ReadyPlanet.com
dot dot
กลอนสุภาพ “เมืองหุ่น” กรกฎาคม 2551 สำนวนที่ 1-20

ระดับมัธยมปลาย (กลอนสุภาพ) – 35 สำนวน

 

1. Chocoholics – เมืองหุ่น

อีเมล์ / 3 กรกฎาคม 2551

 

    เลิศล้ำนำพาเทคโนโลยี                        ศึกษาดีมีไว้ให้ก้าวหน้า

โลกเจริญก้าวไกลทางปัญญา                    พาชีวาหมดซึ่งเมตตาธรรม

    โลกก้าวย่างสู่ยุคพลังงาน                      ทั้งยวดยานพาหนะดั่งทองคำ

ถูกสื่ออิเล็กทรอนิกส์เข้าชักนำ                    ต่างจดจำนำมาใส่ภายในกาย

    การพบปะสังสรรค์งานรื่นเริง                 จัดจนเหลิงหลงคิดมีมิตรสหาย

อันเพื่อนกินมีดยู่กระจัดกระจาย                พอวอดวายก็สลายหายกายา

    อีกพันปีจากนี้น่านึกคิด                        อันชีวิตคนเราน่าค้นหา

รูปภายนอกที่เห็นเป็นกายา                       เนื้อมังสาเหมือนคนใช่คนจริง

    ลักษณะท่าทางการเคลื่อนไหว                ยังทำได้เหมือนคนยังไหวติง

ยามลำบากยากนักจะพักพิง                      การสุงสิงของคนลดน้อยลง

    เมื่อเดินผ่านพบเจอกับนิ่งเฉย                เหมือนไม่เคยรู้จักทำอาจอง

ไม่ทักทายพูดจาท่าทะนง                          แม้กายคงแต่จิตใจไม่เหมือนเดิม

    เปรียบเสมือนหุ่นยนต์ที่เดินได้               แต่จิตใจไม่มีที่ให้เติม

เมตตาจริยธรรมยากจะเสริม                     ยากจะเพิ่มเติมเต็มไว้ใส่ใจคุณ

    เมืองทั้งเมืองจึงได้กลายเป็นเมืองหุ่น        การเจือจุนไม่มีแสนทุกข์ทน

มีรูปกายแต่เป็นเพียงตัวหุ่นยนต์                ตัวบุคคลไร้ซึ่งจิตวิญญาน

 

.....................................................................................

 

 

2. ก้านแก้ว นวอาวุธ - เมืองหุ่น

เว็บบอร์ด / 6 กรกฎาคม 2551

 

    พริ้วบรรเลงเพลงพาทย์ระนาดปี่                        บนเวทีมีงานเชิดนาฏศิลป์

ลำนำสร้อยร้อยลีลาศิลปิน                                    ชนยลยินสรรค์สร้างสุขทุกข์มลาย

    บ้างหุ่นเล็กหุ่นใหญ่ใช้คนเชิด                            แลบรรเจิดดำเนินบทตามมุ่งหมาย

ท่วงทำนองทีท่าออกลวดลาย                                ดูคมคายล้ำค่างานหุ่นไทย

    แลดูหุ่นครุ่นคิดจิตประหวัด                              กวีวัจน์วจีครูผ่านสมัย

แม้นกาลผ่านนานเนิ่นจำขึ้นใจ                              มองสิ่งใดให้ตรองตรึกพินิจดู

    จึงเปิดใจมองไกลไปทั่วทิศ                                มองด้วยจิตพิศผ่านสิ่งสวยหรู

เกิดเห็นแจ้งแสงธรรมตามคำครู                            กำเนิดรู้เหตุแห่งแหล่งของกรรม

    เธอและเขาเราท่านกรรมเป็นเหตุ                       จิตกิเลสดีร้ายอุปถัมภ์

เต้นแสดงแปลงบทตามแรงกรรม                           จิตน้อมนำกรรมก่อนที่ทำมา

    กายเป็นหุ่นจิตครองเข้าชูเชิด                            ให้ก่อเกิดบทบาทมากนักหนา

เป็นกรรมใหม่กรรมเก่าเข้าชักพา                            สร้างลีลาพาพัฒน์มรรคกรรม

    เป็นเมืองหุ่นเมืองกรรมนำพาจิต                        บุญสถิตย์จิตเทพอุปถัมภ์

เชิดแสดงแสวงทางประโยชน์ธรรม                         ละก่อกรรมนำบุญสู่ชุมชน

    บาปกระหน่ำซ้ำเติมเพิ่มร้อนลุ่ม                         เกิดกลัดกลุ้มก่อกรรมหลากหลายหน

จิตยักษียักษามาครองตน                                     ใจถูกดลเชิดเล่นตามบทมาร

    โอ้เมืองหุ่นเมืองกรรมเมืองธรรมนี้                      ล้วนมากมีบทบาทร่วมขับขาน

หุ่นแห่งเทพบ้างก็หุ่นแห่งมาร                                ต่างคละคานปนปะคละกันไป

    สังคมนี้มีกรรมนำพาจิต                                   ใช้ชีวิตผลิตกรรมตามวิสัย

จิตชูเชิดบทบาทตามแต่ใจ                                    ปนปะไปแดนดินเมืองหุ่นเอย.

 

.....................................................................................

 

3. ก้านแก้ว นวอาวุธ - นิทรานิมิต*เมืองหุ่น*นิราศพราน (แก้ไขครั้งที่ 1)

(แก้ไข) เว็บบอร์ด / 11 กรกฎาคม 2551

 

