ผลงานประกวดร้อยกรองออนไลน์ฯ ประจำปี 2552
เดือนสิงหาคม (16 สิงหาคม 15 กันยายน 2552)
ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (กลอนสุภาพ) : หัวข้อ ฤดูกาล
(รวม 12 ชิ้น ผิดกติกาส่งเกินกำหนดเวลา 1 ชิ้น)
(1.สาโรจน์)
ฤดูกาล
๏ ฤดูกาลผันเข้ายิ่งเศร้าหนัก ฤดูรักพัดมาพาใจหาย
ฤดูร้อนฝนหนาวเพียงร้าวกาย ใจสลายร้ายนักเพราะรักลวง
๏ คิมหันต์เปรียบเทียบนักรักครั้งแรก ยากจะแยกเพราะแรกรักมักห่วงหวง
แต่จำต้องพลัดพรากจากคู่ควง ฤดูกาลผ่านช่วงร่วงเลยมา
๏ ฟ้าอึมครึมครึ้มมัวสลัวแล้ว สาลิกาแต้วแร้วแว่วภาษา
ส่งสำเนียงเสียงประสานผ่านนภา คืนกลับมาสู่ถิ่นแผ่นดินทอง
๏ สายฝนพรำฉ่ำชื่นครื้นดวงจิต ล้างชีวิตจิตตัวที่มัวหมอง
อย่าจมปลักผลักใสใฝ่ลำพอง วันหนึ่งต้องสมหวังสักครั้งมี
๏ วัสสานะผละไปใจคิดถึง เฝ้าคะนึงถึงคนไกลมิหน่ายหนี
จะคงรักทุกฤดูทุกนาที ฤดูนี้ผ่านไปใฝ่รำพัน
๏ ลมเย็นโชยโบยสะบัดสัมผัสผิว ใบไม้ปลิวลิ่วมาพากระสัน
ลมเริ่มแรงแสงเริ่มอ่อนหายร้อนพลัน ลมเหมันต์หวั่นไหวใจประวิง
๏ ก่อนเคยร่วมเชยชมสุขสมสอง กอดประคองพลอดกายมีไฟผิง
บัดเดี๋ยวนี้หนาวนักขาดรักจริง จะหาสิ่งใดเทียบเปรียบทุกข์ตรม
๏ เมื่อไรหนอจะหายเจ็บคลายเห็บหนาว หรือต้องเศร้าเคล้าน้ำตาพาขื่นขม
ซ่อนความทุกข์ซุกใจไม่ภิรมณ์ ดวงใจจมหายวับไปลับตา
๏ ฤดูกาลแห่งรักประจักษ์แล้ว ไม่คลาดแคล้วคนร้อยเล่ห์เสน่หา
ทุกฤดูคือบทเรียนเวียนผ่านมา ธรรมดามาแล้วจรย้อนกลับไป
๏ หยดน้ำตาคือครูสั่งหลั่งคำสอน ให้เข้มแข็งทุกตอนอย่าอ่อนไหว
ฤดูร้อนฝนหนาวไม่เท่าไร ฤดูใจฤดูรักสิหนักทรวง
..........................................(1.สาโรจน์)............................................
(2.นันทิชา)
คนหลงฤดู
๏ จากหน้าฝนวนเปลี่ยนเวียนเป็นหนาว แล้วถึงคราวตะวันแรงส่องแสงกล้า
สรรพสิ่งผันแปรไปในวัฏฏา วันเวลาฤดูกาลย่อมผ่านไป
๏ เหมือนฟ้ามืดอับแสงแห่งชีวิต ภาวะจิตเศร้าหมองไม่ผ่องใส
ต่อวันรุ่งฟ้าเรืองรองผ่องอำไพ ความสดชื่นคืนมาให้เราได้ยล
๏ เพราะชีวิตย่อมมีสุขมีทุกข์คู่ มีหดหู่มีรื่นรมย์สมเหตุผล
สัจธรรมนำชีวิตลิขิตดล เกิดเป็นคนอย่ามองผ่านซึ่งด้านดี
๏ หลงเมามัวสิ่งตัวชอบตีกรอบไว้ สิ่งอื่นใดไม่เห็นค่าเมินหน้าหนี
ไม่พอใจในสิ่งที่ตนมี ทุกนาทีจึงร้อนรุ่มกลุ้มอุรา
๏ ละอดีตทำใจให้หมดจด หยุดคำนึงอนาคตลดปัญหา
กำหนดรู้ปัจจุบันทันเวลา สิ่งมีค่าอยู่ใกล้เพียงใจคิด
๏ อย่าถือมั่นว่านั่นดีหรือนี่ร้าย มองรอบกายอย่างรู้ทันอย่าหวั่นจิต
อยู่กับโลกด้วยความหวังพลังชีวิต จงใช้สิทธิ์กำหนดรู้ฤดูกาลฯ
..................................................(2.นันทิชา)..............................................
