ReadyPlanet.com
dot dot
อัจฉริยะรอบโลก กับ I see U มติชน 30 ปี

อัจฉริยะรอบโลก กับ I see U มติชน 30 ปี

โดย สกุณา ประยูรศุข
"อีสป" เป็นชายพิการ ขี้เหร่ ไม่สมประกอบ (Aesop) 620-544 ปีก่อนคริสต์ศักราช /โทมัส อัลวา เอดิสัน


"ไม่เริ่มต้นในวันนี้ จะไม่มีทางสำเร็จในวันพรุ่ง"

คำคมของ โยฮันน์ วูล์ฟกัง ฟอน เกอเต้ ดูจะเข้ากับเรื่องที่จะกล่าวถึงพอดี เพราะเป็นสัจธรรมจริงแท้แน่นอนว่า "อัจฉริยะ" ไม่มีใครเก่งมาแต่เกิด

เอาแบบภาษาลูกทุ่งก็ ไม่มีใครเก่งมาตั้งแต่ท้องพ่อท้องแม่ ทุกอย่างย่อมต้องมาเรียนรู้ และฝึกฝน

หรืออย่างที่ ดร.สุทัศน์ ยกส้าน จากสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี บอกว่า ความเป็นอัจฉริยะของบางคนเริ่มฉายแสงเมื่อเขาอายุมากแล้ว เช่น ไอแซค นิวตัน, โทมัส อัลวา เอดิสัน, ลีโอ ตอลสตรอย เหล่านี้เป็นตัวอย่างที่เกิดขึ้นจริงบนโลกใบนี้ และน่าเอาเยี่ยงอย่าง

เพื่อให้เด็กและเยาวชนไทยได้รับรู้และสัมผัสกับชีวิตที่น่าเจริญรอยตาม ทาง เคทีซี-บริษัทบัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และ เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จึงจัดทำหนังสือชื่อ "อัจฉริยะรอบโลก" ขึ้น เพื่อนำเสนอเรื่องราวชีวประวัติของอัจฉริยะบุคคลที่มีชื่อเสียงทั่วโลก ในหลากหลายสาขาของแต่ละยุคสมัย

หนังสือสำเร็จเป็นรูปเล่มออกมาพักใหญ่แล้ว ทางเวิร์คพ้อยท์อยากส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนไทยโดยเฉพาะในต่างจังหวัดและในชนบท ได้อ่านเรื่องราวที่เป็นประโยชน์ และเห็นตัวอย่างของความเพียรพยายามที่ทำให้ชีวิตประสบความสำเร็จ

จึงมอบหนังสืออัจฉริยะรอบโลกจำนวน 500 เล่ม แก่โครงการ "โรงเรียน I see U มติชน 30 ปี" เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับโรงเรียนในโครงการดังกล่าว โดย แทนคุณ จิตต์อิสระ พิธีกรรายการอัจฉริยะข้ามคืน เป็นตัวแทนมอบ

"แทนคุณ" บอกว่า หนังสืออัจฉริยะรอบโลกสามารถจะเป็นแรงบันดาลใจในการศึกษาถึงตัวบุคคลที่เป็นอัจฉริยะ จะช่วยสร้างจินตนาการและให้ความรู้ที่ใช้ดูเป็นตัวอย่างเพื่อนำไปปฏิบัติให้เกิดเป็นจริงได้ ที่สำคัญความคิดและจินตนาการที่อัจฉริยะทั้งหลายสร้างขึ้นมานั้นไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง หรือเป็นของคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นของโลกที่จะสร้างประโยชน์ให้กับคนหมู่มาก

"อยากให้เด็กไทยได้อ่านหนังสือเล่มนี้เพื่อจะได้ศึกษาว่าทุกคนสามารถที่จะเป็นอัจฉริยะได้ เพียงแค่คิดและลงมือปฏิบัติในการศึกษาหาความรู้จากสิ่งรอบๆ ตัวเราให้มากๆ อยากให้เด็กยุคใหม่มีเป้าหมายในชีวิตที่มุ่งไปเพื่อการพัฒนาประเทศชาติบ้าง ไม่ใช่มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาตัวเองให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ให้ตัวเองร่ำรวยขึ้นเพียงอย่างเดียวเท่านั้น"