    นิราศร้างห่างแดนแสนหวนไห้               คนเคยใกล้ใจชื่นดื่มคำหวาน

ต้องจากจรนอนเดี่ยวเปลี่ยวดวงมาน          ทิ้งวันวานขานขับลาลับนวล

    อาชีพงานพรานไพรไกลจากถิ่น              แดนทำกินชินเขตเหตุกำสรวล

แสนโศกาอาดูรพูนคร่ำครวญ                    ร่ำรัญจวนนวลศรีมณีดิน

    ผ่านพฤกษ์พงดงดินถิ่นสายหยุด            ใจพี่หยุดฉุดคิดจิตถวิล

สายหยุดแล้วแก้วตามาลาดิน                   คนเคยชินถวิลหาหรือลาจร

    ลัดพงผ่านด่านไม้ใช้ดักสัตว์                 เข้าแจงจัดขัดถูตามครูสอน

กับดักใจฤทัยติดชิดงามงอน                     หากแคลนคลอนถอนรักพี่หนักใจ

    ผ่านกับดักหักฝืนขืนปีนป่าย                  บังคับกายป่ายปีนดินไถล

ดินไหลลื่นชื่นชีวีที่ห่างไกล                        ไถลใจใครเขาเข้าครอบครอง

    ไต่ขึ้นเนินเดินดงพงไพรพฤกษ์               ดงพงลึกนึกทักรักเราสอง

ร้อยพงป่าฝ่าเดินเผอิญลอง                      ยังเป็นสองรองไพรในใจนาง

    เห็นเถาวัลย์พันธ์เหนี่ยวเกี่ยวไม้ใกล้        ห่วงดวงใจฤทัยเปลี่ยวเหนี่ยวใจหมาง

ไม้คดเลี้ยวเหนี่ยวรักใหม่ใจนวลปราง         พี่คงหมางหมองช้ำระกำทรวง

    ดงระกำตำใจให้ว้าวุ่น                          แม่เนื้ออุ่นอุ่นอกอกพี่หวง

หนามแห่งรักปักใจให้ช้ำทรวง                    เหมือนเป็นห่วงบ่วงมัดรัดดวงมาน

    พ้นระกำผ่านพักตร์หักขึ้นด่าน               ทางช้างผ่านขานเพรียงเสียงประสาน

คเชนทร์พร่ำร่ำร้องก้องดวงมาน                 พี่ซมซานใจพร่ำร่ำน้ำตา

    นภาค่ำย่ำมาเวลาดึก                           ใจระทึกนึกตรองหมองหนักหนา

ให้ประหวัดขัดเคืองเรื่องชะตา                   อาชีพพาลาร้างมากลางดอน

    ฤทัยวุ่นคล้ายหุ่นถูกชูเชิด                      เป็นบทเกิดเตลิดตามงามสมร

ศรแห่งรักปักชิดจิตอาวรณ์                        สุดจะถอนศรศรีมณีจันทร์

    นิทราแนบแอบทางกลางป่าใหญ่            ห้วงฤทัยไขจิตประสิทธิ์ฝัน

อำนาจรักสลักจิตสถิตพลัน                       ต่อเติมฝันยามสนิทในนิทรา

    จักใช้รักปักเขตเหตุนิมิต                       งามวิจิตรพิศเห็นเป็นคูหา

ให้เจ้าอยู่คู่เย็นเป็นชายา                           เสกต้นหญ้าผูกพยนต์เป็นพลเมือง

    แล้วเสกหินดินทรายหลายหลากสี           เกิดมณีเพชรพลอยแดงเขียวเหลือง

ทั้งนางในใช้ได้ไม่ขัดเคือง                         ให้รองเรืองเมืองหุ่นเพื่ออุ่นใจ

    น้องจะจรดอนดงพงไพรพฤกษ์              จะเสกนึกอาชาให้อาศัย

หากนวลนิตย์คิดเบื่อระอาใจ                     พี่เสกไพรร่ายเล่นเพลงดนตรี

    อยากรำร่ายร้องเล่นเป็นเพลงท่อง            พี่เสกห้องร้องเล่นให้เด่นศรี

ผูกพยนต์พลหุ่นหนุนมาลี                         ให้คนดีมีสุขสนุกใจ

    แม้นดาวเดือนเลื่อนลอยจะสอยให้        ไกลหรือใกล้ข้ามเหิรเนินไศล

จะร้อยถ้อยสอยความตามฤทัย                  เป็นมาลัยให้ชิดสนิทมาน

    ให้อยู่เย็นเป็นสุขทุกขอบเขต                 แม่งามเนตรครองชนพลสถาน

พหุหุ่นหมู่พหลบริพาร                              บริวารขานขับรับวจี

    เสียงพงไพรไก่ขันประชันหมู่                 ยามเช้าตรู่กู่ร้องพ้องปักษี

เริ่มแสงทองส่องฟ้าพนาลี                         ปลุกฤดีชีพชนคนกลางดอน

    แม้นรุ่งรางร้างลานิทราฝัน                    แต่ชีวันมั่นจิตไม่ถ่ายถอน

ฝากความคิดติดสายลมให้งามงอน              อย่าลาจรรอเรียมมาเคียงนาง

 

หมายเหตุ :     ผิดกติกาส่งเกิน 20 บาท (กติกา 6-10 บท)

 

.....................................................................................

 

 

4. ก้านแก้ว นวอาวุธ - เมืองหุ่น คำหุ่น

เว็บบอร์ด / 14 กรกฎาคม 2551

 

    นวลน้องนางห่างนามาเมืองกรุง            คงหมายรุ่งมุ่งตามความสดใส

ทอดทิ้งทุ่งคุ้งน้ำลำนำไพร                        ล่องฤทัยใจห่างร้างดงดอน

    เวลาผ่านน่านเนิ่นเดินลาล่วง                อยู่เมืองหลวงพุ่มพวงดวงสมร

จะมีสุขทุกข์เหงาเจ้างามงอน                    ลืมดงดอนกลอนข่าวไม่กล่าวมา

    ความคิดถึงตรึงใจใคร่ประสบ               อยากบรรจบสบพักตร์เป็นหนักหนา

ดำเนินพ้นหนทางห่างบ้านนา                    เดินตามหาพาใจไปตามนาง

    ก้าวย่างแรกแปลกใจในเมืองยุ่ง            นี่เมืองกรุงทุ่งคนพลกว้างขวาง

แสนมากหมู่ผู้คนทุกหนทาง                      ให้เลือนลางทางรักหนักอุรา

    เริ่มถามคำนำทางด้วยต่างถิ่น               คำเคยชินยินตอบไม่รู้หา

จะถามป้ามาลุงยุ่งอุรา                             จะถามหาคราใดไม่รู้ทาง

    เฉลยตอบปลอบใจไปทุกถิ่น                  คนดอนดินถิ่นไพรใจหมองหมาง

ตอบเหมือนหุ่นคุ้นจำคำอำพราง                ให้เลือนลางทางสบพบขวัญตา

    จะถามคนชนชั้นนั้นซ้ำหมด                  เหมือนกำหนดจดจำคำชิวหา

อีกอาภรณ์กรแป้งแต่งหน้าตา                    ก็ซ้ำหน้าพาเห็นเป็นพิมพ์เดียว

    หรือนี่คงดงชนพลเมืองหุ่น                   ใจว้าวุ่นครุ่นคิดจิตเฉลียว

แม่เนื้อนุ่มพุ่มอิ่มนิ่มมือเรียว                      อาจลาเลี้ยวเที่ยวเวียนเปลี่ยนชีวัน

    แม่อาจกลายกายใจไปเป็นหุ่น               ฤายังกรุ่นคุ้นไพรฤทัยฉัน

ห่วงแสนห่วงห่วงมิตรสนิทกัน                   แม้นผ่านวันพันปีไม่มีเลือน

 

.....................................................................................

