ReadyPlanet.com
dot dot
บทสัมภาษณ์ กวีรากหญ้า
หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ 5 เมษายน 2552
 
"กรรมกรชาวนาเขาตื่นขึ้นแล้ว ที่พวกมึงเคยปลุกระดมเขา เขาตื่นแล้วตอนนี้ แต่พวกมึงยังไม่ตื่น มึงยังลังเล ยังสองไม่อยู่ คนทั่วภาคอีสาน 16 จังหวัดตื่นแล้ว แท็กซี่หาเช้ากินค่ำรู้การเมืองยิ่งกว่าคุณอีก อย่าผยองว่ารู้มากกว่าเขา นี่คือสิ่งที่เราต้องการ เราคิดมาตั้ง 30 ปีแล้ว คุณไม่ดีใจหรือ ผมดีใจฉิบหายเลย
 
"ผมไม่ว่าใครสีเหลือง-สีแดง ผมไม่ยุ่งเกี่ยวด้วย แต่อย่ามาก้าวก่ายผมเช่นกัน เคารพความคิดกัน ไม่ว่ากันมีอะไรนั่งคุยกันได้ ไม่เป็นศัตรู คิดต่างกันได้เพื่อน ข้อมูลต่างกันมาแลกเปลี่ยนกัน โอเค ผมไม่โกรธใครสีเหลือง-สีแดงไม่ว่ากัน แต่เพื่อนคือเพื่อน ความเป็นเพื่อนมันยืนยาวกว่าสีเหลือง-สีแดง
 
"เหลือง-แดงมันเป็นแค่ดวงตะวันที่ตกองศาต่างกันเท่านั้นเอง บางมุมมันก็เห็นสีเหลือง บางมุมเป็นสีแดง อย่าติดยึดตรงนั้น ขอเพียงว่าหัวใจคุณยังไง ถ้าหัวใจโอเค ในที่สุดมันคุยกันได้"
 
......................................................................................................
 
"...ระบบสังคมการเมือง เศรษฐกิจ โดยเฉพาะการเมืองในภาคของการเลือกตั้ง ยังมีข้อบกพร่องอยู่ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการใช้อำนาจเงิน หรือการหาผลประโยชน์จากตำแหน่งทางการเมือง แต่นั่นเป็นปัญหาทางการเมืองที่ต้องแก้ด้วยกระบวนการทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ประชาชนมิได้โง่เขลา
 
"ที่แน่ๆ การอ้างเรื่องข้อบกพร่องของนักการเมือง อ้างสถาบันเบื้องสูงแล้วลงมือทำรัฐประหารนั้น เป็นการ "มั่ว" ไม่เป็นเหตุเป็นผล แล้วก็สวมรอยหาประโยชน์ส่วนตน เช่น สวมรอยเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นผู้บัญชาการทหารบก เป็นรัฐมนตรี เป็น ส.ว.แต่งตั้ง เป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจ ฯลฯ เป็นได้ง่ายๆ โดยทางลัดโดยอาศัยอำนาจเผด็จการ โดยวิถีทางไม่เป็นประชาธิปไตย และโดยช่องทางที่ประชาชนไม่อนุมัติ
 
"พวกเรา กลุ่มเพื่อนนักเขียน กวี ที่รักประชาธิปไตย และเครือข่ายเดือนตุลา เห็นว่าเราจะต้องหยุดความเคยชินมักง่าย "มั่ว" ในทางการเมืองให้จบสิ้นไปในรุ่นอายุของเรา มิให้เป็นภาระแก่คนรุ่นลูกรุ่นหลาน ต้องมาลำบากตรากตรำ ต้องมากรำแดดกรำฝนอย่างที่พี่น้องเสื้อแดงประสบอยู่ จะต้องไม่มีการรัฐประหาร ต้องไม่มีการฉีกรัฐธรรมนูญอีก ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆ ปัญหาทางการเมืองต้องแก้ด้วยกระบวนการทางการเมืองที่ประชาชนเป็นผู้กำหนด
 
"หลักแห่งสิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาค อันเป็นหัวใจของระบอบประชาธิปไตยจะต้องได้รับการส่งเสริมสนับสนุน ประเพณีและกฎหมายล้าหลังใดๆ ที่ขัดกับหลักการประชาธิปไตยนี้จักต้องได้รับการแก้ไข
 
"และที่สำคัญ เราต้องปกป้องพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงเห็นพร้อมกับคณะราษฎรเมื่อปี 2475 ในอันที่จะส่งเสริมระบอบประชาธิปไตย ให้อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทยอย่างแท้จริง และยังทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์ปลอดพ้นจากการตกเป็นเป้าทางการเมือง พ้นจากความเคร่งเครียดทางการเมือง ดำรงสถานะมั่นคงเป็นศูนย์รวมจิตใจของชนทุกชั้น ดังเช่นสถาบันเบื้องสูงในนานาอารยประเทศ มิใช่ถูกผูกขาดอยู่ในเงื้อมเงาของเหล่าอำมาตย์
 
"ประวัติศาสตร์การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยตั้งแต่ 14 ตุลาคม 2516 ต่อมาคือ 6 ตุลาคม 2519 และการต่อสู้ในอีกหลายยุคหลายครั้ง วีรชนได้สละชีพและเลือดเนื้อเพื่อสถาปนาระบอบประชาธิปไตยให้เป็นจริง เราขอสนับสนุนการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยโดยสันติของมวลชนเสื้อแดงทั้งในกรุงเทพฯ และทั่วประเทศ เราขอประณามแผนการใดๆ ที่จะทำลายการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของประชาชน โดยแผนการลับ ลวง พราง นองเลือด หรือการฉวยโอกาสทำรัฐประหารซ้ำซาก
 
