ReadyPlanet.com
dot dot
ระดับอุดมศึกษาและประชาชนทั่วไป (โคลงสี่สุภาพ) : หัวข้อ “ฤๅหัวใจจะไร้รัก”

ใต้ฐานรูปพิทยาธร (หัวข้อจินตนาการ) (1.วชิรพงษ์)

๑.หลบในเงาร่มไม้                      ใบบัง  บดหนา

สิ่งสู่พนาฝัง                               ป่ากว้าง

แลดูเช่นเวียงวัง                          รกร้าง  นั่นนา

นักล่าสุมลืออ้าง                          เรื่องร้ายกับตา

๒.คือรูปกายซ้อนเร้น                    เห็นมา  บอกเล่า

ผิวเช่นเงาหินผา                          กล่าวอ้าง

ยามทรุดนั่งจับตา                        คอยจ้อง  มองขวาง

เสียวซ่าดังโขลงช้าง                     ตื่นง้างงวงงา

๓.ในนิทรานิ่มน้อง                       หลับฝัน  นั้นหนอ

คนที่รอคืนวัน                             อยู่ใกล้

จะหามิ่งมิตรฉัน                          รับใช้  เคียงชาย

ฤๅพี่อยากจะได้                          เช่นน้องเคียงชม

๔.ปรารถนารุ่มร้อน                      ลับตา  แลใกล้

เธอยิ่งถอยโรยรา                         ห่างได้

สรุปหนึ่งรักมา                            หวังไว้  คอยใคร

เป็นแค่เพียงฝันร้าย                     ใฝ่รั้งใจรอ

๕.กอบมือกำไขว่คว้า                    ดาวครอง  สักครู่

ถืออยู่แลหมอง                            หม่นไหม้

จะพรางร่างจับจอง                      เก็บไว้  กลางไพร

เธอใช่ของครองได้                       ส่งให้คืนคลา

๖.อัศจรรย์ม่านฟ้า                       เปิดตา  แดดส่อง

คนล่องหลงทิศมา                       ป่าให้

ดำเนินต่อกันยา                          ลาร้าง  ห่างไป

รูปช่างดลใจให้                           ร่ำร้องรำพัน

๗.อมนุษย์หนึ่งนั้น                       มีมา  เกิดหล้า

หลงลุ่มมนต์มายา                       ก่นให้

ถูกสาปส่งกายา                          ตรึงไว้  หยุดตาย

ความใคร่นำภัยร้าย                     หยั่งรู้เพียงกรรม

๘.หากเพียงเธอผ่านพ้น              พบพา  พานใกล้

สบแท่นฐานศิลา                         นั่นไซร้

พิศหยุดเพ่งสายตา                      สืบค้น  สนใจ

แลส่องสักคราได้                         ดั่งคล้ายครวญครางฯ

...........................(1.วชิรพงษ์)....................................

หมายเหตุ : ส่งผิดหัวข้อประจำเดือนก.ย. (หัวข้อ “จินตนาการ” เป็นหัวข้อประจำเดือน ต.ค.52) 

 

ยามรัก:ฤาใจไร้รักแล้ว (2.กอป่าน)

๏ ยามรักเสน่ห์ซึ้ง                        ตรึงตรา

หากบ่สบพบพา                          บ่ได้

จิตใฝ่เฝ้าครวญหา                      เช้า-ค่ำ

ร้องร่ำเป็นบ้าใบ้                          พร่ำเพ้อพิกล

อุปสรรคมากน้อย                     เพียงใด

บางอย่างบั่นทอนใจ                    บ่ท้อ

มิคิดที่หวั่นไหว                            หวาดหวั่น

ฟันฝ่าเฝ้างอนง้อ                         บ่ให้ช้ำทรวง

เมื่อรักได้รักแล้ว                        ผูกพัน

ดื่มด่ำความรักกัน                        ท่วมท้น

สนิทแน่นทุกคืนวัน                      ชื่นฉ่ำ

เริงรื่นชื่นรักล้น                            บ่พ้นห่างกาย

พอวันผันผ่านพ้น                     เลยไป

บางสิ่งสะกิดใจ                          บ่งชี้

เคยเอ่ยพร่ำคำใด                        เลยผ่าน

ทุกเรื่องราวเหล่านี้                       บ่แท้จากใจ

ฤาลืมทุกสิ่งแล้ว                       คืนวัน

ที่พร่ำเอ่ยรำพัน                           เปลี่ยนได้

บอกรักชั่วนิรันดร์                         คงอยู่

รักมั่นเคยมั่นไว้                           แต่ล้วนหลอกตา

แรกรักสุดรักแท้                        ทุ่มเท

บ่เปลี่ยนใจรวนเร                         เชื่อได้

ขมขื่นเจ็บซวนเซ                         เหินห่าง

รักที่บ่มเพาะไว้                            ส่งให้ช้ำทรวง

ฤาใจไร้รักแล้ว                          โรยรา

เสน่ห์ที่ตรึงตรา                           บ่สู้

รักเก่าหมดราคา                          เหยียบย่ำ

รักใหม่ให้เรียนรู้                           ใฝ่ให้ชวนลอง

วันเปลี่ยนคนเปลี่ยนได้              เร็วพลัน

เอมอิ่มบ่กี่วัน                              หม่นไหม้

ความดีที่ผูกพัน                           มีอยู่

แปรเปลี่ยนรวดเร็วไซร้                  ปล่อยทิ้งเดียวดายฯ

...............................(2.)...........................

 

(3.)

๏ ฤา      หัวใจไม่รู้                        สำนึก

หัว        ปั่นยังชักศึก                    ทั่วบ้าน

จะ        ถอยย่างเหยียบลึก           เกินกว่า

ขาด      ที่ยึดหยุดต้าน                 ก่อร้ายเหลือแสน

๏ ฤา      แตกแยกไป่ทั้ง                แดนไทย

ชาติ      ย่อยยับเพราะใคร            ก่อบ้าง

จะ        คอยแย่งถึงไหน               ใครเด่น ดีเอย

สลาย    ทั่วอำนาจร้าง                 เร่งสร้างสมานฉันท์

๏ ฤา      อยากเห็นฆ่าล้าง             คนไทย

ไทย       ฆ่าไทยแดนใต้                ยังช้ำ

จะ        มาแบ่งแยกใย                 ใครอื่น พี่นา

มลาย    ชีพสูญเสียย้ำ                 เลือดใต้นองไหล

๏ ฤา      จะยากเย็นแน่แล้ว           สมานฉันท์

สาย      บ่ายเย็นยืนยัน                ลอบข้า

เกิน       เหลือกว่าตามทัน            แผนชั่ว ร้ายแฮ

ไป         ต่อกรเหมือนท้า               เหตุร้ายนรกผลาญ

๏ ฤา      อยากเห็นทั่วฟ้า               เสียขวัญ

คอย      ฆ่าคนรายวัน                  ทั่วแคว้น

ทำลาย ชาติใครกัน                     หยิบยื่น

ไทย       บ่หยุดเคืองแค้น              อย่าได้ยลสวรรค์

๏ ฤา      หัวใจจะไร้                      รักจริง พี่เอย

หัวใจ     ใครประวิง                      ห่วงบ้าง

จะ        อวดว่ารักชาติจริง            ควรตื่น แล้วนา

ไร้รัก      ประจักษ์อ้าง                  โลกนี้คงสลาย

๏ ฤา      ลืมหลงพี่น้อง                 เดียวกัน  ไทยเอย

ไทย       ฆ่าไทยทุกวัน                  ต่ำช้า

แตก      หักเปลี่ยนแปรผัน            เป็นอื่น  ฤาพี่

หัก        เข่าเหลือมีดพร้า              ถือไว้ใครประสงค์

๏ ฤา      รอวันผ่านร้าย                 มุงเมือง

รัก         อย่ามัวขุ่นเคือง               เหนื่อยล้า

ยาก      หรือจะรวมเหลือง            แดงร่วม  กันแฮ

สมาน    รักไทยทั่วฟ้า                   เทอดไท้ธงสยามฯ

...............................(3.)............................

 

รอดอกรักบาน (4.ส.ธันวันตรี)

๏ ต้นรักปลูกสี่ต้น                        ตายสาม

ยังแต่เดียวยอกความ                   วิโยคย้ำ

ชลนัยน์หลั่งล้นหลาม                  ไหลรด รักนอ

พี่แม่พ่อสุขล้ำ                             สถิตฟ้านิทราขวัญ

๏ รำพันพิลาปย้อน                      วัยเยาว์

ใช่ว่ารักพริ้มเพรา                         นิราศร้าง                  

ยังรักแผ่ร่มเงา                            ระบัดยอด

รอผลิดอกออกอ้าง                      อาจล้างรอยเหงา 

๏ เฝ้ารอยุพเรศเคล้า                    คลอกัน

นบนอบไท้เทวัญ                         ทั่วฟ้า

พบเพี้ยงอัปสรสวรรค์                   มาประสบ สวาทเทอญ

พร้อมคู่ตราบสิ้นหล้า                   ล่มฟ้ามลายสินธุ์

๏ อมรินทร์เลิศฤทธิ์แล้ว                เมตตา

มอบยุพินเสาวภา                        รอบด้าน             

ดั่งพิรุณชื่นชีวา                           ต้นรัก เราแฮ

กระซิบรักดังสะท้าน                    ซ่านซึ้งถึงพรหม

๏ ดมบุหงาหอมดอกแห้ง              หอมหาย                        

หอมสิเน่ห์หอมมิคลาย                 กลิ่นคลุ้ง

สองเราต่างมั่นหมาย                   มุ่งร่วม หอเฮย

สุขรักราวลอดรุ้ง                          พาดโค้งประตูสรวง

๏ ดวงดาวพราวพร่างพร้อย           เพรานภา

ผจงจับร้อยมาลา                        มอบให้

ทุกสิ่งหากปรารถนา                     พึงบอก พี่รา

จะยากเย็นยิ่งไซร้                         จักสร้างจักสรร

นับวันยิ่งซาบซึ้ง                       ทรวงใน

นับแต่พบทรามวัย                       เพริศแพร้ว

นับนานยิ่งหวานไหว                    ฤทัยสนิท เสน่ห์เฮย

นับร่นเวลาแล้ว                           ร่วมห้องเรือนหอ       

……………………..        ………………
……………………..        ………………
……………………..        ………………
……………………..        ………………

ต้นรักปลูกสี่ต้น                        ตายสาม

ยังแต่เดียวก็ลาม                         เหี่ยวแห้ง

สิ้นแล้วงอกดอกงาม                    แย้มสู่ โลกแล

ฤๅรักนั้นจักแล้ง                          หลอกให้ใจสลายฯ

...........................(4.ส.ธันวันตรี).............................

 

 

รอดอกรักบาน (แก้ไขครั้งที่1) (5.ส.ธันวันตรี)

๏ ต้นรักปลูกสี่ต้น                        ตายสาม

ยังแต่เดียวยอกความ                   วิโยคย้ำ

ชลนัยน์หลั่งล้นหลาม                  ไหลรด รักนอ

พี่แม่พ่อสุขล้ำ                             สถิตฟ้านิทราขวัญ

๏ รำพันพิลาปย้อน                      วัยเยาว์

ใช่ว่ารักของเรา                            นิราศร้าง                  

ยังรักแผ่ร่มเงา                            ระบัดยอด

รอผลิดอกออกอ้าง                      อาจล้างรอยเหงา 

๏ เฝ้ารอยุพเรศเคล้า                    คลอกัน

นบนอบทวยเทวัญ                       ทั่วฟ้า

บนบานโปรดได้บัน-                     ดาลประสบ

พบมิ่งขวัญของข้าฯ                     คู่ชู้เฉกถวิล

๏ เทวินทร์เลิศฤทธิ์แล้ว                 เมตตา

มอบยุพินเสาวภา                        รอบด้าน            

ดุจพิรุณชื่นชีวา                           ต้นรัก เราแฮ

กระซิบรักดังสะท้าน                    ซ่านซึ้งถึงพรหม

๏ ดมบุหงาหอมดอกแห้ง              หอมหาย                        

หอมสิเน่ห์หอมมิคลาย                 กลิ่นคลุ้ง

สองเราต่างมั่นหมาย                   มุ่งร่วม หอเฮย

สุขรักราวลอดรุ้ง                          พาดโค้งประตูสรวง

๏ ดวงดาวพราวพร่างพร้อย           เพรานภา

หวังอยากว่ายเวหา                      เก็บให้

ทุกสิ่งหากปรารถนา                     พึงบอก พี่รา

จะยากเย็นยิ่งไซร้                         จักสร้างจักสรร

นับวันยิ่งซาบซึ้ง                       ทรวงใน

นับแต่พบทรามวัย                       เพริศแพร้ว

นับนานยิ่งหวานไหว                    ฤทัยสนิท เสน่ห์เฮย

นับร่นเวลาแล้ว                           ร่วมห้องเรือนหอ       

……………………..        ………………
……………………..        ………………
……………………..        ………………
……………………..        ………………

ต้นรักปลูกสี่ต้น                        ตายสาม

ยังแต่เดียวก็ลาม                         เหี่ยวแห้ง

วอดหวังงอกดอกงาม                   แย้มสู่ โลกแล

ฤๅรักนั้นจักแล้ง                          หลอกให้ใจสลายฯ

.............................(5.ส.ธันวันตรี).........................

 

รอดอกรักบาน (แก้ไขครั้งที่2) (6.ส.ธันวันตรี)

๏ ต้นรักปลูกสี่ต้น                        ตายสาม

ยังแต่เดียวยอกความ                   วิโยคย้ำ

ชลนัยน์หลั่งล้นหลาม                  ไหลรด รักนอ

พี่แม่พ่อสุขล้ำ                             สถิตฟ้านิทราขวัญ

๏ รำพันพิลาปย้อน                      วัยเยาว์

ใช่ว่ารักของเรา                            นิราศร้าง                  

ยังรักแผ่ร่มเงา                            ระบัดยอด

รอผลิดอกออกอ้าง                      อาจล้างรอยเหงา 

๏ เฝ้ารอยุพเรศเคล้า                   คลอกัน

นบนอบทวยเทวัญ                       ทั่วฟ้า

บนบานโปรดดลบัน-                    ดาลประสบ

พบมิ่งขวัญของข้าฯ                     คู่ชู้เฉกถวิล

๏ เทวินทร์เลิศฤทธิ์แล้ว                 เมตตา

มอบยุพินเสาวภา                        รอบด้าน            

ดุจพิรุณชื่นชีวา                           ต้นรัก เราแฮ

กระซิบรักดังสะท้าน                    ซ่านซึ้งถึงพรหม

๏ ดมบุหงาหอมดอกแห้ง              หอมหาย                        

หอมสิเน่ห์หอมมิคลาย                 กลิ่นคลุ้ง

สองเราต่างมั่นหมาย                   มุ่งร่วม หอเฮย

สุขรักราวลอดรุ้ง                          พาดโค้งประตูสรวง

๏ ดวงดาวพราวพร่างพร้อย           เพรานภา

อยากแหวกว่ายเวหา                    เก็บให้

ทุกสิ่งหากปรารถนา                     พึงบอก พี่รา

จะยากเย็นยิ่งไซร้                         จักสร้างจักสรร

นับวันยิ่งซาบซึ้ง                       ทรวงใน

นับแต่พบทรามวัย                       เพริศแพร้ว

นับนานยิ่งหวานไหว                    ฤทัยสนิท เสน่ห์เฮย

นับร่นเวลาแล้ว                           ร่วมห้องเรือนหอ       

……………………..        ………………
……………………..        ………………
……………………..        ………………
……………………..        ………………

ต้นรักปลูกสี่ต้น                        ตายสาม

ยังแต่เดียวก็ลาม                         เหี่ยวแห้ง

วอดหวังงอกดอกงาม                   แย้มสู่ โลกแล

ฤๅรักนั้นจักแล้ง                          หลอกให้ใจสลายฯ

............................(6.ส.ธันวันตรี)..........................

 

....ฝากลมลอยรัก.... (7.สนฉัตร)

๏ ฝนดึกเพิ่งผ่านฟ้า                     เฟือนดิน
ลมล่องพาใดยิน                         หยั่งเย้า
ฝากคำหยอกรื่นจิน-                     ตภาพ
แปลบอกคืนพิษเศร้า                   เกาะเนื้อกินแหนง
แรงแห่งรักร่ำร้อง                      อกราน
ทุกข์ถ่อทรมาน                            ค่ำเช้า
ปลุกเล่ห์เสน่ห์หวาน                    สักครึ่ง  หยดนา
หอมซ่านเนื้อในเคล้า                   กลิ่นแก้มแซมหมอน  
อ่อนไหวลึกอกล้า                      อาดูร
ใครดั่งเชื้อไฟพูน                         แผดไหม้
รุกถ้อยถั่งจนสูญ                         ความเชื่อ  มั่นเฮย
คนต่ำวาสนาไร้                           ค่าต้องโหยหา
๏ ฟ้าไกลดินสุดคว้า                     เพียงแล
เกินข่มตาปริแผล                        อกไหม้
แปลบลมล่องรังแก                      พาร่ำ  ไรเนอ
หอมหยาดคำบาดไห้                    ฝากฟ้าดินหมอง
สองเราต่างเกินยื้อ                    ร่ำไร
ดินต่างฟ้าเพียงไหน                     อกรู้
คนไกลยิ่งเป็นไป                         เกินหยั่ง  จิตนา
คงแอบเคียงดังชู้                         ขอดน้ำตาขม  
ฤาล่มใจจะไร้                           รักจริง
ลมล่องไหวอกอิง                         สะท้อน
ความต่างใช่ประวิง                      รู้สึก
หลับตื่นอกใครร้อน-                     เร่าเนื้อนวลถวิล
ตราบดินถวิลฟ้า                       ต่ำใด
ยืนหยัดวันคืนไหว                        อกกล้า
ศักดิศรีจะพิไร                             พิลาส ใดฤา
หักขวากหนามรักท้า                    สะท้านนรกสวรรค์ฯ
................................(7.สนฉัตร).............................