 

 

5. ก้านแก้ว นวอาวุธ - เมืองหุ่น หุ่นนาง

เว็บบอร์ด / 14 กรกฎาคม 2551

 

    อภิรมย์ชมเพลินเดินเมืองหุ่น                 ใจว้าวุ่นหุ่นร่างนางเมืองหลวง

ดูอ่อนแอ่นแขนเรียวให้เปลี่ยวทรวง            แม่พุ่มพวงทรวงนิ่มอิ่มฤทัย

    องค์เอวกิ่วนิ้วเรียวเหนี่ยวใจกรุ่น            โอษฐ์ละมุนนุ่มนิ่มหรือไฉน

อกเอิบอิ่มปริ่มว่าพาขาดใจ                       โฉมไฉไลใจเรียมเจียมขาดรอน

    ยามยักย้ายท้ายพธูดูผายผึ่ง                 จิตตะลึงตรึงติดชิดสมร

คิ้วขนงทรงทรวดอวดอาภรณ์                    จะเดินจรทอนใจให้รัญจวน

    แม่เนื้อขาวหนาวใจฤทัยพี่                     ชื่นชีวีวจีใจฤทัยสงวน

อีกงามขำตำจิตคิดเรรวน                          น้องนางนวลจวนแย้มแจ่มงามตา

    หุ่นสาวไทยไฉไลใจที่สุด                       มิ่งนงนุชผุดผาดสวาทหา

หุ่นสาวแขกแตกต่างงามพร่างตา               สุขอุรามาดินถิ่นเทพเมือง

    ใจจรุงปรุงใจในดวงจิต                        ได้เพ่งพิศชิดสาวผิวขาวเหลือง

เจ้าสาวไทยในนอกออกต่างเมือง               อย่าขัดเคืองเรื่องหุ่นพี่วุ่นชม

    ด้วยจริงใจใสซื่อถือเป็นมิตร                  ใช่แปลกผิดคิดเคืองเรื่องขื่นขม

นิยมเจ้าเฝ้าบอกออกตามลม                     จิตชื่นชมสมศรีวจีจร

    พี่ท่องเที่ยวเกี่ยวกลอนมาวอนเจ้า          อักษรเล่าเคล้าจิตติดอักษร

ก็เมืองหุ่นวุ่นตาพาอาวรณ์                        ฤทัยคลอนกลอนกล่าวเล่าบอกกัน

    เจตจำนงตรงใจในเมืองหุ่น                   แม่เนื้ออุ่นหุ่นโสภานภาขวัญ

ทั้งบานเพิ่มเริ่มแย้มแก้มแจ่มจันทร์            หุ่นพาฝันพลันสถิตติดทั้งเมือง

 

.....................................................................................

 

 

6. ฆาตกวี - เมืองหุ่น

อีเมล์ / 17 กรกฎาคม 2551

 

    เมื่อยังเยาว์ เราเคยเล่น หุ่นตุ๊กตา                       ประกอบมา จากกระดาษ หลายหลากสี

จับแต่งตัว ตอบโต้ แสนเปรมปรีดิ์                          สั่งโน่นนี่ หุ่นก็ทำ ด้วยจำใจ

    หุ่นหลายตัว รวมกัน เป็นเมืองหุ่น                      ดูอบอุ่น ยืนเรียงกัน แสนสดใส

ใครจะรู้ ว่าหุ่นทุกข์ สักเพียงใด                              โดนมือใหญ่ บังคับ จับทำตาม

    ปากหุ่นปิด ไม่มีสิทธิ์ ไม่มีเสียง                          ทำได้เพียง ฟังอย่างเดียว ไม่อาจถาม

เพราะไม่มี ความคิด ให้คิดความ                           ทุกทุกยาม คอยตามเขา ไม่เข้าใจ

    เมืองไทยเรา ทุกวันนี้ เหมือนเมืองหุ่น                 ทุกคนวุ่น เพื่ออนาคต อันสดใส

คิดเพื่อตัว ทำเพื่อตัว ทุกครั้งไป                             ไม่มีใคร ออกมาค้าน เสนอควร

    ปล่อยให้มือ ข้างใหญ่ใหญ่ มองไม่เห็น               กลายมาเป็น เจ้าชีวิต พลิกผันผวน

ทำอะไร ไทยทำบ้าง ไม่ทบทวน                             ดังหมู่มวล หุ่นกระดาษ กลาดเกลื่อนไป

    เมื่อไรไทย จะออก ความคิดเห็น                        ไทยจะเป็น "เมืองหุ่น" อีก นานแค่ไหน

หุ่นเด็กเฒ่า สาวหนุ่ม จงร่วมใจ                             ฤๅจะเป็น "หุ่น" ต่อไป ตลอดกาล

 

.....................................................................................

 

 

7. พงศธร - แสงสีที่มัวหมอง

อีเมล์ / 17 กรกฎาคม 2551

 

    กาลเวลาพาให้ใจคนหม่น                                มีสับสนแสนโศกเศร้าเคล้าสุขสันต์

ริษยาอาฆาตจิตฟาดฟัน                                       สวมหน้ากากปากคุยกันผันผวนไป

    แลเปลือกนอกพอกไว้ให้สวยสด                        แลลาภยศคดโกงไม่โปร่งใส

แลแสงสีที่มอมเมาเย้ายวนใจ                                แลเปลี่ยนไปไม่สืบสานโบราณกาล

    ยามแผ่นดินสิ้นรบสงบสุข                                ไร้ทางทุกข์ลุกพบปะเกษมศานต์

สะอาดตาน่าชมสมพิมาน                                    แสนสราญบ้านนี้ศรีโสภณ

    ใจหุ่นนั้นไม่ผันแปรแลว่างเปล่า                         ใจคนเราเล่าหนาพร่าสับสน

พฤติกรรมคำจาพาพิกล                                       นั่นเพราะคนพ่นทำลายสลายเมือง

    เป็นเมืองหุ่นไม่วุ่นวายมิหน่ายหนี                       ไร้ราคีที่ฉุดไว้ไม่ฟูเฟื่อง

มองออกไปได้เห็นแดนแสนรุ่งเรือง                         ช่วยปลดเปลื้องเมืองเราให้เท่าเทียม

    สองมือนี้ที่ต้องร่วมรักษ์สรรสร้าง                       เป็นแนวทางสว่างไสวแสงส่องเรี่ยม

ต้องรวมใจใกล้ไกลได้ตระเตรียม                            ให้ยอดเยี่ยมเปี่ยมคำชมทั่วโลกันตร์ ฯ

 

.....................................................................................

