บทเพลงแห่งสันติภาพ ... ที่หายไป (1.สายลมสีขาว)
๏ แว่วล่องลม ระงมทับ สดับฟ้า สะอื้นมา ตามทิศ แห่งสิทธิ์เสียง
ร้องระริน กลิ่นอาย ประกายเพียง น้ำสำเนียง เหวี่ยงวจี เข้าสาดกัน
๏ หมายสนอง ครองศึก เข้ายึดหลัก ลงฐานปัก ทุกสิ่ง ไม่อิงฝัน
ใช้ดาบฟ้า คู่บ้าน เข้าฟาดฟัน กฎหมายนั้น เข่นฆ่า พวกกันเอง
๏ ปากประกาศ ร้องขอ ความสันติ แต่ยังริ กำเขา เข้าข่มเหง
ทำนองโศก โยกร้อง ท่องบรรเลง เป็นบทเพลง แห่งน้ำ จากดวงตา
๏ หยุดเถอะหยุด พูดกัน มั่นเสมอ แต่ไม่เห็น จะเจอ คำเรียกหา
แล้วจะพูด ทำไม ไร้ราคา แถมตีตรา หลอกลวง ปวงผองชน
๏ ศึกนอกบ้าน เข้ารบ มิเคยหวั่น ศาตรานั้น ฟาดฟัน ทันทุกหน
ดาบกวัดแกว่ง แรงใส่ คล้ายขุนพล ใช้เล่ห์กล พิชิตดิ้น สิ้นไพรี
๏ สามัคคี การรบ สยบหล้า แต่เสียท่า ศึกใน ไร้พื้นที่
ในช่วงตรึง ซึ่งถูกเรียก ว่ายุคกลี คำน้องพี่ ขาดสะบั้น เหมือนฝันไป
๏ ตายทั้งเป็น เร้นอยู่ ในทุกหน ซ่อนเล่ห์กล มลมั่ว ไม่ผ่องใส
แล้วบทเพลง จะบรรเลง ให้กับใคร สันติภาพ อยู่ไหน ในบ้านเมืองฯ
..............................................(1.สายลมสีขาว).................................................
หายไปไหน (2วารีสีคราม)
๏ เด็กตัวน้อยนั่งมองตาใสใส ไม่เข้าใจถึงความจริงทุกวันนี้
ความวุ่นวายย่ำแย่ย้ำทวี มันดูดกลืนสิ่งดีดีให้หายไป
๏ โลกเจริญพัฒนาไม่มีหยุด แต่จะขุดหาความดีได้จากไหน
เมื่อความคิดความงามเริ่มห่างไกล จากจิตใจคนในชาติปัจจุบัน
๏ ความอยากได้อยากมีชิงดีเด่น ก่อกลายเป็นชนวนหลักให้แข่งขัน
ต่างอยากมีอำนาจเป็นสำคัญ จึงรบราฆ่าฟันไม่เพื่อเอามา
๏ สงครามไทยกันเองจึงก่อเกิด เพราะว่าเราไม่เปิดใจปรึกษา
โดยตั้งเอาความคิดตนจนปัญญา ไม่สามารถถามหาสันติวิธี
๏ เพียงแต่เราเปิดใจให้ยอมรับ ยอมฟังกับความเห็นหลากหลายสี
จะเห็นมุมต่างองศาอาจว่าดี ความสุขที่เคยมีจะกลับมา
๏ ไม่เช่นนั้นสงสารชนรุ่นหลัง จะเกลียดชังไม่มีดีให้ศึกษา
เห็นแต่ภาพเลวร้ายแต่นมนา แล้วจะว่าถ้าเด็กเลวได้อย่างไร
๏ คนรุ่นนี้ต้องทำเป็นตัวอย่าง อย่าให้เด็กมันอ้างผู้ใหญ่ได้
แค่ทำดีรับฟังกันยากอย่างไร อย่าให้เลือดไทยเองต้องไหลริน
๏ เพียงเท่านี้ก็จะมีสันติภาพ ประเทศไทยจะอยู่ตราบฟ้าสิ้น
ให้ไทยนี้จงอยู่คู่ฟ้าดิน อย่าให้ท้องทั่วถิ่นต้องแตกไป
๏ ให้ประชาในชาติมีความสุข อยากให้ทุกรอยยิ้มไม่จางหาย
ให้บทเพลงสันติภาพในหัวใจ สามารถร้องไปได้อย่างภาคภูมิฯ
............................................(2วารีสีคราม)....................................................
(3.สรศักดิ์)
๏ วิเวกแว่วสายธารผสานเสียง วิหคเรียงเคียงคู่ดูหรรษา
ยอดไผ่สีเสียงประสานส่งผ่านมา ชื่นชีวาบรรเลงบทเพลงไพร
๏ แดดทอแสงสาดส่องทุกท้องที่ เขียวขจีปรากฏสิ่งสดใส
คงความงามงดงามด้วยน้ำใจ อิ่มอุ่นไออบอุ่นอย่างคุ้นเคย
๏ สายน้ำไหลฉ่ำเย็นกระเซ็นสาย สู่จุดหมายล้ำเลิศอย่างเปิดเผย
สร้างชุ่มชื่นสุขสมได้ชมเชย ไม่ละเลยคุณค่าประชาชน
๏ ความหลงผิดทิ้งไปสร่างใจเศร้า ทิ้งตัวเรายกระดับหยุดสับสน
ทิ้งอำนาจศรัทธาลืมค่าตน ก้าวเดินบนทางสายธรรมนำชีวี
๏ สันติภาพบรรเลงบทเพลงหวาน สื่อสืบสานสายใยในวิถี
เพียงมีหวังทรงพลังตั้งความดี ก่อไมตรีสุขสันต์ทุกชั้นคน
๏ ละฝุ่นผงลุ่มหลงในสงสาร กรองวิญญาณสู่ทิพย์นิพพานผล
ธรรมะช่วยธรรมะชูธรรมะชน เพื่อผ่านพ้นกิเลสร้ายทำลายเรา
๏ สันติภาพแท้จริงคือสิ่งไหน อยู่ที่ใจเห็นจริงคลายสิ่งเขลา
อวิชชาแน่นหนาปัญญาเบา จึงแผดเผาร้อนรุ่มทุกกลุ่มชน
๏ บทเพลงแห่งสันติผลิปรากฏ ภาพงามงดวิจิตรสฤษฎ์ผล
แย้มศรัทธาคุณค่าสู่สากล คืนสุขล้นสู่โลกใหม่จากใจจริงฯ
..............................................(3.สรศักดิ์).......................................................