(3.สายลมสีขาว)
ฤดูกาล
๏ ใบไม้ผลิ บานโชย โปรยอวนกลิ่น แต่งประทิน ด้วงแสง ตะวันฉาย
ใบไม้ร่วง ห่วงภูมิ แสนมากมาย และเดียวดาย กลางหิมะ ที่ขาวโพลน
๏ ฤดูกาล ผันเปลี่ยน แวะเวียนวน เสมือนกล จากฟ้า ที่ผาดโผน
ให้เกิดก่อ การแลก และถ่ายโอน มานะโชน ฝันใฝ่ ฝืนชะตา
๏ เพราะว่ามี แรกเริ่ม ใบไม้ผลิ รับระวิ กานต์ไพร ในใต้หล้า
ก่อกำเนิด บรรดาลให้ เกิดชีวา แย้มพฤกษา ผกากรอง ช่างต้องใจ
๏ เมื่อเลยผ่าน ช่วงเช้า ที่แรกแย้ม ยามเที่ยงแต้ม สุรีย์ ปรีย์เปรมใส
เพื่อมอบแสง แผงศักดิ์ดา ภาณุไกล ถึงอาทิตย์ ที่ใหญ่ยิ่ง สิ่งใดเคียง
๏ ครั้งตกเย็น เห็นใบไม้ เรียงรายร่วง เข้าสู่ห่วง ความล้ำ ย้ำท่วงเสียง
หลากสีสันต์ หลายสีสวย ช่วยกันเรียง ให้เห็นเพียง ความงามยาม สนธยา
๏ เข้าถึงแล้ว ไอเย็น ฤดูหนาว งามแพรวพราว หิมะขาว ราวนิศา
ที่ดาวเด่น เจิดจรัส กลางนภา สิ้นทิวา แห่งแสง ที่แผดลง
๏ ฤดูกาล ย่อมผันเปลี่ยน และเปลี่ยนผัน สลับฟ้า คืนวัน มิมัวหลง
เป็นกลฟ้า ที่สอนให้ ได้ดำรง และได้คง ทุกอย่าง ต้องสมดุล
๏ นี่นะหรือ คือมนตร์ ธรรมชาติ ที่เขียนวาด มาดหมาย จนคล้ายคุ้น
ใช้ชีวิต สรรพสิ่ง พิงค้ำจุน ความการุณ ยืดหยุ่น ตามสมควรฯ
.............................................(3.สายลมสีขาว)....................................................
(4.สรศักดิ์)
ฤดูเดือด
๏ เมื่อสมดุลที่สมดุลกลับสูญสิ้น สายฝนรินเริ่มลดฝนหมดสาย
แสงเคยสาดแสงอุ่นสิ้นอุ่นกาย หนาวห่อนคลายหมดหนาวเหมือนคราวนั้น
๏ ฤดูกาลเปลี่ยนไปหรือใครเปลี่ยน ให้วกเวียนกลับหวนจนป่วนปั่น
เมื่อกฎหมู่รวมกลุ่มประชุมกัน กฎหมายนั้นมีไว้ให้ใครใช้
๏ ความดีเคยเป็นความดีที่สรรเสริญ หม่นหมางเมินสิ้นหมดสิ่งสดใส
ฤดูนี้สิ่งชั่วกล่นกลั้วไทย รอวันใหม่เปลี่ยนฤดูฝืนสู้ทน
๏ หากอำนาจยิ่งใหญ่ยังใช้มั่ว มากหมองมัวราคีทวีผล
หากสติมิรู้ตั้งกำบังตน ต้องร้อนรนลุกลามสงครามเมือง
๏ ฤดูนี้ลมปากกระชากศึก เล่ห์ซ้อนลึกสร้างกำแพงสีแดง-เหลือง
เพียงหูไปนาไร่ไม่ชำเลือง จึงเกิดเรื่องเสื่อมศรัทธาประชาชน
๏ รอสมดุลที่สมดุลหมุนมาใหม่ สายฝนใหญ่ดับไฟเถิดสายฝน
แสงแดดฟื้นคุณค่าสู่สากล หนาวผ่านพ้นลมหนาวสิ้นร้าวราญฯ
.........................................(4.สรศักดิ์)........................................................
