ReadyPlanet.com
dot dot
ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (กลอนสุภาพ) : หัวข้อ “ฤดูกาล”

ผลงานประกวดร้อยกรองออนไลน์ฯ ประจำปี 2552

เดือนสิงหาคม (16 สิงหาคม – 15 กันยายน 2552)

 

ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (กลอนสุภาพ) : หัวข้อ “ฤดูกาล”

(รวม 12 ชิ้น ผิดกติกาส่งเกินกำหนดเวลา 1 ชิ้น)

 

(1.สาโรจน์)

ฤดูกาล

๏ ฤดูกาลผันเข้ายิ่งเศร้าหนัก                     ฤดูรักพัดมาพาใจหาย

ฤดูร้อนฝนหนาวเพียงร้าวกาย                    ใจสลายร้ายนักเพราะรักลวง

๏ คิมหันต์เปรียบเทียบนักรักครั้งแรก           ยากจะแยกเพราะแรกรักมักห่วงหวง

แต่จำต้องพลัดพรากจากคู่ควง                  ฤดูกาลผ่านช่วงร่วงเลยมา

๏ ฟ้าอึมครึมครึ้มมัวสลัวแล้ว                     สาลิกาแต้วแร้วแว่วภาษา

ส่งสำเนียงเสียงประสานผ่านนภา              คืนกลับมาสู่ถิ่นแผ่นดินทอง

๏ สายฝนพรำฉ่ำชื่นครื้นดวงจิต                 ล้างชีวิตจิตตัวที่มัวหมอง

อย่าจมปลักผลักใสใฝ่ลำพอง                   วันหนึ่งต้องสมหวังสักครั้งมี

๏ วัสสานะผละไปใจคิดถึง                       เฝ้าคะนึงถึงคนไกลมิหน่ายหนี

จะคงรักทุกฤดูทุกนาที                              ฤดูนี้ผ่านไปใฝ่รำพัน

๏ ลมเย็นโชยโบยสะบัดสัมผัสผิว               ใบไม้ปลิวลิ่วมาพากระสัน

ลมเริ่มแรงแสงเริ่มอ่อนหายร้อนพลัน          ลมเหมันต์หวั่นไหวใจประวิง

๏ ก่อนเคยร่วมเชยชมสุขสมสอง                กอดประคองพลอดกายมีไฟผิง

บัดเดี๋ยวนี้หนาวนักขาดรักจริง                   จะหาสิ่งใดเทียบเปรียบทุกข์ตรม

๏ เมื่อไรหนอจะหายเจ็บคลายเห็บหนาว      หรือต้องเศร้าเคล้าน้ำตาพาขื่นขม

ซ่อนความทุกข์ซุกใจไม่ภิรมณ์                   ดวงใจจมหายวับไปลับตา

๏ ฤดูกาลแห่งรักประจักษ์แล้ว                   ไม่คลาดแคล้วคนร้อยเล่ห์เสน่หา

ทุกฤดูคือบทเรียนเวียนผ่านมา                   ธรรมดามาแล้วจรย้อนกลับไป

๏ หยดน้ำตาคือครูสั่งหลั่งคำสอน              ให้เข้มแข็งทุกตอนอย่าอ่อนไหว

ฤดูร้อนฝนหนาวไม่เท่าไร                          ฤดูใจฤดูรักสิหนักทรวง

..........................................(1.สาโรจน์)............................................     