 

8. พงศธร - วันฟ้าใหม่ (แก้ไขครั้งที่ 1)

(แก้ไข) อีเมล์ / 19 กรกฎาคม 2551

         

    แบ่งเป็นรัฐสัตว์สังคมคือมนุษย์                         จิตลึกสุดจักรู้ซึ้งซึ่งยากหนา

อีกเชี่ยวกรากมากมายคล้ายธารา                           หมุนฟันฝ่าพาพัดมัจฉาไป

    บางพื้นที่มีทะเลาะมักเบาะแว้ง                         บ้างก็แข่งแย่งชิงพิงอาศัย

อกถูกสุมรุมเร้าเผาดั่งไฟ                                       อุบัติภัยใกล้เข้ามาหาทุกคน

    หุ่นที่ถูกปลูกสร้างร่างประเสริฐ                          หัวเป็นเลิศเกิดมากับความสับสน

ต้นเหตุนั้นสรรจากจิตคิดบันดล                             เมืองวกวนคนแต้มสีตีทำลาย

    หุ่นตัวนี้ดีชั่วตัวบังคับ                                       ไม่เปิดรับจับแสงสีที่เสียหาย

อบายมุขทุกทางอย่าย่างกราย                               อย่าเวียนว่ายพายไปในสันดอน

    ต้องเหลียวมองผองดวงดาวที่วาววับ                 ต้องสดับรับฟังคำสั่งสอน

ต้องร่วมวางสร้างนราฟ้าอมร                                 ต้องกำธรวอนเทพามายินดี

    ปฏิวัติพัฒนาเป็นเมืองใหม่                               ให้วิไลไร้ทุกข์แสนสุขศรี

ประชาชนคนเป็นมิตรจิตปรานี                              ใช้วจีที่ไพเราะสนทนา

    สามัคคีมีน้ำใจไม่ละเว้น                                   คุณธรรมนำเด่นเป็นสง่า

ให้ลูกหลานได้พบพานบ้านอาภา                           ที่งามค่าควรคู่อยู่ยืนยง ฯ

 

.....................................................................................

 

9. นิตยา - นครหุ่น

ไปรษณีย์ / 30 กรกฎาคม 2551

 

    มีชีวิตแต่ใจไร้ชีวิต                                           มีความคิดแต่ใจไร้ความฝัน

มีภาระเลี้ยงหล่อวันต่อวัน                                     กายค่อยกลั่นหยาดเงินเคลื่อนกลไก

    ตกเป็นทาสเวลาและหน้าที่                              เสี้ยวเสรีแสนรักถูกผลักไส

ตะกอนกาลกัดกร่อนตะกอนใจ                              จนเนื้อในเย็นชายิ่งกว่าเย็น

    แต่ละร่างมิเหลียวแลแต่ละร่าง                         เส้นแข่งขันกั้นขวางห่างเกินเห็น

สิ้นวิญญาณ์ทั้งทั้งที่ยังเป็น                                   แต่เส้นเอ็นถูกครอบงำให้ทำงาน

    มิเคยดอมไอดินสูดกลิ่นฟ้า                               มิเคยยลระยับหญ้าสักหย่อมย่าน

มีเพียงตึกแตกดอกหนาเป็นปราการ                        ค่อยค่อยเบ่งค่อยค่อยบานเต็มลานดิน

    เสพสังคมโสโครกอย่างเคยคุ้น                         ม่านหมอกควัน ณ เมืองหุ่นกลับกรุ่นกลิ่น

แว่วเครื่องจักรเจรจาอยู่อาจิณ                             แต้มเศษชิ้นเฉยชาฝังอารมณ์

    คือนครแห่งหุ่นคุณรู้จัก                                    คุณทอถักเส้นทางอย่างเหมาะสม

ติดอยู่ใต้ฟันเฟืองเมืองโสมม                                 ในสังคมตายด้านพิการใจ

 

.....................................................................................

 

10. ธีรนันท์ - เมืองหุ่น

ไปรษณีย์ / 31 กรกฎาคม 2551

 

    สังคมพาล้าหลังสิ้นหวังราษฎร์                         เมื่ออำนาจตกแก่ผู้อยู่เบื้องหลัง

คอยบงการงานรัฐจัดฉากบัง                                 ชี้นิ้วสั่งหวังผลพ้นโพยภัย

    เปรียบละครครบเครื่องการเมืองหุ่น                    ที่นำหนุนฉากแสดงแฝงเงื่อนไข

ผู้กำกับปรับเปลี่ยนเขียนอย่างไร                             ต้องเป็นไปอย่างนั้นทุกขั้นตอน

    หน้าที่หุ่นลุ้นไปให้เขาเชิด                                 ล้วนก่อเกิดวิกฤติคิดหลอกหลอน

รัฐ-ราษฎร์เซเททิ้งมัวนิ่งนอน                                 มิผันผ่อนเภทภัยให้ประชา

    คอยรับใช้เพื่อนพ้องผองพวกพรรค                    โดยไร้หลักศักดิ์ศรีชี้ปัญหา

ราษฎร์ประท้วงทวงถามติดตามมา                       กลับเชิดหน้าเมินหมางอย่างใจดำ

    ขอหยุดแกล้งแสร้งเสลบเล่ห์ทิ้ง                         ขอตัวจริงสิ้นสุดหยุดเหยียบย่ำ

ขอการเมืองนอมินีที่ครอบงำ                                  ขอมีธรรมค้ำคู่อย่าดูดาย

    ที่ทำไปใครหรือถือประโยชน์                              ฝากเป็นโจทย์ให้ชนค้นความหมาย

รู้ทันกลคนเมืองหุ่นไม่วุ่นวาย                                 หุ่นเชิดพ่ายร่วมรู้รักสามัคคี

 

.....................................................................................

