สุนทรภู่ แต่งพระอภัยมณี ต่อต้านสงครามล่าเมืองขึ้น
คอลัมน์ สุวรรณภูมิ สังคมวัฒนธรรม
บทบรรยายพิเศษในโครงการศิลปะไร้กำแพง No Wall : Art and Friendship
พระอภัยมณีเป็นวรรณคดีการเมืองต่อต้านสงครามล่าเมืองขึ้น แต่ใช้กลวิธีแต่งเป็นนิทานกลอนเคลือบไว้อย่างสนิทจนคนอ่านไม่ทันคิดหรือคิดไม่ทัน
สุนทรภู่ไม่ได้เขียนบอกว่าลงมือแต่งพระอภัยมณีเมื่อไร แต่นักเลงวรรณคดีรุ่นก่อนๆ เห็นพ้องต้องกันว่าน่าจะเริ่มแต่งตอนบวชเป็นพระอยู่วัดเทพธิดาราม ราว พ.ศ.2376 (ในแผ่นดินรัชกาลที่ 3) ขณะนั้นสุนทรภู่มีอายุราว 47 ปี (บวชเมื่ออายุ 38 ปี)
ก่อนหน้านั้นอังกฤษสั่งกองทัพยึดเมืองหงสาวดี เมื่อ พ.ศ.2368 (รุ่งขึ้น พ.ศ.2369 กองทัพจากกรุงเทพฯไปเผาเวียงจัน) พม่ายอมสงบศึก เสียดินแดนด้านยะไข่ลงมาถึงดินแดนตอนล่างด้านตะนาวศรีทั้งหมด ปัจจุบันตั้งแต่ราวจังหวัดตากถึงจังหวัดระนอง
อังกฤษยึดครองอินเดียตั้งแต่ยุคกรุงศรีอยุธยา แล้วยึดครองลังกาเป็นอาณานิคม ตั้งแต่ พ.ศ.2338 ในแผ่นดินรัชกาลที่ 1 ขณะนั้นสุนทรภู่อายุ 9 ขวบ (เกิด พ.ศ.2329)
พฤติกรรมล่าเมืองขึ้นของอังกฤษด้วยการสงครามล้างผลาญอย่างรุนแรง ย่อมเป็นที่รับรู้ในหมู่คนชั้นนำของกรุงสยามตั้งแต่แรกสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ จนถึงแผ่นดินรัชกาลที่ 3 สุนทรภู่ซึ่งเป็นปราชญ์ราชสำนักในรัชกาลที่ 2 มาก่อนก็ย่อมรู้อยู่แก่ใจ เลยจินตนาการสร้างเป็นนิทานกลอนขึ้นมาชื่อพระอภัยมณี ใช้ปี่เป็นสัญลักษณ์ของวิชาความรู้ให้แก้ปัญหาด้วยปัญญา ด้วยสันติภาพ ในลักษณะเดียวกับคำขวัญของคนรุ่นต่อต้านสงครามเวียดนามว่า make love, not war
ผู้ร้ายในพระอภัยมณีคือโจรสุหรั่ง สุนทรภู่ระบุให้เป็นอังกฤษ มีรายละเอียดเคยเขียนไว้ในหนังสือ สุนทรภู่เกิดวังหลัง ผู้ดีบางกอก มหากวีกระฎุมพี มีวิชาความรู้เท่าทันโลก ของ สุจิตต์ วงษ์เทศ (มติชน พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ.2547) จะสรุปยกมาดังต่อไปนี้
เมืองลังกาก็คือศรีลังกาของอังกฤษ
นอกจากพระอภัยมณีกับศรีสุวรรณแล้ว กลุ่มตัวละครสำคัญในเรื่องพระอภัยมณีก็คืออุศเรนกับนางละเวงวันฬาแห่งเมืองลังกา
เมืองลังกาในเรื่องพระอภัยมณีคือเกาะลังกาหรือประเทศศรีลังกาทุกวันนี้ และตรงกับกรุงลงกาของทศกัณฐ์ในเรื่องรามเกียรติ์ ฉะนั้น ชาวลังกาจึงนับถือยักษ์เป็นบรรพบุรุษ ทุกวันนี้ยังมีศาลทศกัณฐ์กับศาลพิเภก
ต่อมาลังกาตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษ ทำให้สุนทรภู่วางตัวละครในลังกาเป็น "ฝรั่ง" ชาวยุโรป มีกษัตริย์เป็นผู้หญิงเหมือนพระราชินีวิคตอเรียของอังกฤษ
เมืองผลึกคือถลาง-ภูเก็ต