"อัจฉริยะรอบโลก" ยังได้จัดทำเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในฐานะที่ทรงเป็นกษัตริย์นักพัฒนา และทรงเป็นกษัตริย์นักเกษตรเอกของโลกด้วย รวมทั้งมีเรื่องราวของเหล่าอัจฉริยะที่มีชื่อเสียงทั่วโลกถึง 107 คน แบ่งเนื้อหาออกเป็นช่วงๆ คือ อัจฉริยะช่วงก่อนคริสต์ศักราช ยุคคริสต์ศตวรรษที่ 1-18 และคริสต์ศตวรรษที่ 19-ปัจจุบัน

อัจฉริยะรอบโลก 107 คนในหนังสือเล่มนี้ ยกมาทั้งหมดคงจะไม่พอกับเนื้อที่ที่มีอยู่ ขอยกตัวอย่างให้เห็นเป็นบุคคลที่เราคุ้นเคย แต่ไม่รู้ว่าชีวิตที่ผ่านมาของเขานั้นเป็นอย่างไร ถ้าสนใจเรื่องราวแบบเต็มๆ ต้องไปหาหนังสืออ่านเอง

ที่น่าสนใจคนแรก "อีสป" (Aesop) 620-544 ปีก่อนคริสต์ศักราช ไม่มีหลักฐานระบุแน่ชัดว่าเป็นมาอย่างไร มีบันทึกไว้เพียงว่ามีชีวิตอยู่ราว 620-520 ปีก่อนคริสต์ศักราช

อีสปเป็นทาสคนหนึ่ง ซึ่งปกติทาสจะมีความสามารถทางการต่อสู้ ร่างกายกำยำ แต่อีสปเป็นชายพิการ ขี้เหร่ ไม่สมประกอบ แม้เขาจะเสนอตัวเป็นทาสรับใช้ผู้ดีมีเงิน แต่หาคนรับซื้อยาก จึงทำให้เขาเดินทางออกจากบ้านเกิดไปสมัครขายตัวเป็นทาสนอกดินแดน โดยร่วมเดินทางไปกับเพื่อนคนหนึ่งชื่อ เอียดมอน โดยหวังว่าเมื่อมีคนซื้อเอียดมอนแล้วเขาจะได้เป็นของแถม


ความคิดเช่นนี้แสดงให้เห็นถึงอัจฉริยภาพของอีสป ว่ามีความคิดหลักแหลมไม่น้อย อาจเป็นเพราะเขาเป็นคนพิการจึงหันมาใช้สติปัญญาแทนใช้กำลัง

ปัญญาที่อีสปนำมาใช้เพื่อเอาชีวิตรอดนั้นคือ ความคิดและการผูกตัวละครต่างๆ ให้เป็นเรื่องราว สอดแทรกปรัชญา หรือวิธีการดำเนินชีวิตลงไปในเรื่องที่แต่งขึ้น ปรัชญาความคิดต่างๆ นั้นล้วนเป็นเรื่องราวที่ฟังแล้วสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวัน บางครั้งเป็นคติสอนใจให้คนฟังนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ไม่ยาก

แม้จะมีเจตนาเพื่อสั่งสอนให้คนทำความดี และมีคุณธรรมก็ตาม แต่อีสปรู้ดีว่าถ้ากระทำโดยตรงอาจมีภัยมาถึงตัว เขาจึงใช้วิธีเปรียบเทียบการกระทำของสัตว์ชนิดต่างๆ ให้เชื่อมโยงกับพฤติกรรมของมนุษย์ เช่น สุนัขจิ้งจอกเปรียบเหมือนมนุษย์เจ้าเล่ห์ กระต่ายเป็นเหมือนผู้ใสซื่อ สิงโตเป็นคนหยิ่ง ทระนงมีศักดิ์ศรี

ต่อมาเรื่องเล่าของอีสปถูกเรียกขานว่า "นิทาน" ได้รับความนิยมอย่างมาก อีสปจึงเล่านิทานเป็นกิจวัตร จนกระทั่งได้รับการปลอดปล่อยจากการเป็นทาส หันมาเล่านิทานเลี้ยงตัวเอง ความสนุกสนานของนิทานของอีสปได้ยินไปถึงราชสำนักกษัตริย์เครซุส แห่งอาณาจักรลิเดีย ของเอเชียไมเนอร์ ราชอาณาจักรนี้มีผู้รู้และมีปัญญาเฉียบแหลมหลายคน