 

....ฝากลมลอยรัก....(แก้ไขครั้งที่ 1) (8.สนฉัตร)

๏ ฝนดึกเพิ่งผ่านฟ้า                     เฟือนดิน
ลมล่องพาใดยิน                         หยั่งเย้า
ฝากคำหยอกรื่นจิน-                     ตภาพ
แปลบอกคืนพิษเศร้า                   เกาะเนื้อกินแหนง
แรงแห่งรักร่ำร้อง                      อกราน
ทุกข์ถ่อทรมาน                            ค่ำเช้า
ปลุกเล่ห์เสน่ห์หวาน                    สักครึ่ง  หยดนา
หอมซ่านเนื้อในเคล้า                   กลิ่นแก้มแซมหมอน  
อ่อนไหวลึกอกล้า                      อาดูร
ใครดั่งเชื้อไฟพูน                         แผดไหม้
รุกถ้อยถั่งจนสูญ                         ความเชื่อ  มั่นเฮย
คนต่ำวาสนาไร้                           ค่าต้องโหยหา
๏ ฟ้าไกลดินสุดคว้า                     เพียงแล
เกินข่มตาปริแผล                        อกไหม้
แปลบลมล่องรังแก                      พาร่ำ  ไรเนอ
หอมหยาดคำบาดไห้                    ฝากฟ้าดินหมอง
สองเราต่างจะยื้อ                     ร่ำไร
ดินต่างฟ้าเพียงไหน                     อกรู้
คนไกลยิ่งเป็นไป                         เกินหยั่ง  จิตนา
คงแอบเคียงดังชู้                         ขอดน้ำตาขม  
ฤาล่มใจจะไร้                           รักจริง
ลมล่องไหวอกอิง                         สะท้อน
ความต่างใช่ประวิง                      รู้สึก
หลับตื่นอกใครร้อน-                     เร่าเนื้อนวลถวิล
ตราบดินถวิลฟ้า                       ต่ำใด
ยืนหยัดวันคืนไหว                        อกกล้า
ศักดิศรีจะพิไร                             พิลาส ใดฤา
หักขวากหนามรักท้า                    สะท้านนรกสวรรค์ฯ
................................(8.สนฉัตร).............................

 

(9.ธีรศักดิ์)

๏ ความรักควรเอ่ยเอื้อน                ออกมา
น้องไม่เผยวาจา                          กล่าวอ้าง
น้องพี่อยู่ไกลมาก                        ยากเอ่ย
ครั้งที่น้องลาร้าง                                     พี่ได้คิดถึง
๏ คิดถึงน้องส่งรัก                       ทุกวัน
ไม่เปลี่ยนแปรผกผัน                   ชอบน้อง
ตัวน้องห่างไกลพี่                         เกินหยั่ง
ยังส่งใจฝากน้อง                          ผ่านฟ้าผ่านฝน
๏ คิดถึงน้องที่ได้                          คลุกคลี
จากแค่สองนาที                          ห่วงได้
ถ้าคิดหน่ายหนีพี่                        กลัวว่า
ใครที่เก็บงำไว้                             หม่นเศร้าเหงาซึม
๏ คิดถึงคำหนึ่งนั้น                      พูดไป
เพียงแต่คิดถึงน้อง                                  เกี่ยวข้อง
มีพี่อยู่ในใจ                                            รึเปล่า
หรือแค่เป็นพวกพ้อง                    พี่นี้แคลงใจ
๏ คิดถึงน้องก่อเกิด                      เต็มทรวง
เป็นสิ่งจริงหรือลวง                      เร้าร้อน
แทรกแซงอยู่เต็มดวง                   ใจเปี่ยม
สุดที่จะซับซ้อน                           หยั่งได้น้องนาง
๏ คิดถึงกันยิ่งต้อง                       ขอบคุณ
คอยช่วยเหลือเจือจุน                   ไม่น้อย
ฤาเพราะว่าเป็นบุญ                     ปางก่อน
คอยช่วยหนุนเรียงร้อย                  ส่งให้ห่วงหาฯ

.............................(9.ธีรศักดิ์)..........................

 

(10.ธีรศักดิ์)

๏ ถ้ารักควรเอ่ยเอื้อน                    ออกมา
น้องไม่พูดไม่จา                           บ่รู้
น้องพี่อยู่ไหนหนา                        ยากเอ่ย
ครั้งที่น้องไปแล้ว                         พี่ได้เศร้าใจ
พี่รักน้องส่งรัก                          ทุกวัน จริงแฮ
ไม่เปลี่ยนแปรผกผัน                    ชอบน้อง
ตัวน้องยิ่งไกลพี่                          เกินหยั่ง
ยังส่งใจถึงน้อง                           ผ่านฟ้าผ่านใจ
คิดถึงน้องที่ได้                         สวยดี
จากแค่สองนาที                          ห่วงได้
ถ้าคิดหน่ายหนีพี่                         กลัวว่า
ใครที่เก็บงำไว้                             หม่นเศร้าเหงาซึม
คิดรักคำหนึ่งนั้น                       กล่าวไป
เพียงแต่คิดถึงน้อง                      เกี่ยวข้อง
มีพี่อยู่ในใจ                                รึเปล่า
หรือแค่เป็นพวกพ้อง                    พี่นี้แปลกใจ
คิดถึงน้องก่อเกิด                      หึงหวง
เป็นสิ่งจริงหรือลวง                      เร่าร้อน
แทรกแซงอยู่เต็มดวง                   ใจเปี่ยม
สุดที่จะซับซ้อน                           หยั่งได้น้องรัก
คิดถึงกันยิ่งต้อง                      ห่วงใย
ต้องช่วยเหลือเจือจุน                    ไม่น้อย
เป็นเพราะว่าเป็นบุญ                   ชาติก่อน
คอยช่วยเรียบเรียงร้อย                  ส่งให้ตลอดเวลาฯ

.............................(10.ธีรศักดิ์)..........................

 

(11.ธีรศักดิ์)

๏ ถ้ารักพี่เอ่ยเอื้อน                       ความรัก ออกมา
น้องไม่พูดไม่จา                           ไม่รู้
น้องพี่อยู่ที่ไหน                            ยากเอ่ย คิดถึง
ครั้งที่น้องห่างแล้ว                       พี่ได้เศร้าหมอง
พี่รักน้องแด่รัก                          ทุกวัน น้องนา
พี่เปลี่ยนแปรรักแท้                      ชอบน้อง
ตัวน้องยิ่งไกลพี่                          เกินหยั่ง รักไง
มอบส่งใจถึงน้อง                        ผ่านฟ้าผ่านใจ
คิดถึงน้องที่ได้                         สวยดี
จากแค่สองนาที                          ห่วงได้
ถ้าน้องหน่ายหนีพี่                       เกรงว่า
ใครที่เก็บน้องไว้                          หม่นเศร้าใจจริง
คิดรักคำหนึ่งนั้น                       มอบไป
เพียงพี่คิดถึงน้อง                        เกี่ยวข้อง
มีพี่อยู่ในใจ                                รึไม่
หรือแค่เป็นเพื่อนพ้อง                   พี่นี้แสลงใจ
คิดถึงน้องก่อรัก                        ขึ้นมา จากใจ
เป็นสิ่งจริงหรือลวง                      เร่าร้อน
แทรกแซงอยู่เต็มดวง                   ยอดเยี่ยม
สุดที่จะซับซ้อน                           หยั่งได้ของดี
คิดถึงกันยิ่งต้อง                       ห่วงใย ใจจริง
ต้องช่วยเหลือเจือจุน                    ไม่น้อย
เป็นเพราะว่าเป็นบุญ                   ชาติก่อน
คอยช่วยเรียบเรียงร้อย                  ส่งให้คนดีฯ

.............................(11.ธีรศักดิ์)..........................

 

(12.ธีรศักดิ์)

๏ ถ้ารักพี่เอ่ยเอื้อน                       ความรัก ออกมา
น้องไม่พูดไม่จา                           ไม่รู้
น้องพี่อยู่ที่ไหน                            ยากเอ่ย คิดถึง
ครั้งที่น้องห่างแล้ว                       พี่ได้เศร้าหมอง
พี่รักน้องแด่รัก                          ทุกวัน น้องนา
พี่เปลี่ยนแปรรักแท้                      ชอบน้อง
ตัวน้องยิ่งไกลพี่                          เกินหยั่ง รักไง
มอบส่งใจถึงน้อง                        ผ่านฟ้าผ่านใจ
คิดถึงน้องที่ได้                         สวยดี
จากแค่สองนาที                          ห่วงได้
ถ้าน้องหน่ายหนีพี่                       เกรงว่า
ใครที่เก็บน้องไว้                          หม่นเศร้าใจจริง
คิดรักคำหนึ่งนั้น                       มอบไป
เพียงพี่คิดถึงน้อง                        เกี่ยวข้อง
มีพี่อยู่ในใจ                                รึไม่
หรือแค่เป็นเพื่อนพ้อง                   พี่นี้แสลงใจ
คิดถึงน้องก่อรัก                        ขึ้นมา จากใจ
เป็นสิ่งจริงหรือลวง                      เร่าร้อน
แทรกแซงอยู่เต็มดวง                   ยอดเยี่ยม
สุดที่จะซับซ้อน                           หยั่งได้ของดี
คิดถึงกันยิ่งต้อง                       ห่วงใย ไม่หลอก
ต้องช่วยเหลือเจือจุน                    ไม่น้อย
เป็นเพราะว่าเป็นบุญ                   ชาติก่อน จริงไหม
คอยช่วยเรียบเรียงร้อย                  ส่งให้คนดีฯ

.............................(12.ธีรศักดิ์)..........................

 

(13.ธีรศักดิ์)

๏ ถ้ามีรักเอ่ยเอื้อน                        ความใน ออกมา
น้องไม่พูดไม่จา                           ไม่รู้
น้องพี่อยู่ที่ไหน                            ยากเอ่ย คิดมาก
ครั้งที่น้องห่างแล้ว                       พี่ได้ฝันร้าย
พี่รักน้องส่งรัก                          ทุกวัน จริงนา
ไม่เปลี่ยนแปรรักแท้                     ห่วงน้อง
ตัวน้องยิ่งไกลพี่                          เกินหยั่ง หัวใจ
มอบส่งใจถึงน้อง                        ผ่านฟ้าผ่านหมอก
คิดถึงน้องที่ได้                         สวยดี พูดจริง
จากแค่สองนาที                          ห่วงได้
ถ้าน้องหน่ายหนีพี่                       คิดว่า
ใครที่รักน้องไว้                            หม่นเศร้าหัวใจ
คิดรักคำหนึ่งนั้น                       ส่งไป ให้เธอ
เพียงพี่คิดถึงน้อง                        เกี่ยวข้อง
มีพี่อยู่ในใจ                                รึไม่
หรือแค่เป็นเพื่อนพ้อง                   พี่นี้แสลงใจ
คิดถึงน้องก่อรัก                        เศร้าทรวง ในใจ
เป็นสิ่งจริงหรือลวง                      รุ่มร้อน
ถ้าน้องอยู่ในใจ                           ของพี่ ตลอดไป
สุดที่จะได้รับ                              หมั่นได้ของดี
ถ้าคิดถึงยิ่งต้อง                        ห่วงใย ไม่หลอก
ต้องช่วยเหลือเจือใจ                    ไม่น้อย
เป็นเพราะว่าเป็นบุญ                   ชาติก่อน จริงไหม
คอยช่วยเรียบเรียงร้อย                  ส่งให้ตลอดกาลฯ

.............................(13.ธีรศักดิ์)..........................

 

(14.ธีรศักดิ์)

๏ถ้ามีรักเอ่ยเอื้อน                         ความใน ออกมา
น้องไม่พูดไม่จา                           หยั่งรู้
น้องพี่อยู่ที่ไหน                           ยากเอ่ย จริงนา
ครั้งที่น้องห่างแล้ว                      พี่ได้เศร้าซึม
 พี่รักน้องส่งรัก                         ทุกวัน จริงแฮ
ไม่เปลี่ยนแปรรักแท้                     ห่วงน้อง
ตัวน้องยิ่งไกลพี่                          บ่หยั่ง ใจได้
มอบส่งใจถึงน้อง                        ผ่านฟ้าผ่านหมอก
๏ คิดถึงน้องที่ได้                         สวยดี พูดจริง
จากแค่สองนาที                          ห่วงได้
ถ้าน้องหน่ายหนีพี่                       คิดว่า ตายแน่
ใครที่รักน้องไว้                            หม่นเศร้าหัวใจ
๏ คิดรักคำหนึ่งนั้น                       ส่งไป ให้เธอ
เพียงพี่คิดถึงน้อง                        เกี่ยวข้อง
มีพี่อยู่ในใจ                               หรือไม่
หรือแค่เป็นเพื่อนพ้อง                   พี่นี้แสลงใจ
๏ คิดถึงน้องก่อรัก                        เศร้าทรวง ในใจ
เป็นสิ่งจริงหรือลวง                      รุ่มร้อน
ถ้าน้องอยู่ในใจ                           ของพี่ ตลอดไป
สุดที่จะได้รับ                              หมั่นได้ของดี
๏ ถ้าคิดถึงยิ่งต้อง                       ห่วงใย ไม่หลอก
ต้องช่วยเหลือเจือใจ                    ไม่น้อย
เป็นเพราะว่าเป็นบุญ                   ชาติก่อน จริงไหม
คอยช่วยเรียบเรียงร้อย                  ส่งให้ตลอดกาลฯ

.............................(14.ธีรศักดิ์)..........................

 

(15.ธีรศักดิ์)

๏ รักหนึ่งนั้นมิคิด                        เงินตรา
รักหนึ่งสร้างสรรหา                      มอบให้
รักหนึ่งช่วยนำพา                        ชีวิต จิตใจ
รักหนึ่งฝังฝากไว้                         ให้ลูกทุกคน
รักหนึ่งนั้นชี้แสง                      ส่องทาง
รักหนึ่งช่วยสะสาง                       ถ่องแท้
รักหนึ่งคอยขัดขวาง                     เส้นทาง ปรวนแปร
รักหนึ่งคอยช่วยแก้                      ปัญหายากเย็น
เมื่อใดที่ลูกนั้น                         เป็นทุกข์
อุปสรรคมาบุก                            หนักหนา
มือน้อยน้อยมอบสุข                     ยืนมา
เป็นแสงส่องนำพา                      ชีวิตจิตใจ

พระคุณแม่ก้าวล้ำ                    ยิ่งใหญ่
พระคุณแม่สุดไกล                      เทียบถึง
พระคุณแม่จากใจ                       ให้คิด คำนึง
พระคุณแม่ลึกซึ้ง                        มากล้นคณา
จะเรียนรู้คำรัก                          จากแม่
ให้แจ่มแจ้งรู้แท้                           ความหมาย
จะรักแม่แน่แท้                            ไม่คิด นึกคลาย
ดูแลท่านจนตาย                         ชาตินี้ไม่ลืม

พระคุณแม่ค่าล้วน                   กว้างไกล ลูกเอย

รักแม่เกินกว่าใคร                        เด่นฟ้า
แม่รักแม่ห่วงใย                           ลูกยิ่ง อื่นใด
ขาดแม่ลูกเหว่ว้า                         กว่าเอื้อนเอ่ยคำฯ

.............................(15.ธีรศักดิ์)..........................

