ReadyPlanet.com
dot dot
โคลงสี่สุภาพ “ลมปาก” มิถุนายน 2551 สำนวนที่ 21-40 article

ระดับอุดมศึกษา และประชาชนทั่วไป (โคลงสี่สุภาพ) – 49 สำนวน

หน้า(2) สำนวนที่ 21-40

 

(21. คอนพูทน) ลมปาก

ส่ง 27 มิถุนายน 2551 (ทางอีเมล์)

 

๏ พลอยมาเพลินพิศแม้น             พจมาน

อรรถรสนุ่มเนียนคงนาน               ค่านั้น

รังสรรค์ภิรมย์สาน                       รวมสิ่ง  รักษ์นา

คุณครบมากมายครั้น                   เมื่อค้นมาครวญฯ

 

๏ หอมชวนหวลชื่นให้                   โชยหา

ลมพัดลัดลอยพา                        ลิ่วพร้อย

หยดหวานยิ่งดวงยิหวา                ยินแว่ว

หนอชุ่มนานเชยน้อย                    ชุ่มน้อยเชยนานฯ

 

๏ ยินสราญดังด้วยรส                   ฤดีรมย์ 

เลยพร่างพราวลอยพรม               เลิศพร้อม

หลายเปราะเพราะหลากปม          ลมปาก

เยิ้มยั่วหยาดสวาทย้อม                 ว่อนเย้ยวัยเยาว์ฯ

 

๏ เข็ดขยาดเพียงเขย่าย้ำ              คำขยะ

สังเวชสาดเศษสวะ                     ว่อนสิ้น

มลายล้างไม่ลดละ                      ลงลึก 

คายเล่ห์บนคมลิ้น                       บาดล้วงล่วงถลำฯ

 

๏ สำรอกซ้อนสำเร็จสิ้น                 รินเสียง

เถิดเรื่องที่ทอเรียง                        ถักร้อย

ใครถามท่านคอยเถียง                  เคียงถก

อาทิตย์ทวนครวญถ้อย                 เขี่ยทิ้งทุกคำทองฯ

 

๏ พจน์พร้องฟังเพราะพริ้ง                        พาเพลิน

เพียงกล่าวสุกสกาวเกิน                            กิ่งแก้ว

ยลศรียกสรรเสริญ                                   ยอศักดิ์

พลิ้วล่องผ่องเพริศแล้ว                            แผ่วล้ำพิลาศหลงฯ

 

๏ คราคงเคืองขุ่นข้อง                               ครองความ

หลายหลากเลยลินลาม                            ล่วงล้ำ

ยังอย่างยิ่งหยาบหยาม                             หยันเหยียด

พอพล่อยพาเพลี่ยงพล้ำ                           พ่นพร้อมพิษผลาญฯ

 

๏ ใดปานหวานด้วยปาก                           ดังปอง

แสงรุ่งรังสฤษฎ์รอง                                 ส่องเรื้อง

ศรีสุขสบพบสนอง                                   สนานสนั่น

ยุรยาตรหยดหยาดเยื้อง                หยาดเยิ้มยามยลฯ

 

๏ ปุถุชนเอยคิดก่อนอ้า                             ปากอัน  นั่นนอ

เสริมค่าความสำคัญ                                ส่งข้น

ประสงค์สิ่งเกษมสันต์                              เกษมสุข

ครองเลิศแลคุณล้น                                 คิดแล้วคอยแถลงฯ

...............................................

 

(22. สุดใจ)

ส่ง 28 มิถุนายน 2551 (ทางอีเมล์) และ 30 มิถุนายน 2551 (ทางเว็บบอร์ด)

 

๏ บ้านเมืองเมลืองรุ่งเรื้อง             เฟื่องฟอง

เพราะพู่นำทั้งผอง                       ฉลาดล้น

ใช้วาทะต่อรอง                           ลุล่วง  ได้แฮ

ประสบสำเร็จพ้น                         ผ่องหล้าไทยแขวง

 

๏ แข็งแข็งบ่เสนาะล้ำ                  รำพัน

ห้วนฮ่วนเอื้อนอรรถครัน                ขุ่นค้ำ

กร้าวกร้าวสดับสรรพ์                    บ่สบ  ใจนา

ดุจมะนาวไร้น้ำ                           แน่แท้ชนชัง

 

๏ หวานหวานฟังเสนาะล้ำ            รำพัน

รื่นรื่นทรวงสุขสันต์                      ซาบซึ้ง

เจื้อยเจื้อยแจ่มจำนรรจ์                 ในเสน่ห์  ถ้อยเฮย

พริ้งเพราะปานน้ำผึ้ง                   เพริศพร้องสยบชน

 

๏ ยลนกบอกว่าไม้                        มาลี

ยลจักรบอกบัวศรี                        สรรพนั้น

ยลหมาบอกแพะพี                      พานเชื่อ   คำเอย

ลมปากหมุนมาซั้น                       สับได้ร้ายดี

 

๏ มีสินมีทรัพย์ให้                        หาผล

จักพัฒน์ทุกแห่งหน                     ห่อนช้า

ร้อยลิ้นเล่ห์น้ำมนต์                      หมายหว่าน  ล้อมแล

หลงเชื่อคารมล้า                         เร่าร้อนโศกศัลย์

 

๏ ร้อยพันสรรตอบโต้                    เรื่องราว

เขาพระวิหารฉาว                        ขัดแย้ง

น้ำมันวิกฤตคราว                        ข้าวยาก

พิเคราะห์พิจารณ์แจ้ง                  ป่าวร้องอึงอล

 

 

๏ สาธุชนย่อมรู้                           พิจารณา

คิดก่อนย้อนเจรจา                       แจ่มแจ้ง

จึงสมมาดปรารถนา                     นำสุข  ชื่นนอ

ลมปากใดไป่แว้ง                         ว่าเว้าเป่าหูฯ

...............................................

 

(23. เชษฐภัทร วิสัยจร) ลมปากมนุษย์

ส่ง 28 มิถุนายน 2551 (ทางอีเมล์) และ 30 มิถุนายน 2551 (ทางเว็บบอร์ด)

 

๏ สายลมสีเล่นซึ้ง                       หลอนทรวง
ลอบปอกลอกป่วนลวง
                 ปากลิ้น
ปาหี่เป่าหูปวง
                             หัวป่วน
ส่งทุกข์สุขทั้งสิ้น
                         ถ่ายสร้างทางเสียง

 

 ๏ เคียงเอ่ยเคียงออดอ้อน เอาใจ
ปากหลอกปากบอกไป
                  ไป่ร้าง
ท่าทีท่าสาไถย
                             แถกลบ เกลื่อนเฮย
ท้ายสุดท้ายจากอ้าง
                    อกรั้นตัณหา

 

๏ พาลมปากแม่ซึ้ง                       สั่งลา
ลาจากบ้านสัญญา
                      ยืดย้ำ
ย้ำบอกจะกลับพัฒนา
                  ชนบท
บทสุดท้ายแม่ช้ำ-                        ชอกเก้อรอคอย

 

๏ พล่อยลมปากพ่อค้า                  คนกลาง
คอยกดชาวนาพลาง                    พูดชี้
พาชาติชอกช้ำวาง                       วงเงื่อน
เวรโง่ชาวนาปี้-                            ป่นแค้นขาดทุน

 

 ๏ วุ่นอลัชชีเฒ่าอ้าง                     อวดธรรม
อวดเทศน์บอกหวยอำ
                  แอบใช้

แอบฉวยฉกศีลนำ                       ชนวนปาก เป่านอ
ชนวนป่วนญาติโยมใบ้                 บอดสิ้นธรรมนิยม

 

