1. Chocoholics เมืองหุ่น
อีเมล์ / 3 กรกฎาคม 2551
๏ เลิศล้ำนำพาเทคโนโลยี ศึกษาดีมีไว้ให้ก้าวหน้า
โลกเจริญก้าวไกลทางปัญญา พาชีวาหมดซึ่งเมตตาธรรม
๏ โลกก้าวย่างสู่ยุคพลังงาน ทั้งยวดยานพาหนะดั่งทองคำ
ถูกสื่ออิเล็กทรอนิกส์เข้าชักนำ ต่างจดจำนำมาใส่ภายในกาย
๏ การพบปะสังสรรค์งานรื่นเริง จัดจนเหลิงหลงคิดมีมิตรสหาย
อันเพื่อนกินมีดยู่กระจัดกระจาย พอวอดวายก็สลายหายกายา
๏ อีกพันปีจากนี้น่านึกคิด อันชีวิตคนเราน่าค้นหา
รูปภายนอกที่เห็นเป็นกายา เนื้อมังสาเหมือนคนใช่คนจริง
๏ ลักษณะท่าทางการเคลื่อนไหว ยังทำได้เหมือนคนยังไหวติง
ยามลำบากยากนักจะพักพิง การสุงสิงของคนลดน้อยลง
๏ เมื่อเดินผ่านพบเจอกับนิ่งเฉย เหมือนไม่เคยรู้จักทำอาจอง
ไม่ทักทายพูดจาท่าทะนง แม้กายคงแต่จิตใจไม่เหมือนเดิม
๏ เปรียบเสมือนหุ่นยนต์ที่เดินได้ แต่จิตใจไม่มีที่ให้เติม
เมตตาจริยธรรมยากจะเสริม ยากจะเพิ่มเติมเต็มไว้ใส่ใจคุณ
๏ เมืองทั้งเมืองจึงได้กลายเป็นเมืองหุ่น การเจือจุนไม่มีแสนทุกข์ทน
มีรูปกายแต่เป็นเพียงตัวหุ่นยนต์ ตัวบุคคลไร้ซึ่งจิตวิญญาน
.....................................................................................
2. ก้านแก้ว นวอาวุธ - เมืองหุ่น
เว็บบอร์ด / 6 กรกฎาคม 2551
๏ พริ้วบรรเลงเพลงพาทย์ระนาดปี่ บนเวทีมีงานเชิดนาฏศิลป์
ลำนำสร้อยร้อยลีลาศิลปิน ชนยลยินสรรค์สร้างสุขทุกข์มลาย
๏ บ้างหุ่นเล็กหุ่นใหญ่ใช้คนเชิด แลบรรเจิดดำเนินบทตามมุ่งหมาย
ท่วงทำนองทีท่าออกลวดลาย ดูคมคายล้ำค่างานหุ่นไทย
๏ แลดูหุ่นครุ่นคิดจิตประหวัด กวีวัจน์วจีครูผ่านสมัย
แม้นกาลผ่านนานเนิ่นจำขึ้นใจ มองสิ่งใดให้ตรองตรึกพินิจดู
๏ จึงเปิดใจมองไกลไปทั่วทิศ มองด้วยจิตพิศผ่านสิ่งสวยหรู
เกิดเห็นแจ้งแสงธรรมตามคำครู กำเนิดรู้เหตุแห่งแหล่งของกรรม
๏ เธอและเขาเราท่านกรรมเป็นเหตุ จิตกิเลสดีร้ายอุปถัมภ์
เต้นแสดงแปลงบทตามแรงกรรม จิตน้อมนำกรรมก่อนที่ทำมา
๏ กายเป็นหุ่นจิตครองเข้าชูเชิด ให้ก่อเกิดบทบาทมากนักหนา
เป็นกรรมใหม่กรรมเก่าเข้าชักพา สร้างลีลาพาพัฒน์มรรคกรรม
๏ เป็นเมืองหุ่นเมืองกรรมนำพาจิต บุญสถิตย์จิตเทพอุปถัมภ์
เชิดแสดงแสวงทางประโยชน์ธรรม ละก่อกรรมนำบุญสู่ชุมชน
๏ บาปกระหน่ำซ้ำเติมเพิ่มร้อนลุ่ม เกิดกลัดกลุ้มก่อกรรมหลากหลายหน
จิตยักษียักษามาครองตน ใจถูกดลเชิดเล่นตามบทมาร
๏ โอ้เมืองหุ่นเมืองกรรมเมืองธรรมนี้ ล้วนมากมีบทบาทร่วมขับขาน
หุ่นแห่งเทพบ้างก็หุ่นแห่งมาร ต่างคละคานปนปะคละกันไป
๏ สังคมนี้มีกรรมนำพาจิต ใช้ชีวิตผลิตกรรมตามวิสัย
จิตชูเชิดบทบาทตามแต่ใจ ปนปะไปแดนดินเมืองหุ่นเอย.
.....................................................................................