"ขอสดุดีจิตใจกล้าต่อสู้ กล้าเสียสละ ของพี่น้องมวลชนเสื้อแดง และขอให้การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์ได้จบสิ้นลงในช่วงอายุของเรา ไม่เป็นภาระแก่ลูกหลานในอนาคต"
 
 
นั่นคือ แถลงการณ์ของกลุ่มนักเขียน กวี เพื่อประชาธิปไตย และเครือข่ายเดือนตุลา ที่ขึ้นอ่านบนเวทีม็อบเสื้อแดง โดยมีผู้ลงนามทั้งคนรุ่นใหญ่รุ่นเก่ารุ่นใหม่ ได้แก่ คำสิงห์ ศรีนอก (ลาว คำหอม) ศิลปินแห่งชาติ, วัฒน์ วรรลยางกูร นักเขียนศรีบูรพา 2550, ยงค์ ยโสธร, อุดร ทองน้อย, ไพบูลย์ วงศ์เทศ, ทองธัช เทพารักษ์, หรินทร์ ศุขวัจน์, วัฒนา ศุขวัจน์, ไม้หนึ่ง ก.กุนที, จักษณ์ จันทร, วรพจน์ พันธ์พงศ์, ภูมิชาย คชมิตร, ศานติ์ เพียงใจ, เพียงคำ ประดับความ, ผาดไหม, พิทักษ์ ปิยะชน, ชัยวัฒน์ ลิ้มเศรษฐานุวัฒน์, โศลกดี อนันตพงษ์, เจริญ กุลสุวรรณ, โฮโมอีเลคตัส และเครือข่ายเดือนตุลา ได้แก่ ทองขาว ทวีปรังษีนุกูล, ณัฐ (เอนก) พัฒนวัตร, วิภา ดาวมณี
 
 
เผด็จการ-เผด็จอำนาจ
 
วัฒน์บอกว่า เขาไม่คิดว่าจะมีความหมายอะไรมาก เป็นแค่การแสดงตัวเพื่อให้กำลังใจประชาชนคนรากหญ้า ที่ลุกขึ้นมาเรียกร้องประชาธิปไตยที่แท้จริง
 
"เพราะผมมองเห็นว่าคนรากหญ้าได้ตื่นตัวขึ้นมาแล้ว นี่คือความฝันของเราตั้งแต่ 14 ตุลา ที่เราเข้าไปประสานกรรมกรชาวนา เราอยากเห็นกรรมกรชาวนาตื่นตัวขึ้นมา ผลักดันประชาธิปไตยตามที่เขาต้องการ ซึ่ง พ.ศ.นี้เราพบว่าเราถึงจุดหมายที่เราต้องการแล้ว
 
"เรานักเขียน กวี ก็เป็นแค่เข้ามาช่วยเสริมนิดหน่อย ไม่มีความหมายมากมายอะไรหรอก ผมคิดอย่างนี้นะ เป็นความสุขของเราที่ได้เห็นประชาชนตื่นตัวขึ้นมา สมัยก่อนเราเป็นคนที่กินยาแทนคนไข้ แต่ตอนนี้คนที่ป่วยไข้เขาขึ้นมากินยาเองแล้วเรามีความสุข เราก็เลยขึ้นมาแสดงตัวเพื่อให้กำลังใจเขานิดหน่อย ไม่มีความหมายอะไรมากในความรู้สึกของผม"
 
แต่พอเข้าไปสนับสนุนอย่างนี้ ก็จะโดนข้อหาเป็นพวกทักษิณ
 
"เราไม่กลัว เราคิดไว้แล้ว กลัวก็อย่าสู้ สู้ก็อย่ากลัว ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ไม่กลัวครับ บอกคำเดียวว่าไม่กลัว เรารู้ว่าเราคิดอะไร สิ่งที่เราคิดคือประชาชน เมื่อใดก็ตามที่ประชาชนตื่นตัวคือความฝันสูงสุดของเรา ไม่ว่าจะเป็นอะไรเราก็ไม่สนใจแล้ว"
 
วัฒน์บอกว่าเขามองทักษิณตามความเป็นจริง
 
"ทักษิณก็เป็นเงื่อนไขหนึ่งที่ทำให้ประชาชนตื่นตัวขึ้นมา ทักษิณไม่ได้เลว 100% ไม่ได้ดี 100% เป็นมนุษย์คนหนึ่งมีดีมีเลว แต่สิ่งที่ทักษิณทำ มันทำให้คนรากหญ้าคนจนได้เงยหน้าอ้าปากขึ้นมา ผมประทับใจตรงนี้ แต่โอเค ทักษิณมีข้อบกพร่องเรื่อง-จุดจุดจุด ก็ว่ากันไป ผมก็ไม่ปฏิเสธหรอก
 
ผมมองตามความจริง ผมไม่ได้มองตามกระแสที่ฝ่ายเสื้อเหลืองโฆษณาชวนเชื่อ
 
ผมมีสติปัญญามองออกว่าทักษิณดีหรือเลวกี่ % คุณไม่มีสิทธิ์ blame ผม ทักษิณไม่ใช่เทวดา ไม่ใช่ซาตาน ทักษิณคือทักษิณ ผมมองตามความจริง
 