๏ ผมรวยแล้วเลิกแล้ว                  เชื่อผม

อ้างชาติศาสน์กษัตริย์ลม             ปากอ้าง
แจกเงินแจกประชาจม
                 เงินแจก
หลอนชาติขายชาติมล้าง
              แลกซื้อเสียงหลอน

 

๏ สอนหนอนไชรากแก้ว                กลางเมือง
เถื่อนเกลื่อนกรุงเหี้ยเรือง
               รุ่งแจ้ง
พาหมาจ่ายสตังค์เปลือง
              กระเป๋าแหก

เปรียบเทียบพายุแกล้ง                 กวาดเกลี้ยงเงินกู

 

 ๏ พรูลมปากเล่าเร้า                     ลาญสยาม
ตัวแตกแยกลามปาม                   ป่วนปล้น

ทุจริตปิดความตาม                     ตีเล่ห์ ลวงนอ
เสียงส่วนใหญ่ขนล้น                   เลือกแล้วลืมหลง

 

 ๏ พาสัดทะนง อสัตย์ซ้อง                        สัตว์กิน
พาผิดศาสน์พังภินท์                    ผิดดิ้น
พาขายชาติทรัพย์สิน                   ขายสนุก สนานเฮย
พาเทียบทวยเทพสิ้น                    เทียบแสร้งเสวยสวรรค์


๏ สีสันปากมนุษย์เว้า                   วนระบาย
พันลึกสุดบรรยาย                        ยั่วย้อน
เถิดตรองก่อนตัวตาย                   ตามตก กันนอ
คะเนพิษลมปลิ้นปล้อน                ป่วนปล้นฉลสยามฯ

...............................................

 

(24. นายฉัตรชัย) ลมปาก

ส่ง 29 มิถุนายน 2551 (ทางอีเมล์)

 

๏ ลมปากเพียงแผ่วน้อย               มากค่า   

โลกเปลี่ยนเพราะวาจา                 เคลื่อนไซร้

หมุนเวียนสู่ต่ำช้า                        แล้วแต่ผู้เป่า

โลกน่าอยู่เพราะได้                      ผู้เป่านั่นแล

 

๏ ลมปากหากใส่ร้าย                    ป้ายสี

คุณค่าแห่งความดี                      หม่นสิ้น

มุสาแต่งราคี                              แสนต่ำ

ร้อยเล่ห์อยู่ที่ลิ้น                          เล่นร้ายหรือดี

 

๏ ลมปากหากบ่มด้วย                  ความรัก

คำแม่แน่สลัก                             หมื่นถ้อย

สอนสั่งบ่เคยพัก                          นานยิ่ง

ปลูก ปั่น ปรุง ลูกน้อย                  แต่ก้อยจนโต

 

๏ ลมปากหากเป่าพร้อม                ศิลป์ศาสตร์

สอนสั่งจนเกิดปราชญ์                 เก่งไซร้

จักได้ช่วยเหล่าราษฎร์                  เรืองรุ่ง

สืบต่อแผ่นดินไว้                         ส่งให้ลูกหลาน

 

๏ ลมปากหากเปี่ยมด้วย               รสหวาน

ฟังแต่น้อยติดนาน                       ค่ำเช้า

สุภาพยิ่งถูกกาล                          ควรค่าเคารพ

แม้อยู่ที่เร่าร้อน                            กล่อมได้เป็นเย็น

 

๏ ลมปากหากแต่งแต้ม                ธรรมมา

ชี้เหล่าปวงประชา                        ผ่องแผ้ว

ดับสิ้นซึ่งตัณหา                          มืดหม่น

สว่างดุจรัตน์แก้ว                         เปี่ยมล้ำธรรมมา

 

๏ ลมปากมากค่าล้ำ                     แสนคุณ

ปรับเปลี่ยนเวียนยืดหยุ่น               กล่าวได้

น้ำใสร่ายให้ขุ่น                           เพียงสั่ง

แม้แก่นมนุษย์ไซร้                        เปลี่ยนได้เพียงลมฯ

...............................................

 

(25.นายสมศักดิ์) คำชั่วบังบอดเบื้อตรึกไว้โดยตนฯ

ส่ง 29 มิถุนายน 2551 (ทางอีเมล์) และ 30 มิถุนายน 2551 (ทางเว็บบอร์ด)

 

๏ ถาโถมเข้าถั่งท้น                      ทับถม

สาดพล่อยอารมณ์จม                  จวกจ้วง

ไต่แต่อัตตาตม                            เติมต่อ

คำขื่นคำแค่นท้วง                        ท่านทิ้งทวนลม

 

๏ คมโวหารหื่นเหี้ยน                    หับหาว

อ้างโอ่อวดองค์คาว-                    ขื่นเขี้ยว

เร่งร้อยเรื่องเรียงราว                     ระห่ำ

หวดสื่อบังบูดเบี้ยว                      บอกถ้อยถากถาง

           

๏ ทางชนกล่นเกลื่อนกร้าว            กลับหมาง

มืดมั่วเมียงมองทาง                     เถื่อนท้น

กลับกลอกก่นกลกาง                   กายแผ่

ฟอกเพื่อผองเพื่อนพ้น-                ผิดเพี้ยนพงศ์พันธุ์

 

๏ จำนรรจ์จำแนกไว้                     วังวน

เช้าชื่นแช่มชมชน                        ฉ่ำแท้

ค่ำขับขากคารมณ์                       ราด่า

กลับร่องกลับรอยแก้                    กลับกลั้วกลืนคำ

 

๏ น้ำลายเล่ห์รดฟ้า                      ฟากฝืน

ลิ่วหล่นลงดินกลืน                      กลับได้

ผายพลิกฝ่ามือคืน                       คุณค่า

คำแค่นการเมืองไซร้                     เช่นนี้นานมา

 

๏ ประชาเราท่านพร้อง                  ตรองการ

ลมเล่ห์ร่ำเริงราญ                        เหน็บเนื้อ

ที่ดีเกลื่อนดลดาน                       ดีต่อ

คำชั่วบังบอดเบื้อ*                       ตรึกไว้โดยตน.ฯ

...............................................

 

(26. กรวี) เพียงหนึ่งซึ่งคำลวง

ส่ง  29 และ 30 มิถุนายน 2551 (ทางอีเมล์)

 

  เพียงหนึ่งคำหยอกเย้า              จิตใจ

ให้จิตคิดทำไป                            สักครั้ง

สานซึ่งสิ่งหวานใด                      ที่กล่าว  ออกเฮย

ขอเก็บเพื่อฉุดรั้ง                          สิ่งนี้พร้อมถวิล 

 

  ด้วยจิตที่ปริ่มพร้อม                  ความหวัง

จึ่งคิดว่าถูกดัง                            ที่ว้า

เชื่อคำยิ่งสิ่งหวัง                          มาตลอด

กาลผ่านนานไม่ล้า                      จักพร้อมตรึกเสมอ 

 

  ผ่านนานยิ่งปวดร้าว                 ดวงแด

ว่างปล่าวไร้เหลียวแล                   รักให้

ปวดร้าวยิ่งกว่าแผล                     ที่บ่ง  ลึกเฮย

สุดจักทนฝืนไว้                            ปวดร้าวใจหมอง 

 

  ได้คิดรักดั่งเส้น                       ด้ายแดง

กาลผ่านยิ่งอ่อนแรง                     ต่อต้าน

กลายกลับเจ็บปวดแฝง                มาตลบ 

ให้เจ็บให้กลับด้าน                       เจ็บร้าวอยู่เสมอ 

 

  น้ำตานองหลั่งแล้ว                  ลงริน

เจ็บจิตจนอาจิน                          จะขาดแล้ว

หทัยที่พร้อมถวิล                         ปวดปร่า

ท้ายสุดดั่งดอกแก้ว                      กลีบร้างแรมไฉน 

 

  รำลึกรักกลับร้าง                      แรมไกล

ดวงจิตยิ่งคิดไป                          เหว่ว้า

สานฝันสักเพียงไร                       ไม่เกิด  ก่อเฮย

ท้ายสุดให้เหนื่อยล้า                    เมื่อร้าวใจสนอง  ๚๛

...............................................

