รามายณะ (รามเกียรติ์) เล่าใหม่ ด้วยสำนวนร่วมสมัย เพื่อคนอ่านศตวรรษ 21
คอลัมน์ สุวรรณภูมิ สังคมวัฒนธรรม หน้า 20 มติชนรายวัน ฉบับวันศุกร์ที่ 16 พฤษภาคม
ตัดทอนมาปรับปรุงจากบทนำของ ราเมศ เมนอน (แปลโดย วรวดี วงศ์สง่า)
----------------------------------------------------------------------
มหากาพย์รามายณะ มีเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในเขตป่าเขาของประเทศอินเดียช่วงก่อนยุคประวัติศาสตร์ เป็นตำนานคู่กาลเวลาที่ชาวอินเดียทุกศาสนารักมากที่สุดเรื่องหนึ่ง ทั้งในฐานะวรรณคดีอันยิ่งใหญ่ และในฐานะบทบัญญัติแห่งการกระทำอันพึงประสงค์
รามายณะเป็นเรื่องราวแห่งสงครามระหว่างความดีกับความชั่ว วีรบุรุษของเรื่องคือพระราม เจ้าชายแห่งอโยธยา ผู้เป็นอวตารแห่งพระวิษณุ ใจความสำคัญคือตำนานแห่งอยาณะ หรือการเดินทางของพระรามทั้งในทางกายภาพและทางจิตวิญญาณ
กล่าวโดยสรุป รามายณะได้รวมไว้ซึ่งประสบการณ์ทุกชนิด คุณค่าทุกระดับแห่งจิตวิญญาณมนุษย์ ทุกสิ่งล้วนถักทอเป็นตำนานผืนเดียวกันอย่างลงตัว
วัตถุประสงค์ของมหากาพย์รามายณะเป็นการปลุกจิตวิญญาณผู้อ่าน ให้ตื่น นำพาผู้อ่านสู่การเดินทางอันยิ่งใหญ่ ที่ท้ายที่สุดจะนำพาพวกเขาไปสู่จุดหมายแห่งโมกษะ หรือนิพพาน อันเป็นสัจธรรมที่ปลดปล่อยให้มนุษย์เป็นอิสระ กลับคืนสู่ดินแดนแห่งพระเจ้า
นอกจากนี้ปราชญ์โบราณยังกล่าวว่า การฟังหรือการอ่านมหากาพย์รามายณะ เปรียบได้กับการล้างบาปของบุคคลผู้นั้นให้หมดไปจากทั้งชีวิตนี้และชีวิตในชาติภพอื่น เท่ากับเป็นการชำระล้างจิตวิญญาณบุคคลผู้นั้นให้บริสุทธิ์ถาวร
เนื้อเรื่องของรามายณะส่วนหนึ่งมาจากตำนานเก่าแก่ที่สุดที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในโลก แม้ไม่ทราบอายุชัดเจน แต่นักวิชาการสมัยใหม่เชื่อว่าอย่างน้อยต้องไม่ต่ำกว่าสองพันปีแน่นอน ทั้งยังระบุว่าน่าจะเป็นประมาณ 300 ปีก่อนคริสตกาล
ส่วนผู้เคร่งศาสนาชาวฮินดูเชื่อว่ารามายณะน่าจะแต่งขึ้นราวหลายร้อยสหัสวรรษมาแล้ว ซึ่งก็คือในราวไตรยุค มีชื่อว่าอธิกาพย์ (Adi Kavya) หรือกาพย์ชิ้นแรกของโลก
กล่าวกันว่า กวีผู้มีนามว่าวาลมีกิ ได้รับแรงบันดาลใจจากพระพรหมให้เป็นผู้ถ่ายทอดเรื่องราวของพระราม วาลมีกิจึงลงมือเขียนเล่าตำนานดังกล่าวในลักษณะของมหากาพย์ ซึ่งมีความยาวถึงสองหมื่นสี่พันโศลก (slokas) โดยใช้ภาษาสันสกฤตชั้นสูง ด้วยฉันทลักษณ์อันซับซ้อนที่เรียกว่าอนุศทูป (anushtup) แต่ละโศลกจัดแบ่งเป็นกลุ่มเรียกว่าสรรคะ (sarge) หรือบทซึ่งรวมกันได้เป็นเจ็ดกัณฑ์ (kandas) หรือเจ็ดตอน
มหากาพย์เรื่องนี้ได้รับการส่งผ่านสืบทอดมาจนถึงเราทางเหล่ากุรุและศิษย์ของท่านหลายชั่วรุ่น ด้วยวิธีร้องขับตามประเพณีสืบต่อเป็นทอดๆ จากผู้ทรงศีลและเหล่ากวี หรือผู้ชราถ่ายทอดสู่ผู้เยาว์ในช่วงแห่งความบันเทิงยามค่ำในฤดูร้อน ด้วยหลายภาษาและหลากประเพณี
มหากาพย์รามายณะยังมีการนำมาเขียนเล่าใหม่เป็นภาษาพื้นเมืองอื่นๆ ในประเทศอินเดียอย่างน้อยสี่ฉบับด้วยกัน และต่างเป็นรูปแบบคลาสสิคในตัวเอง ราเมศ เมนอน กล่าวว่า
"รามายณะฉบับของข้าพเจ้านี้กล่าวได้ว่าไม่ใช่ฉบับแปลของผู้ทรงคุณวุฒิอย่างแน่นอน แต่เป็นการสร้างลำดับขั้นตอนของเรื่องขึ้นใหม่โดยนักเขียนนวนิยายผู้หนึ่งคือตัวข้าพเจ้า ซึ่งไม่ได้อิงตำราสันสกฤต แต่อิงฉบับภาษาอังกฤษหลายฉบับรวมกัน ข้าพเจ้าตั้งใจไว้เพียงว่าจะเขียนเล่ารามายณะเป็นภาษาอังกฤษให้อ่านแล้วสนุกสนานประทับใจซาบซึ้งใจ ในขณะที่ยึดแนวคิดทางจิตวิญญาณและเนื้อเรื่องให้เป็นไปตามต้นฉบับเดิมมากที่สุด