อีสปถูกเรียกตัวมาเล่านิทานให้กษัตริย์ฟัง ซึ่งสร้างความพอใจอย่างมาก หลังนิทานอีสปจบลง กษัตริย์เครซุสทรงคิดที่จะใช้ประโยชน์จากอีสปให้มากกว่าแค่เป็นคนเล่านิทาน พระองค์แต่งตั้งอีสปเป็นราชทูตประจำราชสำนักเพื่อเจรจาความกับเมืองอื่นๆ เพราะเห็นว่ามีจิตวิทยาสูง มีไหวพริบแหลมคม

อีสปถูกส่งตัวไปเป็นราชทูตที่เมืองเดลฟี่ ซึ่งเต็มไปด้วยความไม่ยุติธรรมของข้าราชบริพารในราชสำนัก อีสปเล่านิทานจนทำให้ชาวเมืองเกิดการตื่นตัวลุกขึ้นมาสู้กับความอยุติธรรม บรรดานักการเมืองชั่วร้ายในราชสำนักเกิดความเคียดแค้น ชิงชัง หาทางกำจัดอีสป โดยวางแผนเอาขันทองคำยัดใส่สัมภาระของอีสป แล้วแจ้งความว่าอีสปขโมยสมบัติกษัตริย์

ผลการตัดสินอีสปมีความผิดข้อหาลบหลู่และทำลายชาวเดลฟี่อย่างร้ายแรง เขาถูกตัดสินให้ตายอย่างป่าเถื่อนที่สุด ด้วยการถูกจับโยนลงมาจากหน้าผาสูง

ชีวิตอีสปจบสิ้นอย่างน่าเสียดาย หลังอีสปตายไม่นานมีชาวเอเธนส์ชื่อ ลีซิฟัส ปั้นรูปอีสปตั้งไว้หน้าอนุสาวรีย์ยอดนักปราชญ์ทั้งเจ็ดของชาวเอเธนส์ ถือได้ว่าอีสปได้รับการยกย่องเทียบเท่ายอดนักปราชญ์ผู้โด่งดังของเอเธนส์ในยุคนั้น

คนต่อมา เซอร์ไอแซก นิวตัน นักคณิตศาสตร์ และนักฟิสิกส์เอกของโลก เกิดวันที่ 25 ธันวาคม ค.ศ.1642 ที่หมู่บ้านวูลธอร์พ เมืองลินคอล์นไชร์ ประเทศอังกฤษ เขาคลอดก่อนกำหนดทุกคนจึงคิดว่าไม่น่ารอด บิดาชื่อไอแซก นิวตัน เสียชีวิตก่อนนิวตันเกิด 3 เดือน ส่วนแม่ นางฮานนาห์ เอสคอช นิวตัน แต่งงานใหม่กับบาร์นาบัส สมิท ซึ่งเป็นนักบวช

ในวัยเด็กนิวตันเป็นเด็กเงียบขรึม เรียนหนังสือไม่เก่งกระทั่งมัธยม แม่จึงพาไปอยู่กับครอบครัวเพื่อนสนิท ชื่อ มาดามคลาร์ก นิวตันได้รับความเมตตาจากครอบครัวนี้มาก อนุญาตให้นำเครื่องมือในบ้านมาประดิษฐ์สิ่งต่างๆ ได้ ผลลัพธ์จากการนี้ทำให้เขาประดิษฐ์หุ่นจำลองของโรงสีลมแบบใหม่สำเร็จ และด้วยความที่นายคลาร์กเป็นนักสะสมขวดสารเคมี และหนังสือวิทยาศาสตร์ จึงทำให้นิวตันมีโอกาสได้อ่านหนังสือเหล่านั้นด้วย

นิวตันเรียนที่คิงส์สคูลได้เพียง 4 ปีเท่านั้น ก็ต้องกลับบ้านเกิดเพราะพ่อเลี้ยงเสียชีวิต เขาจึงต้องกลับไปช่วยงานในฟาร์ม ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เขาชอบ เมื่อสบโอกาสเขามักจะนั่งอ่านหนังสือและประดิษฐ์สิ่งของต่างๆ สานต่อความคิดของกาลิเลโอ ประดิษฐ์นาฬิกาน้ำและนาฬิกาแดดได้อย่างละเรือน