 

(27. นายสุรพล) ลมปาก

ส่ง 30 มิถุนายน 2551 (ทางอีเมล์)

 

๏ ลมปากในแง่นี้                         คือคำ

ลมปากลมมนุษย์นำ                    กล่าวถ้อย

ลมปากซ่อนคมขำ                       แกนแก่น

ลมปากประเด็นร้อย                     แต่งแต้มเติมฝัน

 

๏ ลมปากจึงต่อตั้ง                       โดยพลัน

ลมปากประเด็นสรรค์                   ซอกไซ้

ลมปากแต่งดีครัน                       ควรค่า

ลมปากคัดคงไว้                          ส่งสู้ชูชม

 

๏ ลมปากใช่ปล่อยเปรี้ยง              เพียงลม

ลมปากหากเป็นปม                      ปลุกปั้น

ลมปากเปิดความคม                    คิดอ่าน

ลมปากมนุษย์นั้น                        บอกด้านดีเลว

 

๏ ลมปากหากกล่าวก้อง               เกิดเปลว

ลมปากมากหลากเหลว                ค่าด้อย

ลมปากต่ำกว่าเอว                       ใครชื่น  (ชมนอ)

ลมปากหากหยาบถ้อย                 ด่าวดิ้นโดยคำ

 

๏ ลมปากหากเพราะพริ้ง              พาจำ

ลมปากย่อมชอบธรรม                  ส่งสร้าง

ลมปากเหตุผลนำ                        เนาแน่น

ลมปากคงคาค้าง                        เฟื่องฟุ้งกำจาย

 

๏ ลมปากลมปล่อยโป้ง                 เป็นนาย

ลมปากบอกบั้นปลาย                   โอษฐ์อ้าง

ลมปากเช่นช้างพลาย                  งางอก

ลมปากควรสรรค์สร้าง                 ท่านนั้นนายคำฯ

...............................................

 

(28. ชดา แก้วสมบัติ) ลมปาก

ส่ง 30 มิถุนายน 2551 (ทางอีเมล์)

 

๏ บัณฑิตจบใหม่พร้อม                ทำงาน
เก่งกาจวิชาการ                           รอบด้าน
อิทธิบาทสมัครสมาน                   สัมมาชีพ
ผิดพลาดถูกต่อต้าน                    ปากร้ายโจมตี


๏ พ่อบัณฑิตหนุ่มน้อย                 นิ่งฟัง
คิดกลับระมัดระวัง                      เพลี่ยงพล้ำ
สติมั่นคือพลัง                            ชีวิต
ลมปากอาจขื่นกล้ำ                      กว่าน้ำใจจริง


๏ อันว่าลมปากนี้                         มีคุณ   โทษเอย
ดีเด่นยกย่องบุญ                         เลิศแล้
ต่ำช้าพล่ามสถุล                         สบถปาก
ฟังอยากฟังไหนแท้                      ปากลิ้นตรงใจ


๏ บัณฑิตเพียรเร่งรู้                      เรียนธรรม์
สรรเสริญนินทากัน                      คู่แท้
คู่โลก นรก สวรรค์                       ลมปาก
เป็นดั่งภูผาแก้                            ตระหง่านตั้งต้านลม


๏ ภูผาตระหง่านตั้ง                     ทิศใด
ลมปากพูดผ่านไป                       ผ่านลิ้น
ตั้งอยู่อย่าหวั่นไหว                       ลมปาก
จิตมั่นอย่าโดดดิ้น                       เชื่อลิ้นคำลม

 

๏ ลมปากจากปากนี้                     เพียงลม
พูดพล่อยพูดชื่นชม                     พูดได้
ปากหรือจิตเป็นอารมณ์                บ่งบอก   บัณฑิตเอย
สำนึกควบคุมไว้                          อย่าพลั้งเผลอลม ฯ

...............................................

 

(29. อนัตตาภา) ลมปากจากลมใจ

ส่ง 30 มิถุนายน 2551 (ทางอีเมล์)

 

๑. ลมเย็นเป็นประโยชน์ด้วย         เย็นใจ
ลมร้อนลนเหงื่อไหล                     อุดอู้
ลมร้ายยิ่งสิ่งใด                           ลมปาก
นาร์กีสฤาจะสู้                            พิษถ้อยคำคน


๒. วายุถล่มล่มสิ้น                       ศฤงคาร
กว่าแสนพลีสุดทาน                     โหดไห้
ตะวันเคลื่อนเดือนผ่านกาล          จักสุข   ได้เฮย
คำชั่วจากปากไซร้                        เอ่ยแล้วฤาคืน


๓. ลมแรงหลิวลู่ล้อ                     แรงลม
เมฆดำต่ำฝนพรม                        พร่างพื้น
น้ำแล้งไม้บ่สม                            พงป่า 
พูดพล่อยคำถ่อยตื้น                    หมดสิ้นคนชม


๔. ใจใครใครห่อนรู้                      เทียมตน
คิดหนึ่งพูดหนึ่งปน                      ไป่แท้
ร้ายในดีนอกกล                          เพียงเกลื่อน
หลงคำคนอาจแพ้                       เล่ห์ลิ้นลมลวง


๕. รักหนึ่งฝักรักร้อย                     พรูกระจาย
พลิ้วลอยล่องเลื่อนย้าย                ยอกย้อน
เพียงหนึ่งแพร่พันธุ์หลาย              ทั่วถิ่น
ลมปากยิ่งซับซ้อน                       เฟื่องฟุ้งโพทนา

 

๖. สงครามปรามปราบสู้              ไพรี  
พินาศหมดอดอยากพลี                ชีพแล้ว
คิดต่างต่างต่อตี                          เลือดหลั่ง  โลมดิน
จึ่งมธุรสวาจาแก้ว                       หยุดยั้งยินยล

    


๗. น้ำดีใส่ตุ่มไว้                          เติมกิน
น้ำเน่าสาดลงดิน                        เสื่อมด้อย
คำดีพูดคนยิน                            ยอยิ่ง ไกลเฮย
คำเน่าใจกล่าวถ้อย                      ถ่อยสิ้นตัวตน

๘. คนงามปราชญ์ว่าไว้                ใจงาม
ใจงามไม่หวั่นความ                     สิ่งร้าย  
คิดงามเก่งกาจตาม                     ปัญญาเยี่ยม
พูดงามเหนือจรดใต้                     แซ่ซร้องสรรญเสริญ

...............................................

