ReadyPlanet.com
dot dot
กลอนสุภาพ “ลมปาก” มิถุนายน 2551 สำนวนที่ 21-33 article

ระดับมัธยมปลาย (กลอนสุภาพ) – 33 สำนวน

 

(21. นางสาวนิตยา) ….ตีหน้าตาย...ขายน้ำคำลมปาก...

ส่ง 18 มิถุนายน 2551 (ทางไปรษณีย์)

 

๏ กี่โครงการมืดดับกับอดีต                                    กี่รอยขีดกากบาทแล้วขาดค่า

กี่คำข้าวฝืนคำทั้งน้ำตา                                        กี่รากหญ้ารากหยั่งยังดักดาน

๏ นโยบายคายคมถ่มเรี่ยราด                                 เสกอากาศแต่งปั้นเป็นฝันหวาน

จนวันเคลื่อนเดือนคล้อยค่อยคืบคลาน                   มธุรสก็แหลกลาญเป็นเล่ห์ลวง

๏ เมื่อมีลิ้นกระดิกพลันพลิกลิ้น                             น้อยคำรินพิษภัยแสนใหญ่หลวง

ทิ้งเศษเศร้าซากหวังเจ็บฝังทรวง                            ไว้บวงสรวงวาจาปัญญาชน

๏ ชนบทหนอคนชนบท                                         ยังรันทดทุกข์ยากอีกมากหน

มิอยากจนแต่ใครให้ยากจน                                   ในวังวนสามานย์พวกผลาญเมือง

๏ หลากตำราคารมผสมเล่ห์                                  ความรวนเรเกิดก่ออยู่ต่อเนื่อง

ยิ่งจดจำเป็นความจริงยิ่งแค้นเคือง                         แท้แค่เรื่องไร้สาระคละน้ำลาย

๏ หากความสัตย์ลบเลือนก็เหมือนสัตว์                   ยากจักวัด “ค่าคน” บนความหมาย

ทุกวันนี้ใครเล่าใครไร้ยางอาย                                โกงภาษีตี  หน้าตาย  ขายน้ำคำฯ

...............................................

 

(22. รัตนา) ขมเพราะคำ

ส่ง 18 มิถุนายน 2551 (ทางไปรษณีย์)

 

๏ กลิ่นโสโครกคลุ้งเคล้าทุกคราวครั้ง                      กับความหวังให้ไว้ไม่มีเหลือ

มีเพียงผู้ปลิ้นปลอกหลอกแช่เกลือ                         จนหนังเนื้อผุพองนองน้ำตา

๏ ก่อสนุกสร้างทุกข์เข็ญเป็นทุกข์ยาก                  ยิ่งมายมากความโศกศัลย์สร้างปัญหา

เพราะซ่อนเร้นเล่นลิ้นจนชินชา                              เพียงปากอ้าความนัยไม่ซื่อตรง

๏ กี่คำว่าจะทำจำได้ไหม                                       กี่คำว่า “จริงใจ” ไม่ลืมหลง

กี่คำว่า “มิแปรผัน” จักมั่นคง                                 แล้วกี่คำ “ยืนยง” จักยืนยาว

๏ ไหนนิยามความสัตย์ซื่อแท้คือสัตว์                      ใครยืนหยัดสร้างเจ็บปวดอันรวดร้าว

ไหนกันหรือคือจะทำย้ำหลายคราว             ปั้นเรื่องราวด้วยวาจาตีหน้าตาย

๏ คมคายคำของคนปะปนเปื้อน                            ทั้งบิดเบือนเหลวไหลไร้จุดหมาย

ทั้งย้อนยอกกลอกกลับน่าอับอาย                           ช่างเหลือร้ายลามลุกขึ้นทุกที

๏ เพราะเป็นเพียงลมปากยากจะเชื่อ                       เพราะพร่ำเพรื่อเสมอไปในวันนี้

เพราะน้ำคำหลอกลวงดวงฤดี                               ความทุกข์ยากค่อยทวีทุกวี่วันฯ

...............................................