ส่วนกลางคืนชอบนั่งดูดาวบนท้องฟ้า เขาสงสัยการเคลื่อนที่ของดาวเหล่านั้น ช่วงอายุ 13-16 ปี นิวตันได้จดบันทึกสิ่งต่างๆ ในชีวิตเก็บไว้ แต่ปัจจุบันเหลือเพียง 2 เล่มอยู่ที่ห้องสมุดในกรุงนิวยอร์ก น้าชายของ

นิวตัวได้เกลี้ยกล่อมมารดาของเขาจนยอมอนุญาตให้เขากลับไปเรียนที่คิงส์สคูลต่อจนจบ และสอบเข้าวิทยาลัยทรินิตี้ แห่งมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ได้สำเร็จ หลังจากนั้นสองปีเขาได้เรียนคณิตศาสตร์กับนักปราชญ์ นักฟิสิกส์ และนักคณิตศาสตร์ชาวกรีกที่มีชื่อเสียงมากคนหนึ่งของยุโรปสมัยนั้น

นิวตันตอนอายุ 12 ปี เขาสอบชิงทุนบาร์โรว์ได้ที่ 1 พร้อมกันนั้นได้ศึกษาวิชาคณิตและแสง เมื่อจบเขาทำงานช่วยเหลือศาสตราจารย์ทางคณิตศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ในปีเดียวกันเกิดโรคระบาดร้ายแรงในกรุงลอนดอน เป็นผลให้มหาวิทยาลัยปิดชั่วคราว นิวตันจึงเดินทางกลับบ้านเกิด และได้ศึกษาวิชาแสง ทดลองเรื่องการหักเหของแสง เจียระไนเลนส์

สิ่งต่างๆ เหล่านี้ผลักดันให้เขาเกิดความคิดอยากสร้างกล้องดูดาว ช่วงเวลานี้เองที่โลกได้อัจฉริยะคนใหม่ชื่อ ไอแซก นิวตัน ที่สร้างผลงานทางวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ 3 เรื่อง คือ การค้นพบวิชาคณิตศาสตร์แขนงใหม่ชื่อ แคลคูลัส การสร้างกล้องโทรทรรศน์แบบสะท้อนแสง และค้นพบแสง 7 สีของรุ้ง

เรื่องสุดท้ายที่นับเป็นผลงานชิ้นเอก คือ กฎแห่งแรงโน้มถ่วง เขาค้นพบเรื่องนี้เพราะคืนหนึ่งขณะกำลังนั่งมองดวงจันทร์ และคิดว่าเหตุใดมันจึงหมุนรอบโลก จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงลูกแอปเปิ้ลตกลงพื้น เขาหันไปดูอย่างสนใจพลางคิดว่าทำไมมันจึงตกลงพื้น ไม่ลอยขึ้นฟ้า เขาจึงลองขว้างก้อนหินขึ้นบนฟ้า ก้อนหินก็ตกลงมาที่พื้นเช่นเดียวกัน เขาทดลองจนแน่ใจว่าที่เป็นเช่นนี้ เพราะแรงดึงดูดของโลก และกฎนี้ได้กลายเป็นหลักในการคำนวณการยิงจรวดออกไปนอกโลกในยุคต่อมา

เรื่องราวที่น่าสนใจของอัจฉริยะอีกคน ที่ถูกครูดุด่าว่าโง่ โทมัส อัลวา เอดิสัน ผู้ให้กำเนิดหลอดไฟ

เอดิสัน เกิดที่เมืองมิลาน รัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 1847 เป็นบุตรของแซมมวล อ็อกเดน เอดิสัน จูเนียร์ ชาวฮอลแลนด์ กับแนนซี แมทธิวส์ เอเลียต ซึ่งเป็นครู ครอบครัวเขาประกอบธุรกิจในแคนาดา

กิจการของครอบครัวประสบปัญหาเมื่อเอดิสันอายุ 7 ขวบ ทั้งครอบครัวจึงอพยพไปอยู่เมืองพอร์ตฮิวรอน รัฐมิชิแกน เอดิสันเข้าเรียนในเมืองนี้ แต่เพราะเป็นเด็กอยากรู้อยากเห็นตลอดเวลา ทำให้ถูกครูตำหนิ และถูกลงโทษ ผลการเรียนออกมาไม่ดี ประกอบกับมีปัญหาเรื่องการได้ยิน ทำให้ไปโรงเรียนเพียง 3 เดือนเท่านั้น ก็ออกจากโรงเรียน