 

(16.ธีรศักดิ์)

๏ รักหนึ่งนั้นไม่คิด                       เงินตรา
รักหนึ่งสร้างสรรหา                      แด่ให้
รักหนึ่งช่วยนำพา                        ชีวิต จิตใจ
รักหนึ่งฝังฝากไว้                         ให้ลูกทุกคน
๏ รักหนึ่งนั้นชี้แสง                       ส่องทาง
รักหนึ่งช่วยสะสาง                       ถ่องแท้
รักหนึ่งคอยขัดขวาง                     เส้นทาง ปรวนแปร
รักหนึ่งคอยช่วยแก้                      ปัญหายากเย็น
๏ เมื่อใดที่ลูกนั้น                        เป็นทุกข์
อุปสรรคมาบุก                            หนักหนา
มือน้อยน้อยมอบสุข                     ยืนมา
เป็นแสงส่องนำพา                      ชีวิตจิตใจ

๏ พระคุณแม่ก้าวล้ำ                    ยิ่งใหญ่
พระคุณแม่สุดไกล                      เทียบถึง
พระคุณแม่จากใจ                       ให้คิด คำนึง
พระคุณแม่ลึกซึ้ง                        มากล้นคณา
จะเรียนรู้คำรัก                          จากแม่
ให้แจ่มแจ้งรู้แท้                           ความหมาย
จะรักแม่แน่แท้                            ไม่คิด นึกคลาย
ดูแลท่านจนตาย                         ชาตินี้ไม่ลืม

พระคุณแม่ค่าล้วน                   กว้างไกล ลูกเอย

รักแม่เกินกว่าใคร                        เด่นฟ้า
แม่รักแม่ห่วงใย                           ลูกยิ่งอื่นใด
ขาดแม่ลูกเหว่ว้า                         กว่าเอื้อนเอ่ยคำฯ

.............................(16.ธีรศักดิ์)..........................

 

(17.ธีรศักดิ์)

๏ รักหนึ่งนั้นไม่คิด                       เงินตรา
รักหนึ่งสร้างสรรหา                      แด่ให้
รักหนึ่งช่วยนำพา                        ชีวิต จิตใจ
รักหนึ่งฝังฝากไว้                         ให้ลูกทุกคน
รักหนึ่งนั้นชี้แสง                       ส่องทาง
รักหนึ่งช่วยสะสาง                       ถ่องแท้
รักหนึ่งคอยขัดขวาง                     เส้นทาง ปรวนแปร
รักหนึ่งคอยช่วยแก้                      ปัญหายากเย็น
เมื่อใดที่ลูกนั้น                         เป็นทุกข์
อุปสรรคมาบุก                            หนักหนา
มือน้อยน้อยมอบสุข                     ยืนมา
เป็นแสงส่องนำพา                      ชีวิตจิตใจ

พระคุณแม่ก้าวล้ำ                    ยิ่งใหญ่
พระคุณแม่สุดไกล                      เทียบถึง
พระคุณแม่จากใจ                       ให้คิด คำนึง
พระคุณแม่ลึกซึ้ง                        มากล้นคณา
จะเรียนรู้คำรัก                          จากแม่
ให้แจ่มแจ้งรู้แท้                           ความหมาย
จะรักแม่แน่แท้                            ไม่คิด นึกคลาย
ดูแลท่านจนตาย                         ชาตินี้ไม่ลืม

๏ พระคุณแม่ค่าล้วน                   กว้างไกล ลูกเอย

รักแม่เกินกว่าใคร                        เด่นฟ้า
แม่รักแม่ห่วงใย                           ลูกยิ่งอื่นใด
ขาดแม่ลูกเหว่ว้า                         กว่าเอื้อนเอ่ยคำ

๏ พระคุณพระแม่ล้น                   มหาสมุทร

เพียรพร่ำเพียรสอนบุตร                ท่านให้

รักหวงห่วงลูกสุด                        ชีวิต ท่านนา

ลูกเก่งและดีได้                           แม่แท้มีคุณฯ

.............................(17.ธีรศักดิ์)..........................

 

(18.อดิศร)

๏ โอ้ความรัก คู่ฟ้า                       สดใส

คู่แผ่นดิน โลกไซร้                        ป่าไม้

คู่ธารแม่น้ำไหล                           เย็นฉ่ำ    ชื่นแล

เปรียบคู่ ชีวิตไซร้                         หล่อเลี้ยงหัวใจ

ยามรักมีแบ่งให้                        หอมหวาน

รสดั่งเจือน้ำตาล                         สุขลิ้น

เปรียบรักดั่งดอกบาน                   งามล้ำ  เลิศนา

รักบ่มีสูญสิ้น                              แน่แท้ใจตน

วันเวลาเปลี่ยนได้                     หมุนวน

เปรียบดั่งจิตใจคน                       บ่แจ้ง

ลึกล้ำสุดมืดมน                          ยากหยั่ง   ลงถึง

แม้แต่รักยังแล้ง                          หมดสิ้นเหือดไป

ยามโกรธเกลียดด่าท้อ               ต่อว่า

หมดเยื่อใยรักมา                         เกี่ยวข้อง

ทำดีหมื่นครั้งนา                          ด้อยค่า  จางหาย

ความผิดเพียงหนึ่งฟ้อง                รักสิ้นหมดไป

ความโกรธ หาก บ่แก้                นานวัน

หมองหม่นในชีวัน                       ขุ่นเศร้า

ขมึงทึงข่มหน้ากัน                       หลบซ่อน  บิดเบือน

เก็บกดนานวันเข้า                        หมดสิ้นรักเอย

โกรธเกลียดนั้นย่อมแก้              ด้วยอภัย

หากผิดต่อกันไป                          บ่นบ้าง

สงบจิตบ่ให้ใจ                            ขมขื่น    เกลียดแล

จงหมั่นรักลบล้าง                        ผิดได้อย่าลืม

๏ บางครั้งอภัยบ่ได้                      โกรธา

เพราะบ่รักกันมา                         ก่อนหน้า

เมื่อเกลียดบ่เยียวยา                     ผิดย่อม   เพิ่มพูน

เป็นดั่งนี้แหละเบื้องหน้า               จึ่งย้ายแยกทาง                                 

โอ้รักหมองหม่นเศร้า                 จืดจาง

ฤาว่าใจน้องนาง                          รักไร้

โกรธพี่บ่มีปล่อยวาง                     จดจ่อ   ผิดนา

ตัวพี่นี้ยังคงไซร้                           รักน้องดังเดิมฯ 

.............................(18.อดิศร).........................

 

ทุ่งหว้าเทวี (19.ปัญจาลนคร)

๏ แสงไฟสาดส่องทั้ง                   เวที

เตรียมประกวดเทวี                      ทุ่งหว้า

หญิงงามต่างยินดี                       รีบเร่ง เร็วแล

รื้อชุดไม่รอช้า                              มุ่งคว้ารางวัล

๏ จิตรารู้ข่าวแล้ว                         เริงใจ

ขึ้นขี่รถเครื่องไป                          แต่งหน้า

วาดคิ้วโก่งเกินใคร                       เขียนปาก แดงแม่

มวยมุ่นมัดหางม้า                       มาดแม้นนางสวรรค์

๏ สวมชุดแดงเลื่อมร้อย                ราตรี

โบว์ติดอกเต็มดี                           เต่งตั้ง

ส้นสูงสุดที่มี                               ก้าวเขย่ง ไปนา

งามจัดจนได้รั้ง                           ทุ่งหว้าเทวี

๏ พ่อแม่ญาติเพื่อนพ้อง               ภูมิใจ

เธอกลับเมินหมางไกล                  กลั่นแกล้ง

มงกุฎชักนำไป                            ได้แต่ง งานเอย

ลืมหมดนาร้างแล้ง                      พี่น้องระอาใจ

๏ ความงามใช่อยู่ยั้ง                    เยี่ยงเดิม

คิ้วโก่งย้อยตกเติม                       ไม่ตั้ง

สามีก็แสร้งเสริม                         ทรวงหน่าย แหนงนา

เกินกว่าจักฉุดรั้ง                          รักไว้ดั่งฝัน

๏ คู่รักเธอเริ่มเกี้ยว                       เทพี ใหม่แล

ทิ้งห่างจากเทวี                            ทุ่งหว้า

สุดทนสุดหลีกหนี                        ใจเจ็บ

หอบทุกข์ระทมล้า                       กลับบ้านคืนสถาน

๏ จิตราร้องร่ำไห้                          โรยรา

ซมทรุดซบเถียงนา                       แท่นน้อย

กราบแม่แทบบาทา                      ยกโทษ ลูกเทอญ

ขอกลับทวนถักร้อย                      ซ่อมสร้างใจสลาย

๏ แม่อุ้มโอบลูกขึ้น                       แนบทรวง สอนนา

เห็นรักเช่นตาลวง                        หลอกเย้า

รูปกายเปรียบของกลวง                งามแต่ นอกเอย

อันรักแท้ย่อมเจ้า                         พิศได้โดยใจ

๏ อาทิตย์สาดส่องทั้ง                   ทุ่งทอง

มงกุฎงามวางกอง                       เก็บไว้

รักแท้เกิดจากมอง                       ที่จิต ใจแล

รักจากรูปงามไซร้             ห่อนค้างจีรังฯ

...........................(19.ปัญจาลนคร)..................

 

(20.ข้าวทิพย์)

  บุรุษหนึ่งอเนกด้วย                   ความดี

สมสั่งกุศลเสริมศรี                      เนิ่นช้า

ขยันหมั่นเพียรพี-                        ริยะกิจ

ความชั่วร้ายไป่กล้า                      ประพฤติให้หมองกมล ฯ

  จวบจนวันหนึ่งนั้น                   พบสุดา

แสนสุดสวยโสภา                        บุรุษนั้น

ตกหลุมรักนงพะงา                      มากยิ่ง

จึ่งคบจิตหมายหมั้น                     นุชนี้ดูใจ ฯ

  หฤทัยบุรุษรักล้น                      โฉมตรู

ใจบุรุษมีพธู                                สี่ห้อง

รักแรกสุดเลิศหรู                         เกินกว่า  กล่าวแฮ

มอบรักแด่นวลน้อง                      ค่ำเช้าตลอดกาล ฯ

  นงคราญกลับบ่ได้                   รักตอบ

หทัยไป่เคยคิดชอบ                      บุรุษนี้

บุรุษอุตส่าห์มอบ                         ความรัก  ให้เฮย

นุชกลับหลบหลีกลี้                      บุรุษเศร้าโศกา ฯ

  วันเวลาผันผ่านพ้น                  เร็วไว

บุรุษสุดเสียใจ                             โศกเศร้า

คิดถึงแต่พิสมัย                           นุชนาฏ

ประหนึ่งไฟลุกเร้า                        เร่งร้อนในฤดี ฯ

  บุรุษที่สุดโชคร้าย                     คือฉัน

มอบรักแด่จอมขวัญ                     ไป่ร้าง

มโนไป่คิดปัน                              เป็นอื่น

นุชกลับปล่อยทิ้งขว้าง                  โชคร้ายใครเทียม ฯ

  ใจเจียมจำจากเจ้า                   จิตประจักษ์

ฤๅอุระจะไร้รัก                             แน่แท้

ใจเจ็บหากหาญหัก                      ใจห่าง

ด้วยจิตรักเจ้าแล้                         จึ่งต้องลาไกล ฯ

........................(20.ข้าวทิพย์)..............................

 

ฤๅไร้รัก  สามัคคี (21.ข้าวทิพย์)

   บรรพกาลเก่าก่อนนี้                ชนไทย

รวมเลือดเป็นหนึ่งใน                    โลกหล้า

ปัจนึกปราชัย                              ไทยแกร่ง

แพ้พ่ายไทยเก่งกล้า                     เพราะรู้ยุทธวิธี 

  สามัคคีเสริมส่งให้                   ไทยพิชิต

ปรปักษ์ปัจจามิตร                        พ่ายแพ้

ชื่อ “สยาม” เลื่องลือกิต-               ติศัพท์กู่

ไทยรักสามัคคีแท้                        อริล้วนเกรงกลัว ฯ

  แต่ตัวชนชั่วนั้น                        นำพา

ปัจนึกเผาพารา                           มอดไหม้

เพียงเพราะกิเลสตัณหา               ความอยาก

ชาติจึ่งล่มจมไซร้                         เพราะไร้สัมพันธ์ 

  ปัจจุบันไทยแบ่งข้าง                 สองสี

ความรักและสามัคคี                    ขาดแล้ว

จบสิ้นซึ่งสิ่งดี                             ในจิต

นับ “พี่ - น้อง” คงแคล้ว               จบสิ้นวงศา 

  น้ำตาพสกตกสู่พื้น                  ธราดล

สุดโศกสลดกมล                         สุดกลั้น

คนแบ่งแก่งแย่งชน                      ในชาติ

ต่างฝ่ายต่างปลุกปั้น                    ยุให้ทำลาย 

  ชนคลายรักจิตร้าง                   สมัครสมาน

อนาคตอีกไม่นาน                        จากนี้

ชนไทยจักร้าวราน                        ฤทัยยิ่ง

ด้วยเหตุไทยป่นปี้                        หมดสิ้นดินแดน 

........................(21.ข้าวทิพย์)..............................

 

ฤาหัวใจจะ(ไม่)ไร้รัก (22.วลิน)

๏ เย็นเยือกเหมือนดั่งน้ำ               ค้างยาม ราตรี

แข็งทื่อไม่เหลือที่                         อุ่นบ้าง

หัวใจนิ่งดั่งมี                              ความเงียบ  ปกคลุม

เพียงพี่ถูกทอดทิ้ง                        เปลี่ยวไร้เธอแล

๏ เคยวาดฝันว่าโอ้                       สองเรา นิรันดร์

ลืมว่าตัวของฉัน                          ต่ำต้อย

เป็นเพียงแค่เงานั้น                      หาใช่  ตะวัน

เธอดั่งแสงดวงจันทร์                   พี่นั้นเกินเทียม

๏ ยามมองจันทร์เด่นฟ้า                น้ำตา รินไหล

เจ็บกว่าที่ใครใคร                          ใคร่รู้

นั่นเพราะพี่รู้ใจ                           แจ่มแจ้ง ตนเอง

กาลผ่านเลือนมิได้                       ช่วยให้พี่ลืม

๏ พบเจอคนหมื่นล้าน                  มิอาจ แทนได้

ฤาว่าในหัวใจ                              พี่ร้าง

กลัวไม่สามารถให้                       ใครมาก  เท่าเธอ

ความโง่ปิดตาแท้                        พ่ายแก่ตนเอง

๏ เหลียวมองดูอีกครั้ง                  โดยใช้  สตินำ

เห็นดั่งแสงอำพัน                        ส่องใกล้

หัวใจที่มืดนั้น                             กลับมี  แสงนำ

เพียงแค่ได้พบหน้า                      หญิงหนึ่งอีกคน

๏ ยามเกิดเราร้องจ้า                     เธอเฝ้า ปลอบประโลม

ยามที่เราตรอมตรม                      หม่นไหม้

ยามที่ทุกข์ระทม                          สักคน ไม่มี

เหลือแต่หญิงคนนี้                      อยู่ข้างไม่ห่างกาย

๏ ความรักจากเธอนั้น                   สวยงาม เหนือใคร

เพียงแต่มองข้ามไป                     ไขว่ขว้า

ลืมมองว่าจริงไซร้                        รักอยู่  ใกล้ตัว

รักแม่แสนเที่ยงแท้                       ไม่ต้องปวดใจ

๏ กลับมามีรักได้                          หัวใจ  เป็นสุข

หากเมื่อรักแล้วทุกข์                     หยุดได้

สองเข่าก้มลงคุก                         สองมือ กราบกราน

รักแม่นั้นจริงแท้                          อย่าช้าแทนคุณฯ

...........................(22.วลิน)................................

 

รักเธอรักแท้..แด่เธอ (23.คอนพูทน)

๏ สัญชาติญาณ..บอกย้ำ              สัญญาณ

คงนะ..อีกมินาน                         คลอดนั้น

แลทางเลือกดูสถาน                    โดยทั่ว

เพียงแค่ปลอดภัยครั้น                  ลูกแคล้วคลาดคราฯ

เรา..”หมาจรจัด” แม้น               เทียวมอง

พบที่...ทำเลทอง                         แน่แท้

ไกลสนาน..ท่อ ! รูสนอง               เหมาะนั่น

รีบหลบพักกาย..แล้                     เริ่มแล้วฤกษ์สลวยฯ

สลักสวย..สวยทั้งสิบ                สลับสี

แสน..”สุขเกษมเปรมปรีดิ์”            แม่ป้อง

นาที..ต่อ..นาที                           ดูดกระแทก

นมแทบจักหมดท้อง                    แย่งทึ้งยานถึงฯ

จึงตระเวน..มิว่างเว้น                บางวัน

ของ”กัดขบกระทบฟัน”                 ยากคว้า

พวกรุม..ฟัดโรมรัน                       เจ็บร่าง

เลือดโชกเลยกลับ..ช้า                  ฟกช้ำโรยโชยฯ

ความโหย..กระซิบให้                ออกหา

นึกครุ่นคงถึงครา                         อีกครั้ง

ขโมยภักษ์ลักขโมยพา                  กินเพื่อ

ลูกรอด..ชีวิตรั้ง                           กลิ่นร้ายมลายรานฯ

คลาน..และคลานชิดเข้า           พอเคียง

กระโดดพุ่งจับงับเพียง                 คาบพร้อม

สุดเสียง..ไก่ขานเสียง                  เสียงลั่น 

โดนไล่โดนราย..ล้อม                   วิ่งล้ำถนนหลวงฯ

คราวดวง..โครม ! ดับดิ้น           ดวงคราว

เลือดหยด..บนทางยาว                หลั่งย้อย

โศก สุข ทุกข์...เริงราว                  วางเรื่อง

โอ ! อนาถ..นักตัวน้อย                 ป่านนี้เป็นไฉนฯ

ใจฤๅ..คงไร้รัก                          สลอนรอ

แขนนิ่ม..เคยหนุนหนอ                 อุ่นเนื้อ

มอง คอย อยากเพลินคลอ            เพลงขับ

รักฉ่ำ..ฤๅ..มอดเชื้อ                     หมดชื้นฤดีเฉาฯ

............................(23.คอนพูทน).....................

