กำหนดการสงกรานต์นักกลอน พุทธศักราช ๒๕๕๑
สมาคมนักกลอนแห่งประเทศไทย ขอเชิญพี่น้องผองเพื่อนในวงวรรณศิลป์ร่วมงาน "สงกรานต์นักกลอน" วันที่ ๑๔ เมษายน ๒๕๕๑ ณ กุฎิสุนทรภู่วัดเทพธิดาราม กทม. เวลา ๐๙.๓๐น.เป็นต้นไป โดยกำหนดงาน ดังนี้
๐๙.๓๐น. พร้อมกันที่กุฎิสุนทรภู่วัดเทพธิดาราม กทม.
๑๐.๓๐ น. นิมนต์พระสงฆ์ ๕ รูป เจริญพระพุทธมนต์ เพื่อความเป็นสิริมงคลในโอกาสฉลองวันปีใหม่ไทย
๑๑.๐๐ น. ถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์ ถวายสังฆทาน สวดบังสุกุลอุทิศบุญกุศลให้เพื่อนพี่น้องนักกลอนที่ล่วงลับไปแล้ว
๑๒.๐๐ น. เชิญร่วมรับประทานอาหาร
๑๓.๐๐ น. รดน้ำดำหัวขอพรนักกลอนอาวุโส กิจกรรมสังสรรค์
หมายเหตุ ขอให้นำอาหารคาว หวานไปร่วมทำบุญถวายภัตตาหารเพล และเลี้ยงสังสรรค์สมาชิกที่มาร่วมงานด้วย
ติดต่อสอบถามนายกสมาคมนักกลอนฯยุทธ โตอดิเทพย์ ๐๘๑-๓๑๙๐๓๐๙
เอกสารแบ่งปั้นความรู้
สงกรานต์ รดน้ำ สุวรรณภูมิ
ปีใหม่แขก จากอินเดีย สู่อุษาคเนย์
สงกรานต์ เป็นประเพณีที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ให้เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางทั่วประเทศว่า ปีใหม่ไทย ส่งผลให้เฉลิมฉลองเลยเถิดจนเกินอุบัติเหตุถึงตายปีละหลายร้อยศพ และพิกลพิการนับเป็นพันๆราย แต่ถึงล้มตายก่านกองอย่างนั้น ก็ยังยกย่องอย่างองอาจด้วยสำนึกชาตินิยมอย่างบกพร่องว่าเป็นปีใหม่ไทยแท้ ที่ต้องพิทักษ์รักษาด้วยชีวิตไว้ตราบกัลปาวสาน
มีข้อสงสัยตามมาเมื่อรู้ว่าประเพณีสงกรานต์ไม่ได้มีเฉพาะในประเทศไทย แต่มีในประเทศเพื่อนบ้านด้วยหลายประเทศ ผู้คนในประเทศเหล่านั้นต่างก็บอกตรงกันว่า สงกรานต์เป็นประเพณีขึ้นปีใหม่ของตนทั้งนั้น เช่น ลาว เขมร พม่า สิบสองพันนาในจีน และจนถึงลังกา เลยมีคำถามว่าอย่างนี้ถ้าอย่างนั้นประเพณีสงกรานต์เป็นขึ้นปีใหม่ไทยแท้จริงหรือ? และประเทศเพื่อนบ้านรับประเพณีสงกรานต์จากไทยหรือเอามาจากไหน?
สงกรานต์บางทีเรียกตรุษสงกรานต์ ในประเทศเชื่อว่าเป็นวันขึ้นปีใหม่ไทย สมมุติให้ตรงกับวันที่ 13 เมษายนของทุกปี เมื่อถึงกำหนดจะมีงานประเพณีฉลอง เช่น ทำบุญเลี้ยงพระ ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว สรงน้ำพระ ก่อเจดีย์ทราย รดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ ขอพร เล่นสาดน้ำแล้วมีการละเล่นหลากหลายทั่วประเทศ
แต่ความจริงสงกรานต์ไม่ได้เป็นแค่ปีใหม่ไทยเท่านั้น เอกสารประเพณี 12 เดือน ของมหาวิทยาลัยศิลปากร อธิบายว่า กลุ่มชาติพันธุ์ในอุษาคเนย์ที่นับถือพุทธศาสนาล้วนมีประเพณีสงกรานต์เหมือนกัน เช่น ลาว เขมร มอญ พม่า รวมทั้งลังกา และสิบสองพันนาในประเทศจีน ทั้งหมดทุกแห่งล้วนมีงานประเพณีเฉลิมฉลอง ถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ของตนด้วย