3. ก้านแก้ว นวอาวุธ - นิทรานิมิต*เมืองหุ่น*นิราศพราน (แก้ไขครั้งที่ 1)
(แก้ไข) เว็บบอร์ด / 11 กรกฎาคม 2551
๏ นิราศร้างห่างแดนแสนหวนไห้ คนเคยใกล้ใจชื่นดื่มคำหวาน
ต้องจากจรนอนเดี่ยวเปลี่ยวดวงมาน ทิ้งวันวานขานขับลาลับนวล
๏ อาชีพงานพรานไพรไกลจากถิ่น แดนทำกินชินเขตเหตุกำสรวล
แสนโศกาอาดูรพูนคร่ำครวญ ร่ำรัญจวนนวลศรีมณีดิน
๏ ผ่านพฤกษ์พงดงดินถิ่นสายหยุด ใจพี่หยุดฉุดคิดจิตถวิล
สายหยุดแล้วแก้วตามาลาดิน คนเคยชินถวิลหาหรือลาจร
๏ ลัดพงผ่านด่านไม้ใช้ดักสัตว์ เข้าแจงจัดขัดถูตามครูสอน
กับดักใจฤทัยติดชิดงามงอน หากแคลนคลอนถอนรักพี่หนักใจ
๏ ผ่านกับดักหักฝืนขืนปีนป่าย บังคับกายป่ายปีนดินไถล
ดินไหลลื่นชื่นชีวีที่ห่างไกล ไถลใจใครเขาเข้าครอบครอง
๏ ไต่ขึ้นเนินเดินดงพงไพรพฤกษ์ ดงพงลึกนึกทักรักเราสอง
ร้อยพงป่าฝ่าเดินเผอิญลอง ยังเป็นสองรองไพรในใจนาง
๏ เห็นเถาวัลย์พันธ์เหนี่ยวเกี่ยวไม้ใกล้ ห่วงดวงใจฤทัยเปลี่ยวเหนี่ยวใจหมาง
ไม้คดเลี้ยวเหนี่ยวรักใหม่ใจนวลปราง พี่คงหมางหมองช้ำระกำทรวง
๏ ดงระกำตำใจให้ว้าวุ่น แม่เนื้ออุ่นอุ่นอกอกพี่หวง
หนามแห่งรักปักใจให้ช้ำทรวง เหมือนเป็นห่วงบ่วงมัดรัดดวงมาน
๏ พ้นระกำผ่านพักตร์หักขึ้นด่าน ทางช้างผ่านขานเพรียงเสียงประสาน
คเชนทร์พร่ำร่ำร้องก้องดวงมาน พี่ซมซานใจพร่ำร่ำน้ำตา
๏ นภาค่ำย่ำมาเวลาดึก ใจระทึกนึกตรองหมองหนักหนา
ให้ประหวัดขัดเคืองเรื่องชะตา อาชีพพาลาร้างมากลางดอน
๏ ฤทัยวุ่นคล้ายหุ่นถูกชูเชิด เป็นบทเกิดเตลิดตามงามสมร
ศรแห่งรักปักชิดจิตอาวรณ์ สุดจะถอนศรศรีมณีจันทร์
๏ นิทราแนบแอบทางกลางป่าใหญ่ ห้วงฤทัยไขจิตประสิทธิ์ฝัน
อำนาจรักสลักจิตสถิตพลัน ต่อเติมฝันยามสนิทในนิทรา
๏ จักใช้รักปักเขตเหตุนิมิต งามวิจิตรพิศเห็นเป็นคูหา
ให้เจ้าอยู่คู่เย็นเป็นชายา เสกต้นหญ้าผูกพยนต์เป็นพลเมือง
๏ แล้วเสกหินดินทรายหลายหลากสี เกิดมณีเพชรพลอยแดงเขียวเหลือง
ทั้งนางในใช้ได้ไม่ขัดเคือง ให้รองเรืองเมืองหุ่นเพื่ออุ่นใจ
๏ น้องจะจรดอนดงพงไพรพฤกษ์ จะเสกนึกอาชาให้อาศัย
หากนวลนิตย์คิดเบื่อระอาใจ พี่เสกไพรร่ายเล่นเพลงดนตรี
๏ อยากรำร่ายร้องเล่นเป็นเพลงท่อง พี่เสกห้องร้องเล่นให้เด่นศรี
ผูกพยนต์พลหุ่นหนุนมาลี ให้คนดีมีสุขสนุกใจ
๏ แม้นดาวเดือนเลื่อนลอยจะสอยให้ ไกลหรือใกล้ข้ามเหิรเนินไศล
จะร้อยถ้อยสอยความตามฤทัย เป็นมาลัยให้ชิดสนิทมาน
๏ ให้อยู่เย็นเป็นสุขทุกขอบเขต แม่งามเนตรครองชนพลสถาน
พหุหุ่นหมู่พหลบริพาร บริวารขานขับรับวจี
๏ เสียงพงไพรไก่ขันประชันหมู่ ยามเช้าตรู่กู่ร้องพ้องปักษี
เริ่มแสงทองส่องฟ้าพนาลี ปลุกฤดีชีพชนคนกลางดอน
๏ แม้นรุ่งรางร้างลานิทราฝัน แต่ชีวันมั่นจิตไม่ถ่ายถอน
ฝากความคิดติดสายลมให้งามงอน อย่าลาจรรอเรียมมาเคียงนาง
หมายเหตุ : ผิดกติกาส่งเกิน 20 บาท (กติกา 6-10 บท)
.....................................................................................