 

เพราะมีใจ แต่ไร้รัก (24.พล)

๏ ดวงจิตมนุษย์ไซร้                      ประเสริฐแสน

สุดยิ่งกว่าดินแดน                       เด่นด้าว

ยิ่งลึกยิ่งยากแทน                        ทำนายคาด

ยิ่งยากจะกล้าก้าว                       กล่าวรู้จิตเขา

๏ มนุษย์เรามีจิตถ้วน                    ทุกคน

แตกต่างตรงตัวตน                      ต่ำต้อย

เพราะกรรมก่อสร้างผล                พิษเพิ่ม

โลภะโทสะร้อย                           หลากล้วนกิเลสหลาย

รัก ชายหญิงต่างต้อง                ตรึงตรา

เกิดกิเลสร้อนรา-                         คะล้วน

หวังสมดั่งปรารถนา                     แนบแน่น

ติดบ่วงกามาถ้วน                        ทุกข์กลั้วกลบฝัง

โลภ หวังมีเด่นได้                      ดังจริง

จึงวิ่งราวฉกชิง                            ฉุดปล้น

กองเงินสุขแอบอิง                       แอบซ่อน กรรมนา

หลงลุ่มโลภะล้น                         หลอกเร้นบังตา

โกรธ อาฆาตคิดแค้น                ขาดสติ

เพราะจิตมีทิฐิ                             ที่ตั้ง

รักร้างห่างหิริ-                             โอตัปปะ

สุดยากจะหยั่งยั้ง                        หยุดห้ามกรรมสุม

หลง ลุ่มกิเลสเร้น                     ลวงใจ

นานเนิ่นยิ่งแนบใน                      จิตนั้น

หลงรื่นระเริงไฟ                           ฟืนทุกข์

จิตดั่งถูกกีดกั้น                           ก่อด้วยบาปมหันต์

๏ มนุษย์นั้นมีจิตซึ้ง                      สติตน

แต่รักร้างห่างหน                         แห่งห้วง

มีใจแต่ไร้ผล                               เพราะขาด ใดนา

อยากยิ่งจะลึกล้วง                       ล่องแล้แลเห็น

๏ ขาดเพ็ญธรรมส่องหล้า             หลอมจิต ตนแฮ

ขาดรักในชีวิต                             ว่างไร้

ขาดรักเพื่อนผองมิตร                   มนุษย์โลก

ขาดรักทั้งหมดไซร้                       สืบซ้ำกรรมสนองฯ

............................(24.พล)...................................

 

หวังดวงใจไม่ไร้รัก (25.อธิคม)

๏ คำนึงใจเคลื่อนคล้อย                คคนานต์
โบกปีกจินตนาการ                       ลิ่วคว้าง
รอนแรมเร่วิญญาณ                     เปล่าเปลี่ยว
ไปสุดหล้าฟ้ากว้าง                      ฟากโพ้นฝั่งมหรรณพ์
เวลาวันหนึ่งข้าม                      เอกภพ
สุดฝั่งน้ำบรรจบ                          ฟากฟ้า
ซมซานโศกเซาซบ                       แสนเทวษ
โลกดั่งหมุนเชื่องช้า                     เมื่อร้างแรมสมร
นอนหลับใจตื่นด้วย                  ฝันเดียว
พิศวาทหวังกลมเกลียว                กอดน้อง
จักพาท่องทางเทียว                     ไปทั่ว
ทุกจักรวาลหาวห้อง                     สุดห้วงเสน่หา
ชมดารากระพริยพร้อย              พร่างพราว
อ้อมกอดจักโอบหนาว                  อุ่นเนื้อ
ทางช้างเผือกผ่องขาว                  ผุดผาด
จันทร์แจ่มงามอะเคื้อ                   อะคร้าวคราวมอง
วงทองทอทิพย์รุ้ง                      รังสี
โค้งครอบเหนือปฐพี                     พร่างแพร้ว
จักเดินไต่รุ้งมณี                          ข้ามเมฆ
เคียงคู่กันกับแก้ว                        เกี่ยวก้อยชมสวรรค์
ลืมวันคืนหลุดห้วง                    เวลา
ทุกภพชาติปรารถนา                    แต่น้อง
ไม่สิ้นสุดเสน่หา                          หายห่าง
หวังว่าใจสอดคล้อง                     คิดเคลิ้มสวาทขวัญ
รำพันรักอยู่ด้วย                        ฤดีหวัง
ฝันตื่นความหวานยัง                   ซ่านซึ้ง
ต้นรักปักปลูกฝัง                         รากแผ่
มิอาจถอนดึงทึ้ง                          มั่นแท้คงทน
อยากมีมนต์รักร้อย                    รังสรรค์
กอบเก็บทุกความฝัน                    เก่าไว้
จักเอาทุกสิ่งอัน                           ออกอวด
ความรักถวิลคลั่งไคล้                   อยากเคล้าเคียงสมร
คำวอนรักมอบน้อง                   คนงาม
คำสัตย์รำพันความ                      รักแท้
อันโอษฐ์เอ่ยเอื้อนตาม                  ใจสั่ง
คงมั่นชั่วกาลแม้                          มอดม้วยไม่กลาย
หวังสายสวาทฟังถ้อย               คำวอน
รับรักร่วมเคียงหมอน                    ไม่ร้าง
มอบใจไม่เคลื่อนคลอน                คงมั่น
อย่าปล่อยให้อ้างว้าง                   ห่างไร้รักแรมฯ
………………………(25.อธิคม)..........................

 

เผื่อใจรักเพื่อโลก (26.อธิคม)

๏ รัตติกาลเปิดม่านฟ้า                 ชวนฝัน
บรรเจิดรัศมีจันทร์                        แจ่มแจ้ง
เมฆลอยเกลื่อนกลาดผัน              เคลื่อนผ่าน
วาตะโชยยามแล้ง                       ผ่อนร้อนรื่นรมย์
๏ ชมเดือนฟังนกเพ้อ                    เพลงไพร
หรีดกรีดปีกเรไร                           ร่ำร้อง
คีตาแห่งวนาลัย                          ขับกล่อม
มวลสรรพเสียงสอดคล้อง                        ต่างเคล้าผสมผสาน
๏ จินตการโบกปีกกว้าง                 โบยบิน
เหนือเทือกเขาโขดหิน                   ทุ่งกว้าง
ข้ามมหรรณพกระแสสินธุ์             สุดฝั่ง
สู่ฟากฟ้าเวิ้งว้าง                          แว่นแคว้นความฝัน
๏ โลกรังสรรค์เสน่ห์ให้                  ห้วงหาว
ในค่ำคืนดวงดาว                        กระพริบพร้อย
นิศาชลหล่นโปรยพราว                พรมหยด
ชื้นชุ่มพฤกษ์วัลย์ย้อย                   หยาดน้ำเย็นใส
๏ ไอแดดอบอุ่นเช้า                      รวีฉาย
ปวงบุปผาพรรณราย                    เริ่มแย้ม
มวลสรรพชีพมากมาย                  ฟื้นตื่น
แสงแรกส่องแตะแต้ม                  แต่งพื้นพสุธา
๏ พฤกษาธรรมชาติช้อย               ชวนชม
โลกมอบสิ่งงามสม                      เหล่านี้
ไยมนุษย์จิตจ่อมจม                     มืดบอด
มิอาจเห็นสักกระพี้                      พวกเพี้ยนมุ่งผลาญ
๏ ดาวโลกคืบเคลื่อนใกล้              ยุคกลี
มนุษย์ชาติมุ่งราวี                        ล่มล้าง
ขาดรักปราศปราณี                      วิปริต
ใจดั่งเหล็กหินกระด้าง                 ห่อนรู้ดีเลว
๏ เปลวไฟพวยพุ่งฟ้า                    ฟุ้งควัน
คนแตกแยกฆ่าฟัน                      มุ่งร้าย
เบียดเบียนหมดพืชพันธุ์               สรรพสัตว์
ถล่มโลกลงสุดท้าย                      มนุษย์ด้วยฤาเหลือ
๏ ใจหากเจือรักบ้าง                      บรรสม
ธรรมชาติงามชวนชม                   ค่ำเช้า
โลกมีสิ่งรื่นรมย์                           รออยู่
ปลอบจิตขมขื่นเศร้า                    ขุ่นข้องคลายหมอง
๏ โดยครรลองรักเอื้อ                    เยื่อใย
โลกมนุษย์จักพ้นภัย                     ผ่านร้าย
พัฒนาสู่จิตใจ                            บริสุทธิ์
เลิกมุ่งทำลายคล้าย                     คลั่งบ้าบาปสถุลฯ

………………………(26.อธิคม)..........................

 

27.(ดีบุก)

 

หัตถ์โหด (27.ดีบุก)

๏ สิ้นแล้วความรักเกื้อ                  การุณย์
มากแต่ความเฉียวฉุน                  ฉุดขยี้
ชั่ววูบว่อนสถุล                            ทุรยุทธ์
สรวลสนุกก่อนลับลี้                     หลบเร้นสรรพางค์
กลางถนนที่มืดนั้น                    บรรจบ
หัตถ์โหดมันพาพบ                      เพรียกร้าย
อิฐหนักพุ่งกระทบ                       กระแทก  หน้าเฮย
รถแล่นมันมองคล้าย                   เช่นเป้าปาหิน
มือทมิฬมหิทธิ์เหี้ยม                  เกินพยุง
คลุ้มคลั่งสุดบำรุง                       จิตเอื้อ
น้ำใจสลายผลุง                          โผนเผ่น
แผลงฤทธิ์กิเลสเรื้อ                      เร่าร้อนราวไฟ
๏ เผาในอุระเร้า                           แรงหลง
กูเก่งเหลิงทะนง                          นักสู้
แท้ขลาดชาติขี้ผง                        เพียงเศษ  มนุษย์แล
คนเจ็บมิเคยรู้                             คิดร้ายมันเลย
 ๏ มิเคยคิดเคียดขึ้ง                     ตึงตัง
ประสบพักตร์ก็ยัง                        ใช่ท้า
เหตุชั่วระห่ำดัง                           ดอกเห็ด
ผลุบโผล่เป็นพิษบ้า                     บ่งไร้น้ำใจ

ฤาฤทัยไร้รัก                             สมัครสมาน
บุญบ่มมิรู้การ                             ก่อสร้าง
รู้แต่ลุ่มหลงพาล                         เพียบบาป
คิดแต่คร่าลาญล้าง                     เลือดเนื้อเดียวกันฯ

...............................(27.ดีบุก)..............................

 

กลิ่นฮักบ่เคยแคล้ว (28.เชษฐภัทร)

๑. ข้าวเหนียวซิ้นทอดนี้                นำฮัก

จากเอิกยายประจักษ์                   จิตข้อย

ซี้นงัวรสแซบคัก                          คือกับ

กินแซบแต่ยังน้อย                       หนึบข้าวคลุกนัว

๒. อยู่ครัวยายนึ่งข้าว                   ขมีขมัน

ยามไก่บ่ทันขัน                            คึกฮ้อง

กรนตะเว็นหลับนอนฝัน               ฟ้ามืด

ซิ้นทอดกลับปลุกท้อง                  ทิ่มด้วยกลิ่นหอม

๓. กลิ่นพร้อมปลุกไก่แจ้               จากนอน

ตะเว็นยุรยาตรจร                        แจ่มฟ้า

หลานชายบอกลาหมอน               เมี้ยนเก็บ

ย่องย่างฮอดครัวบ้า                     บ่นฮ้องหิวหลาย

๔. ยายเฮ็ดข้าวสูตรข้อย               คึดจำ

สูตรสอดซิ้นงัวนำ                        แนบปั้น

ข้อยกินแซบทุกคำ                       ข้าวสุก

คึดฮอดควมฮักนั้น                       เนื่องย้อนตอนหลัง

---------------

๕. ตั้งสติเบิ่งจิตให้                      เห็นทัน

ตายเปลี่ยนเกิดเวียนผัน                ผ่านสิ้น

ยายตายแต่ยังฝัน                        เฝ้าอิ่ม ใจเนอ

จากรสนัวทอดซิ้น                        สื่ออ้างเอิกยาย

๖. ฮักหลายแฮงคึดน้ำ-                ตาไหล

เพิ่นอยู่สวรรค์ชั้นใด                     ปากฮ้อง

แซบซิ้นทอดสอดใน                     ข้าวนึ่ง

คึดฮอดควมฮักท้อง                     ถั่งทึ้งเถิงเศียร

---------------------

๗. กาลเปลี่ยนบ่เปลี่ยนเต้น          ตามกาล

แม้เติบใหญ่ใจชาญ                     เชี่ยวฮู้

ซิ้นทอดที่โปรดปราน                    ยังโปรด

เปลี่ยนแต่คนทอดสู้                     ตื่นเซ้าเข้าครัว

๘. ควมนัวซิ้นทอดท้น                  แทนฮัก

จากเอิกเมียประจักษ์                    จิตข้อย

ข้าวเหนี่ยวนึ่งหอมคัก                   คอยปลุก

หอมกลิ่นข้าวปั้นน้อย                   ปลุกให้ไก่ขัน

 ๙. บันดาลเนรมิตเอิ้น                 องค์ตะเว็น

แสงสาดอุ่นกลืนเย็น                    เยียบไว้
บอกลาพระจันทร์เพ็ญ                 เพิ่นส่ง ไอเนอ

ตรลบกลิ่นซิ้นไกลใกล้                  เกลื่อนเคล้ากลิ่นหอม

 ๑๐. พร้อมกลิ่นควมฮักเจ้า          จัดจาน
เมียฮักเอิ้นผัวขาน                        ตื่นแล้ว

กินซิ้นทอดนัวนาน                       เนื้อแซบ

กลิ่นฮักบ่เคยแคล้ว                      เคลื่อนคล้อยลอยหายฯ
อธิบายศัพท์

ซิ้นทอด - เนื้อเค็มทอด
เอิก - อก

งัว - วัว

นัว - กลมกล่อม

ตะเว็น - ตะวัน

เมี้ยน - เก็บ

คึด - คิด

คัก - ถึงใจ

........................(28.เชษฐภัทร)..............................

 

 (29."นกถึดทือ")

๏ จะว่ารักท่วมท้น                        ล้นทรวง
หรือว่าจักหลอกลวง
                     เช่นนั้น
ดูจะไม่แหนหวง
                          ในจิต เจียวนอ
ราวกับมีใดกั้น
                             ห่อนให้ยินดี

ทีท่าที่จับจ้อง                           แลมา
กลับเลี่ยงหลบสายตา
                  หลีกเร้น
บางครั้งเที่ยวมองหา
                    เห็นอยู่
เพียงแค่คอยคำเน้น
                     จักได้เข้าใจ

๏ ในฤทัยร่ำร้อง                          คร่ำครวญ
ดุจดั่งโดนคมทวน
                       ท่วมท้น
อารมณ์เริ่มเรรวน
                         หนักอก จริงเฮย
ด้วยก่อเกิดรักล้น
                         บ่ยั้งชั่งใจ

วันใดไม่พบหน้า                       นงราม
เร็วรี่รุกรนตาม
                             วุ่นว้า
เจอใครเที่ยวไต่ถาม
                     ทุกที่
จนเมื่อยกายเหนื่อยล้า
                 หลับแล้วสิ้นหวัง

ภายในดูรุ่มร้อน                        เหลือทน
ริบหรี่ความหวังจน
                       อ่อนล้า
ไยเจ้าไม่เยี่ยมยล
                         เยือนพี่ บ้างนอ
สุดที่จักไขว่คว้า
                           ร่วงน้ำตาริน

 ๏ ฤๅหัวใจจักไร้                          ความรัก
หลอกล่อให้ใจภักดิ์
                      เท่านั้น
เจ็บปวดอยู่นานนัก
                      หนักหน่วง นานนา
ใจหากไม่ดื้อรั้น
                           เช่นนี้มีไหนฯ

..........................(29."นกถึดทือ")......................