(4.สรศักดิ์) (แก้ไขครั้งที่1)
๏ เสนาะแว่วกังวานประสานเสียง เจิดจำเรียงจำเริญเพลินหรรษา
เพลงศานต์ติ สานต่อ พ่อส่งมา เพื่อประชาบรรเลงเป็นเพลงชัย
๏ ก่อนเพลงแห่งน้ำตาประชาราษฎร์ จะประกาศปากท้องทำนองใหญ่
ก่อนบทเพลงแห่งทุกข์ขุกเข็ญใจ จะบรรเลงลุกไหม้ไปทั่วเมือง
๏ ได้โปรดฟังเสียงกระซิบสู่ทิพย์โสต ความรุ่งโรจน์มีอยู่เคยฟูเฟื่อง
แย่งอำนาจจนนำความขุ่นเคือง จึงเกิดเรื่องแตกแยกแตกความคิด
๏ ทั้งแย่งชิงทรัพย์สินไม่สิ้นสูญ ทั้งเพิ่มพูนกิเลสเหตุวิกฤต
หลงอำนาจยศฐาน์ลืมค่ามิตร เดินทางผิดทำนองธรรมนำชีวี
๏ สันติภาพบรรเลงบทเพลงหวาน สื่อประสานสายใยในวิถี
เพียงมีหวังรวมพลังตั้งความดี ก่อไมตรีสุขสันต์ทุกชั้นคน
๏ ละฝุ่นผงความหลงในสงสาร กรองวิญญาณสู่ทิพย์นิพพานผล
ธรรมะช่วยธรรมะชูธรรมะชน เพื่อผ่านพ้นกิเลสร้ายทำลายเรา
๏ สันติภาพแท้จริงคือสิ่งไหน อยู่ที่ใจเห็นจริงคลายสิ่งเขลา
อวิชชาทั้งนั้นปัญญาเบา จึงแผดเผาร้อนรุ่มทุกชุมชน
๏ บทเพลงแห่งสันติผลิเผยพจน์ แต่ละบทวิจิตรสฤษฎิ์ผล
เทิดศรัทธาทำนองก้องสากล คืนสุขล้นโลกได้ด้วยใจจริงฯ
..............................................(4.สรศักดิ์).......................................................
(5.สรศักดิ์) (แก้ไขครั้งที่ 2)
๏ เสนาะแว่วกังวานประสานเสียง เจิดจำเรียงจำเริญเพลินหรรษา
เพลงศานต์ติ สานต่อ พ่อส่งมา เพื่อประชาบรรเลงเป็นเพลงชัย
๏ ก่อนเพลงแห่งน้ำตาประชาราษฎร์ จะประกาศปากท้องทำนองใหญ่
ก่อนบทเพลงแห่งทุกข์ขุกเข็ญใจ จะบรรเลงลุกไหม้ไปทั่วเมือง
๏ ได้โปรดฟังเสียงกระซิบสู่ทิพย์โสต ความรุ่งโรจน์มีอยู่เคยฟูเฟื่อง
แย่งอำนาจชักนำความขุ่นเคือง จึงเกิดเรื่องแตกแยกแตกความคิด
๏ ยื้อทั้งแย่งชิงทรัพย์สินไม่สิ้นสูญ พอกเพิ่มพูนกิเลสเหตุวิกฤต
หลงอำนาจยศฐาน์ลืมค่ามิตร เดินทางผิดทำนองธรรมนำชีวี
๏ สันติภาพบรรเลงบทเพลงใหม่ สื่อสายใยผสานสานวิถี
เพียงมุ่งหวังรวมพลังตั้งความดี ก่อไมตรีสุขสันต์ทุกชั้นคน
๏ ละฝุ่นผงความหลงในสงสาร กรองวิญญาณสู่ทิพย์นิพพานผล
ธรรมะชุบชูช่วยอำนวยชน พาผ่านพ้นกิเลสร้ายทำลายเรา
๏ สันติภาพแท้จริงคือสิ่งไหน อยู่ที่ใจเห็นจริงคลายสิ่งเขลา
อวิชชาทั้งนั้นปัญญาเบา จึงแผดเผาร้อนรุ่มทุกชุมชน
๏ บทเพลงแห่งสันติผลิเผยพจน์ แต่ละบทวิจิตรสฤษฎิ์ผล
เทิดศรัทธาทำนองก้องสากล คืนสุขล้นสู่โลกได้ด้วยใจจริงฯ
..............................................(5.สรศักดิ์).......................................................
เพลงสันติภาพ (6.พีระ)
๏ ปล่อยพิราบสีขาวสู่ฟ้ากว้าง เปรี้ยง! ร่วงผล็อยขนปลิวคว้างพรางเลือดปื้น
มอบดอกไม้แด่มือที่ถือปืน ปั้ง! สิ้นชีพผู้ยื่นดอกไม้งาม
๏ ท่านนายพลผู้กำหนดกฎเกณฑ์โลก เปล่งประโยคอมตะน่าเกรงขาม
เราจะสร้างสันติด้วยสงคราม สละชีพในนามของปวงชน
๏ ไม่เคยถามความสมัครเลยสักครั้ง ไม่เคยฟังเสียงประชาเลยสักหน
เพลงสันติใครวาดหวังจนถั่งท้น ไม่เคยเลยจะยินยลยอมลดละ
๏ กลองหัวใจ ตุบ ตุบ เต้น ถูกกลบเสียง ด้วยปืนกล ประประเปรี้ยง! เป็นจังหวะ
เสียงขับร้องผองวิญญาณ์อารยะ กลับเป็นเสียงปะทะเพลิงปะทุ
๏ เสียงเครื่องสายซึมซาบความรู้สึก กลับแห้งผากซากสำนึกที่พังผุ
เสียงเครื่องเป่าเริงกล้าท้าพายุ กลับเงียบกริบอยู่ในกรุอย่างหวาดกลัว
๏เราไม่อาจล้างรอยเลือดด้วยน้ำเลือด ไม่อาจเชือดความทรามด้วยความชั่ว
ต้องสูญเสียอีกกี่รอบกี่ครอบครัว จึงจะรู้สึกตัวถึงบทเรียน
๏ จึงจะมารับขวัญสันติภาพ ที่พันล้านปีกพิราบบรรจงเขียน
พันล้านใจร่วมสร้างอย่างพากเพียร อย่าให้เตียนด้วยฝ่าเท้าของเราเลย
๏ ใช้สันติวิธีช่วยบรรเทา หันหน้าเข้าหากันอย่างเปิดเผย
ทำสงครามมากี่ครั้งต้องสังเวย ยังไม่เคยแก้ปัญหาได้ยั่งยืน
๏ สันติภาพอาบสันติยิ่งพิสุทธิ์ เมื่อเราหยุด, ฉันยิ้มให้ใจสดชื่น
เธอยิ้มตอบกลับมา น้ำตารื้น วางด้ามปืนยื่นดอกไม้มอบให้กันฯ
...........................................(6.พีระ).......................................................