4. ก้านแก้ว นวอาวุธ - เมืองหุ่น คำหุ่น
เว็บบอร์ด / 14 กรกฎาคม 2551
๏ นวลน้องนางห่างนามาเมืองกรุง คงหมายรุ่งมุ่งตามความสดใส
ทอดทิ้งทุ่งคุ้งน้ำลำนำไพร ล่องฤทัยใจห่างร้างดงดอน
๏ เวลาผ่านน่านเนิ่นเดินลาล่วง อยู่เมืองหลวงพุ่มพวงดวงสมร
จะมีสุขทุกข์เหงาเจ้างามงอน ลืมดงดอนกลอนข่าวไม่กล่าวมา
๏ ความคิดถึงตรึงใจใคร่ประสบ อยากบรรจบสบพักตร์เป็นหนักหนา
ดำเนินพ้นหนทางห่างบ้านนา เดินตามหาพาใจไปตามนาง
๏ ก้าวย่างแรกแปลกใจในเมืองยุ่ง นี่เมืองกรุงทุ่งคนพลกว้างขวาง
แสนมากหมู่ผู้คนทุกหนทาง ให้เลือนลางทางรักหนักอุรา
๏ เริ่มถามคำนำทางด้วยต่างถิ่น คำเคยชินยินตอบไม่รู้หา
จะถามป้ามาลุงยุ่งอุรา จะถามหาคราใดไม่รู้ทาง
๏ เฉลยตอบปลอบใจไปทุกถิ่น คนดอนดินถิ่นไพรใจหมองหมาง
ตอบเหมือนหุ่นคุ้นจำคำอำพราง ให้เลือนลางทางสบพบขวัญตา
๏ จะถามคนชนชั้นนั้นซ้ำหมด เหมือนกำหนดจดจำคำชิวหา
อีกอาภรณ์กรแป้งแต่งหน้าตา ก็ซ้ำหน้าพาเห็นเป็นพิมพ์เดียว
๏ หรือนี่คงดงชนพลเมืองหุ่น ใจว้าวุ่นครุ่นคิดจิตเฉลียว
แม่เนื้อนุ่มพุ่มอิ่มนิ่มมือเรียว อาจลาเลี้ยวเที่ยวเวียนเปลี่ยนชีวัน
๏ แม่อาจกลายกายใจไปเป็นหุ่น ฤายังกรุ่นคุ้นไพรฤทัยฉัน
ห่วงแสนห่วงห่วงมิตรสนิทกัน แม้นผ่านวันพันปีไม่มีเลือน
.....................................................................................
5. ก้านแก้ว นวอาวุธ - เมืองหุ่น หุ่นนาง
เว็บบอร์ด / 14 กรกฎาคม 2551
๏ อภิรมย์ชมเพลินเดินเมืองหุ่น ใจว้าวุ่นหุ่นร่างนางเมืองหลวง
ดูอ่อนแอ่นแขนเรียวให้เปลี่ยวทรวง แม่พุ่มพวงทรวงนิ่มอิ่มฤทัย
๏ องค์เอวกิ่วนิ้วเรียวเหนี่ยวใจกรุ่น โอษฐ์ละมุนนุ่มนิ่มหรือไฉน
อกเอิบอิ่มปริ่มว่าพาขาดใจ โฉมไฉไลใจเรียมเจียมขาดรอน
๏ ยามยักย้ายท้ายพธูดูผายผึ่ง จิตตะลึงตรึงติดชิดสมร
คิ้วขนงทรงทรวดอวดอาภรณ์ จะเดินจรทอนใจให้รัญจวน
๏ แม่เนื้อขาวหนาวใจฤทัยพี่ ชื่นชีวีวจีใจฤทัยสงวน
อีกงามขำตำจิตคิดเรรวน น้องนางนวลจวนแย้มแจ่มงามตา
๏ หุ่นสาวไทยไฉไลใจที่สุด มิ่งนงนุชผุดผาดสวาทหา
หุ่นสาวแขกแตกต่างงามพร่างตา สุขอุรามาดินถิ่นเทพเมือง
๏ ใจจรุงปรุงใจในดวงจิต ได้เพ่งพิศชิดสาวผิวขาวเหลือง
เจ้าสาวไทยในนอกออกต่างเมือง อย่าขัดเคืองเรื่องหุ่นพี่วุ่นชม
๏ ด้วยจริงใจใสซื่อถือเป็นมิตร ใช่แปลกผิดคิดเคืองเรื่องขื่นขม
นิยมเจ้าเฝ้าบอกออกตามลม จิตชื่นชมสมศรีวจีจร
๏ พี่ท่องเที่ยวเกี่ยวกลอนมาวอนเจ้า อักษรเล่าเคล้าจิตติดอักษร
ก็เมืองหุ่นวุ่นตาพาอาวรณ์ ฤทัยคลอนกลอนกล่าวเล่าบอกกัน
๏ เจตจำนงตรงใจในเมืองหุ่น แม่เนื้ออุ่นหุ่นโสภานภาขวัญ
ทั้งบานเพิ่มเริ่มแย้มแก้มแจ่มจันทร์ หุ่นพาฝันพลันสถิตติดทั้งเมือง
.....................................................................................
6. ฆาตกวี - เมืองหุ่น
อีเมล์ / 17 กรกฎาคม 2551
๏ เมื่อยังเยาว์ เราเคยเล่น หุ่นตุ๊กตา ประกอบมา จากกระดาษ หลายหลากสี
จับแต่งตัว ตอบโต้ แสนเปรมปรีดิ์ สั่งโน่นนี่ หุ่นก็ทำ ด้วยจำใจ
๏ หุ่นหลายตัว รวมกัน เป็นเมืองหุ่น ดูอบอุ่น ยืนเรียงกัน แสนสดใส
ใครจะรู้ ว่าหุ่นทุกข์ สักเพียงใด โดนมือใหญ่ บังคับ จับทำตาม
๏ ปากหุ่นปิด ไม่มีสิทธิ์ ไม่มีเสียง ทำได้เพียง ฟังอย่างเดียว ไม่อาจถาม
เพราะไม่มี ความคิด ให้คิดความ ทุกทุกยาม คอยตามเขา ไม่เข้าใจ
๏ เมืองไทยเรา ทุกวันนี้ เหมือนเมืองหุ่น ทุกคนวุ่น เพื่ออนาคต อันสดใส
คิดเพื่อตัว ทำเพื่อตัว ทุกครั้งไป ไม่มีใคร ออกมาค้าน เสนอควร
๏ ปล่อยให้มือ ข้างใหญ่ใหญ่ มองไม่เห็น กลายมาเป็น เจ้าชีวิต พลิกผันผวน
ทำอะไร ไทยทำบ้าง ไม่ทบทวน ดังหมู่มวล หุ่นกระดาษ กลาดเกลื่อนไป
๏ เมื่อไรไทย จะออก ความคิดเห็น ไทยจะเป็น "เมืองหุ่น" อีก นานแค่ไหน
หุ่นเด็กเฒ่า สาวหนุ่ม จงร่วมใจ ฤๅจะเป็น "หุ่น" ต่อไป ตลอดกาล
.....................................................................................
