ระดับมัธยมปลาย (กลอนสุภาพ) 33 สำนวน
(21. นางสาวนิตยา)
.ตีหน้าตาย...ขายน้ำคำลมปาก...
ส่ง 18 มิถุนายน 2551 (ทางไปรษณีย์)
๏ กี่โครงการมืดดับกับอดีต กี่รอยขีดกากบาทแล้วขาดค่า
กี่คำข้าวฝืนคำทั้งน้ำตา กี่รากหญ้ารากหยั่งยังดักดาน
๏ นโยบายคายคมถ่มเรี่ยราด เสกอากาศแต่งปั้นเป็นฝันหวาน
จนวันเคลื่อนเดือนคล้อยค่อยคืบคลาน มธุรสก็แหลกลาญเป็นเล่ห์ลวง
๏ เมื่อมีลิ้นกระดิกพลันพลิกลิ้น น้อยคำรินพิษภัยแสนใหญ่หลวง
ทิ้งเศษเศร้าซากหวังเจ็บฝังทรวง ไว้บวงสรวงวาจาปัญญาชน
๏ ชนบทหนอคนชนบท ยังรันทดทุกข์ยากอีกมากหน
มิอยากจนแต่ใครให้ยากจน ในวังวนสามานย์พวกผลาญเมือง
๏ หลากตำราคารมผสมเล่ห์ ความรวนเรเกิดก่ออยู่ต่อเนื่อง
ยิ่งจดจำเป็นความจริงยิ่งแค้นเคือง แท้แค่เรื่องไร้สาระคละน้ำลาย
๏ หากความสัตย์ลบเลือนก็เหมือนสัตว์ ยากจักวัด ค่าคน บนความหมาย
ทุกวันนี้ใครเล่าใครไร้ยางอาย โกงภาษีตี หน้าตาย ขายน้ำคำฯ
...............................................
(22. รัตนา) ขมเพราะคำ
ส่ง 18 มิถุนายน 2551 (ทางไปรษณีย์)
๏ กลิ่นโสโครกคลุ้งเคล้าทุกคราวครั้ง กับความหวังให้ไว้ไม่มีเหลือ
มีเพียงผู้ปลิ้นปลอกหลอกแช่เกลือ จนหนังเนื้อผุพองนองน้ำตา
๏ ก่อสนุกสร้างทุกข์เข็ญเป็นทุกข์ยาก ยิ่งมายมากความโศกศัลย์สร้างปัญหา
เพราะซ่อนเร้นเล่นลิ้นจนชินชา เพียงปากอ้าความนัยไม่ซื่อตรง
๏ กี่คำว่าจะทำจำได้ไหม กี่คำว่า จริงใจ ไม่ลืมหลง
กี่คำว่า มิแปรผัน จักมั่นคง แล้วกี่คำ ยืนยง จักยืนยาว
๏ ไหนนิยามความสัตย์ซื่อแท้คือสัตว์ ใครยืนหยัดสร้างเจ็บปวดอันรวดร้าว
ไหนกันหรือคือจะทำย้ำหลายคราว ปั้นเรื่องราวด้วยวาจาตีหน้าตาย
๏ คมคายคำของคนปะปนเปื้อน ทั้งบิดเบือนเหลวไหลไร้จุดหมาย
ทั้งย้อนยอกกลอกกลับน่าอับอาย ช่างเหลือร้ายลามลุกขึ้นทุกที
๏ เพราะเป็นเพียงลมปากยากจะเชื่อ เพราะพร่ำเพรื่อเสมอไปในวันนี้
เพราะน้ำคำหลอกลวงดวงฤดี ความทุกข์ยากค่อยทวีทุกวี่วันฯ
...............................................