แต่ที่แน่ๆ ปรีดีคิดในเชิงอุดมคติ ว่าจะทำให้ชาวบ้าน คนยากคนจนมีชีวิตดีขึ้น เป็นความฝันของปรีดี และคนที่ทำให้ความฝันของปรีดีเป็นจริงก็คือทักษิณ ชินวัตร ซึ่งทักษิณอาจจะทำได้ 10-20% ก็ยังดีกว่านายกฯ ที่เป็นโมฆบุรุษซึ่งไม่ได้ทำเฮี่ยอะไรเลย ทักษิณทำสิ่งที่ดีไว้สัก 20% ดีกว่าพวกที่ทำเฮี่ยอะไรไม่ได้เลย"
 
เขาไม่คิดว่าทักษิณจะกลับมามีอำนาจได้อีก
 
"เราไม่ได้คิดว่าทักษิณจะมาเป็นนายกฯ ไม่ได้คิดเรื่องตัวบุคคล คนมีแผลขนาดนี้มันเป็นนายกฯ อีกไม่ได้หรอก แต่เรามองโลกแบบเช กูวารา หากคุณโกรธจนตัวสั่นทุกครั้งที่เห็นความอยุติธรรมต่อหน้า ก็เป็นเพื่อนกันได้
 
"ผมมองว่าทักษิณมันโดนกระทำด้วยความอยุติธรรมโดยตุลาการศาลเตี้ย ทักษิณทำผิด 10% แต่บอกว่าผิด 100% โอเวอร์แอคชั่น ผมไม่รับตรงนั้น ผมมองความจริงไม่ตามกระแส ผมไม่ได้บอกว่ามันดี มันเป็นมนุษย์ธรรมดาเหมือนผม"
 
มองอย่างไรกับเพื่อนพ้องที่ไปเข้ากับพันธมิตรฯ
 
"ผมไม่ว่าใครสีเหลือง-สีแดง ผมไม่ยุ่งเกี่ยวด้วย แต่อย่ามาก้าวก่ายผมเช่นกัน เคารพความคิดกันไม่ว่ากัน มีอะไรนั่งคุยกันได้ ไม่เป็นศัตรู คิดต่างกันได้เพื่อน ข้อมูลต่างกันมาแลกเปลี่ยนกัน โอเค ผมไม่โกรธใครสีเหลือง-สีแดงไม่ว่ากัน แต่เพื่อนคือเพื่อน ความเป็นเพื่อนมันยืนยาวกว่าสีเหลือง-สีแดง"
 
พวกที่อยู่อีกฝ่ายเขาก็ว่าทักษิณเป็นเผด็จการ
 
"ทักษิณเป็นเผด็จอำนาจ-ผมเป็นกวี ผมเข้าใจภาษา แต่ทักษิณไม่ใช่เผด็จการ อำมาตยาธิปไตยเป็นเผด็จการ มันเลวร้ายกว่าเผด็จอำนาจ เพราะอะไรผมมีคำอธิบาย เพราะเผด็จการก็คือคุณฉีกรัฐธรรมนูญ เขียนรัฐธรรมนูญเพื่อพวกคุณเอง นั่นคือเผด็จการ ทักษิณไม่เคยฉีกรัฐธรรมนูญ ไม่เคยเขียนรัฐธรรมนูญเพื่อตัวเอง นี่เหตุผลที่ชัดเจนของผม
 
"ผมเห็นว่าทักษิณเผด็จอำนาจแต่ไม่ใช่เผด็จการ ทักษิณเราด่าได้ แต่อำมาตย์เราด่าไม่ได้ เราด่าเผด็จการ คมช. ด่าอำมาตย์ มันอ้างอิงเบื้องสูงเพื่อไม่ให้เราด่ามันได้ มันมั่ว
 
"สังคมไทยต้องเลิกวัฒนธรรมในการมั่วอย่างนี้เสียที เรามั่วมาตั้งแต่สมัยปรีดีแล้ว พวกมึงเลิกมั่วได้แล้ว"
 
ตรงนี้เขาฝากบอกถึงเพื่อนพ้องเก่าๆ
 
"พวกเราก็เลิกมั่วด้วย เพื่อนเอ๋ย เหตุการณ์ 6 ตุลา 19 เขามั่วเรื่องรูปถ่ายและแต่งฟิล์ม แล้วมาฆ่าเพื่อนเราในสนามฟุตบอลธรรมศาสตร์ เพื่อนยังจำได้ไหม นั่นคือการมั่วที่ชัดเจนที่สุด แล้วทำไมเราจะยอมให้มีการมั่วเกิดขึ้นอีก ไม่ว่ามันจะเกิดกับใครก็ตาม 30 ปีผมไม่ลืม ใครฆ่านักศึกษาเมื่อ 6 ตุลา 19 ยืนยันว่าผมไม่ลืม ผมจึงไม่ยอมสยบต่อความมั่วทางการเมืองในยุคปัจจุบัน"
 
ถามว่ามีการประชุมกันมาก่อนไหม วัฒน์บอกว่าแทบไม่ได้คุยกันเลย แต่ความคิดตรงกัน
 
"มันเกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน โดยไม่มีเหตุการณ์อะไรทั้งสิ้นเลย เราเห็นว่ามวลชนเกิดขึ้นแล้ว รถไฟแล่นออกไปแล้ว แต่กวียั่งนั่งประดิดประดอยถ้อยคำ ยังชมสายลมและแสงแดด กวียังมัวเมาเฝ้านารี แต่ประชาชนได้ตื่นตัวขึ้นแล้ว เราทำไปตามสัญชาตญาณส่วนตัว เป็นไปตามอะไรก็ไม่รู้ ไม่มีแผนการทั้งสิ้น มันระเบิดขึ้นมาปึงปัง"
 