7. พงศธร - แสงสีที่มัวหมอง
อีเมล์ / 17 กรกฎาคม 2551
๏ กาลเวลาพาให้ใจคนหม่น มีสับสนแสนโศกเศร้าเคล้าสุขสันต์
ริษยาอาฆาตจิตฟาดฟัน สวมหน้ากากปากคุยกันผันผวนไป
๏ แลเปลือกนอกพอกไว้ให้สวยสด แลลาภยศคดโกงไม่โปร่งใส
แลแสงสีที่มอมเมาเย้ายวนใจ แลเปลี่ยนไปไม่สืบสานโบราณกาล
๏ ยามแผ่นดินสิ้นรบสงบสุข ไร้ทางทุกข์ลุกพบปะเกษมศานต์
สะอาดตาน่าชมสมพิมาน แสนสราญบ้านนี้ศรีโสภณ
๏ ใจหุ่นนั้นไม่ผันแปรแลว่างเปล่า ใจคนเราเล่าหนาพร่าสับสน
พฤติกรรมคำจาพาพิกล นั่นเพราะคนพ่นทำลายสลายเมือง
๏ เป็นเมืองหุ่นไม่วุ่นวายมิหน่ายหนี ไร้ราคีที่ฉุดไว้ไม่ฟูเฟื่อง
มองออกไปได้เห็นแดนแสนรุ่งเรือง ช่วยปลดเปลื้องเมืองเราให้เท่าเทียม
๏ สองมือนี้ที่ต้องร่วมรักษ์สรรสร้าง เป็นแนวทางสว่างไสวแสงส่องเรี่ยม
ต้องรวมใจใกล้ไกลได้ตระเตรียม ให้ยอดเยี่ยมเปี่ยมคำชมทั่วโลกันตร์ ฯ
.....................................................................................
8. พงศธร - วันฟ้าใหม่ (แก้ไขครั้งที่ 1)
(แก้ไข) อีเมล์ / 19 กรกฎาคม 2551
๏ แบ่งเป็นรัฐสัตว์สังคมคือมนุษย์ จิตลึกสุดจักรู้ซึ้งซึ่งยากหนา
อีกเชี่ยวกรากมากมายคล้ายธารา หมุนฟันฝ่าพาพัดมัจฉาไป
๏ บางพื้นที่มีทะเลาะมักเบาะแว้ง บ้างก็แข่งแย่งชิงพิงอาศัย
อกถูกสุมรุมเร้าเผาดั่งไฟ อุบัติภัยใกล้เข้ามาหาทุกคน
๏ หุ่นที่ถูกปลูกสร้างร่างประเสริฐ หัวเป็นเลิศเกิดมากับความสับสน
ต้นเหตุนั้นสรรจากจิตคิดบันดล เมืองวกวนคนแต้มสีตีทำลาย
๏ หุ่นตัวนี้ดีชั่วตัวบังคับ ไม่เปิดรับจับแสงสีที่เสียหาย
อบายมุขทุกทางอย่าย่างกราย อย่าเวียนว่ายพายไปในสันดอน
๏ ต้องเหลียวมองผองดวงดาวที่วาววับ ต้องสดับรับฟังคำสั่งสอน
ต้องร่วมวางสร้างนราฟ้าอมร ต้องกำธรวอนเทพามายินดี
๏ ปฏิวัติพัฒนาเป็นเมืองใหม่ ให้วิไลไร้ทุกข์แสนสุขศรี
ประชาชนคนเป็นมิตรจิตปรานี ใช้วจีที่ไพเราะสนทนา
๏ สามัคคีมีน้ำใจไม่ละเว้น คุณธรรมนำเด่นเป็นสง่า
ให้ลูกหลานได้พบพานบ้านอาภา ที่งามค่าควรคู่อยู่ยืนยง ฯ
.....................................................................................
9. นิตยา - นครหุ่น
ไปรษณีย์ / 30 กรกฎาคม 2551
๏ มีชีวิตแต่ใจไร้ชีวิต มีความคิดแต่ใจไร้ความฝัน
มีภาระเลี้ยงหล่อวันต่อวัน กายค่อยกลั่นหยาดเงินเคลื่อนกลไก
๏ ตกเป็นทาสเวลาและหน้าที่ เสี้ยวเสรีแสนรักถูกผลักไส
ตะกอนกาลกัดกร่อนตะกอนใจ จนเนื้อในเย็นชายิ่งกว่าเย็น
๏ แต่ละร่างมิเหลียวแลแต่ละร่าง เส้นแข่งขันกั้นขวางห่างเกินเห็น
สิ้นวิญญาณ์ทั้งทั้งที่ยังเป็น แต่เส้นเอ็นถูกครอบงำให้ทำงาน
๏ มิเคยดอมไอดินสูดกลิ่นฟ้า มิเคยยลระยับหญ้าสักหย่อมย่าน
มีเพียงตึกแตกดอกหนาเป็นปราการ ค่อยค่อยเบ่งค่อยค่อยบานเต็มลานดิน
๏ เสพสังคมโสโครกอย่างเคยคุ้น ม่านหมอกควัน ณ เมืองหุ่นกลับกรุ่นกลิ่น
แว่วเครื่องจักรเจรจาอยู่อาจิณ แต้มเศษชิ้นเฉยชาฝังอารมณ์
๏ คือนครแห่งหุ่นคุณรู้จัก คุณทอถักเส้นทางอย่างเหมาะสม
ติดอยู่ใต้ฟันเฟืองเมืองโสมม ในสังคมตายด้านพิการใจ
.....................................................................................