(5.บวรฯ รัตนโกสินทร์)
ฤดูกาล
๏ ฤดูกาลผ่านผันคืนวันเคลื่อน ทิวาราตรีเยือนแล้วเลือนหาย
ธรรมชาติเปลี่ยนไปไม่เว้นวาย เหมือนความตายเกิดดับสลับกัน
๏ ความเปลี่ยนแปลงเปลี่ยนไปไม่หยุดยั้ง เป็นสัจจังแน่แท้ไม่แปรผัน
กฎเกณฑ์แห่งไตรลักษณ์ประจักษ์พลัน โลกเรานั้นไม่เที่ยงแท้ไม่แน่นอน
๏ วันเดือนปีผ่านไปในชีวิต โดยลิขิตกาลเวลาอุทาหรณ์
เมื่อเกิดขึ้นตั้งอยู่คู่ดินดอน ถึงขั้นตอนเลือนลับแล้วดับไป
๏ ฝนเคยตกลงมาตามหน้าที่ ตลอดปีตรงเวลาน่าเลื่อมใส
ลมร้อนเคยแผดเผาจนเศร้าใจ ร้อนฝนไม่ยอมเปลี่ยนเวียนตามกาล
๏ ครั้นหน้าหนาวก็เปลี่ยนไปกลับไม่หนาว วิบัติโลกถึงคราวต้องร้าวฉาน
ทั้งร้อนแล้งฝนหนาวเกิดร้าวราน วันเดือนผ่านเพียงพลิกผันวันเวลา
๏ เมื่อโลกาภิวัตน์หมุนพัดผ่าน ฤดูกาลเปลี่ยนแปลงในแหล่งหล้า
ต้องเตรียมรับความเปลี่ยนไปไม่อัตตา รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี
..............................................(5.บวรฯ รัตนโกสินทร์).........................................
(6.ปิยวรรณ์)
ฤดูกาล
๏ ใครผู้สร้างกำหนดเป็นบทบาท ธรรมชาติหมุนเวียนคอยเปลี่ยนผัน
ร้อน ฝน หนาว ฤดูกาลผ่านชีวัน คอยเสกสรรเรื่องราวกล่าวขานมา
๏ แดนอีสานดินแยกแตกระแหง หน้าร้อนแล้งโศกศัลย์เกิดปัญหา
มือหยาบกร้านยังยืนหยัดด้วยศรัทธา คือชาวนาพี่น้องผองชาวไทย
๏ เข้าหน้าฝนเหนือน้ำหลากพรากชีวิต ดั่งลิขิตต้องเผชิญเกินรับได้
ภาพเหตุการณ์ยังตอกย้ำชอกช้ำใจ ความผิดใครหรือบาปกรรมจ้องทำลาย
๏ คราหนาวหนาวสั่นฟันกระทบ บ้างต้องจบชีวิตไม่คิดหมาย
ทุรกันดานถูกทอดทิ้งยิ่งเดียวดาย ยังจมหายใต้ความหนาวเศร้ากมล
๏ ทุกเหตุการณชี้ให้ได้ประจักษ์ ส่งความรักล้ำเลิศบังเกิดผล
เพื่อเยียวยามอบความสุขทุกผองชน รักเอ่อล้นมิตรภาพอาบแผ่นดิน
๏ เริ่มนับหนึ่งรู้รักษ์สมัครสมาน ร่วมผสานดวงใจในทุกถิ่น
หยุดทำลายธรรมชาติผลาญชีวิน ก่อนสูญสิ้นโลกใบนี้ที่สวยงาม
..............................................(6.ปิยวรรณ์)......................................................
