ยิ่งกระจะยิ่งกระจ่างอยู่กลางใจ
เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
พี่ๆ ตำรวจ...ๆ...อย่ายิ่งเข้ามาครับ พวกเราไม่มีอาวุธ...เราชุมนุมกันอย่างสันติ...พี่ๆตำรวจ...
เสียงตะโกนขอร้องจากเวทีกลางสนามธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ท่ามกลางเสียง วี้ด...บึ้ม!!
ไม่เสียงตะโกนเชียร์นะ วี้ด...บึ้ม!! นี่เป็นเสียงปืนกระสุนจรวดไร้แรงสะท้อนที่ยิงจากรั้วประตูด้านสนามหลวง บ้างข้ามมาทะลุตึกบัญชี
และบ้างตกในสนาม ซึ่งส่วนใหญ่ คือคนหนุ่มสาว นักศึกษา นักเรียนและประชาชน ที่ชุมชนกันข้ามวันข้ามคืนแน่นสนาม
ขณะเสียงจากวิทยุยานเกราะ รายงานข่าวตลอดเวลาว่าเกิดเหตุร้ายแรงในธรรมศาสตร์ มีกองกำลังไม่ทราบสัญชาติเข้าแทรกแซงต่อสู้ดับหน่วยปฏิบัติงานปราบปรามของทางการบ้านเมือง ของประชาชนอย่าผ่านบริเวณนั้น เรากำลังปราบปรามขั้นเด็ดขาด
ข่าวรายงานความคืบหน้าทุกระยะตลอดเวลากระทั่วว่า กองกำลังของทางการได้ควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว ขอให้ประชาชนอยู่อย่างปกติไม่จำเป็นอย่าผ่านไปแถวนั้น
รายงานเป็นระยะว่าได้จับกุมบรรดาผู้นำการก่อความไม่สงบไว้หลายคนแล้ว และว่า พบอุโมงค์ลับใธรรมศาสตร์เป็นที่ซ่องสุมอาวุธร้ายแรง
จิ๊กโก๋ในซอยแถวบ้านสองสามคนออกจากซอยอย่ารีบร้อน ตอบเสียงรู้จักทักถาม กลางเสียงวิทยุรายงานข่าวลั่นซอย
จะไปยิงพวกนักศึกษามัน แม่งซ่านัก
พลางขยับชายเสื้อพอเห็นด้ามปืนพก
โกลาหลนั้นลามจากสนามธรรมศาสตร์มาจนสนามหลวง ทั้งจับนักศึกษาแขวนคอกับต้นมะขาม ถูกเอารองเท้ายัดปาก ฟาดด้วยเก้าอี้เหล็ก
บ้างจัดศพนอนเรียง แล้วเอาไม้แหลมตอกอก..สะกดวิญญาณ!
ใกล้แม่ธรณีบีบมวยผม มุมสนามหลวงควันปะทุคลุ้งด้วยไฟจากยางรถยนต์เผาศพที่ถูกลากมาเผาบริเวณนั้น
นักข่าวเดินกลับโรงพิมพ์เพื่อรายงานข่าวที่ได้เห็นทั้งหมดนั้น ขณะเดินอยู่บนทางเท้าถนนราชดำเนิน สวนกับแม่เฒ่าผูกผ้าพันคอลูกเสือชาวบ้าน นักข่าวถามว่า
ยายจะไปไหนน่ะ
ยายจะไปช่วยในหลวงท่าน...