10. ธีรนันท์ - เมืองหุ่น
ไปรษณีย์ / 31 กรกฎาคม 2551
๏ สังคมพาล้าหลังสิ้นหวังราษฎร์ เมื่ออำนาจตกแก่ผู้อยู่เบื้องหลัง
คอยบงการงานรัฐจัดฉากบัง ชี้นิ้วสั่งหวังผลพ้นโพยภัย
๏ เปรียบละครครบเครื่องการเมืองหุ่น ที่นำหนุนฉากแสดงแฝงเงื่อนไข
ผู้กำกับปรับเปลี่ยนเขียนอย่างไร ต้องเป็นไปอย่างนั้นทุกขั้นตอน
๏ หน้าที่หุ่นลุ้นไปให้เขาเชิด ล้วนก่อเกิดวิกฤติคิดหลอกหลอน
รัฐ-ราษฎร์เซเททิ้งมัวนิ่งนอน มิผันผ่อนเภทภัยให้ประชา
๏ คอยรับใช้เพื่อนพ้องผองพวกพรรค โดยไร้หลักศักดิ์ศรีชี้ปัญหา
ราษฎร์ประท้วงทวงถามติดตามมา กลับเชิดหน้าเมินหมางอย่างใจดำ
๏ ขอหยุดแกล้งแสร้งเสลบเล่ห์ทิ้ง ขอตัวจริงสิ้นสุดหยุดเหยียบย่ำ
ขอการเมืองนอมินีที่ครอบงำ ขอมีธรรมค้ำคู่อย่าดูดาย
๏ ที่ทำไปใครหรือถือประโยชน์ ฝากเป็นโจทย์ให้ชนค้นความหมาย
รู้ทันกลคนเมืองหุ่นไม่วุ่นวาย หุ่นเชิดพ่ายร่วมรู้รักสามัคคี
.....................................................................................
11. ณัฐติกา - หุ่นเมืองใหญ่
ไปรษณีย์ / 30 กรกฎาคม 2551
๏ ที่เมืองใหญ่ใจกลางจุดศูนย์รวม ผู้คนสวมเสื้อผ้าสีสดใส
แต่มองดูพิลึกประหลาดใจ ใครจะใคร่ใส่สิ่งใดล้วนหามา
๏ ทั้งสายเดี่ยวเกาะอกกระโปรงสั้น เข็มขัดนั้นคาดพันตามแขนขา
เสื้อแขนกุดเอวลอยสะดุดตา ต่างสรรหาแต่งกันตามสไตล์
๏ ผมสีทองย้อมแดงแสนประหลาด สีฉูดฉาดหน้าม้าทันสมัย
ตัดแบบเจเคป๊อบร็อคสไลต์ ชอบทรงไหนตัดได้ตามใจเคย
๏ อาจดึงหน้ากรีดตาให้เก๋สวย ขัดผิวด้วยขาวง่ายได้เปิดเผย
หรือเสริมคางเสริมดั้งลบความเชย ทำได้เลยตามใจอุปาทา
๏ เลนส์ตาปลอมหลากสีให้เลือกสรร สีละวันเลือกได้ปรารถนา
ขนตาสั้นตาเล็กหมดปัญญา ต่อขนตายาวได้ไร้กังวล
๏ ทำไมคนต้องเป็นหุ่นแฟชั่น เปลี่ยนทุกวันทุกเดือนเลือนสับสน
เดี๋ยวมาใหม่ล้าหลังไม่คงทน ยังมีคนวิ่งตามทุกนาที
๏ คนเราต่างเป็นหุ่นทันสมัย ควบคุมไว้โดยแฟชั่นทุกวิถี
แต่งกันไปทั้งบุรุษและสตรี ล้วนแต่มีแฟชั่นประจำตน
๏ เดินไปไหนที่ใดก็เจอแต่ หุ่นมีแค่กายใจไร้เหตุผล
ถูกควบคุมโดยแฟชั่นจนลืมตน ว่าเป็นคนมีจิตใจใช่หุ่นยนต์
.....................................................................................
12. ศรัญญา - เมืองไทย...ใช่...เมืองหุ่น
ไปรษณีย์ / 30 กรกฎาคม 2551
๏ ทุกวันนี้ศิวิไลเมืองใหญ่นัก คนหลงรักความสบายไม่หน่ายหนี
ทันสมัยสะดวกใช้เทคโนโลยี เครื่องจักรดีทุ่นแรงคนผ่อนแรงงาน
๏ จึงขี้เกียจเดียดฉันท์ทำงานหนัก ทั้งผลัดผลักหมักหมมเงินทิงผลาญ
ใช้ฟุ่มเฟือยอยากร่ำซำอีกนาน หมั่นทำงานกักเก็บทรัพย์รับปัจจัย
๏ เมื่อมีคนรวยอำนาจขานมาคิด ทั้งพินิจชี้แนวทางวางแผนให้
เราทำงานเขาถึงหลักปักเส้นชัย สุขสมใจสั่งไฉนได้ตามปอง
๏ ยืมจมูกคนอื่นใช้ไว้หายใจ มิรู้ใช่ของตนเองเร่งสนอง
เมื่อต้องการสิ่งใดใคร่สมปอง เขาครอบครองจนเคยชินดินว่าดาว
๏ ให้กินหญ้าเราก็ว่าดีอร่อย เมื่อเขาปล่อยเราได้คิดจิตปวดร้าว
ต้องนั่งนึกตรึกตรองกรองเรื่องราว ก่อนเมื่อคราวไม่เคยถามความคิดตน
๏ เมืองแห่งนี้ศิวิไลเพียงภายนอก ทุกคนลอกขาดความคิดทุกแห่งหน
จนปัญญาไร้สมองไม่ร้อนรน ดั่งหุ่นยนต์บ้าใบ้ให้บงการ
๏ หากกำเนิดเกิดเมืองนี้ขึ้นจริงจริง ทุกทุกสิ่งถูกควบคุมทุกสถาน
คนในเมืองศิวิไลตลอดกาล ไม่มีมารพาลคามทุกข์สุขจริงฤๅ
.....................................................................................