เหตุที่เป็นอย่างนั้น เพราะสงกรานต์เป็นคติของพราหมณ์ในศาสนาฮินดูของชมพูทวีป (คืออินเดีย) และพวกพราหมณ์นำเข้ามาเผยแพร่ในราชสำนักของดินแดนสุวรรณภูมิยุคต้นพุทธกาล หลังจากนั้นแพร่กระจายไปถึงบ้านเมืองที่อยู่ภายในผืนแผ่นดินใหม่ที่นับถือฮินดู พุทธ แล้วเรียกสงกรานต์ แต่คนทั่วไปบางทีก็เรียกตรุษสงกรานต์
สงกรานต์
สงกรานต์ เป็นคติของพราหมณ์ในศาสนาฮินดูของชมพูทวีป (คืออินเดีย) แล้วพวกพราหมณ์นำเข้ามาเผยแพร่ในราชสำนักของดินแดนสุวรรณภูมิยุคต้นพุทธกาล หลังจากนั้นแพร่กระจายทั่วไปถึงบ้านเมืองที่อยู่ภายในผืนแผ่นดินใหม่ที่นับถือฮินดู พุทธแล้เรียกสงกรานต์ แต่คนทั่วไปบางทีก็เรียกตรุษสงกรานต์
ตรุษ มีรากจากภาษาสันสกฤตว่า ตฺรุฏ หมายถึง ตัด
สงกรานต์มีรากจากภาษาสันสกฤตว่า สงฺกฺรานฺติ หมายถึงคติหรือการจากไปของดวงอาทิตย์นพเคราะห์ดวงอื่นจากราศีหนึ่ง
รวมความแล้วตรุษสงกรานต์ หมายถึงดวงอาทิตย์ละทิ้งหรือตัดขาดราศีเก่าย่างขึ้นสู่ราศีใหม่ปรากฏการณ์เช่นนี้มีประจำทุกเดือน มีขึ้นเรียกว่า สงกรานต์เดือน ฉะนั้นปีหนึ่งจึงมีตรุษสงกรานต์ 12 ครั้ง แต่ครั้งที่สำคัญที่สุดเมื่อดวงอาทิตย์ย้ายจากราศีมีน (มีนาคม) ขึ้นสู่ราศีเมษ (เมษายน) ถือเป็นขึ้นปีใหม่คติฮินดู จึงเรียกชื่อเป็นพิเศษว่า มหาสงกรานต์
ลำดับการเปลี่ยนแปลง วันขึ้นปีใหม่ ในสุวรรณภูมิ
1. เดือนอ้ายขึ้นปีใหม่ของไทยสยามยุคดั้งเดิมดึกดำบรรพ์หลายพันปีมาแล้ว ถือตามจันทรคติ ขึ้น 1 ค่ำ เดือนอ้าย (เดือน 1 ) เป็นวันขึ้นปีใหม่ เริ่มปีนักษีตรใหม่ โดยเฉลี่ยแล้วเป็นช่วงหลังลอยกระทงกลางเดือน 12 ถือเป็นส่งท้ายปีเก่า
คติอย่างนี้มีอย่างเดียวกันหมดทุกกลุ่มชาติพันธุ์ในภูมิภาคสุวรรณภูมิ เมื่อเทียบปฎิทินสากลตามสริยคติจะอยู่ราวปลายเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคม
2. ขึ้นปีใหม่สมัยกรุงศรีอยุธยา สยามประเทศ แบ่งเป็น 2 ภาคส่วน คือของราชสำนักกับของราษฎร
สงกรานต์ ปีใหม่ในราชสำนัก รับแบบแผนพิธีพราหมณ์ ฮินดูจากอินเดียตั้งแต่หลัง พ.ศ. 1000 เป็นต้นมา เหมือนกันหมดทุกราชสำนักของรัฐในสุวรรณภูมิ คือถือวันสงกรานต์เป็นขึ้นปีใหม่ ตรงกับช่วงกลางเดือนเมษายน แต่ทางจันทรคตินับเป็นเดือน 5
เดือนอ้าย ปีใหม่ของราษฎร ไม่รู้จักแบบแผนพราหมณ์ ฮินดู จึงถือเอาขึ้น 1 ค่ำ เดือนอ้าย เป็นขึ้นปีใหม่ตามคติเดิมสืบมา แต่ในสังคมเมืองใช้ทั้งสองคติ คือนับเดือนอ้ายด้วยแล้วทำบุญสงกรานต์ด้วย
3. 1 เมษายน ขึ้นปีใหม่ สมัยรัชกาลที่ 5 กรุงรัตนโกสินทร์ กำหนดให้วันที่ 1 เมษายนของทุกปีเป็นวันขึ้นปีใหม่ เริ่มตั้งแต่ พ.ศ. 2432 เป็นต้นมา
4. 1 มกราคม ขึ้นปีใหม่ ตามแบบสากลตะวันตก เริ่มเมื่อ พ.ศ. 2484 สมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี สืบจนทุกวันนี้
(คัดจากเอกสารแจกโดยโครงการสถาบันสุวรรณภูมิ(ปัจจุบันสิ้นสุดโครงการไปแล้ว) และสรุปจากหนังสือประเพณี 12 เดือน ในประวัติศาสตร์สังคมวัฒนธรรม เพื่อความอยู่รอดของคน โดย ปรานี วงษ์เทศ มหาวิทยาลัยศิลปากร สุจิตต์ วงษ์เทศ บรรณาธิการ สำนักพิมพ์มติชน พิมพ์ครั้งแรก 2548)