 

11. ณัฐติกา - หุ่นเมืองใหญ่

ไปรษณีย์ / 30 กรกฎาคม 2551

 

    ที่เมืองใหญ่ใจกลางจุดศูนย์รวม                        ผู้คนสวมเสื้อผ้าสีสดใส

แต่มองดูพิลึกประหลาดใจ                                   ใครจะใคร่ใส่สิ่งใดล้วนหามา

    ทั้งสายเดี่ยวเกาะอกกระโปรงสั้น                       เข็มขัดนั้นคาดพันตามแขนขา

เสื้อแขนกุดเอวลอยสะดุดตา                                 ต่างสรรหาแต่งกันตามสไตล์

    ผมสีทองย้อมแดงแสนประหลาด                      สีฉูดฉาดหน้าม้าทันสมัย

ตัดแบบเจเคป๊อบร็อคสไลต์                                   ชอบทรงไหนตัดได้ตามใจเคย

    อาจดึงหน้ากรีดตาให้เก๋สวย                             ขัดผิวด้วยขาวง่ายได้เปิดเผย

หรือเสริมคางเสริมดั้งลบความเชย                         ทำได้เลยตามใจอุปาทา

    เลนส์ตาปลอมหลากสีให้เลือกสรร                     สีละวันเลือกได้ปรารถนา

ขนตาสั้นตาเล็กหมดปัญญา                                 ต่อขนตายาวได้ไร้กังวล

    ทำไมคนต้องเป็นหุ่นแฟชั่น                               เปลี่ยนทุกวันทุกเดือนเลือนสับสน

เดี๋ยวมาใหม่ล้าหลังไม่คงทน                                 ยังมีคนวิ่งตามทุกนาที

    คนเราต่างเป็นหุ่นทันสมัย                                ควบคุมไว้โดยแฟชั่นทุกวิถี

แต่งกันไปทั้งบุรุษและสตรี                                    ล้วนแต่มีแฟชั่นประจำตน

    เดินไปไหนที่ใดก็เจอแต่                                    หุ่นมีแค่กายใจไร้เหตุผล

ถูกควบคุมโดยแฟชั่นจนลืมตน                              ว่าเป็นคนมีจิตใจใช่หุ่นยนต์

 

.....................................................................................

 

12. ศรัญญา - เมืองไทย...ใช่...เมืองหุ่น

ไปรษณีย์ / 30 กรกฎาคม 2551

 

    ทุกวันนี้ศิวิไลเมืองใหญ่นัก                                คนหลงรักความสบายไม่หน่ายหนี

ทันสมัยสะดวกใช้เทคโนโลยี                                 เครื่องจักรดีทุ่นแรงคนผ่อนแรงงาน

    จึงขี้เกียจเดียดฉันท์ทำงานหนัก                        ทั้งผลัดผลักหมักหมมเงินทิงผลาญ

ใช้ฟุ่มเฟือยอยากร่ำซำอีกนาน                                หมั่นทำงานกักเก็บทรัพย์รับปัจจัย

    เมื่อมีคนรวยอำนาจขานมาคิด                          ทั้งพินิจชี้แนวทางวางแผนให้

เราทำงานเขาถึงหลักปักเส้นชัย                              สุขสมใจสั่งไฉนได้ตามปอง

    ยืมจมูกคนอื่นใช้ไว้หายใจ                                 มิรู้ใช่ของตนเองเร่งสนอง

เมื่อต้องการสิ่งใดใคร่สมปอง                                เขาครอบครองจนเคยชินดินว่าดาว

    ให้กินหญ้าเราก็ว่าดีอร่อย                                 เมื่อเขาปล่อยเราได้คิดจิตปวดร้าว

ต้องนั่งนึกตรึกตรองกรองเรื่องราว                          ก่อนเมื่อคราวไม่เคยถามความคิดตน

    เมืองแห่งนี้ศิวิไลเพียงภายนอก                          ทุกคนลอกขาดความคิดทุกแห่งหน

จนปัญญาไร้สมองไม่ร้อนรน                                  ดั่งหุ่นยนต์บ้าใบ้ให้บงการ

    หากกำเนิดเกิดเมืองนี้ขึ้นจริงจริง                       ทุกทุกสิ่งถูกควบคุมทุกสถาน

คนในเมืองศิวิไลตลอดกาล                                   ไม่มีมารพาลคามทุกข์สุขจริงฤๅ

 

.....................................................................................

 

13. วัชรพล - เมืองหุ่น

ไปรษณีย์ / 30 กรกฎาคม 2551

 

    ณ ธานีศรีวิมานสะท้านทิศ                               ทุกชีวิตต่างสังสรรค์สำราญชื่น

เหล่านิกรต่างสุขสันต์ทุกวันคืน                              ภายใต้ผืนแผ่นดินสินทวี

    ประชาชนต่างน้อมนำคำสั่งสอน                       ประหนึ่งพรเลิศล้ำนำสุขศรี

ช่วยชาวราษฎร์พ้นภัยพ้นราคี                                เสริมราศีชาวประชาพาสุขใจ

    ธานีไม่มีผู้นำชาติ                                            เสมือนขาดแกนหลักพิทักษ์ไว้

หากวันนี้มีสงครามคร้ามครั่นใจ                             หากวันใดนคราคราสิ้นลง

    ถึงเวลาที่ทุกแดนทั่วแคว้นขาม                          จักติดตามผู้นำมิล้ำหลง

หากผู้นำยั่งยืนอย่างอาจอง                                   เสมือนคงซึ่งไว้ในธานี

    หากผู้นำเชื่องช้าปัญญาไหว                             จักบรรลัยทั่วเขตแดนในแม้นศรี

หากผู้นำแข็งกระด้างกร่างเป็นดี                            จักอัปรีย์ชั่วชีวาพาสั่นคลอน

    ประชาชนในดินแดนแสนสุขจิต                        ตามความคิดท่านผู้นำคำสั่งสอน

ต่างช่วยเหลือเจือจุนหนุนอาทร                              ประชากรต่างเป็นสุขทุกข์เสื่อมคลาย

    ประชาชนในดินแดนแสนโทมนัส                       ตามความขัดท่านผู้นำจำเมื่อสาย

ต่างขัดแย้งแข่งขันกันประปราย                             สิ่งสุดท้ายคืออดสูมิรู้ตาม

    ผู้นำชาติเปรียบเสมือนผู้นำเชิด                         จักฉายเฉิดชนนานาพาตื่นขาม

หากเชิดผิดพลาดพลั้งพังโครมคราม                      หากเชิดทรามจักวิโยคโศกโศกา

    ผู้นำเชิดที่ดีต้องมีเกร็ด                                     ถือเอาเคล็ดความดีมีมากหนา

เชิดประเทศเชิดชาติเชิดประชา                              เชิดนานาพาสุขสมอารมณ์ปอง

    ประชาชนเปรียบดั่งหุ่นที่ถูกเชิด                       จักประเสริฐจักสุขใจจักเศร้าหมอง

ขึ้นอยู่ที่ผู้นำเชิดที่เรืองรอง                              คอยปกป้องเมืองหุ่นมิวุ่นเอย

 

.....................................................................................