13. วัชรพล - เมืองหุ่น
ไปรษณีย์ / 30 กรกฎาคม 2551
๏ ณ ธานีศรีวิมานสะท้านทิศ ทุกชีวิตต่างสังสรรค์สำราญชื่น
เหล่านิกรต่างสุขสันต์ทุกวันคืน ภายใต้ผืนแผ่นดินสินทวี
๏ ประชาชนต่างน้อมนำคำสั่งสอน ประหนึ่งพรเลิศล้ำนำสุขศรี
ช่วยชาวราษฎร์พ้นภัยพ้นราคี เสริมราศีชาวประชาพาสุขใจ
๏ ธานีไม่มีผู้นำชาติ เสมือนขาดแกนหลักพิทักษ์ไว้
หากวันนี้มีสงครามคร้ามครั่นใจ หากวันใดนคราคราสิ้นลง
๏ ถึงเวลาที่ทุกแดนทั่วแคว้นขาม จักติดตามผู้นำมิล้ำหลง
หากผู้นำยั่งยืนอย่างอาจอง เสมือนคงซึ่งไว้ในธานี
๏ หากผู้นำเชื่องช้าปัญญาไหว จักบรรลัยทั่วเขตแดนในแม้นศรี
หากผู้นำแข็งกระด้างกร่างเป็นดี จักอัปรีย์ชั่วชีวาพาสั่นคลอน
๏ ประชาชนในดินแดนแสนสุขจิต ตามความคิดท่านผู้นำคำสั่งสอน
ต่างช่วยเหลือเจือจุนหนุนอาทร ประชากรต่างเป็นสุขทุกข์เสื่อมคลาย
๏ ประชาชนในดินแดนแสนโทมนัส ตามความขัดท่านผู้นำจำเมื่อสาย
ต่างขัดแย้งแข่งขันกันประปราย สิ่งสุดท้ายคืออดสูมิรู้ตาม
๏ ผู้นำชาติเปรียบเสมือนผู้นำเชิด จักฉายเฉิดชนนานาพาตื่นขาม
หากเชิดผิดพลาดพลั้งพังโครมคราม หากเชิดทรามจักวิโยคโศกโศกา
๏ ผู้นำเชิดที่ดีต้องมีเกร็ด ถือเอาเคล็ดความดีมีมากหนา
เชิดประเทศเชิดชาติเชิดประชา เชิดนานาพาสุขสมอารมณ์ปอง
๏ ประชาชนเปรียบดั่งหุ่นที่ถูกเชิด จักประเสริฐจักสุขใจจักเศร้าหมอง
ขึ้นอยู่ที่ผู้นำเชิดที่เรืองรอง คอยปกป้องเมืองหุ่นมิวุ่นเอย
.....................................................................................
14. ชุณห์ - เมืองหุ่น เมืองไทย
ไปรษณีย์ / 30 กรกฎาคม 2551
๏ แม้นเวลาพาผ่านเนิ่นนานนัก เอกลักษณ์นักเชิดหุ่นไม่สูญหาย
ยังคงอยู่คู่ชาวไทยไม่รู้คลาย เป็นเชื้อสายคล้ายสืบสานบรรพชน
๏ คนโบราณสอนขั้นตอนรักษาหุ่น ให้ทุกรุ่นมุ่งขยันหมั่นฝึกฝน
ไม่ให้หุ่นเลือนหายตามกายคน สืบทอดจนพ้นถึงปัจจุบัน
๏ หุ่นเชิดไทยได้มีสี่ประเภท จัดแบ่งเขตเภทตามความสร้างสรรค์
วิธีสร้างต่างตัวก็ต่างกัน แล้วแต่ปั้นฉันใดให้เหมาะที
๏ หุ่นหลวง นั้นท่านใช้คนเป็นต้นแบบ สูงแน่วแนบหนึ่งเมตรประมาณนี่
สายโยงยวงพ่วงตามแขนขามี กลอยู่ที่หน้าขยับกับกลอกตา
๏ หุ่นต่อมาว่า หุ่นเล็ก ใช้เป็นชื่อ หุ่นจีนคือมือฉบับตำรับหา
มือสอดเข้าเล่าใช้นิ้วควบกายา แต่งโฉมหน้าตางิ้วตามแบบไป
๏ หุ่นละครเล็ก เล็กแต่ไม่น้อยหน้า ที่นาฏยศาลาพาเชิดไว้
ใช้ไม้เสียบเลียบมือสองข้างไป จัดคนให้ใช้เชิดเกิดท่าทาง
๏ หุ่นกระบอก ลอกหัวหุ่นแกะสลัก ลำตัวจักให้ไม้ไผ่ใช้เป็นร่าง
เครื่องประดับฉบับโขนมาจับวาง ท่วงท่าทางขยับใช้ไม้ที่มือ
๏ ขอสรรเสริญเยินยอต่อคนคิด ใจประดิษฐ์วิจิตรศิลป์เลื่องชื่อ
จากหุ่นไทยเป็นเป็นหุ่นโลกร่ำลือ ว่านี่คือฝีมือชื่อชาวไทย
.....................................................................................