 

(2.นันทิชา)

คนหลงฤดู

จากหน้าฝนวนเปลี่ยนเวียนเป็นหนาว                   แล้วถึงคราวตะวันแรงส่องแสงกล้า

สรรพสิ่งผันแปรไปในวัฏฏา                                   วันเวลาฤดูกาลย่อมผ่านไป

๏ เหมือนฟ้ามืดอับแสงแห่งชีวิต                             ภาวะจิตเศร้าหมองไม่ผ่องใส

ต่อวันรุ่งฟ้าเรืองรองผ่องอำไพ                               ความสดชื่นคืนมาให้เราได้ยล

๏ เพราะชีวิตย่อมมีสุขมีทุกข์คู่                               มีหดหู่มีรื่นรมย์สมเหตุผล

สัจธรรมนำชีวิตลิขิตดล                                        เกิดเป็นคนอย่ามองผ่านซึ่งด้านดี

๏ หลงเมามัวสิ่งตัวชอบตีกรอบไว้                           สิ่งอื่นใดไม่เห็นค่าเมินหน้าหนี

ไม่พอใจในสิ่งที่ตนมี                                            ทุกนาทีจึงร้อนรุ่มกลุ้มอุรา

๏ ละอดีตทำใจให้หมดจด                                                หยุดคำนึงอนาคตลดปัญหา

กำหนดรู้ปัจจุบันทันเวลา                                      สิ่งมีค่าอยู่ใกล้เพียงใจคิด

๏ อย่าถือมั่นว่านั่นดีหรือนี่ร้าย                                มองรอบกายอย่างรู้ทันอย่าหวั่นจิต

อยู่กับโลกด้วยความหวังพลังชีวิต                          จงใช้สิทธิ์กำหนดรู้ฤดูกาลฯ

..................................................(2.นันทิชา)..............................................

 

(3.สายลมสีขาว)

ฤดูกาล

๏ ใบไม้ผลิ บานโชย โปรยอวนกลิ่น             แต่งประทิน ด้วงแสง ตะวันฉาย
ใบไม้ร่วง ห่วงภูมิ แสนมากมาย                             และเดียวดาย กลางหิมะ ที่ขาวโพลน

๏ ฤดูกาล ผันเปลี่ยน แวะเวียนวน                          เสมือนกล จากฟ้า ที่ผาดโผน
ให้เกิดก่อ การแลก และถ่ายโอน                            มานะโชน ฝันใฝ่ ฝืนชะตา

๏ เพราะว่ามี แรกเริ่ม ใบไม้ผลิ                               รับระวิ กานต์ไพร ในใต้หล้า
ก่อกำเนิด บรรดาลให้ เกิดชีวา                               แย้มพฤกษา ผกากรอง ช่างต้องใจ

๏ เมื่อเลยผ่าน ช่วงเช้า ที่แรกแย้ม                          ยามเที่ยงแต้ม สุรีย์ ปรีย์เปรมใส
เพื่อมอบแสง แผงศักดิ์ดา ภาณุไกล                       ถึงอาทิตย์ ที่ใหญ่ยิ่ง สิ่งใดเคียง

๏ ครั้งตกเย็น เห็นใบไม้ เรียงรายร่วง                       เข้าสู่ห่วง ความล้ำ ย้ำท่วงเสียง
หลากสีสันต์ หลายสีสวย ช่วยกันเรียง                    ให้เห็นเพียง ความงามยาม สนธยา

๏ เข้าถึงแล้ว ไอเย็น ฤดูหนาว                                งามแพรวพราว หิมะขาว ราวนิศา
ที่ดาวเด่น เจิดจรัส กลางนภา                                สิ้นทิวา แห่งแสง ที่แผดลง

๏ ฤดูกาล ย่อมผันเปลี่ยน และเปลี่ยนผัน                สลับฟ้า คืนวัน มิมัวหลง
เป็นกลฟ้า ที่สอนให้ ได้ดำรง                                 และได้คง ทุกอย่าง ต้องสมดุล

๏ นี่นะหรือ คือมนตร์ ธรรมชาติ                             ที่เขียนวาด มาดหมาย จนคล้ายคุ้น
ใช้ชีวิต สรรพสิ่ง พิงค้ำจุน                                                ความการุณ ยืดหยุ่น ตามสมควร

.............................................(3.สายลมสีขาว)....................................................