 

(30. ดิพินทร์) ลมปาก

ส่ง 30 มิถุนายน 2551 (ทางอีเมล์)

 

๏ วาจาจักเปล่งได้                       จิตต้อง  สั่งนา

สมองคิดจิตใจตรอง                    แต่งถ้อย

คิดดีพูดดีครอง                           คุณค่า

คิดชั่วพูดดีร้อย-                          เล่ห์ร้ายลวงเสมอ

 

๏ โอษฐ์เผยอเมื่อเอ่ยแล้ว              เป็นนาย

อาจก่อศรัทธาหลาย-                   หลากพร้อม

หรืออาจเสื่อมทำลาย                   ผู้กล่าว  เองนอ

คิดก่อนพูดจึ่งน้อม                      อนรรฆเน้นคุณธรรม

 

๏ กรองคำฉ่ำชุ่มเชื้อ                     ชนชม

ปิยวาจาผสม                              ศาสตร์สร้าง

เพื่อโลกจักเกลียวกลม                  เกษมสุข

“ปากปราชญ์” จึงจักล้าง              โลกร้อนมลายมาร

 

๏ ย้อนกาลแม่กล่อมเกลี้ยง           เยาว์วัย

ปากเป่าป้อนข้าวใจ                      อะเคื้อ

สิ่งดีแม่ขานไข                            สอนลูก

เติบใหญ่ยังโอบเอื้อ                     เอ่ยเอื้อนอลังการ

 

๏ ดวงมานครูเพียบพร้อม              ผดุงขวัญ

ลมปากปานเสกสรร                     สวัสดิ์สร้อย

ดุจพ่อแม่จำนรรจ์                        จับจิต

ว่ากล่าวใช่รักน้อย                        เนื่องเน้นเตือนสมอง

 

๏ กวีทองเสริมส่งสร้าง                 กวีศรี

โคลง กาพย์ ฉันท์ กลอนมี            ชาติเชื้อ

“อยากถามศาสตร์สิ่งดี             จงรีบ  ถามนา”

ลมปาก “ป้านงค์” เอื้อฯ                ก่อนสิ้นลมปราณ

 

“หวานหู” กับ “เจ็บ” แจ้ง            แจงคำ

“ท่านภู่” พิเคราะห์นำ                   เนื่องไว้

ชิวหาย่อมกระทำ             ตามจิต

จะสุขทุกข์ยากไร้                         ปากนั้นคอยสนอง

 

๏ ขวานทองใครครอบคุ้ม              ครองเมือง

คำพูดวอนอย่าเปลือง                  ป่นปี้

หาเสียงกู่กันเนือง                        รักชาติ

มิเนิ่นกาลบ่งชี้                            ชาติเชื้อซาตาน

 

พื้นฐานลมปากแม้น              จริงใจ

ก่อเกิดเกียรติเกริกไกร               กึกก้อง

ทางกลับหากผู้ใด                   เสื่อมสัตย์

ลมปากพิรุธฟ้อง                     ฝากร้ายรุมขวัญ

 

เลือกสรรถ้อยถ่องแท้              ทางดี

ครองจิตรักศักดิ์ศรี                       มั่นไว้

คำสอนทุกศาสน์ดี                       เชื่อมั่น  เถิดนา

เตือนจิตเตือนปากได้                ดับร้อนสลายเข็ญฯ

...............................................

 

(31. อธิคม) ปากร้ายใจโหด

ส่ง 30 มิถุนายน 2551 (ทางอีเมล์)

 

๏ ลมแรงกรรโชกร้อน                    วิปริต
ลมปากคอยพ่นพิษ                      คิดร้าย
มากโทสะโมหะจิต                      มืดบอด
เมืองเสื่อมผู้นำคล้าย                   คลั่งบ้ายากสมาน


๏ รูทวารฤาปากโอ้                        เหม็นอวล
ทนกลิ่นเน่าคลุ้งควร                    คลื่นไส้
ท้าตีต่อยคอยชวน                       ทะเลาะบ่อย
สำรากคำใส่ไคล้                         สบถถ้อยถ่อยสถุล


๏ บุญทำกรรมแต่งให้                   รูปโหด
ชาติก่อนคงชั่วโฉด                      ต่ำช้า
ดลชาติใหม่ไฟพิโรธ                     เผาจิต
ขมึงเนตรโอษฐ์แสยะอ้า               เสลดย้อยสยดสยอง


๏ ผองราษฎร์ทั่วรัฐล้วน                ระทมทวี
ถูกหลอกถูกย่ำยี                          ยอกย้อน
คนโกหกกาลี                              โกงชาติ
ยังพ่นลมปากร้อน                       ป่าวร้องบิดเบือน


๏ เหมือนมีผีภูติร้าย                     ชักใย
เมืองหม่นทนเทวษใจ                   ทุกข์แท้
รอความชั่วกำชัย                         กินชาติ สิ้นฤา
ใครเล่าจักช่วยแก้                        กอบกู้ชาติเรา

 

๏ ลมปากเขาป่าวร้อง                   คำลวง
หลงเชื่อจึงเจ็บทรวง                     สุดช้ำ
ประชาธิปไตยกลวง                     กัดกร่อน ชาติเวย
เสียงสิทธิ์ถูกซื้อซ้ำ                       หมดสิ้นวิญญาณฯ

...............................................

 

(32.ประสงค์) ลมปาก

ส่ง 30 มิถุนายน 2551 (ทางอีเมล์)

 

๏ ลมปากแม่เป่าเพี้ยง                  เพี้ยงหาย

ยามเด็กเจ็บปวดคลาย                 ผ่อนได้

เมื่อเติบใหญ่กลับกลาย                แปรเปลี่ยน

คำแม่สั่งสอนให้                          กลับร้อนรุมตน

 

๏ ลมปากหากเปรียบด้วย              วาตะ

อาจก่อเกิดหายนะ                       มากล้น

พายุพัดเพียงขณะ                       พ้นผ่าน

ลมปากก่อภัยพ้น                         อาจข้ามขวบปี

 

๏ คำลวงคนเชื่อด้วย                    เห็นจริง

คำสัตย์กลับท้วงติง                     ดั่งนี้

คนพาลกล่าวอ้างอิง                    หลงเชื่อ

สาธุชนแนะชี้                              กลับแย้งปัญญา

 

๏ ศาสดาสั่งสอนให้                     ครองธรรม

เว้นบาปละก่อกรรม                     ชั่วช้า

คนดีย่อมน้อมนำ                        ปฏิบัติ

สันติสุขทั่วหล้า                           เกิดด้วยศาสนา

 

๏ ลมปากทรราชสร้าง                   สงคราม

ยุยั่วรบรุกลาม                             ทั่วหล้า

ปวงชนพบแต่ความ                     วิบัติ

คนบาปแสนหยาบช้า                   ชั่วร้ายจัญไร

 

๏ ทนายความแนะช่องชี้               กฎหมาย

ความผิดอาจกลับกลาย               เปลี่ยนได้

คดีโทษซึ่งถึงตาย                        อุกฤษฎ์

ลมปากทนายช่วยให้                    ปลอดพ้นโทษภัย

 

 

๏ ลมปากโหรกล่าวอ้าง                 คราวเคราะห์

ควรจะบวงสรวงเสดาะ                เซ่นไหว้

ของครบเครื่องพอเหมาะ              ตามเหตุ

เงินจ่ายหมอจัดให้                       เพียบพร้อมค่าครู

 

๏ ลมปากลวงล่อให้                     คนหลง

ความโง่พางวยงง                        อวดรู้

คนโฉดชั่วยุยง                            จูงจมูก

ปลุกปั่นมวลชนสู้                        ก่อให้จราจลฯ

...............................................

