ประชาภิวัฒน์ / ทองแถม นาถจำนง
ซีตี้เจอนัล
ไทยกับอาเซียน
เมื่อมองเป้าหมายของอาเซียนที่มุ่งจะสร้าง “ประชาคม” ให้สำเร็จในอนาคตอันใกล้ เทียบเคียงกับปัญหาภายในของประเทศสมาชิกแต่ละชาติแล้ว ยังไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายถ้ำว่า เป้าหมายของอาเซียนจะบรรลุได้อย่างไร
ไม่ต้องไปมองปัญหาภายในประเทศพม่าก็ได้
เอาแค่ปัญหาของประเทศไทยเราเอง ยังรู้สึกกระอักกระอ่วนที่จะอธิบายให้ชาวต่างประเทศรับรู้ว่า เราจะแก้ปัญหาการเมืองของเราเองได้สำเร็จอย่างไร
โดยความเห็นส่วนตัวแล้ว ผมสนับสนุนอุดมคติของอาเซียน ที่จะสร้างประชาคมอาเซียนขึ้น และผมพร้อมจะสละประโยชน์บางประการเพื่ออยู่ในกฎเกณฑ์ร่วมกันของทั้งประชาคม
การเป็นประชาคมระดับภูมิภาคนั้น ประเทศสมาชิกต้องยอมสละประโยชน์ชาติบางจุดนะครับ อย่างเช่น ต้องยอมลดหรือเลิกภาษีขาเข้าบางอย่าง ต้องเปิดให้การเคลื่อนไหวของแรงงานเสรีขึ้น ฯ
ถ้ายกระดับได้สำเร็จ “อาเซียน” ก็จะมีคุณสมบัติ “องค์การเหนือรัฐ” มากขึ้นไปอีกนิดหนึ่ง เรื่องนี้รัฐบาลไทย (ไม่ว่ารัฐบาลไหน) ต้องประชาพิจารณ์ให้พลเมืองไทยเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง
ทุกวันนี้คนไทยรู้เรื่องของ “อาเซียน” น้อยเหลือเกิน จึงประเมินอาเซียนต่ำ และไม่เห็นความจำเป็นของยกระดับอาเซียน
คือคนไทยเรายังคิดว่าเราอยู่ของเราชาติเดียว โดยพึ่งสหรัฐกับจีนเท่านั้นก็เพียงพอจะอยู่อย่างสบายได้แล้ว
ซึ่งเรื่องนี้เป็นความเข้าใจผิดอย่างมหันต์เลยนะครับ จึงมีความจำเป็นจะต้อง “ประชาภิวัฒน์” ในเรื่องบทบาทของอาเซียนและบทบาทของไทยในอาเซียนกันด้วย
ประเด็นสำคัญเรื่องหนึ่งคือ “ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน”
เป้าหมายสำคัญที่สมาคมอาเซียนกำหนดไว้คือสร้าง “ประชาคมอาเซียน” ขึ้นภายในปี พ.ศ. 2558
สามเสาหลักในการสร้างประชาคมอาเซียนคือ 1.ประชาคมการเมืองและความมั่นคง 2.ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน 3.ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ในระยะเฉพาะหน้านี้ปัญหาการเมืองและความมั่นคงเป็นประเด็นร้อนในประเทศสมาชิกอาเซียนหลายประเทศ ผมจึงขอยกเรื่องนี้มาวิจารณ์กันก่อน
การเป็นประชาคมการเมืองและความมั่นคงนั้น มีวัตถุประสงค์หลักดังนี้
1. สร้างค่านิยมและแนวปฏิบัติร่วมกันของอาเซียนในด้านต่าง ๆ เช่น ค่านิยมว่าด้วยการไม่ใช้กำลังแก้ไขปัญหา และการไม่ใช้อาวุธนิวเคลียร์
2. เสริมสร้างขีดความสามารถของอาเซียนในการเผชิญกับภัยคุกคามความมั่นคงในรูปแบบใหม่บนพื้นฐานของการมีความมั่นคงของมนุษย์
3. ให้ประชาคมอาเซียนมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นและสร้างสรรค์กับประชาคมโลก โดยให้อาเซียนมีบทบาทนำในภูมิภาค
“ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน” นั้นไม่เพียงต้องเคารพสนธิสัญญาในระหว่างประเทศอาเซียนด้วยกันเท่านั้น หากแต่ยังต้องเคารพผลลัพธ์ที่เกิดจากการประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ซึ่งมีสมาชิกเข้าร่วมประชุมกว่า 25 ประเทศ ซ้ำยังรวมไปถึง สหรัฐอเมริกา รัสเซีย จีน และสหภาพยุโรปด้วย
พูดตรง ๆ ก็คือ อาเซียนไปตกลงอะไรไว้ในการประชุมระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ประเทศสมาชิกก็ต้องปฏิบัติตาม
จึงไม่น่าแปลกใจที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาจะต้องให้ความใส่ใจต่อการประชุมระดับรัฐมนตรีต่างประเทศของอาเซียนรอบนี้เป็นอย่างยิ่ง
จุดที่ประเทศไทยและอาเซียนควรคำนึงคือ อะไรคือปัญหาความมั่นคงของประเทศสมาชิกอาเซียนแต่ละประเทศ ? อะไรคือปัญหาความมั่นคงของอาเซียนโดยรวม ? และอะไรเป็นปัญหาความมั่นคงของสหรัฐอเมริกาโดยเฉพาะ ?