เอดิสันไม่เข้าโรงเรียนอีกเลย กลับมาอยู่บ้านให้แม่สอนหนังสือ เขาหลงใหลวิชาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์มาก โดยเฉพาะงานของไมเคิล ฟาราเดย์ ที่เกี่ยวกับทฤษฎีแม่เหล็กไฟฟ้า แต่เพราะไม่มีเงินจึงต้องออกไปหางานทำในวัย 12 ขวบ ได้งานขายหนังสือพิมพ์บนรถไฟ

พออายุได้ 15 ปี ก็เก็บเงินซื้อแท่นพิมพ์และผลิตหนังสือพิมพ์ของตัวเองชื่อ "แกรนด์ ทรังค์ วีคลีย์ เฮรัลด์" โดยนำเสนอข่าวสารบนรถไฟ ซึ่งเขาเขียนเองทั้งหมด ได้เงินมากพอสสมควร จึงนำเงินไปซื้อสิ่งต่างๆ มาใช้ในการทดลอง

ทว่า วันหนึ่งขณะที่รถไฟกำลังแล่น ฟอสฟอรัสที่เขาซื้อมาหล่นลงจากหิ้งตกกระแทกพื้นระเบิด ไฟลุกท่วมตู้โดยสาร เขาจึงถูกไล่ออก และเป็นเหตุให้หูของเขาพิการด้วย

แต่เพราะเขาได้ช่วยเหลือลูกชายนายสถานีไม่ให้ถูกรถไฟทับเพราะลงไปวิ่งเล่นบนรางรถไฟ ทำให้เขาได้กลับมาทำงานอีกครั้ง แต่ถูกส่งไปฝึกงานด้านโทรเลข แต่ก็ยังไม่ทิ้งงานด้านไฟฟ้า กระทั่งอายุ 21 ปี เขาลาออกจากงาน มาประดิษฐ์คิดค้น และสามารถสร้าง เครื่องบันทึกการนับคะแนน เป็นผลงานชิ้นแรก แต่ไม่เป็นที่สนใจ

ปีต่อมาเอดิสันได้เข้าทำงานในเมืองนิวยอร์ก ได้แสดงฝีมือซ่อมเครื่องโทรเลขที่ไม่มีใครซ่อมได้ ทำให้ได้เงินมาถึง 4 หมื่นดอลลาร์ เอดิสันนำเงินมาสร้างโรงประดิษฐ์สิ่งของ และย้ายมาอยู่รัฐนิวเจอร์ซีย์

พอปี 1879 เดือนตุลาคม เขาก็ประดิษฐ์หลอดไฟเป็นผลสำเร็จ โดยทดลองเอาคาร์บอนใส่ในหลอดแก้ว ดูดอากาศออก ปิดผนึก ปล่อยกระแสไฟเข้าไป จากนั้นก็เปิดแสงสว่างอยู่ได้นานถึง 40 ชั่วโมง

แม้ก่อนหน้านี้จะมีคนทำได้แล้วก็ตามแต่ไฟนั้นติดอยู่ครู่เดียว ต่อมาปี 1886 เขาตั้งโรงงานผลิตหลอดไฟฟ้าขึ้นเป็นแห่งแรก ที่ถนนเพิร์ล กรุงนิวยอร์ก

ผลจากความเป็นคนช่างคิดช่างประดิษฐ์ของเอดิสัน ก่อให้เกิดสิ่งอันเป็นคุณประโยชน์มหาศาลต่อประชาคมโลก

นอกจากเรื่องของทั้งสามอัจฉริยะที่ยกมาเป็นตัวอย่าง ยังมีเรื่องราวของคนอื่นๆ มากมายที่ได้รับการยกย่องให้เป็นอัจฉริยะของโลก อาทิ โฮเมอร์, ขงจื๊อ, พระพุทธเจ้า, เฮโรโดตุส, เพลโต, อริสโตเติล, เจงกีสข่าน, มาร์โค โปโล, ดันเต, เบลส ปาสกาล, ฌอง ฌาคส์ รุสโซ, เจมส์ วัตต์, จอห์น มาร์แชล, ลุดวิก ฟาน เบโทเฟน, ลูเธอร์ เบอร์แบงก์, ลิช ไมเนอร์, โรนัลด์ รอส, เกลน ธีโอดอร์ ชีบอร์ก, และในยุคปัจจุบันอย่างสตีเวน สปีลเบิร์ก, บิล เกตส์ ฯลฯ