 

(23. สุทธิวรรณ)  ลมปาก

ส่ง  26 มิถุนายน 2551 (ทางไปรษณีย์)

 

๏ เพียงลมปาก ยากนัก จักรู้ได้                               ทั้งหญิงชาย เอ่ยกัน ตามประสา

พูดเป็นร้อย เอ่ยเป็นสิบ มากวาจา                          ต่างภาษา ต่างที่มา ต่างท่าที

๏ บางคนพูด ฉอเลาะ หยอดคำหวาน                     เปรียบดั่งตาล หวานรส ให้สุขศรี

เพียงลมปาก อาบยาพิษ ไม่ปรานี                          ฟังบางที ว้าวุ่น สุดชีวา

๏ บางคนพูด น้ำท่วมทุ่ง เนื้อหาน้อย                       พร่ำเป็นร้อย พูดไปเรื่อย ไร้เนื้อหา

บ้างก็พูด พาตน หมดราคา                        เปรียบดั่งปลา ตายเพราะปาก ลำบากกาย

๏ จงพูดดี นั้นล้วนเป็น ศรีแก่ปาก                           ไม่ลำบาก พูดให้ดี มีความหมาย

หากพูดมาก ปากมีสี ให้วุ่นวาย                         จะหยาบคาย ไม่ต้องพูด เปลืองวาจา

๏ บางลมปาก หลากหลาย ให้ชวนคิด                    ให้ใช้จิต ไตร่ตรอง ถึงภาษา

อันปากร้าย แต่ใจดี ให้พึ่งพา                                คำพูดจา เตือนสติ จงคิดดี

๏ สุดท้ายนี้ ผู้เขียน อยากจะฝาก                           พูดไม่ยาก พูดให้ดี จะสุขขี

ใช้ความคิด พิจารณา จะได้ดี                                ดูท่าที ใช้ดูคน ใช่วาจาฯ

...............................................

 

 

(24. ธันยกร) ลมปาก

ส่ง  26 มิถุนายน 2551 (ทางไปรษณีย์)

 

๏ พจมานคำพูดคนเหมือนลมปาก                         ช่างลำบากยากเย็นเสียจริงหนา

อันคำพูดของคนที่พูดจา                                      พูดออกมามีคุณค่าทางจิตใจ

๏ คนพูดดีไพเราะเสนาะหู                                    น่าเอ็นดูฟังแล้วน่าหลงใหล

มีคนชอบชื่นชมอยู่ร่ำไป                                        ทำสิ่งใดใครมิติต่างว่าดี

๏ คนพูดชั่วผู้คนมิชอบหน้า                                   ทั้งพูดว่านินทาหมิ่นศักดิ์ศรี

ถูกสังคมตอกย้ำไม่ปรานี                                      ทั้งชีวีไม่เคยมีสิ่งดีเลย

๏ บางคนพูดปากหวานดั่งโกสุม                             เหล่าผึ้งรุมติดดอมไม่วางเฉย

มีผู้คนชิดชอบชื่นชมเชย                                       ว่าเปิดเผยพูดจาน่าชื่นชม

๏ คนเรานั้นจะดีชั่วอยู่ที่พูด                                   จะพิสูจน์เอาความดีที่สั่งสม

รู้ได้ยากจริงจังดั่งอารมณ์                                      เป็นคารมย์จากปากออกใจมา

๏ เห็นดังนั้นเวลาพูดควรหยุดคิด                           นึกสักนิดก่อนพูดควรปรึกษา

ถามใจตัวก่อนลั่นเป็นวาจา                                   เป็นภาษาใช่พจมานลมปากคนฯ

...............................................