เมืองผลึกเป็นเมืองสำคัญ "คู่รัก-คู่แค้น-คู่สงคราม" กับเมืองลังกาตลอดเรื่องพระอภัยมณี หรือกล่าวอีกอย่างหนึ่งว่า เรื่องพระอภัยมณีก็คือกรณีพิพาทระหว่างเมืองผลึกกับเมืองลังกา ซึ่งอยู่ตรงข้ามกันทางทะเล ดังมีบอกไว้ตอนฝ่ายลังกาจะยกกองทัพข้ามฟากไปตีเมืองผลึก
ในทางกลับกันเมื่อนางสุวรรณมาลีมีใบบอกเมืองรมจักรกับเมืองการะเวกซึ่งอยู่ในละแวกเดียวกัน ให้ยกกองทัพไปลังกาก็ระบุว่า "ให้รีบตามข้ามฝั่งไปลังกา" แล้วใช้เวลา "นับสิบห้าราตรีไม่มีหยุด ก็ถึงฟากฝั่งลังกาท่าสงคราม" ตรงกับที่ฝ่ายลังกาบอกไว้
ฝั่งตรงข้ามลังกาโดยประมาณก็คือ บริเวณที่ทุกวันนี้เป็นเกาะภูเก็ต แต่ในสมัยสุนทรภู่ยังเรียก "เมืองถลาง"
สุนทรภู่ ต่อต้านอังกฤษ
อังกฤษขยายอิทธิพลเข้ามาในแหลมมลายูแล้วตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 เริ่มด้วยการเช่าเกาะหมาก (ปีนัง) แล้วพยายามขยายไปที่อื่นๆ อีก ล้วนเป็นอันตรายต่อกรุงสยามทั้งนั้น
จากรายงานของครอว์ฟอร์ดที่เข้ามาถึงกรุงเทพฯในสมัยรัชกาลที่ 2 ระบุว่า "ดีบุกในกรุงสยามอุดมสมบูรณ์และมีกระจายอยู่ทั่วไปมากกว่าที่อื่นใดในโลก" แล้วย้ำว่าการผลิตดีบุกที่ "จึ๊งค์ซีลอน" (หมายถึงเมืองถลางหรือเกาะภูเก็ต) มีปริมาณมากทีเดียว แต่ยังไม่ได้ทำเป็นล่ำเป็นสันเท่านั้น สะท้อนให้เห็นความต้องการบางอย่างของอังกฤษด้วย
ฝ่ายกรุงเทพฯเองก็พยายามที่จะเข้าไปควบคุมหัวเมืองชายทะเลฝั่งตะวันตกมาตั้งแต่สมัยต้นๆ แล้ว ยิ่งเมื่อรู้ว่าตลาดดีบุกเปิดกว้างขึ้น ประกอบกับมีความขัดแย้งภายในเกิดขึ้นที่หัวเมืองปักษ์ใต้ ทำให้รัชกาลที่ 2 ทรงตั้งเมืองถลางขึ้นใหม่อยู่ที่เมืองพังงาก่อน แล้วภายหลังจึงย้ายไปอยู่เมืองถลาง นับแต่นั้นมาเมืองถลางก็ทวีความสำคัญจนกระทั่งเป็นเมืองภูเก็ต
บรรยากาศด้านการค้ากับการเมืองเหล่านี้คงมิได้รอดพ้นความรับรู้ของสุนทรภู่ไปได้ ท่านจึงสร้าง "นิยาย" นานาชาติขึ้นมา โดยใช้ทะเลอันดามันและมหาสมุทรอินเดียเป็นฉากในเรื่องพระอภัยมณี และเป็นที่รู้อยู่ทั่วกันว่าทะเลแถบนี้มีโจรสลัดชุกชุม สุนทรภู่ก็ไม่ละทิ้งความจริงข้อนี้ จึงให้สลัดกลุ่มหนึ่งเป็นพวกยุโรปมีชาติอังกฤษเป็นหัวหน้า เมื่อเรือสุวรรณมาลีแตกก็พบเรือสลัดโจรสุหรั่งอังกฤษดังนี้
จะกล่าวฝ่ายนายโจรใจฉกาจ เป็นเชื้อชาติอังกฤษริษยา
คุมสลัดอัศตันวิลันดา เป็นโจราห้าหมื่นพื้นทมิฬ
มีกำปั่นนั้นยาวยี่สิบเส้น กระทำเป็นตึกกว้านสถานถิ่น
หมากมะพร้าวส้มสูกปลูกไว้กิน ไม่รู้สิ้นเอมโอชโภชนา
การที่สุนทรภู่ให้หัวหน้าโจรสลัดเป็นชาติอังกฤษ น่าจะเกี่ยวข้องกับสำนึกของคนกลุ่มหนึ่งในยุคนั้นที่รู้ว่าอังกฤษเป็น "โจร" ล่าอาณานิคม