 

(33. สิทธิเดช) ลมปาก

ส่ง 30 มิถุนายน 2551 (ทางอีเมล์) และ 30 มิถุนายน 2551 (ทางเว็บบอร์ด)

๏ ก่อนกล่าวถ้อยสติตั้ง                 จงดี
ลมปากด้านหนึ่งมี                       พิษร้าย
ด้านหนึ่งเปรียบมาลี                    หอมชื่น
คำพูดนี้จึ่งคล้าย                         ดาบแท้สองคม


 ๏ ลมปากผู้ปราชญ์นั้น                ไตร่ตรอง
ชั่ว - ดี ตามครรลอง                    กล่าวอ้าง
ชนพาลพูดจองหอง                     ตนเก่ง  ผู้เดียว
คุยข่มคำเท่าช้าง                         อวดโอ้เกินงาม


 ๏ ถึงยามตกยากต้อง                   ระวังตน
คำพูดเข้าหูคน                            เลือกได้
พูดดีย่อมเกิดผล                         ดังคิด
ลมปากไม่แล้งไร้                         หากใช้ปัญญา


 ๏ คบหาหมู่เพื่อนพ้อง                 สมาคม
ควรกล่าวคำนิยม                        มั่นไว้
วาจาชอบเชยชม                         มวลหมู่  สหายนา
หากผิดเพราะพูดไซร้                   มิตรแท้เป็นศัตรู


 ๏ ดูคนให้แน่แท้                         ดูใจ
จะพูดจาปราศรัย                        สติตั้ง
ชอบไม่ชอบอย่างไร                      เก็บอยู่  ผู้เดียว
รู้พิเคราะห์ยับยั้ง                         อย่าเกรี้ยวโกรธา

 

 ๏ อย่าให้คำพูดนั้น                      เป็นนาย
เดี๋ยวจะพาฉิบหาย                      ป่นปี้
ถึงแม้นว่าตัวตาย                        คำพูด    ยังอยู่
เป็นสัจธรรมนำชี้                         แก่นแท้ปรัชญา

 


  ลมปากอย่าปดโป้                    เป็นลมลวง
ลมปากใช่ลมกลวง                      ยอกย้อน
ลมปากกล่อมชื่นทรวง                  อบอุ่น   เสมอนา
ลมปากดับพิษร้อน                      ผ่อนร้ายกลายเย็น ฯ

...............................................

 

(34. Gothic Dan.) พยุวจี

่ง 30 มิถุนายน 2551 (ทางอีเมล์)

 

๑) (ลมพยุ......กราดเกรี้ยวเพื่อก่อเกิด)

 

๏ ลมพยุกระหน่ำเพี้ยง                 ทลายไศล  ลงฤา

อาจถล่มน่านคัคนัยต์                   ป่นสิ้น

วารีอาจสะเทือนไหว                    กระฉอกกระฉ่อน

หมู่สัตว์อาจดับดิ้น                       ด่าวล้มถมโคลนฯ

 

 ๏ พลันโพ้นลมโบกเบื้อง              เวหน

ผ่านพยุสงบตน                           นิ่งแล้ว

สรรพสิ่งก็ว่ายวน                         เกิดใหม่

กลับธาตุอาจผ่องแผ้ว                  เร่งฟื้นคืนดุลฯ

 

๏ พยุหมุนปูนกราดเกรี้ยว              กดดัน

หากแต่ซ่อนสำคัญ                      แต่งสร้าง

กัดกร่อนธาตุปวงสรรพ์                 เพื่อปรับ  เปลี่ยนแล

ลมพยุปรุงโลกสล้าง                    แบบให้พอดีฯ

 

๒) (ลมวจี......เพียงแผ่วก็เผาผลาญ)

 

 ๏ ลมวจีเพียงแผ่วอ้อน                 ออดประโลม

คำเอ่ยเชยชมโฉม                        จริตลิ้น

อาจพลังสุดถั่งโถม                      ทลายราบ

กลเป่าปั่นหัวสิ้น                          หลากร้อยเล่ห์ลวงฯ

 

 ๏ โสตกลวงจึ่งได้เชื่อ                   ลมวจี  นั้นเอย

พ่างพิษยาชั้นดี                           ลอบเร้น

บ่พิเคราะห์เจาะเชิงวิถี                 คำกล่าว  เล่าแล

จึ่งพ่ายพิษคำเน้น                        เนิบน้อยค่อยแถลงฯ

 

 

๏ ลมวจีแฝงเล่ห์ร้าย                    มากนัย

เคลิ้มครู่อยู่อึดใจ                         ผ่าวเชื้อ

ผลาญวอดมอดไหม้ไฟ                 สรรพวินาศ  หมดนา

คงแต่ลมปากเบื้อ                        ฝากไว้ให้แสยงฯ

...............................................

 

(35.รจนา U.S.A.) ลมปาก

ส่ง 25 มิถุนายน 2551 (ทางเว็บบอร์ด)

 

๏ ลมปากหากพัดฟุ้ง                    กระพือ

เป็นข่าวให้คนลือ                         บ่อยครั้ง

ทางที่ถูกต้องคือ                          อย่าต่อ

อาจถูกยกมาตั้ง                          กระทู้ทวงถาม

 

๏ เนื้อความของข่าวนั้น                หล่อแหลม

มิอาจจะเขียนแจม                       ร่วมได้

ข่าวจริงข่าวลวงแถม                    เสร็จสรรพ

จับแพะชนแกะไว้                        หลอกให้หลงคำ

 

๏ จำไปบอกต่อด้วย                      ความหลง

บอกต่อถ้อยคำตรง                      เพื่อนพ้อง

ข่าวเผยแผ่กินวง                         ข้ามเขต

ไวกว่าลมพัดต้อง                        เพิ่มข้อเสียหาย

 

๏ วุ่นวายเกินหยุดยั้ง                    บางที

กับข่าวร้ายข่าวดี                         เล่าอ้าง

ข่าวลวงข่าวใส่สี                         ชวนเชื่อ

หลายเรื่องยังคาค้าง                    ซ่อนเร้นคำจริง

             

๏ นิ่งฟังให้ครบข้อ                       จึงควร

หากรีบรับคำชวน                        ง่ายแท้

โดยไม่คิดทบทวน                        ถามกลับ

ยากจะหาทางแก้                        รอดพ้นพันพัว

 

๏ ความวัวมาติดข้าง                    พัวพัน

ยังยุ่งยากตามกัน                        ไม่เว้น

ความควายจักตามทัน                  เป็นแน่

หากเชื่อลมปากเน้น                     พูดคล้อยตามไปฯ

...............................................

 

(35. รจนา U.S.A.) ลมปาก (ฉบับแก้ไข)

ส่ง 25 มิถุนายน 2551 ฉบับแก้ไข้ (ทางเว็บบอร์ด)

 

๏ ลมปากหากพัดฟุ้ง                    กระพือ

เป็นข่าวให้คนลือ                         บ่อยครั้ง

ทางที่ถูกต้องคือ                          อย่าต่อ

อาจถูกยกมาตั้ง                          กระทู้ทวงถาม

 

๏ เนื้อความของข่าวนั้น                หล่อแหลม

มิอาจจะเขียนแจม                       ร่วมได้

ข่าวจริงข่าวลวงแถม                    เสร็จสรรพ

จับแพะชนแกะไว้                        หลอกให้หลงคำ

 

๏ จำไปบอกต่อด้วย                      ความหลง

บอกต่อถ้อยคำตรง                      เพื่อนพ้อง

ข่าวเผยแผ่กินวง                         ข้ามเขต

ไวกว่าลมพัดต้อง                        เพิ่มข้อเสียหาย

 

๏ วุ่นวายเกินหยุดยั้ง                    บางที

กับข่าวร้ายข่าวดี                         เล่าอ้าง

ข่าวลวงข่าวใส่สี                         ชวนเชื่อ

หลายเรื่องยังคาค้าง                    ซ่อนเร้นคำจริง

 

๏ นิ่งฟังให้ครบข้อ                       จึงควร

หากรีบรับคำชวน                        ง่ายแท้

โดยไม่คิดทบทวน                        ถามกลับ

ยากจะหาทางแก้                        รอดพ้นพันพัว

 

๏ ความวัวมาติดข้าง                    พัวพัน

ยังยุ่งยากตามกัน                        ไม่เว้น

ความควายจักตามทัน                  เป็นแน่

หากเชื่อลมปากเน้น                     พูดคล้อยตามไปฯ

...............................................