  

(25. รัตน์พร) ลมปาก

ส่ง 27 มิถุนายน 2551 (ทางไปรษณีย์)

 

๏ ใครใคร่พูดพูดไปตามใจนึก                                ความรู้สึกยากรู้คิดไฉน

จะพูดจริงคิดจริงด้วยจริงใจ                                  หรือว่าไม่ไตร่ตรองก่อนพูดจา

๏อาจสุขสมระทมทุกข์ระรื่นจิต                              เข้าใจผิดบิดเบือนความเนื้อหา

หรือเสแสร้งแกล้งพูดด้วยมารยา                            ขึ้นอยู่กับวาจาที่เอ่ยไป

๏ มนุษย์เราล้วนร้อยเล่ห์เหลี่ยมนัก             วางกับดักคำอ่อนหวานพาหวั่นไหว

คำที่พูดแต่ละครั้งพรั่งพรูไป                                  ไม่ใส่ใจในวาจาค่าอนันต์

๏ คำสัญญาคำสาบานที่พร่ำบอก                          ไม่ลวงหลอกบอกรักดั่งของขวัญ

แต่ความจริงเป็นเพียงฝันกลางวัน                          ที่ลวงกันให้เจ็บช้ำซ้ำที่ใจ

๏ จะเชื่อใครฟังใครใคร่ครวญคิด                           ต้องพินิจพิจารณาอย่างหลงใหล

โบราณว่า “รู้หน้าไม่รู้ใจ”                                       ท่องเอาไว้ใส่จิตให้คิดจำ

๏ คำพูดคนสับสนและว้าวุ่น                                 คำร้ายกรุ่นปะปนชะน่าขำ

เคยสัญญาให้สัจจะแล้วไม่จำ                               แสนระกำช้ำ “ลมปาก” จากคำคนฯ

...............................................

   

(26. วัชรพล) ลมปาก

ส่ง 27 มิถุนายน 2551 (ทางไปรษณีย์)

 

๏ อันวาจาร่ำลือคือศักดิ์ศรี                                    ประหนึ่งมีรอยประทับประดับไว้

หนึ่งลมปากเปลี่ยนเสมือนหนึ่งดวงใจ                    คำพูดไซร้เปรียบเสมือนหนึ่งตัวตน

๏ อันคำพูดหอมหวานปานน้ำผึ้ง                            ที่ตราตรึงทั่วแขนงทุกแห่งหน

คอยแทะโลมประโคมบอกหลอกสัปดน                   จึ่งเป็นคนคอยประจบคบสอพลอ

๏ อันคำพูดเฉือนเชือดดังเลือดสาด                        คอยพูดปาดปะปนจนร้องขอ

คอยดับจิตคิดอกุศลทนรีรอ                                   คนนี้หนอลมปากภัยเข้าใส่เรา

๏ อันคำพูดน้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรง                           มีแต่โคลงไม่มีเนื้ออย่าเชื่อเขา

ถึงพูดมากสาระนิดจิตอ่อนเบา                              ลมปากเขลาเบาปัญญาพาอับจน

๏ อันคำพูดชอบชักใบให้เรือเสีย                             ต้องไกล่เกลี่ยเกลี้ยกล่อมตะล่อมขอ

ออกนอกบทนอกกรอบชอบรีรอ                              ลมปากหวออ้าปากค้างต่างตกใจ

๏ อันคำพูดเหมือนมะกอกสามตะกร้า                     เราต่างพาปาไม่ถูกฉุกสงสัย

จึงพูดจาตลบตะแลงพลิกแพลงไป                        ทำเฉไฉแชเชือนคอยเจือนแจ

๏ อันคำพูดเหมือนเสี้ยมควายให้อายป่า                  ไม่ชักช้าถ้าแตกคอพอกระแส

คอยยุยงเสริมส่งหลงเชือนแช                                ต้องแตกแยกเป็นแน่แท้เมื่อเจอกัน

๏ อันคำพูดเหมือนขนมเบื้องละเลงปาก                  ด้วยพูดมากอยากแสดงตามแรงฝัน

ทำไม่ได้ดังที่พูดสุดอดกลั้น                                   ทุกทุกวันคอยตระเวนเที่ยวเล่นไป

๏ อันลมปากที่กล่าวมาเป็นตัวอย่าง                        ขอเอ่ยอ้างสิ่งไม่ดีรี่แก้ไข

อย่าทำตัวเยี่ยงลมพัดจากปากไป                           หนักแน่นไว้ใจมั่นไม่สั่นคลอนฯ

...............................................