เมื่อวันเสาร์จึงมีการเสวนากันในหมู่นักเขียน กวี และเพื่อนมิตร
 
"ก็คือพวกที่เขางงๆ ว่ามึงมายังไงเป็นฝ่ายไหน ก็มาคุยกันสิ แค่นั้นเอง เคลียร์พรรคพวกเรา เพราะหลังจากเราออกแถลงการณ์ก็มีโทร.มา มีคนซักถามโต้แย้งต่างๆ ซึ่งเราคิดว่าการมีเสียงสะท้อนเข้ามาเป็นเรื่องดี ว่ากวียังไม่หลับใหล ยังตื่นอยู่ เรามานั่งคุยกันเพื่อนเอ๋ย คุณจะด่าผมก็ได้ ยินดีให้ด่า แต่ด่าแล้วรักกันเป็นเพื่อนกัน กวีต้องไม่ตกขบวนของประชาชน
 
"ทำไมหลัง 14 ตุลา 16-18 เราอยากไปประสานกรรมการชาวนาจำได้ไหม เราไปแก้ปัญหาค่าเช่านาทำให้ชาวนาได้ประโยชน์เท่าไหร่ เราโคตรมีความสุขเลย แต่ตอนนี้กรรมกรชาวนาเขาตื่นแล้ว เขาจะใส่เสื้อสีอะไรช่างเขาเถอะ เรามีแต่ต้องเดินตามไป คนรากหญ้าเขาตื่นแล้วเราเป็นกวีต้องไปกับประชาชน
 
"ส่วนจะมีใคร นายทักษิณ นายเสนาะ เรื่องของมันเถอะ นั่นเรื่องเฉพาะกิจ แต่ถึงที่สุดคืออะไรที่รากหญ้าเขาได้ประโยชน์เราดีใจเรายินดี เราพร้อมจะร่วมมือ ส่วนจะมีนักการเมืองนาย ก นาย ข ได้ประโยชน์ ช่างหัวแม่งเถอะ นี่คือสิ่งที่ผมคิด"
 
อีกฝ่ายเขาก็เลือกข้างอำมาตยา
 
"ต่างกันก็ไม่ว่าแต่อย่าปิดกั้น ไม่เป็นไร ต่างกันได้ ขอให้มีเหตุผล มีสติ ขอให้คุณเชื่อสิ่งนั้นโดยบริสุทธิ์ใจผมนับถือคุณ และคุณต้องนับถือผมนะ ถ้าผมบริสุทธิ์
 
"อย่าว่ากันนะเพื่อน มานั่งคุยกันไม่เป็นไร เหลือง-แดงมันเป็นแค่แดดที่ตกองศาต่างกันเท่านั้นเอง บางมุมมันก็เห็นสีเหลือง บางมุมเป็นสีแดง อย่าติดยึดตรงนั้น
 
"ขอเพียงว่าหัวใจคุณยังไง ถ้าหัวใจโอเค ในที่สุดมันคุยกันได้ ผมไม่ติดหรอก มุมนี้สีเหลือง มุมนี้สีแดง ออกมาจากตะวันดวงเดียว จากความจริงใจ ความรักประชาชนรักประชาธิปไตย ไม่เป็นไรเพื่อน"
 
แต่ที่ผ่านมาเพื่อนพ้องเขาไปไกลถึงขั้นสนับสนุนรัฐประหาร
 
"ก็ยังงงๆ เหมือนกัน เพื่อนเราคิดได้ไง แต่อีกฝ่ายก็-เพื่อน มึงไปอยู่กับทักษิณได้ไงวะ มันไม่ใช่ มีสติหน่อยแล้วมานั่งคุยกัน ผมเชื่อว่าเรายังคุยกันได้
 
"เรามองว่าใครเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจหรืออะไร พิจารณาเป็นกรณีไปดีกว่า จะไม่ไปตีปลาเขาทั้งหมด เขาก็ต้องดูเราเป็นกรณีไปด้วยเช่นกัน
 
"ไม่ใช่ใส่เสื้อแดงเป็นมวลชนทักษิณ มันพูดง่ายเกินไป"
 
เสื้อกั๊ก-ผ้าขาวม้า
 
ในทัศนะของเขา วัฒน์อยากเห็นมิติใหม่ของสองสี
 
"ไม่ใช่เหลืองตายด้าน แดงตายด้าน เป็นแดง-เหลืองที่มีชีวิตชีวา ปรับเปลี่ยนสีได้ พร้อมจะปรับสีเข้าหากัน ผมมองอย่างนี้ ขอให้คุณมีหัวใจบริสุทธิ์ ผมเชื่อว่าปรับสีเข้าหากันได้ ไม่ใช่สีที่ตายด้าน
 
"หัวใจของเรา มันจะแดงหรือเหลืองแต่ถ้าคุณด้วยหัวใจบริสุทธิ์ ผมนับถือคุณ สิ่งที่สูงสุดคือความเป็นเพื่อนเป็นสหาย เป็นมิตรร่วมรบผ่านตุลา เข้าป่าลำบากตรากตรำมา เราคุยกันได้
 
"การทะเลาะกันมันไร้สาระ เราเอาประโยชน์ประชาชนเป็นจุดหมายสูงสุดดีกว่า อย่าเอาอัตตาเรามาเป็นใหญ่ เราอายุ 50-60 แล้ว ถามว่าจะอยู่ในโลกอีกสักกี่ปี
 