(23. สุทธิวรรณ) ลมปาก
ส่ง 26 มิถุนายน 2551 (ทางไปรษณีย์)
๏ เพียงลมปาก ยากนัก จักรู้ได้ ทั้งหญิงชาย เอ่ยกัน ตามประสา
พูดเป็นร้อย เอ่ยเป็นสิบ มากวาจา ต่างภาษา ต่างที่มา ต่างท่าที
๏ บางคนพูด ฉอเลาะ หยอดคำหวาน เปรียบดั่งตาล หวานรส ให้สุขศรี
เพียงลมปาก อาบยาพิษ ไม่ปรานี ฟังบางที ว้าวุ่น สุดชีวา
๏ บางคนพูด น้ำท่วมทุ่ง เนื้อหาน้อย พร่ำเป็นร้อย พูดไปเรื่อย ไร้เนื้อหา
บ้างก็พูด พาตน หมดราคา เปรียบดั่งปลา ตายเพราะปาก ลำบากกาย
๏ จงพูดดี นั้นล้วนเป็น ศรีแก่ปาก ไม่ลำบาก พูดให้ดี มีความหมาย
หากพูดมาก ปากมีสี ให้วุ่นวาย จะหยาบคาย ไม่ต้องพูด เปลืองวาจา
๏ บางลมปาก หลากหลาย ให้ชวนคิด ให้ใช้จิต ไตร่ตรอง ถึงภาษา
อันปากร้าย แต่ใจดี ให้พึ่งพา คำพูดจา เตือนสติ จงคิดดี
๏ สุดท้ายนี้ ผู้เขียน อยากจะฝาก พูดไม่ยาก พูดให้ดี จะสุขขี
ใช้ความคิด พิจารณา จะได้ดี ดูท่าที ใช้ดูคน ใช่วาจาฯ
...............................................
(24. ธันยกร) ลมปาก
ส่ง 26 มิถุนายน 2551 (ทางไปรษณีย์)
๏ พจมานคำพูดคนเหมือนลมปาก ช่างลำบากยากเย็นเสียจริงหนา
อันคำพูดของคนที่พูดจา พูดออกมามีคุณค่าทางจิตใจ
๏ คนพูดดีไพเราะเสนาะหู น่าเอ็นดูฟังแล้วน่าหลงใหล
มีคนชอบชื่นชมอยู่ร่ำไป ทำสิ่งใดใครมิติต่างว่าดี
๏ คนพูดชั่วผู้คนมิชอบหน้า ทั้งพูดว่านินทาหมิ่นศักดิ์ศรี
ถูกสังคมตอกย้ำไม่ปรานี ทั้งชีวีไม่เคยมีสิ่งดีเลย
๏ บางคนพูดปากหวานดั่งโกสุม เหล่าผึ้งรุมติดดอมไม่วางเฉย
มีผู้คนชิดชอบชื่นชมเชย ว่าเปิดเผยพูดจาน่าชื่นชม
๏ คนเรานั้นจะดีชั่วอยู่ที่พูด จะพิสูจน์เอาความดีที่สั่งสม
รู้ได้ยากจริงจังดั่งอารมณ์ เป็นคารมย์จากปากออกใจมา
๏ เห็นดังนั้นเวลาพูดควรหยุดคิด นึกสักนิดก่อนพูดควรปรึกษา
ถามใจตัวก่อนลั่นเป็นวาจา เป็นภาษาใช่พจมานลมปากคนฯ
...............................................
(25. รัตน์พร) ลมปาก
ส่ง 27 มิถุนายน 2551 (ทางไปรษณีย์)
๏ ใครใคร่พูดพูดไปตามใจนึก ความรู้สึกยากรู้คิดไฉน
จะพูดจริงคิดจริงด้วยจริงใจ หรือว่าไม่ไตร่ตรองก่อนพูดจา
๏อาจสุขสมระทมทุกข์ระรื่นจิต เข้าใจผิดบิดเบือนความเนื้อหา
หรือเสแสร้งแกล้งพูดด้วยมารยา ขึ้นอยู่กับวาจาที่เอ่ยไป
๏ มนุษย์เราล้วนร้อยเล่ห์เหลี่ยมนัก วางกับดักคำอ่อนหวานพาหวั่นไหว
คำที่พูดแต่ละครั้งพรั่งพรูไป ไม่ใส่ใจในวาจาค่าอนันต์
๏ คำสัญญาคำสาบานที่พร่ำบอก ไม่ลวงหลอกบอกรักดั่งของขวัญ
แต่ความจริงเป็นเพียงฝันกลางวัน ที่ลวงกันให้เจ็บช้ำซ้ำที่ใจ
๏ จะเชื่อใครฟังใครใคร่ครวญคิด ต้องพินิจพิจารณาอย่างหลงใหล
โบราณว่า รู้หน้าไม่รู้ใจ ท่องเอาไว้ใส่จิตให้คิดจำ
๏ คำพูดคนสับสนและว้าวุ่น คำร้ายกรุ่นปะปนชะน่าขำ
เคยสัญญาให้สัจจะแล้วไม่จำ แสนระกำช้ำ ลมปาก จากคำคนฯ
...............................................