ในส่วนของคนไทยเองมีบันทึกไว้เช่นกัน นอกเหนือจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แล้วก็เป็น "สุนทรภู่" กวีเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ "ท่านพุทธทาส" ดวงประทีปแห่งพุทธปัญญาของไทย และ "ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช" ที่ได้ชื่อว่าเป็นปราชญ์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์

เรื่องราวของแต่ละคน เป็นเรื่องสั้นๆ อ่านง่ายได้สาระ เพลิดเพลิน เหมาะอย่างยิ่งกับการให้เด็กนักเรียนที่แสวงหาความรู้ และต้องการบุคคลตัวอย่างเพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต

อัจฉริยะรอบโลกจึงเป็นประโยช์สำหรับการศึกษาอย่างยิ่ง เพราะการศึกษา คือ สิ่งที่จะพัฒนาคนและนำไปสู่การพัฒนาประเทศชาติ

เด็กไทยมีศักยภาพและความสามารถ เพียงแต่ขาดโอกาสที่สร้างความสามารถให้ปรากฏ จึงน่าเสียดายมากหากไม่มีใครมอบโอกาสช่วงเวลาอันสำคัญให้กับเด็กและเยาวชน

โครงการโรงเรียน I see U มติชน 30 ปี และ บริษัท เวิร์คพ้อยท์ ขอเป็นตัวแทนหยิบยื่นโอกาสให้แก่เด็กๆ ด้วยความรู้และบุคคลตัวอย่างที่กล่าวมา

เพื่อว่าในอนาคตอาจจะมีชื่อของคนไทยได้รับยกย่องให้เป็นอัจฉริยะของโลกมากกว่า 2-3 ชื่อที่ปรากฏอยู่ ณ เวลานี้