(36. จิระ) ลมปาก

ส่ง 29 มิถุนายน 2551 (ทางเว็บบอร์ด)

 

๏ เย็นพระพายพัดร้อน                 คลายไป

ลมปากจากปากใคร                     อาจร้อน

พูดเพื่อชักจูงใจ                           คนอื่น

ดีชั่วส่องสะท้อน                         จิตใต้ใจตน

 

๏ ชนชาวไทยทุกผู้                        ควรจำ

คือไม่ควรพูดคำ                          หยาบช้า

ความสุขจักชักนำ                        มาสู่

คนพูดดีต่อหน้า                          อีกทั้งลับหลัง

 

๏ ควรฟังคำพูดท้วง                     ทัดทาน

คนมากประสบการณ์                   ทุกผู้

สำนวนเก่าโบราณ                       ร่ำบอก

ว่าอาบน้ำร้อนรู้                           ก่อนเจ้าจึงเตือน

 

๏ อย่าเบือนอย่าบิดพลิ้ว               วาจา

อย่าผิดคำสัญญา                       มั่นไว้

เว้นการกล่าวมุสา                        ผรุสวาท

เว้นดั่งนี้จักได้                             ชื่อผู้ประพฤติดี

 

๏ พูดดีศรีศักดิ์ได้                         แก่ตน

เป็นที่รักของชน                           ทั่วหน้า

พูดเลวมุ่งร้ายคน                         ขาดมิตร

คนชั่วพูดต่ำช้า                           หมดสิ้นศักดิ์ศรี

 

๏ อ้อยดียามขบเคี้ยว                    รสหวาน

หมดรสรีบคายชาน                      ออกทิ้ง

หวานมิจืดจางหวาน                    ลมปาก

พูดเหน็บพูดกลอกกลิ้ง                 หมดสิ้นความหวานฯ

...............................................

(37.พิมล มองจันทร์) ลมปาก

ส่ง 29 มิถุนายน 2551 (ทางเว็บบอร์ด)

 

๏ ลมปากปากชอบร้าย                 ปล่อยลม

เอื้อนเอ่ยอาจตรอมตรม                จ่มไห้

ต้องเศร้าทุกข์ระทม                     หทัยยิ่ง   ท่านเฮย

ปากกล่าวดุจแสร้งได้                   ดาบง้าวทิ่มแทง

 

๏ ลมปากปากส่อให้                      รุนแรง

เผยพจน์เพราะพลิกแพลง            เพลี่ยงพล้ำ

กายตนแหกอันแข็งแรง                อาจดับ     ได้แฮ

เพราะปากยุยงล้ำ                        กลับร้ายสามาน

 

๏ลมปากปากพูดพร้อย                 ขับขาน

กุเรื่องก่อตำนาน                          เสกอ้าง

มดเท็จชอบก่อสาร                       มุสาวาท

ผลปาบให้ดับร้าง                        เกียรติสิ้นชีพวาย

 

๏ ลมปากปากกล่าวให้                 เชิดชู

ยกย่องเอกดำรู                            เลิศกล้า

คำนี้ย่อมควรรู้                             ด้วยเหตุ

อาจพรากเราหล้า                        เพราะด้วยหยิ่งหทัย

 

๏ ลมปากปากพูดแท้                   ตรงใจ

พูดถูกธรรมวินัย                          แต่กี้

ย่อมขัดต่อหูไพร่-                         พลปาบ

เพราพูดบ่หลบลี้                         เชือดให้มารอายฯ

 

หมายเหตุคณะทำงานฯ : ผิดกติกา ส่ง 5 บท (กำหนด 6-10 บท) 

 

(37.พิมล มองจันทร์) ลมปาก (ฉบับแก้ไข)

ส่ง 29 มิถุนายน 2551 ฉบับแก้ไข (ทางเว็บบอร์ด)

 

๏ ลมปากปากชอบร้าย                 ปล่อยลม

เอื้อนเอ่ยอาจตรอมตรม                จ่มไห้

ต้องเศร้าทุกข์ระทม                     หทัยยิ่ง ท่านเฮย

ปากกล่าวดุจแสร้งได้                   ดาบง้าวทิ่มแทง

 

๏ลมปากปากส่อให้                      รุนแรง

เผยพจน์เพราะพลิกแพลง            เพลี่ยงพล้ำ

กายตนร่างแข็งแรง                      อาจดับ   ได้แฮ

เพราะปากยุยงล้ำ                        กลับร้ายสามานย์

 

๏ ลมปากปากเท็จอ้าง                  ขับขาน

กุเรื่องก่อตำนาน                          เสกอ้าง

มดเท็จชอบก่อสาร                       มุสาวาท

ผลบาปให้ดับร้าง                        เกียรติสิ้นชีพวาย

 

๏ ลมปากปากกล่าวให้                 เชิดชู

ยกย่องเอกดำรู                            เลิศกล้า

คำนี้ย่อมควรรู้                             ด้วยเหตุ     แท้นา

อาจเหลิงอวดแหล่ง                     เพราะด้วยหยิ่งหทัย

 

๏ ลมปากปากพูดแท้                    ตรงใจ

พูดถูกธรรมวินัย                          แต่กี้

ย่อมขัดต่อหูไพร่-                         พลบาป

เพราะพูดบ่หลบลี้                       เชือดให้มารอายฯ

...............................................

 

หมายเหตุคณะทำงานฯ : ผิดกติกา ส่ง 5 บท (กำหนด 6-10 บท) 

 

(38.วชิระ) ลมปาก

ส่ง 30 มิถุนายน 2551 (ทางเว็บบอร์ด)

 

หลง........

๏ หอมหวนชวนซึ้งซาบ                 พฤกษา

หลงรสเล่ห์กามา                         เสน่ห์แพร้ว

หลงอำนาจเงินตรา                      ตรวจจิต  ถวิลนา

หลงลุ่มเหล่านี้แล้ว                      พ่ายแพ้คำคน

 

ลมปาก.......

๏ หลงกลชนมากร้าย                   วาจา

ลมปากมากริษยา                        กล่าวร้าย

ร้อยฤทธิ์เล่ห์เหลี่ยมมา                 จ้วงจาบ  จิตนา

โป้ปดความเท็จป้าย                     แปดเปื้อนมลทิน

 

พินิจพิจารณา....

๏ ยลยินลมปากแล้ว                    นำพา

พินิจรสพจนา                             ห่อนพร้อง

ดีร้ายอาจปนมา                          ควรแยก  กันนา

ตรองไตร่คิดให้คล้อง                   ถูกต้องตามธรรม

 

คำชม....

๏ คำ “ชม” ชนกล่าวอ้าง               อาตมัน*

อย่าลุ่มหลงรสพลัน                     พลาดพลั้ง

พินิจพิศโทษทัณฑ์                      ถ้วนทั่ว  ก่อนนา

ควรคิดด้วยจิตยั้ง                        เที่ยงแท้หรือลวง

 

คำร้าย….

๏ ปวงคำกล่าวว่า “ร้าย”                อาจดี

อยู่ที่จิตผู้วาที                              นั่นไซร้

หากมีจิตแจ้งดี                            ชี้ชั่ว  บอกคุณ

ควรคิดพินิจให้                            ทั่วถ้วนกระบวนความ

 

เป็นคนฉลาด….

๏ ทุกยามควรคิดอ้าง                    คำคน

ดี-ชั่วอาจปลอมปน                      มากน้อย

ใช้สติเข้ายิลยล                           ลมปาก  ด้วยนา

หากลุ่มหลงคำคล้อย                   ฆ่าแท้ตนเอง

 

*อาตมัน : อัตตา  หรือดวงวิญญาณ ซึ่งศาสนาฮินดูถือว่าเที่ยวแท้

 

 

(38.วชิระ) ลมปาก (ฉบับแก้ไข)

ส่ง 30 มิถุนายน 2551 ฉบับแก้ไข (ทางเว็บบอร์ด)

 

หลง........