"แต่สิ่งสำคัญ กรรมกรชาวนาตื่นแล้ว ที่พวกมึงเคยปลุกระดมเขา เขาตื่นแล้วตอนนี้ แต่พวกมึงยังไม่ตื่น มึงยังลังเล ยังสองไม่อยู่ คนทั่วภาคอีสาน 16 จังหวัดตื่นแล้ว แท็กซี่หาเช้ากินค่ำรู้การเมืองยิ่งกว่าคุณอีก อย่าผยองว่ารู้มากกว่าเขา
 
"นี่คือสิ่งที่เราต้องการ เราคิดมาตั้ง 30 ปีแล้ว คุณไม่ดีใจหรือ ผมดีใจฉิบหายเลย ที่เขาตื่นตัวมา ผมจะได้เห็นประชาธิปไตยในยุคสมัยผม เมียผมตายไป โดยไม่ทันได้เห็นประชาธิปไตยที่แท้จริง เมียผมเป็นวีรชน 6 ตุลานะ ได้รับบาดเจ็บตอนเช้ามืด แต่ตายไปโดยไม่ได้เห็นประชาธิปไตย แต่ผมเชื่อว่าผมจะได้เห็นในอายุของผม
 
"ฝากบอกเพื่อนๆ ด้วย ผมคิดอย่างนี้ด้วยความจริงใจไม่มีผลประโยชน์เฮี่ยทั้งสิ้น บาทเดียวไม่มี ไม่งั้นผมรวยไปแล้ว มึงจะมาตรวจสอบทรัพย์ผม มาตรวจเลย นสพ.ผู้จัดการ แต่ถ้าเจอหนี้มึงใช้หนี้ให้ด้วย (หัวเราะ)"
 
เขามองว่าม็อบเสื้อแดง คือพัฒนาการที่ชาวบ้านตื่นตัวเรียกร้องประชาธิปไตย
 
"มันไม่ใช่แค่ม็อบเสื้อแดง ผมอยู่ไทรโยค ธีรยุทธไม่รู้หรอกชาวบ้านคิดยังไง จึงคาดเดาผลการเลือกตั้งผิดพลาดอย่างมาก แต่ผมอยู่บ้านนอกมาตลอด ผมเป็นคนไทยหัวใจลูกทุ่ง ผมรู้ชาวบ้านเขาคิดยังไง ทั้งโดยรวมและรายบุคคล
 
"ม็อบเสื้อแดงเกิดจากเงื่อนไขที่ทักษิณเป็นพ่อค้าเล่นการเมือง ทักษิณไม่ใช่รัฐบุรุษ คุณอย่าไปคาดหมายทักษิณเหมือนปรีดี มันเป็นไปไม่ได้ เพียงแต่สิ่งที่ทักษิณทำมันถูกใจชาวบ้าน และมันทำให้ชาวบ้านค้นพบความจริงว่าประชาธิปไตยกินได้ ชาวบ้านจึงตื่นตัวขึ้นมา สำแดงตัวเป็นม็อบเสื้อแดง
 
"คุณเอ๋ย 16 จังหวัดอีสาน มันเป็นเสื้อแดงหมด มันอยู่แค่ว่าเขาจะสำแดงพลังเท่าไหร่เท่านั้น ผมขอเตือนอำมาตยา เผด็จการ
ทหาร เมื่อใดเสียงปืนแตกคุณจะพบนรก ไม่ใช่นรก is coming soon แต่นรก Now!
 
"สมัยก่อน 6 ตุลา เสียงปืนแตก นักศึกษากลุ่มเล็กๆ หนีเข้าป่า ไปต่อสู้ในป่า แต่สมัยนี้ถ้าคุณเสียงปืนแตก คุณเอา 3 จังหวัดภาคใต้คูณสิบ นั่นแหละนรกที่อำมาตยาธิปไตยจะได้เจอแน่นอนถ้าคุณทำอย่างนั้น
 
"เมื่อ 4-5 วันที่แล้วที่กาญจน์มีม็อบ 200 คน แต่คนนิยมมีมากกว่า 200 สิ่งที่ยืนยันคือคะแนนเลือกตั้ง แต่ไอ้พวกอำมาตย์ดูถูกว่าซื้อเสียง
 
"นี่คือการดูถูกดูหมิ่นกันเกินไป มองว่าประชาชนเป็นกะหรี่ ประชาชนไม่ใช่กะหรี่ คนชั้นกลางดูถูกคนรากหญ้า ซึ่งกำลังคิดผิดและสงครามจะเกิด ถ้าคุณไม่ปรับปรุงตัวเอง เขาไม่ใช่กะหรี่ คือมึงให้ตังค์กูก็เอา แต่ถ้าจะเลือก กูต้องรักมึงด้วย
 
"ผมอยู่กับชาวบ้านผมรู้ พวกนักวิชาการ ธีรยุทธ คนใส่เสื้อกั๊กหน้าร้อนไม่มีทางรู้ข้อมูลเหล่านี้ หน้าร้อนผมนุ่งผ้าขาวม้าเดินไปคุยกับชาวบ้าน ผมไม่ได้สอบได้ที่หนึ่งประเทศไทย ผมสอบตก มศ.5 แต่ผมรู้จักชาวบ้านมากกว่าธีรยุทธ"
 