 

(30.มณฑป)

๏ หญิงชายยามชื่นแย้ม                เคียงคลอ

หวานสวาทฤๅสมพอ                   ค่ำเช้า

หากยามหน่ายเมินหอ                  หายห่าง

เคยสุขกลับกลายเศร้า                  รักร้างฤๅไฉน

๏ ครอบครัวใครแน่นแฟ้น             ฟูมฟัก

สายเลือดรวมแรงรัก                    ท่วมท้น

หากแรงอ่อนเงินหัก                     แปรป่วน

สมบัติมากเหลือล้น                     แบ่งข้างควรหนอ

๏ ชุมชนพออุ่นเอื้อ                       อาทร

แรงช่วยแรงชื่นนคร                      ร่วมร้อย

พอศรัทธาเสื่อมแรงรอน               ถอยถด  หายฤๅ

ใจหย่อนยานใจน้อย                    พึ่งได้พอหรือ

  ประเทศคือถิ่นเชื้อ                    เถลิงทวี

หมายรักสามัคคี                          ทั่วแคว้น

หากยังต่างเติมสี                         ปนเปรอะ  แปลกนา

ชาติสามัคคีแค้น                         เรียกร้องอายไหม

๏ บนโลกใบหนึ่งนี้                       คนครอง

สรรพสิ่งคนจับจอง                      จรดฟ้า

อุปโภคบริโภคผอง                       เบียนสัตว์  อื่นฤๅ

คนเล่นสงครามท้า                      ฆ่าแม้มนุษย์ชน

๏ รูปนามปนอยู่ล้วน                     ปรัชญา

หัวใจรูปกายา                             ตื่น-เต้น

ความรักแค่นามหา                      คำตอบ 

หัวใจไร้รักเร้น                              แน่แล้วฤๅคนฯ

...........................(30.มณฑป)..........................

 

(แก้ไขครั้งที่ 1) (31.มณฑป)

๏ หญิงชายยามชื่นแย้ม                เคียงคลอ

หวานสวาทเพลินสมพอ               ค่ำเช้า

หากยามหน่ายเมินหอ                  หายห่าง

เคยสุขกลับกลายเศร้า                  รักร้างฤๅไฉน

๏ ครอบครัวใครแน่นแฟ้น             ฟูมฟัก

สายเลือดรวมแรงรัก                    ท่วมท้น

หากแรงอ่อนเงินหัก                     แปรป่วน

สมบัติมากเหลือล้น                     แบ่งข้างควรหนอ

๏ ชุมชนพออุ่นเอื้อ                       อาทร

แรงช่วยแรงชื่นนคร                      ร่วมร้อย

ศรัทธาเสื่อมแรงรอน                    ถอยถด  หายแฮ

ใจหย่อนจนใจน้อย                      พึ่งได้พอหรือ

๏ ประเทศคือถิ่นเชื้อ                     เถลิงทวี

หมายรักสามัคคี                          ทั่วแคว้น

หากยังต่างเติมสี                         ปนเปรอะ  แปลกนา

ชาติสามัคคีแค้น                         เรียกร้องอายไหม

๏ บนโลกใบหนึ่งนี้                       คนครอง

สรรพสิ่งคนจับจอง                      จรดฟ้า

อุปโภคบริโภคผอง                       เบียนสัตว์  อื่นฤๅ

คนเล่นสงครามท้า                      ฆ่าแม้มนุษย์ชน

๏ รูป นาม ปนอยู่ล้วน                   ปรัชญา

กาย รูป หัวใจพา                         ตื่น-เต้น

ความรักเปรียบ นาม หา               คำตอบ 

ใจจะไร้รักเร้น                              แน่แล้วฤๅคนฯ

...........................(31.มณฑป)..........................

 

(32.สุรมนตรี)

๏ ฉันกับเธอรู้จัก                          จากสาร

ต่างเสพศิลป์ขับขาน                    ค่ำเช้า

ทุกคำเพราะแสนหวาน                 ฟังเสนาะ  โสตนา

เรื่อยเรื่อยรินคลุกเคล้า                  ขับร้องกลอนกานท์

๏ เธอทอสานต่อด้วย                    ศรัทธา

เชื่อมั่นในมรรคา                          สิ่งนี้

สัมพันธ์จึ่งพัฒนา                       เรื่อยเรื่อย  ดังฤๅ

เป็นอยู่เป็นไปชี้                            สู่ห้วงความฝัน

๏ ฉันเอียงเอนข้างสู่                     สงสาร

เธอถูกคนเราะราน                       มุ่นไหม้

หัวใจแหลกสลายปาน                  ชีพดับ  ม้วยแฮ

ฉันเก็บเศษคืนให้                        กอบกู้ชีวี

๏ เธอมีพลังฟื้นป่วย                     ทางใจ

จากศรัทธากลายไป                     ชื่นชู้

หัวใจแนบสนิทใน                        ความรัก   นั่นแล

ฝันใฝ่ไป่สร่างรู้                            เกลือกกลั้วเกลียวกาม

๏ ในนามความคิดกล้า                 การเมือง

เกิดแม่สีขัดเคือง                         ต่อสู้

สองเราต่างเห็นเยือง                    แยงโลก  ต่างนา

เกลียวคลื่นโถมถั่งผู้                     ติดต้อยห้อยตาม

๏ ในนามความรักนั้น                   คืนคลาย

ความรักมากลับกลาย                  แปลกหน้า

ทุกคำที่เจรจา                             เคืองขัด  แย้งแฮ

เหมือนโลกจักบอดบ้า                  บอดใบ้ในธรรมฯ

............................(32.สุรมนตรี)........................

 

โหยหวน-โหยหารัก (33.ภัทราจิตร)

๏ มนุษย์หนอหน่ายน้อม               แนวธรรม

หลงวัตถุจองจำ                          จดจ้อง

ใครใหญ่ใคร่อิ่มสำ-                     ราญสุข

นิดหน่อยนั่งร่ำร้อง                       ทุกข์ท้อทุกทาง

๏ สหรัฐฯก่อนนั้น                         นายเงิน

 เพลินสุขสุดแสนเพลิน                เพลิดชั้น    

ชาญเชี่ยวฉลาดเกิน                     เก่งกาจ  

วิกฤติเกิดโลกครั้น                       ครู่ครั้งถึงคราว

๏ มังกรจีนเจิดจ้า                         สาสม

ยึดควบ “ธิเบต” ตรม                    ส่ายหน้า

ชนชาติ ”ธิเบต”จม                       จำจาก  

ท่านทะไลฯ เหว่ว้า                       หลบลี้รอนแรม 

๏ หญิง”อองซานฯ”สู้จวบ              จวนชรา

แดนพุทธเมืองพม่า                     ต่ำต้อย

โดดเดียวเปลี่ยวเอกา                   อ่อนอก                            

หญิงแกร่งเรือนร่างน้อย                หนักนี้หนักหนา

๏ เมืองไทยประเทศนี้                   ยืนนาน                  

วิกฤติอหังการ                             คี่ฉ้อ

ใจเอยจิตร้าวราน                         ใจแหลก

ทุรชนถ่อยถ้อ                             เปล่าผู้ปราบปราม

๏ โหยหาโหยรักให้                       ถวิลหา

ยากยิ่งยอกอุรา                           ชอกช้ำ    

สัมมามรรคสัมมา                        ม้วยหมด

กล้ำสุดกลืนสุดกล้ำ                     รักร้างฤๅไฉนฯ

............................(33.ภัทราจิตร).......................

 

(34.“คิมสรณ์”)

๏ มองผู้คนผ่านจ้อง                     แลมอง

ยังอยู่กับคู่ครอง                          แน่แท้

ตาร้อนผ่าวน้ำนอง                       หมองหม่น

รอกลิ่นเจ้ามาแก้                         ผ่านพ้นเลยไป

๏ ก่อนนี้เคยนั่งข้าง                      เคียงกัน

เคยปลูกผูกสัมพัน                       แน่นแฟ้น

เคยอยู่ร่วมฝ่าฟัน                         ทุกสิ่ง

เคยเดือดร้อนแทนแค้น                 ห่อนแก้กรอยใจ

๏ เคยบุกดินท่องน้ำ                     ทะเลไกล

เคยดื่มด่ำแดนไพร                       ไต่ฟ้า

แสนเอิบอิ่มดวงใจ                       คืนสุข

แม้นเหว่เศร้าเหงาว้า                    ก่อนหน้ามิคลาย

๏ เงียบสงัดดั่งป่าช้า                    นมนาน

เจ้าห่างไปไกลกาล                       เหว่ว้า

เฝ้าตอดต่อเมื่อวาน                     เมื่อก่อน นั้นนา

แม้นแต่รูปใบหน้า                        ก่อไร้ได้เชย

๏ ตัวเจ้าอยู่แห่งแคว้น                  แดนใด

เจ้าไม่เคยห่วงใย                         ฝั่งนี้

เจ้าแสนสุขสมใจ                         สมสู่ สำราญ

ดุจดั่งดวงเหล็กพี้                        อิ่มน้ำหักครอน

๏ วันเดือนปีผ่านแล้ว                   ผ่านเลย

ไร้ซึ่งข่าวเหมือนเคย                     สุดท้าย

ตู้เตียงตั่งวางเฉย                                    สงบนิ่ง

คืนค่ำเคลื่อนเดือนย้าย                 หมดแล้วสิ้นใจฯ

..............................(34.“คิมสรณ์”).....................

 

ไร้รัก ไร้หัวใจ ทำลายชาติ (35.สิชล)

ฤๅ...ถิ่นนี้ กลียุค

๏ วิปโยคโศกทั่วทั้ง                      ธาตรี

ศานติสามัคคี                             พินาศสิ้น

โลกธาตุทบทวี                            ทุกข์เทวษ ไทยฤๅ

พิษ ”รัก” หลากเล่ห์ลิ้น                 ล่มหล้าลาญสยาม                     

๏ สงครามความบอดใบ้               บิดเบือน

คราสข่มกลืนดาวเดือน                ดับฟ้า

ด้ามขวานสั่นสะเทือน                  พิบัติทั่ว ไผทเฮย

กาฝากเกาะรากหญ้า                   กัดเนื้อกินเมือง

แท้จริง...ความทุกข์ เกิดจากสิ่งใด

๏ หลากเรื่องฉาวโฉ่ร้าย                รุกรุม

เพลิงนรกกระพือสุม                    รุ่มร้อน

อัตตากิเลสกุม                            กำหนด ใจนา

ดาลเดือดเลือดขุ่นข้อน                แตกข้างต่างสี

๏ มีแต่มุ่งแย่งทึ้ง                         ประโยชน์ตน

ผลาญชาติหลอกปวงชน              ชั่วช้า

ใส่สูทซ่อนเหลี่ยมกล                    ร้อยเล่ห์

รักชาติเพียงบังหน้า                     ที่แท้ใจทราม

สร้างความรัก...ด้วย “หัวใจ” อีกสักครั้ง

“หยุด”...สงครามวิกฤต...สร้าง   สิ่งดี

รวมเลือดเนื้อสามัคคี                   พี่น้อง

รักชาติยิ่งชีวี                               พลีเพื่อ ไผทพ่อ

ใจต่อใจเชื่อมคล้อง                     ชีพถ้วนสมานฉันท์

เพื่อความหวังของแผ่นดิน

๏ หยาดวสันต์พรมพร่างพื้น          ภูมิสยาม

สันติภาพฉาบฟ้าคราม                 ทั่วแคว้น

บุปผชาติผลิดอกงาม                   อวลสุข  เกษมเอย

ผืนแผ่นภพเสมือนแม้น                พิศเพี้ยงภูมิสวรรค์ฯ

................................(35.สิชล)................................

 

(36.“ฉันเอง”)

๏ เคยถนอมแนบน้อง                   นึกถวิล
หอมเสน่ห์นวลโสภิณ                   สะพรั่งพร้อม
เชยชิดนุชชูจินต์                          บรรเจิด
เคยมั่นหมายโอบอ้อม                  ออดเคล้าทรวงละมุน  

บุญพาเราร่วมพ้อง                    พบกัน
บาปแบ่งสองพรรคทัน                  เท่าสร้าง
เพรงพรากสัตว์พลัดพลัน             พรากคู่
สาปส่งพี่จำร้าง                           ห่างน้องอาลัย

๏ จำใจจำจากทั้ง                         ยังครวญ
ทัศนคติชวน                               อกช้ำ
แสนโรคบ่เรรวน                          รักมั่น   แม่เฮย
เห็นต่างดอกจึงห้ำ                       หั่นย้ายจรลี

แม้ชีวีขื่นข้อง                           เพียงใด
เพื่อชาติยอมถอนใจ                     จากเจ้า
คนละฝั่งเนินไศล                        ความคิด
ยากร่วมหลอมรวมเบ้า                  ต่างข้างการเมือง

เหลืองผนึกเรียกร้อง                  สร้างรัฐ
แดงร่วมประกาศชัด                     เชิดสู้
สองสีมุ่งประหัต                          หาญหัก
สองฝ่ายรักชาติรู้                         ไขว่คว้าหาชัย

๏ ฤาหัวใจไร้รัก                            นำสนอง
จำพรากฝากใจหมอง                   หม่นแล้ว
เพื่อชาติต่างหวังปอง                   ดังปรารถ-  นาแล
เหลืองกับแดงพี่แคล้ว                  นุชนั้นต่างสีฯ

.............................(36.“ฉันเอง”).......................

 

(37.ชญมน)

๑.  ชีวิตบนภูเขาน้ำแข็ง

๏ ณ แดนขั้วโลกโพ้น                   ผืนไกล

หนาวเหน็บเกินหนาวไหน             จักล้ำ

หากสัตว์หนึ่งอาศัย                      สุขสงบ                         

ขนนุ่มของแมวน้ำ                        แนบเนื้อกันหนาว

๏ ขนขาวหนานิ่มนั้น                    เนียนสลวย

ยามใส่คลุมแสนสวย                   พิเศษเสื้อ

คนสวมอวดร่ำรวย                       โอ่อ่า                                

ความอยากพรากหนังเนื้อ             เนื่องนั้นนำมา

๒. ฤดูล่า

๏ ถึงเวลาล่าได้                           ฤดูกาล

เรือพิฆาตออกสังหาร                   โหดห้ำ

ใจมนุษย์หนึ่งมีมาร                      มาสถิต

ไล่ทุบแลตีซ้ำ                              สุดเหี้ยมเกินทน

๏ คนล่าอำมหิตแท้                      ทำลง

ยิ่งกว่าคือคนประสงค์                  สิ่งซื้อ

ใจดำดิ่งลุ่มหลง                          กองกิเลส ตนนอ

ดูดั่งเป็นผู้ยื้อ                              ฆ่าด้วยมือตัว

๓. ฤๅหัวใจจะไร้รัก

๏ ฤๅหัวใจมนุษย์ด้าน                   มืดดำ

ขาดมนุษยธรรม                          ทั่วถ้วน

ใจหยาบก่อบาปกรรม                   บังเกิด

บั่นรักหักรานล้วน                        แหลกแล้วกรุณสลาย

  หมายชีวิตสัตว์เพี้ยง                 ผงธุลี

ขาดซึ่งความปรานี                       มอบให้

ใจสักนิดไม่มี                              แม้สลด

ฤๅมนุษย์หัวใจไร้                         รักแล้วจริงหรือฯ

…………………(37.ชญมน)...................

 

“ทะเล” (38.ทะเล)

๏ ดวงหทัยแห่งห้วง                     มหาชเล
เอียงอกครืนคลื่นเท                     ทบซ้อน
แรงลมพัดลมเพ                          พยุคลั่ง
กระหน่ำตีดุจค้อน                        ตอกเนื้อใจราน
๏ รักปานดวงชีพอ้าง                    อารมณ์
หวานนักจึงมักขม                        เปลี่ยนข้าง
ฤทธิ์รักโศกระทม                         ฤทัยแทบ สลายฤๅ
เคยคู่เคียงกลับร้าง                      ร่ำไห้ใจหาย
สายน้ำสายนั้นชื่อ                     เวลา
ไหลเอื่อยลงสู่มหา                       สมุทรแก้ว
พร่ำมนต์เสกศรัทธา                     ศักดิ์สิทธิ์
กองก่อปราสาทแล้ว                     เกลี่ยทิ้งพังทลาย
สายใจสายเอื่อยโน้น                 สู่ไหน
สู่มหาชลาลัย                             โศกช้ำ
สุขใจสู่อีกใจ                               เจียนแหลก
แตกคู่คนต่างน้ำ                         ขุ่นน้ำตาคน
เวียนวนในอ่าวเวิ้ง                     เวลา
เวียนว่ายในน้ำตา                        โลกย์นั้น
ที่สุดมิอาจหา                             ทางออก
ชีวิตอันแสนสั้น                           สุดเพี้ยงผืนทราย
คงความหมายแห่งห้วง             มหาชเล
ใจแหลกใจร้าวเท                        ทบซ้อน
เสียงลมพัดลมเพ                        กระซิบแผ่ว
เลยผ่านมิอาจย้อน                      กลับแล้วเวลาฯ

...........................(38.ทะเล)..............................