 

(4.สรศักดิ์)

ฤดูเดือด

๏ เมื่อสมดุลที่สมดุลกลับสูญสิ้น               สายฝนรินเริ่มลดฝนหมดสาย

แสงเคยสาดแสงอุ่นสิ้นอุ่นกาย                  หนาวห่อนคลายหมดหนาวเหมือนคราวนั้น

๏ ฤดูกาลเปลี่ยนไปหรือใครเปลี่ยน ให้วกเวียนกลับหวนจนป่วนปั่น

เมื่อกฎหมู่รวมกลุ่มประชุมกัน                    กฎหมายนั้นมีไว้ให้ใครใช้

๏ ความดีเคยเป็นความดีที่สรรเสริญ           หม่นหมางเมินสิ้นหมดสิ่งสดใส

ฤดูนี้สิ่งชั่วกล่นกลั้วไทย                            รอวันใหม่เปลี่ยนฤดูฝืนสู้ทน

๏ หากอำนาจยิ่งใหญ่ยังใช้มั่ว                    มากหมองมัวราคีทวีผล

หากสติมิรู้ตั้งกำบังตน                              ต้องร้อนรนลุกลามสงครามเมือง

๏ ฤดูนี้ลมปากกระชากศึก             เล่ห์ซ้อนลึกสร้างกำแพงสีแดง-เหลือง

เพียงหูไปนาไร่ไม่ชำเลือง                          จึงเกิดเรื่องเสื่อมศรัทธาประชาชน

๏ รอสมดุลที่สมดุลหมุนมาใหม่                 สายฝนใหญ่ดับไฟเถิดสายฝน

แสงแดดฟื้นคุณค่าสู่สากล                       หนาวผ่านพ้นลมหนาวสิ้นร้าวราญฯ

.........................................(4.สรศักดิ์)........................................................      

 

(5.บวรฯ รัตนโกสินทร์)

ฤดูกาล

๏ ฤดูกาลผ่านผันคืนวันเคลื่อน                              ทิวาราตรีเยือนแล้วเลือนหาย

ธรรมชาติเปลี่ยนไปไม่เว้นวาย                                เหมือนความตายเกิดดับสลับกัน

๏ ความเปลี่ยนแปลงเปลี่ยนไปไม่หยุดยั้ง                เป็นสัจจังแน่แท้ไม่แปรผัน

กฎเกณฑ์แห่งไตรลักษณ์ประจักษ์พลัน                   โลกเรานั้นไม่เที่ยงแท้ไม่แน่นอน

๏ วันเดือนปีผ่านไปในชีวิต                                    โดยลิขิตกาลเวลาอุทาหรณ์

เมื่อเกิดขึ้นตั้งอยู่คู่ดินดอน                                    ถึงขั้นตอนเลือนลับแล้วดับไป

๏ ฝนเคยตกลงมาตามหน้าที่                                 ตลอดปีตรงเวลาน่าเลื่อมใส

ลมร้อนเคยแผดเผาจนเศร้าใจ                               ร้อนฝนไม่ยอมเปลี่ยนเวียนตามกาล

๏ ครั้นหน้าหนาวก็เปลี่ยนไปกลับไม่หนาว                วิบัติโลกถึงคราวต้องร้าวฉาน

ทั้งร้อนแล้งฝนหนาวเกิดร้าวราน                            วันเดือนผ่านเพียงพลิกผันวันเวลา

๏ เมื่อโลกาภิวัตน์หมุนพัดผ่าน                               ฤดูกาลเปลี่ยนแปลงในแหล่งหล้า

ต้องเตรียมรับความเปลี่ยนไปไม่อัตตา                    “รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี”

..............................................(5.บวรฯ รัตนโกสินทร์).........................................

