรรศนะวิจารณ์การเขียนกลอน) ๑
พระปิยมหาราชรำลึก
กรับไม้ลา อาลัยครูแจ้ง
กวีภาษาจีน ทองแถม นาถจำนง
บทกวีของ ประยอม ซองทอง
บทกวีไว้อาลัย ยอดรัก สลักใจ
ผังร้อยกรอง
อหังการคนข่าว
คู่บุญท่านสุนทร
รวมบทร้อยกรอง article
เขียนให้น้อง article
อายุสิบขวบ article
สิบสี่อีกครั้ง article



bulletผลร้อยกรองออนไลน์ 2558
dot
ประกวดร้อยกรองออนไลน์ครั้งที่ 7
dot
bulletข้อมูลการประกวดครั้งที่ 7, 2557
bulletผังร้อยกรอง
bulletอ่านโคลงประกวด 2557
bulletอ่านกลอนประกวด 2557
bulletอ่านกาพย์ยานีประกวด 2557
bulletผลการประกวดร้อยกรอง ปี 2557
dot
ข่าวสาร ข้อมูลสมาคม
dot
bulletกรรมการสมาคมสมัยที่ ๑๕-๑๖
bulletนายกสมาคมสมัยที่ ๑๗
bulletติดต่อนายกสมาคมนักกลอน
bulletติดต่อฝ่ายดูแลส่วนต่างๆ
bulletสมัครสมาชิกสมาคมนักกลอน
bulletนักกลอนตัวอย่าง ๒๕๕๓
dot
หัวข้อน่าสนใจ
dot
bulletรวมลิ้งค์เว็บไซต์น่าสนใจ
bulletส่งบทสักวา น.ส.พ. สยามรัฐ
bulletวารสารวิทยาจารย์ รับต้นฉบับ
bulletส่งข้อเขียนครูในดวงใจ
dot
แนะนำหนังสือ
dot
bulletหน้ารวมหนังสือ
bulletคู่มือเรียนเขียนกลอน
bulletกาสรคำฉันท์ - สมคิด สิงสง
bulletหนังสือสุรินทร์สโมสร
bulletฝากโลกนี้ไว้ในหัวใจเธอ - กอนกูย
bulletเลือน - อติภพ
bulletธาร ธรรมโฆษณ์
bulletนายทิวา
bulletกลอนเกียรติยศ
bulletอ้อมกอดแห่งท้องทุ่ง
bulletทองแถม นาถจำนง
bulletพงศาวดารพิภพ
bulletโป๊ยเซียน คะนองฤทธิ์
dot
โครงการประกวดต่างๆ
dot
bulletนายอินทร์อะวอร์ด ๒๕๕๖
bulletประกวดรางวัลซีไรท์ปี ๒๕๕๖
bulletรางวัลพานแว่นฟ้า ปี ๒๕๕๖
bulletรางวัลวรรณกรรมรามคำแหง ๒๕๕๖
dot
ผลตัดสินรางวัลต่างๆ
dot
bulletรางวัลศรีบูรพา ๒๕๕๖
bulletผลรางวัลซีไรต์ ๒๕๕๗
bulletผลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ๒๕๕๗
bulletผลรางวัลแว่นแก้ว ๗ (๒๕๕๓)
bulletผลกลอนวิถีคนกับควาย
bulletผลร้อยกรอง “ผมจะเป็นคนดี”
bulletรางวัลนราธิป ๒๕๕๓
bulletนักเขียนอมตะ คนที่ ๖ (๒๕๕๕)
bulletนักเขียนรางวัลศรีบูรพา ๒๕๕๖
bulletศิลปินมรดกอีสาน ๒๕๕๔
bulletผลรางวัลพานแว่นฟ้า ๒๕๕๕
bulletผลรางวัลรามคำแหง ๒๕๕๖
bulletศิลปินแห่งชาติ ๒๕๕๕
bulletผลประกวดหนังสือ ชีวิตใหม่ 2
dot
ข่าวคราวของลมหายใจ
dot
dot
Weblink
dot
bulletอ่านกลอนประกวด 2556

หนังสือพิมพ์ คมชัดลึก
สมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย
ศูนย์ให้คำปรึกษาปัญหาภาษาไทย มศว
เว็บรวมกระทู้ อาศรมชาวโคลง ใน pantip.com
หนังสืออีศาน


Copyright © 2010 All Rights Reserved.
ติดต่อ นายกสมาคมนักกลอนแห่งประเทศไทย ทองแถม นาถจำนง
โทรศัพท์ ๐๘๙-๑๒๓๔๗๕๔ อีเมล์ tongtham.n@hotmail.com

สำนักพิมพ์แม่โพสพ