 

(39.ท.ไท)

ฤา      หัวใจไม่รู้                        สำนึก
หัว        ปั่นยังชักศึก                    ทั่วบ้าน
จะ        ถอยย่างเหยียบลึก           เกินกว่า
ขาด      ที่ยึดหยุดต้าน                 ก่อร้ายเหลือแสน

๏ ฤา      แตกแยกไป่ทั้ง                แดนไทย
ชาติ      ย่อยยับเพราะใคร            ก่อบ้าง
จะ        คอยแย่งถึงไหน               ใครเด่น ดีเอย
สลาย    ทั่วอำนาจร้าง                 เร่งสร้างสมานฉันท์

ฤา      อยากเห็นฆ่าล้าง             คนไทย
ไทย       ฆ่าไทยแดนใต้                ยังช้ำ
จะ        มาแบ่งแยกใย                 ใครอื่น พี่นา
มลาย    ชีพสูญเสียย้ำ                 เลือดใต้นองไหล

๏ ฤา      จะยากเย็นแน่แล้ว           สมานฉันท์
สาย      บ่ายเย็นยืนยัน                ลอบข้า
เกิน       เหลือกว่าตามทัน            แผนชั่ว ร้ายแฮ
ไป         ต่อกรเหมือนท้า               เหตุร้ายนรกผลาญ

๏ ฤา      อยากเห็นทั่วฟ้า               เสียขวัญ
คอย      ฆ่าคนรายวัน                  ทั่วแคว้น
ทำลาย ชาติใครกัน                     หยิบยื่น
ไทย       บ่หยุดเคืองแค้น              อย่าได้ยลสวรรค์

๏ ฤา      หัวใจจะไร้                      รักจริง พี่เอย
หัวใจ     ใครประวิง                      ห่วงบ้าง
จะ        อวดว่ารักชาติจริง            ควรตื่น แล้วนา
ไร้รัก      ประจักษ์อ้าง                  โลกนี้คงสลาย

๏ ฤา      ลืมหลงพี่น้อง                 เดียวกัน ไทยเอย
ไทย       ฆ่าไทยทุกวัน                  ต่ำช้า
แตก      หักเปลี่ยนแปรผัน            เป็นอื่น ฤาพี่
หัก        เข่าเหลือมีดพร้า              ถือไว้ใครประสงค์

ฤา      รอวันผ่านร้าย                 มุงเมือง
รัก         อย่ามัวขุ่นเคือง              เหนื่อยล้า
ยาก      หรือจะรวมเหลือง            แดงร่วม กันแฮ
สมาน    รักไทยทั่วฟ้า                   เทอดไท้ธงสยามฯ

......................... (39.ท.ไท)...................................

 

 (40.พิมล)

๏ ฤาหัวใจไร้รัก                            จ่มพัง

เพียงเพื่อความชิงชัง                    ต่างจ้อง

เหตุเพราะชั่วประดัง                    ดาสู่      ใจแฮ

แช่งชักหักพจน์ซ้อง                      รักไร้ภักดี

ปราณีชนต่างเชื้อ                      กลุ่มตน

เพื่อพระภูวดล                            สุขล้น

บำเทิงหทัยชนม์                          เปี่ยมเลิศ

เทิดชาติศาสน์หลุดพ้น                 ราชได้เกษมศานต์

ชาวบ้านบ่ไร้รัก                          นาแม่

หากเกิดเพราะคนแย่                    ยุให้

ปันแบ่งศรัทธาแท้                        ประโลมโลก

หลากเชื่อหลากคลั่งไคล้               สติเพ้อหลงลืม

หยิบยืมความชั่งเนื้อ                  เชื่อใจ

เป็นเม็ดเบี้ยโคนไป                       จุกจี้

กระหนาบขุนเรือใหญ่                  รัฐฐะ    นาวา

เพียงเพื่ออำนาจนี้                       หักล้างแผ่นดิน

จบสิ้นฤาชาติเชื้อ                      ชาวสยาม

มาส่ำความเลวทราม                   อวดอ้าง

ชนโลกต่างประณาม                    ยิ้มเยาะ      ไผท

ไร้รักชนอ้างว้าง                           หมดสิ้นสามัคคี

ผีบุญผีบาปบ้า                         ปางหลัง

แหนแห่ประดาดัง                        มากท้น

ยึดอำนาจที่ชิงชัง                        เศร้ายิ่ง

น้ำคล่ำน้ำมันล้น                         หล่อเลี้ยงชาติมารฯ

............................(40.พิมล)..................................

 

(41.พิมล)

๏ หัวใจฤาไร้รัก                            เลิกร้าง แม่นา

ยังผูกจิตมิจืดจาง                        จ่องน้าว

พี่พร่ำเพรียกเบาบาง                    โสตศัพท์ มาแฮ

หวังนุชบ่แตกร้าว                         เหตุถ้อยคำคน

ฉงนกายห่างให้                        หวนหา

แต่ละพากย์พจนา                       กล่าวอ้าง

ล้วนพรายภูตอสุรา                      บังเบียด

แม่อย่าเชื่อจนม้าง                       อกให้เสียเรียม

จิตเจียมใจจ่อเจ้า                      ซื่อตรง

หวังรักจักดำรง                            อยู่ได้

แม้นอัปสรสวรรค์ลง                    มาสู่ โลกแฮ

พี่บ่ชายตาใกล้                            เหลือบให้เสียพันธ์

อกกันอิ่มเอิบด้วย                      อุรารัก

แจ้งจอดเปล่งประจักษ์                 พี่แล้ว

เจ้าอย่าคิดแหนงผลัก                  เผือสู่ อบาย

เรียมร่ำถึงเจ้าแก้ว                        ปริ่มไห้ทุกทิวา

วาจาเอ่ยออกแล้ว                     โอษพี่

น้องนุชเชื่อพจี                            ออกบ้าง

ด้วยรักและภักดี                          มิห่าง เป็นอื่น

อย่าสบคำคนสร้าง                      เสกปั้นอุบาย

๏ หัวใจอันไร้รัก                           ห่อนมี

เปี่ยมสุขด้วยชีวี                           มากล้น

เชื่อใจและพึ่งมี                           ความสัตย์ ต่อกัน

จักสุขนับเหลือพ้น                       ตราบเท่าฟ้าดินฯ

.............................(41.พิมล).............................

 

(42.ปริวัฒน์)

๏ พระมหาสัตว์ผู้มุ่ง                                 โพธิญาณ

ให้บุตรภรรยาเป็นทาน                              ก่อเกื้อ

ทิ้งขัตติยวงศ์วาน                                    หวังพบ ธรรมเอย

มีพระชายาโอรสเชื้อ                                เหนี่ยวรั้งที่ลา

๏ ปุจฉาแสดงรจน์ร้อย                              ถ้อยความ

“ฤาจิตไร้รัก” ถาม                                    แน่แท้

คำตอบกอปรพินิจตาม                             ผลเหตุ 

ว่าพระองค์ทรงแก้                                   ทุกข์ร้อนผ่อนเย็น

๏ มิเป็นไปเพื่อสร้าง                                 ส่วนตน

และรอบข้างรับผล                                  สืบไว้

แต่สำหรับมหาชน                                   ทุกถิ่น

จักพบธรรมที่ให้                                      ห่างพ้นภัยพาล

๏ จักรวาลมิอาจอ้าง                                 เอ่ยเปรียบ

พระเมตตามาเทียบ                                 ที่นี้

สิ่งใดไม่นำเรียบ-                                     เรียงเท่า คุณนอ

ความรักประจักษ์ชี้                                  ชัดแจ้งแถลงความ

๏ สง่างามราวรัตน์รุ้ง                                เรืองตระการ

คือสุวรรณบันดาล                                   เด่นด้าว

พฤกษ์ผกาต่างขับขาน                             คือสุข พบแล

เพราะพระองค์ทรงก้าว                            ขจัดล้างราญอธรรม

๏ นำศานต์ประทานสู่หล้า                        ล้วนยล

ธรรมคู่คือมรรคผล                                  ผ่านร้าย

เป็นอริยบุคคล                                        ครองสงบ

ความรักจักโยกย้าย                                  อยู่นั้นไป่มี

๏ ฤาวจีจักกล่าวย้อน                                จิตของ องค์แล

ที่ไม่รักจักสนอง                                       แน่แล้ว

คำตอบกอปรรับรอง                                 หลายบท

พิสูจน์สิ่งเพริศแพร้ว                                รักแท้จากองค์

๏ ผู้ทรงเป็นพุทธเจ้า                                 จอมไตร- ภพเฮย

แห่งปัจจุบันสมัย                                     สถิตหล้า

ทรงเผยแผ่ธรรมไป                                  เป็นจักร

ควรรับรักดังฟ้า                                       เสกสร้างคุ้มชน

๏ ด้วยนำกมลละทิ้ง                                 หมู่มาร

เป็นสหายทุกกาล                                    ผ่านเข้า

คือกิเลสร้ายราญ-                                   รอนจิต

ตามพระศาสดาเจ้า                                 จรัสแจ้ง แห่งธรรมฯ

..................................(42.ปริวัฒน์).....................................

 

(43.สุรวุฒิ)

๏ หฤทัยสงัดเพี้ยง                       ไพรพนา

เหงาเงียบทุกเพลา                       ร่มร้อน

ยังแต่กิ่งระย้า                             ยาวรก รุมเอย

เปรียบดั่งหงอยสร้อยซ้อน             ทับเศร้าทรวงโทรม

๏ โฉมนุชสุดไขว่คว้า                    หาโหย

เพื่อระบายความโดย                    เพื่อนได้

แม้นกาลผ่านร่างโรย                    หมายรัก นิรันดร์นา

ช่วยสนิทแนบใกล้                       กร่อนสร้อยสร่างเหงา

๏ แลเงาโลกเลื่อนลี้                     หนีใด

ข้าจักลี้หนีใจ                              จิตเศร้า

หนีซ่อนบ่พ้นไป                           ปวดอยู่ ยิ่งดฮย

หนีเพื่อพบใจเจ้า                         จักให้หายทน

๏ หนใดอยู่คู่ยั้ง                           ยาใจ                

ติดปีกโบยบินไป                          ฝั่งฟ้า

ข้ามมหาชลาลัย                          ลงว่าย หาเอย

อยู่สวรรค์แหล่งหล้า                    ป่ายขึ้นปีนถึง

๏ รำพึงหนึ่งนุชน้อย                     นวลสมร

ดูอื่นชื่นอรชร                              เช่นนั้น

อยากชื่นอยากเชยอร                    ชมออก

หวานเล่นถ้อยเชิงชั้น                    เช่นถ้อยชายชม

๏ คมซ่านปานเปรียบน้ำ                ผึ้งรส ลิ้มนา

ฤๅจักหวานยิ่งหยด                      หยาดเยิ้ม

ให้อรอนงค์อด                            อายหยิก หยอกฤๅ

คงสุขท่วมท้นเทิ้ม                        เท่านี้ทวีคูณ

๏ ทูลกามเทพเพิ่มผู้                     พานรัก

ขอพระแผลงลงตัก                      แต่นี้

เป็นคุณพระแน่นหนัก                  สนองตอบ ท่านนา

ขอตระหนักรักชี้                          ชื่นให้เห็นสม

๏ ลมชีพอาจขาดได้                     สักวัน

ลมรักไป่ขาดกัน                          สักน้อย

ลมเหงาจักรำพัน                         พานพัด ไปแฮ

ลมหอบบอกรักร้อย                      ร่อนร้องไหนนาง

๏ ใจคว้างร้างนุชผู้                       ผทมเคียง

ยลแต่เหย้าเรือนเตียง                   ตั่งตู้

คอยปาฏิหาริย์เพียง                     พาพบ พานนา

คอยรักจักทนสู้                            กว่าสร้อยหงอยไกล                    

๏ ฤๅใจไร้รักร้อง                           เรียกหา

สมดั่งปรารถนา                           ดั่งถ้อย

วอนเทพยดา                              ดาลนุช นงเฮย

มารักชั่วชีพข้อย                          คู่ข้างเคียงนิรันดร์ฯ

..............................(43.สุรวุฒิ)..............................

 

ฤาหัวใจจะไร้รัก…นักการเมือง (44.จุฑามาศ)

1.ลงทุนไปไม่น้อย                       เหมือนกัน

บุกบั่นสร้างสัมพันธ์                     ทั่วหล้า

หาเสียงแต่ละวัน                         แสนเหนื่อย ก็ยอม

ตากฝนทนแดดกล้า                     แค่ได้ล่าฝัน

2. จนถึงวันที่เฝ้า                         รอมา

วันที่ลอยเข้าสภา             ไต่เต้า

ใครใครใคร่ชักพา                        รวมกลุ่ม สายพันธุ์

กลืนกันหัวจรดเท้า                       แบ่งได้ทั่วถึง

3. กลิ่นหึ่งยามเร่งเร้า                   โกงกิน

ใครว่าหนักแผ่นดิน                      ว่าร้าย

ตามตกแต่งมลทิน                       โถมทุ่ม สุดตัว

พวกช่วยหนุนกันได้                      อย่าได้สืบสาว

4. ดวงดาวก็ย่อมได้                     มาครอง

ตำแหน่งและเงินทอง                   ยั่วเย้า

อำนาจยิ่งจับจอง                        ยังยิ่ง อยากมี

เหมือนใส่สุมไฟเร้า                      ยิ่งร้อนหนักหนา

5. ธรรมดาคราเมื่อขึ้น                  ย่อมลง

ใครก่อกรรมใดคง                        ไม่พ้น

หามีสิ่งยืนยง                              คงมั่น ไม่มี

สุขที่เคยมากล้น                          หาได้สม่ำเสมอ

6. บำเรอจนฉ่ำล้น                       คณนา

อำนาจคือมายา                          หลอกสิ้น

ตำแหน่งที่ครองมา                      ลอยลิ่ว ปลิวลม

จากเพื่อนเป็นผู้ร้าย                      เปลี่ยนได้เปลี่ยนสี

7. ชีวิตที่ต่ำต้อย                          ลำเค็ญ

คงไม่ต้องรอเห็น                          ชาติหน้า

สัจธรรมย่อมเป็น                         ไปอย่าง ควรเป็น

ยิ่งใหญ่จนคับฟ้า                        สุดท้ายสิ้นสูญ

8. เสียทรัพย์ยังไม่ช้ำ                    เท่าใด

มิเท่าเทียบเสียใจ                        กว่าช้ำ

วันคืนที่เสียไป                             คงไม่ หวนคืน

เสียแรงที่เคยค้ำ                          เพื่อนพ้องกลับหาย

9. เสียดายชีวิตที่พ้น                    เลยมา

มัวแต่เสียเวลา                            ไม่รู้

เกิดมาเพื่อตามหา                       พูนเพิ่ม เกินตัว

มัวแต่เสียแรงสู้                           สิ่งใกล้ไม่เห็น

10. อาจเป็นคนที่ไร้                     หัวใจ

ยังไม่คิดรักใคร                            แน่แท้

ตนเองยังไม่ได้                            รักใส่ ใจตน

จนเมื่อสายเกินแก้                       เมื่อสิ้นลมสลายฯ

................................(44.จุฑามาศ)........................

 

(45.จิระ)

๏ ฤๅหัวใจจะไร้                           รักเอย

เพราะว่ายังมิเคย                         รับรู้

ว่ารสรักชิดเชย                            ช่างแช่ม   ชื่นนา

สาวหนุ่มยามเคียงขู้                     เร่าร้อนราวไฟ

๏ ฤๅหัวใจจะไร้                           รักจริง

รักเช่นชายรักหญิง                       ทั่วหล้า

อบไออุ่นแอบอิง                          อ้อมอก

เป็นคู่ครองก้องฟ้า                       สุขล้ำร่ำลือ

๏ ฤๅหัวใจจะไร้                           รักแรก

รักเมื่อใจไหวแปลก                      แรกจ้อง

ประหวั่นสั่นทรวงแทรก                แรกพบ  กันเอย

เลิฟแอตเฟิร์ส์ไซ้ต์ต้อง                 ใช่เนื้อคู่ตัว

๏ ฤๅหัวใจจะไร้                           รักหวาน

รักที่เปรียบรสตาล                       อร่อยลิ้น

ตราบนิจนิรันดร์กาล                    สราญสุข- สมเอย

ครองคู่มิรู้สิ้น                              ชั่วฟ้าดินสมัย

๏ ฤๅหัวใจจะไร้                           รักกัน

รักชื่นทุกคืนวัน                            สุขแท้

รักแน่มิแปรผัน                            เป็นอื่น

รักไม่มีข้อแม้                               พบได้ฤๅไฉน

๏ ฤๅหัวใจจะต้อง                        ไร้รัก

แบ่งแยกแตกเป็นฝัก-                   ฝ่ายแค้น

ชีวิตจ่อมจมปรัก                          กองทุกข์

ชาติสะเทือนเหมือนแม้น              นรกร้อนโลกันตร์ ๚ะ๛

.....................................(45.จิระ)...............................