หน้า 33




บทความ

คำฉันท์ (๘)
คำฉันท์ (๗)
คำฉันท์ (๖)
คำฉันท์ (5)
คำฉันท์ (4)
คำฉันท์ (3)
คำฉันท์ (2)
ชื่อวรรณคดีที่ควรรู้จัก (เพิ่มเติม)
คำฉันท์ (1)
ฉากรบใน “ดาหลัง”
กลอนคนฝรั่งเขียน
กลอนบรรยายเมืองสิงห์บุรี เมื่อ พ.ศ 2466
ท้องถิ่นกับอาเซียน...จุดเชื่อมที่ยังต้องค้นหา
วันภาษาไทย? บางปัญหาที่น่าแลกเปลี่ยนทัศนะ
กลอนไหว้ครูโนห์ราชาตรี
ข้อเสียของวิชาประวัติศาสตร์
จากระบบบรรณาการถึงการปกครองแบบพิเศษในปะตานี
พระราชนิพนธ์แปลสามเรื่อง
การส่งเสริมและข้อจำกัดของวรรณกรรมมุสลิม
สุนทรคึก เขียนถึง สุนทรภู่ (1) ตามรอยคึกฤทธิ์
กลอนคนฝรั่งเขียน
50 ปีสมาคมนักกลอนฯ กับการก้าวสู่เวทีสากล
สารลึบพะสูน: วรรณคดีลุ่มน้ำโขงที่ไม่โปร่งใส
เพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอยุธยา
สุภาษิตโบราณ
ง่ายและงามอย่างลาว
การเมืองในกวีของ “คุณพุ่ม”
ตำนานการสร้างโลกของชาวจ้วง
เวียงจัน 450 ปี
วันภาษาไทยฯ ที่ราชภัฏมหาสารคาม
แม่น้ำท่าจีนกำลังจะตาย
ย้อนรอยวัฒนธรรมลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา
นครปฐมและพระปฐมเจดีย์ในวรรณคดีนิราศ
ตามรอยภาษาศาสตร์ภาษากะเหรี่ยงบ้านไร่
ชาตินิยมสยาม และชาตินิยมไทย กับกรณีปราสาทเขาพระวิหารมรดกโลก
จัดอันดับความนิยมของบทความในเว็บสมาคมฯ
ตำนานนิทานพื้นบ้าน กำเนิดแม่น้ำโขง "ยักษ์สะลึคึ"
เอกสารวิชาการ ร่องรอยกาลเวลา หัวข้อ "ศิลปะ เพลง ดนตรี กวี" วังสะพุง, เลย
มุทิตาบูชาครูวันสุนทรภู่ที่ราชภัฏมหาสารคาม
สัมพันธ์ไทย – จีน (จ้วง) เครือญาติชาติภาษา
ตามล่าหารัก
แม่น้ำโขง โลกร้อน หรือเพราะจีนปิดเขื่อนกั้นน้ำ
The Ides of March และ “โภชนสติ” จาก ป๋วย อึ๊งภากรณ์
มองรูป-เสียงกลอน (ว่าด้วยเสียงตรี วรรค ๒) ผ่าน อังคาร กัลยาณพงศ์ (๒) article
200 ปี เอบราแฮม ลิงคอล์น: “บ้านที่แตกแยกกันเอง ไม่อาจตั้งอยู่ได้”
มองรูป-เสียงกลอน (ว่าด้วยเสียงตรี วรรค ๒) ผ่าน อังคาร กัลยาณพงศ์
ที่เรียกว่า วัฒนธรรม และคำว่า ภาษา
ของ-โขง จิตวิญญาณแห่งสายน้ำ
โคลงห้าพัฒนา ของ "จิตร ภูมิศักดิ์"
ประชาภิวัฒน์(ไทยกับอาเซียน)
วันสารทไทย
สุนทรภู่-ครูมีแขก จากโซนาต้าถึงเพลงทยอยเดี่ยว
สังคม"ทันสมัย" แต่ไร้สมอง
มะเมี๊ยะเป็นสาวมอญ
บรูซแกสตันไว้อาลัยละมูล
รากเหง้าความศักดิ์สิทธิ์ของกวีนิพนธ์ไทย
บทสัมภาษณ์ กวีรากหญ้า
ความเชื่อ
ทำไม
ร่องรอยกาลเวลา
โขงนที เพลงกวี ดนตรีชีวิต
ประชาชนในชาตินิยม
รักสามเศร้า ที่แหลมมลายู
ความหมายทางวัฒนธรรม
เที่ยว 9 วัดศักดิ์สิทธิ์ ไหว้พระทำบุญปีใหม่ สไตล์ "สุจิตต์ วงษ์เทศ"
ปาฐกถาช่างวรรณกรรม
รัฐบุรุษ
หนึ่งคนสองวัฒนธรรม
สุนทรภู่ ต่อต้านสงครามล่าเมืองขึ้น
วัฒนธรรม เปลี่ยน...ซีไรต์ก็เปลี่ยน
สยามเมืองยิ้ม
ปราสาทเขาพระวิหาร
เสภาเรื่องพระราชพงศาวดาร ของสุนทรภู่
ตะเกียงเจ้าพายุ
ต้นแบบ"กลอนสุนทรภู่"
สุนทรภู่ "ความรู้ใหม่" โยงใย "ความรู้เก่า"
จากร้อยกรอง สู่บทกวีมีทำนอง
รามายณะ (รามเกียรติ์) เล่าใหม่
พายุนาร์กีสหรืออคติในใจไทยที่ทำร้ายคนพม่า?
เห่ช้าพญาหงส์
การเทครัวในประวัติศาสตร์อุษาคเนย์
เมืองร้อยเอ็ดประตู
พล นิกร กิมหงวน
ภูมิประเทศอีสาน ไม่มีในประวัติศาสตร์ไทย
มิตาเกะ
เค้าขวัญวรรณกรรม
เรือพระราชพิธี
The Secret
โลกดนตรี
ลมปากที่ไร้มารยา
คำกวี เส้น สี และแสงเงา
ยิ่งกระจะยิ่งกระจ่างอยู่กลางใจ
วรรคทอง
การะเกด
ในวรรณคดีมีกลอน (หรือ) เปล่า...?
ในวรรณคดีก็มีกลอนเปล่า
โล้ชิงช้า ประเพณีประดิษฐ์ใหม่ของพราหมณ์สยาม
เพลงลูกทุ่งมาจากไหน?
สนุกเล่นแต่เป็นจริง