 

(6.ปิยวรรณ์)

“ฤดูกาล”

๏ ใครผู้สร้างกำหนดเป็นบทบาท                ธรรมชาติหมุนเวียนคอยเปลี่ยนผัน

ร้อน ฝน หนาว ฤดูกาลผ่านชีวัน                คอยเสกสรรเรื่องราวกล่าวขานมา

๏ แดนอีสานดินแยกแตกระแหง                หน้าร้อนแล้งโศกศัลย์เกิดปัญหา

มือหยาบกร้านยังยืนหยัดด้วยศรัทธา          คือชาวนาพี่น้องผองชาวไทย

๏ เข้าหน้าฝนเหนือน้ำหลากพรากชีวิต        ดั่งลิขิตต้องเผชิญเกินรับได้

ภาพเหตุการณ์ยังตอกย้ำชอกช้ำใจ ความผิดใครหรือบาปกรรมจ้องทำลาย

๏ คราหนาวหนาวสั่นฟันกระทบ                 บ้างต้องจบชีวิตไม่คิดหมาย

ทุรกันดานถูกทอดทิ้งยิ่งเดียวดาย               ยังจมหายใต้ความหนาวเศร้ากมล

๏ ทุกเหตุการณชี้ให้ได้ประจักษ์                  ส่งความรักล้ำเลิศบังเกิดผล

เพื่อเยียวยามอบความสุขทุกผองชน           รักเอ่อล้นมิตรภาพอาบแผ่นดิน

๏ เริ่มนับหนึ่งรู้รักษ์สมัครสมาน                  ร่วมผสานดวงใจในทุกถิ่น

หยุดทำลายธรรมชาติผลาญชีวิน               ก่อนสูญสิ้นโลกใบนี้ที่สวยงาม

..............................................(6.ปิยวรรณ์)......................................................

 

(7.อัชฌา)

“ฤดูกาล”

๏ ฤดูกาลมหันตภัยใครกำหนด                              ฤดูกาลความกำสรดรันทดหมอง
ฤดูกาลความชอกช้ำน้ำตานอง                              ฤดูกาลที่เราผองต้องพบเจอ
๏ เป็นฤดูสู้รบกระทบกระทั่ง                                  ใช้กำลังเข้าโรมรันกันเสมอ
คิดต่างพลางแตกแยกกลุ่มเกลอ                            ร้องเสนอทางต้องการมานานเนา
๏ ยามหน้าร้อนก็ร้อนรุ่มเพลิงสุมไหม้                      ด้วยกระแสสังคมไทยไฟแผดเผา
หมดฟ้างามความเรืองรองหมองเมฆเทา                 กลายเป็นเงาความรุนแรงแห่งสังคม
พายุโหมกระหน่ำยามหน้าฝน                             ยากผ่านพ้นกับปัญหาพาขื่นขม
เป็นวิกฤตสงครามตามอารมณ์                              ทุกข์ระทมแรงต่อแรงไม่ยอมกัน
๏ ถึงหน้าหนาวก็หนาวเหน็บเจ็บมากเหลือ               ไออุ่นเอื้ออารีร้างทางคับขัน
หนึ่งเรียกร้องหนึ่งป้องปัดพัลวัน                             ความสัมพันธ์ร้าวฉานรอนรานไป
๏ ปรารถนาสามฤดูสู่ความสงบ                             ปัญหาพบอย่าท้อแท้ร่วมแก้ไข
ประสานแรงแห่งพลังอย่างเข้าใจ                           ขอคนไทยให้รักกันดังก่อนกาลฯ

.................................................(7.อัชฌา)....................................................... 