 

(27. ธนอรรถ) ลมปาก

ส่ง 27 มิถุนายน 2551 (ทางไปรษณีย์)

 

๏ คนทุกคนมีสองหูแต่หนึ่งปาก                             ฟังให้มากคิดให้มากมีเหตุผล

คิดพูดอะไรนั้นให้รู้ตน                                          อย่าเป็นคนพูดมากตามแต่ใจ

๏ คำพูดของคนเรานั้นดั่งพายุ                               ที่ประทุจุดเริ่มต้นผลยิ่งใหญ่

ถ้าคนนั้นไม่มั่นคงในจิตใจ                                    ก็เหมือนไฟแรงวายุพัดสู่ตน

๏ แต่ถ้าเรามีจิตใจที่เข้มแข็ง                                  ลมจะแรงสักเท่าใดไม่เห็นผล

แค่ลมปากต่อปากของผู้คน                                   ดั่งสายลมชนศิลาหาทลาย

๏ ยิ่งใจเราแข็งแกร่งเช่นหินผา                               ฟังวาจากระจิริดมิเสียหาย

ต่อให้ใครเค้าจะมาคิดทำลาย                               ก็มั่นหมายยืนหยัดไม่ขัดใจ

๏ คำพูดคนที่ทำให้ผู้อื่นทุกข์                                 ก็เหมือนฉุดคนอื่นลงเหวใหญ่

ตัวเรานั้นทำเป็นไม่สนใจ                                      พูดอย่างไรใจคงไม่หลงกล

๏ ชีวิตตัวเรานั้นจะมีสุข                                        ถ้าทุกทุกคนพูดดีมีเหตุผล

ประกอบกิจการใดไม่อับจน                                   ประเทศพ้นภัยพิบัติวัฒนาฯ

...............................................

 

(28. ประสิทธิ์) ลมปาก

ส่ง 27 มิถุนายน 2551 (ทางไปรษณีย์)

 

๏ อันเขาว่าลมปากยากจะเชื่อ                    ถ้าคลุมเครือผู้ฟังไม่เชื่อได้

ลึกในจิตแม้จะหยั่งสักเท่าใด                     อยู่ในใจใครก็ไม่อาจรู้ทัน

๏ อันรู้หน้ารู้ตาไม่รู้จิต                               หากเราคิดผิดไปให้โศกศัลย์

ถ้าถูกหลอกแค้นในทรวงบ่วงโลกันต์           เกินจะกลั้นความคิดในจิตใจ

๏ อันลมปากใช้ผิดมีพิษแสน                     ให้สุดแค้นเคืองในจิตคิดถึงไหน

ถ้าพูดจาร้ายมากอาจมีภัย                        ไม่มีใครชอบใจลมปากเรา

๏ อันพูดจาวาทีดีต่อปาก                          แม้ตกยากแสนลำบากก็ไม่เหงา

การพูดดีให้เป็นนิจติดดั่งเงา                     ใจปากเราพูดให้ตรงคนไม่เมิน

๏ อันคำพูดที่ดีเป็นศรีปาก                        คงไม่ยากฟังเมื่อไหร่ได้สรรเสริญ

พูดจาดีคนเห็นใจไม่หมางเมิน                   ฟังจนเพลินเพราะในจิตสนิทใจ

๏ คำพูดนั้นแม้ใครไม่รู้เท่า                        แต่ตัวเรารู้ว่าผิดที่ตรงไหน

ตัวเรารู้พูดพลาดอาจอันตราย                   อาจจะหายนะได้ไร้ชีวา

๏ อันเขาว่าพูดจาดีมีแต่มิตร                      แนบสนิทอยู่ในใจใฝ่ฝันหา

แม้ว่าชีพเรานั้นจะลับลา                           แต่วาจาตราตรึงไม่เคยตาย

๏ อันอ้อยตาลหวานลิ้นยังสิ้นซาก              แต่ลมปากนั้นหวานหูไม่รู้หาย

ถึงตัวเราจะไม่เหลือแม้ร่างกาย                  แต่ความหมายไม่ละลายหายไมเลยฯ

...............................................