 

ปรารถนาให้หัวใจมิไร้รัก (46.ธนวัฏ)

๏ หัวอกประเทศโอ้                       ยุคสมัย

แปรเปลี่ยนหมุนเวียนไป               ไม่แท้

บอกบรรพชนไทย                        จงสดับ

ประเทศถึงคราวแพ้                     จบสิ้นชาติไทย

๏ ใครเหยียบใครย่ำด้าว                แดนดิน

เราโศกสุดถวิล                            เก็บกล้ำ

แต่ไทยทุรชนกิน                          ประเทศ

หัวอกสุดชอกช้ำ                          เอ่อด้วยน้ำหนอง

ไหลรินรดหลั่งพื้น                     พสุธา

ไหลดั่งมหาธารา                         หลากล้น

คือเกลียวคลื่นน้ำตา                    เต็มโศก

อกดั่งถูกโจรปล้น                         ตัดขั้วหัวใจ

๏ ไทยกับไทยสลัดเสี้ยน                ใส่กัน

แบ่งพรรคแบ่งศาสน์พันธุ์             แบ่งได้

อดีตเคยแบ่งรักปัน                      ทุกหมู่  ชนแล

กลับห่างมิกล้าใกล้                      แตกร้าวสามัคคี

๏ สันติเอ๋ยจักเกิด                        คราใด

สิบชาติอาจรอไหว                       ข่มกลั้น

เวลาผ่านนานไป                         นับโกฏิ  ปีเอย

ละเล่นเริงเชิงชั้น                         แยกเขี้ยวกัดกิน

๏ ฤๅดอกรักร่วงร้าง                      จากทรวง

ยังอยากเห็นเจ้าดวง                     ดอกน้อย

รวมใจเถิดเราปวง                        เพาะบ่ม  รักนา

เติมรักแล้วถักร้อย                        หนึ่งสร้อยสามัคคีฯ

...........................(46.ธนวัฏ)..................................

 

ฤๅหัวใจจะไร้รัก (47.ธีรวรรธน์)

-๑-

๏ นักเรียนฤๅหน่ายสู้                    ศึกษา

สุจิปุลิพา                                   ผิดเพี้ยน

ถึงเทียวเที่ยวเล่นฮา                     เหลิงห่าม

ไร้รักตนฤๅเสี้ยน                          สู่รู้อบาย ๚

-๒-

๏ ผัวเมียไม่อดร้อน                       อารมณ์

ลิ้นกับฟันฟัดคม                         ฝากเขี้ยว

ครอบครัวชั่วคราวสม-                  สู่ครู่ ครั้งเฮย

ไร้รักเรือนฤๅเปรี้ยว                       ปร่าแล้วเปลี่ยนตัว ๚

-๓-

๏ นักการเมืองเก่งขม้ำ                  เขมือบกล

อ้างสิทธิ์เสียงปวงชน                   ฉกฉ้อ

โครงการโคตรโกงผล                   เพื่อประโยชน์ มันแล

ไร้รักเมืองฤๅห้อ                           แห่ขม้ำเขมือบโกง ๚

-๔-

๏ เจ้ากูผู้เกิดด้วย                         เดรฉาน

สิงศาสน์สร้างศาสน์มาร              มุ่งคว้า

ขอบุญเปรตหิวทาน                     ทุจริต

ไร้รักศาสน์ฤๅบ้า                          บิดถ้อยเบือนธรรม ๚

-๕-

๏ ฤๅหัวใจจะไร้                           รักจูง

จึงปล่อยลอยจรูง                        จริตเร้า

แรงชั่วฉุดลงฝูง                           ใฝ่ต่ำ

ตนเสื่อมทรามสร้างเหย้า              อยู่นั้นนรกานต์ ๚

-๖-

๏ จงหัวใจอย่าคร้าน                     ครองศีล

ธรรมท่านนำสองตีน                    ไต่ข้าม

อบายตะกายปีน                          ไปสู่ สุขนา

ใจรักธรรมธรรมห้าม                    ถูกห้วงอกุศล ๚ะ๛

.............................(47.ธีรวรรธน์).............................

 

(48.อรุโณทัย)

๏ หากหัวใจไม่ไร้                          ความรัก

เราจึ่งควรตระหนัก                      ยิ่งแล้ว

ชาติไทยเมื่อจมปลัก                     นานเนิ่น

คงไม่อาจคลาดแคล้ว                  ต่ำต้อยถอยหลัง

หากใจยังไม่รู้                           สามัค – คีเฮย

ชนเผ่าไทยคงจัก                         เชื่องช้า

พัฒนาสู่เส้นหลัก-                       ชัยนั่น  ยากนอ

ผองเพื่อนประเทศท้า                   ต่อสู้แข่งขัน

๏ หากใจยึดมั่นไว้                        คงทน

เราจึ่งควรฝึกฝน                          ต่อสู้

อุปสรรคที่วกวน                          มาสู่

ยืนอยู่อย่างผู้รู้                             ที่ใช้ปัญญา

หากใจหมายไขว่คว้า                 ความดี

จงมุ่งครองเวที                            ที่ตั้ง

หวังเพียงซึ่งศักดิ์ศรี                     ตนก่อน

อาจช่วยยึดเหนี่ยวรั้ง                    ชั่วช้าเลวทราม

๏ หากยามใดเริ่มรู้                       รักจริง

ขออย่าหมายประวิง                     เนิ่นช้า

จงรีบช่วยท้วงติง                         คนอื่น

หมายที่จะลวงค้า                        ก่อตั้งกองทุน

หัวใจยังขุ่นข้อง                        หมองศรี

ตรงหว่างกลางฤดี                       นั่นแล้ว

โกรธเกลียดกลุ่มผู้ดี                     เงินหว่าน

คือท่านนายทุนแกล้ว                   เก่งกล้าหลอกลวง

๏ จึงเป็นห่วงพี่น้อง                      ชาวนา

เหน็ดเหนื่อยในอุรา                      ยิ่งล้ำ

เห็นเงินหมื่นมากค่า                     เสียยิ่ง

ขายที่นาหมดซ้ำ                          ต้องเช่าทำกิน

ในถิ่นหวังต่อสู้                         พอเพียง

โดยที่ทำนาเลี้ยง                         พี่น้อง

ยึดคำพ่อส่งเสียง                        สอนสั่ง

เงินนี่มีน้อยต้อง                          ต่อสู้อดออม

๏ หวังรอมชอมเพื่อให้                  เป็นสุข

จงช่วยกำจัดทุกข์                        ที่ตั้ง

จิตหมายมุ่งปั่นปลุก                     จงอย่า ทำนอ

ควรหมั่นคอยยับยั้ง                      ชั่วช้าเลวทราม

หาใจตามต่อให้                        พบเห็น

จิตที่มุ่งบำเพ็ญ                           เที่ยงแท้

ความสุขที่เคยเป็น                       มาก่อน

บุญจึ่งรักษาแม้                           ไม่รู้ควรทำ

๏ ความลำเค็ญทั่วทั้ง                   ปถพี

คงไม่เกิดมากมี                           ต่อได้   

หากเราเริ่มวิถี                             เหมือนเก่า

ทุกสิ่งคงเดิมไว้                           แน่แท้คนไทย

ฤๅหัวใจเริ่มไร้                           ความรัก

จึงไม่เคยตระหนัก                       เรื่องร้าย

ดวงใจไม่ประจักษ์                       จึงก่อ

เหตุที่คอยปิดป้าย                        ใส่ไคล้กันเองฯ

............................(48.อรุโณทัย).......................

 

(49.ธีรศักดิ์)

๏ รักหนึ่งนั้นไม่คิด                                   เงินตรา
รักหนึ่งสร้างสรรหา                                  แด่ให้
รักหนึ่งช่วยนำพา                                    ชีวิต จิตใจ
รักหนึ่งฝังฝากไว้                                     ให้ลูกทุกคน
รักหนึ่งนั้นชี้แสง                                  ส่องทาง
รักหนึ่งช่วยสะสาง                                   ถ่องแท้
รักหนึ่งคอยขัดขวาง                                 เส้นทาง ปรวนแปร
รักหนึ่งคอยช่วยแก้                                  ปัญหายากเย็น
เมื่อใดที่ลูกนั้น                                     เป็นทุกข์
อุปสรรคมาบุก                                        หนักหนา
มือน้อยน้อยมอบสุข                                 ยืนมา
เป็นแสงส่องนำพา                                 ชีวิตจิตใจ

พระคุณแม่ก้าวล้ำ                                ยิ่งใหญ่
พระคุณแม่สุดไกล                                   เทียบถึง
พระคุณแม่จากใจ                                   ให้คิด คำนึง
พระคุณแม่ลึกซึ้ง                                     มากล้นคณา
จะเรียนรู้คำรัก                                      จากแม่
ให้แจ่มแจ้งรู้แท้                                       ความหมาย
จะรักแม่แน่แท้                                        ไม่คิด นึกคลาย
ดูแลท่านจนตาย                                     ชาตินี้ไม่ลืม

พระคุณแม่ค่าล้วน                               กว้างไกล ลูกเอย

รักแม่เกินกว่าใคร                                    เด่นฟ้า
แม่รักแม่ห่วงใย                                       ลูกยิ่ง อื่นใด
ขาดแม่ลูกเหว่ว้า                                     กว่าเอื้อนเอ่ยคำ

๏ พระคุณพระแม่ล้น                               มหาสมุทร

เพียรพร่ำเพียรสอนบุตร                            ท่านให้

รักหวงห่วงลูกสุด                                    ชีวิต ท่านนา

ลูกเก่งและดีได้                                       แม่แท้มีคุณ

๏ ทดแทนคุณแม่ด้วย                               ทำดี นั่นแล

ให้เท่าที่แม่มี                                           ต่อเจ้า

อย่าผลัดอย่ารอรี                                     ด้วยแม่ ยังอยู่

 ขาดแม่วันใดเข้า                                    เมื่อนั้นไม่ต้องทดแทนฯ

.....................................(49.ธีรศักดิ์)......................................

 

(50.ธีรศักดิ์)

๏ ม.สระแอใส่ไม้                                     เอกมา

มวลมนุษย์คงทราบนา                             ว่าเค้า

คือคนที่ทุกนรา                                       เรียกแม่
ตัวท่านจะคอยเฝ้า                                   ใฝ่เลี้ยงลูกผอง

รักหนึ่งนั้นไม่คิด                                   เงินตรา
รักหนึ่งสร้างสรรหา                                  แด่ให้
รักหนึ่งช่วยนำพา                                    ชีวิต จิตใจ
รักหนึ่งฝังฝากไว้                                     ให้ลูกทุกคน
รักหนึ่งนั้นชี้แสง                                   ส่องทาง
รักหนึ่งช่วยสะสาง                                   ถ่องแท้
รักหนึ่งคอยขัดขวาง                                 เส้นทาง ปรวนแปร
รักหนึ่งคอยช่วยแก้                                  ปัญหายากเย็น
เมื่อใดที่ลูกนั้น                                     เป็นทุกข์
อุปสรรคมาบุก                                        หนักหนา
มือน้อยน้อยมอบสุข                                 ยืนมา
เป็นแสงส่องนำพา                                  ชีวิตจิตใจ

พระคุณแม่ก้าวล้ำ                                ยิ่งใหญ่
พระคุณแม่สุดไกล                                  เทียบถึง
พระคุณแม่จากใจ                                   ให้คิด คำนึง
พระคุณแม่ลึกซึ้ง                                    มากล้นคณา
จะเรียนรู้คำรัก                                      จากแม่
ให้แจ่มแจ้งรู้แท้                                       ความหมาย
จะรักแม่แน่แท้                                        ไม่คิด นึกคลาย
ดูแลท่านจนตาย                                     ชาตินี้ไม่ลืม

๏ พระคุณแม่ค่าล้วน                               กว้างไกล ลูกเอย

รักแม่เกินกว่าใคร                                    เด่นฟ้า
แม่รักแม่ห่วงใย                                       ลูกยิ่ง อื่นใด
ขาดแม่ลูกเหว่ว้า                                     กว่าเอื้อนเอ่ยคำ

๏ พระคุณพระแม่ล้น                               มหาสมุทร

เพียรพร่ำเพียรสอนบุตร                            ท่านให้

รักหวงห่วงลูกสุด                                    ชีวิต ท่านนา

ลูกเก่งและดีได้                                       แม่แท้มีคุณ

๏ ทดแทนคุณแม่ด้วย                               ทำดี นั่นแล

ให้เท่าที่แม่มี                                           ต่อเจ้า

อย่าผลัดอย่ารอรี                                     ด้วยแม่ ยังอยู่

ขาดแม่วันใดเข้า                                     เมื่อนั้นไม่ต้องทดแทนฯ

................................(50.ธีรศักดิ์)...........................................

 

(51.ธีรศักดิ์)

๏ รักหนึ่งนั้นไม่คิด                                   เงินทอง
รักหนึ่งสร้างสรรค์หา                                แด่ให้
รักหนึ่งช่วยนำพา                                    ชีวิต จิตใจ
รักหนึ่งฝังฝากไว้                                     ให้ลูกทุกคน

รักหนึ่งนั้นชี้แสง                                   ส่องทาง
รักหนึ่งช่วยสะสาง                                   ถ่องแท้
รักหนึ่งคอยขัดขวาง                                 เส้นทาง รวนเร
รักหนึ่งคอยช่วยแก้                                  ปัญหายากเข็ญ

๏ เมื่อใดที่ลูกนั้น                                      เป็นทุกข์
อุปสรรคมาบุก                                        หนักหนา
มือน้อยน้อยมอบสุข                                 ยื่นมา

เป็นแสงส่องนำทาง                                 ชีวิตของลูกน้อย
พระคุณแม่ก้าวล้ำ                                ยิ่งใหญ่
พระคุณแม่สุดใคร                                   เทียบได้

พระคุณแม่จากใจ                                   ให้คิด คำนึง
พระคุณแม่ลึกซึ้ง                                    มากล้นใครอื่น

จะเรียนรู้คำรัก                                      จากแม่
ให้แจ่มแจ้งรู้แท้                                       ความหมาย
จะรักแม่แน่แท้                                        ไม่คิด เสื่อมคลาย
ดูแลท่านจนตาย                                     ชาตินี้ไม่ลืม

๏ พระคุณแม่ค่าล้วน                               กว้างไกล ลูกเอย

รักแม่เกินกว่าใคร                                    เด่นฟ้า
แม่รักแม่ห่วงใย                                       ลูกยิ่ง สิ่งใด

ขาดแม่ลูกเหว่ว้า                                     ไม่ได้เติบโตฯ

..............................(51.ธีรศักดิ์).....................................

 

(ขอหัวใจอย่าไร้รัก) (52.นู๋นวล)

๑.ฟ้าเปลี่ยนสีจากฟ้า                  เป็นแดง

เลือดสาดสงครามแฝง                 ใฝ่เร้น

อำนาจมืดถูกแจง                        แจกจ่าย

ครอบจิตคิดมุ่งเน้น                      โลภร้ายฤทธิ์มาร

๒.มิสงสารชาติเชื้อ                      ชั้นชน

ปลูกพืชบนหลังคน                      ค่ำเช้า

แสร้งดีเพื่อหวังผล                       ชูเชิด     หน้าเฮย

อุปกิเลสล่วงรุมเร้า                       รักร้างโรยรา

๓.หน้ากากผีกลอกกลิ้ง                กลับการย์

เคยสงบประสพศานต์                  เลิศล้ำ

ไฟแตกแยกเริ่มผลาญ                  เผาวอด วายนา

เกิดมิคสัญญีซ้ำ                          สร่างสิ้นสุขสันต์

๔.ฆ่าฟันด้วยจิตไร้                       เมตตา

หลงผิดอวิชชา                            ชั่วช้า

เห็นชีพดั่งผักปลา                        ยิงเกลื่อน

ศพร่ำไห้ไม่กล้า                           เรียกร้องยุติธรรม

๕.ตรากตรำจำทุกข์ท้น                 ท่วมอุรา

ไร้สิทธิ์-ปิดหูตา                           ไป่รู้

เขาใหญ่จึ่งบัญชา                       ทุกสิ่ง

ใครจะอาจหาญสู้                        เสี่ยงด้วยชีวี

๖.เฉกวารีที่น้อย                          แพ้ไฟ

ถูกกดขี่เรื่อยไป                            หม่นเศร้า

ตราบนานสักเท่าใด                     จึงจบ    กรรมแฮ

ห้า หก เจ็ด แปด เก้า                   สิบฟ้าฤาพอ

๗.ไฉนหนอรักเริ่มร้าว                   เลือนราง

ฤาเพราะรักจะจาง                       จืดสิ้น

ฤาใดเล่าอำพราง                        ความรัก     ไว้นา

ฤารักด่วนดับดิ้น                          เนื่องด้วยอธรรม

๘.ไยมินำรักแท้                           คืนมา

ไยยึดติดเงินตรา                          เทิดไหว้

ไยเคารพบูชา                              โลภะ    กันนอ

ไยลัทธิรักไร้                                โรจน์เริ้องจำรูญ

๙.ก่อนสูญรักเริดร้าง                    แรมไกล

ร่วมผูกไมตรีใจ                            รักษ์บ้าน

ปลูกสามัคคีใน                           ประเทศ    เราเฮย

ไทยหกสิบกว่าล้าน                      รักเอื้อต่อกัน

๑๐.หลอมใจสรรค์เสกสร้าง          ศักดิ์ศรี

รักษ์เถิดซึ่งความดี                       คู่ด้าว

รักษ์เถิดซึ่งอารี                            อิ่มรื่น-   รมย์นา 

รักษ์อู่น้ำอู่ข้าว                             รักษ์ไว้นิรันดร์กาลฯ

.........................(52.นู๋นวล)....................................