(7.อัชฌา)
๏ คราวสังคมแย่ย่ำระส่ำระสาย แบ่งฝักฝ่ายหลายพรรคหลากปัญหา
ถิ่นแหลมทองที่รองเรืองเลื่องลือมา หมดโสภาเลือนลับดับแสงงาม
๏ เราร้องร่ำร้องไห้เป็นสายเลือด หยุดดุเดือดหยุดเรื่องร้ายในสยาม
ดับไฟร้อนถอนทุกข์ที่ลุกลาม มิให้เงามืดคุกคามกล้ำแผ่นดิน
๏ เชื่อมรอยร้าวก้าวข้ามวันอันโหดร้าย ความวุ่นวายคลายลดจนหมดสิ้น
กู้วิญญาณกลับคืนฟื้นชีวิน อย่างสมถิ่นขวานทองของผองไทย
๏ คืนความสุขสู่ราษฎร์ดังปรารถนา เหมือนก่อนเก่าเรามีมานานสมัย
ชนสงบชาติสงบพบหลักชัย สามัคคีมีไว้ให้นานเนา
๏ ผ่านบทเพลงแห่งสันติเสรีภาพ ลบรอยคราบความวิปโยคอันโศกเศร้า
ด้วยทำนองของความรักจักบรรเทา รวมผองเราเข้าเป็นหนึ่งพึ่งพากัน
๏ บรรเลงเพลงก้องหัวใจไทยทั่วหล้า โบกมือลาการแก่งแย่งและแข่งขัน
สันติสุขปลุกชาติพิลาสครัน ผนึกพลังสานสัมพันธ์อย่างมั่นคงฯ
..............................................(7.อัชฌา)...........................................................
(8.นันทภพ)
๏ เพลงใดเล่าขับกล่อมไทยให้รู้รักษ์ ถ้าคนไทยไม่ตระหนักรักษ์ชาติยิ่ง
มีด้วยหรือใช้อำนาจรักชาติจริง มีด้วยหรือไทยละทิ้งสิ่งเป็นไทย
๏ เขียนลำนำเป็นทำนองร้องรักษ์ชาติ รวมศิลป์ศาสตร์รักษ์เชิดชูคู่สมัย
เสรีภาพเสียงสวรรค์บรรโลมใจ เสียงจากคนร้องใช้สิทธิตน
๏ ประโลมโลกดนตรีกาลประสานกล่อม ซึมซาบพร้อมสร้างสุขไทยทุกหน
หากธงไทยไม่รักไทยให้ใครยล จะสุขล้นได้อย่างไรไทยฆ่ากัน
๏ ธงไทยพลิ้วตามทำนองร้องเพลงรัก สามแถบสีรวมทอถักสร้างสุขสันต์
แต่วันนี้แถบสีไทยไม่สัมพันธ์ ไทยต้องเริ่มร่วมรังสรรค์สามัคคี
๏ เขียนบันทึกบรรเลงเพลงสันติภาพ สุขซึมซาบไทยรู้ค่าทุกหน้าที่
คือบทเพลงที่แข็งแกร่งแห่งเสรี สุขวันนี้ไทยร่วมร้องก้องแผ่นดิน
๏ บทเพลงหนึ่งขาดสิ่งใดไม่ไพเราะ เสียงเสนาะเกิดจากใจไม่สูญสิ้น
ร้องขับขานกลองรัวเรียงคลอเสียงพิณ ก้องทั่วถิ่นสันติภาพตราบทั่วคน
๏ เมื่อบทเพลงแห่งสันติเริ่มผลิดอก ชูช่อบอกรักปรองดองครองเหตุผล
เปรียบดอกบัวพ้นโคลน -สุขทุกชั้นชน ก้านอับจนต้องแตกรอใต้ตอตม
๏ สันติภาพเพลงปลุกใจไทยร่วมร้อง หลากมุมมองร้องด้วยใจให้เหมาะสม
สามัคคีรักรวมใจไทยนิยม สันติสุขร่วมเพราะบ่มสังคมงาม
๏ ร่วมขับกล่อมสันติภาพให้ซาบซึ้ง คือเพลงหนึ่งเขียนจากใจให้สยาม
ร้องหนักแน่นรักสันติคือนิยาม ร่วมจับมือพร้อมก้าวข้ามความมืดดำ
๏ จึงเกิดก่อเป็นบทเพลงแห่งความสุข สันติยุคกลับถิ่นไทยไม่ตกต่ำ
ท่วงทำนองสันติโบกโลกจารจำ บรรเลงคำสันติสุขทุกห้องใจฯ
.................................................(8.นันทภพ).................................................
(9.ภูษิต)
๏ เขียนเพลงรักได้ดีต้องมีรัก เขียนด้วยใจแน่นหนักผ่านอักษร
เพื่อสร้างความหรรษาแก่นาคร เพื่อดับร้อนสร้างรักแด่จักรวาล
๏ เขียนเพลงรักแต่วันนี้ไม่มีรัก คนแตกแยกมัวแบ่งพรรคมุ่งหักหาญ
คนทำดีทำด้วยใจอยู่ไม่นาน คนทำงานทำด้วยใจภัยตามมา
๏ บ้าง...กฎหมู่ขู่กฎหมายทำลายชาติ บางคนขาดศีลธรรมสิ่งล้ำค่า
ความรุนแรงสังคมมองของธรรมดา คนรบราเป็นว่าเล่นเหมือนเป็นงาน
๏ แต่เพลงนี้ฉันแต่งไว้ไร้คำร้อง ใช้ทำนองลมหายใจค่อยขับขาน
แทนคำร้องด้วยชีวิต-จิต-วิญญาณ อุดมการณ์ สร้างรัก สามัคคี
๏ จึงเป็นเพลงมหัศจรรย์แห่งสันติภาพ แทนพิราบนำทางสุขทุกถิ่นที่
เพื่อปลดปล่อยความคิด สิทธิ์-เสรี เพื่อวันนี้ พ้นกลียุค เพื่อทุกวัน
๏ บรรเลงเพลงมหัศจรรย์แห่งสันติภาพ ให้ซ่านสุข ซึมซาบตราบนรก-สวรรค์
กล่อมขับขานปวงชนด้วยคนธรรพ์ กล่อมปลอบขวัญปวงชนด้วยดนตรี
๏ กลองแห่งความปรองดองตีกลองสนั่น ดีดพิณแห่งการแบ่งปันมั่นศักดิ์ศรี
ร่ายระนาดแห่งความรักสามัคคี ฆ้อง-กรับตีรับทำนองธรรมครองใจ
๏ ซอแห่งความพอเพียงสีเสียงสวรรค์ ตีขิมแห่งความผูกพันอันยิ่งใหญ่
จะเข้แห่งความหวังดีดดังไกล เสียงขลุ่ยผิวพลิ้วไหวให้ละวาง
๏ เพลงอาจเพี้ยนไม่เพราะ-ดีเท่าที่ควร คนบางส่วนไม่เห็นพ้องต้องมีบ้าง
หลากคนคิดหลายประเด็นหลากเส้นทาง แก้จุดต่างเป็นทางเดียวกลมเกลียวกัน
๏ เพลินบทเพลงมหัศจรรย์แห่งสันติภาพ จึงซ่านสุข ซึมซาบ ตราบนรก-สวรรค์
ขอขอบคุณทุกทำนองของคนธรรพ์ จึงสุข-สันติ์ทุกทำนองของชีวิตฯ
................................................(9.ภูษิต)................................................