๏ หอมหวนชวนซึ้งซาบ                 พฤกษา

หลงรสเล่ห์กามา                         เสน่ห์แพร้ว

หลงอำนาจเงินตรา                      ตรวนจิต  ถวิลนา

หลงลุ่มเหล่านี้แล้ว                      พ่ายแพ้คำคน

 

ลมปาก.......

๏ หลงกลชนมากร้าย                   วาจา

ลมปากมากริษยา                        กล่าวร้าย

ร้อยฤทธิ์เล่ห์เหลี่ยมมา                 จ้วงจาบ  จิตนา

โป้ปดความเท็จป้าย                     แปดเปื้อนมลทิน

 

พินิจพิจารณา....

๏ ยลยินลมปากแล้ว                    นำพา

พินิจรสพจนา                             ห่อนพร้อง

ดีร้ายอาจปนมา                          ควรแยก  กันนา

ตรองไตร่คิดให้คล้อง                   ถูกต้องตามธรรม

 

คำชม....

๏ คำ “ชม” ชนกล่าวอ้าง               อาตมัน*

อย่าลุ่มหลงรสพลัน                     พลาดพลั้ง

พินิจพิศโทษทัณฑ์                      ถ้วนทั่ว  ก่อนนา

ควรคิดด้วยจิตยั้ง                        เที่ยงแท้หรือลวง

 

คำร้าย….

๏ ปวงคำกล่าวว่า “ร้าย”                อาจดี

อยู่ที่จิตผู้วาที                              นั่นไซร้

หากมีจิตแจ้งดี                            ชี้ชั่ว  บอกคุณ

ควรคิดพินิจให้                            ทั่วถ้วนกระบวนความ

 

เป็นคนฉลาด….

๏ ทุกยามควรคิดอ้าง                    คำคน

ดี-ชั่วอาจปลอมปน                      มากน้อย

ใช้สติเข้ายิลยล                           ลมปาก  ด้วยนา

หากลุ่มหลงคำคล้อย                   ฆ่าแท้ตนเอง

 

*อาตมัน : อัตตา  หรือดวงวิญญาณ ซึ่งศาสนาฮินดูถือว่าเที่ยวแท้

...............................................

 

(39. คัมภีร์) ลมปาก

ส่ง 30 มิถุนายน 2551 (ทางเว็บบอร์ด)

 

๏ ลมปากใครเอ่ยอ้าง                   ประชา  ไทยเอย

หวานที่หูทุกครา                          ท่านชี้

ผองชนชื่นอุรา                            หลายหมื่น

คนที่คิดอย่างนี้                           กล่าวอ้างผลงาน

 

๏ นักการเมืองเก่งกล้า                  ลมปาก  หวานนอ

เปรียบดั่งพวกหอยทาก                 ไต่ห้อย

เสียงหวานท่านบอกฝาก               ดาษดื่น

เพียงสี่ปีเล็กน้อย                         อย่าคล้อยเคลื่อนหนี

 

๏ มีลาภยศบ่นบ้า                        ชอบท้า  ชนเอย

บอกเพื่อชาวประชา                     ท่านอ้าง

ได้ยศดั่งอีกา                               ของเน่า  แย่งแล

ไทยทั่วถิ่นเอ่ยบ้าง                        อย่าไหว้สามานย์

 

๏ ลมปากหวานกี่ครั้ง                   หอมหวาน

เสียงแว่วที่กังวาน                        ผ่านรู้

คนชั่วนี้เปรียบปาน                      โคตรชั่ว  ช้าแฮ

เปรียบดั่งเปรตร้องสู้                     อยู่ท้องอเวจี

 

๏ ลมดีพัดผ่านพลิ้ว                     ปลิวไหว

ออกจากปากของใคร                   ไป่รู้

ของคนที่ชอบใจ                          เปรียบหว่าน  พืชแล

เก็บเกี่ยวผลกอบกู้                       ใคร่รู้ใคร่ครวญ

 

๏ มวลมนุษย์เอ่ยอ้าง                    วาจา

ลมผ่านปากออกมา                     กู่ก้อง

ความคมซ่อนชิวหา                      สัตย์ซื่อ

มวลหมู่คนเลวต้อง                      โซ่คล้องขังนาน

 

๏ หวานเป็นลมไป่รู้                      คุณค่า 

ขมน่ารักคือยา                            ว่าไว้

หวานปากพี่น้องจ๋า                      เมื่อกล่าว

ปากที่หวานมอบให้                      อย่าได้หลงลม

 

๏ ลมปากมัดผูกไว้                       แน่นหนา  ใจเอย

สุดที่กล่าววาจา                          ฝากไว้

หอมหวานซ่านอุรา                      น้องพี่  นี้แล

เลยผ่านหลายปีไซร้                     เชื่อได้คนชม

 

๏ ลมปากหวานเล่ห์ลิ้น                 หลอกลวง

ราษฎร์ที่ชอกช้ำทรวง                   บ่นให้

น้ำตากี่หยดร่วง                           ผืนแผ่น  ดินแล

ไทยทั่วถิ่นเหนือใต้                       อย่าได้หลงชม

 

๏ ลมปากหากกล่าวได้                  ชื่นใจ ใครเอย

ลมที่ผ่านทรวงใน                        ใคร่รู้

รสชาติช่างสดใส                         สดชื่น

ชายบ่าวหญิงสาวสู้                     ย่อมรู้ผู้ชม

 

๏ ลมปากซากเล่ห์ลิ้น                   ชิวหา

หวานอย่าอมเธอจ๋า                     ว่าไว้

หากขมว่าคือยา                          มากค่า  ดีแล

ลมที่ปากแล้วไซร้                        อยากให้ติชม

 

๏ ลมหนาวพัดผ่านแล้ว                เลยไป  ไกลเอย

ปากบ่ดีนี้ไซร้                               ชั่วช้า

ลมปากช่างกระไร                        ร้ายยิ่ง

หมองหม่นชนทั่วหล้า                   ว่าไว้ลมลวงฯ

...............................................

 

หมายเหตุคณะทำงานฯ : ผิดกติกา ส่ง 12 บท (กำหนด 6-10 บท)

(40.วรัญญา) ลมปาก

ส่ง 30 มิถุนายน 2551 (ทางเว็บบอร์ด)

 

๏ ลมปากกล่าวออกอ้าง                โน้มใจ

คือสิ่งผ่านปากไป                        สื่อถ้อย

คำพูดที่เลือกใช้                          ควรที่  ดีนา

จูงชักใจให้คล้อย                         แน่แล้วอ่อนตาม

 

๏ ปากดีมีสุดล้ำ                          สิ่งดี

เป็นสิ่งเสริมราศี                          เกียรติก้อง

ศรีสง่ายิ่งด้วยพจนีย์                    เสริมช่วย

แก่ปากคนแซ่ซ้อง                        พูดแล้วคนตาม

 

๏ ลมปากแสนเสนาะน้ำ               คำหวาน

หวานหว่านล้อมเนิ่นนาน              อาจเพ้อ

ลิ้นนำชักดวงมาร                        ให้เชื่อ คำนา

สิ้นซากหากใจเผลอ                     ปวดร้าวคำลวง

 

๏ มองหน้างามเลิศล้ำ                  ยามยล

หน้าไม่บอกใจคน                        แน่ได้

ไม่รู้ว่าหวังผล                             ใดนั่น ใจนา

ใจเล่าตัวเราไซร้                           มั่นไว้ความดี

 

๏ อย่าเชื่อว่านั่นแท้                      ที่ฟัง

ไว้หนึ่งคงไว้ยัง                            ถูกต้อง   

ใจเจ้าพินิจยับยั้ง                         ไว้ก่อน

คนเล่าใจนั้นไซร้                          ยากแท้หยั่งถึง

 

๏ เพราะเพียงลมปากได้               พูดไป

เพียงเพื่อจูงชักใจ                        เอ่ยอ้อน

ลมหวานวับหวิวให้                      อวยอ่อน

ปากพูดเพื่อสิ่งใฝ่                        เล่ห์ร้ายหมายปอง

 

๏ ลมปากหากสิ่งนั้น                    ดีงาม                     

ลมปากก็น่าตาม                         เชื่อได้

ลมปากที่เลวทราม                       อย่าเชื่อ เลยนา

ลมปากคนหยาบใช้                     อย่าได้ถูกจูงฯ

...............................................