ความ "ทันสมัย" ของสุนทรภู่ที่แต่งเรื่องพระอภัยมณี โดยเอาความเคลื่อนไหวทาง "เศรษฐกิจ-การเมือง" ร่วมสมัยมาสอดแทรกใส่เป็นสัญลักษณ์ไว้ จึงทำให้เป็นที่นิยมอย่างยิ่งของ "ปัญญาชน" คนอ่านสมัยนั้น
กลวิธี make love, not war ในพระอภัยมณีของสุนทรภู่
คอลัมน์ สยามประเทศไทย
โดย สุจิตต์ วงษ์เทศ
เมื่อพบนางละเวงครั้งแรกในสนามรบนอกกรุงลงกา พระอภัยมณีก็หลงนางละเวง แล้วมีวาจาดังสุนทรภู่แต่งว่า
พระน้องหรือชื่อละเวงวัณฬาราช อย่าหวั่นหวาดวิญญาณ์มารศรี
จงหยุดยั้งรั้งราจะพาที ไม่ฆ่าตีศรีสวัสดิ์เป็นสัจจา
พี่จงจิตติดตามข้ามสมุทร มาด้วยสุดแสนสวาทปรารถนา
จะถมชลจนกระทั่งถึงลังกา เป็นสุธาแผ่นเดียวเจียวจริงจริง
จงแจ้งความตามในน้ำใจพี่ ไม่ราคีเคืองข้องแม่น้องหญิง
อย่าเคลือบแคลงแหนงจิตคิดประวิง สมรมิ่งแม่วัณฬาจงปรานี
รักแรกของพระอภัยมณี ทำให้ต้องเป่าปี่ชี้ชวน make love, not war ดังนี้
ต้อยตะริดติดตี๋เจ้าพี่เอ๋ย จะละเลยเร่ร่อนไปนอนไหน
แอ้อีอ่อยสร้อยฟ้าสุมาลัย แม้นเด็ดได้แล้วไม่ร้างให้ห่างเชย
ฉุยฉายชื่นรื่นรวยระทวยทอด จะกล่อมกอดกว่าจะหลับกับเขนย
หนาวน้ำค้างพร่างพรมลมรำเพย ใครจะเชยโฉมน้องประคองนวล
เสนาะดังวังเวงเป็นเพลงพลอด เสียงฉอดฉอดชดช้อยละห้อยหวน
วิเวกแว่วแจ้วในใจรัญจวน เป็นความชวนประโลมโฉมวัณฬา
ต่อจากนี้เป็นเหตุให้พระอภัยมณีออดอ้อนขอความรักจากนางละเวงวัณฬา ดังกลอนสุนทรภู่ตอนที่รู้กันกว้างขวางว่า
ถึงม้วยดินสิ้นฟ้ามหาสมุทร ไม่สิ้นสุดความรักสมัครสมาน
แม้เกิดในใต้ฟ้าสุธาธาร ขอพบพานพิศวาสไม่คลาดคลา
แม้เนื้อเย็นเป็นห้วงมหรณพ พี่ขอพบศรีสวัสดิ์เป็นมัจฉา
แม่เป็นบัวตัวพี่เป็นภุมรา เชยผกาโกสุมปทุมทอง
เจ้าเป็นถ้ำอำไพขอให้พี่ เป็นราชสีห์สิงสู่เป็นคู่สอง
จะติดตามทรามสงวนนวลละออง เป็นคู่ครองพิศวาสทุกชาติไป
ท้ายที่สุดบรรลุวัตถุประสงค์ make love, not war เมื่อพระอภัยมณีลวงนางละเวงวัณฬาสำเร็จ จนมีเพศสัมพันธ์เสพสมเป็นบทอัศจรรย์ว่า
พลางโอบอุ้มจุมพิตสนิทถนอม งามละม่อมละมุนจิตพิสมัย
ร่วมภิรมย์สมสองทำนองใน แผ่นดินไหวจนกระทั่งหลังอานนต์
ในนทีตีคลื่นเสียงครื้นคึก ลั่นพิลึกโลกาโกลาหล
หีบดนตรีปี่พาทย์ระนาดกล ไม่มีคนไขดังเสียงวังเวง
อัศจรรย์ลั่นดังระฆังฆ้อง เสียงกึกก้องเก่งก่างโหง่งหง่างเหง่ง
ปืนประจำกำปั่นก็ลั่นเอง เสียงครื้นเครงครึกโครมโพยมบน
สุนีบาตฟาดเสียงเปรี้ยงเปรี้ยงเปรื่อง กระดอนกระเดื่องดินฟ้าเป็นห่าฝน
ทุกธารถ้ำน้ำพุทะลุล้น ท่วมถนนแนวฝั่งเกาะลังกา
สองสนิทชิดชมอารมณ์ชื่น ระเริงรื่นเริ่มแรกแปลกภาษา
พระลืมองค์พงศ์พันธุ์สวรรยา นางลืมวังลังกาไม่อาลัย
พระหลงรื่นชื่นกลิ่นดินถนัน นางหลงชั้นเชิงชิดพิสมัย
แต่คลึงเคล้าเย้ายวนรัญจวนใจ จนระงับหลับไปในไสยา ฯ
นสพ.มติชนรายวัน หน้า 20 ฉบับวันที่ 22 สิงหาคม 2551