เรื่องที่ควรพิจารณาทบทวนกันมาก ๆ คือ ทัศนะ , แนวทางการปฏิบัติ เกี่ยวกับปัญหาความมั่นคงของโลกและของภูมิภาคนี้ของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา
ที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐอเมริกา “มอง” ปัญหาความมั่นคงของโลกและภูมิภาคนี้ อย่างที่ตนเป็นผู้พิพากษาตัดสิน แล้วแก้ไขตามวิธีการของตนเอง
แนวทางอย่างนี้ ถูกขนานนามมานานแล้วว่า ทำตัวเป็น “ตำรวจโลก” สหรัฐอเมริกาออกหน้าในทุก ๆ เรื่อง และพยายามจะเป็นผู้กำหนดแนวทางการแก้ไขในทุก ๆ ปัญหา
ประวัติศาสตร์ยุคใกล้พิสูจน์แล้วว่า แนวทางรูปธรรมที่รัฐบาลสหรัฐเลือกใช้แก้ปัญหาความขัดแย้งในโลก มักจะยิ่งทำให้ปัญหาทวีความรุนแรงขึ้น นับตั้งแต่ยุคสงครามเย็นต่อต้านค่ายสังคมนิยม มาจนถึงการทำสงครามกับ “ลัทธิก่อการร้าย” ซึ่งทั้งสองยุค สหรัฐอเมริกาเข้าไปติดกับในสงครามยืดเยื้อ สิ่งที่โลกได้รับคือ “ผลได้ไม่คุ้มผลเสีย”
ยังจำบทเรียนในอดีตกันได้หรือไม่ ?
หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ไทยถูกอังกฤษกับฝรั่งเศสบีบคั้นรุนแรง ส่วนสหรัฐอเมริกามีท่าทีกรุณาปรานีไทย คนไทยจึงเอียงไปนิยมอเมริกาอย่างเต็มที่
แต่หลังจากนั้นไม่นาน ไทยก็ต้องเข้าร่วมทำสงครามในคาบสมุทรเกาหลี ชาติไทยได้หรือเสียไปเท่าไหร่ ลองทบทวนกันบ้าง
หลังจากนั้นอีก สหรัฐกระโดดเข้ามาแทรกแซงสถานการณ์ในอินโดจีนเพื่อปิดล้อมจีนแดง สหรัฐให้ความช่วยเหลือไทยมากมาย เช่นสร้างถนนมิตรภาพ มาส่งเสริมการวิจัยข้าว ฯลฯ แต่การพัฒนาเส้นทางคมนาคมนั้น กลับเป็นส่วนหนึ่งของแผนการสงครามในอินโดจีน ไทยกลายเป็นฐานทัพให้อเมริกา ส่วนการวิจัยข้าวก็ทำให้ประเทศสหรัฐอเมริกากลายเป็นผู้ผลิตข้าวรายใหญ่รายใหม่ของโลกขึ้นมาได้ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านั้นแทบจะไม่รู้จักต้นข้าวกันเลย
ในด้านองค์การทางสากล ก็เกิดองค์การ สปอ. เป็นตัวแทนของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สงครามเย็นปิดฉาก สงครามกลางเมืองระหว่างรัฐบาลไทยกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยยุติลง
สันติสุขกันไม่นาน สหรัฐก็ไปทะเลาะกับกลุ่มประเทศอาหรับ แล้วทำไปทำมา เกิดกลุ่มก่อการร้ายที่อิงศาสนาอิสลามขึ้นมาก่อการอย่างร้ายแรง สหรัฐตอบโต้ด้วยสงครามในระดับกว้างและรุนแรงมากกว่า ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังติดหล่มอยู่ในอัฟกานิสถาน อิรัก และทำท่าจะขยายหล่มนี้ไปถึงปากีสถานอีกด้วย
แน่นอนว่าสหรัฐอเมริกาต้องการลากดึงไทย – มิตรเก่าแก่ผู้ซื่อสัตย์ และ “อาเซียน” เข้าไปอยู่ในแนวรบร่วมกับเขา
แต่เราอยู่ของเราดี ๆ แล้ว จะไปเป็นมิตรร่วมสงครามกับเขาเอา “กระดุกมาแขวนคอ” ทำไม
หลักการสามข้อข้างต้น วางไว้กว้าง ๆ ไม่เอนเอียงกลุ่มมหาอำนาจใดนะครับ
หลักการกว้าง ๆ สามข้อของประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียนที่แสดงไว้ข้างต้น เป็นหลักการที่ประเทศสมาชิกอาเซียนปฏิบัติได้ แม้บางประเทศจะยังมีปัญหาเฉพาะอยู่บ้างก็ตาม “อาเซียน” พึงรักษากรอบนี้ไว้ อย่ารีบร้อนยกระดับข้อเรียกร้องต่อกัน และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง จะต้องรักษาประโยชน์ของประเทศสมาชิกเป็นสำคัญ อย่าถูกแทรกแซงเปลี่ยนแปลงหลักการไป “ตามก้น” อเมริกาทุกอย่าง