ถามว่าเท่าที่ได้สัมผัส เขามองม็อบเสื้อแดงอย่างไร
 
"โดยเนื้อแท้ของเสื้อเหลือง-เสื้อแดง มันเหลื่อมกันหน่อยหนึ่งในแง่ของสภาพทางชนชั้น ม็อบเสื้อแดงกำลังหลักจะเป็นคนชั้นกลางระดับล่าง คำของ อ.นิธิ เอียวศรีวงศ์ แต่ว่าคนชั้นล่างเดี๋ยวนี้ก็ไม่ใช่ตาสีตาสาไม่รู้หนังสือแล้ว คนชั้นล่างเดี๋ยวนี้ก็อ่านหนังสือมีความเข้าใจ เป็นคนหาเช้ากินค่ำ ซึ่งคนพวกนี้จะมีลักษณะการต่อสู้ที่เด็ดเดี่ยวกว่าคนชั้นกลาง"
 
แต่มีลักษณะการแสดงออกทางอารมณ์สูง
 
"ใช่ แสดงออกชัดเจนง่ายๆ แล้วสังเกตไหมศิลปินที่ไปขึ้นเวทีจะมีแต่ลูกทุ่ง ส่วนเพื่อชีวิตจะไปขึ้นเวทีเสื้อเหลือง เพราะมันหนักไปทางคนชั้นกลาง อันนี้ชัดเจนมาก
 
"ม็อบเสื้อเหลืองมีความเหลื่อมในทางชนชั้นอยู่บ้าง แต่แน่นอนก็มีทุกชนชั้น แต่ว่ากำลังหลักเสื้อแดงเป็นคนชั้นกลางระดับล่าง หรือคนชั้นล่างที่มีการศึกษามีการสื่อสารแบบสมัยใหม่แล้ว"
 
ในพัฒนาการของการเคลื่อนไหว ทั้งสองฝ่ายจะบรรจบกันได้ไหม วัฒน์มองว่าได้ถ้าต่างมีใจบริสุทธิ์
 
"ไม่ว่าคุณจะใส่เสื้อเหลืองหรือใส่เสื้อแดง แต่ถ้าคุณมีจิตสำนึกว่าคุณต้องการประชาธิปไตย คุณต้องการให้ประเทศชาติเจริญ มันก็มาบรรจบกันได้ มันไม่จำเป็นต้องรบกัน คุณคิดเหมือนกันแต่ว่ามุมมองคุณต่างกันเท่านั้นเอง ในรายละเอียดของปัญหา แต่โดยหลักการถ้ามันตรงกันมันก็บรรจบกันได้
 
"ทีนี้มันมีตัวแปรก็คือเล่ห์กลของบรรดานักเล่นเกมอำนาจทั้งหลาย มันอาจจะบิดเบือนจนกระทั่งต่างสีก็ไปคนละทิศ คุยกันไม่รู้เรื่อง มันก็อยู่ที่ว่าเราจะต้องมีสติ ไม่อ่อนไหวเบนเบี่ยงไปตามการยั่วยุที่ไม่ถูกต้อง
 
ถ้าปล่อยไปตามทิศของมัน มันก็จะไปบรรจบกันเองใช่ไหม
 
"ถามว่าคุณต้องการอะไร ฝ่ายนี้ต้องการอะไร ต้องการตรงกันนี่หว่า แล้วทำไมคุยกันไม่ได้ สำหรับประชาชนนะ
 
"แต่สำหรับผู้มีอำนาจระดับพวกขุน เขาคุยกันไม่ได้หรอก หรือเขาจะคุยกันได้แล้วรวมหัวมากระทืบเราก็ไม่รู้ อันนี้แล้วแต่ดวง"
 
ตอนนี้ก็มองกันว่าการก่อม็อบในช่วงนี้ทักษิณต้องการต่อรอง
 
"เขาเล่นเกมอำนาจเขาต้องเล่นอย่างนั้น ไฟต์บังคับ เหมือนการเขียนนิยาย ถ้าเป็นเขาจะทำยังไง มันโดนต้อนจนตรอกมันก็ต้องสู้ยิบตาและมันโดนรังแกนะ
 
"ตัวเขาอาจจะทำอะไรที่เคยพลาดพลั้งบกพร่องมา แต่นาทีนี้เราเห็นชัดว่าเขาโดนรังแก ด้วยศาลเตี้ย คือระบบตุลาการที่ตั้งหลังจากรัฐประหาร ศาลศาลเดียวสั่งฆ่าคนได้โดยไม่มีการอุทธรณ์-ฎีกาใดๆ ทั้งสิ้นนั่นคือศาลเตี้ย
 
"เราจะยอมรับกระบวนการยุติธรรมแบบนี้หรือ เราไม่ยอมรับหรอก"
 
วัฒน์มองว่าต่อให้นักเล่นเกมอำนาจต่อรองกันได้ ประชาชนก็ไม่หยุด
 
"สมมติทักษิณไปต่อรองกับพวกอำมาตย์ได้แล้ว แต่ถ้าม็อบเขายังไม่ได้สิ่งที่ต้องการก็ไม่หยุด เท่าที่ไปฟังเสียงมานะ มันก็แสดงว่าเขาไม่ได้ขึ้นกับตัวบุคคล
 
"แต่ตัวบุคคลเป็นพันธมิตรฯ เป็นแนวร่วมเฉพาะกิจตรงนี้ โอเค ถูกรังแกไม่ได้รับความเป็นธรรมมาร่วมกัน และก็เป็นตัวเรียกแขกได้ เพราะเขาก็มีผลงานที่ชนบทนิยมเขา
 