 

(8. แกมกาญจน์)

ฤดูกาล

๏ ฤดูกาลผ่านไปไม่หวนคิด                                   ว่าชีวิตผ่านไปอย่างไร้ค่า

เกียรติ กาม กิน ยึดมั่น ถืออัตตา                            นำชีวาติดบ่วงห่วงแห่งกรรม

๏ ฤดูร้อนไทยร้อนรุ่มสุมไฟร้อน                              เกมการเมืองเรื่องบั่นทอนใจร้องร่ำ

ร้อนกว่าร้อนไทยไม่รักลืมหลักธรรม                        ชนชอกช้ำผิดหวังทั้งดวงจินต์

๏ ฤดูฝนยิ่งน้ำตาล้านห่าฝน                                              ไทยทุกข์ทนไฟใต้ไม่จบสิ้น

กี่น้ำตาหลั่งหยดรดแผ่นดิน                                   กี่ชีวินตายไปไม่กลับคืน

๏ ฤดูหนาวยิ่งหนาวเหน็บเจ็บเจียนตาย                   คนใจร้ายแบ่งไทยไม่อาจฝืน

หนาวกว่าหนาวเหลืองแดงทำใจกล้ำกลืน               จะหยัดยืนอย่างไรในชีวา 

๏ ฤดูร้อนให้เปลี่ยนร้อนเป็นรวมรัก                          ร่วมทอถักความดีมีคุณค่า

ให้ดอกไม้เบ่งบานเต็มลานตา                                งามศรัทธาธรรมผ่องผุดพิสุทธิ์ใจ

๏ ฤดูฝนลบน้ำตาทุกคราครั้ง                                             เปลี่ยนให้เป็นพลังอันยิ่งใหญ่

สามัคคีด้วยเห็นไทยเป็นไทย                                 หักด้ามปืนคืนรักใหม่ให้แผ่นดิน

๏ ฤดูหนาวยังอิ่มอุ่นกรุ่นไอหนาว                            ลืมเรื่องราวร้ายร้ายมลายสิ้น

สื่อสายใยสัมพันธ์มั่นดวงจินต์                              ร้อยรักรินชี้ชัดบ่งศรัทธา

๏ ฤดูกาลผ่านไปให้หวนคิด                                  ว่าชีวิตผ่านไปไม่ไร้ค่า

หากดับสิ้นโลภหลงปลงอัตตา                               นำชีวาพ้นบ่วงห้วงแห่งกรรม

.............................................(8.แกมกาญจน์).............................................      

 

(9.ภาสกร)

ฤดูกาลแห่งชีวิต

๑ สายฝนพรำฉ่ำชื่นผืนภิภพ                                 หล่อทำนบลำเลียงเลี้ยงธารใส

เรากักเก็บเลี้ยงกล้าเต็มนาไทย                               ด้วยอาศัยหลักสากลชลประทาน

๒ เมื่อลมหนาวแผ่คลุมสุมไฟอุ่น                           นานายทุนก็ร้างไกลการไถหว่าน

แห่เข้าเมืองเสี่ยงสู้สู่แหล่งงาน                               คนทิ้งบ้านเร่งรุดไปขุดทอง

๓ จนสงกรานต์งานบุญอุ่นจนอ้าว                         เล่นปะแป้งหนุ่มสาวหน้าขาวผ่อง

แข่งขนทรายเข้าวัดจัดประลอง                              ขนทรายต้องขนบุญเกื้อหนุนไป

๔ ฤดูกาลผ่านพบจบเพื่อเริ่ม                                 วงล้อเดิมหมุนสลับขึ้นนับใหม่

ร้อนฝนหนาวประสมสีวิถีไทย                                สื่อภาพให้เห็นวงเวียนความเปลี่ยนแปลง

๕ ฤดูกาลยังเป็นอยู่เช่นนั้น                                   ตราบตะวันสันโดดยังโชติแสง

ตราบโลกหมุนแกนเกลียวยังเชี่ยวแรง                     ก็ยากแบ่งวารวันที่สัญจร

๖ เปรียบกับชีพมนุษย์ชนบนโลกนี้             เริ่มชีวีเล็กเล็กเพียงเด็กอ่อน

ยิ่งเติบใหญ่เต็มฝันยิ่งบั่นทอน                               ยิ่งผ่านร้อนหนาวนานยิ่งผลาญวัย

๗ ไร้เรี่ยวแรงหมุนกลับเมื่อกาลผ่าน                        ทิ้งเพียงวารโศกสุขยุคสมัย

เป็นจารึกเป็นตำนาน ณ กาลไกล                           รุ่นต่อรุ่นสืบไป...ให้จดจำ....