ยายตอบพลางเดินพลางอย่างไม่รีรอสู่สนาม
วันนั้น คือในที่ 6 ตุลาคม 2519 ถึงวันนี้นับได้สามสิบเอ็ดปีบริบูรณ์
มันนานเหลือเกิน ต่อผู้เกิดไม่ทัน
แต่มันเหมือนเมื่อวานนี้เอง ต่อผู้ผ่านเหตุการณ์นั้นมา มันเหมือนสดๆ ร้อนๆ เมื่อสักครู่นี้เองนี่นะ
ชาวบ้านร้านซ่องแถวท่าพระจันทร์ใจดี ให้นักศึกษาหลบในร้านเปลี่ยนเสื้ผ้าเป็นคนขายของ
ขณะอลัชชีใจร้าย เรียกนักศึกษาที่หัวซุกหัวซุนหลบเข้าวัด เปิดกุฏิให้ซ่อนจนแน่นห้องแล้วท่านก็คล้องกุญแจขังไปตามตำรวจมาต้อนขึ้นรถ
พี่ๆ ตำรวจ พร้อมจิ๊กโก๋ชุลมุนกันการถีบเตะนักศึกษาทั้งกลางสนามธรรมศาสตร์ที่ถูกให้ถอดเสื้อคลานไปรวมกลุ่ม นักศึกษาหญิงเหลือเสื้อชั้นใน ขณะนักศึกษาชายเปลือยท่อนบนล่อนจ้อน แม่ถนนนอกกำแพงระหว่างธรรมศาสตร์กับวัดมหาธาตุก็ไม่เว้นที่ต้องทาบอกเปลือยบนถนนร้อนระอุนั้น
สามสิบเอ็ดปีนี่แล้ว ที่แต่ละภาพยังกระชับกระชัด และยัง กระจะกระจ่างอยู่กลางใจ
คือ เส้นทางประชาธิปไตย ที่ขรุขระไปด้วยเสี้ยนหนามเผด็จการ รายทางนี้จึงเต็มไปด้วยเลือดและน้ำตาอยู่เสมอมา
คนที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยนั้นมีศัตรูที่ชัดเจนเสมอ ศัตรูนั้นคือ เผด็จการ
ส่วนผู้เผด็จการนั้น เขามักปฎิเสธตัวเองเสมอด้วยการอ้างความชอบธรรมจากการได้มาซึ่งอำนาจ
เพราะฉะนั้น ศัตรูของเขาคือ ผู้ไม่หวังดี ผู้ต้องการโค่นล้มอำนาจ และที่สุดคือ ผู้ก่อการร้ายที่ต้องกำราบให้สิ้นซาก
การต่อสู้ของคู่ขัดแย้งนี้จึงมักรุนแรงเสมอเพราะต่างมีศัตรูกันคนละตัว
ฝ่ายประชาธิปไตยจะเห็นผู้ใช้อำนาจอย่างไม่เป็นธรรมว่าเป็นเผด็จการ ดังนั้น รัฐบาลจึงมักตกเป็นผู้เผด็จการเสมอ เมื่อรัฐบาลใช้อำนาจอย่างไม่เป็นธรรม แม้รับบาลนั้นจะมาจากการเลือกตั้งตามวิถีทางประชาธิปไตยก็ตาม
ฝ่ายผู้เผด็จการ นอกจากไม่รู้ตัวว่าตนเป็นผู้เผด็จการ เพราะหลงครองอำนาจโดยธรรมแล้ว ก็ยังคิดว่า การใช้อำนาจบนพื้นฐานนี้เป็นความชอบธรรมเสมอ แม้จะใช้อย่างเผด็จการอยู่ก็ตาม
กล่าวคือ ผู้คัดค้านทุกกรณีจึงถูกฝ่ายผู้มีอำนาจมองว่าเป็นศัตรูของความชอบธรรม
ดังนั้น ผู้คัดค้านทุกกรณีจึงถูกฝ่ายผู้มีอำนาจมองว่าเป็นศัตรูของความชอบธรรม หาใช่เรื่องการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยแต่อย่างใดไม่
เมื่อสามสิบปีมาแล้วนั้น การต่อสู้ของคู่ขัดชัดเจนดังว่า
หากบัดนี้ เราได้บทเรียนที่สรุปชัดเจนยิ่งขึ้นไปอีกว่า ระหว่างสองขั้วขัดแย้งนี้ ต้องจำแนกลงไปถึงความดำรงอยู่ตลอดเวลาของสองขั้วนี้ในทุกรูปแบบด้วย
นั่นคือ ในประชาธิปไตยมีเผด็จการ และในเผด็จการมีประชาธิปไตย
ไม่น่าแปลกที่ความเป็นเผด็จการของบางคนยังคงบทบาทและธาตุแท้ไว้ได้คงเส้นคงวาชนิดไม่เปลี่ยนสีแปรธาตุตั้งแต่หกตุลาหนึ่งเก้าจนถึงหกตุลาปีนี้
ที่น่าอัศจรรย์ คือ หลายคนในวันนั้นผ่านมาสามสิบปีเศษ
เขาได้กลายเป็น นักฟอกถ่าน ไปแล้ว