 

(29. ชุณห์) ลมปาก

ส่ง 27 มิถุนายน 2551 (ทางไปรษณีย์)

 

๏ อันลมปากมากความนัยใช้ประดิษฐ์                    ทราบความคิดจริงหรือเล่นเป็นไฉน

การพูดดีมีค่ากว่าสิ่งใด                                        คนวางใจไว้เนื้อเชื่อวาจา

๏ ในลมปากมากมนุษย์ไม่แท้เที่ยง                         ควรจะเลี่ยงพูดลดงดมุสา

สนทนาตามประสงค์ตรงไปมา                              เจรจาพาลวงไม่ควรมี

๏ พูดคำใดใช้กับใครให้ไพเราะ                              แสนเสนาะเพราะพริ้งยิ่งศักดิ์ศรี

ใช้วาจาประเสริฐเกิดไมตรี                                    ได้อย่างนี้มีมากมิตรคิดข้างเรา

๏ ก่อนเชื่อใครให้พินิจคิดดูเถิด                              ภาษาเลิศประเสริฐจากปากของเขา

เป็นความจริงหรือเพียงเพราะเราหูเบา                    จงใช้เชาวน์พินิจจิตตรึกตรอง

๏ เศร้าอันใดไม่เท่าเชื่อคนผิด                                ไม่ได้ใช้พิจารณาน่าเศร้าหมอง

จิตของคนเปรียบได้ดั่งละออง                               ลมปากเป่าเล่าร้อยคล้อยตามไป

๏ หากแม้นเราเข้าใจจิตคิดหนักแน่น                   เปรียบเหมือนแม้นแผ่นศิลาภูผาใหญ่

ไม่ไปตามความลมปากจากผู้ใด                             ด้วยจิตใจที่แข็งแกร่งแรงต้านลมฯ

...............................................

 

(30. ทวีศักดิ์) ลมปาก

ส่ง 30 มิถุนายน 2551 (ทางไปรษณีย์)

 

๏ ลองคิดดูแค่ลมปากยากจะผิด                            ลองไตร่ตรองสักนิดจะดีไหม

เรื่องการเมืองตอนนี้ลำบากใจ                               จะหาใครรับผิดชอบช่วยตอบที

๏ ถ้าให้ดีต้องมีซึ่งหลักฐาน                                   เป็นพยานปากเอกอย่าหลบหนี

อภิปรายไม่วางใจแต่ละที                                     ใครคนดีคนชั่วอย่ามั่วเอา

๏ รัฐบาลเครื่องรวนกลัวโดนสอบ                           หาคำตอบฝ่ายค้านจะไปเผา

ครม.ยกเครื่องประเทศเรา                         ความดีเนาความชั่วหายกลายจากตน

๏ พันธมิตรประชาชนคนว่าเถื่อน                            เปรียบเสมือนลากหางกลางถนน

แต่ก็ยังปักหลักสู้อดทน                                        ถึงกรำฝนแดดเปรี้ยงไม่เลี่ยงไป

๏ ย้อนมาดูเรื่องน้ำมันข้าวสารบ้าง                         จะแก้ร่างธรรมนูญไปถึงไหน

ประชาชนลำบากยากจนไป                                   จะมีใครไหนกล้ามาลงทุน

๏ พัลวันทุกข์ระทมเรื่องลมปาก                              แบ่งสองฟากใส่ร้ายไพร่สถุล

อย่ามัวเมาประมาทชาติขาดดุลย์                           ลมปากหมุนจงหยุดทีจะดีเองฯ

...............................................