(26. วัชรพล) ลมปาก
ส่ง 27 มิถุนายน 2551 (ทางไปรษณีย์)
๏ อันวาจาร่ำลือคือศักดิ์ศรี ประหนึ่งมีรอยประทับประดับไว้
หนึ่งลมปากเปลี่ยนเสมือนหนึ่งดวงใจ คำพูดไซร้เปรียบเสมือนหนึ่งตัวตน
๏ อันคำพูดหอมหวานปานน้ำผึ้ง ที่ตราตรึงทั่วแขนงทุกแห่งหน
คอยแทะโลมประโคมบอกหลอกสัปดน จึ่งเป็นคนคอยประจบคบสอพลอ
๏ อันคำพูดเฉือนเชือดดังเลือดสาด คอยพูดปาดปะปนจนร้องขอ
คอยดับจิตคิดอกุศลทนรีรอ คนนี้หนอลมปากภัยเข้าใส่เรา
๏ อันคำพูดน้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรง มีแต่โคลงไม่มีเนื้ออย่าเชื่อเขา
ถึงพูดมากสาระนิดจิตอ่อนเบา ลมปากเขลาเบาปัญญาพาอับจน
๏ อันคำพูดชอบชักใบให้เรือเสีย ต้องไกล่เกลี่ยเกลี้ยกล่อมตะล่อมขอ
ออกนอกบทนอกกรอบชอบรีรอ ลมปากหวออ้าปากค้างต่างตกใจ
๏ อันคำพูดเหมือนมะกอกสามตะกร้า เราต่างพาปาไม่ถูกฉุกสงสัย
จึงพูดจาตลบตะแลงพลิกแพลงไป ทำเฉไฉแชเชือนคอยเจือนแจ
๏ อันคำพูดเหมือนเสี้ยมควายให้อายป่า ไม่ชักช้าถ้าแตกคอพอกระแส
คอยยุยงเสริมส่งหลงเชือนแช ต้องแตกแยกเป็นแน่แท้เมื่อเจอกัน
๏ อันคำพูดเหมือนขนมเบื้องละเลงปาก ด้วยพูดมากอยากแสดงตามแรงฝัน
ทำไม่ได้ดังที่พูดสุดอดกลั้น ทุกทุกวันคอยตระเวนเที่ยวเล่นไป
๏ อันลมปากที่กล่าวมาเป็นตัวอย่าง ขอเอ่ยอ้างสิ่งไม่ดีรี่แก้ไข
อย่าทำตัวเยี่ยงลมพัดจากปากไป หนักแน่นไว้ใจมั่นไม่สั่นคลอนฯ
...............................................
(27. ธนอรรถ) ลมปาก
ส่ง 27 มิถุนายน 2551 (ทางไปรษณีย์)
๏ คนทุกคนมีสองหูแต่หนึ่งปาก ฟังให้มากคิดให้มากมีเหตุผล
คิดพูดอะไรนั้นให้รู้ตน อย่าเป็นคนพูดมากตามแต่ใจ
๏ คำพูดของคนเรานั้นดั่งพายุ ที่ประทุจุดเริ่มต้นผลยิ่งใหญ่
ถ้าคนนั้นไม่มั่นคงในจิตใจ ก็เหมือนไฟแรงวายุพัดสู่ตน
๏ แต่ถ้าเรามีจิตใจที่เข้มแข็ง ลมจะแรงสักเท่าใดไม่เห็นผล
แค่ลมปากต่อปากของผู้คน ดั่งสายลมชนศิลาหาทลาย
๏ ยิ่งใจเราแข็งแกร่งเช่นหินผา ฟังวาจากระจิริดมิเสียหาย
ต่อให้ใครเค้าจะมาคิดทำลาย ก็มั่นหมายยืนหยัดไม่ขัดใจ
๏ คำพูดคนที่ทำให้ผู้อื่นทุกข์ ก็เหมือนฉุดคนอื่นลงเหวใหญ่
ตัวเรานั้นทำเป็นไม่สนใจ พูดอย่างไรใจคงไม่หลงกล
๏ ชีวิตตัวเรานั้นจะมีสุข ถ้าทุกทุกคนพูดดีมีเหตุผล
ประกอบกิจการใดไม่อับจน ประเทศพ้นภัยพิบัติวัฒนาฯ
...............................................