(7.อัชฌา)
ฤดูกาล
๏ ฤดูกาลมหันตภัยใครกำหนด ฤดูกาลความกำสรดรันทดหมอง
ฤดูกาลความชอกช้ำน้ำตานอง ฤดูกาลที่เราผองต้องพบเจอ
๏ เป็นฤดูสู้รบกระทบกระทั่ง ใช้กำลังเข้าโรมรันกันเสมอ
คิดต่างพลางแตกแยกกลุ่มเกลอ ร้องเสนอทางต้องการมานานเนา
๏ ยามหน้าร้อนก็ร้อนรุ่มเพลิงสุมไหม้ ด้วยกระแสสังคมไทยไฟแผดเผา
หมดฟ้างามความเรืองรองหมองเมฆเทา กลายเป็นเงาความรุนแรงแห่งสังคม
๏ พายุโหมกระหน่ำยามหน้าฝน ยากผ่านพ้นกับปัญหาพาขื่นขม
เป็นวิกฤตสงครามตามอารมณ์ ทุกข์ระทมแรงต่อแรงไม่ยอมกัน
๏ ถึงหน้าหนาวก็หนาวเหน็บเจ็บมากเหลือ ไออุ่นเอื้ออารีร้างทางคับขัน
หนึ่งเรียกร้องหนึ่งป้องปัดพัลวัน ความสัมพันธ์ร้าวฉานรอนรานไป
๏ ปรารถนาสามฤดูสู่ความสงบ ปัญหาพบอย่าท้อแท้ร่วมแก้ไข
ประสานแรงแห่งพลังอย่างเข้าใจ ขอคนไทยให้รักกันดังก่อนกาลฯ
.................................................(7.อัชฌา).......................................................
(8. แกมกาญจน์)
ฤดูกาล
๏ ฤดูกาลผ่านไปไม่หวนคิด ว่าชีวิตผ่านไปอย่างไร้ค่า
เกียรติ กาม กิน ยึดมั่น ถืออัตตา นำชีวาติดบ่วงห่วงแห่งกรรม
๏ ฤดูร้อนไทยร้อนรุ่มสุมไฟร้อน เกมการเมืองเรื่องบั่นทอนใจร้องร่ำ
ร้อนกว่าร้อนไทยไม่รักลืมหลักธรรม ชนชอกช้ำผิดหวังทั้งดวงจินต์
๏ ฤดูฝนยิ่งน้ำตาล้านห่าฝน ไทยทุกข์ทนไฟใต้ไม่จบสิ้น
กี่น้ำตาหลั่งหยดรดแผ่นดิน กี่ชีวินตายไปไม่กลับคืน
๏ ฤดูหนาวยิ่งหนาวเหน็บเจ็บเจียนตาย คนใจร้ายแบ่งไทยไม่อาจฝืน
หนาวกว่าหนาวเหลืองแดงทำใจกล้ำกลืน จะหยัดยืนอย่างไรในชีวา
๏ ฤดูร้อนให้เปลี่ยนร้อนเป็นรวมรัก ร่วมทอถักความดีมีคุณค่า
ให้ดอกไม้เบ่งบานเต็มลานตา งามศรัทธาธรรมผ่องผุดพิสุทธิ์ใจ
๏ ฤดูฝนลบน้ำตาทุกคราครั้ง เปลี่ยนให้เป็นพลังอันยิ่งใหญ่
สามัคคีด้วยเห็นไทยเป็นไทย หักด้ามปืนคืนรักใหม่ให้แผ่นดิน
๏ ฤดูหนาวยังอิ่มอุ่นกรุ่นไอหนาว ลืมเรื่องราวร้ายร้ายมลายสิ้น
สื่อสายใยสัมพันธ์มั่นดวงจินต์ ร้อยรักรินชี้ชัดบ่งศรัทธา
๏ ฤดูกาลผ่านไปให้หวนคิด ว่าชีวิตผ่านไปไม่ไร้ค่า
หากดับสิ้นโลภหลงปลงอัตตา นำชีวาพ้นบ่วงห้วงแห่งกรรม
.............................................(8.แกมกาญจน์).............................................