bulletผลร้อยกรองออนไลน์ 2558
dot
ประกวดร้อยกรองออนไลน์ครั้งที่ 7
dot
bulletข้อมูลการประกวดครั้งที่ 7, 2557
bulletผังร้อยกรอง
bulletอ่านโคลงประกวด 2557
bulletอ่านกลอนประกวด 2557
bulletอ่านกาพย์ยานีประกวด 2557
bulletผลการประกวดร้อยกรอง ปี 2557
dot
ข่าวสาร ข้อมูลสมาคม
dot
bulletกรรมการสมาคมสมัยที่ ๑๕-๑๖
bulletนายกสมาคมสมัยที่ ๑๗
bulletติดต่อนายกสมาคมนักกลอน
bulletติดต่อฝ่ายดูแลส่วนต่างๆ
bulletสมัครสมาชิกสมาคมนักกลอน
bulletนักกลอนตัวอย่าง ๒๕๕๓
dot
หัวข้อน่าสนใจ
dot
bulletรวมลิ้งค์เว็บไซต์น่าสนใจ
bulletส่งบทสักวา น.ส.พ. สยามรัฐ
bulletวารสารวิทยาจารย์ รับต้นฉบับ
bulletส่งข้อเขียนครูในดวงใจ
dot
แนะนำหนังสือ
dot
bulletหน้ารวมหนังสือ
bulletคู่มือเรียนเขียนกลอน
bulletกาสรคำฉันท์ - สมคิด สิงสง
bulletหนังสือสุรินทร์สโมสร
bulletฝากโลกนี้ไว้ในหัวใจเธอ - กอนกูย
bulletเลือน - อติภพ
bulletธาร ธรรมโฆษณ์
bulletนายทิวา
bulletกลอนเกียรติยศ
bulletอ้อมกอดแห่งท้องทุ่ง
bulletทองแถม นาถจำนง
bulletพงศาวดารพิภพ
bulletโป๊ยเซียน คะนองฤทธิ์
dot
โครงการประกวดต่างๆ
dot
bulletนายอินทร์อะวอร์ด ๒๕๕๖
bulletประกวดรางวัลซีไรท์ปี ๒๕๕๖
bulletรางวัลพานแว่นฟ้า ปี ๒๕๕๖
bulletรางวัลวรรณกรรมรามคำแหง ๒๕๕๖
dot
ผลตัดสินรางวัลต่างๆ
dot
bulletรางวัลศรีบูรพา ๒๕๕๖
bulletผลรางวัลซีไรต์ ๒๕๕๗
bulletผลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ๒๕๕๗
bulletผลรางวัลแว่นแก้ว ๗ (๒๕๕๓)
bulletผลกลอนวิถีคนกับควาย
bulletผลร้อยกรอง “ผมจะเป็นคนดี”
bulletรางวัลนราธิป ๒๕๕๓
bulletนักเขียนอมตะ คนที่ ๖ (๒๕๕๕)
bulletนักเขียนรางวัลศรีบูรพา ๒๕๕๖
bulletศิลปินมรดกอีสาน ๒๕๕๔
bulletผลรางวัลพานแว่นฟ้า ๒๕๕๕
bulletผลรางวัลรามคำแหง ๒๕๕๖
bulletศิลปินแห่งชาติ ๒๕๕๕
bulletผลประกวดหนังสือ ชีวิตใหม่ 2
dot
ข่าวคราวของลมหายใจ
dot
dot
Weblink
dot
bulletอ่านกลอนประกวด 2556

หนังสือพิมพ์ คมชัดลึก
สมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย
ศูนย์ให้คำปรึกษาปัญหาภาษาไทย มศว
เว็บรวมกระทู้ อาศรมชาวโคลง ใน pantip.com
หนังสืออีศาน


Copyright © 2010 All Rights Reserved.
ติดต่อ นายกสมาคมนักกลอนแห่งประเทศไทย ทองแถม นาถจำนง
โทรศัพท์ ๐๘๙-๑๒๓๔๗๕๔ อีเมล์ tongtham.n@hotmail.com

สำนักพิมพ์แม่โพสพ