 

มานพผู้สละได้ทั้งหัวใจ (53.ธ.ธง เดือนแจ้ง)

๏ มานพคนหนึ่งหมั้น                   มารศรี

ปากเอ่ยเปรยวจี                           จับน้อง

จะรักสุดชีวี                                วายวอด

รักพี่ดังตรวนคล้อง                      ขลาดเจ้าจากหนี

๏ มารศรีพยักหน้า                       เคอะเขิน

พลางหยิกกายชายเพลิน              เพราะถ้อย

เอาตรวนมัดก็เชิญ                       ชอบนัก พี่เอย

มัดแน่นหนาสักร้อย                     กว่าเส้นตามสบาย

๏ สมหมายมานพแล้ว                  เริงใจ

จึงโอบกอดนางใน                       อกอ้อม

สัญญารักสดใส                          สุขไป่  แปรนา

ครองรักอันหวานล้อม                  รอบเหย้าเรือนตน

๏ สองคนครองรักล้ำ                    เรืองรอง

คอยประคับประคอง                    คู่แท้

เมตตาต่อกันปรอง-                     ดองดั่ง  ตรวนเอย

สุขร่วมสุขถึงแม้                          ทุกข์ท้อเคียงกัน

๏ วันหนึ่งนางร่ำร้อง                     ทรมาน

ปวดจิตเจ็บกบาล                        บ่สิ้น

มานพเริ่มลนลาน                        ราวขาด  ใจแล

นางที่รักชักดิ้น                            ดั่งใกล้วางวาย

๏ หมอทั้งหลายโปรดได้                ดูแล

ยาหยูกสักลำแพ                         ย่อมได้

ตับไตปอดจนแด                         ใดย่อม  ได้นา

เพียงแพทย์พยาบาลให้                แม่ได้บรรเทาฯ

............................(53.ธ.ธง เดือนแจ้ง)..................

 

(54.สวัสฎิ์)

๏ ฤๅ ไฉนใครตั้งชื่อ                      บทกวี

หัว ใจรักจรัสศรี                           เจิดจ้า

จะ สลายมิคสัญญี                      มืดสนิท  ได้แฮ

ไร้รัก มักอ่อนล้า                          พ่ายแพ้ทรชน

๏ ฅ ฅนมีสี่ห้อง                           หัวใจ

จัดแบ่งรักภายใน                       อะเคื้อ

กิจวัตรผ่องอำไพ                         พร้อมพรั่ง  เสมอแฮ

รักมั่นคงก่อเกื้อ                           ส่งให้สดุดี

๏ ห้องที่หนึ่งเผื่อไว้                       เพื่อตน

เสริมส่งสุขภาพจน                      เก่งกล้า

สะอาดปราศกังวล                      ทุกข์โศก  โรคภัย

ไว้ต่อสู้ภายหน้า                          ชั่วฟ้าตาปี

๏ ห้องที่สองจัดให้                       ครอบครัว

เทิดบุพการีตัว                             ก่อนไซร้

อีกปวงญาติพันพัว                      พูนเพิ่ม  สนิทเฮย

ยกย่องเชิดชูให้                           รุ่งเรื้องอภิราม

๏ ห้องที่สามให้แก่                       สังคม

สะอาดปราศโสมม                      วุ่นว้า

สรรค์สร้างค่านิยม                       รักถิ่น  ไทยเฮย

ให้ชื่อกระฉ่อนหล้า                      ทั่วพื้นปฐพี

๏ ห้องที่สี่สุดท้าย                        เสรี

รักชาติขอยอมพลี                        ชีพให้

ทำนุศาสน์ปราชญ์กวี                   คงอยู่  ตลอดกาล

ไทยรุ่งจุ่งอยู่ได้                            ร่วมด้วยพัฒนา

๏ อีกรักษาก่อเกื้อ             ประเพณี

รู้รักสามัคคี                                ทั่วหน้า

ทำประโยชน์ความดี                     เป็นเยี่ยง  เด็กเฮย

เพื่อเกียรติบรรเจิดจ้า                    แจ่มหล้าคคนางค์

๏ ร่วมรักทั้งสี่ห้อง                        หฤทัย

หกสิบล้านดวงใจ                        โปรดเกล้า

ถวายสัตย์วัตรนัย                        กอปรแต่  ความดี

ถวายแด่พ่อหลวงเจ้า                   ชั่วฟ้าดินสลาย ฯ

............................(54.สวัสฎิ์)..................

 

++++++++++++++

55.แสงแรก ประดับดิน

 

ความรักของนักกวี:ฤาหัวใจจะไร้รัก (55.แสงแรก)

๏ เขียนบทกวีที่ใจอยากให้เขียน                 เหมือนผีเฝ้าวนเวียนสมบัติผี
และสอนชีวิตงามสอนความดี                   ยังภูมิใจในวิถีอย่างที่เป็น
วันมีเพื่อนเดือนดีและปีหอม                   ได้มาย้อมให้ใจหอมรู้และเห็น
บทกวีกล่อมเกลาให้หัวใจเย็น                    นกกระเต็นเฝ้าบึงได้เพราะใจยอม
ไม่ใฝ่ชีพรีบวิ่งรอกจิ้งจอกผยอง               ที่ครอบครองมากมายละลายหลอม
ไม่ใฝ่สวมหน้ากากปากแปลกปลอม           ยอมให้ย้อมแค่ความรักจากหนึ่งใจ
บทกวีมากมายหลายร้อยบท                   มอบให้เจ้าทั้งเก้ารสหนึ่งสดใส
รอยยิ้มเธอมาย้อมหอมภายใน                   คำที่ใช่ คำคม ผมรักคุณ

แค่อยากให้หัวใจอยู่ใกล้รัก                     ใจพี่ล้าขอแวะพักหนุนตักอุ่น

รอยยิ้มเธอคือธารหวานผ่านละมุน             โลกยังหมุนให้ฉันเธอมาเจอกัน

พบกันทุกเช้าชื่นจะตื่นเช้า                      พบกันทุกเพลงเร้าเย้าผ่านฝัน
พบกันทุกมุกคำหอมรำพัน                        พบกันทุกวลีนั้นสนั่นใจ
๏ เปิดประตูบานเช้าเย้าและยิ้ม                  เปิดหน้าต่างโลกอิ่มอ้อนอ่อนใส
เปิดความรักที่มิรู้ฤดูใด                             เปิดคำหอม อบให้ อุ่นใจจัง

ฤดูหนาวคราวนี้มีของขวัญ                     ฤดูกาลผ่านผันฉันแอบหวัง
ฤดูฝันดาลให้กวีมีกำลัง                            ฤดูใดไหลหลั่งมาทั้งใจ

เปิดประตูยิ่งรู้ฤดูเช้า                              เปิดหน้าต่างแสงเจ้ากระจ่างใส
เปิดความหมายคำกวีล่วงความห่วงใย        เปิดความในคำหอมกล่อมดวงมาน

ถ้าบทกวีคลี่หัวใจให้เธอฉัน                    พบต้นฝัน ดอกเจ้าป่า ยาสมาน
สามสิ่งซึ่งเป็นหนึ่งนี้ดีแสนนาน                 ดอกรักบานสวยหวานในหัวใจเราฯ

..............................................(55.แสงแรก)..............................................

ส่งฉันทลักษณ์ผิดประเภท (ไม่ใช่โคลงสี่สุภาพ)

 

++++++++++++++

56.แสงแรก ประดับดิน

 

ละจอแก้วไปมองฟ้า:ฤาหัวใจจะไร้รัก (56.แสงแรก)

๏ เธอมีตัวตนหรือเปล่าเหล่าเพื่อนรัก                      หรือเพียงมาทายทักตามคำขอ
วันทรายเนียนเรียนรู้ครู่ที่รอ                                   คืนดาวละออทอถักจักรวาล
รู้จักใครในเนตสังเกตใคร่                                   เพียงสนใจเรื่องเดียวกันฉันท์วิศาล
ชอบบทกวีละอองคำฉ่ำอ้อยตาล                           ตลอดกาลหวานลื่นชื่นหทัย
มาเพิ่มพื้นที่ว่างเปล่าให้อวกาศ                           จิตนิราศแรมรอนร่อนสงสัย
เบาล่องโล่งเชื่อมโยงฝั้นอมรรตัย                            เกินวิจัยกว้างใหญ่เพื่อใครกัน
หากมีเพียงชาวเราเหล่ามนุษย์                            ท่ามกลางการชำรุดจุดแปรผัน
น่าเสียดายที่ว่างไร้ใหญ่อนันต์                               ดาวเหล่านั้นดวงไหนไร้คนพาล
กวีใจไม่แถเถือกไม่เลือกข้าง                               อยู่อ้างว้างไม่เครียดขึ้งไม่ถึงศาล
กวีแดงกวีเหลืองเคืองชั่วกาล                                 จักรวาลรู้สึกใดหรือไม่เลย
ฟ้าสีดำเหมือนกาแฟแก่จนขม                            ขาดน้ำตาลขาดนมขมหรือเฉย
กอบเก็บดาวแทนน้ำตาลหวานเหมือนเคย               ดื่มสังเวยแด่โลกหล้าจักราธร 

๏ ตะโกนก้องกู่ร้องเรื่อง “การเมืองโว้ย”                    แส้บ้าโบยซ้ำใจคุอุทาหรณ์

เจ้ารุกฆาตชิงชังหนังละคร                                    กรต่อกรหรืออาทรกันและกัน

ฤาหัวใจจะไร้รักสมัครสมาน                               เมืองยิ้มหวานมาโกรธเกลียดมาเหยียดหยัน

เพื่อนพี่น้องเมืองพุทธะอารยัน                               ทางออกนั้นอยู่ใกล้กาย “ในสายลม”

อยู่ในลมหายใจให้ลึกซึ้ง                                    เปลี่ยนดวงตาดื้อดึงถึงเหมาะสม

เปลี่ยนดวงใจมาเมตตามหาบรม                           เปลี่ยนสังคม ธัมมิกะประชาธิปไตย

พระโพธิสัตว์หายใจเพื่อคนอื่น                            ปลุกโลกตื่นจากทุกข์คุกศาสตร์ไสย

สร้างการเมืองโพธิสัตว์จัดเมืองไทย                        รำงับไภยเมืองพิสุทธ์ด้วยพุทธธรรมฯ

..............................................(56.แสงแรก)..............................................

ส่งฉันทลักษณ์ผิดประเภท (ไม่ใช่โคลงสี่สุภาพ)

 

 (มณีวาจ)

ฤากวีจะไร้รัก                            ฉันทลักษณ

จึงแต่ง กลอนประดัก-                  ประเดิดแท้

ฤาจะเสื่อมทรามอัก-                    ษรศาสตร์

ฤาจะแล้งปราชญ์แก้-                  วิกฤตผู้ดูแคลน

 ๏ ฤาผู้แทนจะไร้รัก                      เหล่าประชา

จึงคดโกงเพื่อหา                         ประโยชน์ไซร้

แบ่งพรรคแบ่งพวก พา-                ชนย่อย ยับเอย

ทุกหย่อมหญ้าหม่นไหม้                ไพร่ฟ้าหน้าดำ

 ๏ ฤา  งามขำ ไร้รัก                      จึงลา พี่ ฤา

ร้อน จิต นานเนิ่นหา                    เหือด ร้อน

อุ ระ ดั่งไฟ พา                            ระ อุ

ใจ เจ็บเจียร คล้ายฆ้อน                เคาะซ้ำกระหน่ำใจ 

ฤาไตรโลก รักแท้                      ภินท์พัง

มีแต่รัก ลวงหวัง-                        หลอกเน้อ

คิดคิดปวดหัวจัง                         จุกอก

ลองนั่งหลับตาเห้อ                      หยุดใช้สมอง

พระว่าความว่างเวิ้ง                  อลวน

คุมรูปรวมธาตุปน-                       ปะเข้า

สิ่งหนึ่งเกิดจึ่งดล                        สิ่งหนึ่ง เกิดเอย

อาสวะเป็นรากเหง้า                     แห่งห้วงสังสาร       

มีภพมีชาติพร้อม                      เพรียงไป

มีรักโลภหลงใน                           โลกแล้

มีทุกข์และสุข  ใจ-                      ยึดมั่น

แท้ทุกสิ่งไม่แท้                            เที่ยงแท้อนิจจัง

มณีวาจ

ริมฝั่งเจ้าพระยา : ปากน้ำโ

......................(57.มณีวาจ)...............................

(ส่งหลังวันที่ 15 ต.ค.52 เกินระยะเวลาที่กำหนด)

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



โคลงสี่สุภาพ 2552

ระดับอุดมศึกษาและประชาชนทั่วไป (โคลงสี่สุภาพ) : หัวข้อ “จินตนาการ”
ระดับอุดมศึกษาและประชาชนทั่วไป (โคลงสี่สุภาพ) : หัวข้อ “สุริยคราส”



bulletผลร้อยกรองออนไลน์ 2558
dot
ประกวดร้อยกรองออนไลน์ครั้งที่ 7
dot
bulletข้อมูลการประกวดครั้งที่ 7, 2557
bulletผังร้อยกรอง
bulletอ่านโคลงประกวด 2557
bulletอ่านกลอนประกวด 2557
bulletอ่านกาพย์ยานีประกวด 2557
bulletผลการประกวดร้อยกรอง ปี 2557
dot
ข่าวสาร ข้อมูลสมาคม
dot
bulletกรรมการสมาคมสมัยที่ ๑๕-๑๖
bulletนายกสมาคมสมัยที่ ๑๗
bulletติดต่อนายกสมาคมนักกลอน
bulletติดต่อฝ่ายดูแลส่วนต่างๆ
bulletสมัครสมาชิกสมาคมนักกลอน
bulletนักกลอนตัวอย่าง ๒๕๕๓
dot
หัวข้อน่าสนใจ
dot
bulletรวมลิ้งค์เว็บไซต์น่าสนใจ
bulletส่งบทสักวา น.ส.พ. สยามรัฐ
bulletวารสารวิทยาจารย์ รับต้นฉบับ
bulletส่งข้อเขียนครูในดวงใจ
dot
แนะนำหนังสือ
dot
bulletหน้ารวมหนังสือ
bulletคู่มือเรียนเขียนกลอน
bulletกาสรคำฉันท์ - สมคิด สิงสง
bulletหนังสือสุรินทร์สโมสร
bulletฝากโลกนี้ไว้ในหัวใจเธอ - กอนกูย
bulletเลือน - อติภพ
bulletธาร ธรรมโฆษณ์
bulletนายทิวา
bulletกลอนเกียรติยศ
bulletอ้อมกอดแห่งท้องทุ่ง
bulletทองแถม นาถจำนง
bulletพงศาวดารพิภพ
bulletโป๊ยเซียน คะนองฤทธิ์
dot
โครงการประกวดต่างๆ
dot
bulletนายอินทร์อะวอร์ด ๒๕๕๖
bulletประกวดรางวัลซีไรท์ปี ๒๕๕๖
bulletรางวัลพานแว่นฟ้า ปี ๒๕๕๖
bulletรางวัลวรรณกรรมรามคำแหง ๒๕๕๖
dot
ผลตัดสินรางวัลต่างๆ
dot
bulletรางวัลศรีบูรพา ๒๕๕๖
bulletผลรางวัลซีไรต์ ๒๕๕๗
bulletผลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ๒๕๕๗
bulletผลรางวัลแว่นแก้ว ๗ (๒๕๕๓)
bulletผลกลอนวิถีคนกับควาย
bulletผลร้อยกรอง “ผมจะเป็นคนดี”
bulletรางวัลนราธิป ๒๕๕๓
bulletนักเขียนอมตะ คนที่ ๖ (๒๕๕๕)
bulletนักเขียนรางวัลศรีบูรพา ๒๕๕๖
bulletศิลปินมรดกอีสาน ๒๕๕๔
bulletผลรางวัลพานแว่นฟ้า ๒๕๕๕
bulletผลรางวัลรามคำแหง ๒๕๕๖
bulletศิลปินแห่งชาติ ๒๕๕๕
bulletผลประกวดหนังสือ ชีวิตใหม่ 2
dot
ข่าวคราวของลมหายใจ
dot
dot
Weblink
dot
bulletอ่านกลอนประกวด 2556

หนังสือพิมพ์ คมชัดลึก
สมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย
ศูนย์ให้คำปรึกษาปัญหาภาษาไทย มศว
เว็บรวมกระทู้ อาศรมชาวโคลง ใน pantip.com
หนังสืออีศาน


Copyright © 2010 All Rights Reserved.
ติดต่อ นายกสมาคมนักกลอนแห่งประเทศไทย ทองแถม นาถจำนง
โทรศัพท์ ๐๘๙-๑๒๓๔๗๕๔ อีเมล์ tongtham.n@hotmail.com

สำนักพิมพ์แม่โพสพ