(10.สถาพร)
๏ เพลงเพลงหนึ่งฉันเขียนไว้ไม่ได้ร้อง เนื้อทำนองเพื่อต่อต้านการข่มเหง
แต่ซ้ำร้ายคนกลับมาฆ่ากันเอง ยากร้องเพลงให้กระหึ่มอย่างปลื้มใจ
๏ ฉันเขียนเพลงแต่ละวรรคด้วยรักชาติ หมึกทุกหยาดดั่งเลือดที่ฉันพลีให้
ขอเพียงคนหยุดทำร้ายทำลายไทย หากทำได้สันติภาพอาบแผ่นดิน
๏ แต่ความคิดคนส่วนใหญ่ไม่เหมือนฉัน กลับห้ำหั่นเห็นแก่ได้ไม่จบสิ้น
กลียุคไทยฆ่าไทยเลือดไหลริน บ้างโกงกินมิสนใจในกงกรรม
๏ เพราะต่างคนต่างที่มาต่างหน้าที่ เพราะต่างชั่วต่างดีมีสูงต่ำ
เพราะใจคนไม่ชนะการกระทำ ทุกข์กระหน่ำล้วนเรื่องร้ายอบายครอง
๏ แม้เพลงชาติที่ร้องกันทุกวันวี่ แต่ตอนนี้ใจคนกลับหม่นหมอง
เมื่อวันที่เพลงชาติไทยไร้คนร้อง เสียงร่ำให้จึงก้องทั่วห้องใจ
๏ แถบสีแดงหมายถึงชาติก็ขาดค่า กลายเป็นเลือดแห่งประชาน่าหวั่นไหว
เมื่อแผ่นดินแดงเดือดด้วยเลือดไทย แล้วเลือดเนื้อชาติเชื้อใดรักไทยจริง
๏ อภัยทานอภัยเถิดสุขเกิดก่อ อย่ามัวรอดูชาติทรุดแล้งหยุดนิ่ง
รักกันเพื่อองค์ภูมีที่พึ่งพิง อย่าละทิ้งความเป็นไทยให้ร่วมรัก
๏ เมื่อต้นรักต้นสันติได้ผลิดอก คือสื่อบอกว่าไทยไร้หาญหัก
คือสื่อบอกไร้ยื้อแย่งแบ่งพวกพรรค คือสื่อบอกความแน่นหนักบอกรักกัน
๏ เพลงเพลงหนึ่งฉันเขียนไว้เมื่อได้ร้อง ท่วงทำนองหลอมรวมให้ไทยคงมั่น
จะขับกล่อมเพื่อไทยใจผูกพัน จะสร้างสรรค์บรรโลมโลกสิ้นโศกภัย
๏ คือบทเพลงที่ผลิสันติภาพ สุขซึมซาบเพราะมีสันติให้
และร่วมร้องให้กระหึ่มอย่างปลื้มใจ รังสรรค์ไทยต่อเติมรักสามัคคีฯ
.............................................(10.สถาพร)................................................
(11.ธนวัฒน์)
๏ ทุกทุกเช้าเสียงบรรเลงเพลงกึกก้อง ทุกคนต้องยืนเคารพครบสยาม
เพลงนี้ชื่อชาติไทยระบือนาม ทุกเขตขามเชื่อมดวงใจไว้หนึ่งเดียว
๏ เพลงชาติไทยเสริมใจให้กระชับ เมื่อสดับรับรู้ดูกลมเกลียว
แผ่นดินไทยรวมกันให้เป็นหนึ่งเดียว ไม่ยุ่งเกี่ยวเเยกดินแดนคับแค้นใจ
๏ เพลงชาติไทยคือตัวเชื่อมของสังคม ที่สร้างสมสามัคคีของชาติไว้
เหนือจรดใต้ร้องเพลงชาติชาติพ้นภัย ทุกดวงใจรักกันไว้นิตย์นิรันดร์
๏ สันติภาพเกิดจากสามัคคี ถ้าน้องพี่รักกันไว้ไม่แปรผัน
ดุจพฤกษาผกางามวิลาวัลย์ สันตินั้นจะกำบังรั้งลมเเรง
๏ บทเพลงนี้มีมาเเต่ช้านาน จากหลักฐานเป็นหลักประจักษ์เเจ้ง
สร้างสันติสุขสงบไม่เปลี่ยนแปลง ประดุจแสงนำทางของชาติไทย
๏ ณ บัดนี้สันติสุขคือยาหลัก คอยกระหวักสันติมากลับสู่ใจ
สันติภาพจงเกิดทุกหทัย เพื่อจะให้ชาวไทยปรองดองกันฯ
...........................................(11.ธนวัฒน์)......................................................