.................................................(9.ภาสกร)...............................................

 

(10.ทิพย์สุคนธ์)

ฤดูกาล – ฤดูการย์ – ฤดูกาฬ

๏ อาทิตย์ผันจันทร์ผ่านกาลล่วงข้าม                       จึงโมงยามไม่นิ่งแน่ย่อมแปรเปลี่ยน

โลภ โกรธ หลง รุมเร้าเข้าแวะเวียน             ชีพรู้เรียน ต่อสู้ สู่ความดี

๏ วัฏจักร “ฤดูกาล” เยือนย่านถิ่น                            ผืนแผ่นดินเคยประจักษ์สูงศักดิ์ศรี

การกระทำย้ำความเถื่อนเปื้อนราคี             จวบวันนี้ “ฤดูการย์” พานเปลี่ยนไป

๏ ฝนกระหน่ำโหมราวล้างคาวเลือด                       เเดงแดง เดือด พสุธาที่อาศัย

"อำนาจมืดแห่งมาร" บงการใจ                               ไทยกับไทยรบราฆ่ากันเอง

๏ ร้อนกายใจทั่วแคว้นแดนสยาม                           ไฟสงครามคุกรุ่นวุ่นข่มเหง

ผลาญขวานทองเพราะ “กฎหมาย” คลายยำเกรง     “ข้าขอเบ่งบารมีชั่วไม่กลัวใคร”

๏ แล้งน้ำจิต แล้งน้ำใจ ชาติใกล้ม้วย                      สังคมป่วยเกินเยียวยารักษาได้

ไร้เหลียวแลแต่ละคนมิสนใจ                                 กลับคงไว้ เงิน เงิน เงิน สรรเสริญกัน

๏ เย็นยะเยือก หนาวน้ำคำ เคยพร่ำกล่าว                ร้อยเรื่องราว ล้านเล่ห์ลิ้น (สิ้นสร้างสรรค์)

“เชื่อข้าเถิด”  “ฝ่ายข้าถูก”  ปลูกสัมพันธ์                  แต่ฆ่าฝัน ฆ่าศรัทธา เพื่อฆ่าไทย

๏ จะ หนาว ร้อน ฝน แล้ง ทุกแห่งโศก                    วิปโยคด้วยมุ่งเน้นความเป็นใหญ่

กิเลสลวงล่วงล้ำนำทางใจ                                    ย่างก้าวไปบนทางผิด อวิชชา

“ฤดูกาฬ” กลืนชีวีทีละนิด                                  เลิกเสียเถิดความคิดคอยอิจฉา

“สามัคคี” เพื่อประเทศ “วิเศษยา”                          เปิดดวงตาเห็นธรรมพาจำเริญฯ

...............................................(10.ทิพย์สุคนธ์)...........................................

 

(11.กาญจนา)

ฤดูกาล

๏ มีม่านฟ้าทาฟากเป็นฉากฟ้า                               ทอสีทาเส้นสายระบายส่ง

ฤๅบิดเบือนให้เลือนรางเจือจางลง                          เหมือนบอกบ่งราตรีกาลของวารวัน

๏ โดยสายเลือดย่อมรู้ฤดูกาล                                ที่ผันผ่านหมุนเวียนค่อยเปลี่ยนผัน

ที่เร่งเร้าให้เฝ้ารอวันต่อวัน                         แต่งภาพฝันให้กระจ่างให้พร่างพราว

๏ แล้วหน้าแล้งก็โรยลมมาโลมแล้ง                        ไล้ระแหงแห้งกรังของซังข้าว

แดดแสงทอต่อเนื่องเป็นเรื่องราว                           ว่าต้องก้าวสานก่อกันต่อไป