(9.ภาสกร)
ฤดูกาลแห่งชีวิต
๑ สายฝนพรำฉ่ำชื่นผืนภิภพ หล่อทำนบลำเลียงเลี้ยงธารใส
เรากักเก็บเลี้ยงกล้าเต็มนาไทย ด้วยอาศัยหลักสากลชลประทาน
๒ เมื่อลมหนาวแผ่คลุมสุมไฟอุ่น นานายทุนก็ร้างไกลการไถหว่าน
แห่เข้าเมืองเสี่ยงสู้สู่แหล่งงาน คนทิ้งบ้านเร่งรุดไปขุดทอง
๓ จนสงกรานต์งานบุญอุ่นจนอ้าว เล่นปะแป้งหนุ่มสาวหน้าขาวผ่อง
แข่งขนทรายเข้าวัดจัดประลอง ขนทรายต้องขนบุญเกื้อหนุนไป
๔ ฤดูกาลผ่านพบจบเพื่อเริ่ม วงล้อเดิมหมุนสลับขึ้นนับใหม่
ร้อนฝนหนาวประสมสีวิถีไทย สื่อภาพให้เห็นวงเวียนความเปลี่ยนแปลง
๕ ฤดูกาลยังเป็นอยู่เช่นนั้น ตราบตะวันสันโดดยังโชติแสง
ตราบโลกหมุนแกนเกลียวยังเชี่ยวแรง ก็ยากแบ่งวารวันที่สัญจร
๖ เปรียบกับชีพมนุษย์ชนบนโลกนี้ เริ่มชีวีเล็กเล็กเพียงเด็กอ่อน
ยิ่งเติบใหญ่เต็มฝันยิ่งบั่นทอน ยิ่งผ่านร้อนหนาวนานยิ่งผลาญวัย
๗ ไร้เรี่ยวแรงหมุนกลับเมื่อกาลผ่าน ทิ้งเพียงวารโศกสุขยุคสมัย
เป็นจารึกเป็นตำนาน ณ กาลไกล รุ่นต่อรุ่นสืบไป...ให้จดจำ....
.................................................(9.ภาสกร)...............................................
(10.ทิพย์สุคนธ์)
ฤดูกาล ฤดูการย์ ฤดูกาฬ
๏ อาทิตย์ผันจันทร์ผ่านกาลล่วงข้าม จึงโมงยามไม่นิ่งแน่ย่อมแปรเปลี่ยน
โลภ โกรธ หลง รุมเร้าเข้าแวะเวียน ชีพรู้เรียน ต่อสู้ สู่ความดี
๏ วัฏจักร ฤดูกาล เยือนย่านถิ่น ผืนแผ่นดินเคยประจักษ์สูงศักดิ์ศรี
การกระทำย้ำความเถื่อนเปื้อนราคี จวบวันนี้ ฤดูการย์ พานเปลี่ยนไป
๏ ฝนกระหน่ำโหมราวล้างคาวเลือด เเดงแดง เดือด พสุธาที่อาศัย
"อำนาจมืดแห่งมาร" บงการใจ ไทยกับไทยรบราฆ่ากันเอง
๏ ร้อนกายใจทั่วแคว้นแดนสยาม ไฟสงครามคุกรุ่นวุ่นข่มเหง
ผลาญขวานทองเพราะ กฎหมาย คลายยำเกรง ข้าขอเบ่งบารมีชั่วไม่กลัวใคร
๏ แล้งน้ำจิต แล้งน้ำใจ ชาติใกล้ม้วย สังคมป่วยเกินเยียวยารักษาได้
ไร้เหลียวแลแต่ละคนมิสนใจ กลับคงไว้ เงิน เงิน เงิน สรรเสริญกัน
๏ เย็นยะเยือก หนาวน้ำคำ เคยพร่ำกล่าว ร้อยเรื่องราว ล้านเล่ห์ลิ้น (สิ้นสร้างสรรค์)
เชื่อข้าเถิด ฝ่ายข้าถูก ปลูกสัมพันธ์ แต่ฆ่าฝัน ฆ่าศรัทธา เพื่อฆ่าไทย
๏ จะ หนาว ร้อน ฝน แล้ง ทุกแห่งโศก วิปโยคด้วยมุ่งเน้นความเป็นใหญ่
กิเลสลวงล่วงล้ำนำทางใจ ย่างก้าวไปบนทางผิด อวิชชา
๏ ฤดูกาฬ กลืนชีวีทีละนิด เลิกเสียเถิดความคิดคอยอิจฉา
สามัคคี เพื่อประเทศ วิเศษยา เปิดดวงตาเห็นธรรมพาจำเริญฯ
...............................................(10.ทิพย์สุคนธ์)...........................................