(28. ประสิทธิ์) ลมปาก
ส่ง 27 มิถุนายน 2551 (ทางไปรษณีย์)
๏ อันเขาว่าลมปากยากจะเชื่อ ถ้าคลุมเครือผู้ฟังไม่เชื่อได้
ลึกในจิตแม้จะหยั่งสักเท่าใด อยู่ในใจใครก็ไม่อาจรู้ทัน
๏ อันรู้หน้ารู้ตาไม่รู้จิต หากเราคิดผิดไปให้โศกศัลย์
ถ้าถูกหลอกแค้นในทรวงบ่วงโลกันต์ เกินจะกลั้นความคิดในจิตใจ
๏ อันลมปากใช้ผิดมีพิษแสน ให้สุดแค้นเคืองในจิตคิดถึงไหน
ถ้าพูดจาร้ายมากอาจมีภัย ไม่มีใครชอบใจลมปากเรา
๏ อันพูดจาวาทีดีต่อปาก แม้ตกยากแสนลำบากก็ไม่เหงา
การพูดดีให้เป็นนิจติดดั่งเงา ใจปากเราพูดให้ตรงคนไม่เมิน
๏ อันคำพูดที่ดีเป็นศรีปาก คงไม่ยากฟังเมื่อไหร่ได้สรรเสริญ
พูดจาดีคนเห็นใจไม่หมางเมิน ฟังจนเพลินเพราะในจิตสนิทใจ
๏ คำพูดนั้นแม้ใครไม่รู้เท่า แต่ตัวเรารู้ว่าผิดที่ตรงไหน
ตัวเรารู้พูดพลาดอาจอันตราย อาจจะหายนะได้ไร้ชีวา
๏ อันเขาว่าพูดจาดีมีแต่มิตร แนบสนิทอยู่ในใจใฝ่ฝันหา
แม้ว่าชีพเรานั้นจะลับลา แต่วาจาตราตรึงไม่เคยตาย
๏ อันอ้อยตาลหวานลิ้นยังสิ้นซาก แต่ลมปากนั้นหวานหูไม่รู้หาย
ถึงตัวเราจะไม่เหลือแม้ร่างกาย แต่ความหมายไม่ละลายหายไมเลยฯ
...............................................
(29. ชุณห์) ลมปาก
ส่ง 27 มิถุนายน 2551 (ทางไปรษณีย์)
๏ อันลมปากมากความนัยใช้ประดิษฐ์ ทราบความคิดจริงหรือเล่นเป็นไฉน
การพูดดีมีค่ากว่าสิ่งใด คนวางใจไว้เนื้อเชื่อวาจา
๏ ในลมปากมากมนุษย์ไม่แท้เที่ยง ควรจะเลี่ยงพูดลดงดมุสา
สนทนาตามประสงค์ตรงไปมา เจรจาพาลวงไม่ควรมี
๏ พูดคำใดใช้กับใครให้ไพเราะ แสนเสนาะเพราะพริ้งยิ่งศักดิ์ศรี
ใช้วาจาประเสริฐเกิดไมตรี ได้อย่างนี้มีมากมิตรคิดข้างเรา
๏ ก่อนเชื่อใครให้พินิจคิดดูเถิด ภาษาเลิศประเสริฐจากปากของเขา
เป็นความจริงหรือเพียงเพราะเราหูเบา จงใช้เชาวน์พินิจจิตตรึกตรอง
๏ เศร้าอันใดไม่เท่าเชื่อคนผิด ไม่ได้ใช้พิจารณาน่าเศร้าหมอง
จิตของคนเปรียบได้ดั่งละออง ลมปากเป่าเล่าร้อยคล้อยตามไป
๏ หากแม้นเราเข้าใจจิตคิดหนักแน่น เปรียบเหมือนแม้นแผ่นศิลาภูผาใหญ่
ไม่ไปตามความลมปากจากผู้ใด ด้วยจิตใจที่แข็งแกร่งแรงต้านลมฯ
...............................................