(12.เอกกวินทร์)
๏ บทบรรเลง เพลงชาติไทย ในครั้งหนึ่ง บทเพลงซึ่ง เชื่อมใจ ไทยทั้งผอง
บทตอนหนึ่ง ในแผ่นดิน ถิ่นแหลมทอง บททำนอง นำความรัก สามัคคี
๏ เพลงนำใจ ไทยหลอมรวม ร่วมกันร้อง เพลงเคยก้อง กังวานไกล ไปทุกที่
เพลงเคยผูก สายใย พันไมตรี เพลงเพลงนี้ เริ่มแผ่วเบา เศร้าฤทัย
๏ แห่งหลายแห่ง หนหลายหน คนแบ่งแยก แห่งแห่งนี้ เริ่มแตก แหลกอัชฌาสัย
แห่งที่เคย เป็นน้องพี่ มีน้ำใจ แห่งนี้กลับ เปลี่ยนไป ไม่เหมือนเดิม
๏ สันตชาติ ไม่อาจเป็น เช่นวันเก่า สัญญาณเศร้า สลดใจ ให้ทุกข์เพิ่ม
สัญลักษณ์ เสื้อเหลือง-แดง แข่งเหิมเกริม สันติเริ่ม โดนถอนราก จากสังคม
๏ ติเตียนกัน ฟันฟาด วาดวาทะ ติเพื่อตน ชนะ เขฬะขม
ติแต่ไม่ ตริตรอง ประคองอารมณ์ ติจนชาติ ไทยล่ม จมน้ำลาย
๏ ภาพวันวาน สมานฉันท์ กันน้องพี่ ภาพวันนี้ นั้นขัดแย้ง แบ่งฝักฝ่าย
ภาพไตรรงค์ เคียงเพลงชาติ อาจมลาย ภาพเลือนหาย หากไทย ไม่สามัคคีฯ
...........................................(12.เอกกวินทร์).............................................
(13.นันทิชา)
๏ ทุกคนต่างบรรเลงเพลงชีวิต หวังลิขิตให้เป็นไปสมใจหมาย
แต่กิเลสครอบงำทำวุ่นวาย และทำลายท่วงทำนองของความดี
๏ เหลือแค่เพียงเสียงแห่งการแข่งขัน โกรธเกลียดกันเพราะตัณหาน่าบัดสี
หายนะชาติระส่ำถูกย่ำยี ลืมหน้าที่ทดแทนคุณแผ่นดิน
๏ แผ่นดินนี้ก่อเกิดกำเนิดผล เเต่ละคนเก็บเกี่ยวได้ไม่รู้สิ้น
ล้วนพืชพันธุ์ธัญญาหารการอยู่กิน คนต่างถิ่นต่างภาษาอิจฉาเรา
๏ แต่เรากลับแตกเเยกเหมือนเเปลกหน้า เร่งทำลายศรัทธาประสาเขลา
"ใครคิดต่างจากพวกกู..กูไม่เอา!" จึงทุกข์เศร้าทุกหย่อมหญ้าเปื้อนราคี
๏ หากไม่ตั้งสติตริตรองใหม่ ประเทศชาติจะอยู่ได้อย่างไรนี่
เพียงใช้หลักคุณธรรมนำชีวี เลิกเเบ่งสี เเตกกันคิค ต่างจิตใจ
๏ รวมดวงจิตเป็นหนึ่งเดียวกลมเกลียวมั่น รวมความคิคร่วมสร้างสรรค์การเมืองใหม่
เทิดทูนชาติศาสน์กษัตริย์เป็นฉัตรชัย สันติภาพอาบทั่วไทยได้ร่มเย็นฯ
...............................................(13.นันทิชา)..........................................
(14.ลัดดาวัลย์)
๏ เสียงกึกก้องซ้องบรรเลงเพลงแห่งศึก ให้เหิมฮึกหาญรุกสู้กู้สยาม
เพื่อสันติภาพเพื่อแผ่นดินทุกถิ่นคาม ชั่วโมงยามเย็นสงบพบสุขใจ
๏ บรรพบุรุษรักษาไทยให้ไทยอยู่ ดำรงคู่สันติสุขทุกสมัย
ด้วยเกียรติก้องซ้องบันลือคือแดนไทย มิให้ใครหยามหมิ่นถิ่นแหลมทอง
๏ ประโคมเพลงระดมชนดิ้นรนสู้ เพื่อกอบกู้เอกราชให้ไทยทั้งผอง
ต้นตระกูลไทยสู้เพื่อชาติเลือดสาดนอง เปล่งเสียงร้องน้ำตารินรดถิ่นไทย
๏ เกิดเป็นไทยตายเพื่อไทยด้วยใจรัก เพื่อกู้ศักดิ์ศรีชนตนสู้ไหว
แม้นชีพดับลับถิ่นเกิดเทิดเกียรติไว้ ขอเพียงให้เป็นแบบอย่างสร้างสังคม
๏ ปัจจุบันแผ่นดินนี้ที่ได้สร้าง กลับโดนล้างทำลายสิ้นแผ่นดินขม
ด้วยกระแสแห่งชนคนนิยม บรรพบุรุษตรมแผ่นดินสิ้นคนดี
๏ ศึกแห่งศพฆ่าฟาดฟันกันอนาถ แย่งอำนาจความเป็นใหญ่ได้ศักดิ์ศรี
ข่มเหงกันฟันชาติไทยได้ย่ำยี ผืนธานีคนเหมือนตายวายทั้งเป็น
๏ เพลงชาติในวันนี้ที่ได้ร้อง เหล่าพี่น้องควรคิดถึงซึ่งยากเข็ญ
กว่าจะเป็นชนชาติไทยได้ลำเค็ญ อยากจะเห็นคนไทยได้รักกัน
๏ เพลงชาติไทยคือสันติภาพลาภประเสริฐ บนถิ่นเกิดที่พร้อมเป็นเช่นสวรรค์
เป็นสายกลางเชื่อมชนคนสัมพันธ์ เพลงนิรันดร์ไทยมิสิ้นแผ่นดินธรรมฯ
.........................................(14.ลัดดาวัลย์).................................................
(15.แกมกาญจน์)
๏ เปิดสภาเห็นสงครามความวายวุ่น กลิ่นทุกข์กรุ่นราษฎร์ทุกข์ร้อนใจหมองหม่น
ราษฎร์จำยอมจนนำความจำนน หวังหลุดพ้นข้ามผ่านม่านหมองมัว
๏ แดงเลือดสาดแผ่นดินที่รินไหล คือเปลวไฟสงครามแห่งความชั่ว
คือฟืนไฟไอร้อนทุกข์รุกโถมตัว คือความกลัวที่คืบคลานผลาญชีวา
๏ เปิดบ้านสวนดอกไม้ดอกไม้จะบาน แกร่งกล้าหาญสันติภาพอาบคุณค่า
มวลดอกไม้เบ่งบานเต็มลานตา คือศรัทธาแห่งมวลชนบนแผ่นดิน
๏ มอบดอกไม้ให้คุณหนุนชีวิต ค่าวิศิษฏ์กำลังใจอย่าให้สิ้น
คือสายธารชุ่มน้ำใจที่ไหลริน คือเพลงพิณขับกล่อมฟ้าท้าทานทน
๏ แว่วดนตรีที่ขับกล่อมพร้อมความหวัง เป็นพลังนำทางเพื่อสร้างผล
คือหัวใจพิสุทธิ์ล้ำธรรมแห่งชน เพื่อข้ามพ้นภัยพาลสานสิ่งดี
๏ เปิดบ้านเพลงยินทำนองคล้องใจรัก เป็นแหล่งหลักนำใจให้สุขี
รู้จังหวะสร้างสันติผลิไมตรี นำชีวีก้าวล้วงพ้นบ่วงมาร
๏ มอบบทเพลงสันติภาพทาบทอฟ้า เติมคุณค่าร้อยเรียงเสียงประสาน
เป็นบทเพลงแห่งความสุขทุกวันวาน เพื่อเปิดม่านแห่งธรรมนำทางไทยฯ
...................................................(15.แกมกาญจน์)..............................................