 

(40. วรัญญา) ลมปาก (ฉบับแก้ไขล่าสุด)

ส่ง 30 มิถุนายน 2551 ฉบับแก้ไขล่าสุด (ทางเว็บบอร์ด)

 

๏ ลมปาก กล่าวออกอ้าง               โน้มใจ

คือ สิ่งผ่านปากไป                       สื่อถ้อย

คำพูด ที่เลือกใช้                         ควรที่ ดีนา

จูงชักใจ ให้คล้อย                        แน่แล้วอ่อนตาม

 

 ๏ ปากดี มีสุดล้ำ                        สิ่งดี

เป็น สิ่งเสริมราศี                         เกียรติก้อง

ศรี สง่ายิ่งด้วยพจนีย์                   เสริมช่วย

แก่ปาก คนแซ่ซ้อง                       พูดแล้วคนตาม

 

๏ ลมปาก แสนเสนาะน้ำ              คำหวาน

หวาน หว่านล้อมเนิ่นนาน            อาจเพ้อ

ลิ้น นำชักดวงมาร                       ให้เชื่อ คำนา

สิ้นซาก หากใจเผลอ                    ปวดร้าวคำลวง

 

๏ มอง หน้างามเลิศล้ำ                 ยามยล

หน้า ไม่บอกใจคน                       แน่ได้

ไม่รู้ ว่าหวังผล                            ใดนั่น ใจนา

ใจ เล่าตัวเราไซร้                          มั่นไว้ความดี

 

๏ อย่า เชื่อว่านั่นแท้                     ที่ฟัง

ไว้ หนึ่งคงไว้ยัง                           ถูกต้อง 

ใจ เจ้าพินิจยับยั้ง                        ไว้ก่อน

คน เล่าใจนั้นไซร้                         ยากแท้หยั่งถึง

 

๏ เพราะ เพียงลมปากได้              พูดไป

เพียง เพื่อจูงชักใจ                       เอ่ยอ้อน

ลม หวานวับหวามไหว                 อวยอ่อน

ปาก พูดดีเข้าไว้                          เล่ห์ร้ายหมายปอง

 

๏ ลมปาก หากสิ่งนั้น                   ดีงาม

ลมปาก ก็น่าตาม                        เชื่อได้

ลมปาก ที่เลวทราม                      อย่าเชื่อ เลยนา

ลมปาก คนหยาบใช้                    อย่าได้ถูกจูง

...............................................




โคลงสี่สุภาพ 2551

โคลงสี่สุภาพ “ทางออก” สิงหาคม 2551 สำนวนที่ 21-37
โคลงสี่สุภาพ “ทางออก” สิงหาคม 2551 สำนวนที่ 1-20
โคลงสี่สุภาพ “เมืองหุ่น” กรกฎาคม 2551 สำนวนที่ 21-32
โคลงสี่สุภาพ “เมืองหุ่น” กรกฎาคม 2551 สำนวนที่ 1-20
โคลงสี่สุภาพ “ลมปาก” มิถุนายน 2551 สำนวนที่ 41-49 article
โคลงสี่สุภาพ “ลมปาก” มิถุนายน 2551 สำนวนที่ 1-20 article



bulletผลร้อยกรองออนไลน์ 2558
dot
ประกวดร้อยกรองออนไลน์ครั้งที่ 7
dot
bulletข้อมูลการประกวดครั้งที่ 7, 2557
bulletผังร้อยกรอง
bulletอ่านโคลงประกวด 2557
bulletอ่านกลอนประกวด 2557
bulletอ่านกาพย์ยานีประกวด 2557
bulletผลการประกวดร้อยกรอง ปี 2557
dot
ข่าวสาร ข้อมูลสมาคม
dot
bulletกรรมการสมาคมสมัยที่ ๑๕-๑๖
bulletนายกสมาคมสมัยที่ ๑๗
bulletติดต่อนายกสมาคมนักกลอน
bulletติดต่อฝ่ายดูแลส่วนต่างๆ
bulletสมัครสมาชิกสมาคมนักกลอน
bulletนักกลอนตัวอย่าง ๒๕๕๓
dot
หัวข้อน่าสนใจ
dot
bulletรวมลิ้งค์เว็บไซต์น่าสนใจ
bulletส่งบทสักวา น.ส.พ. สยามรัฐ
bulletวารสารวิทยาจารย์ รับต้นฉบับ
bulletส่งข้อเขียนครูในดวงใจ
dot
แนะนำหนังสือ
dot
bulletหน้ารวมหนังสือ
bulletคู่มือเรียนเขียนกลอน
bulletกาสรคำฉันท์ - สมคิด สิงสง
bulletหนังสือสุรินทร์สโมสร
bulletฝากโลกนี้ไว้ในหัวใจเธอ - กอนกูย
bulletเลือน - อติภพ
bulletธาร ธรรมโฆษณ์
bulletนายทิวา
bulletกลอนเกียรติยศ
bulletอ้อมกอดแห่งท้องทุ่ง
bulletทองแถม นาถจำนง
bulletพงศาวดารพิภพ
bulletโป๊ยเซียน คะนองฤทธิ์
dot
โครงการประกวดต่างๆ
dot
bulletนายอินทร์อะวอร์ด ๒๕๕๖
bulletประกวดรางวัลซีไรท์ปี ๒๕๕๖
bulletรางวัลพานแว่นฟ้า ปี ๒๕๕๖
bulletรางวัลวรรณกรรมรามคำแหง ๒๕๕๖
dot
ผลตัดสินรางวัลต่างๆ
dot
bulletรางวัลศรีบูรพา ๒๕๕๖
bulletผลรางวัลซีไรต์ ๒๕๕๗
bulletผลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ๒๕๕๗
bulletผลรางวัลแว่นแก้ว ๗ (๒๕๕๓)
bulletผลกลอนวิถีคนกับควาย
bulletผลร้อยกรอง “ผมจะเป็นคนดี”
bulletรางวัลนราธิป ๒๕๕๓
bulletนักเขียนอมตะ คนที่ ๖ (๒๕๕๕)
bulletนักเขียนรางวัลศรีบูรพา ๒๕๕๖
bulletศิลปินมรดกอีสาน ๒๕๕๔
bulletผลรางวัลพานแว่นฟ้า ๒๕๕๕
bulletผลรางวัลรามคำแหง ๒๕๕๖
bulletศิลปินแห่งชาติ ๒๕๕๕
bulletผลประกวดหนังสือ ชีวิตใหม่ 2
dot
ข่าวคราวของลมหายใจ
dot
dot
Weblink
dot
bulletอ่านกลอนประกวด 2556

หนังสือพิมพ์ คมชัดลึก
สมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย
ศูนย์ให้คำปรึกษาปัญหาภาษาไทย มศว
เว็บรวมกระทู้ อาศรมชาวโคลง ใน pantip.com
หนังสืออีศาน


Copyright © 2010 All Rights Reserved.
ติดต่อ นายกสมาคมนักกลอนแห่งประเทศไทย ทองแถม นาถจำนง
โทรศัพท์ ๐๘๙-๑๒๓๔๗๕๔ อีเมล์ tongtham.n@hotmail.com

สำนักพิมพ์แม่โพสพ