ข้าพเจ้าต้องพยายามเขียนให้ดีและสนุกเพื่อดึงดูดผู้อ่านในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 21 ให้หันมาอ่านรามายณะเพื่อความเพลินเพลิดให้ได้ ทั้งยังต้องรักษาความงดงามของจังหวะลีลากวีอันเรียบง่ายไว้ในการเล่าเรื่องแบบร้อยแก้ว
ในขณะเดียวกัน ข้าพเจ้าจะเขียนให้สั้นเกินไปไม่ได้ มิฉะนั้นอาจเป็นการลดคุณค่ามหากาพย์ต้นฉบับไป ทั้งยังจะเขียนให้ยาวเกินไปไม่ได้อีก มิฉะนั้นจะไม่มีใครอยากอ่าน
แต่จุดประสงค์ทั้งข้อแรกและข้อสุดท้าย ย่อมต้องเป็นไปเพื่อการสักการบูชาแบบทันสมัยและสนุกสนานโดยไม่ทำให้รามายณะกลับกลายเป็นวรรณกรรมชั้นต่ำ หลังจากทำงานอย่างมุ่งมั่นตลอดสิบปีที่ผ่านมา ข้าพเจ้าจึงมองความสำเร็จของรามายณะฉบับนี้ว่าเป็นผลงานแห่งศรัทธา ที่ข้าพเจ้าขอมอบเป็นเครื่องสักการบูชาพระรามของตน"
หน้า 20
หนังสือ
รามายณะ (The Ramayana) ราเมศ เมนอน-เขียน, วรวดี วงศ์สง่า-แปล ราคา 450 บาท
รามายณะ ผลงานของ ราเมศ เมนอน เล่มนี้ ที่นักเขียนชาวอินเดียผู้นี้ได้ "เล่า" เรื่องรามายณะด้วยสำนวน ลีลาที่ร่วมสมัย สนุกสนาน เร้าใจ ชวนติดตามตั้งแต่ต้นเรื่องจนจบเรื่อง แม้เราจะรู้กันอยู่แล้วว่าการต่อสู้ระหว่างพระรามและทศกัณฐ์ลงท้ายเป็นเช่นไร โดยผู้เขียนยังคงสารที่ต้องการสื่อถึงคุณธรรม ความซื่อสัตย์ ความดี ความงามในจิตใจมนุษย์อันเป็นคุณสมบัติสากลที่พึงปฏิบัติของมนุษย์ทุกชาติ ทุกภาษา ทุกศาสนา เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ดังในเรื่องที่คุณสมบัตินี้มิได้จำเพาะเป็นพฤติกรรมของมนุษย์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงเหล่าวานรอย่างหนุมาน สุครีพ เผ่าพันธุ์รากษสอย่างพิเภก รวมทั้งนกอย่างชฎายุ เป็นต้น
ตัวละครหลากหลายเผ่าพันธุ์ที่สัมพันธ์กันทั้งโดยการเป็นมิตรและศัตรูที่ปรากฏในเรื่องรามายณะนี้ เป็นเสมือนภาพของสังคมมนุษย์บนโลกนี้ที่มีความหลากหลาย แตกต่างทางชาติพันธุ์ ลักษณะทางสังคมและวัฒนธรรม ทว่าไม่ว่าจะเป็นชนใด สิ่งที่สามารถสื่อสารกันได้ดีคือคุณธรรมและความดี
รามายณะจึงมิใช่เรื่องล้าสมัย หากแต่เป็นมหากาพย์ที่สะท้อนความเป็นมนุษย์ที่มีรัก โลภ โกรธ หลง ที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ไม่ว่ามนุษย์จะมีวิถีชีวิตเปลี่ยนไปมากเพียงใดก็ตามเมื่อครั้งมหากาพย์นี้ได้รับการรจนาขึ้น
รามายณะ ของ ราเมศ เมนอน เล่มนี้ ผู้เขียนได้แบ่งเรื่องราวเป็น 7 ภาค หรือ 7 เล่ม เช่นเดียวกับมหากาพย์ต้นฉบับดั้งเดิมในภาษาสันสกฤต และได้รับการถ่ายทอดเป็นภาษาไทยโดยคุณ วรวดี วงศ์สง่า นักแปลผู้มีผลงานแปลวรรณกรรมน่าอ่านมาแล้วหลายเล่ม
ราเมศ เมนอน ผู้เขียน Blue God : A life of Krishna และ The Hunt for K. ซึ่งเป็นหนังสือขายดีแห่งชาติในประเทศอินเดีย เมนอนเคยเป็นนักหนังสือพิมพ์ในอดีต ปัจจุบันอาศัยอยู่ที่โคไดคานัล ประเทศอินเดีย
วรวดี วงศ์สง่า ผู้แปล การศึกษา กศ.ม. ภาษาและวรรณคดีอังกฤษ (วิทยานิพนธ์ดีเด่น) มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร M.A. in British Cultural Studies (with distinction) University of Warwick , U.K. Cert. in Drama, University of Edinburg, U.K.