 

(31.ก้านแก้ว นวอาวุธ) ลมปาก

ส่ง 30 มิถุนายน 2551 (ทางเว็บบอร์ด)

 

๏ ยูงยางหมางฟ้ามาดิน                           องค์อินทร์สิหักห้ามได้

ร้อยทิพย์สถานวิมานใด                            สิร้อนได้หารั้งอยู่เย็น

๏ อุ่นไอแดนดินพงไพร                             แดนไกลห่างเมืองยากเข็ญ

ดินร้อนยางยูงอยู่เย็น                               เด่นเป็นพญาสูงไพรพรรณ

๏ ร้อยล้านอ้างคำพร่ำพูด                          ร้อยรสลิ้นลมสร้างสรรค์

ลมปากฝากคำสำคัญ                              แจ่มจันทร์พลันสถิตย์ทิพย์วิมาน

๏ เพลงพายโหมพัดร้ายแรง                       จัดแจงข่มเข็ญมหาศาล

สิข่มบังคับเยาวมาลย์                              กลับพาลค้านขับลับไกล

๏ ยลยินเพลงลิ้นลมปาก                          ผ่านฝากแทรกจิตแขไข

ตรึงได้ให้รั้งรวงใจ                                    ใกล้ไกลมั่นมิตรติดตรึง

๏ กาลผ่านนานเนิ่นลาล่วง                        โหยห่วงหวลไห้ใฝ่ถึง

เพลงลิ้นลมปากฝากตรึง                          เหมือนหนึ่งคำมั่นสัญญา

๏ ยูงยางถวิลหาไอดิน                              ยลยินมั่นมุ่งถวิลหา

หาใช่ทิพย์สถานกัลยา                              มาดมาแม้นอยู่ทรมาน

๏ เพียงยินลิ้นลมขานขับ                           รอรับลมปากขับขาน

ดุจทิพย์อิ่มแล้วดวงมาลย์                         เบิกบานปานครองวิมานแมนฯ

 

หมายเหตุคณะทำงาน : ผิดฉันทลักษณ์กลอนสุภาพ ส่งเป็น “กลอนหก” 

 

(31. ก้านแก้ว นวอาวุธ) ลมปาก (ฉบับแก้ไข)

ส่ง 30 มิถุนายน 2551 ฉบับแก้ไข (ทางเว็บบอร์ด)

 

๏ ยูงยางหมางฟ้ามาดิน                           องอินทร์สิหักห้ามได้

ร้อยทิพย์สถานวิมานใด                            สิร้อนได้หารั้งอยู่เย็น

๏ อุ่นไอแดนดินพงไพร                             แดนไกลห่างเมืองยากเข็ญ

ดินร้อนยางยูงอยู่เย็น                               เด่นเป็นพญาสูงไพรพรรณ

๏ ร้อยล้านอ้างคำพร่ำพูด                          ร้อยสูตรลิ้นลมสร้างสรรค์

ลมปากฝากคำสำคัญ                              แจ่มจันทร์พลันสถิตย์ทิพย์วิมาน

๏ เพลงพายโหมพัดร้ายแรง                       จัดแจงข่มแหงมหาศาล

หาข่มบังคับเยาวมาลย์                             กลับพาลค้านขับลับไกล

๏ ยลยินเพียงลิ้นลมปาก                           ผ่านฝากแทรกจิตแขไข

ตรึงติดชิดแนบดวงใจ                              ใกล้ไกลมั่นมิตรติดตรึง

๏ กาลผ่านนานเนิ่นลาล่วง                        ให้ห่วงหวลไห้ใฝ่ถึง

เพลงลิ้นลมปากฝากตรึง                          เหมือนหนึ่งคำมั่นสัญญา

๏ยูงยางถวิลหาไอดิน                               ยลยินมั่นมุ่งโหยหา

แม้นใช่ทิพย์สถานกัลยา                           มุ่งมาแม้นร่างทรมาน

๏ เพียงยินลิ้นลมขานขับ                           รอรับลมปากขับขาน

ดุจทิพย์อิ่มแล้วดวงมาลย์                         เบิกบานปานครองวิมานแมนฯ

...............................................