บทเพลงแห่งสายลม (16.ศุภกร)
๏ คืนวันเพ็ญเด่นเดือนสุกสว่าง ดาราทางเรียงร้อยฉะอ้อนส่อง
ตัดกับแสงแห่งโสมเป็นสีทอง ลอยละล่องบนช่องฟ้านภาพราว
๏ เห็นดาวดวงควงย้อยบนเวหา พรรณนาเทวดาว่าเกี้ยวสาว
เห็นเส้นโยงโค้งร่วงเป็นคราวคราว ก็ว่าชาวเมืองฟ้าอำลากัน
๏ มือประคองคลอเคล้าขลุ่ยเพียงออ ภายใต้ช่อปาริชาติที่วาดฝัน
เสียงกระทบพงป่าพนาวัน ณ ที่อันนามว่าดาวดึงส์
๏ กลิ่นไม้ดอกหอมกรุ่นฟุ้งกำจร ใจก็ย้อนหวนนึกระลึกถึง
ครั้งเมื่อนางมองมานัยน์ตาซึ้ง อยากจะพึ่งตักเจ้าเข้านิทรา
๏ แต่บัดนี้คนสองต้องพรากแล้ว คนละถิ่นคนละแถวในหมอกฝ้า
อยู่ต่างแดนต่างภาษาต่างเวลา จะบรรจบพบหน้าก็ยากเย็น
๏ ฝากลมหนาวช่วยพัดพาไปหาเจ้า ฝากความเศร้าแลอ้างว้างให้นางเห็น
แม้นจะอยู่หนใดในที่เร้น วอนขอลมเย็นเย็นส่งความไป
๏ เจ้าจงรู้ว่าฉันยังรออยู่ มิเคยมีผู้จะแทนตัวเจ้าได้
หากพระจันทร์ยังสาดส่องอยู่เพียงไร เจ้าจะไม่ไร้คู่เหมือนดวงจันทร์
๏ พอสิ้นเสียงแล้วก็สิ้นซึ่งบรรทม ทุกสิ่งสมคือความจริงในความฝัน
คงเหลือเพียงเจ้าขลุ่ยน้อยสงบงัน ยังมิทันเอื้อนเพลง ฝากสายลม
.............................................(16.ศุภกร).............................................
(17.ศุภกร)
๏ เสียงฝีเท้าเหยียบย่ำยามดึกดื่น เสียงแปลบปืนสะท้านไปในโลกหล้า
เพื่อหลั่งเลือดชโลมพื้นพสุธา ดั่งนาวานำเรือลงน้ำวน
๏ มนุษย์โลกล่องไปในสงสาร ผ่านเส้นทางขัดแย้งประโยชน์ผล
คอยกัดกินโกงสมบัติสัปดน แล้วระคนทำตนเป็นคนดี
๏ สันติภาพในเรือนกายยังคลายเสื่อม ยังมีล้ำมีเหลื่อมไร้สุขี
สันติภาพในเรือนใจไกลราคี มิต้องวิ่งต้องหนีตลอดกาล
๏ ยังช้ำชอกตอกย้ำอยู่ร่ำไป ถ้าชาวไทยไร้ประเทศจะประสาน
วันเดือนปีเคลื่อนคล้อยทยอยคลาน เมื่อไรบ้านจะสมานสามัคคี
๏ ยามเม็ดฝนหล่นร่วงเป็นรวงข้าว ยามพรรณพืชสะพรั่งพราวทั้งพื้นที่
เราเริงรื่นชื่นใจทั้งราตรี แต่วันนี้ละเลงปากกระบอกปืน
๏ ทุกย่างก้าวไทยต้องเดินไปด้วยกัน จงใฝ่ฝันฟันฝ่าอย่าฝ่าฝืน
ลองพินิจคิดดูทุกวันคืน แล้วจุดยืนจะปรากฏอย่างงดงาม
๏ อันคนดีใช่ต้องมีทุกที่ทั่ว ยังมีชั่วกลั้วเกลียดเป็นเหยียดหยาม
ควรแจ้งจบครบถ้วนกระบวนความ คนต่ำทรามจะถูกนำให้ทำดี
๏ แม้นบรรจงบรรเลงบทเพลงเร้า จะสลัดโศกเศร้ากระไรนี่
หากคนไทยไร้สติสมประดี ไม่กี่ปีกลียุคคงคุกคามฯ
.............................................(17.ศุภกร).............................................
(18.สัญญา)
๏ ความสงบแสนเงียบนี้ที่สร้างสุข ปัดเป่าทุกข์ไทยผจญและหม่นหมอง
ด้วยหัวใจไมตรีที่เรืองรอง บนขวานทองแดนดินถิ่นประชา
๏ บนทางเดินทางหนึ่งซึ่งลำบาก เป็นเรื่องยากพยายามอย่างหนักหนา
คือเส้นทางที่นักเพลงบรรเลงมา ช่วยหรรษาผ่อนทุกข์ได้สุขใจ
๏ เขียนเนื้อร้องของเพลงที่สร้างสุข เพื่อปลอบปลุกทุกสิ่งสู่สดใส
ต้องครุ่นคิดถ้อยคำนำความไป กว่าจะได้เนื้อร้องต้องคิดนาน
๏ ถึงการรวมเรื่องสำคัญของเนื้อร้อง มาปรองดองท่วงทำนองหลอมประสาน
เกิดเป็นเพลงบรรเลงสุขแสนสำราญ พาเบิกบานทั้งความคิดและจิตใจ
๏ เนื้อร้องกล่าวเกริกถึงซึ่งสงบ ทำนองสบเนื้อร้องต้องขานไข
กระจายสู่สังคมเมืองรุ่งเรืองไกล เพื่อหวังให้ไทยสงบพบสิ่งดี
๏ เปรียบได้กับประเทศเขตขวานทอง ต้องทั้งผองเชิดชูไว้ในศักดิ์ศรี
หากหัวใจไม่รู้รักสามัคคี แล้วจะมีประเทศไว้เพื่อใคร
๏ หากทุกคนไม่กลมเกลียวเฝ้าเหนี่ยวรั้ง แล้วจะหวังพึ่งพิงสิ่งอื่นไหน
เพียงรู้รักสามัคคีมีน้ำใจ ประเทศไทยจะสงบพบสิ่งงาม
๏ จำได้ไหมว่าใครเคยยกย่อง ว่าขวานทองมีรอยยิ้มแห่งสยาม
ด้วยน้ำใจไมตรีที่สื่อความ สมกับนามเมืองยิ้มอิ่มอำไพ
๏ หากไม่รักไม่กลมเกลียวสามัคคี แล้วชาตินี้จะเจริญได้แค่ไหน
ขอกลับมาร้อยรัดกระหวัดใจ เพื่อเมืองไทยมีสันติภาพตราบนิรันดร์ฯ
...........................................(18.สัญญา)..................................................
