รายงานภาคสนาม
สำเร็จลงอย่างชื่นมื่น ทั้งยุทธ โตอดิเทพย์ นายกสมาคมนักกลอนแห่งประเทศไทย และคุณนงลักษณ์ เพ็งดิษฐ์ วัฒนธรรมจังหวัดนครปฐม สำหรับค่ายเยาวชนสร้างสรรค์ผลงานศิลปะร่วมสมัย สาขาวรรณศิลป์ ที่ห้องประชุมศูนย์ส่งเสริมฯ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กำแพงแสน นครปฐม โดยมีนุจรินทร์ พระภูมี นักวิชาการสำนักวัฒนธรรมจังหวัดนครปฐม เป็นเลขาโครงการ
งานนี้มีนักเรียนและครูอาจารย์จาก 4 จังหวัดคือ นครปฐม สุพรรณบุรี ราชบุรี และกาญจนบุรี เกือบครึ่งร้อยเข้าร่วม พร้อมด้วยคณะวิทยากรจาก 3 สมาคมใหญ่ด้านวรรณกรรมของไทยเข้าแบ่งปันประสบการณ์และความรู้อย่างคับคั่ง คือจากสมาคมนักกลอนฯ สมาคมนักเขียนฯ และสมาคมภาษาและหนังสือฯ
ประเดิมหัวข้อการพูดคุยวันแรก 22 กรกฎาคม โดย ครูกานต์ ศิวกานท์ ปทุมสูติ ในเรื่อง ภาษาวรรณศิลป์ ครูกานท์ เล่าประสบการณ์ด้วยลีลาสุขุมนุ่มๆ แบบ ครูกวี นำเสนอด้วยลีลาพัฒนาไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้งโดยการใช้สื่อนวัตกรรมเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ ให้ความรู้และประสบการณ์ได้อย่างดีเยี่ยม สมศักดิ์ศรีของกวีใหญ่แห่งทุ่งสักอาศรม อดีตอาจารย์ภาษาไทยมหาวิทยาลัยราชภัฎกาญจนบุรี นักสร้างสรรค์วรรณศิลป์ระดับแนวหน้าของเมืองไทย
ภาคบ่าย วัฒน์ วรรลยางกูร โชคชัย บัณฑิต พิเชฐ แสงทอง และยุทธ โตอดิเทพย์ ขึ้นพูดคุยหัวข้อ เขียนอย่างไรให้ชนะใจผู้อ่าน ทุกคนแทบจะพูดตรงกันว่า การเขียนให้ชนะใจผู้อ่านถือเป็นผลบั้นปลาย สิ่งแรกที่ผู้เขียนจะต้องกระทำก่อนอื่นก็คือการเขียนที่สะท้อนอารมณ์ และความรู้ที่เป็นจริงของตัวเอง เขียนในสิ่งที่รู้ ที่เข้าใจ เมื่อนั้นงานเขียนก็จะออกมาอย่างมีคุณค่า และสามารถ
โน้มน้าวอารมณ์ หรือชนะใจผู้อ่านได้เองโดยอัตโนมัติ และสิ่งสำคัญยุทธ โตอดิเทพย์ ย้ำเน้นว่าองค์ประกอบงานวรรณกรรมที่สมบูรณ์คือรูป เรื่อง รส แรง ความสอดคล้องกลมกลืนของรูปแบบ เนื้อหา และความหมาย
วัฒน์ วรรลยางกูล ผู้ชื่นชอบในบทเพลง และงานเขียนคลาสสิกของไทย หยิบยกเอาข้อคิดเห็นของนักเขียนรุ่น 100 ปีก่อน อย่างเช่น ยาขอบ และศรีบูรพา มาบอกเล่าให้เด็กๆ ฟังอย่างลึกซึ้งถึงแก่น สะท้อนให้เห็นว่านักเขียนในยุคนั้นนอกจากสร้างสรรค์งานชั้นดีแล้ว ยังมีความพยายามสกัดองค์ความรู้ หรือ How to ด้านการเขียนถ่ายทอดให้แก่คนรุ่นหลังอีกด้วย ส่วน โชคชัย บัณฑิต กวีซีไรต์ที่พักหลังเดินสายถ่ายทอดความรู้ด้านการเขียนบทกวีให้แก่เยาวชนบ่อยครั้ง ระบุว่าการเขียนบทกวีนอกจากอาศัยอารมณ์และความรู้สึกเป็นตัวเดินแล้ว องค์ความรู้ด้านต่างๆ ก็เป็นสิ่งที่บทกวีจะขาดเสียไม่ได้ โชคชัย เปิดเผยว่างานชุด บ้านเก่า ของเขาซึ่งได้รับรางวัลซีไรต์เมื่อปี พ.ศ.2540 นั้น เป็นผลของการย้อนกลับไปหาอ่านวรรณคดีเก่าของไทยอย่าง ไตรภูมิพระร่วง ด้วย เขาย้ำว่าวรรณคดีคือขุมทรัพย์ทางวรรณกรรมไทย ที่เหล่าผู้สร้างสรรค์จะสามารถซึมซับเพื่อการผสมผสานระหว่างเก่าและใหม่ สร้างผลงานที่มีกลิ่นอายใหม่ๆ ขึ้นมาได้
งานนี้เปิดกรุวิทยากรระดับแนวหน้าของวงการ ไม่ว่าจะเป็นโชติช่วง นาดอน บก.น.ส.พ.
สยามรัฐรายวัน วรรณฤกษ์ คอลัมนิสต์ดังจากชานชลานักเขียน คม ชัด ลึก รักษ์มนัญญา สมเทพ
กรรมการสมาตมนักเขียนและสมาคมนักกลอน พิเชฐ แสงทอง กรรมการตัดสินรางวัลซีไรต์ อโศก
ศรีวิชัย นักกลอนชั้นครู ตลอดทั้งนักกลอนและคณะกรรมการบริหารของสมาคมนักกลอนแห่งประเทศไทยอย่างภาสกรณ์ รัตนทิพย์ วิเวกวรรณ จินตนา กล้ายประยงค์ นนทวรรณ บุญวงษ์ วรัญญญา เอี่ยมสำอาง สุชาดา ศรีสวัสดิ์ ถวัลย์ พึ่งเงิน และสุดยอดของวิทยากรสองศิลปินแห่งชาติครูแจ้ง คล้ายสีทอง เนาวรัตน์พงษ์ไพบูลย์ นับเป็นการชุมนุมจอมยุทธ์เชิงชั้นวรรณศิลป์ครั้งใหญ่ที่ค่อนข้างจะหาโอกาสทำได้ยากมากๆ เพราะแต่ละท่านมีภารกิจท่วมตัว แต่สมาคมนักกลอนยุคจอมยุทธ โตฯ ทำได้และทำให้เห็นแล้ว ผลงานเชิงคุณภาพมากกว่าสร้างภาพลวงตา