(30. ทวีศักดิ์) ลมปาก
ส่ง 30 มิถุนายน 2551 (ทางไปรษณีย์)
๏ ลองคิดดูแค่ลมปากยากจะผิด ลองไตร่ตรองสักนิดจะดีไหม
เรื่องการเมืองตอนนี้ลำบากใจ จะหาใครรับผิดชอบช่วยตอบที
๏ ถ้าให้ดีต้องมีซึ่งหลักฐาน เป็นพยานปากเอกอย่าหลบหนี
อภิปรายไม่วางใจแต่ละที ใครคนดีคนชั่วอย่ามั่วเอา
๏ รัฐบาลเครื่องรวนกลัวโดนสอบ หาคำตอบฝ่ายค้านจะไปเผา
ครม.ยกเครื่องประเทศเรา ความดีเนาความชั่วหายกลายจากตน
๏ พันธมิตรประชาชนคนว่าเถื่อน เปรียบเสมือนลากหางกลางถนน
แต่ก็ยังปักหลักสู้อดทน ถึงกรำฝนแดดเปรี้ยงไม่เลี่ยงไป
๏ ย้อนมาดูเรื่องน้ำมันข้าวสารบ้าง จะแก้ร่างธรรมนูญไปถึงไหน
ประชาชนลำบากยากจนไป จะมีใครไหนกล้ามาลงทุน
๏ พัลวันทุกข์ระทมเรื่องลมปาก แบ่งสองฟากใส่ร้ายไพร่สถุล
อย่ามัวเมาประมาทชาติขาดดุลย์ ลมปากหมุนจงหยุดทีจะดีเองฯ
...............................................
(31.ก้านแก้ว นวอาวุธ) ลมปาก
ส่ง 30 มิถุนายน 2551 (ทางเว็บบอร์ด)
๏ ยูงยางหมางฟ้ามาดิน องค์อินทร์สิหักห้ามได้
ร้อยทิพย์สถานวิมานใด สิร้อนได้หารั้งอยู่เย็น
๏ อุ่นไอแดนดินพงไพร แดนไกลห่างเมืองยากเข็ญ
ดินร้อนยางยูงอยู่เย็น เด่นเป็นพญาสูงไพรพรรณ
๏ ร้อยล้านอ้างคำพร่ำพูด ร้อยรสลิ้นลมสร้างสรรค์
ลมปากฝากคำสำคัญ แจ่มจันทร์พลันสถิตย์ทิพย์วิมาน
๏ เพลงพายโหมพัดร้ายแรง จัดแจงข่มเข็ญมหาศาล
สิข่มบังคับเยาวมาลย์ กลับพาลค้านขับลับไกล
๏ ยลยินเพลงลิ้นลมปาก ผ่านฝากแทรกจิตแขไข
ตรึงได้ให้รั้งรวงใจ ใกล้ไกลมั่นมิตรติดตรึง
๏ กาลผ่านนานเนิ่นลาล่วง โหยห่วงหวลไห้ใฝ่ถึง
เพลงลิ้นลมปากฝากตรึง เหมือนหนึ่งคำมั่นสัญญา
๏ ยูงยางถวิลหาไอดิน ยลยินมั่นมุ่งถวิลหา
หาใช่ทิพย์สถานกัลยา มาดมาแม้นอยู่ทรมาน
๏ เพียงยินลิ้นลมขานขับ รอรับลมปากขับขาน
ดุจทิพย์อิ่มแล้วดวงมาลย์ เบิกบานปานครองวิมานแมนฯ
หมายเหตุคณะทำงาน : ผิดฉันทลักษณ์กลอนสุภาพ ส่งเป็น กลอนหก
(31. ก้านแก้ว นวอาวุธ) ลมปาก (ฉบับแก้ไข)
ส่ง 30 มิถุนายน 2551 ฉบับแก้ไข (ทางเว็บบอร์ด)
๏ ยูงยางหมางฟ้ามาดิน องอินทร์สิหักห้ามได้
ร้อยทิพย์สถานวิมานใด สิร้อนได้หารั้งอยู่เย็น
๏ อุ่นไอแดนดินพงไพร แดนไกลห่างเมืองยากเข็ญ
ดินร้อนยางยูงอยู่เย็น เด่นเป็นพญาสูงไพรพรรณ
๏ ร้อยล้านอ้างคำพร่ำพูด ร้อยสูตรลิ้นลมสร้างสรรค์
ลมปากฝากคำสำคัญ แจ่มจันทร์พลันสถิตย์ทิพย์วิมาน
๏ เพลงพายโหมพัดร้ายแรง จัดแจงข่มแหงมหาศาล
หาข่มบังคับเยาวมาลย์ กลับพาลค้านขับลับไกล
๏ ยลยินเพียงลิ้นลมปาก ผ่านฝากแทรกจิตแขไข
ตรึงติดชิดแนบดวงใจ ใกล้ไกลมั่นมิตรติดตรึง
๏ กาลผ่านนานเนิ่นลาล่วง ให้ห่วงหวลไห้ใฝ่ถึง
เพลงลิ้นลมปากฝากตรึง เหมือนหนึ่งคำมั่นสัญญา
๏ยูงยางถวิลหาไอดิน ยลยินมั่นมุ่งโหยหา
แม้นใช่ทิพย์สถานกัลยา มุ่งมาแม้นร่างทรมาน
๏ เพียงยินลิ้นลมขานขับ รอรับลมปากขับขาน
ดุจทิพย์อิ่มแล้วดวงมาลย์ เบิกบานปานครองวิมานแมนฯ
...............................................