 

หมายเหตุคณะทำงาน : ผิดฉันทลักษณ์กลอนสุภาพ ส่งเป็น “กลอนหก” 

 

(32. เอกรินทร์) ลมปาก

ส่ง 29 มิถุนายน 2551 (ทางเว็บบอร์ด)

 

๏ ชนิดของลมในโลกา                              จะขอนำมาสาธยาย

ให้ญาติให้มิตรทั้งหลาย                           ทั้งหญิงทั้งชายโปรดจงจดจำ

๏ ลมมีทั้งร้ายและดี                                 ลมร้ายเข้าตีน้องพี่ระกำ

ป้องกันความบ้าระห่ำ                              ก่อนจะถูกทำมาเรียนรู้กัน

๏ ลมร้ายมีหลายประเภท                          ให้ท่านสังเกตจะได้รู้ทัน

ลมกรดลมกรรโชกมาพลัน                        ลมขึ้นทันควันลมจับทันใจ

๏ ลมงวงช้างอีกลมบ้าหมู                         ระวังโฉมตรูลมร่วมสมัย

ลมปัจจุบันทันใด                                     ลมพิษมีภัยลมป่วงตามมา

๏ ลมร้ายลมลวงสลาตัน              

...............................................

 

หมายเหตุคณะทำงานฯ : เนื้อความไม่ครบ ผิดฉันทลักษณ์กลอนสุภาพ

 

(33. FrenchHorn) ลมปาก

ส่ง 2 กรกฎาคม 2551 (ทางอีเมล์)

 

๏ ที่แผ่วผิวพลิ้วเบาให้เมาหลง                               มิอาจปลงหากลุ่มหลงจนเมารัก

ที่ติดตรึงลึกซึ้งถึงแน่นหนัก                                   จนทอปักลงประจักษ์ตรงกลางใจ

  จักเอื้อนเอ่ยถ้อยคำอันแสนหวาน                       หรือสบถคำพาลก็หาได้

จักบรรเทาเพลาทุกข์ให้ผ่อนคลาย                          หรือชี้นำความตายได้เช่นกัน

  ที่ร้อนลุ่มดั่งเปลวไฟให้ใจผิด                             ทำลายมิตรเคยชิดสนิทได้ทั้งนั้น

ที่แก้ต่างให้ตนเป็นพลันวัน                                   ริโรมรันผันใจเจ้าให้ขุ่นมัว

  จักใช้คำเพียงหนึ่งคำเพื่อเปลี่ยนคน                    หรือชักดลจิตใจให้สลัว

จักดึงร่างออกจากทางอันน่ากลัว                           หรือชักตัวตนไว้ในถ้อยคำ

  ที่งดงามดุจรุ้งครามอร่ามแสง                            ฉาดฉาย...เปลี่ยนแปลง...สุขแฝงล้ำ

ที่ชุ่มชื่นชุ่มช่ำดั่งฝนพรำ                                       จวบจรดจดจำจนนำใจ

  จักรุ่มรวยเต็มเปี่ยมเชื่อมอบอุ่น                           หรือไร้กรุ่นขุ่นขมอารมณ์ไหม้

จักเลิศล้ำดังดวงเด่นเร้นดวงใจ                             หรือจักไร้สวยงามทรามใจตรม

  ที่ทำร้ายให้เจ็บปวดและร้าวรวด                        เช่นหินกรวดหินทรายมิคลายขม

ที่พะอืดพะอมมาตามลม                                 ไม่นึกชมเพราะพรมกลิ่นความเคียวคาว

  จักอ่อนโยนราวสัมผัสอันพลิ้วไหว                       หรือเหินห่างห่างไกลใจเหน็บหนาว

จักระยิบวิบดาวคราวพร่างพราว                          หรือแลกร้าวเพราะเพียงลมจมพังเพย!

...............................................

 

หมายเหตุคณะทำงานฯ : ผิดกติกา ส่งเกินกำหนดเวลา (ส่งวันที่ 2 กรกฎาคม 2551)