 

14. ชุณห์ - เมืองหุ่น  เมืองไทย

ไปรษณีย์ / 30 กรกฎาคม 2551

 

    แม้นเวลาพาผ่านเนิ่นนานนัก                            เอกลักษณ์นักเชิดหุ่นไม่สูญหาย

ยังคงอยู่คู่ชาวไทยไม่รู้คลาย                                  เป็นเชื้อสายคล้ายสืบสานบรรพชน

    คนโบราณสอนขั้นตอนรักษาหุ่น                        ให้ทุกรุ่นมุ่งขยันหมั่นฝึกฝน

ไม่ให้หุ่นเลือนหายตามกายคน                               สืบทอดจนพ้นถึงปัจจุบัน

    หุ่นเชิดไทยได้มีสี่ประเภท                                 จัดแบ่งเขตเภทตามความสร้างสรรค์

วิธีสร้างต่างตัวก็ต่างกัน                                        แล้วแต่ปั้นฉันใดให้เหมาะที

    หุ่นหลวง นั้นท่านใช้คนเป็นต้นแบบ                   สูงแน่วแนบหนึ่งเมตรประมาณนี่

สายโยงยวงพ่วงตามแขนขามี                               กลอยู่ที่หน้าขยับกับกลอกตา

    หุ่นต่อมาว่า หุ่นเล็ก ใช้เป็นชื่อ                           หุ่นจีนคือมือฉบับตำรับหา

มือสอดเข้าเล่าใช้นิ้วควบกายา                               แต่งโฉมหน้าตางิ้วตามแบบไป

    หุ่นละครเล็ก เล็กแต่ไม่น้อยหน้า                        ที่นาฏยศาลาพาเชิดไว้

ใช้ไม้เสียบเลียบมือสองข้างไป                               จัดคนให้ใช้เชิดเกิดท่าทาง

    หุ่นกระบอก ลอกหัวหุ่นแกะสลัก                       ลำตัวจักให้ไม้ไผ่ใช้เป็นร่าง

เครื่องประดับฉบับโขนมาจับวาง                            ท่วงท่าทางขยับใช้ไม้ที่มือ

    ขอสรรเสริญเยินยอต่อคนคิด                            ใจประดิษฐ์วิจิตรศิลป์เลื่องชื่อ

จากหุ่นไทยเป็นเป็นหุ่นโลกร่ำลือ                            ว่านี่คือฝีมือชื่อชาวไทย

 

.....................................................................................

 

15. ประสิทธิ์ - เรื่องเมืองหุ่น

ไปรษณีย์ / 30 กรกฎาคม 2551

 

    เมืองหุ่นนั้นมันแสนระทมจิต                             สุดจะคิดติดเข้าไปในใจฉัน

หากแม้คิดคงไร้สุขทุกคืนวัน                                  แม้นนอนฝันยังหวั่นในจิตใจ

    เมืองหุ่นนั้นมันแสนพิสดาร                               มหาศาลกว่าเมืองอื่นเป็นไหนไหน

แค่มองผ่านไปนั้นยังอาลัย                                    แสนโศกศัลย์เศร้าใจในอารมณ์

    ทั่วทั้งเมืองไม่มีซึ่งความสุข                               ประชากรมีแต่ทุกข์ไม่สุขสม

มีชีวิตไปวันวันแสนระทม                                      สุดขื่นขมคงล่มจมได้ง่ายดาย

    ทั่วทั้งเมืองอยู่เหมือนคนตายแล้ว                       คงไม่แคล้วแล้วนี้คงจะสาย

ที่จะคิดปรับปรุงไม่ให้ตาย                                  คงจะวายชีวันไม่ทันการณ์

    ทั่วทั้งเมืองมีแต่คนหลอกลวง                            เป็นเหมือนบ่วงลวงใจดังไฟผลาญ

หลอกลวงใจไหม้ดวงจิตให้แหลกลาน                    เหมือนดังมารมารุกรานในดวงใจ

    ทั่วทั้งเมืองสามัคคีไม่มีเลย                               สุดจะเอ่ยไม่มีมิตรที่ชิดใกล้

แม้มองไปในทิศหนทางใด                                    ก็ยากไร้ขาดเยื้อใยมิตรไมตรี

    ที่ได้กล่าวไปนี้ไม่มีสุข                                       มีแต่ทุกข์รุกร้อนหม่นหมองศรี

ประชาชนก่นด่าว่าไม่ดี                                         ปฐพีหาความดีไม่มีเลย

    จึงอยากขอพี่น้องชนชาวไทย                             อยู่แห่งหนตำบลใดอย่าเมินเฉย

ขออย่าให้ไทยทุกคนอย่าละเลย                             ไม่อยากเชยเห็นภาพเมืองหุ่นไทย

 

.....................................................................................

 

16. ธนอรรถ - เมืองหุ่น

ไปรษณีย์ / 30 กรกฎาคม 2551

 

    ชีวิตคนเรานั้นหนึ่งชีวิต                                    มีความคิดมากมายแสนสุขสันต์

ชื่นอุราเบิกบานเต็มชีวัน                                        มีแสงแห่งความหวังคอยค้ำจุน

    คนเราหากไม่หลงเดินทางผิด                            จุดความคิดแต่เรื่องดีที่เกื้อหนุน

หากคิดดีไม่ได้ไกลจนมุม                                      อาจซุกซุนหลบซ่อนตลอดเลย

    คนลุ่มหลงมัวเมาสิ่งเสพติด                             เปรียบเสมือนคนสิ้นคิดจิตนิ่งเฉย

จนตนเองดุจดั่งหุ่นเสียจนเคย                               เซ่นสังเวยชีพใกล้ลับในฉับพลัน

    ยิ่งคนเราเสพยากันจำนวนมาก                          ก็เหมือนซากทิ้งจิตคิดหุนหัน

ปล่อยให้เขาเข้าบงการทั้งชีวัน                               เหมือนหุ่นปั้นที่เขาปั่นชักนำพา

    ถ้าคนเรามีจิตใจมั่นคงยิ่ง                                 มิยอมให้สิ่งชั่วร้ายเข้ามาหา

ดำรงตนให้หนักแน่นแม้นศิลา                               ใครชักพาไม่ทำตนหล่นลงไป

    ชีวิตเราเหล่าทุกคนมีทางเดิน                            มีขาดเกินในชีวิตย่อมคิดได้

ไม่เป็นหุ่นให้เขาเชิดอย่างเพลิดใจ                          ถึงเป็นหุ่นก็ชักใยด้วยตนเอง

.....................................................................................