15. ประสิทธิ์ - เรื่องเมืองหุ่น
ไปรษณีย์ / 30 กรกฎาคม 2551
๏ เมืองหุ่นนั้นมันแสนระทมจิต สุดจะคิดติดเข้าไปในใจฉัน
หากแม้คิดคงไร้สุขทุกคืนวัน แม้นนอนฝันยังหวั่นในจิตใจ
๏ เมืองหุ่นนั้นมันแสนพิสดาร มหาศาลกว่าเมืองอื่นเป็นไหนไหน
แค่มองผ่านไปนั้นยังอาลัย แสนโศกศัลย์เศร้าใจในอารมณ์
๏ ทั่วทั้งเมืองไม่มีซึ่งความสุข ประชากรมีแต่ทุกข์ไม่สุขสม
มีชีวิตไปวันวันแสนระทม สุดขื่นขมคงล่มจมได้ง่ายดาย
๏ ทั่วทั้งเมืองอยู่เหมือนคนตายแล้ว คงไม่แคล้วแล้วนี้คงจะสาย
ที่จะคิดปรับปรุงไม่ให้ตาย คงจะวายชีวันไม่ทันการณ์
๏ ทั่วทั้งเมืองมีแต่คนหลอกลวง เป็นเหมือนบ่วงลวงใจดังไฟผลาญ
หลอกลวงใจไหม้ดวงจิตให้แหลกลาน เหมือนดังมารมารุกรานในดวงใจ
๏ ทั่วทั้งเมืองสามัคคีไม่มีเลย สุดจะเอ่ยไม่มีมิตรที่ชิดใกล้
แม้มองไปในทิศหนทางใด ก็ยากไร้ขาดเยื้อใยมิตรไมตรี
๏ ที่ได้กล่าวไปนี้ไม่มีสุข มีแต่ทุกข์รุกร้อนหม่นหมองศรี
ประชาชนก่นด่าว่าไม่ดี ปฐพีหาความดีไม่มีเลย
๏ จึงอยากขอพี่น้องชนชาวไทย อยู่แห่งหนตำบลใดอย่าเมินเฉย
ขออย่าให้ไทยทุกคนอย่าละเลย ไม่อยากเชยเห็นภาพเมืองหุ่นไทย
.....................................................................................
16. ธนอรรถ - เมืองหุ่น
ไปรษณีย์ / 30 กรกฎาคม 2551
๏ ชีวิตคนเรานั้นหนึ่งชีวิต มีความคิดมากมายแสนสุขสันต์
ชื่นอุราเบิกบานเต็มชีวัน มีแสงแห่งความหวังคอยค้ำจุน
๏ คนเราหากไม่หลงเดินทางผิด จุดความคิดแต่เรื่องดีที่เกื้อหนุน
หากคิดดีไม่ได้ไกลจนมุม อาจซุกซุนหลบซ่อนตลอดเลย
๏ คนลุ่มหลงมัวเมาสิ่งเสพติด เปรียบเสมือนคนสิ้นคิดจิตนิ่งเฉย
จนตนเองดุจดั่งหุ่นเสียจนเคย เซ่นสังเวยชีพใกล้ลับในฉับพลัน
๏ ยิ่งคนเราเสพยากันจำนวนมาก ก็เหมือนซากทิ้งจิตคิดหุนหัน
ปล่อยให้เขาเข้าบงการทั้งชีวัน เหมือนหุ่นปั้นที่เขาปั่นชักนำพา
๏ ถ้าคนเรามีจิตใจมั่นคงยิ่ง มิยอมให้สิ่งชั่วร้ายเข้ามาหา
ดำรงตนให้หนักแน่นแม้นศิลา ใครชักพาไม่ทำตนหล่นลงไป
๏ ชีวิตเราเหล่าทุกคนมีทางเดิน มีขาดเกินในชีวิตย่อมคิดได้
ไม่เป็นหุ่นให้เขาเชิดอย่างเพลิดใจ ถึงเป็นหุ่นก็ชักใยด้วยตนเอง
.....................................................................................
17. กวีหลังห้อง - หุ่นขยับ
อีเมล์ / 20 กรกฎาคม 2551
๏ หลากหลายบ้านชานเมืองเลื่องลือชื่อ แสนระบือกระพือพัดผ่านทุกแคว้น
แสนอุดมชมแมกไม้ไม่ขาดแคลน นั่งบนแท่นแก่นหินถิ่นพงไพร
๏ ปัจจุบันผันเปลี่ยนไม่เลียนแบบ หทัยแสบแปลบแปลบแทบกระษัย
วิลาวัณย์ที่สรรสร้างพลางเลือนไป ดุจจุดไฟไปเผาเร่าร้อนทรวง
๏ อมนุษย์สุดป่วนเพียงส่วนน้อย แต่เฝ้าคอยปล่อยเรื่องร้ายอยู่หลายช่วง
มนุษย์ดีที่ทำถูกถูกล่อลวง มิอาจถ่วงทวงสิทธิ์ปิดราคี
๏ แลเห็นใจสกปรกรกกิเลศ เป็นอาเพศเจตร้ายไร้สุขี
มองคนเพียงเพี้ยงหุ่นจิตไม่มี ทำป่นปี้ไม่สนใจว่าใครมอง
๏ ขอเพียงหุ่นหมุนขยับจับอาวุธ ขอรีบรุดสุดใจไปทั้งผอง
ขอสักครั้งไม่รั้งรอเร่งยึดครอง ขอจับจองจ้องจับปรับปรุงเมือง
๏ ให้คนชั่วตัวมลายสลายสิ้น ให้แผ่นดินถิ่นนี้กลับลือเลื่อง
ให้นภาพาแสงทองส่องแรงเรือง ให้นองเนืองเรื่องปิติผลิอีกครา ฯ
.....................................................................................