๏ เปลี่ยนมาเป็นฤดูฝนล้วนคนเฝ้า                          ที่ปัดเป่าร้อนหนีที่หวั่นไหว

เป็นฝนย้อมจนโลกเย็นเป็นสุขใจ                            หนแห่งไหนฝนกระหน่ำก็ฉ่ำเย็น

๏ เมื่อเดือนดับรับรู้ฤดูหนาว                                   เรือนร่างร้าวเหลือล้นจำทนเร้น

ใจต้องทนป่นปี้อย่างที่เป็น                                    เท่าที่เห็นยิ่งตอกย้ำแต่จำทน

๏ ฤดูกาลผ่านไปเพื่อใจสู้                                      วันวันจึงรับรู้อยู่เหลือล้น

จักเบิกบุกทุกทางอย่างรู้ทน                                   ประกอบปนกับความหวังครั้งสำคัญ

............................................ (11.กาญจนา).........................................

 

++++++++++++++++

(ส่งพุธ 16 ก.ย.52 ทางอีเมล์ ส่งงานเกินกำหนดเวลาที่กำหนดไว้)

(12.เอกกวินทร์)

ฤดูกาล ฤดูโกง

๏ ฤดูกาลหว่านกล้านาผืนน้อย                  ที่รอคอยหลายคราวคราได้มาถึง

มีความหวังเริ่มต้นใหม่ใจคนึง                   จะได้พึ่งขายข้าวตามราวนา

๏ เมื่อกล้างามถึงคราวดำทำเกษตร                        ทั่วทุกเขตเขียวขจีด้วยสีกล้า

ผ่านฤดูฝนพรำฉ่ำอุรา                              ทั่วผืนนานั้นสีทองผ่องอำไพ

๏ ต้องทุ่มเทแรงกายใจในการปลูก              แต่มักถูกปุ๋ยแพงแผลงฤทธิ์ให้

ต้นทุนเพิ่มด้วยเล่ห์ฝังหวังกำไร                  หวังแต่ได้ไร้จิตคิดซื่อตรง

๏ ถึงจะเป็นชาวนาข้าไม่ท้อ                       ต้องสู้ต่อเพื่อข้าวงามตามประสงค์

ราคาดีชีวันก็มั่นคง                                  จึงต้องลงทุนทุ่มให้ได้ข้าวดี

๏ ถึงฤดูเก็บเกี่ยวเคียวขอพร้อม                  มิอ้อมค้อมลงแขกกันฉันน้องพี่

สิ่งวาดฝันกำลังใกล้ในทุกที                      ปัญหาหนี้จะหมดสิ้นถิ่นท้องนา

๏ เข่าแทบทรุดเมื่อนจุดหมายปลายทางฝัน  ที่วาดนั้นไม่เป็นเช่นปรารถนา

ถูกโกงกดราคาข้าวหนาวอุรา                     หนาวกายาไม่เท่าหนาวปวดร้าวใจ

๏ ชีวิตชนชาวนาช่างน่าเศร้า                      ถูกคนเขาโกงกดขี่ป็นหนี้ใหญ่

รัฐก็ช่วยชั่วก็แทรกแหวกทางไป                  บ่มีเหลืออะไรในท้องนา

๏ ฤดูกาลฤดูโกงโลงเก็บศพ                       ฤดูพบดวามผิดหวังน้ำนองหน้า

ฤดูแห่งความยากจนพ่นพิษ                      ฤดูแห่งปัญหากสิกรฯ

......................................(12.เอกกวินทร์)..........................................