(19.สัญญา)
๏ อันบทเพลงบรรเลงสุขเกษมศานต์ พาเบิกบานสำราญใจให้หรรษา
ทั้งเนื้อร้องทำนองเรียบเรียงมา บรรเลงพาผองชนสุขล้นใจ
๏ เสียงดนตรีที่เรียบเรียงรวมเป็นหนึ่ง ช่างซาบซึ้งตรึงตรากว่าสิ่งไหน
รวมดนตรีสีดีดเป่าเคล้ากันไป พาหลงใหลให้ใจไม่ล้างลา
๏ เปรียบได้กับตัวโน๊ตเป็นประเทศ ชนทุกเขตเป็นดนตรีเสน่หา
ตัวโน๊ตคือกฎหมายหลายมาตรา ปกไพร่ฟ้าตามประชาธิปไตย
๏ หากดนตรีตัวใดบรรเลงผิด คงเป็นพิษทำนองเพี้ยนเกินแก้ไข
ทำให้คนหลากหลายมารวมใจ สร้างกฎไว้ว่าความยามผิดกัน
๏ หากดนตรีไม่บรรเลงตามตัวโน๊ต คงสร้างโทษให้บทเพลงอย่างมหันต์
เหมือนคนไทยหากคิดทำร้ายกัน ย่อมต้องรับโทษทัณฑ์กฎหมายตรา
๏ ขอร้องเถอะคนไทยใจปราณี ผูกความดีไว้เป็นเสน่หา
ให้รุ่นชนรุ่นหลังได้ศรัทธา ใต้เบื้องฟ้าสันติภาพตราบนิรันดร์ฯ
...........................................(19.สัญญา)..................................................
(20.สัญญา)
๏ เพลงแห่งรักสามัคคีคู่เมืองไทย ปลอกปลุกใจคนไทยให้รักษา
อันประเทศที่กอบกู้อยู่นานมา ปลุกศรัทธาทุกคนสุขล้นใจ
๏ สันติภาพเกิดขึ้นทั้งประเทศ ทั่วทุกเขตทุกแคว้นต่างขานไข
แปดโมงเช้าเพลงชาติเปิดดังไกล เราชาวไทยขับร้องก้องโลกา
๏ เนื้อหาเพลงบรรเลงใจให้รักชาติ เราชาวราษฎร์ร่วมใจร้องแน่นหนา
กลายเป็นเพลงก่อนเก่าเฝ้าตรึงตรา ผ่านเนิ่นมาเป็นอดีตกีดกลางทรวง
๏ จากรวมใจกลับแยกแตกไมตรี กลับหน่ายหนีเพลงชาติที่แหนหวง
จากเคยร้อยใจรักเป็นหนึ่งดวง กลับประท้วงชุมนุมมั่วสุมใจ
๏ คิดอนาถชาวไทยใจว้าวุ่น ลืมทำบุญตักบาตรที่เลื่อมใส
ลืมหลักธรรมนำชีวันอันยาวไกล เฝ้าหลงใหลเรื่องอำนาจผูกขาดตน
๏ ลืมแม้แต่สายเลือดถึงเชือดฆ่า ด้วยวาจากายใจจิตสับสน
โปรดกลับมามองเพลงชาติพินิจดล จะพบผลค่าประเทศเขตขวานไทย
๏ หากคนไทยยังคิดฆ่ากันเอง แล้วบทเพลงของชาติจะอยู่ไหน
แล้วถ้ามีจะร้องเพลงเพื่อใคร หากหัวใจคนไทยไม่รวมกัน
๏ ขอร้องเถอะคนไทยในประเทศ ชนทุกเขตโปรดกลับมาร่วมฝัน
ร้องเพลงชาติอย่างภูมิใจยิ้มให้กัน ร่วมสร้างสรรค์สันติภาพตราบสิ้นลมฯ
...........................................(20.สัญญา)..................................................
(21.จตุพร)
๏ ปัจจุบันภาพลักษณ์ไทยได้เเปรเปลี่ยน สร้างสังเวียนฆ่าฟันกันน่าหวั่นไหว
ขาดความรักสามัคคีพี่น้องไทย ตัดสายใยไมตรีที่มีมา
๏ เเตกสีเสื้อเหลือง-เเดงเเบ่งสองฝ่าย มุ่งใส้ร้ายป้ายสีกันก่อปัญหา
เพื่อเป็นหนึ่งหวังลาภยศคดเงินตรา หมดคุณค่าหมดหนทางความเป็นคน
๏ ข่าวหน้าหนึ่งยิงครูใต้ไร้ความคิด สร้างความผิดวางระเบิดต้องเกิดผล
หวาดระเเวงหวาดกลัวทั่วทุกคน ต่างหมองหม่นชอกช้ำน้ำตานอง
๏ เมายาอียาบ้าฆ่าข่มขืน สุดสะอื้นคิดหลงผิดจิตเศร้าหมอง
กลางสภาถกเถียงกันสร้างครรลอง ผลสุดท้ายภาพมันฟ้องต่างต่อยตี
๏ ฤาจะสิ้นเพลงชาติไทยใจร่วมรัก ฤาประเทศจะเเตกหักหมดศักดิ์ศรี
ฤาพี่น้องเห็นเเก่ตัวกลั้วราคี ฤาความดีจะสิ้นไปในสังคม
๏ บทเพลง...ร้องก้องเป็นหนึ่งซึ่งความหวัง แห่ง...หนใดรวมพลังอย่างสุขสม
สันติภาพ...อาบทั่วฟ้าพารื่นรมย์ ไทย...คือไทยชื่นชมก้องกังวานฯ
................................................(21.จตุพร)...........................................