หมายเหตุคณะทำงาน : ผิดฉันทลักษณ์กลอนสุภาพ ส่งเป็น กลอนหก
(32. เอกรินทร์) ลมปาก
ส่ง 29 มิถุนายน 2551 (ทางเว็บบอร์ด)
๏ ชนิดของลมในโลกา จะขอนำมาสาธยาย
ให้ญาติให้มิตรทั้งหลาย ทั้งหญิงทั้งชายโปรดจงจดจำ
๏ ลมมีทั้งร้ายและดี ลมร้ายเข้าตีน้องพี่ระกำ
ป้องกันความบ้าระห่ำ ก่อนจะถูกทำมาเรียนรู้กัน
๏ ลมร้ายมีหลายประเภท ให้ท่านสังเกตจะได้รู้ทัน
ลมกรดลมกรรโชกมาพลัน ลมขึ้นทันควันลมจับทันใจ
๏ ลมงวงช้างอีกลมบ้าหมู ระวังโฉมตรูลมร่วมสมัย
ลมปัจจุบันทันใด ลมพิษมีภัยลมป่วงตามมา
๏ ลมร้ายลมลวงสลาตัน
...............................................
หมายเหตุคณะทำงานฯ : เนื้อความไม่ครบ ผิดฉันทลักษณ์กลอนสุภาพ
(33. FrenchHorn) ลมปาก
ส่ง 2 กรกฎาคม 2551 (ทางอีเมล์)
๏ ที่แผ่วผิวพลิ้วเบาให้เมาหลง มิอาจปลงหากลุ่มหลงจนเมารัก
ที่ติดตรึงลึกซึ้งถึงแน่นหนัก จนทอปักลงประจักษ์ตรงกลางใจ
๏ จักเอื้อนเอ่ยถ้อยคำอันแสนหวาน หรือสบถคำพาลก็หาได้
จักบรรเทาเพลาทุกข์ให้ผ่อนคลาย หรือชี้นำความตายได้เช่นกัน
๏ ที่ร้อนลุ่มดั่งเปลวไฟให้ใจผิด ทำลายมิตรเคยชิดสนิทได้ทั้งนั้น
ที่แก้ต่างให้ตนเป็นพลันวัน ริโรมรันผันใจเจ้าให้ขุ่นมัว
๏ จักใช้คำเพียงหนึ่งคำเพื่อเปลี่ยนคน หรือชักดลจิตใจให้สลัว
จักดึงร่างออกจากทางอันน่ากลัว หรือชักตัวตนไว้ในถ้อยคำ
๏ ที่งดงามดุจรุ้งครามอร่ามแสง ฉาดฉาย...เปลี่ยนแปลง...สุขแฝงล้ำ
ที่ชุ่มชื่นชุ่มช่ำดั่งฝนพรำ จวบจรดจดจำจนนำใจ
๏ จักรุ่มรวยเต็มเปี่ยมเชื่อมอบอุ่น หรือไร้กรุ่นขุ่นขมอารมณ์ไหม้
จักเลิศล้ำดังดวงเด่นเร้นดวงใจ หรือจักไร้สวยงามทรามใจตรม
๏ ที่ทำร้ายให้เจ็บปวดและร้าวรวด เช่นหินกรวดหินทรายมิคลายขม
ที่พะอืดพะอมมาตามลม ไม่นึกชมเพราะพรมกลิ่นความเคียวคาว
๏ จักอ่อนโยนราวสัมผัสอันพลิ้วไหว หรือเหินห่างห่างไกลใจเหน็บหนาว
จักระยิบวิบดาวคราวพร่างพราว หรือแลกร้าวเพราะเพียงลมจมพังเพย!
...............................................
หมายเหตุคณะทำงานฯ : ผิดกติกา ส่งเกินกำหนดเวลา (ส่งวันที่ 2 กรกฎาคม 2551)