18. FrenchHorn - บ้างเหมือนหุ่น
อีเมล์ / 21 กรกฎาคม 2551
๏ บ้าง...เคลื่อนที่เคลื่อนหน้าหาปลายหน บ้างทุกข์ทนปนน้ำตาล้าใจหลาย
บ้างว้าวุ่นหาที่เพื่อหนีตาย บ้างถูกแทงแฝงทำร้ายหมดกำลัง
๏ บ้างโดนเผาหากร่างยังยืนนิ่ง บ้างดวงตาไม่ไหวติงทิ้งความหลัง
บ้างกัดกร่อนสึกหรอรอผุพัง บ้างย่อมถูกกักขังอยู่วังวน
๏ เหมือน...ความเย็นปกคลุมไปจนทั่ว เหมือนกระจกพร่ามัวทุกแห่งหน
เหมือนเป็นความอัดอั้นอันทุรน เหมือนทุกคนด้นดั้นมองสิ่งนั้น
๏ เหมือนทุกสิ่งนิ่งหยุดอยู่กับที่ เหมือนทุกอย่างรอรีมีความฝัน
เหมือนเรื่องราวเกิดขึ้นอย่างเร็วพลัน เหมือนสำคัญกว่าเรื่องใดในสังคม
๏ หุ่น...บ้างคล้ายเครื่องยนต์คนขับเคลื่อน หุ่นบ้างเหมือนฐานย่ำก่อน มัน ล่ม
หุ่นบ้างคล้ายเลือนรางกลางสายลม หุ่นบ้างเหมือนหลงคารมผู้ลุกลาม
๏ หุ่นคือหุ่นใช่หุ่นเอ่ยความยาก หุ่นคือหุ่นแม้ถูกลากกระชากถาม
หุ่นคือหุ่นที่เชิดโดยคนทราม หุ่นคือหุ่น รุ่นมั่วกาม ตามใจ มัน!
.....................................................................................
19. กวีหลังห้อง - รอยด่างเพียงน้อย
อีเมล์ / 21 กรกฎาคม 2551
๏ ล้านผู้คนวกวนในไพรมืดมิด ล้านดวงจิตคิดสับสนเล่ห์กลชั่ว
ล้านประชามิลาขาดความหวาดกลัว ล้านสิ่งยั่วเย้ายวนชวนพบพา
๏ หนึ่งแสงสีที่ไสวในเมืองหลวง สองคำลวงลวงให้ใจใฝ่หา
สามตึกรามกระจายคล้ายเห็ดรา เพราะโลกาก้าวหน้าพาเปลี่ยนแปลง
๏ หุ่นตัวน้อยร้อยดวงจิตคิดแก้ไข ไม่รับใช้ใครที่ชั่วมัวแอบแฝง
บ้างปกครองนองน้ำตาน่าเคลือบแคลง บ้างกลั่นแกล้งแทงข้างหลังฝังคนดี
๏ แสงสว่างจางไปไม่อาจเห็น คนลำเค็ญเข็ญใจไม่อาจหนี
อันทรัพย์สินเงินทองไม่อาจมี แต่ยอมพลีชีวารักษาแดน
๏ ในธานีคนชั่วนี้มีเพียงน้อย แต่กลับคอยค่อยกัดกินถิ่นหวงแหน
แทะทำลายคนเหมือนหุ่นพรุนทั้งแกน เศร้าสุดแสนแดนนี้ที่ต่ำลง
๏ รวมความคิดสร้างจิตใจให้แข็งแกร่ง ให้มีแรงแข่งขันหั่นเป็นผง
แม้นเป็นหุ่นก็เป็นเหล็กที่แข็งตรง รักษ์เผ่าพงศ์ดำรงอยู่คู่เมืองเอยฯ
.....................................................................................
20. กวีหลังห้อง - หุ่นเชิด
อีเมล์ / 21 กรกฎาคม 2551
๏ อันธานีนี้ไซร้ไม่ก้าวหน้า ผ่านเวลามากน้อยปล่อยทิ้งขว้าง
แล้วความหวังผู้คนคงเลือนราง ไร้เส้นทางสร้างสุขดับทุกข์ภัย
๏ เป็นเพียงหุ่นไม่เคลื่อนไหวให้เขาเชิด ไม่ยอมเปิดเผยความจริงสิ่งสงสัย
ที่ปกครองผองชนเพื่อผู้ใด เหมือนหทัยถูกเชิดอยู่คงรู้ตัว
๏ หากอยากเป็นผู้นำที่ล้ำเลิศ สุขบังเกิดแทนทุกข์ที่สลัว
ต้องยึดมั่นพลันจิตไม่คิดกลัว ไม่เมามัวปฏิบัติขัดศรัทธา
๏ อย่าลุ่มหลงดีใจได้รับเลือก เพียงเพราะเปลือกเลือกสรรนั้นงามหนา
คำสัญญาว่าไว้ให้ประชา ผิดวาจานภามองจ้องลงทัณฑ์
๏ หากแม้นจะฉลาดแสนปราดเปรื่อง แต่บ้านเมืองรักคนดีที่สร้างสรรค์
คุณธรรมนำความรู้ควบคู่กัน หลักสำคัญประกันสุขเพื่อสังคม
๏ นคราประชาเล่าเป็นเจ้าของ เฝ้าปกป้องสอดส่องไว้ให้สวยสม
ให้รุ่นหลานยาวนานได้เชยชม ดุจฝนพรมเย็นฉ่ำสำราญใจฯ
.....................................................................................