 

17. กวีหลังห้อง - หุ่นขยับ

อีเมล์ / 20 กรกฎาคม 2551

 

    หลากหลายบ้านชานเมืองเลื่องลือชื่อ                 แสนระบือกระพือพัดผ่านทุกแคว้น

แสนอุดมชมแมกไม้ไม่ขาดแคลน                           นั่งบนแท่นแก่นหินถิ่นพงไพร

    ปัจจุบันผันเปลี่ยนไม่เลียนแบบ                       หทัยแสบแปลบแปลบแทบกระษัย

วิลาวัณย์ที่สรรสร้างพลางเลือนไป                          ดุจจุดไฟไปเผาเร่าร้อนทรวง

    อมนุษย์สุดป่วนเพียงส่วนน้อย                          แต่เฝ้าคอยปล่อยเรื่องร้ายอยู่หลายช่วง

มนุษย์ดีที่ทำถูกถูกล่อลวง                                     มิอาจถ่วงทวงสิทธิ์ปิดราคี

    แลเห็นใจสกปรกรกกิเลศ                                  เป็นอาเพศเจตร้ายไร้สุขี

มองคนเพียงเพี้ยงหุ่นจิตไม่มี                                 ทำป่นปี้ไม่สนใจว่าใครมอง

    ขอเพียงหุ่นหมุนขยับจับอาวุธ                           ขอรีบรุดสุดใจไปทั้งผอง

ขอสักครั้งไม่รั้งรอเร่งยึดครอง                                ขอจับจองจ้องจับปรับปรุงเมือง

    ให้คนชั่วตัวมลายสลายสิ้น                               ให้แผ่นดินถิ่นนี้กลับลือเลื่อง

ให้นภาพาแสงทองส่องแรงเรือง                             ให้นองเนืองเรื่องปิติผลิอีกครา ฯ

 

.....................................................................................

 

18. FrenchHorn - บ้างเหมือนหุ่น

อีเมล์ / 21 กรกฎาคม 2551

 

    บ้าง...เคลื่อนที่เคลื่อนหน้าหาปลายหน              บ้างทุกข์ทนปนน้ำตาล้าใจหลาย

บ้างว้าวุ่นหาที่เพื่อหนีตาย                                 บ้างถูกแทงแฝงทำร้ายหมดกำลัง

    บ้างโดนเผาหากร่างยังยืนนิ่ง                            บ้างดวงตาไม่ไหวติงทิ้งความหลัง

บ้างกัดกร่อนสึกหรอรอผุพัง                                   บ้างย่อมถูกกักขังอยู่วังวน

    เหมือน...ความเย็นปกคลุมไปจนทั่ว                   เหมือนกระจกพร่ามัวทุกแห่งหน

เหมือนเป็นความอัดอั้นอันทุรน                              เหมือนทุกคนด้นดั้นมองสิ่งนั้น

    เหมือนทุกสิ่งนิ่งหยุดอยู่กับที่                             เหมือนทุกอย่างรอรีมีความฝัน

เหมือนเรื่องราวเกิดขึ้นอย่างเร็วพลัน                       เหมือนสำคัญกว่าเรื่องใดในสังคม

    หุ่น...บ้างคล้ายเครื่องยนต์คนขับเคลื่อน               หุ่นบ้างเหมือนฐานย่ำก่อน “มัน” ล่ม

หุ่นบ้างคล้ายเลือนรางกลางสายลม                       หุ่นบ้างเหมือนหลงคารมผู้ลุกลาม

    หุ่นคือหุ่นใช่หุ่นเอ่ยความยาก                            หุ่นคือหุ่นแม้ถูกลากกระชากถาม

หุ่นคือหุ่นที่เชิดโดยคนทราม                                  หุ่นคือหุ่น “รุ่นมั่วกาม” ตามใจ “มัน!”

 

.....................................................................................

 

19. กวีหลังห้อง - รอยด่างเพียงน้อย

อีเมล์ / 21 กรกฎาคม 2551

 

    ล้านผู้คนวกวนในไพรมืดมิด                             ล้านดวงจิตคิดสับสนเล่ห์กลชั่ว

ล้านประชามิลาขาดความหวาดกลัว                      ล้านสิ่งยั่วเย้ายวนชวนพบพา

    หนึ่งแสงสีที่ไสวในเมืองหลวง                                       สองคำลวงลวงให้ใจใฝ่หา

สามตึกรามกระจายคล้ายเห็ดรา                            เพราะโลกาก้าวหน้าพาเปลี่ยนแปลง

    หุ่นตัวน้อยร้อยดวงจิตคิดแก้ไข                          ไม่รับใช้ใครที่ชั่วมัวแอบแฝง

บ้างปกครองนองน้ำตาน่าเคลือบแคลง                   บ้างกลั่นแกล้งแทงข้างหลังฝังคนดี

    แสงสว่างจางไปไม่อาจเห็น                               คนลำเค็ญเข็ญใจไม่อาจหนี

อันทรัพย์สินเงินทองไม่อาจมี                                 แต่ยอมพลีชีวารักษาแดน

    ในธานีคนชั่วนี้มีเพียงน้อย                                แต่กลับคอยค่อยกัดกินถิ่นหวงแหน

แทะทำลายคนเหมือนหุ่นพรุนทั้งแกน                     เศร้าสุดแสนแดนนี้ที่ต่ำลง

    รวมความคิดสร้างจิตใจให้แข็งแกร่ง                  ให้มีแรงแข่งขันหั่นเป็นผง

แม้นเป็นหุ่นก็เป็นเหล็กที่แข็งตรง                           รักษ์เผ่าพงศ์ดำรงอยู่คู่เมืองเอยฯ

 

.....................................................................................