(11.กาญจนา)
ฤดูกาล
๏ มีม่านฟ้าทาฟากเป็นฉากฟ้า ทอสีทาเส้นสายระบายส่ง
ฤๅบิดเบือนให้เลือนรางเจือจางลง เหมือนบอกบ่งราตรีกาลของวารวัน
๏ โดยสายเลือดย่อมรู้ฤดูกาล ที่ผันผ่านหมุนเวียนค่อยเปลี่ยนผัน
ที่เร่งเร้าให้เฝ้ารอวันต่อวัน แต่งภาพฝันให้กระจ่างให้พร่างพราว
๏ แล้วหน้าแล้งก็โรยลมมาโลมแล้ง ไล้ระแหงแห้งกรังของซังข้าว
แดดแสงทอต่อเนื่องเป็นเรื่องราว ว่าต้องก้าวสานก่อกันต่อไป
๏ เปลี่ยนมาเป็นฤดูฝนล้วนคนเฝ้า ที่ปัดเป่าร้อนหนีที่หวั่นไหว
เป็นฝนย้อมจนโลกเย็นเป็นสุขใจ หนแห่งไหนฝนกระหน่ำก็ฉ่ำเย็น
๏ เมื่อเดือนดับรับรู้ฤดูหนาว เรือนร่างร้าวเหลือล้นจำทนเร้น
ใจต้องทนป่นปี้อย่างที่เป็น เท่าที่เห็นยิ่งตอกย้ำแต่จำทน
๏ ฤดูกาลผ่านไปเพื่อใจสู้ วันวันจึงรับรู้อยู่เหลือล้น
จักเบิกบุกทุกทางอย่างรู้ทน ประกอบปนกับความหวังครั้งสำคัญ
............................................ (11.กาญจนา).........................................
++++++++++++++++
(ส่งพุธ 16 ก.ย.52 ทางอีเมล์ ส่งงานเกินกำหนดเวลาที่กำหนดไว้)
(12.เอกกวินทร์)
ฤดูกาล ฤดูโกง
๏ ฤดูกาลหว่านกล้านาผืนน้อย ที่รอคอยหลายคราวคราได้มาถึง
มีความหวังเริ่มต้นใหม่ใจคนึง จะได้พึ่งขายข้าวตามราวนา
๏ เมื่อกล้างามถึงคราวดำทำเกษตร ทั่วทุกเขตเขียวขจีด้วยสีกล้า
ผ่านฤดูฝนพรำฉ่ำอุรา ทั่วผืนนานั้นสีทองผ่องอำไพ
๏ ต้องทุ่มเทแรงกายใจในการปลูก แต่มักถูกปุ๋ยแพงแผลงฤทธิ์ให้
ต้นทุนเพิ่มด้วยเล่ห์ฝังหวังกำไร หวังแต่ได้ไร้จิตคิดซื่อตรง
๏ ถึงจะเป็นชาวนาข้าไม่ท้อ ต้องสู้ต่อเพื่อข้าวงามตามประสงค์
ราคาดีชีวันก็มั่นคง จึงต้องลงทุนทุ่มให้ได้ข้าวดี
๏ ถึงฤดูเก็บเกี่ยวเคียวขอพร้อม มิอ้อมค้อมลงแขกกันฉันน้องพี่
สิ่งวาดฝันกำลังใกล้ในทุกที ปัญหาหนี้จะหมดสิ้นถิ่นท้องนา
๏ เข่าแทบทรุดเมื่อนจุดหมายปลายทางฝัน ที่วาดนั้นไม่เป็นเช่นปรารถนา
ถูกโกงกดราคาข้าวหนาวอุรา หนาวกายาไม่เท่าหนาวปวดร้าวใจ
๏ ชีวิตชนชาวนาช่างน่าเศร้า ถูกคนเขาโกงกดขี่ป็นหนี้ใหญ่
รัฐก็ช่วยชั่วก็แทรกแหวกทางไป บ่มีเหลืออะไรในท้องนา
๏ ฤดูกาลฤดูโกงโลงเก็บศพ ฤดูพบดวามผิดหวังน้ำนองหน้า
ฤดูแห่งความยากจนพ่นพิษ ฤดูแห่งปัญหากสิกรฯ
......................................(12.เอกกวินทร์)..........................................