"คนชนบทไม่ได้โง่นะ เรามองโลกตามความเป็นจริง ไม่ได้อคติกับใคร
 
"มันต้องมีพัฒนาการ มันไม่จบแค่นี้ ก็จนกว่ามันจะเข้ารูปเข้ารอยที่อารยประเทศเขาเป็นกัน ประชาธิปไตยครึ่งใบค่อนใบ อำนาจพิเศษยักไปเยื้องมาแบบที่เป็นอยู่ มันน่าเวียนหัวและน่าเบื่อหน่ายมาก เราเบื่อมากเลย เราก็เจอเรื่องพวกนี้มาตั้งแต่เราเป็นนักเรียน มันก็ยังวนอยู่อย่างนี้ไม่ไปไหนเลย อยากให้มันจบๆ ไปเสีย"



บทความ

คำฉันท์ (๘)
คำฉันท์ (๗)
คำฉันท์ (๖)
คำฉันท์ (5)
คำฉันท์ (4)
คำฉันท์ (3)
คำฉันท์ (2)
ชื่อวรรณคดีที่ควรรู้จัก (เพิ่มเติม)
คำฉันท์ (1)
ฉากรบใน “ดาหลัง”
กลอนคนฝรั่งเขียน
กลอนบรรยายเมืองสิงห์บุรี เมื่อ พ.ศ 2466
ท้องถิ่นกับอาเซียน...จุดเชื่อมที่ยังต้องค้นหา
วันภาษาไทย? บางปัญหาที่น่าแลกเปลี่ยนทัศนะ
กลอนไหว้ครูโนห์ราชาตรี
ข้อเสียของวิชาประวัติศาสตร์
จากระบบบรรณาการถึงการปกครองแบบพิเศษในปะตานี
พระราชนิพนธ์แปลสามเรื่อง
การส่งเสริมและข้อจำกัดของวรรณกรรมมุสลิม
สุนทรคึก เขียนถึง สุนทรภู่ (1) ตามรอยคึกฤทธิ์
กลอนคนฝรั่งเขียน
50 ปีสมาคมนักกลอนฯ กับการก้าวสู่เวทีสากล
สารลึบพะสูน: วรรณคดีลุ่มน้ำโขงที่ไม่โปร่งใส
เพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอยุธยา
สุภาษิตโบราณ
ง่ายและงามอย่างลาว
การเมืองในกวีของ “คุณพุ่ม”
ตำนานการสร้างโลกของชาวจ้วง
เวียงจัน 450 ปี
วันภาษาไทยฯ ที่ราชภัฏมหาสารคาม
แม่น้ำท่าจีนกำลังจะตาย
ย้อนรอยวัฒนธรรมลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา
นครปฐมและพระปฐมเจดีย์ในวรรณคดีนิราศ
ตามรอยภาษาศาสตร์ภาษากะเหรี่ยงบ้านไร่
ชาตินิยมสยาม และชาตินิยมไทย กับกรณีปราสาทเขาพระวิหารมรดกโลก
จัดอันดับความนิยมของบทความในเว็บสมาคมฯ
ตำนานนิทานพื้นบ้าน กำเนิดแม่น้ำโขง "ยักษ์สะลึคึ"
เอกสารวิชาการ ร่องรอยกาลเวลา หัวข้อ "ศิลปะ เพลง ดนตรี กวี" วังสะพุง, เลย
มุทิตาบูชาครูวันสุนทรภู่ที่ราชภัฏมหาสารคาม
สัมพันธ์ไทย – จีน (จ้วง) เครือญาติชาติภาษา
ตามล่าหารัก
แม่น้ำโขง โลกร้อน หรือเพราะจีนปิดเขื่อนกั้นน้ำ
The Ides of March และ “โภชนสติ” จาก ป๋วย อึ๊งภากรณ์
มองรูป-เสียงกลอน (ว่าด้วยเสียงตรี วรรค ๒) ผ่าน อังคาร กัลยาณพงศ์ (๒) article
200 ปี เอบราแฮม ลิงคอล์น: “บ้านที่แตกแยกกันเอง ไม่อาจตั้งอยู่ได้”
มองรูป-เสียงกลอน (ว่าด้วยเสียงตรี วรรค ๒) ผ่าน อังคาร กัลยาณพงศ์
ที่เรียกว่า วัฒนธรรม และคำว่า ภาษา
ของ-โขง จิตวิญญาณแห่งสายน้ำ
โคลงห้าพัฒนา ของ "จิตร ภูมิศักดิ์"
ประชาภิวัฒน์(ไทยกับอาเซียน)
วันสารทไทย
สุนทรภู่-ครูมีแขก จากโซนาต้าถึงเพลงทยอยเดี่ยว
สังคม"ทันสมัย" แต่ไร้สมอง
มะเมี๊ยะเป็นสาวมอญ
บรูซแกสตันไว้อาลัยละมูล
รากเหง้าความศักดิ์สิทธิ์ของกวีนิพนธ์ไทย
ความเชื่อ
ทำไม
ร่องรอยกาลเวลา
โขงนที เพลงกวี ดนตรีชีวิต
ประชาชนในชาตินิยม
รักสามเศร้า ที่แหลมมลายู
ความหมายทางวัฒนธรรม
เที่ยว 9 วัดศักดิ์สิทธิ์ ไหว้พระทำบุญปีใหม่ สไตล์ "สุจิตต์ วงษ์เทศ"
ปาฐกถาช่างวรรณกรรม
รัฐบุรุษ
หนึ่งคนสองวัฒนธรรม
สุนทรภู่ ต่อต้านสงครามล่าเมืองขึ้น
วัฒนธรรม เปลี่ยน...ซีไรต์ก็เปลี่ยน
สยามเมืองยิ้ม
ปราสาทเขาพระวิหาร
เสภาเรื่องพระราชพงศาวดาร ของสุนทรภู่
ตะเกียงเจ้าพายุ
ต้นแบบ"กลอนสุนทรภู่"
สุนทรภู่ "ความรู้ใหม่" โยงใย "ความรู้เก่า"
จากร้อยกรอง สู่บทกวีมีทำนอง
รามายณะ (รามเกียรติ์) เล่าใหม่
พายุนาร์กีสหรืออคติในใจไทยที่ทำร้ายคนพม่า?
เห่ช้าพญาหงส์
การเทครัวในประวัติศาสตร์อุษาคเนย์
เมืองร้อยเอ็ดประตู
พล นิกร กิมหงวน
ภูมิประเทศอีสาน ไม่มีในประวัติศาสตร์ไทย
มิตาเกะ
เค้าขวัญวรรณกรรม
เรือพระราชพิธี
The Secret
โลกดนตรี
ลมปากที่ไร้มารยา
คำกวี เส้น สี และแสงเงา
ยิ่งกระจะยิ่งกระจ่างอยู่กลางใจ
วรรคทอง
การะเกด
ในวรรณคดีมีกลอน (หรือ) เปล่า...?
ในวรรณคดีก็มีกลอนเปล่า
โล้ชิงช้า ประเพณีประดิษฐ์ใหม่ของพราหมณ์สยาม
เพลงลูกทุ่งมาจากไหน?
สนุกเล่นแต่เป็นจริง
ครูแจ้งวัดระฆัง สร้างสำนวนขุนช้างขุนแผน แสนสยอง ...