 

20. กวีหลังห้อง - หุ่นเชิด

อีเมล์ / 21 กรกฎาคม 2551

 

    อันธานีนี้ไซร้ไม่ก้าวหน้า                                   ผ่านเวลามากน้อยปล่อยทิ้งขว้าง

แล้วความหวังผู้คนคงเลือนราง                             ไร้เส้นทางสร้างสุขดับทุกข์ภัย

    เป็นเพียงหุ่นไม่เคลื่อนไหวให้เขาเชิด                  ไม่ยอมเปิดเผยความจริงสิ่งสงสัย

ที่ปกครองผองชนเพื่อผู้ใด                                     เหมือนหทัยถูกเชิดอยู่คงรู้ตัว

    หากอยากเป็นผู้นำที่ล้ำเลิศ                               สุขบังเกิดแทนทุกข์ที่สลัว

ต้องยึดมั่นพลันจิตไม่คิดกลัว                                ไม่เมามัวปฏิบัติขัดศรัทธา

    อย่าลุ่มหลงดีใจได้รับเลือก                              เพียงเพราะเปลือกเลือกสรรนั้นงามหนา

คำสัญญาว่าไว้ให้ประชา                                      ผิดวาจานภามองจ้องลงทัณฑ์

    หากแม้นจะฉลาดแสนปราดเปรื่อง                    แต่บ้านเมืองรักคนดีที่สร้างสรรค์

คุณธรรมนำความรู้ควบคู่กัน                                 หลักสำคัญประกันสุขเพื่อสังคม

    นคราประชาเล่าเป็นเจ้าของ                              เฝ้าปกป้องสอดส่องไว้ให้สวยสม

ให้รุ่นหลานยาวนานได้เชยชม                                ดุจฝนพรมเย็นฉ่ำสำราญใจฯ

 

.....................................................................................




กลอนสุภาพ 2551

กลอนสุภาพ “ทางออก” สิงหาคม 2551 สำนวนที่ 21-33
กลอนสุภาพ “ทางออก” สิงหาคม 2551 สำนวนที่ 1-20
กลอนสุภาพ “เมืองหุ่น” กรกฎาคม 2551 สำนวนที่ 21-35
กลอนสุภาพ “ลมปาก” มิถุนายน 2551 สำนวนที่ 21-33 article
กลอนสุภาพ “ลมปาก” มิถุนายน 2551 สำนวนที่ 1-20



bulletผลร้อยกรองออนไลน์ 2558
dot
ประกวดร้อยกรองออนไลน์ครั้งที่ 7
dot
bulletข้อมูลการประกวดครั้งที่ 7, 2557
bulletผังร้อยกรอง
bulletอ่านโคลงประกวด 2557
bulletอ่านกลอนประกวด 2557
bulletอ่านกาพย์ยานีประกวด 2557
bulletผลการประกวดร้อยกรอง ปี 2557
dot
ข่าวสาร ข้อมูลสมาคม
dot
bulletกรรมการสมาคมสมัยที่ ๑๕-๑๖
bulletนายกสมาคมสมัยที่ ๑๗
bulletติดต่อนายกสมาคมนักกลอน
bulletติดต่อฝ่ายดูแลส่วนต่างๆ
bulletสมัครสมาชิกสมาคมนักกลอน
bulletนักกลอนตัวอย่าง ๒๕๕๓
dot
หัวข้อน่าสนใจ
dot
bulletรวมลิ้งค์เว็บไซต์น่าสนใจ
bulletส่งบทสักวา น.ส.พ. สยามรัฐ
bulletวารสารวิทยาจารย์ รับต้นฉบับ
bulletส่งข้อเขียนครูในดวงใจ
dot
แนะนำหนังสือ
dot
bulletหน้ารวมหนังสือ
bulletคู่มือเรียนเขียนกลอน
bulletกาสรคำฉันท์ - สมคิด สิงสง
bulletหนังสือสุรินทร์สโมสร
bulletฝากโลกนี้ไว้ในหัวใจเธอ - กอนกูย
bulletเลือน - อติภพ
bulletธาร ธรรมโฆษณ์
bulletนายทิวา
bulletกลอนเกียรติยศ
bulletอ้อมกอดแห่งท้องทุ่ง
bulletทองแถม นาถจำนง
bulletพงศาวดารพิภพ
bulletโป๊ยเซียน คะนองฤทธิ์
dot
โครงการประกวดต่างๆ
dot
bulletนายอินทร์อะวอร์ด ๒๕๕๖
bulletประกวดรางวัลซีไรท์ปี ๒๕๕๖
bulletรางวัลพานแว่นฟ้า ปี ๒๕๕๖
bulletรางวัลวรรณกรรมรามคำแหง ๒๕๕๖
dot
ผลตัดสินรางวัลต่างๆ
dot
bulletรางวัลศรีบูรพา ๒๕๕๖
bulletผลรางวัลซีไรต์ ๒๕๕๗
bulletผลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ๒๕๕๗
bulletผลรางวัลแว่นแก้ว ๗ (๒๕๕๓)
bulletผลกลอนวิถีคนกับควาย
bulletผลร้อยกรอง “ผมจะเป็นคนดี”
bulletรางวัลนราธิป ๒๕๕๓
bulletนักเขียนอมตะ คนที่ ๖ (๒๕๕๕)
bulletนักเขียนรางวัลศรีบูรพา ๒๕๕๖
bulletศิลปินมรดกอีสาน ๒๕๕๔
bulletผลรางวัลพานแว่นฟ้า ๒๕๕๕
bulletผลรางวัลรามคำแหง ๒๕๕๖
bulletศิลปินแห่งชาติ ๒๕๕๕
bulletผลประกวดหนังสือ ชีวิตใหม่ 2
dot
ข่าวคราวของลมหายใจ
dot
dot
Weblink
dot
bulletอ่านกลอนประกวด 2556

หนังสือพิมพ์ คมชัดลึก
สมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย
ศูนย์ให้คำปรึกษาปัญหาภาษาไทย มศว
เว็บรวมกระทู้ อาศรมชาวโคลง ใน pantip.com
หนังสืออีศาน


Copyright © 2010 All Rights Reserved.
ติดต่อ นายกสมาคมนักกลอนแห่งประเทศไทย ทองแถม นาถจำนง
โทรศัพท์ ๐๘๙-๑๒๓๔๗๕๔ อีเมล์ tongtham.n@hotmail.com

สำนักพิมพ์แม่โพสพ