(22. เพชรน้ำหนึ่ง)
๏ ประเทศไทยอยู่มิได้อย่างสงบ หากสู้รบฆ่ากันเองเพราะความเขลา
ประพฤติผิดคิดชั่วหลงมัวเมา ประเทศเราจะร้อนรนดั่งเพลิงไฟ
๏ รัฐบาลข้าราชการทุจริต ร่วมกันคิดโกงแผ่นดินถิ่นอาศัย
แบ่งพรรคพวกโจมตีกันให้บรรลัย มิอายใครให้เขาเย้ยไทยของเรา
๏ ประชาชนแตกคอกันแบ่งเป็นฝ่าย ฆ่ากันตายเพราะหลงเชื่อคำพูดเขา
ไม่ยอมคิดให้รอบคอบชอบหูเบา สุดแสนเศร้าคนไทยไร้ปัญญา
๏ หากอยากให้ประเทศไทยเกิดสันติ แค่เรามิมีจิตริษยา
ช่วยกันคิดริเริ่มพัฒนา ให้ไทยเราก้าวหน้าสู่สากล
๏ เราชาวไทยร้องเพลงชาติประสานเสียง อย่างพร้อมเพรียงให้กึกก้องทุกแห่งหน
เกิดเป็นไทยจงภูมิใจในชาติตน เราทุกคนชาวไทยรักสามัคคี
๏ ทั้งภาครัฐทุกฝ่ายเลิกเอาเปรียบ อย่าย่ำเหยียบไทยทุกคนมีศักดิ์ศรี
ชาติเชื้อไทยเหมือนกันจงคืนดี เลิกราวีต่อกันรู้อภัย
๏ รวมพลังไทยสร้างสันติสุข ร่วมกันรุกรักแผ่นดินถิ่นอาศัย
ไทยทุกคนร่วมบรรเลงเพลงชาติไทย เพื่อบอกให้โลกรับรู้ไทยรักกัน
๏ เพลงชาติไทยรวมไทยให้เป็นหนึ่ง เป็นเพลงซึ่งทำให้ไทยสมานฉันท์
เพลงชาติไทยอยู่ในใจทุกชีวัน เพลงชาติคือบทเพลงสันติภาพเอย
................................................(22.เพชรน้ำหนึ่ง)...........................................
(23.พรชัย)
๏ แผ่นดินไทยสีแดงเชียวในเดี๋ยวนี้ เพราะน้องพี่ตีกันให้หวั่นไหว
หลากหลายม็อบทุกวันโรมรันไป เพื่ออะไรกันเล่าเหล่าประชา
๏ ชอบชิงดีทำเด่นเน้นความเลิศ ผลที่เกิดนั้นหรือคือปัญหา
ฟ้องร้องกันให้แซดแผดเผามา แก๊สน้ำตายิงใส่ยังไม่พอ
๏ โลกมันร้อนไม่เท่าไซร้ใจคนเดือด หลั่งนองเลือดฆ่ากันทุกวันหนอ
รู้ไหมองค์ราชาน้ำตาคลอ ลูกไทยพอความรักสามัคคี
๏ ความเป็นไทยอยู่ไหนใครรู้จัก สัญลักษณ์เชิดชูคู่ศักดิ์ศรี
เพลงชาติไทยคู่ฟ้าบารมี โอ้น้องพี่เดี๋ยวนี้ต้องร้องอย่างไร
๏ หยุดทีหนอโจมตีที่ต่ำศักดิ์ หันมารักปรองดองสนองไท้
เพื่อนำความสงบสู่คู่เมืองไทย เจริญไปด้วยพิพัฒน์สวัสดี
๏ จับมือรวมพลังหยุดยั้งเถิด ก่อรักเกิดมัดกอเพื่อพ่อนี้
เหมือนกิ่งไผ่รวมกันหวั่นไม่มี เพื่อเพลงดีสันติภาพตราบนิรันดร์
................................................(23.พรชัย)...........................................
+++++++++++++++++++++
(24.แมน)
๏ ข้อกระดูกผูกเรียงรายสายระนาด วงปี่พาทย์เริ่มทำนองของซากผี
เริงบรรเลงเพลงสงครามหยามชีวี หลังจากมีวีรกรรมในตำนาน
๏ ฟ้ายังมืดมิดหมอกระลอกลับ อาทิตย์ดับขับน้ำตาน่าสงสาร
ร่ำร้องไห้เพลงอาฆาตนาฏการณ์ เป็นภาพผ่านฝังอดีตกรีดใจชน
๏ มาสู่ยุคสองพันวันฟ้าใหม่ สงครามใหญ่ไล่ฆ่าฟันมันมิสน
เพลงระเบิด เพลงปืน กลืนเพลงคน ขับร้องจนแผ่นดินเดือดเลือดน้ำตา
๏ ทุกทำนองกล่อมห้องใจให้สลาย บ่อนทำลายหมายลำเค็ญชีพเข่นฆ่า
เป็นจังหวะจะโคนโค่นประชา กลืนศรัทธาความหวังทั้งแผ่นดิน
๏ ฟ้าหลังฝนวันหน้าใกล้มาถึง ร่ำรำพึงเพลงสวรรค์มายังถิ่น
พร้องสดับรับบรรเลงเพลงหลั่งริน ลบราคิน สิ้นราคะ ชะราคี
๏ ฤกษ์ประเดิมเริ่มทำนองร้องเพลงชาติ ไทยประกาศวาดลักษณ์อวดศักดิ์ศรี
สันติสุข สันติธรรม์ สันติวิธี สรรค์เปรมปรีดิ์ สันติภาพ ตราบนิรันดร์
๏ "ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย..." หลอมรวมใจทุกแว่นแคว้นแดนสวรรค์
แปดโมงเช้า หกโมงเย็น เห็นพร้อมกัน ยืนตรงมั่นประสานเสียงสำเนียงคำ
๏ เมฆทมิฬทะมึนหายดั่งสายหมอก แสงระลอกเปิดฟ้าใสให้ชื่นฉ่ำ
นกพิราบคาบดอกรักปักใจจำ แล้วน้อมนำสมานฉันท์ปันศีลทาน
๏ ประชาร้องเพลงสวรรค์สันติภาพ ซึมกำซาบเหิมใจใฝ่ประสาน
" ไทยเป็นไท " ไม่ขึ้นอยู่ผู้บงการ สร้าวตำนานชาติไทยให้รุ่งเรือง
๏ ....เถลิงประเทศ ฉลองศกดิลกศรี ชาติไทยทวี ความรักฟูมฟักเฟื่อง
มีชัย ผสานสันติภาพอาบบ้านเมือง ชโย กระเดืองซร้องบรรเลง "เพลงชาติไทย"
............................................................(22.แมน)...................................................
เจ้าตัวถอน อยู่ในระดับ มัธยมศึกษาตอนต้น ส่งประเภท กาพย์ยานี 11 ในระดับ มัธยมศึกษาตอนต้น แล้ว