bulletผลร้อยกรองออนไลน์ 2558
dot
ประกวดร้อยกรองออนไลน์ครั้งที่ 7
dot
bulletข้อมูลการประกวดครั้งที่ 7, 2557
bulletผังร้อยกรอง
bulletอ่านโคลงประกวด 2557
bulletอ่านกลอนประกวด 2557
bulletอ่านกาพย์ยานีประกวด 2557
bulletผลการประกวดร้อยกรอง ปี 2557
dot
ข่าวสาร ข้อมูลสมาคม
dot
bulletกรรมการสมาคมสมัยที่ ๑๕-๑๖
bulletนายกสมาคมสมัยที่ ๑๗
bulletติดต่อนายกสมาคมนักกลอน
bulletติดต่อฝ่ายดูแลส่วนต่างๆ
bulletสมัครสมาชิกสมาคมนักกลอน
bulletนักกลอนตัวอย่าง ๒๕๕๓
dot
หัวข้อน่าสนใจ
dot
bulletรวมลิ้งค์เว็บไซต์น่าสนใจ
bulletส่งบทสักวา น.ส.พ. สยามรัฐ
bulletวารสารวิทยาจารย์ รับต้นฉบับ
bulletส่งข้อเขียนครูในดวงใจ
dot
แนะนำหนังสือ
dot
bulletหน้ารวมหนังสือ
bulletคู่มือเรียนเขียนกลอน
bulletกาสรคำฉันท์ - สมคิด สิงสง
bulletหนังสือสุรินทร์สโมสร
bulletฝากโลกนี้ไว้ในหัวใจเธอ - กอนกูย
bulletเลือน - อติภพ
bulletธาร ธรรมโฆษณ์
bulletนายทิวา
bulletกลอนเกียรติยศ
bulletอ้อมกอดแห่งท้องทุ่ง
bulletทองแถม นาถจำนง
bulletพงศาวดารพิภพ
bulletโป๊ยเซียน คะนองฤทธิ์
dot
โครงการประกวดต่างๆ
dot
bulletนายอินทร์อะวอร์ด ๒๕๕๖
bulletประกวดรางวัลซีไรท์ปี ๒๕๕๖
bulletรางวัลพานแว่นฟ้า ปี ๒๕๕๖
bulletรางวัลวรรณกรรมรามคำแหง ๒๕๕๖
dot
ผลตัดสินรางวัลต่างๆ
dot
bulletรางวัลศรีบูรพา ๒๕๕๖
bulletผลรางวัลซีไรต์ ๒๕๕๗
bulletผลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ๒๕๕๗
bulletผลรางวัลแว่นแก้ว ๗ (๒๕๕๓)
bulletผลกลอนวิถีคนกับควาย
bulletผลร้อยกรอง “ผมจะเป็นคนดี”
bulletรางวัลนราธิป ๒๕๕๓
bulletนักเขียนอมตะ คนที่ ๖ (๒๕๕๕)
bulletนักเขียนรางวัลศรีบูรพา ๒๕๕๖
bulletศิลปินมรดกอีสาน ๒๕๕๔
bulletผลรางวัลพานแว่นฟ้า ๒๕๕๕
bulletผลรางวัลรามคำแหง ๒๕๕๖
bulletศิลปินแห่งชาติ ๒๕๕๕
bulletผลประกวดหนังสือ ชีวิตใหม่ 2
dot
ข่าวคราวของลมหายใจ
dot
dot
Weblink
dot
bulletอ่านกลอนประกวด 2556

หนังสือพิมพ์ คมชัดลึก
สมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย
ศูนย์ให้คำปรึกษาปัญหาภาษาไทย มศว
เว็บรวมกระทู้ อาศรมชาวโคลง ใน pantip.com
หนังสืออีศาน


Copyright © 2010 All Rights Reserved.
ติดต่อ นายกสมาคมนักกลอนแห่งประเทศไทย ทองแถม นาถจำนง
โทรศัพท์ ๐๘๙-๑๒๓๔๗๕๔ อีเมล์ tongtham.n@hotmail.com

สำนักพิมพ์แม่โพสพ