กลอนสุภาพ 2552

ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (กลอนสุภาพ) : หัวข้อ “ภาพที่เราหลงลืม”
ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (กลอนสุภาพ) : หัวข้อ “บทเพลงแห่งสันติภาพ”



bulletผลร้อยกรองออนไลน์ 2558
dot
ประกวดร้อยกรองออนไลน์ครั้งที่ 7
dot
bulletข้อมูลการประกวดครั้งที่ 7, 2557
bulletผังร้อยกรอง
bulletอ่านโคลงประกวด 2557
bulletอ่านกลอนประกวด 2557
bulletอ่านกาพย์ยานีประกวด 2557
bulletผลการประกวดร้อยกรอง ปี 2557
dot
ข่าวสาร ข้อมูลสมาคม
dot
bulletกรรมการสมาคมสมัยที่ ๑๕-๑๖
bulletนายกสมาคมสมัยที่ ๑๗
bulletติดต่อนายกสมาคมนักกลอน
bulletติดต่อฝ่ายดูแลส่วนต่างๆ
bulletสมัครสมาชิกสมาคมนักกลอน
bulletนักกลอนตัวอย่าง ๒๕๕๓
dot
หัวข้อน่าสนใจ
dot
bulletรวมลิ้งค์เว็บไซต์น่าสนใจ
bulletส่งบทสักวา น.ส.พ. สยามรัฐ
bulletวารสารวิทยาจารย์ รับต้นฉบับ
bulletส่งข้อเขียนครูในดวงใจ
dot
แนะนำหนังสือ
dot
bulletหน้ารวมหนังสือ
bulletคู่มือเรียนเขียนกลอน
bulletกาสรคำฉันท์ - สมคิด สิงสง
bulletหนังสือสุรินทร์สโมสร
bulletฝากโลกนี้ไว้ในหัวใจเธอ - กอนกูย
bulletเลือน - อติภพ
bulletธาร ธรรมโฆษณ์
bulletนายทิวา
bulletกลอนเกียรติยศ
bulletอ้อมกอดแห่งท้องทุ่ง
bulletทองแถม นาถจำนง
bulletพงศาวดารพิภพ
bulletโป๊ยเซียน คะนองฤทธิ์
dot
โครงการประกวดต่างๆ
dot
bulletนายอินทร์อะวอร์ด ๒๕๕๖
bulletประกวดรางวัลซีไรท์ปี ๒๕๕๖
bulletรางวัลพานแว่นฟ้า ปี ๒๕๕๖
bulletรางวัลวรรณกรรมรามคำแหง ๒๕๕๖
dot
ผลตัดสินรางวัลต่างๆ
dot
bulletรางวัลศรีบูรพา ๒๕๕๖
bulletผลรางวัลซีไรต์ ๒๕๕๗
bulletผลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ๒๕๕๗
bulletผลรางวัลแว่นแก้ว ๗ (๒๕๕๓)
bulletผลกลอนวิถีคนกับควาย
bulletผลร้อยกรอง “ผมจะเป็นคนดี”
bulletรางวัลนราธิป ๒๕๕๓
bulletนักเขียนอมตะ คนที่ ๖ (๒๕๕๕)
bulletนักเขียนรางวัลศรีบูรพา ๒๕๕๖
bulletศิลปินมรดกอีสาน ๒๕๕๔
bulletผลรางวัลพานแว่นฟ้า ๒๕๕๕
bulletผลรางวัลรามคำแหง ๒๕๕๖
bulletศิลปินแห่งชาติ ๒๕๕๕
bulletผลประกวดหนังสือ ชีวิตใหม่ 2
dot
ข่าวคราวของลมหายใจ
dot
dot
Weblink
dot
bulletอ่านกลอนประกวด 2556

หนังสือพิมพ์ คมชัดลึก
สมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย
ศูนย์ให้คำปรึกษาปัญหาภาษาไทย มศว
เว็บรวมกระทู้ อาศรมชาวโคลง ใน pantip.com
หนังสืออีศาน


Copyright © 2010 All Rights Reserved.
ติดต่อ นายกสมาคมนักกลอนแห่งประเทศไทย ทองแถม นาถจำนง
โทรศัพท์ ๐๘๙-๑๒๓๔๗๕๔ อีเมล์ tongtham.n@hotmail.com

สำนักพิมพ์แม่โพสพ