กลอนสุภาพ 2551

กลอนสุภาพ “ทางออก” สิงหาคม 2551 สำนวนที่ 21-33
กลอนสุภาพ “ทางออก” สิงหาคม 2551 สำนวนที่ 1-20
กลอนสุภาพ “เมืองหุ่น” กรกฎาคม 2551 สำนวนที่ 21-35
กลอนสุภาพ “เมืองหุ่น” กรกฎาคม 2551 สำนวนที่ 1-20
กลอนสุภาพ “ลมปาก” มิถุนายน 2551 สำนวนที่ 1-20



bulletผลร้อยกรองออนไลน์ 2558
dot
ประกวดร้อยกรองออนไลน์ครั้งที่ 7
dot
bulletข้อมูลการประกวดครั้งที่ 7, 2557
bulletผังร้อยกรอง
bulletอ่านโคลงประกวด 2557
bulletอ่านกลอนประกวด 2557
bulletอ่านกาพย์ยานีประกวด 2557
bulletผลการประกวดร้อยกรอง ปี 2557
dot
ข่าวสาร ข้อมูลสมาคม
dot
bulletกรรมการสมาคมสมัยที่ ๑๕-๑๖
bulletนายกสมาคมสมัยที่ ๑๗
bulletติดต่อนายกสมาคมนักกลอน
bulletติดต่อฝ่ายดูแลส่วนต่างๆ
bulletสมัครสมาชิกสมาคมนักกลอน
bulletนักกลอนตัวอย่าง ๒๕๕๓
dot
หัวข้อน่าสนใจ
dot
bulletรวมลิ้งค์เว็บไซต์น่าสนใจ
bulletส่งบทสักวา น.ส.พ. สยามรัฐ
bulletวารสารวิทยาจารย์ รับต้นฉบับ
bulletส่งข้อเขียนครูในดวงใจ
dot
แนะนำหนังสือ
dot
bulletหน้ารวมหนังสือ
bulletคู่มือเรียนเขียนกลอน
bulletกาสรคำฉันท์ - สมคิด สิงสง
bulletหนังสือสุรินทร์สโมสร
bulletฝากโลกนี้ไว้ในหัวใจเธอ - กอนกูย
bulletเลือน - อติภพ
bulletธาร ธรรมโฆษณ์
bulletนายทิวา
bulletกลอนเกียรติยศ
bulletอ้อมกอดแห่งท้องทุ่ง
bulletทองแถม นาถจำนง
bulletพงศาวดารพิภพ
bulletโป๊ยเซียน คะนองฤทธิ์
dot
โครงการประกวดต่างๆ
dot
bulletนายอินทร์อะวอร์ด ๒๕๕๖
bulletประกวดรางวัลซีไรท์ปี ๒๕๕๖
bulletรางวัลพานแว่นฟ้า ปี ๒๕๕๖
bulletรางวัลวรรณกรรมรามคำแหง ๒๕๕๖
dot
ผลตัดสินรางวัลต่างๆ
dot
bulletรางวัลศรีบูรพา ๒๕๕๖
bulletผลรางวัลซีไรต์ ๒๕๕๗
bulletผลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ๒๕๕๗
bulletผลรางวัลแว่นแก้ว ๗ (๒๕๕๓)
bulletผลกลอนวิถีคนกับควาย
bulletผลร้อยกรอง “ผมจะเป็นคนดี”
bulletรางวัลนราธิป ๒๕๕๓
bulletนักเขียนอมตะ คนที่ ๖ (๒๕๕๕)
bulletนักเขียนรางวัลศรีบูรพา ๒๕๕๖
bulletศิลปินมรดกอีสาน ๒๕๕๔
bulletผลรางวัลพานแว่นฟ้า ๒๕๕๕
bulletผลรางวัลรามคำแหง ๒๕๕๖
bulletศิลปินแห่งชาติ ๒๕๕๕
bulletผลประกวดหนังสือ ชีวิตใหม่ 2
dot
ข่าวคราวของลมหายใจ
dot
dot
Weblink
dot
bulletอ่านกลอนประกวด 2556

หนังสือพิมพ์ คมชัดลึก
สมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย
ศูนย์ให้คำปรึกษาปัญหาภาษาไทย มศว
เว็บรวมกระทู้ อาศรมชาวโคลง ใน pantip.com
หนังสืออีศาน


Copyright © 2010 All Rights Reserved.
ติดต่อ นายกสมาคมนักกลอนแห่งประเทศไทย ทองแถม นาถจำนง
โทรศัพท์ ๐๘๙-๑๒๓๔๗๕๔ อีเมล์ tongtham.n@hotmail.com

สำนักพิมพ์แม่โพสพ